Skip to content
Home » [Update] Question Sentences ประโยคคำถาม | ถาม did ตอบ – NATAVIGUIDES

[Update] Question Sentences ประโยคคำถาม | ถาม did ตอบ – NATAVIGUIDES

ถาม did ตอบ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Post on 16 / 02 / 20

by: English Hero

1.6K viewed

Table of Contents

ประโยคคำถาม (Question Sentences หรือ Interrogative sentence)

 

      หมายถึง ประโยคหรือกลุ่มคำที่ผู้พูดหรือผู้เขียนต้องการให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านให้คำตอบ ซึ่งอาจจะเป็นคำตอบสั้น ๆ ว่า  yes  หรือ  no  หรือเป็นคำตอบที่เป็นคำเดียว เป็นกลุ่มคำ หรือเป็นประโยค 

 

ประเภทของประโยคคำถาม

 

1. Yes/No questions

  1. Yes/No questions  ได้แก่คำถามที่ผู้ตอบมักจะต้องตอบรับหรือตอบปฏิเสธ คือ ตอบ  yes หรือ  no  คำถามประเภทนี้ สร้างขึ้นจากประโยคบอกเล่า  ในประโยคที่ใช้ tense ต่าง ๆที่มีกริยาช่วย หรือในประโยค ที่มี BE เป็นกริยาแท้เป็น   present simple tense หรือ past simple tense มักวางประธานและกริยา สลับที่กันกลายเป็นประโยคคำถาม Yes/No questions  การตอบคำถามส่วนมากจะเริ่มด้วยคำตอบ yes หรือ no  ตามข้อเท็จจริงที่ผู้ตอบต้องการสื่อและตามด้วยข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งอาจจะเป็นข้อความสั้น ๆ ที่อยู่ในรูปของ  declarative sentence

กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้……..?

Declarative Sentence

Question

Answer

That is our new English teacher.

Is that our new English teacher?

Yes./ Yes, that’s right./ Yes, it is.

I am from Thailand.

Are you from Thailand?

Yes, I am.

He is studying at my university.

Is he studying at your university?

Yes, he is. 

He has left for the airport.

Has he left for the airport?

Yes./ Yes, he has.

 

                    

 

     ประโยคที่มีกริยาอื่น ๆ เช่น walk, play, leave, study, etc.  เป็นกริยาแท้และอยู่ใน present simple tense ต้องใช้กริยาช่วย  do  หรือ  does ในประโยคคำถาม  ดังตัวอย่าง  

 

Declarative Sentence

Question

Answer

He walks to school.

Does he walk to school?  

Yes./ Yes, he does.

They play tennis.

Do they play tennis?

Yes, they do./ No, they don’t.

I play badminton.      

Do you play badminton?      

Yes, I do./ No, I don’t.

We like Italian food.

Do you like Italian food?

Yes, we do./ No, we don’t.

 

ใช้กริยาช่วย  did ในประโยคที่มีกริยาแท้อยู่ใน past simple tense เมื่อเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม   ดังตัวอย่าง

Declarative Sentence

Question

Answer

Korn studied in Bangkok.

Did Korn study in Chiang Rai?

No, he didn’t.  He studied in Bangkok.

The boys studied in Bangkok.

Did the boys study in Bangkok?

Yes, they did./ No, they didn’t.

 


                    
ในประโยคที่มี  do  และ have เป็นกริยาแท้และอยู่ใน present simple tense ต้องใช้กริยาช่วย  do  หรือ  does ในประโยคคำถาม  และใช้กริยาช่วย  did เมื่อ do  หรือ have อยู่ใน past simple tense  ดังตัวอย่าง  

Declarative Sentence

Question

Answer

He does his homework after school.

Does he do his homework after school?  

Yes, he does./ No, he doesn’t.

They always do the work by themselves.

Do they always do the work by themselves?

Yes, they do./ No, they don’t.

I did that alone. 

Did you do that alone?      

Yes, I did./ No, I didn’t.

We have Italian food once a week.

Do you have Italian food once a week?

Yes, we do./ No, we don’t.

We had Chinese food yesterday.

Did you have Chinese food yesterday?

Yes, we did./ No, we didn’t.

 

2. Wh-questions

  1. Wh-questions ได้แก่คำถามที่ผู้ตอบจะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ถามตาม Wh-word ที่วางไว้ต้นประโยคคำถาม เช่น

                          Q:  Where did Korn study?  

                          A:  He studied in Bangkok.   

                        Wh-words ซึ่งใช้นำหน้าประโยคคำถาม ได้แก่คำต่อไปนี้    who (ใคร = subject), whom (ใคร = object), what (อะไร = subject และ object), when (เมื่อไร), where (ที่ไหน),

how (อย่างไร), which (คน/อัน/สิ่งไหน), whose (ของใคร), why (ทำไม) การสร้างประโยคคำถามด้วย Wh-words

                    2.1 Who ใช้เมื่อถามถึงประธานของประโยคที่เป็นคน

การเรียงคำในประโยคคำถามเหมือนการเรียงคำในประโยคบอกเล่าดังนี้

Wh-word (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)?

Wh-word (= ประธานของประโยค) + กริยา (= aux. verb + main verb เมื่อเป็น tense อื่น)?  

                      นอกจาก  who ที่ใช้ถามถึงประธานของประโยคแล้วยังใช้ what, which, whose, how many ได้ ซึ่งเรียงคำในประโยคแบบเดียวกับ  who 

                    2.2 Whom ใช้เมื่อถามถึงบุคคลที่เป็นกรรมของประโยค 

                      หมายเหตุ  ปัจจุบันนิยมใช้  who  แทน  whom  โดยเฉพาะในภาษาพูดและภาษาไม่เป็นทางการ

                      การเรียงคำในประโยคคำถาม   ประธานของประโยค จะต้องวางสลับกับ กริยาช่วย  ดังนี้

                      – ในประโยคที่ใช้ tense ต่าง ๆ ที่มีกริยาช่วย วางประธานและกริยาช่วยสลับที่กัน   ในประโยคที่มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple tense หรือ past simple tense ต้องวางประธานและกริยา BE สลับที่กัน 

                  – ในประโยคที่มีกริยาอื่น เช่น  walk, buy, come, etc. เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple ต้องใช้ does วางหน้าประธานที่เป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์  และใช้ do  วางหน้าประธานที่เป็นบุรุษอื่น ๆ  แล้วเปลี่ยนกริยาแท้ให้อยู่ในรูป V base form วางไว้หลังประธาน  ถ้ากริยานั้นเป็น  past simple ให้ใช้  did วางหน้าประธานได้ทุกบุรุษ แล้วเปลี่ยนกริยาแท้ให้อยู่ในรูป  V base form วางไว้หลังประธาน

 

                 2.3 Whose ใช้เพื่อถามว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งของสิ่งหนึ่งหรือจำนวนหนึ่ง  ใช้คังนี้

                           whose:  Whose are these?   หรือ

                           whose + noun:  Whose car ran the fastest?  ประโยคคำถามนี้  “Whose car”

                  เป็นประธานของประโยค  รูปประโยคมีลักษณะดังนี้

                           whose + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)

                           Whose book are you reading? ประโยคคำถามนี้  Whose book เป็นกรรมของประโยค

                   รูปประโยคมีลักษณะดังนี้

                           whose + noun (=กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                   2.4 Which  ใช้เพื่อถามว่า คนไหน/อันไหน/สิ่งไหน   ใช้ในลักษณะเดียวกับ whose คือมีนามตามมา หรือไม่มีคำนามตามมา   และใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยคก็ได้  เช่น

                           Which car ran the fastest? (Which car = subject) การเรียงคำในประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           which + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา (= present simple หรือ past simple)

                           Which book did you buy? (Which book = object) การเรียงคำในประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           which + noun (= กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.5 What  มีความหมายว่าอะไร  ส่วนมากใช้เพื่อถามถึงสิ่งของ  มีคำนามตามมาหรือไม่มีคำนามตามมาก็ได้  และใช้เป็นประธานหรือกรรมของประโยคได้   เช่น

                   What made that noise? (What = subject)

                   What animals live on plants?  (What animals = subject) การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยค มีลักษณะดังนี้

                   what/ what + noun (= ประธานของประโยค) + กริยา(= present simple หรือ past simple)                                  

                   What did he drink? (What = object)

                   What musical instrument does he play? (What musical instrument = object)

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                    what/ what + noun (= กรรม) + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.6 When  มีความหมายว่าเมื่อไร ใช้ถามถึงเวลาซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค   เช่น

                           When did he leave?

                           When will they arrive?

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           when + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.7 Where มีความหมายว่าที่ไหน  ใช้ถามถึงสถานที่   ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค เช่น

                                  Where are the boys?

                                  Where were the boys?

                           ใน  2  ประโยคนี้มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน present simple tense และ past simple tense

                      ต้องวางประธานและกริยา BE สลับที่กันดังนี้ 

                           where +  BE  (= กริยาแท้) + ประธาน

                                 Where did he study?

                                  Where are they going?

                           ในประโยคที่กริยาแท้เป็นกริยาอื่น เช่น study, go walk, eat, etc. การเรียงคำในประโยค

                      ต้องมีลักษณะดังนี้ 

                           where + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

 

                      2.8 Why มีความหมายว่าทำไม ใช้ถามถึงเหตุผล ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค เช่น

                           Why did he leave early?

                           Why is he crying?

                      การเรียงคำในทั้ง 2 ประโยคมีลักษณะดังนี้ 

                           why + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

 

                      2.9 How มีความหมายว่าอย่างไร  ใช้ถามถึงลักษณะการกระทำว่าเป็นอย่างไร

                                      -ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของประโยค  

                           Ex:   How are the boys?

                                   How were the boys?

                           ใน 2 ประโยคนี้มี BE เป็นกริยาแท้ อยู่ใน  present simple tense และ past simple tense ต้องวางประธานและกริยา  BE  สลับที่กันดังนี้ 

                           how +  BE  (= กริยาแท้) + ประธาน

                           Ex:   How did he go to school?

                                    How are they going to the station?

                           ในประโยคที่กริยาแท้เป็นกริยาอื่น เช่น study, go, walk, eat, etc.

                      การเรียงคำในประโยค ต้องมีลักษณะดังนี้ 

                           how + กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

                           how ใช้กับคำคุณศัพท์หรือคำกริยาวิเศษณ์ได้  เช่น

                           How old is the boy?

                           How often did he go to the cinema?

                           How many people came to the party?

                           How much water must we drink?

                           สำหรับ  how many + N และ how much + N  ใช้เป็นประธานได้และเรียงคำในประโยคเหมือน who  หรือใช้เป็นกรรมของประโยคและเรียงคำในประโยคเหมือน whom

 

 

 

ตัวอย่างการตั้งคำถามและการตอบคำถามให้สอดคล้องกับคำถาม

QUESTION

ANSWER

Wh-word as subject

Aux. verb       

Main verb  

Others (Adv. / Prep phr.)

Who

 

came

yesterday?

Lily.

Who

 

is

in the room?

Peter.

Who

has

got

John’s address?

The secretary.

Which boy

 

won

the game?

Henry from Class A.

Whose student

is going to 

enter

the competition?

Mr. Brown’s.

What

 

made

him cry?

The loud noise.

 

 

 

การเรียงคำในประโยคคำถามข้างต้นเหมือนในประโยคบอกเล่า

QUESTION

ANSWER

WH-word

Aux. verb  

Subject  

Aux. verb

Main verb

Others (Adv./Prep phr.)

Whom

did

you

 

ask?

 

His father.

What

is

he

 

doing?

 

He’s studying for the exam.

Why

did

she

 

leave

early?

She wasn’t feeling well.

When

will

he

 

move

to Bangkok ?

Soon./ Next month.

Where

does 

he

 

live?

 

He lives on Wireless Road.

How

did

you

 

open

that can?

I used this opener.

How long

has

he

been

working

there?

For 4 years.

                      การเรียงคำในประโยคคำถามข้างต้น   ประธานของประโยค จะต้องวางสลับกับกริยาช่วย 
                      การตอบคำถามผู้ตอบจะต้องให้ข้อมูลแก่ผู้ถามตาม Wh-word ที่วางไว้ต้นประโยคคำถาม 

 

 

3. Tag Questions

  1. Tag Questions ได้แก่คำถามที่ส่วนหน้าเป็นรูปประโยคบอกเล่าหรือรูปประโยคปฏิเสธ และต่อท้ายหรือต่อส่วนสร้อยด้วยข้อความสั้น ๆ มีรูปเป็นคำถามคือ วางประธานและกริยาสลับที่กัน Tag question มีโครงสร้างดังนี้

                           ประโยคบอกเล่า, ส่วนสร้อยกริยาอยู่ในรูปปฏิเสธ 

                           ผู้ถามคาดหวังคำตอบ yes  

                                Peter has already gone home, hasn’t he?

                                ประโยคปฏิเสธ, ส่วนสร้อยกริยาอยู่ในรูปบอกเล่า

                                ผู้ถามคาดหวังคำตอบ no  

                                Peter hasn’t gone home yet, has he?

                           ส่วนที่เป็นคำถามต่อท้ายของ tag question จะประกอบด้วยกริยาช่วยและประธานที่เป็นคำสรรพนาม กริยาช่วยจะเป็นกริยาช่วยตัวเดียวกับที่อยู่ในส่วนหน้า  แต่เป็นรูปที่ต่างกัน คือ ถ้าส่วนหน้าเป็นรูปประโยคบอกเล่า  กริยาช่วยส่วนท้ายจะเป็นรูปปฏิเสธย่อ   ถ้าส่วนหน้าเป็นรูปประโยคปฏิเสธ กริยาช่วยส่วนต่อท้ายจะเป็นบอกเล่า   เช่น

                                John can come, can’t he?

                                John can’t come, can he?

                                Your sister has arrived, hasn’t she?

                                Your sister hasn’t arrived, has she?

                                Henry is working in the garden, isn’t he?

                                Henry isn’t working in the garden, is he?

                           ถ้าประโยคบอกเล่าส่วนหน้ามีกริยาแท้ที่เป็น present tense  ส่วนสร้อยจะต้องใช้ don’t  หรือ  doesn’t  แทนกริยาเดิม   ถ้ากริยาแท้เป็น past tense ส่วนสร้อยจะต้องใช้ didn’t  เช่น

                                You like Chinese food, don’t you?

                                He always comes to class late, doesn’t he?

                                Jim came home late, didn’t he?

                           ถ้าประโยคบอกเล่าส่วนหน้ามีกริยา BE หรือ have  เป็นกริยาแท้  ส่วนสร้อยจะใช้กริยา BE หรือ have  รูปปฏิเสธ  เช่น

                                He was late, wasn’t he?

                                She has two children, hasn’t she?

                                แต่   I am late, aren’t I?  (รูปปฏิเสธของ am  ให้ใช้  aren’t)

                           การทำประโยคคำสั่งเป็น tag question   ให้เติม   ‘will you?’/ ‘won’t you?’/ ‘can’t you?’ ต่อท้ายซึ่งใช้เมื่อพูดขอร้องโดยอาจจะแสดงถึงความรำคาญ หรือในการเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเอง  และสำหรับพูดขอร้องธรรมดา อาจจะใช้  could you?/ can you?/ would you? ต่อท้ายประโยคคำสั่ง   เช่น 

                                Stop talking, will you?

                                Sit down, will you?

                                Stop making that noise, can you?

                                Come a little bit early, can you?

 

 

ที่มา: http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english

 

[NEW] หลักการใช้ Verb to do (do, does) การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นปฏิเสธ คำถาม | ถาม did ตอบ – NATAVIGUIDES

70

SHARES

Facebook

Twitter

Do กับ Does ก็คือคำเดียวกัน แต่คำว่า do ใช้กับประธานพหูพจน์ ส่วน does ใช้กับประธาน เอกพจน์นะครับ จงจำให้แม่นเลยเชียว

หลักการใช้ Verb to do

หลักการใช้ verb to do

  • หลักการใช้ Verb to do คือ ประธานเอกพจน์ ใช้ does ประธานพหูพจน์ใช้ do
He, She, It, A cat
does
I, You, We, They, Cats
do

จริงๆแล้วคำว่า does คือการเติม s ที่ท้ายคำว่า do แต่ไม่ได้เติม s เฉยๆ แต่เป็นการเติม es  ตามหลักการทางภาษา

การย่อรูป

ปกติจะย่อรูปประโยคปฏิเสธเท่านั้น

do not = don’t  ดู น็อท = โดนท

does not = doesn’t  ดัส น็อท = ดัสเซินท

verb to do กับความหมายในประโยคต่างๆ

ประโยคบอกเล่า

He, She, It, A cat
does
ส่วนขยาย
I,You, We, They, Cats
do
ส่วนขยาย

1. ประโยคบอกเล่า ( ประธาน + do, does) แปลว่า ทำ จะทำอะไรบ้างนั้น ดูจากตัวอย่างเลย

I do the ironing in the morning.  ฉันรีดผ้าในตอนเช้า
You do the laundry everyday. คุณซักผ้าทุกวัน
We do the washing after dinner. พวกเราล้างจานหลังอาหารเย็น
He does homework in the evening. เขาทำการบ้านในตอนเย็น
My mom does housework everyday. แม่ของฉันทำงานบ้านทุกวัน

2. ประโยคบอกเล่า ( ประธาน + do, does+ กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s) ) แปลว่า จริงๆ ใช้เพื่อเน้น แต่ไม่ค่อยได้ใช้หรอก ยกตัวอย่างให้ดูเฉยๆ

I do love you. ผมรักคุณจริงๆ
She does clean the floor everyday. หล่อนทำความสะอาดพื้นทุกวันจริงๆ
We do go to school early. พวกเราไปโรงเรียนแต่เช้าจริงๆ

ประโยคปฏิเสธ

  •   do + not / does + not ใช้เป็นคำปฏิเสธใน present simple tense
He, She, It, A cat
does not
กริยาช่องที่1
I, You, We, They, Cats
do not
กริยาช่องที่ 1

I don’t  know.ผมไม่รู้

He doesn’t  love you. เขาไม่รักคุณ
She doesn’t  play football. หล่อนไม่เล่นฟุตบอล
It doesn’t rain everyday. ฝนไม่ตกทุกวัน
A cat doesn’t  eat rice. แมวไม่กินข้าว

You don’t drink coffee in the morning. คุณไม่ดื่มกาแฟในตอนเช้า
We don’t  go to school everyday. พวกเราไม่ไปโรงเรียนทุกวัน
They don’t  read newspapers.พวกเขาไม่อ่านหนังสือพิมพ์
Cats don’t sleep on the roof. แมวทั้งหลายไม่นอนบนหลังคา

ประโยคคำถาม  Yes / No Question

การทำประโยคคำถามให้เอา Do , Does  มาวางไว้หน้าประโยค ตามหลักที่ว่า การสร้างประโยคบอกเล่าเป็นคำถามนั้น ถ้าไม่กริยาช่วย (is, am, are/ can/ should/ must) ในประโยค ให้เอา Verb to do มาใช้แทน

ประโยคคำถามแบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ ถามในรูปแบบบอกเล่า และถามรูปแบบปฏิเสธ

1. การถามในรูปแบบบอกเล่า

Does
he, she, it, a cat
กริยาช่องที่ 1
Do
I, you, we, they, cats
กริยาช่องที่ 1
  • I love a cat? ผมรักแมว
    Dolove a cat? ผมรักแมวใช่ไหม
    Yes, you do./ No, you don’t. ใช่ / ไม่ใช่
  • He comes from China. เขามาจากจีน
    Does
    he come from China.? เขามาจากจีนใช่ไหม
    Yes, he does.  No, he doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • She likes football. หล่อนชอบฟุตบอล
    Does
    she like football? หล่อนชอบฟุตบอลใช่ไหม
    Yes, she does.  No, she doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • It rain in July. ฝนตกในเดือนกรกฎาคม
    Does
    it rain in July? ฝนตกในเดือนกรกฎาคาใช่ไหม
    Yes, it does.  No, it doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • A cat eats fish. แมวกินปลา
    Does
    a cat eat fish? แมวกินปลาใช่ไหม
    Yes, a cat does.  No, a cat doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • You go to school by car. คุณไปโรงเรียนโดยรถยนต์
    Do
    you go to school by car. คุณไปโรงเรียนโดยรถยนต์ใช่ไหม
    Yes, I do. / No, I don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • We eat rice everyday. พวกเรากินข้าวทุกวัน
    Do
    we eat rice everyday? พวกเรากินข้าวทุกวันใช่ไหม
    Yes, we do. / No, we don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • They sell fruit. พวกเขาขายผลไม้
    Do they sell  fruit? พวกเขาขายผลไม้ใช่ไหม
    Yes, they do. / No, they don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • Cats sleep at night. แมวนอนตอนกลางคืน
    Do
    cats sleep at night? แมวทั้งหลายนอนตอนกลางคืนใช่ไหม
    Yes, cats do. / No, cats don’t. ใช่  / ไม่ใช่

2. การถามในรูปแบบปฏิเสธ

การถามในรูปปฏิเสธแบ่งออกอีกสองประเด็นคือ ในรูปแบบเต็ม และรูปแบบย่อ แต่นิยมถามในรูปย่อมากกว่า

  • รูปแบบเต็ม

Does
he, she, it, a cat
not
กริยาช่องที่ 1
Do
I, you, we, they, cats
not
กริยาช่องที่ 1
  • รูปแบบย่อ

Doesn’t
he, she, it, a cat
กริยาช่องที่ 1
a car?
Don’t
I, you, we, they, cats
กริยาช่องที่ 1
a car?
  • Do I not love a cat? ผมไม่รักแมวใช่ไหม
    Yes, you do./ No, you don’t. ใช่ / ไม่ใช่
  • Doesn’t he come from China.? เขาไม่ได้มาจากจีนใช่ไหม
    Yes, he does.  No, he doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • Does she not like football? หล่อนไม่ชอบฟุตบอลใช่ไหม
    Yes, she does.  No, she doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • Doesn’t it rain in July? ฝนไม่ตกในเดือนกรกฎาคมใช่ไหม
    Yes, it does.  No, it doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • Does a cat not eat fish? แมวไม่กินปลาใช่ไหม
    Yes, a cat does.  No, a cat doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
  • Don’t you go  to school by car. คุณไม่ได้ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ใช่ไหม
    Yes, I do. / No, I don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • Do we not eat rice everyday? พวกเราไม่กินข้าวทุกวันใช่ไหม
    Yes, we do. / No, we don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • Don’t they sell  fruit? พวกเขาไม่ได้ขายผลไม้ใช่ไหม
    Yes, they do. / No, they don’t. ใช่  / ไม่ใช่
  • Do cats not sleep at night? แมวทั้งหลายไม่นอนกลางคืนใช่ไหม
    Yes, cats do. / No, cats don’t. ใช่  / ไม่ใช่

*** ไม่ว่าคำถามจะเป็นอย่างไร ถ้ามีก็บอกว่าใช่ ถ้าไม่มีก็บอกว่าไม่ เช่น ผมรักคุณนะ แล้วคุณมาถาม

Do you love? คุณรักฉันใช่ไหม
Yes, I do. ใช่ (ถูกต้องครับ เพราะผมรักคุณจริงๆ)

Don’t  you love me? คุณไม่รักฉันใช่ไหม
คุณจะตอบว่าอย่างไร
Yes, I do. ใช่ (แปลว่ารัก)
No, I don’t. ไม่ใช่ (แปลว่าไม่รัก)
ต้องตอบว่า Yes  นะครับ ถ้าตอบว่า No หมายความว่าผมไม่รักคุณเลย

ประโยคคำถาม Wh- Question

ให้เอาคำเหล่านี้ (Who, What, Where, When, Why, How) นำหน้าประโยค ตามด้วย do

Who do you love? คุณรักใคร
I love John. ฉันรักจอห์น

What do you like? คุณชอบอะไร
I like cats. ฉันชอบแมว

Where do you usually go on weekends? ปกติคุณไปไหนในวันหยุดสุดสัปดาห์
I usually go to the market?  ปกติผมไปตลาด

When does rainy season start? ฤดูฝนเริ่มเมื่อไหร่
It begins around July. มันเริ่มราวๆ เดือนกรกฎาคม

Why do you have to go now? ทำไมคุณต้องไปเดี๋ยวนี้
My friends are waiting for me. เพื่อนของฉันคอยอยู่

How long does it take? มันต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
About ten minutes. ประมาณ 10 นาที ประมาณ 10 นาที

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.5 / 5. Vote count: 313

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….


แต่งประโยคคำถามด้วย Do you และ Did you ในแบบที่ใช้จริง


☺ บทเรียนชุดใหญ่ FREE คลิก
https://www.youtube.com/watch?v=bwu778BTcMw\u0026list=PLQDByO7h40Pr3mGPhfHzruLF2zQdmII5\u0026ab_channel=EnglishFitandFirm
ʕ•́ᴥ•̀ʔ ติดตามบทเรียนของครูส้มได้ที่
☺ Facebook:
https://www.facebook.com/EnglishFitandFirm/
☺ IG:
https://www.instagram.com/eng_som_o/?hl=en
☺ YouTube:
https://www.youtube.com/channel/UCKoHHFMpTvk84IdG3GoNnfQ
☺ Line:
http://line.me/ti/p/%40xrm6341q

ʕ•́ᴥ•̀ʔ
ไลน์ @englishfitandfirm
Click: http://line.me/ti/p/%40xrm6341q

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

แต่งประโยคคำถามด้วย Do you และ Did you ในแบบที่ใช้จริง

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ป.6 เรื่อง การใช้ Did ในการถามและตอบคำถาม และบอกความแตกต่างของการใช้ Do, Does


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ป.6 เรื่อง การใช้ Did ในการถามและตอบคำถาม และบอกความแตกต่างของการใช้ Do, Does

ฝึกพูด ถาม-ตอบ 40 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน พร้อมคำอ่าน สำหรับเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง


💖 ถ้าอยากให้กำลังใจ มาสมัครสมาชิกกันนะครับ 💖
กดตรงนี้ 👉 https://www.youtube.com/channel/UCaiwEWHCdfCi23EYN1bWXBQ/join
ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ประโยคคำถาม คำตอบ 40 ประโยค
ฝึกออกเสียงประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน พร้อมคำอ่าน สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เป็นประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย เจอบ่อยในชีวิตประจำวัน ประโยคอังกฤษถามตอบเรื่องใกล้ตัว ง่ายๆ ฟังบ่อยๆ จะได้เข้าใจเวลาฝรั่งพูด ฟังชาวต่างชาติรู้เรื่อง สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น พัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ โดยการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี! คลิก: https://www.tonamorn.com/\r
\r
แจกศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1,000 คลิก: https://www.tonamorn.com/vocabulary\r
\r
สอน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ\r
https://www.tonamorn.com/learnenglish/writesentences/\r
\r
เรียนภาษาอังกฤษ จากภาพสวยๆ บนอินสตาแกรม\r
https://instagram.com/ajtonamorn\r
\r
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, ไวยากรณ์ แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย และบทเรียนภาษาอังกฤษอีกมากมาย เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงระดับสูง ฟรี 100%

ฝึกพูด ถาม-ตอบ 40 ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน พร้อมคำอ่าน สำหรับเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

#เรียนภาษาอังกฤษ Do you/ Did you/ Are you? ใช้ต่างกันอย่างไร?


ลองมาดูคามแตกต่างของการถามคำถามโดยใช้
Do you….?
Did you…?
Are you…? กันค่า
ติดตามเฟสบุ๊ค+ไอจีและสอบถามคอร์สเรียนที่
Facebook: https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
Instagram: https://www.instagram.com/english_kruwhan

#เรียนภาษาอังกฤษ Do you/ Did you/ Are you? ใช้ต่างกันอย่างไร?

Do you know ต่างกับ Did you know ยังไง | Tina Academy Ep.155


♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

Do you know ต่างกับ Did you know ยังไง | Tina Academy Ep.155

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ถาม did ตอบ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *