Skip to content
Home » [Update] Tense ในภาษาอังกฤษสำหรับการฝึกสนทนา | ภาษา อังกฤษ tense – NATAVIGUIDES

[Update] Tense ในภาษาอังกฤษสำหรับการฝึกสนทนา | ภาษา อังกฤษ tense – NATAVIGUIDES

ภาษา อังกฤษ tense: คุณกำลังดูกระทู้

(Tenses for Conversation)
ในการพูดหรือเขียนแต่ละประโยคนั้น จะต้องมีกริยาอยู่ด้วยเสมอ และคำกริยานั้นจะบอกกาล (tense) ด้วย คือกริยาของประโยคจะบอกกาลด้วยเสมอว่าเป็นกาลอะไร ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยที่ดูกริยาไม่ทราบเลยว่าเป็นกาลอะไร จะต้องอาศัยกริยาวิเศษณ์มาช่วยในบางครั้ง จึงทราบได้ เพราะกาลมีความสำคัญในการใช้ภาษาดังกล่าวแล้ว ฉะนั้นในการฝึกสนทนาจึงได้นำเรื่องกาลมาเกี่ยวข้องด้วย นอกจากจะได้ทบทวนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ไวยากรณ์โดยทั่วไปแล้ว ยังจะได้ทราบว่าในการสนทนาแต่ละเรื่องนั้น ควรใช้กาลอะไรเหมาะสมที่สุด ดังนั้น จึงได้จำแนกเนื้อหาหรือเรื่องราวที่ใช้สำหรับกาลนั้นๆ เพื่อฝึกสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ กาลที่ใช้ฝึกในที่นี่มีดังนี้
1. Present Simple (V|)
2. Present Continuous (is/am/are + v-ing)
3. Present Perfect (has/have + v3)
4. Present Perfect Continuous (has/have + been + v-ing)
5. Past Simple ((V2)
6. Past Continuous (was/were + v-ing)
7. Past Perfect (had + V3)
8. Future Simple (will + infinitive)
9. Future Continuous (will be + v-ing)
10. Future Perfect (will have + V3)
กาลต่างๆ ใช้ในการสนทนาในหัวข้อเรื่องหรือเรื่องราวต่างกัน บาง กาลใช้ในสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ส่วนบางกาลไม่ค่อยนิยมใช้นัก ในที่นี้ได้จำแนกกาลพร้อมสถานการณ์สำหรับสนทนาในกาลนั้นๆ ดังต่อไปนี้
1. Present Simple Tense ใช้สนทนาเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย จากการสนทนาในตัวอย่างต่างๆ ที่กล่าวมานั้นใช้กาลนี้เป็นส่วนมาก ฉะนั้นจึงเป็นกาลที่ใช้สนทนากันมากที่สุด เช่น เกี่ยวกับการทักทาย ถามสุขทุกข์ ขอร้อง ขออนุญาต หรือสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันอื่นๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Are you hungry?
Is it very hot today?
How are you today?
Do you like tea or coffee?
It is cool today, isn’t it?
What’s your name?
Can you tell me the way to the airport, please?
May I turn the light off?
Where are you from?
Where’s the Grand Palace?
How far is the museum from here?
How many brothers and sisters do you have?
How do you find Thai food?
What language do you speak in your country?
2. Present Continuous Tense ใช้สนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวหรือ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นหรือดำเนินอยู่ในขณะนั้น เช่น กำลังทำอะไร กำลังไปไหน ดังตัวอย่างการสนทนาต่อไปนี้
What are you doing now?
Where are you going?
What are you looking for?
Who is speaking, please?
Whom am I speaking to?
What are you talking about?
What are you reading?
Whom are you waiting for?
Are you writing a letter?
Are you studying English at the OLA School?
How many students are taking class?
What subjects are you taking this semester?
What’s going on?
Who’s crying in the room?
3. Present Perfect Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสร็จสิ้น ไปแล้ว แต่มีผลคงอยู่จนปัจจุบัน หรือเป็นเหตุการณ์ที่ยังดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน เป็นการกระทำที่ใช้เวลาหรือเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป กาลนี้มักใช้ในการสนทนาว่า ได้ทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว หรือยังไม่ได้ทำ หรือทำมาจนกระทั่งปัจจุบัน ดังตัวอย่างการสนทนาต่อไปนี้
How have you been?
How long have you been here?
Where have you been?
Have you been to Chiang Mai?
Have you met Mr. Vichian?
Have you visited the Ancient City?
How long have you studied English?
Have you finished your work?
Has the train left?
Have you had lunch already?
Have you returned the book to the library?
Has the committee solved he problem yet?
You have written to her, haven’t you?
The problem has been dissolved already, hasn’t it?
4. Present Perfect Continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ดำเนินติดต่อกันมาและยังจะต่อไปในอนาคตด้วย ในการสนทนามักจะพูดคุยเกี่ยวกับการอยู่ การเรียน การทำงาน การรอคอย เป็นต้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
How long have you been living in Bangkok?
คุณอยู่กรุงเทพฯ มานานเท่าไรแล้ว
How long have you been studying English?
คุณเรียนภาษาอังกฤษมานานเท่าไรแล้ว
What have you been doing lately?
ระยะนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่
Since when have you been working in this office?
คุณทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้มาตั้งแต่เมื่อไร
Why have they been waiting for her?
ทำไมพวกเขาจึงรอเธออยู่
Where have you been working?
คุณกำลังทำงานอยู่ที่ไหนในระยะนี้
Whom has she been writing to?
เธอกำลังเขียนจดหมายถึงใครอยู่
Why has he been staying in bed for long?
ทำไมเขาจึงหมกอยู่บนที่นอนตั้งนานแล้ว
5. Past Simple Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วโดยทั่วไป ในการสนทนาอาจจะพูดถึงเรื่องราวในอดีต ถามถึงสิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว ดังตัวอย่างการพูดคุยในประโยคต่างๆ ต่อไปนี้
What did you do yesterday?
What did she tell you last night?
What time did you get up today?
Where did you go last Sunday?
What subjects did you take last year?
When did you arrive in Bangkok?
When were you born?
When and where did you finish school?
Where did you stay last night?
How was the conference?
How long did you stay with him?
Did you take part in the party?
Did you work here for many years?
Where were you this morning?
Why didn’t you come with us to the party?
6. Past continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต หรือพร้อมกับอีกเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งอาจเป็น Past Simple หรือ Past Continuous เหมือนกันก็ได้ ในการพูดคุยสนทนาอาจจะไม่ค่อยได้ใช้มากนัก ตัวอย่างการสนทนาสำหรับกาลนี้ มีดังต่อไปนี้
At this time last night, what were you doing?
เวลานี้เมื่อคืนที่แล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่
At eight in the morning, what course were you taking?
ตอน 8 โมงเช้านี้ คุณกำลังเรียนวิชาอะไรอยู่
While it was raining in the afternoon, where were you?
ขณะที่ฝนกำลงตกเมื่อตอนบ่ายนั้น คุณอยู่ที่ไหน
Who was teaching when he came in yesterday?
ใครกำลังสอนอยู่ เมื่อตอนที่เขาเข้ามาเมื่อวานนี้
Whom were you thinking of when I phoned last night?
เมื่อตอนที่ฉันโทรศัพท์มาเมื่อคืนนี้ คุณกำลังคิดถึงใครอยู่
Were you sleeping when the accident happened?
คุณกำลังนอนอยู่หรือ เมื่อตอนเกิดอุบัติเหตุ
What were you writing while she was cooking this morning?
คุณกำลังเขียนอะไร เมื่อตอนที่เธอทำอาหารอยู่เมื่อเช้านี้
7. Past Perfect Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมบูรณ์แล้ว คือ ผ่านไปแล้วก่อนเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีต หรือเกิดก่อนเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในอดีต เหตุการณ์หนึ่งนั้นเป็น Past Simple ในการสนทนาอาจจะไม่ค่อยมีเรื่องราวจะพูดคุยในกาลนี้มากนัก ตัวอย่างประโยคสนทนามีดังนี้
Where had you been before you came here last night?
คุณอยู่ที่ไหนมา ก่อนที่คุณจะมาที่นี่เมื่อคืนนี้
When you reached the station, had the train left already?
เมื่อตอนที่คุณไปถึงสถานี รถไฟออกไปแล้วใช่ไหม
By three yesterday, had you finished class?
ตอนบ่าย 3 โมงเมื่อวานนี้ คุณเรียนเสร็จแล้วใช่ไหม
What had I told you before you left?
ฉันได้บอกอะไรคุณไปแล้ว ก่อนที่คุณออกไป
Had you completed your work at this time yesterday?
เมื่อวานนี้ ตอนเวลานี้ คุณเสร็จงานคุณแล้วใช่ไหม
8. Future Simple Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในการสนทนานั้น จะพูดคุยกันถึงแผนการในอนาคต โครงการต่างๆ ความตั้งใจหรือความหวังที่จะกระทำหรือจะเป็นในอนาคต ตัวอย่างการสนทนาดังนี้
What will you do tomorrow?
How long will you stay there?
After school today, where will you go?
When will you finish this work?
Will he be back tomorrow?
What subjects are you going to take?
Where will we hold the New Year party?
What are you going to do during holidays?
If he comes, what will you do?
What will we do to celebrate it?
When will you come to visit us?
Who will tell you about this?
How will you send this parcel to her?
Will you come with me to the party?
Will you or your brother be given the scholarship?
9. Future continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต หรือพร้อมกับอีกเหตุการณ์หนึ่งในอนาคต ในการสนทนาอาจจะไม่ได้ใช้มากนัก ตัวอย่างประโยคในการสนทนาดังนี้
By this time tomorrow, what will you be doing?
I’ll be taking class, I think.
พรุ่งนี้ ในเวลาขณะนี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่
คิดว่า คงกำลังเรียนอยู่
What will you be doing in this month next year?
We will be travelling in Japan.
ปีหน้าในช่วงนี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่
เราคงกำลังเที่ยวอยู่ในญี่ปุ่น
What will you do tomorrow?
I’ll be working all day tomorrow.
พรุ่งนี้คุณจะทำอะไร
ฉันคงจะทำงานตลอดวันในวันพรุ่งนี้
At what time will she arrive tomorrow?
I think she’ll arrive while we’ll be taking class.
พรุ่งนี้ เธอจะมาถึงเวลาเท่าไร
ฉันคิดว่า เธอคงจะมาถึงตอนที่พวกเรากำลังเรียนอยู่
By ten o’clock tonight, where will you be?
I’ll be preparing for my final exams at home.
คืนนี้ 4 ทุ่ม เธอจะอยู่ที่ไหน
คงกำลังเตรียมสอบภาคปลายอยู่ที่บ้าน
10. Future Perfect Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านไปแล้ว ในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต หรือก่อนเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในอนาคต กาลนี้ไม่ค่อยได้ใช้นัก ตัวอย่างในการสนทนาดังนี้
By this time tomorrow, what will you be doing?
I’ll have gone back home.
พรุ่งนี้ในเวลานี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่
ฉันคงกลับบ้านไปแล้ว
By the end of this year, will you have finished your study?
I think so.
ในปลายปีนี้ คุณคงเรียนจบแล้วใช่ไหม
ฉันก็คิดเช่นนั้น
By three afternoon, will you be taking class?
No. We’ll have finished it already.
ในช่วงบ่ายสามโมง คุณคงกำลังเรียนอยู่ใช่ไหม
ไม่หรอก เราคงเรียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
How long have you worked here?
By next July, I’ll have worked here for ten years.
คุณทำงานอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว
เดือนกรกฎาคมหน้า ก็ทำมาได้ครบ 10 ปี
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 5,810 times, 1 visits today)

[Update] 12 English tense ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ | ภาษา อังกฤษ tense – NATAVIGUIDES

English Tense 

Tense คือรูปแบบ (หรือโครงสร้าง) ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทำหรือเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใดซึ่งเรื่อง tense นี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราใช้ tense ไม่ถูก เราก็จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป tense นี้มาเป็นตัวบอก ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense จึงเป็นเรื่องจำเป็น

Tense  ในภาษาอังกฤษนี้จะแบ่ง ออกเป็น  3  tense  ใหญ่ๆ คือ

1.     Present   tense        ปัจจุบัน

2.     Past   tense              อดีตกาล

3.     Future   tense          อนาคตกาล

ในแต่ละ  tense ยังแยกย่อยได้  tense  ละ  4  คือ

1 .   Simple   tense    ธรรมดา (ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน)

2.    Continuous  tense    กำลังกระทำอยู่ (กำลังเกิดอยู่)

3.     Perfect  tense     สมบูรณ์ (ทำเรียบร้อยแล้ว)

4.     Perfect  continuous  tense  สมบูรณ์กำลังกระทำ (ทำเรียบร้อยแล้วและกำลังดำเนินอยู่ด้วย)

โครงสร้างของ  Tense  ทั้ง  12  ได้แก่

Present  Tense

[Present]

[1.1]   S  +  Verb  1  +  ……(บอกความจริงที่เกิดขึ้นง่ายๆ ตรงๆไม่ซับซ้อน)

[1.2]   S  +  is, am, are  +  Verb  1  ing   +  …(บอกว่าเดี๋ยวนี้กำลังเกิดอะไรอยู่)

[1.3]   S  +  has, have  +  Verb  3 +  ….(บอกว่าได้ทำมาแล้วจนถึงปัจจุบัน)

[1.4]   S  +  has, have  +  been  +  Verb 1 ing  + …(บอกว่าได้ทำมาแล้วและกำลังทำต่อไปอีก)

Past Tense

[Past]

[2.1]  S  +  Verb 2  +  …..(บอกเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต)

[2.2]  S  +  was, were  +  Verb 1  +…(บอกเรื่องที่กำลังทำอยู่ในอดีต)

[2.2] S + was, were + Verb 1 +…(บอกเรื่องที่กำลังทำอยู่ในอดีต)

2.3]  S  +  had  +  verb 3  +  …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วในอดีตในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง)

[2.4]  S  +  had  +  been  +  verb 1 ing  + …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องไม่หยุด)

Future Tense

[Future]

[3.1]  S  +  will, shall  +  verb 1  +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต)
[3.2]  S  +  will, shall  +  be  +  Verb 1 ing  + ….(บอกว่าอนาคตนั้นๆกำลังทำอะไร อยู่)
[3.3]  S  +  will,shall  +  have  +  Verb 3  +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสำเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง)
[3.4]  S  +  will,shall  +  have  +  been  + verb 1 ing  +.. ..(บอกเรื่องที่จะทำอย่างต่อเนื่องในเวลาใด – เวลาหนึ่งในอนาคตและจะทำต่อไปเรื่อยข้างหน้า)

หลักการใช้แต่ละ  Tense  มีดังนี้

[2.4] S + had + been + verb 1 ing + …(บอกเรื่องที่ทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องไม่หยุด)[3.1] S + will, shall + verb 1 +….(บอก เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต) [3.2] S + will, shall + be + Verb 1 ing + ….(บอกว่าอนาคตนั้นๆกำลังทำอะไร อยู่) [3.3] S + will,shall + have + Verb 3 +…(บอกเรื่องที่จะเกิดหรือสำเร็จ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง) [3.4] S + will,shall + have + been + verb 1 ing +.. ..(บอกเรื่องที่จะทำอย่างต่อเนื่องในเวลาใด – เวลาหนึ่งในอนาคตและจะทำต่อไปเรื่อยข้างหน้า)

[1.1]   Present  simple  tense    เช่น    He  walks   เขาเดิน

1.    ใช้กับ เหตุการที่เกิดขึ้นตามความจริงของธรรมชาติ และคำสุภาษิตคำ พังเพย

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริงในขณะที่พูด  (ก่อนหรือหลังจะไม่จริงก็ตาม)

3.    ใช้กับกริยาที่ทำนานไม่ได้   เช่น  รัก,  เข้าใจ, รู้  เป็นต้น

4.    ใช้กับการกระทำที่คิดว่าจะเกหิดขึ้นในอนาคตอันใกล้(จะมีคำวิเศษณ์บอกอนาคตร่วมด้วย)

5.    ใช้ในการเล่าสรุปเรื่องต่างๆในอดีต  เช่นนิยาย นิทาน

6.    ใช้ในประโยคเงื่อนไขในอนาคต    ที่ต้นประโยคจะขึ้นต้น ด้วยคำว่า    If    (ถ้า), unless   (เว้นเสียแต่ว่า),    as  soon  as  (เมื่อ,ขณะที่),    till  (จนกระทั่ง) ,   whenever   (เมื่อไรก็ ตาม),    while  (ขณะที่)   เป็นต้น

7.    ใช้กับเรื่องที่กระทำอย่างสม่ำเสมอ  และมีคำวิเศษณ์บอกเวลาที่สม่ำเสมอร่วมอยู่ด้วย  เช่น  always (เสมอๆ),  often   (บ่อยๆ),    every  day   (ทุกๆวัน)    เป็นต้น

8.    ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น  [1.1]  ประโยคตามต้องใช้   [1.1]  ด้วยเสมอ

[1.2]   Present  continuous  tense   เช่น   He  is  walking  เขากำลังเดิน

1.    ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด(ใช้  now ร่วมด้วยก็ได้ โดยใส่ไว้ต้น ประโยค, หลังกริยา หรือสุดประโยคก็ ได้)

2.    ใช้ในเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ในระยะเวลาอันยาวนาน  เช่น  ในวันนี้ ,ในปีนี้

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้พูดมั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้  เช่น เร็วๆนี้, พรุ่งนี้

*หมายเหตุ   กริยาที่ทำนานไม่ได้  เช่น  รัก ,เข้าใจ, รู้, ชอบ  จะนำมาแต่งใน  Tense  นี้ไม่ได้

[1.3] Present perfect tense เช่น He has walk เขาได้เดินแล้ว

1.    ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจุบัน  และจะมีคำว่า Since  (ตั้งแต่) และ for  (เป็นเวลา) มาใช้ร่วมด้วยเสมอ

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยทำมาแล้วในอดีต (จะกี่ครั้งก็ได้ หรือจะทำอีกใน ปัจจุบัน หรือจะทำในอนาคต ก็ได้)และจะมีคำ ว่า  ever  (เคย) ,  never  (ไม่เคย) มาใช้ร่วมด้วย

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่จบลงแล้วแต่ผู้พูดยังประทับใจอยู่ (ถ้าไม่ประทับใจก็ใช้   Tense

4.    ใช้กับ เหตุการที่เพิ่งจบไปแล้วไม่นาน(ไม่ได้ประทับใจอยู่) ซึ่งจะมีคำเหล่านี้มาใช้ร่วมด้วยเสมอ คือ  Just   (เพิ่งจะ), already  (เรียบร้อยแล้ว), yet  (ยัง), finally  (ในที่สุด)  เป็นต้น

[1.4] Present  perfect  continuous  tense    เช่น  He  has  been  walking  เขาได้กำลังเดินแล้ว

*  มีหลักการใช้เหมือน  [1.3]  ทุกประการ เพียงแต่ว่าเน้นว่าจะทำต่อไปในอนาคตด้วย    ซึ่ง [1.3] นั้นไม่เน้นว่าได้กระทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่  ส่วน [1.4]  นี้เน้นว่ากระทำมาอย่างต่อเนื่องและจะกระทำต่อไปในอนาคตอีกด้วย.

[2.1] Past  simple  tense      เช่น  He  walked  เขาเดิน แล้ว

1.   ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้วในอดีต   มิได้ต่อเนื่องมาถึงขณะ ที่พูด และมักมีคำต่อไปนี้มาร่วมด้วยเสมอในประโยค เช่น  Yesterday, year  เป็นต้น

2.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ทำเป็นประจำในอดีตที่ผ่านมาในครั้งนั้นๆ ซึ่งต้องมีคำวิเศษณ์บอกความถี่ (เช่น Always, every  day ) กับคำวิเศษณ์ บอกเวลา (เช่น  yesterday,  last  month )  2  อย่างมาร่วมอยู่ด้วยเสมอ

3.    ใช้กับเหตุการณ์ที่ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต  แต่ปัจจุบันไม่ได้เกิด อยู่ หรือไม่ได้เป็นดั่งในอดีตนั้นแล้ว  ซึ่งจะมีคำว่า  ago  นี้ร่วมอยู่ด้วย

4.      ใช้ในประโยคที่คล้อยตามที่เป็น [2.1]  ประโยคคล้อยตามก็ต้อง เป็น [2.1]  ด้วย

[2.2]   Past continuous  tense   เช่น    He  was  walking  เขากำลังเดินแล้ว

1.     ใช้กับเหตุการณ์   2   อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน  { 2.2  นี้ไม่นิยมใช้ตามลำพัง – ถ้าเกิดก่อนใช้  2.2   –  ถ้าเกิดทีหลังใช้ 2.1}

2.     ใช้กับเหตุการณ์ที่ ไดกระทำติดต่อกันตลอดเวลาที่ได้ระบุไว้ในประโยค  ซึ่งจะมีคำบอกเวลาร่วมอยู่ด้วยในประโยค  เช่น  all  day  yesterday  etc.

3.     ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่กำลังทำในเวลาเดียวกัน(ใช้เฉพาะกริยาที่ทำได้นานเท่านั้น  หากเป็นกริยาที่ทำนานไม่ได้ก็ใช้หลักข้อ 1 ) ถ้าแต่งด้วย 2.1  กับ  2.2  จะดูจืดชืดเช่น   He  was  cleaning  the  house  while  I was  cooking  breakfast.

[2.3]   Past  perfect  tense    เช่น  He  had walk  เขาได้เดินแล้ว

1.    ใช้กับ เหตุการณ์  2  อย่างที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต  มีหลักการใช้ดังนี้

เกิดก่อนใช้  2.3  เกิดทีหลังใช้  2.1

2.     ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำอันเดียวก็ได้ในอดีต แต่ต้องระบุชั่วโมงและวันให้แน่ชัดไว้ในทุกประโยคด้วยทุกครั้ง  เช่น   She  had  breakfast  at  eight o’ clock  yesterday.

[2.4]   past  perfect  continuous  tense    เช่น   He  had  been  walking

มีหลักการใช้เหมือนกับ  2.3  ทุกกรณี  เพียงแต่  tense  นี้  ต้องการย้ำถึงความต่อเนื่องของการกระทำที่ 1  ว่าได้กระทำต่อเนื่องไปจนถึงการกระทำที่  2  โดยมิได้หยุด  เช่น  When  we  arrive  at  the  meeting ,  the  lecturer  had  been  speaking  for  an  hour  .   เมื่อพวกเราไปถึงที่ ประชุม  ผู้บรรยายได้พูดมาแล้ว เป็นเวลา 1  ชั่วโมง

[3.1]   Future  simple  tense      เช่น   He  will  walk   เขาจะเดิน

ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ซึ่งจะมีคำว่า  tomorrow,  to  night,  next  week,  next  month   เป็นต้น  มาร่วมอยู่ด้วย.

  • Shall   ใช้กับ     I    we

Will    ใช้กับบุรุษที่  2  และนามทั่วๆไป

Will,  shall  จะใช้สลับกันในกรณีที่จะให้คำมั่นสัญญา, ข่มขู่บังคับ, ตกลงใจแน่วแน่

Will,  shall   ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือจงใจก็ได้

Be  going  to  (จะ)  ใช้กับความจงใจของมนุษย์ เท่านั้น  ห้ามใช้กับเหตุการณ์ของธรรมชาติและนิยมใช้ใน ประโยคเงื่อนไข

[3.2]    Future   continuous    tense    เช่น   He  will  be  walking   เขากำลังจะเดิน

1.     ใช้ในการบอกกล่าวว่าในอนาคตนั้นกำลังทำอะไรอยู่ (ต้องกำหนดเวลาแน่นอน ด้วยเสมอ)

2.     ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต  มีกลักการใช้ดังนี้

–   เกิดก่อนใช้    3.2      S  +  will  be,  shall  be  +  Verb 1  ing

–  เกิดทีหลังใช้   1.1     S  +  Verb  1

[3.3]   Future   prefect  tens    เช่น  He  will  have walked  เขาจะได้เดินแล้ว

  1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นหรือสำเร็จลงในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต  โดยจะมีคำว่า  by  นำหน้ากลุ่มคำที่บอกเวลา ด้วย  เช่น   by  tomorrow  ,   by  next  week   เป็นต้น

2.ใช้กับเหตุการณ์  2  อย่างที่จะเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอนาคต มีหลักดังนี้

  • เกิดก่อนใช้   3.3      S  +  will, shall  +  have  +  Verb 3
  • เกิด ที่หลังใช้   1.1    S  +  Verb 1

[3.4]  Future  prefect  continuous  tense เช่น He  will  have  been  walking เขาจะได้กำลังเดินแล้ว

ใช้เหมือน  3.3  ต่างกันเพียงแต่ว่า  3.4  นี้เน้นถึงการกระทำที่  1  ได้ทำต่อเนื่องมาจนถึงการกระทำที่  2  และจะกระทำต่อไปในอนาคต อีกด้วย Tense  นี้ไม่ค่อยนิยมใช้บ่อย นัก  โดยเฉพาะกริยาที่ทำนาน ไม่ได้ อย่านำมาแต่งใน  Tense  นี้เด็ดขาด

ที่มา:

marujo2524.igetweb.com

Like this:

Like

Loading…


Learn English Tenses: PAST SIMPLE


We use the PAST SIMPLE TENSE every day in English! Can you use it correctly? Can you understand it clearly? Can you say “I worked” and “I went” confidently? In this relaxed English grammar class, you can master this very important tense. You’ll learn when to use it, how to use it, and what common mistakes to avoid. I’ll explain everything you need: usage, structure, pronunciation, spelling, questions, contractions, short answers, regular verbs, and irregular verbs. We’ll go step by step and practice together the past simple in a fun way, so you understand fully. Then, to continue your progress, make a plan and watch the complete engVid series on ALL the English verb tenses, from beginner to advanced levels. You can do it!
In this class:
Past simple overview 0:00
When to use past simple 02:31
How to use past simple: regular verbs 05:13
Past simple regular verbs: spelling 11:32
Past simple regular verbs: pronunciation 14:12
Past simple regular verbs: practice 18:07
How to use past simple: irregular verbs 22:06
Past simple irregular verbs: practice 26:13
Past simple short answers 31:56
Past simple common errors 33:46
Past simple conclusion 37:54
Watch the next lesson: https://youtu.be/bTWa5M4UMO8
Take the quiz: https://www.engvid.com/pastsimpletense/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Learn English Tenses: PAST SIMPLE

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense

#ภาษาอังกฤษ ติวเทคนิคการทำข้อสอบ Tenses ภาค 3


ตามไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูหวานต่อที่
Facebook: https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
Instagram: https://www.instagram.com/english_kruwhan

#ภาษาอังกฤษ ติวเทคนิคการทำข้อสอบ Tenses ภาค 3

ติวเข้ม โครงสร้าง 12 Tenses (อัดใหม่ปี 2020)


ติวเข้ม โครงสร้าง 12 Tenses (อัดใหม่ปี 2020)
LINE ID: @krubirdhome

ติวเข้ม โครงสร้าง 12 Tenses (อัดใหม่ปี 2020)

What are they doing? Present Continuous Tense


Learn how to use the present continuous tense in this video through a short story.

What are they doing? Present Continuous Tense

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ภาษา อังกฤษ tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *