Skip to content
Home » [Update] THE DILIGENT GIRL AND LAZY GIRL | นิทานสอนเด็กเรื่อง “สาวน้อยผู้ขยันกับสาวน้อยผู้เกียจคร้าน” | ขี้ เกียจ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] THE DILIGENT GIRL AND LAZY GIRL | นิทานสอนเด็กเรื่อง “สาวน้อยผู้ขยันกับสาวน้อยผู้เกียจคร้าน” | ขี้ เกียจ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ขี้ เกียจ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

THE DILIGENT GIRL AND LAZY GIRL  | นิทานสอนเด็กเรื่อง “สาวน้อยผู้ขยันกับสาวน้อยผู้เกียจคร้าน”

สำหรับเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องสั้นสำหรับเด็กๆ นะครับ เป็นนิทานสอนเด็กเกี่ยวกับเด็กหญิงสองคน คนแรกเป็นคนขยันอีกคนเป็นคนเกียจคร้าน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามนะครับเด็กๆ
วัตถุประสงค์ที่ได้จากนิทาน
1. เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษของเด็กมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
2. ในนิทานได้สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมเพื่อที่จะปลูกฝังเด็กได้
3. ได้ความรู้ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถจำคำศัพท์และประโยคต่างๆ ได้
ในนิทานอาจจะมีศัพท์ยากอยู่บ้าง แต่ผมก็ได้แปลความหมายและได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้อย่างละเอียด หวังว่า จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการฝึกให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาภาษาอังกฤษในระดับสูงต่อไปได้ครับ


คำบรรยายภาษาอังกฤษและแปลเป็นไทย (โดย ติวเตอร์แบงค์) 

Tofu, what are you doing?

(โตฟุ, เธอกำลังทำอะไร)

Err…cleaning?

(เอิ่ม กำลังทำความสะอาด ครับ)

No, you are not!

(ไม่นิ เธอไม่ได้ทำ)

You’re just piling up the glasses and making a tower out of them.

(เธอแค่กำลังวางแก้วเป็นชั้นและแกล้งทำให้แก้วเป็นหอคอย)

Oh, okay…

(อ๋อ,คืออย่างนี้ครับ)

I don’t understand why we must do all the cleaning.

(ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องทำทุกอย่างให้สะอาดด้วย)

Oh dear! Stop being so lazy Tofu.

(โอ้ เด็กโง่! อย่าเป็นคนขี้เกียจแบบนั้นนะ โตฟุ)

I’m not being lazy.

(ผมไม่ได้เป็นคนขี้เกียจสักหน่อย)

I just think that it is not my job to be cleaning.

(ผมแค่คิดว่า นั่นไม่ใช่งานของผมที่จะต้องทำความสะอาด)

I don’t want to get dirty again.

(ผมไม่อยากที่จะได้รับสกปรกอีก)

you know

(เธอรู้ไหม)

you sound like the lazy girl.

(เธอดูเหมือนสาวน้อยผู้เกียจคร้าน)

The who?

(ใครครับ)

Once upon a time

(กาลครั้งหนึ่ง)

there lived an old couple.

(นานมาแล้วมีสองตา-ยายคู่หนึ่ง)

They had two daughters

(พวกเขามีลูกสาวสองคน)

one each from their previous marriages.

(ลูกแต่ละคนเกิดจากการสมรสในอดีตของพวกเขา)

But the woman behaved terribly with her husband’s daughter.

(แต่ว่าผู้หญิง(ผู้เป็นแม่)นั้นมีนิสัยใจร้ายกับลูกสาวของสามีหล่อน)

One day she threw her out of the house.

(วันหนึ่งหล่อนได้ไล่ลูกสาวของสามีหล่อนออกจากบ้าน)

Get out of this house.

(ออกไปจากบ้านนี้ซะ)

Go find a wealthy man and find some work in his house.

(ออกไปหาผู้ชายรวยๆ และหางานทำในบ้านของเขา)

Don’t come back till you have earned some money!

(อย่ากลับมาจนกว่าเธอได้หาเงินจำนวนหนึ่งมา)

And so, the girl took off.

(และด้วยเหตุนั้น หญิงสาวก็ได้ออกจากบ้านไป)

As she walked

(ขณะที่หล่อนเดิน)

she came upon an old dried tree.

(หล่อนได้พบกับต้นไม้เหี่ยวเฉาแก่ๆ ต้นหนึ่ง)

Girl, where are you going?

(สาวน้อย เธอกำลังจะไปไหน)

I’m going to look for a wealthy house to work in and earn some money.

(ฉันจะไปหาบ้านคนมีฐานะเพื่อขอทำงานและหาเงินสักก้อน)

Okay

(อ๋อ เข้าใจหล่ะ)

But before you go, can you please take off the dried twigs from me?

(แต่ก่อนที่เธอจะไป เธอช่วยเอากิ่งไม้แห้งๆ ออกจากตัวฉันหน่อยได้ไหม )

The girl agreed and spent a long time carefully cleaning the tree of its dried sticks and twigs.

(สาวน้อยตอบตกลง และใช้เวลานานในการขจัดกิ่งและก้านไม้แห้งออกให้อย่างระมัดระวัง)

Once she was done

(เมื่อหล่อนทำเสร็จ)

she continued her journey.

(หล่อนก็ได้เดินทางต่อไป)

As she walked on

(ขณะที่หล่อนเดินอยู่นั้น)

she came upon a vineyard.

(หล่อนบังเอิญพบกับไร่องุ่น)

An old wine called out to her.

(ต้นองุ่นแก่ๆ ต้นหนึ่งได้ร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ )

Girl, where are you going?

(สาวน้อย เธอกำลังจะไปไหน)

Can you help me?

(เธอสามารถช่วยฉันหน่อยได้ไหม)

I’m going to look for a wealthy house to work in and earn some money.

(ฉันจะไปหาบ้านคนมีฐานะเพื่อขอทำงานและหาเงินสักก้อน)

But yes, I surely can help you before I go.

(แต่ ยินดีค่ะ ฉันมั่นใจว่าจะช่วยคุณได้ก่อนที่ฉันจะไป)

She carefully cleaned the vineyard  and helped the old vine.

(หล่อนได้ทำความสะอาดไร่องุ่น และช่วยเหลือต้นองุ่นแก่ๆ นั้น)

Once she was done, she continued her journey.

(เมื่อหล่อนทำเสร็จ หล่อนก็ได้เดินทางต่อไป)

As she walked on

(ขณะที่หล่อนได้เดินมุ่งหน้าต่อไปนั้น)

she saw a broken mud oven.

(หล่อนได้พบกับเตาอบโคลนที่ผุพัง)

Young girl…

(สาวน้อย)

what are you doing here?

(เธอกำลังอะไรที่นี่)

I am on my way for work and earn some money.

(ฉันอยู่ระหว่างเดินทางไปหางานทำและหาเงินสักก้อน)

Before you go

(ก่อนเธอจะไป)

will you help me.

(เธอจะช่วยเหลือฉันหน่อยได้ไหม)

The girl agreed and set to work.

(สาวน้อยตอบตกลงและเริ่มช่วยงานด้วยความกระตือรือร้น)

She cleaned the area around the oven got some mud ready and fixed the oven as good as new.

(หล่อนได้ทำความสะอาดรอบๆ เตาอบ ทำให้โคลนดูเรียบร้อยและซ่อมแซมเตาอบให้ดีเหมือนใหม่)

As she did that

(ขณะที่หล่อนได้ทำนั้น)

she got mud and dirt all over her

(หล่อนได้เปื้อนโคลนและสกปรกไปทั้งตัว)

but she didn’t mind.

(แต่หล่อนก็ไม่ได้รังเกียจ)

Once she was done

(เมื่อหล่อนทำเสร็จ)

she set on her way.

(หล่อนก็เริ่มมุ่งหน้าไปตามทางของเธอ)

As she walked

(ขณะที่หล่อนเดิน)

she came upon an old well.

(หล่อนบังเอิญได้พบกับบ่อน้ำเก่าๆ)

The well called out to her.

(บ่อน้ำได้ร้องขอให้เธอช่วยบางอย่าง)

Hello, girl.

(สวัสดี สาวน้อย)

Where are you going?

(เธอกำลังจะไปไหน)

I’m going in search for work.

(ฉันจะไปหางานทำ)

Work, is it.

(งานทำ จริงหรือ)

Okay.

(ถ้าอย่างงั้น)

Before you go. can you please take out my water and clean me up?

(ก่อนเธอไป เธอช่วยตักน้ำในบ่อของฉันและช่วยทำความสะอาดฉันหน่อยได้ไหม)

The girl happily agreed.

(สาวน้อยตอบตกลงด้วยความเต็มใจ)

She tirelessly emptied the well and cleaned it.

(หล่อนได้ตักน้ำในบ่อจนหมดโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและทำความสะอาดบ่อน้ำ)

Once she was done

(เมื่อหล่อนทำเสร็จ)

she went back on the road.

(หล่อนได้เดินทางต่อไป)

As she walked

(ขณะที่หล่อนเดิน)

a dirty little dog approached her.

(สุนัขตัวเล็กที่สกปรกตัวหนึ่ง มุ่งมาที่เธอ)

Help! Can you please help me

(ช่วยด้วย! คุณโปรดช่วยฉันหน่อยได้ไหม)

I’m very dirty…

(ฉันสกปรกมาก)

will you give me a bath? please

(คุณช่วยอาบน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหม ได้โปรด)

Yes, why not!

(ได้สิ ทำไมจะไม่ได้)

The girl washed the dog and patiently cut its hair.

(สาวน้อยได้ทำความสะอาดให้สุนัขและตัดขนให้มันอย่างทะนุถนอม)

Then, she went ahead in search of work.

(จากนั้น หล่อนก็ได้เดินทางมุ่งหางานต่อไป)

As she walked

(ขณะที่หล่อนเดิน)

she came upon a beautiful house.

(หล่อนบังเอิญพบกับบ้านหลังสวยงามหลังหนึ่ง)

It belonged to the fairies.

(เจ้าของบ้านเป็นเหล่านางฟ้า)

She went inside.

(หล่อนได้เข้าไปข้างใน)

I need a place to stay for the night.

(ฉันอยากจะได้ที่พักสำหรับคืนนี้)

Can I please stay here?

(คุณจะกรุณาให้ฉันพักที่นี่ได้ไหม)

I will leave in the morning.

(ฉันจะจากไปเมื่อถึงเช้า)

Where are you going?

(เธอจะไปที่ไหน)

I’m going in search of work.

(ฉันกำลังจะหางานทำ)

If you want to work

(ถ้าเธอต้องการทำงาน)

then you can work here for a year.

(ถ้างั้น เธอสามารถทำงานที่นี่ได้ 1 ปี)

You can keep our house clean.

(เธอสามารถดูแลบ้านพวกเราสะอาดได้)

It has seven rooms

(มีห้อง 7 ห้องด้วยกัน)

you will have to clean six of them.

(เธอจะต้องทำความสะอาด 6 ห้อง)

But you must never enter the seventh one.

(แต่เธอต้องไม่เข้าไปในห้องที่ 7)

The girl agreed.

(สาวน้อยตอบตกลง)

For a whole year she worked in the fairies’ home and did exactly as they told.

(เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่หล่อนได้ทำงานในบ้านเหล่านางฟ้า และหล่อนได้ทำตามที่พวกเขาบอกจริงๆ)

At the end of the year, she wanted to go home.

(เมื่อถึงสิ้นปี หล่อนอยากจะกลับบ้าน)

I want to go back to my village to my parents’ house.

(ฉันอยากจะกลับไปยังหมู่บ้านเพื่อไปที่บ้านพ่อ-แม่ ของฉัน)

Okay. But first follow me.

(ตกลง แต่สิ่งแรก โปรดตามฉันมา)

She took her to a room full of silver and gold coins.

(หล่อนได้นำสาวน้อยไปยังห้องที่เต็มไปด้วยเหรียญทองและเหรียญเงิน)

You should sleep here

(เธอควรนอนหลับที่นี่)

on these silver and gold coins.

(บนกองเหรียญทองและเหรียญเงินเหล่านี้)

The coins that get stuck on you will belong to you and you can take them with you.

(เหรียญที่ติดบนตัวเธอ ก็จะเป็นของเธอ และเธอสามารถนำเหรียญเหล่านั้นไปได้)

The girl did as told.

(สาวน้อยได้ทำตามที่นางฟ้าบอก)

She spent the night sleeping over the coins.

(เธอได้ใช้เวลานอนค้างคืนบนกองเหรียญนั้น)

Many gold and silver coins got stuck to her body.

(เหรียญทองและเหรียญเงินจำนวนมาก ติดบนร่างกายของเธอ)

When morning came,she said her goodbyes and left for her home.

(เมื่อถึงเช้า หล่อนได้กล่าวอำลาและออกเดินทางกลับบ้านของเธอ)

As she was walking, the little dog that she had helped came to her.

(ขณะที่หล่อนกำลังเดินอยู่ สุนัขตัวเล็กที่เธอได้ช่วยเหลือมุ่งมาที่เธอ)

Come on with me,come, come with me!

(ตามฉันมา มา ตามฉันมา!)

The girl went with it.

(สาวน้อยได้เดินตามสุนัขไป)

The dog took her to place with piles of diamonds and pearls.

(สุนัขตัวนั้นได้นำหล่อนไปยังสถานที่ ซึ่งเต็มไปด้วยกองเพชรและไข่มุก)

Take as much as you want.

(เอาไปเลยเท่าที่เธอต้องการ)

The girl took as much as she wanted and left.

(สาวน้อยได้หยิบไปเท่าที่หล่อนต้องการและจากไป)

As she walked

(ขณะที่หล่อนเดิน)

she reached the well that she had cleaned.

(หล่อนได้มาถึงบ่อน้ำที่หล่อนได้ทำความสะอาด)

Come, girl.

(มาสิ สาวน้อย)

You must be thirsty

(เธอต้องกระหายน้ำอยู่)

Have some of my water.

(มาดื่มน้ำจากบ่อของฉัน)

Thank you very much

(ขอบคุณมากค่ะ)

I am very thirsty.

(ฉันกระหายน้ำมาก)

The girl satisfied her thirst and walked on.

(สาวน้อยได้ดื่มน้ำแก้กระหายจนพอใจ และได้เดินมุ่งหน้าต่อ)

She reached the mud oven that she had fixed.

(หล่อนได้มาถึงเตาอบโคลนที่หล่อนได้เคยซ่อมแซม)

She saw many delicious foods there.

(หล่อนได้พบกับอาหารอร่อยที่นั่น)

The oven offered her to eat whatever she wanted.

(เตาอบนั้นเสนอให้หล่อนรับประทานอะไรก็ได้เท่าที่หล่อนต้องการ)

She ate some and packed some for the rest of her journey.

(หล่อนได้รับประทานและได้ห่ออาหารบางส่วนสำหรับการเดินทางที่เหลือ)

She walked on ahead.

(หล่อนได้เดินมุ่งหน้าต่อ)

Then she reached the vineyard.

(แล้วหล่อนได้มาถึงไร่องุ่น)

Dear girl! Come

(สาวน้อยผู้น่ารัก! มาสิ)

have some wine.

(มาดื่มไวน์)

The girl, drank some delicious wine and walked on towards her home.

(สาวน้อย ได้ดื่มไวน์รสชาติดี และเดินทางต่อมุ่งหน้าไปที่บ้านของหล่อน)

She now came upon the tree.

(ตอนนี้ หล่อนบังเอิญได้มาพบกับต้นไม้)

It was full of delicious fruits.

(ที่เต็มไปด้วยผลไม้อันอร่อย)

Hello again, dear girl.

(สวัสดีอีกครั้ง สาวน้อยผู้น่ารัก)

Here, you can take as much fruit as you want.

(นี่ไง เธอสามารถนำผลไม้ไปได้เท่าที่เธอต้องการ)

The girl ate some delicious fruits and packed some to take home with her.

(สาวน้อยได้รับประทานผลไม้อันอร่อยและได้ห่อบางส่วนนำกลับบ้านไปกับหล่อนด้วย)

Then she got on her way again.

(แล้วหล่อนก็ได้เดินทางต่ออีกครั้ง)

Soon she reached home.

(ในไม่ช้า หล่อนได้มาถึงบ้าน)

The house rooster saw her coming and called out.

(ไก่ตัวผู้ที่เฝ้าบ้านได้เห็นหล่อนกำลังมาและส่งเสียงร้อง)

The mistress is home Look

(นายผู้หญิงกลับมาอยู่ที่บ้าน ดูสิ)

how much golden gems she’s brought with her!

(หล่อนนำอัญมณีทองคำมามากเท่าไรกันนั่น!)

This made the mother very angry.

(เรื่องนี้สร้างความโกรธให้แม่เป็นอย่างมาก)

What nonsense!

(เรื่องเหลวไหล!)

This is nothing.

(ไม่เห็นมีอะไร)

Now wait and see how much my daughter will earn.

(เดี๋ยวคอยดูนะว่า ลูกสาวของฉันจะหาเงินได้มากแค่ไหน)

The mother now sent her own daughter to find work and earn a lot of money.

(ทันทีนั้น ผู้เป็นแม่ก็ได้ส่งลูกสาวของตัวเองเพื่อไปหางานและเพื่อหาเงินมาให้ได้จำนวนมาก)

The girl started her journey

(สาวน้อยคนนั้นก็ได้ออกเดินทาง)

and soon came upon the tree which was once again dry.

(และไม่ช้าก็ได้พบกับต้นไม้ซึ่งได้แห้งเหี่ยวต้นนั้นอีกครั้ง)

Girl, where are you going?

(สาวน้อย เธอกำลังจะไปไหน)

I’m going to look for a wealthy house to work in and earn some money.

(ฉันกำลังจะไปหาบ้านเศรษฐีเพื่อเข้าไปทำงานและหาเงินสักก้อน)

Okay. But before you go

(อ๋อ แต่ก่อนที่เธอจะไป)

can you please take off the dried twigs from me?

(เธอสามารถช่วยฉันนำกิ่งไม้แห้งออกจากฉันหน่อยได้ไหม)

No! I don’t want to spoil my soft pretty hands picking the dry sticks off you.

(ไม่! ฉันไม่อยากให้มือสวยๆอันนุ่มของฉันมาพังกับการเด็ดกิ่งไม้แห้งออกจากคุณหรอก)

The girl walked on and came upon the vineyard.

(สาวน้อยคนนั้นเดินหน้าต่อ และได้มาพบกับไร่องุ่น)

The old wine called out to her.

(ต้นองุ่นแก่ๆ ได้ร้องเรียกมาที่หล่อน)

Girl, where are you going?

(สาวน้อย เธอกำลังจะไปไหน)

Can you help me?

(เธอสามารถช่วยฉันหน่อยได้ไหม)

I have to go find work and earn money.

(ฉันต้องออกไปหางานและหาเงิน)

I have no time to help you.

(ฉันไม่มีเวลาที่จะช่วยเหลือคุณ)

The girl once again went on her way till she came upon the broken mud oven.

(เช่นเคย สาวน้อยก็เดินตามทางของเธอจนกระทั่งหล่อนมาพบกับเตาอบโคลนที่ผุพัง)

Dear girl!

(สาวน้อยผู้น่ารัก!)

Can you please help me?

(เธอโปรดช่วยฉันหน่อยได้ไหม)

I don’t want to get dirty in the mud.

(ฉันไม่อยากติดสกปรกในโคลน)

I can’t help you.

(ฉันช่วยคุณไม่ได้)

And again, the girl refused to help and moved on.

(และเช่นเคย สาวน้อยคนนั้นได้ปฏิเสธที่จะช่วยและมุ่งหน้าเดินต่อไป)

She now approached the well.

(ถึงตอนนี้ หล่อนได้ตรงมาที่บ่อน้ำ)

I need help! Can you please clean me?

(ช่วยฉันหน่อย! เธอสามารถทำความสะอาดฉันหน่อยได้ไหม ได้โปรด)

I have to go and fine work.

(ฉันต้องไปและหางาน)

Cleaning you will tire me

(ทำความสะอาดคุณจะทำให้ฉันเหนื่อย)

and I don’t want to get tired.

(และฉันไม่อยากจะเหนื่อย)

The girl hurried away from the well.

(สาวน้อยรีบเดินออกจากบ่อน้ำอย่างเริ่งรีบ)

As she did so, the little dirty dog approached her.

(หล่อนทำเหมือนเดิม สุนัขสกปรกตัวน้อยได้มุ่งมาที่เธอ)

I’ve become so dirty.

(ฉันได้รับสกปรกมาก)

Can you please give me a bath and do something about my hair? please

(เธอโปรดช่วยอาบน้ำให้ฉันและทำขนให้ฉันหน่อยได้ไหม)

Ah! No!

(เอ้ย! ไม่!)

if touch you, I will also become dirty!

(ถ้าฉันสัมผัสคุณ ฉันก็จะสกปรกไปด้วย!)

Look at all those flies in your hair.

(มองดูสิ แมลงพวกนั้นบนขนคุณเต็มไปหมด)

And so, the girl ignored the dog’s plea and went on her way.

(และก็ทำเหมือนเดิม สาวน้อยไม่สนใจคำขอร้องของสุนัข และก็ไปตามทางของเธอ)

After some time, she came upon the fairies’ house.

(หลังจากนั้นไม่นาน หล่อนก็ได้มาถึงบ้านเหล่านางฟ้า)

She went in.

(หล่อนเข้าไปข้างใน)

I need a place to stay for the night.

(ฉันอยากจะได้ที่พักสำหรับคืนนี้)

Can I stay here?

(ฉันจะพักที่นี่ได้ไหม)

Where are you going?

(คุณจะไปไหน)

I’m going in search of work.

(ฉันกำลังหางานทำ)

If you want, you can work here for a year.

(ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถทำงานที่นี่ได้ 1 ปี)

There are seven rooms in this house

(มีห้อง 7 ห้องในบ้านหลังนี้)

you will have to clean six of them.

(คุณจะต้องทำความสะอาด 6 ห้อง)

And you must never, never enter the seventh room.

(และห้ามคุณ ห้ามคุณเข้าไปห้องที่ 7)

The girl agreed and started working for the fairies.

(สาวน้องตอบตกลง และเริ่มทำงานที่บ้านเหล่านางฟ้า)

For a few days,she did as told

(ช่วงไม่กี่วัน หล่อนก็ได้ทำตามที่เขาบอก)

but one day she decided to sneak into the seventh room.

(แต่มาวันหนึ่ง หล่อนตัดสินใจแอบเข้าไปในห้องที่ 7)

The room was dark,but she went in anyway.

(ห้องนั้นมืด แต่หล่อนก็เข้าไปจนได้)

As soon as she entered it,the door closed behind her

(ทันทีที่หล่อนได้เข้าไปในห้อง ประตูหลังเธอก็ถูกปิด)

and bugs and insects of a variety attacked and bit her everywhere.

(และแมงและแมลงหลายชนิดได้รุมกัดและต่อยหล่อนไปทั่ว)

She ran out of the room hurt and bleeding.

(หล่อนวิ่งออกจากห้องด้วยความเจ็บปวดและเลือดไหล)

I told you never to enter the seventh room.

(ฉันได้บอกเธอแล้วว่าอย่าเข้าไปในห้องที่ 7)

I will not stay here another moment.

(ฉนจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว)

I am leaving.

(ฉันจะกลับหล่ะ)

The girl took to the road running.

(สาวน้อยได้วิ่งออกเดินทาง)

Her hair dirty, hands, legs and face bleeding and bruised.

(ผมหล่อนสกปรก มือ ขา และใบหน้ามีเลือดไหลและมีแผลฟกช้ำ

She came upon the little dog and asked for help.

(หล่อนได้เดินมาถึงสุนัขตัวน้อยและได้ร้องขอความช่วยเหลือ)

Please help me.

(โปรดช่วยฉันที)

you never helped me

(เธอไม่เคยช่วยฉัน)

why should I help you now?

(ทำไมฉันควรจะช่วยคุณตอนนี้)

The dog barked at her and chased her away.

(สุนัขตัวนั้นเห่าไปที่หล่อนและไล่หล่อนไป)

She ran till she reached the old well.

(หล่อนได้วิ่งกระทั่งหล่อนได้มาถึงสระน้ำเก่าๆ)

She was thirsty with all the running

(หล่อนกระหายน้ำจากการวิ่งมาตลอดทาง)

she quickly tried to reach in for a cup of water.

(หล่อนพยายามคว้าถ้วยกินน้ำ)

But the well took away all its waters.

(แต่ว่าบ่อน้ำก็ได้เอาน้ำออกไปหมด)

when I asked you for help, you refused.

(ยามที่ฉันขอความช่วยเหลือเธอ แล้วเธอปฏิเสธ)

I cannot help you now.

(ฉันจะไม่ช่วยเธอตอนนี้)

go away

(ไปให้พ้น)

Disappointed, the girl went back on the road.

(ด้วยความผิดหวัง สาวน้อยก็ได้มุ่งหน้าเดินทางต่อไป)

She kept walking on till she saw the mud oven.

(หล่อนได้เดินต่อเนื่องจนกระทั่งพบเตาอบโคลน)

Delicious and tempting foods lay on the over.

(อาหารที่ชวนรับประทานและอร่อยวางอยู่บนเตาอบ)

Hungry, the girl reached out to one of the pies to eat it.

(หิว สาวน้อยได้คว้าอาหารชิ้นหนึ่งเพื่อจะกิน)

But the oven started throwing flames out

(แต่เตาอบก็ปล่อยเปลวไฟออกมา)

and the girl couldn’t reach the food.

(และสาวน้อยไม่สามารถคว้าอาหารนั้นได้)

You refused to help me

(เธอได้ปฏิเสธช่วยฉัน)

when I needed your help.

(ยามฉันต้องการช่วยเหลือจากเธอ)

I will not help you now.

(ฉันจะไม่ช่วยเธอ ยามนี้)

Go away.

(ไปให้พ้น)

The girl continued her journey home.

(สาวน้อยได้เดินทางเพื่อกลับไปยังบ้านต่อ)

She was very thirsty

(หล่อนกระหายน้ำมาก)

hungry and tired.

(หิวและเหนื่อย)

She reached the vineyard.

(หล่อนได้มาถึงไร่องุ่น)

Hoping she will get some wine

(ด้วยความหวังว่าหล่อนจะได้ดื่มไวน์)

she reached out.

(หล่อนได้เอื่อมไปหยิบ)

But the old vine did not let her touch anything.

(แต่ต้นองุ่นไม่อนุญาตให้หล่อนจับอะไรได้เลย)

The girl was forced to leave the vineyard and go on.

(สาวน้อยต้องฝืนออกจากไร่องุ่นและเดินทางต่อ)

She now reached the tree.

(ทีนี้ หล่อนได้มาถึงต้นไม้)

It was full of delicious yummy fruits.

(เต็มไปด้วยผลไม้น่ากินอร่อย)

She tried to pluck one.

(หล่อนพยายามดึงมาหนึ่งผล)

Hold it!

(หยุดนะ!)

You didn’t want to spoil your hands

(เธอคงไม่อยากให้มือของเธอบอบช้ำ)

when I needed your help.

(ในยามที่ฉันได้ขอความช่วยเหลือจากเธอ)

You cannot have any of my fruits now.

(ถึงตอนนี้ เธอห้ามกินผลไม้ใดๆของฉัน)

go away

(ไปให้พ้น)

The girl walked to her home.

(สาวน้อยได้เดินไปยังบ้านของหล่อน)

As she approached the house

(เมื่อหล่อนได้ถึงที่บ้าน)

the rooster saw her.

(ไก่เฝ้าบ้านเห็นหล่อน)

the mistress has come home covered in blood and dirt.

(นายผู้หญิงได้กลับมาบ้านเต็มไปด้วยเลือดและสกปรก)

What! How is that possible?

(อะไรนะ! มันจะเป็นไปได้ยังไงกันรึ)

The woman saw her beloved daughter in her poor state.

(ผู้หญิงคนนั้น(แม่) เห็นลูกสาวอันเป็นที่รักของหล่อนในสภาพที่แย่ของลูกสาว)

She turned to her husband.

(หล่อนได้หันไปยังสามีของหล่อน)

I agree, my daughter didn’t earn any money.

(ฉันเข้าใจหล่ะ ลูกสาวของฉันหาเงินไม่ได้เลย)

Your daughter earned everything.

(ลูกสาวของคุณหามาได้ทุกสิ่ง)

But the man was so upset with the woman’s terrible behaviour towards his daughter)

(แต่ว่า ผู้ชายคนนั้น(สามีหล่อน)รู้สึกไม่พอใจกับนิสัยที่ใจร้ายของผู้หญิงคนนั้นต่อลูกสาวของเขา) 

that he threw her and her lazy daughter out of his house!

(ดังนั้น เขาได้ไล่หล่อนและลูกสาวของหล่อนออกไปจากบ้านของเขา)

Hmmm…. I get a feeling that being lazy can be fun for now but bad for later.

(อืม ฉันเข้าใจถึงความรู้สึกการเป็นคนเกียจคร้าน อาจจะสนุกตอนนี้แต่ลำบากในภายหลัง)

I wonder what made you change your mind, Tofu

(ฉันอยากรู้ว่าเธอจะเปลี่ยนใจได้นะ โตฟุ)

Well…let’s just say…all this work around here!

(อ๋อครับ เราแค่พูดว่า…. งานทั้งหมดนี้ประมาณนี้!

———————————————————-

■■■ หมายเหตุจากติวเตอร์แบงค์ ■■■

เป็นยังไงกันบ้างครับเด็กๆ สำหรับนิทานเรื่องนี้ สองสามีภรรยานั้นต่างคนต่างมีลูกติดมา ฝ่ายภรรยาย่อมไม่ชอบหน้าลูกสาวสามีเป็นธรรมดา เรื่องนี้ มีศัพท์ที่น่าสนใจมากมาก โดยเฉพาะกริยาวลีหรือ phrasal verb ซึ่งอาจจะยากสำหรับเด็กๆ ที่จะเข้าใจได้ ผู้ประพันธ์ได้ใช้คำหลายแบบ เช่น คำที่มีความหมายเดียวกันและเขียนได้หลายแบบ นอกจากนี้ในบทเรียนนี้ถึงแม้เป็นการเล่าเรื่อง แต่มีโครงสร้างเรื่อง Tense ปะปนอยู่หลายโครงสร้าง ทั้ง past tense, present tense และ future tense ยังมีสำนวนกริยาอีกมากมายซึ่งผมเองคงมีเวลาไม่พอที่จะอธิบายแต่ละสำนวนอย่างละเอียดได้ สำหรับการแปลนั้นยังคงโครงสร้างตามไวยากรณ์ไว้ก่อน อาจจะอ่านดูขัดๆไปบ้าง เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าใจความหมายประโยคต่อประโยค  หากพบข้อผิดพลาดหรือคำแนะนำจุดไหนโปรดแจ้งมานะครับ เพราะผมไม่ค่อยถนัดแปลนิทาน ส่วนใหญ่จะแปลแต่บทความทางวิชาการ

สำหรับเรื่องนี้เป็นนิทานเรื่องสั้นสำหรับเด็กๆ นะครับ เป็นนิทานสอนเด็กเกี่ยวกับเด็กหญิงสองคน คนแรกเป็นคนขยันอีกคนเป็นคนเกียจคร้าน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามนะครับเด็กๆ1. เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษของเด็กมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น2. ในนิทานได้สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมเพื่อที่จะปลูกฝังเด็กได้3. ได้ความรู้ในการเรียนภาษาอังกฤษ สามารถจำคำศัพท์และประโยคต่างๆ ได้ในนิทานอาจจะมีศัพท์ยากอยู่บ้าง แต่ผมก็ได้แปลความหมายและได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้อย่างละเอียด หวังว่า จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการฝึกให้เด็กเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อก้าวสู่การพัฒนาภาษาอังกฤษในระดับสูงต่อไปได้ครับ

[Update] 100 สำนวนภาษาอังกฤษ ที่ชอบออกข้อสอบ GAT – พร้อมคำแปล | ขี้ เกียจ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

เทคนิคดีๆ สำหรับการเตรียมตัวทำข้อสอบ GAT วิชาภาษาอังกฤษ 1. รู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะๆ ยิ่งได้เปรียบ 2. หัดแปลประโยคสั้นๆ ในข้อสอบให้ออก 3. อ่านบทความภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง 4. ขยัน! ไม่ขี้เกียจ ทำได้ทุกแนวข้อสอบ ฝึกฝนตัวเองด้วย 100 สำนวนภาษาอังกฤษ

100 สำนวนภาษาอังกฤษ ที่ชอบออกข้อสอบ GAT

1. I have nothing to do all day. I’m bored to death. : ฉันไม่มีอะไรทำทั้งวันเลยฉันเบื่อมาก

2. Son: Mom, I won the singing contest at school. : ลูกชาย: แม่ๆ ผมชนะการประกวดร้องเพลงที่โรงเรียน
Mom: You’ve got to be kidding. You sing terribly. : แม่: เธอต้องล้อเล่นแน่ๆเลยเธอร้องเพลงได้แย่มากนะ

3. I am getting sick and tired of Japanese food. : ฉันเบื่อหน่ายกับอาหารญี่ปุ่น (กินมาทั้งอาทิตย์จนเบื่อ)

4. It’s nine o’clock now. Let’s call it a day. : ตอนนี้ 3 ทุ่มแล้ว เลิกงานกลับบ้านกันเถอะ

5. Please stop singing. It’s getting on my nerves. : กรุณาหยุดร้องเพลงเถอะ มันรบกวนฉันมาก

6. You have a big fat belly because you are a couch potato. : คุณมีพุง (หน้าท้อง) ที่ใหญ่มากเพราะคุณมัวแต่ดูทีวี (บนโซฟา ไม่ทำอย่างอื่นเลย)

7. You read my mind. I was going to say that. : คุณรู้ใจฉันเลย (เหมือนอ่านใจฉันได้) ฉันกำลังจะพูดมันเลย

8. Whenever I feel blue, I like to watch comedy shows. : เมื่อไรก็ตามที่ฉันรู้สึกเศร้า ฉันชอบดูรายการตลก

9. My sister was involved in a small accident. It was just a fender-bender. : น้องสาวของฉันได้รับอุบัติเหตุเล็กน้อย แต่มันก็แค่เล็กๆน้อยๆ

10. Can you help my sister to get her foot in the door? : คุณช่วยน้องสาวฉันให้ผ่านขั้นแรกไปหน่อยนะ

11. Come on, let’s go. Don’t be a chicken. :  เอาน่าไปกันเถอะ อย่าขี้ขลาดไปเลย (อย่าปอดแหกน่า)

12. Stop giving yourself a hard time. : หยุดสร้างความลำบากให้กับตัวเองเลย

13. Make up your mind, please. : กรุณาตัดสินใจด้วย

14. He didn’t pay for me, so we ended up going Dutch on the first date. :  เขาไม่ได้เลี้ยงฉันนะ เราจึงลงท้ายด้วยการจ่ายคนละครึ่งในวันเดทครั้งแรก

15. I don’t think I can win, so I’ll throw in the towel. : ฉันไม่คิดว่าฉันจะชนะดังนั้นฉันจะยอมแพ้ (ยกธงขาวเลย)

16. I never get goose bumps when I see a horror movie. : ฉันไม่เคยขนลุก ตอนฉันดูหนังสยองขวัญเลย

17. Promise me that we will stay in touch. : สัญญากับฉันนะ ว่าพวกเราจะไม่ขาดการติดต่อกัน

18. He doesn’t have the guts to say “NO” to his wife. : เขาไม่มีความกล้าพอที่จะปฏิเสธภรรยาเขา

19. Rain or shine, we are going camping tomorrow. : ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น (ฝนจะตกหรือแดดจะออก) พวกเราจะไปตั้งแคมป์พรุ่งนี้

20. Finding a good job is easier said than done. : การหางานที่ดีนั้นพูดง่ายแต่ทำยาก

21. It’s about time you took responsibility. : ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรับผิดชอบสักที (คือไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย)

22. Don’t jump to conclusions. Wait until you know everything. : อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ รอจนกระทั่งคุณรู้ทุกอย่างก่อน

23. Please keep an eye on my son while I go to the bathroom. : กรุณาจับตาดูลูกชายฉันให้หน่อย ในขณะที่ฉันไปเข้าห้องน้ำ

24. He broke up with me, just out of the blue! : จู่ๆ เขาก็บอกเลิกกับฉัน โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย

25. Why don’t you ask your sister? She knows it inside out. : ทำไมคุณไม่ถามพี่สาวของคุณล่ะ หล่อนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมันเลย

26. Can you give me a hand putting away these toys? : คุณช่วยฉันเก็บของเล่นเหล่านี้หน่อยได้ไหม

27. I go on vacation with my family every now and then. : ฉันไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวของฉันเป็นครั้งเป็นคราว

28. This washing machine is out of order. : เครื่องซักผ้าอันนี้เสีย ใช้การไม่ได้

29. See you at 10 o’clock on the dot. : เจอกัน 10 โมงเป๊ะนะ

30. I hope he can do it. I’m keeping my fingers crossed. : ฉันหวังว่าเขาสามารถทำมันได้ ฉันภาวนาให้มีข่าวดี

กาแฟ คำศัพท์ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม เครื่องดื่ม เรียนภาษาอังกฤษ

31. Her singing ability is out of this world. : ความสามารถในการร้องเพลงของหล่อนยอดเยี่ยมมากๆ เหมือนไม่ได้มาจากโลกนี้เลย

32. I am afraid that I can’t help you. It’s way over my head.  : ฉันเกรงว่าฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ มันยากเกินกว่าที่ฉันจะทำได้จริงๆ

33. I have to deal with traffic every day. It was a total pain in the ass. : ฉันต้องจัดการกับปัญหารถติดทุกวัน มันเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดน่ารำคาญมากๆ

34. It’s not difficult at all, it’s really a piece of cake. : มันไม่ยากเลยนะ มันง่ายมากจริงๆ

35. You’re going to fall in love with me sooner or later. : คุณจะต้องตกหลุมรักฉันไม่ช้าก็เร็ว

36. I was just pulling your leg. : ฉันเพิ่งล้อคุณเล่นเฉยๆ นะ

37. If I put myself in your place, I would do the same thing. : ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน

38. I’ve had nothing but a glass of milk all day. I’m so hungry that I could eat a horse right now. :
วันนี้ทั้งวันฉันไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากนมแก้วหนึ่ง ตอนนี้ฉันหิวมากซะจนกินม้าได้ทั้งตัวเลย

39. Reading between the lines, I think he loves you. : ดูจากสิ่งที่เขาทำแล้ว ฉันพอจะเดาออกเขาชอบเธอนะ

40. Her face rings a bell. Have you known her?  : หน้าหล่อนดูคุ้นๆนะ เธอรู้จักหล่อนไหม

41. I need to focus on my work, so stop bugging me. : ฉันต้องตั้งใจกับงานของฉัน ดังนั้นหยุดรบกวนฉันได้แล้ว (เลิกกวนตีนได้แล้ว อิอิ)

42. I don’t have any ideas now. I need to sleep on it. : ฉันยังคิดไม่ออกเลย ฉันขอใช้เวลานอนคิดก่อน

43. I don’t know what we will do after dinner. Let’s play it by ear. : ฉันยังไม่รู้เลยว่าเราจะทำอะไรต่อ หลังจากทานอาหารมือเย็น เดี๋ยวค่อยดูสถานการณ์อีกทีละกัน

44. I think Anna will be late again. Wow, Speak of the devil, here she comes. : ฉันคิดว่าแอนนาจะมาสายแน่ๆเลย อุต๊ะ! แอนนามาพอดีเลย ตายยากจริงๆ

45. We have 10 minutes before the movie, let’s grab a bite. : เรามีเวลา 10 นาทีก่อนภาพยนตร์เริ่ม ไปหาอะไรเร็วๆกินกันเถอะ

46. Take it easy. Everything will be alright. : ใจเย็นๆ (ทำตัวสบายๆ อย่าเครียด ) ทุกอย่างจะโอเคนะ

47. I don’t want to upset my mom so I will just go with the flow. : ฉันไม่อยากทำให้แม่ไม่พอใจ ดังนั้นฉันจะตามๆหล่อนไป

48. The system runs 24/7. : ระบบทำงานทุกวันตลอดเวลา (เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมงและหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน )

49. I’m really feeling under the weather today. I have a terrible stomachache. : วันนี้ฉันไม่สบาย ฉันปวดท้องอย่างหนัก

50. Don’t sweat it, things will work out for you. : อย่ากังวลเลยทุกอย่างจะดีเอง

ประโยค สำนวนภาษาอังกฤษ ที่ชอบออกข้อสอบ GAT

51. A: This is totally unacceptable. : อันนี้นี่รับไม่ได้อย่างรุนแรง
B: You can say that again. : ฉันเห็นด้วยกับคุณ (ไม่ได้แปลว่าให้คุณพูดอีกครั้งนะคะ)

52. I’m always broke around the end of the month. : ฉันมักจะเงินหมดช่วงปลายๆเดือนทุกที

53. You can’t be rude to someone on social media. That’s crossing the line. : คุณไม่ควรทำตัวหยาบคายกับใครในสื่อออนไลน์ มันเป็นการล้ำเส้น

54. I sort of know how to get to the airport. : ฉันค่อนข้างจะรู้ว่าไปสนามบินได้อย่างไรบ้าง

55.There’s one thing you haven’t taken into account. : มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่เคยไตร่ตรอง คำนึงถึงเลย

56. He said he did it by himself but I don’t buy it. : เขาพูดว่าเขาทำมันด้วยตัวของเขาเองแต่ฉันไม่เชื่อหรอก

57. I want to ride shotgun in his car. : ฉันต้องการที่จะนั่งข้างหน้า (ข้างๆคนขับ)ในรถของเขา

58. I missed 2 classes today, but who cares? : วันนี้ฉันไม่ได้เข้าเรียน 2 วิชา แต่ฉันไม่สนใจ

59. Come on, don’t be serious. It’s not a big deal. : เอาน่าอย่าเครียดไปเลย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่

60. Oh you know Payton too! He is also my friend. Wow, It’s such a small world! : เธอรู้จักเพตันด้วยหรอ เขาเป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน ว้าว โลกกลมมากเลย

ข้อสอบ O-NET ข้อสอบโอเน็ต คำศัพท์ คำศัพท์ ม.6 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ ระดับชั้น ม.6

61. What’s going on here? : เกิดอะไรขึ้นที่นี่

62. You want to give me free tickets to the movie. Now you’re talking. : คุณให้ตั๋วคอนเสิร์ท อย่างนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อย (พูดจาเข้าหู)

63. There is no way she will go with us, over my dead body. : ไม่มีทางที่หล่อนจะไปกับพวกเราได้ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ (คือเกลียดหล่อนมาก)

64. When I was a kid I thought being a teacher was right up my alley. : ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันคิดว่าการเป็นครูมันเหมาะกับฉัน

65. Good thinking to call and book the hotel rooms. :รอบคอบมากที่โทรไปและจองโรงแรมไว้ก่อน

66. Don’t worry about what they said. Nothing matters but what you are. :อย่ากังวลในสิ่งที่พวกเขาพูด ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสิ่งที่คุณเป็น

67. Come on, she’s not the only woman in the world. :เอาน่ะ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวในโลกนะ (ปลอบใจเพื่อนที่อกหัก)

68. Never mind what I said before, I don’t want to explain anymore. : อย่าสนใจสิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้เลย ฉันขี้เกียจอธิบายละ (ลืมๆไปเถอะ)

69. We will stay here one more night if you insist. : พวกเราจะค้างที่นี่อีกคืนก็ได้ถ้าคุณต้องการแบบนั้น

70. No need to thank me. It’s just nothing. : ไม่ต้องขอบคุณฉันก็ได้ แค่นี้เล็กน้อยมาก (ไม่เป็นไรเลย)

71. Fair enough, let’s share it for today. : ตกลง (ก็ยุติธรรมดี) งั้นเรามาแบ่งกันใช้ละกันสำหรับวันนี้

72. Stop being awfully quiet. “Has the cat got your tongue? : หยุดเงียบได้แล้ว ทำไมไม่ตอบล่ะ (เป็นใบ้หรือไง)

73. It was my pleasure to meet you. : ฉันรู้สึกยินดีมากๆที่ได้พบคุณ

74. I forgot about our anniversary. It totally slipped my mind. : ฉันลืมวันครอบรอบแต่งงานของเราไปเลย ลืมสนิทจริงๆ

75. I know you are so happy, it’s written all over your face. : ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขมาก สีหน้าคุณบอกฉันหมดละ

76. Don’t be hesitate, go for it. : อย่าลังเลเลย เอาเลยสู้ๆ

77. Just give it to me straight, what happened last night? : บอกฉันมาตามตรง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น

78. It’s a deal. I will get you a new phone if you pass the exam. : โอเค ตกลงฉันจะซื้อโทรศัพท์ให้คุณใหม่ถ้าคุณสอบผ่าน (ตกลงตามเงื่อนไข)

79. Promise me that we will keep in touch. Don’t be a stranger. : สัญญากับฉันนะว่าเราจะติดต่อกัน อย่าขาดการติดต่อนะ (อย่ากลายเป็นคนแปลกหน้ากันนะ)

letpeople

80. We decided to go fifty-fifty on dinner. : พวกเราตัดสินใจที่จะจ่ายคนละครึ่งสำหรับอาหารเย็น

81. We are having a party tonight. Let’s get a life! : เราจะมีปาร์ตี้คืนนี้กัน มาสนุกกันเถอะ

82. You should be more careful. Don’t mess it up again. : คุณควรจะระวังมากกว่านี้หน่อยนะ อย่าทำให้เสียเรื่องอีกครั้ง (อย่าทำพลาด) ล่ะ “

83. I can’t thank you enough for what you have done for me. : ฉันขอบคุณมากๆสำหรับสิ่งที่คุณทำมาให้ฉัน

84. : I will get whatever you need, just name it. : ฉันจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการแค่บอกมา

85. No worries, I don’t need to use it anyway. : ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน

86. Why so blue? Don’t tell me that you fail the test again. : ทำไมเศร้าจัง อย่าบอกนะว่าคุณสอบตกอีกแล้ว

87. Can we have 10 minute break? Nature calls! : ขอพักเบรคสัก 10 นาทีนะ ฉันต้องการไปเข้าห้องน้ำ

88. How could you treat me so badly? Shame on you! : คุณทำเลวร้ายแบบนั้นกับฉันได้ไง ละอายแก่ใจบ้างสิ

89. Hang in there. I’m sure things will get better : สู้ๆ นะฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น

90. She is very lazy and good for nothing. : หล่อนขี้เกียจและไร้ประโยชน์มาก (ไม่ได้เรื่องเลย)

91. Take a hike, I am not interested in your services. : ไปให้พ้น ฉันไม่สนใจกับบริการของคุณ

92. Mom, don’t worry about my exam. It’s just a piece of cake. : แม่อย่ากังวลกับการสอบของฉันเลย มันง่ายมากๆ

93. See you in 10 minutes, I’m on my way. : อีก 10 นาทีเจอกัน ฉันอยู่ระหว่างทางละ (กำลังไปหา)

94.t’s a long story. We both decided to break up. : เรื่องมันยาวน่ะ (ยากที่จะอธิบาย) เราทั้งคู่ตัดสินใจที่จะเลิกกัน

95. Since when have you interested about my life? : ตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่คุณเริ่มสนใจเกี่ยวกับชีวิตฉัน

96. Make sure you follow the instructions, got it? : กรุณาทำตามคำวิธีใช้ด้วย เข้าใจไหม (ไม่ได้แปลว่าได้รับรึเปล่า)

97. You think you will win the competition? You wish! : คุณคิดว่าคุณจะชนะการแข่งขันหรอ ฝันไปเถอะ (ไม่มีทางที่คุณจะชนะ)

98. I must impress him tonight. I am dressed to kill. : ฉันต้องทำให้เขาประทับใจคืนนี้ ฉันต้องแต่งตัวให้สวยที่สุด (สวยสัวหาร สวยสะพรึง)

99. He won’t let you drive after the accident. That figures. : เขาไม่ให้คุณขับรถหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ ฉันก็ไม่แปลกใจเลยนะ

100. You heard about the gossip? Do tell. : คุณรู้เรื่องซุบซิบนินทาใช่ไหม บอกฉันมา

บทความที่เกี่ยวข้อง


‘น้าเน็ก’ กับวันขี้เกียจตื่นไปทำงาน | น้าเน็ก | นิ้วกลมสนทนา


ใครๆก็มีวันที่ขี้เกียจทั้งนั้น ไม่เว้นแม่แต่น้า

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

‘น้าเน็ก’ กับวันขี้เกียจตื่นไปทำงาน | น้าเน็ก | นิ้วกลมสนทนา

อวดรวย !! อยากดูดีให้เพื่อนยอมรับ – ห้าโมงเย็น แชนแนล


อวดรวย !! อยากดูดีให้เพื่อนยอมรับ ห้าโมงเย็น แชนแนล
ฝากติดตามเพจ \”ห้าโมงเย็น แชนแนล\” ของพวกเราได้ที่นี่ครับ :
https://www.facebook.com/5pmchannel

อวดรวย !! อยากดูดีให้เพื่อนยอมรับ - ห้าโมงเย็น แชนแนล

ลูกชายชาวนาผู้เอาแต่นอน : ชอบเอาแต่นอน จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร | ปัญญายุทธ์ EP.5


มีชาวนาคนหนึ่ง เขามีลูกชาย ที่เกียจคร้าน ไม่รู้จักทำการทำงาน วันๆไม่ทำอะไร พอกินเข้าวเสร็จแล้ว ก็มักเอาแต่นอน แล้วก็นอน เขาสามารถนอนได้ทั้งวัน ไม่ว่าเวลาใด
ชาวนารู้สึกกังวลใจเป็นอันมาก เกรงว่าภายภาคหน้า หากเขาตายไป ลูกชายจะไม่สามารถเลี้ยงตัวเองรอดได้
\”เมื่อไหร่หนอลูกชายของเราจะรู้จักทำการทำงาน เหมือนคนอื่นเขาเสียที\” ชาวนารำพึงรำพัน
เหตุการณ์จะดำเนินต่อไปเช่นไร ติดตามได้ในคลิปพลัน

หากเป็นประโยชน์ โปรดช่วยเผยแพร่ต่อให้ผู้อื่นได้เรียนรู้เทอญ
ติดตามผลงานจากเรา
YOUTUBE ปัญญายุทธ์
FACEBOOK ปัญญายุทธ์
สนับสนุนให้กำลังใจทีมงานปัญญายุทธ์
สติกเกอร์ LINE ปัญญายุทธ์ ยิ่งใช้ ยิ่งเยี่ยมยุทธ์
https://store.line.me/stickershop/product/5818137/th
ปัญญายุทธ์ คือเรื่องที่แต่งใหม่แบบตอนต่อตอน โดยผู้สร้างปัญญายุทธ์ (ซึ่งเป็นคนไทย)
เรื่อง ภาพ ดนตรี ขอสงวนลิขสิทธิ์ หากนำไปเล่าต่อ โปรดอย่าดัดแปลงเนื้อเรื่องและตัวละคร

ลูกชายชาวนาผู้เอาแต่นอน : ชอบเอาแต่นอน จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร | ปัญญายุทธ์ EP.5

ขี้เกียจก็เก่งได้! | 4 เทคนิคฝึกภาษาที่ \”คนขี้เกียจ\” \u0026 \”คนไม่มีเวลา\” ทำได้ง่ายๆ ทุกวัน


ดีใจจัง ที่คุณตั้งใจพัฒนาทักษะ และเก่งขึ้นไปด้วยกัน ! 🧠🌟
อยากมาเรียนออนไลน์ด้วยกัน? 📚 📖
📋 วัดระดับภาษา เพื่อวางแผนการเรียนได้ ที่ selfassessment form ฟรี ! https://www.farangangmor.com/selfassessmentform/
หลักสูตรต่างๆ ของฝรั่งอั่งม้อ
Think in English คิดเป็นภาษาอังกฤษ พูดได้คล่องไม่ต้องท่องจำ
https://www.farangangmor.com/course/thinkinenglish/
พูดฝรั่งได้ดั่งเสก Online Course
https://www.farangangmor.com/course/speaklikemagic/
PRONUNCIATION พูดเหมือนเด๊ะ ออกเสียง เป๊ะเวอร์
https://www.farangangmor.com/course/pronunciation/
CONVERSATION สนทนาลื่นไหล มั่นใจร้อยเปอร์
https://www.farangangmor.com/course/conversation/
English for Career Development เรียนอังกฤษ ติดเทอร์โบ พูดได้โปรเติบโตในงาน
https://www.farangangmor.com/course/englishforcareerdevelopment/
Speak Brilliantly Excel at Public Speaking \u0026 Presentation in English
พรีเซ้นต์เป็นภาษาอังกฤษ ได้โดดเด่น โดนใจ เป็นมืออาชีพ!
https://www.farangangmor.com/course/speakbrilliantly/
Teach English It’s Cool สอนภาษาออนไลน์ได้ด้วยหลักสูตรนี้
https://forms.gle/WzX8gZdwyS3QhM7s5
_______________________________________________
ติดตามเราในช่องทางต่างๆ ให้ไม่พลาด content แบบนี้📱❤️
Facebook: ฝรั่งอั่งม้อ
https://www.facebook.com/KanaFarangAngmor/
IG: farang_angmor
https://www.instagram.com/farang_angmor/
LINE: @farangangmor
https://lin.ee/cjP5cGv
Tiktok: @farangangmor
https://vt.tiktok.com/A5GEg6/
Website: http://farangangmor.com/

ขี้เกียจก็เก่งได้! | 4 เทคนิคฝึกภาษาที่ \

ไม่อยากตื่น ขี้เกียจไปทำงาน ภาษาอังกฤษ | The Nad Class (เจ้าของเดียวกับ Daily English ใครๆก็พูดได้)


เช้าวันจันทร์ ไม่อยากตื่น ขี้เกียจไปทำงาน ยิ่งฟ้าครึ้มๆ ยิ่งไม่อยากตื่นเข้าไปอีก!!! มีใครรู้สึกเหมือนพี่แน๊ดบ้าง??? แล้วความรู้สึกเหล่านี้ จะพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร? นอกเหนือจากคำว่า I don’t want to wake up ฉันไม่อยากตื่น
หรือ I don’t want to go to work ฉันไม่อยากไปทำงาน
ประโยคภาษาอังกฤษในคลิป
I don’t feel like waking up today วันนี้รู้สึกไม่อยากตื่น
I can’t be bothered to go to work today วันนี้ฉันรู้สึกขี้เกียจไปทำงาน
This kind of weather makes me sleepy อากาศแบบนี้ทำให้ฉันง่วงนอน

ไม่อยากตื่น ขี้เกียจไปทำงาน ภาษาอังกฤษ | The Nad Class (เจ้าของเดียวกับ Daily English ใครๆก็พูดได้)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ขี้ เกียจ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *