Skip to content
Home » [Update] Pronoun คืออะไร? มีทั้งหมดกี่แบบ ใช้ยังไงบ้าง? มาดูกัน! | they ใช้กับ – NATAVIGUIDES

[Update] Pronoun คืออะไร? มีทั้งหมดกี่แบบ ใช้ยังไงบ้าง? มาดูกัน! | they ใช้กับ – NATAVIGUIDES

they ใช้กับ: คุณกำลังดูกระทู้

PRONOUN คือ อะไร?

หลายคนตอบได้ว่า “คำสรรพนาม” ไง ง่ายๆ ไม่เห็นต้องถาม แต่! ที่ต้องถามเพราะคนส่วนใหญ่เวลาเจอข้อสอบ คำถามที่วัดเรื่องนี้ ยังจะมีความงงๆ ว่าควรใช้ Pronoun แบบไหน? คำนี้ กับคำนี้เหมือนกันมั้ยนะ? แม้คำถามจะง่ายแค่ไหน แต่ถ้าไม่แม่นซักที ก็เสียคะแนนเอาได้ง่ายๆ เลยนะ 
 

ข้อสอบ TOEIC วัด Pronoun ยังไง?

ก่อนไปรู้จักกับ Pronoun ทั้ง 5 ลองทำโจทย์ข้อนี้ดูก่อน ถ้าทำได้ –ลองอธิบายให้ตัวเองฟังดูว่าที่เลือกตอบข้อนั้นๆ เพราะอะไร? 
เสร็จแล้วลองอ่านต่อไปว่าที่เราเข้าใจมันถูกมั้ยนะ?

While some countries have made huge investments in the Caribbean lately, others have reduced _____.
(A) themselves
(B) their
(C) they
(D) theirs

สรุป Pronouns ทั้ง 5 แบบ

Subject Pronoun
Object Pronoun
Possessive Adjective
Possessive Pronoun
Reflexive Pronoun

I
me
my
mine
myself

you
you
your
yours
yourself

he
him
his
his
himself

she
her
her
hers
herself

it
it
its

itself

we
us
our
ours
ourselves

they
them
their
theirs
themselves

 

 

 

 

มาไขความกระจ่างเรื่อง Pronoun แต่ละแบบที่ออก สอบ TOEIC กัน และช่วงท้ายจะเอาแนว “ข้อสอบ TOEIC  พร้อมเฉลย” เรื่องนี้มาให้ลองทำกันดูด้วย 

ดูจากตารางด้านบนแล้ว Pronoun “เหมือนจะ” ไม่ยาก แต่ถ้าลองถามว่า “แต่ละแบบใช้ต่างกันยังไง?” หลายคนจะตอบไม่ค่อยได้ ไม่มั่นใจบ้าง ป้ะ! ค่อยๆ ไปดูทีละแบบกันดีกว่า

Subject Pronoun

I  –  You  –  We  –  They   –  He  –  She  –  It

ตามชื่อเลย คือ Pronoun ที่ทำตัวเป็น Subject (ประธาน) ของประโยคนั้นๆ ปกติมักจะใช้ขึ้นต้นประโยคเลย เช่น

  • He is not certain whether to invest in the property market.
  • I invited him to the meeting but he declined.
  • We bought both sofas from a big furniture warehouse out of town.

และอีกกรณีหนึ่งคือใช้เพื่อหลีกเลี่ยง “ความจำเจ” ในการพูดถึงประธานเดิม (ที่เคยกล่าวถึงไปแล้ว) ก็สามารถใช้ Subject Pronoun มาแทนได้เช่น

  • If James was here now, he’d know what to do.
    (James = he)
  • This table is broken and it needs to be repaired.
    (This table = it)

โครงสร้างของ Subject Pronoun ในประโยคพื้นฐานก็คือ = Subject Pronoun + Verb

 

Object Pronoun

me  –  you  –  us  –  them  –  him  –  her  –  it

ทำนองเดียวกันเลย คือเป็น Pronoun ที่ทำตัวเป็น Object (กรรม) ของประโยค เช่น

  • His passport was confiscated by the police to prevent him from leaving the country.
  • The company invited me to join the management team.
  • We really appreciate all the help you gave us last weekend.

และสามารถใช้ในกรณีที่พูดถึง Object ตัวเดิมอีกรอบได้ เช่น

  • Babies are curious about everything around them.
    (Babies = them)
  • Don’t bother drying the pan – just leave it to drain.
    (the pan = it)

โครงสร้างของ Object Pronoun ในประโยคคือ = Subject + Verb + Object Pronoun

 

Possessive Adjective

my  –  your  –  our  –  their  –  his  –  her  –  its

กลุ่มนี้ที่ต้องเรียกว่าเป็น Adjective เพราะว่ามันมักวางหน้าคำนามนั่นเอง (ขยายคำนาม) ว่าอะไร ของใคร เช่น

  • I’d like to talk to her supervisor about her performance.
  • Customs stopped us and checked our bags for alcohol and cigarettes.
  • She thanked the staff for their dedication and enthusiasm.

โครงสร้างของ Possessive Adjective คือ = Possessive Adjective + Noun

*ซึ่งทั้งก้อน สามารถไปปรากฎในประโยคเป็น Subject หรือ Object ก็ได้ เช่น

  • Everyone has their own ideas about the best way to bring up children.
    (ทำหน้าที่เป็น Object ของ has)
  • Our new house is heaps bigger than our last one.
    (ทำหน้าที่เป็น Subject ของประโยค)

 

Possessive Pronoun

mine  –  yours  – ours  –  theirs  – his  –  hers

เป็น Pronoun ที่แสดงความเป็นเจ้าของเหมือนกัน โดยจะไม่ได้วางไว้หน้าคำนาม แต่จะใช้แทนคำนามไปเลย ตัวอย่างประโยคเช่น

  • Your son is the same age as mine.
    (mine = my son)
  • Yours is the room on the top floor, on the left.
    (yours = your room)
  • Nicky and I both have red hair but hers is lighter than mine.
    (hers = her hair, mine = my hair)

จากตัวอย่างจะเห็นว่าการใช้ Possessive Pronoun นั้นสามารถใช้แทนคำนามในตำแหน่ง Subject หรือ Object ก็ได้ และนอกจากนี้ยังมีโครงสร้างการใช้แบบตามหลัง of ได้ด้วย เช่น

  • Susan is a friend of mine.
  • I think she’s a relation of theirs.

 

Reflexive Pronoun

myself  –  yourself  –  ourselves  –  themselves  –  himself  –  herself  –  itself

กลุ่มนี้มักจะใช้ในตำแหน่ง Object ในกรณีที่ Object นั้นๆ เป็นสิ่งเดียวกับ Subject ของประโยค  ตัวอย่างประโยคเช่น

  • I am teaching myself to play the piano.
    (myself – I คนเดียวกัน)
  • She kept telling herself that nothing was wrong.
    (herself – she คนเดียวกัน)
  • It was so noisy that we couldn’t hear ourselves speak.
    (ourselves – we คนเดียวกัน)

และสามารถใช้เพื่อบอกว่ากระทำ “ด้วยตัวเอง” คนเดียว ไม่มีใครช่วย โดยใช้ตามหลัง by เช่น

  • He lived by himself in an enormous house.
  • I prepared the whole meal by myself.

หรือใช้เน้นความหมายถึงคน หรือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงในประโยค เช่น

  • The director of the company wrote to us himself to apologize for the dreadful service.
    (เน้นว่าผู้อำนวยการเขียนจดหมายขอโทษด้วยตัวเองเลยนะ)
  • They themselves had no knowledge of what was happening.
    (เน้นที่พวกเขา – กรณีนี้ใช้เป็น Subject ได้เมื่อมาคู่กับ N./Pronoun เพราะใช้เน้นประธาน)

 

✿ พื้นฐานน้อย เตรียมสอบ TOEIC ยังไง? 

ถ้าพื้นฐานอ่อนมาก หรือไม่มีพื้นเลย ไม่แนะนำให้อ่านเองค่ะ เพราะจะเสียเวลาเตรียมตัวนาน แถมอาจจะเตรียมสอบได้ไม่ดี เพราะไม่รู้ว่าจับจุดถูกรึเปล่า

แนะนำให้หาคนช่วยติวให้ โดยที่ต้องเน้นเรื่องดังนี้ค่ะ

  • ปูพื้นฐาน Grammar ให้แม่นๆ เพราะจะช่วยในการฟัง และอ่านบทความต่างๆ ให้เข้าใจมากขึ้น
  • รู้ศัพท์ที่ออกบ่อยๆ เน้นจำเฉพาะคำที่ออกสอบบ่อย พร้อมพวกโครงสร้างการใช้ศัพท์ต่างๆ
  • ควรฝึกจากแนวข้อสอบจริงๆ จะพัฒนาเร็ว ทำให้ชินกับข้อสอบมากขึ้น
  • แนะนำให้หาคนช่วยติว เพราะถ้าพื้นฐานน้อยเราจะไม่รู้ว่าควรเริ่มจากอะไร เก็งตรงไหนบ้าง

 

 

✿ สรุปแกรมม่า TOEIC ออกสอบ ครบ จบในเล่มเดียว สั่งซื้อได้เลย! ✿ 
 

กดสั่งซื้อหนังสือสรุป TOEIC Grammar ทาง Shopee

หนังสือสรุปแกรมม่า TOEIC รวมหัวข้อ TOEIC Grammar ออกสอบ

 

กดสั่งซื้อหนังสือสรุป TOEIC Grammar ทาง Facebook

หนังสือสรุปแกรมม่า TOEIC รวมหัวข้อ TOEIC Grammar ออกสอบ

 

✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีให้ครบทุกอย่าง! 

ติว TOEIC ครูดิว พร้อมลองทำข้อสอบเหมือนจริง

ติว TOEIC กับครูดิว ดียังไง?

  • คอร์สติว TOEIC ของครูดิวนั้น เรียน Online
  • แบ่งบทเรียนชัดเจน เรียนง่ายไม่งง คลิ๊กเลือกบทเรียนที่ต้องการได้ทันที
  • สามารถหยุด, เล่นซ้ำบทเรียนที่ต้องการได้แบบไม่อั้น! (ตลอดระยะเวลาคอร์ส)
  • อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด!
  • มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน)
  • เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้
  • การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี!)

 

ทดลองติว TOEIC ฟรีได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC 

 

ลองทำข้อสอบ TOEIC เรื่อง Pronouns

ลองไปทดสอบความรู้กันดูหน่อยดีกว่า (แนวข้อสอบ TOEIC — ลองทำก่อนนะ เฉลยอยู่ด้านล่าง) 

1. The board of directors thanked Ruby Lin for _____efforts in organizing the shareholder’s meeting.

(A) her
(B) she
(C) herself
(D) hers

2. Jettizon Company expects that the new e-mail system will not affect _____ clients.

(A) it
(B) their
(C) its
(D) them

 

3. Unfortunately, replacing the copy machine will cost more than _____ had anticipated.

(A) us
(B) ours
(C) we
(D) our

 

4. While some countries have made huge investments in the Caribbean lately, others have reduced _____.

(A) themselves
(B) their
(C) they
(D) theirs

 

5. Mr. Takara has decided to employ a payroll service because it is becoming too difficult to manage the payroll accounts _____.

(A) himself
(B) him
(C) he
(D) his
 

เฉลย

1. ตอบ (A) her เพราะด้านหลังมี  efforts เป็น N. แสดงว่าด้านหน้าคำที่จะมาขยาย แสดงความเป็นเจ้าของได้คือ Possessive Adjective

2. ตอบ (C) its เหมือนกับข้อที่แล้ว มีคำนาม clients แสดงว่าด้านหน้าต้องเป็น Possessive Adjective แต่ข้อนี้ต้องดู Subject ด้วยคือ Jettizon Company เป็นเอกพจน์ ดังนั้นต้องใช้ its (ใช้ their ไม่ได้นะ)

3. ตอบ (C) we เพราะหลังช่องว่างเป็น V. (had anticipated) แสดงว่ายังขาดประธานอยู่ ซึ่ง Pronoun ที่จะมาเป็นประธานได้ก็คือ Subject Pronoun คือ we นั่นเอง

4. ตอบ (D) theirs ข้อนี้ตำแหน่งของช่องว่างตามหลัง S (others) และ V (have reduced) อยู่ แสดงว่าต้องเป็น Object แต่จะเลือก theirs หรือ  themselves ดี? – ต้องตอบ theirs นะ เพราะความหมายคือมีพูดถึงในท่อนแรกว่า “some countries have made hugh investments” แต่ others have reduced____ (ลดอะไร? ก็ต้องลดการลงทุนเหมือนที่กล่าวถึงในท่อนแรกสิ) แสดงว่าใช้ theirs เพื่อหมายถึง their investments นั่นเอง ถ้าใช้ themselves ความหมายจะเปลี่ยนไปเลยคือ ประเทศอื่นๆ ได้ลดด้วยตัวพวกเขาเอง — ลดอะไรก็ไม่รู้ =.=”

5. (A) himself ข้อนี้เป็นการเน้น ซึ่งประธานเป็นคนเดียวกัน เพราะเขาบอกว่า Mr. Takara ตัดสินใจใช้บริการเรื่องการจ่ายเงินเดือน เพราะว่ามันเริ่มยากเกินไปที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเอง

 

 

 

 

 

[NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | they ใช้กับ – NATAVIGUIDES

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่มีโครงสร้างเรียบง่ายมากที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งใน tense ที่ใช้บ่อย และเป็นพื้นฐานของแกรมม่าหัวข้ออื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง present simple tense ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Present simple tense คืออะไร

Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น

I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เราจะต้องใช้คำกริยารูป s/es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น

He goes to school every day.
เขาไปโรงเรียนทุกวัน

โครงสร้าง present simple tense

เมื่อเทียบกับ tense อื่นๆ present simple tense นั้นถือว่ามีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยหัวใจหลักอย่างหนึ่งของมันก็คือการใช้คำกริยาช่อง 1

แต่ present simple tense ก็มีความซับซ้อนนิดหน่อยตรงที่ว่า จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการคือ

  • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, teachers, cats, pens) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 (I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ (เช่น go, come, eat)
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องชนิดของประโยคอีก ซึ่งประโยคแต่ละชนิด อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม ก็จะมีโครงสร้างและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ

ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I love you.
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem) เช่นในประโยค I am a student.

ประโยคบอกเล่า

การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้

โครงสร้าง
Subject + verb 1 + (object/complement)

ตัวอย่างประโยคเช่น

I love my cat.
ฉันรักแมวของฉัน

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

ประโยคปฏิเสธ

การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราสามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเราสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น เราจะไม่ใช้รูปย่อ

โครงสร้าง
Subject + verb to be + not + (object/complement)

He isn’t an engineer.
เขาไม่ใช่วิศวกร
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.)

They aren’t students.
พวกเขาไม่ได้เป็นครู
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้

โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)

(ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

He doesn’t love me.
เขาไม่ได้รักฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.)

Her friends don’t like me.
เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.)

ประโยคคำถาม

การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be

โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?

ตัวอย่างประโยคเช่น

Is she angry?
เธอโกรธรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)

Are they students?
พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
Do/Does + subject + verb 1 + (object/complement)?

(ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

ตัวอย่างประโยคเช่น

Does he eat spicy food?
เขากินอาหารเผ็ดมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.)

Do they speak English?
พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.)

หลักการใช้ present simple tense

ใช้ present simple tense เมื่อใด

เราจะใช้ present simple tense เมื่อ

1. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

I am a student.
ฉันเป็นนักเรียน

Joe lives in Japan with his friend.
โจอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเพื่อน

My parents own a restaurant.
พ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของร้านอาหาร

2. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

I play football every day.
ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน

The train leaves every morning at 7 a.m. 
รถไฟจะออกทุกๆเช้าตอน 7 โมง

We often watch movies together.
พวกเราดูหนังด้วยกันบ่อยๆ

3. กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

Water boils at 100°C.
น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส

Students don’t generally have much money.
เด็กนักเรียนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีเงินมาก

4. กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

The bus arrives at the bus stop every 15 minutes.
รถบัสจะมาถึงป้ายทุกๆ 15 นาที

The party starts at 9 o’clock.
ปาร์ตี้จะเริ่มตอน 9 โมง

The school term starts next month.
โรงเรียนจะเปิดเทอมในเดือนหน้า

5. ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

To start the program, first you click the icon on the desktop.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอนบนเดสก์ท็อป

First of all, you break the eggs and whisk with sugar.
ก่อนอื่นให้คุณตอกไข่และตีไข่กับน้ำตาล

You go straight along the road and turn right at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุม

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Go straight along the road and turn right at the corner. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

เกร็ดความรู้
นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถใช้ present simple tense ในการเล่ามุขตลก หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ (เช่น เรื่องราวชีวิต เรื่องราวคนอื่น เรื่องราวจากหนังสือ เรื่องราวจากหนัง) ได้อีกด้วย การใช้ present simple tense ในการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เรื่องที่เล่านั้นดูสดใหม่และดูใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ past tense

คำบอกเวลากับ present simple tense

เนื่องจาก present simple tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร เราจึงมักจะเห็นคำบอกเวลาจำพวกคำบอกความถี่ (adverbs of frequency) ใน present simple tense บ่อยๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นได้แก่

Adverbs of frequencyความหมายAlwaysเป็นประจำ, เสมอUsuallyมักจะNormallyโดยปกติGenerallyโดยปกติOftenบ่อยครั้งFrequentlyบ่อยครั้งSometimesบางครั้งOccasionallyเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยRarelyนานๆครั้งHardlyนานๆครั้งNeverไม่เคย

ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น

I always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ

Peter often takes notes during conference.
ปีเตอร์จดโน้ตบ่อยๆเวลาประชุม

He is never late.
เขาไม่เคยสาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า adverbs of frequency นั้นจะถูกใช้ใน present simple tense บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

I always woke up at 6 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(เป็นกิจวัตรในอดีต ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เราจึงใช้ past simple tense)

I will always love you.
ฉันจะรักคุณเสมอ
(เป็นการพูดถึงอนาคต เราจึงใช้ future simple tense)

สรุป present simple tense

  • Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat)
  • แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน
  • ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างประโยคและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน สำหรับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ถ้าคำกริยาหลักไม่ใช่ verb to be เราจะต้องนำ do/does เข้ามาใช้ด้วย
  • เราจะใช้ present simple tense เมื่อ
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร
    • กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ
    • กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา
    • ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
    • ใช้เล่าเรื่องหรือเล่ามุขตลก เมื่อเราต้องการให้เรื่องนั้นดูสดใหม่หรือใกล้ตัวมากขึ้น
  • เรามักเจอคำบอกความถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใน present simple tense บ่อยๆ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความเป็นกิจวัตร แต่คำเหล่านี้ จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับใจความของประโยค

จบแล้วนะครับกับ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


งงป่ะ? Him, Her, His, Us, Me ใช้ยังไง? | Tina Academy Ep.115


♡ รายละเอียดคอร์สสอนภาษา https://www.tinaacademy.com
♡ดูตัวอย่างหนังสือเสียง https://www.tinaacademy.com/listenup
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @linetina (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x
tinaacademy pronoun เรียนภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

งงป่ะ? Him, Her, His, Us, Me ใช้ยังไง? | Tina Academy Ep.115

การใช้ I , You ,We , They , He , She , It เป็นประธานของประโยค | English Together


การใช้ I , You ,We , They , He , She , It เป็นประธานของประโยค

คลิปวีดีโอนี้เป็นคลิปแรกของแชแนลเรา ถ้าเราทำอะไรผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

การใช้ I , You ,We , They , He , She , It เป็นประธานของประโยค | English Together

[Eng Sub] แค่เพื่อนครับเพื่อน BAD BUDDY SERIES | EP.3 [1/4]


จากคนที่ไม่มีวันเป็น “เพื่อน” กันได้…สู่คนที่ไม่มีวันเป็นได้ “แค่เพื่อน”
ภัทร หนุ่มทะเล้น กากเกรียน และ ปราณ หนุ่มเนี้ยบ มาดคุณชาย ผู้ที่ถูกฟ้าลิขิตให้เป็นศัตรูกันตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เพราะพ่อแม่เปิดร้านอุปกรณ์ก่อสร้างอยู่ข้างกัน แข่งกันตัดราคา แย่งลูกน้อง เกลียดกันชนิดไม่เผาผี ทำให้ทั้งคู่ถูกวางตัวเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่เกิด ไม่ว่าใครคลานได้ก่อน เดินได้ก่อน เรียกพ่อแม่ได้ก่อน ทุกอย่างล้วนถูกเอามาเปรียบเทียบเกทับกัน
แต่วันหนึ่งตอนที่ทั้งคู่อายุ 12 ปี กำแพงความเกลียดชังของทั้งคู่ก็เริ่มมีรอยร้าว เมื่อ ภา น้องสาวของภัทรขี่จักรยานพลัดตกน้ำในคลองหมู่บ้าน ระหว่างที่ภัทรยังทำอะไรไม่ถูก เป็นปราณที่กระโจนลงน้ำไปช่วยภาขึ้นมา เหตุการณ์นั้นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เปลี่ยนไป แม้ภายนอกจะดูเป็นคู่แข่งกันเหมือนเดิม แต่ลึกๆ ข้างในก็ไม่เกลียดชังกันเท่าเดิม
จน ม.3 อาจารย์ให้ทั้งคู่ฟอร์มวงดนตรีด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น
4 ปีต่อมา โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อส่งให้ ภัทร เข้าเรียนปี1 เป็นประธานรุ่นฝั่งวิศวะ ขณะที่ ปราณ เป็นประธานรุ่นคณะสถาปัตย์ โดยที่ทั้ง 2 คณะเป็นคู่แค้นกันมานาน ทำให้ภัทรและปราณต้องกลับมาตีกันอีกครั้ง เมื่อภารู้เรื่อง ก็วีนแตก ยื่นคำขาดห้ามภัทรทำร้ายปราณเด็ดขาด เพราะบุญคุณที่เคยช่วยไว้ ทำให้ภัทรไปขอทำข้อตกลงกับปราณว่าจะแอบแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้ง 2 คณะทะเลาะกัน ปราณเองก็ไม่ชอบมีเรื่องเลยยอมตกลง
ทำให้ทั้งคู่เริ่ม “ความสัมพันธ์แบบลับๆ” ที่จะเป็นเพื่อนก็ไม่ใช่ ศัตรูก็ไม่เชิง แต่บันเทิงใจคนดู
สุดท้ายแล้วมิตรภาพบนความขัดแย้งของภัทรและปราณจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน ความลับจะแตกลงเมื่อไหร่ พ่อแม่จะยอมรับหรือไม่ หรือสุดท้ายจะมีวันที่ความขัดแย้งคลี่คลายหรือไม่
นำแสดงโดย
นนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์ รับบท ปราณ
โอม ภวัต จิตต์สว่างดี รับบท ภัทร
เลิฟ ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร รับบท ภา
มิ้ลค์ พรรษา วอสเบียน รับบท อิ๊ง
จิมมี่ จิตรพล โพธิวิหค รับบท ไว
เดรก สัตบุตร แลดิกี รับบท กร
มาร์ค ปาหุณ จิยะเจริญ รับบท หลุยส์
พร้อม ทีปกร ขวัญบุญ รับบท โม่
ลอตเต้ ฐกร พรหมสถิตกุล รับบท เซฟ
มาร์ค ภาคิน คุณาอนุวิทย์ รับบท ช้าง
ลีโอ พุฒ รับบท พ่อภัทร
ยุ้ย ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี รับบท แม่ภัทร
เอ พศิน เรืองวุฒิ รับบท พ่อปราณ
เปิ้ล ภารดี วงษ์สวัสดิ์ รับบท แม่ปราณ
แก๊ป ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล รับบท เฮียไช้
โขม ก้องเกียรติ โขมศิริรับบท ลุงต๋ง
กำกับซีรีส์ นพณัช ชัยวิมล
ติดตาม แค่เพื่อนครับเพื่อน BAD BUDDY SERIES
ทุกวันศุกร์ เวลา 20:30 น. ทางช่อง GMM25 | 22:30 น. ทาง WeTV
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ GMMTV ได้ที่
FB | https://www.facebook.com/GMMTVOFFICIAL
IG | https://www.instagram.com/GMMTV
Twitter | https://www.twitter.com/GMMTV
TikTok | http://vm.tiktok.com/RLrVAC
YouTube | https://www.youtube.com/GMMTV
LINETV | https://tv.line.me/st/gmmtv
Dailymotion | https://www.dailymotion.com/gmmtv
Weibo | http://www.weibo.com/u/6146914790
Website | http://www.gmmtv.com
ติดต่อโฆษณา
คุณชนิดา วงศ์ธนาภักดี โทร 026698330
[email protected]
BadBuddySeries
GMMTV

[Eng Sub] แค่เพื่อนครับเพื่อน BAD BUDDY SERIES | EP.3 [1/4]

Kitten Reaches Out His Hand For People, Hoping They’d Save Him | Animal in Crisis EP119


Please don’t forget to hit the CC button for Subtitles
One day, a strange cat lures people with cute charms, and brings them to the place, staring at one spot where a kitten crying sound comes from..
KritterKlub
Subscribe: goo.gl/dGz4TU
Get social with Kritter Klub
On Facebook: https://www.facebook.com/kritterklub/
On Instagram: https://www.instagram.com/kritter_klub/
On Twitter: https://twitter.com/Kritter_Klub
More videos about ‘Animal in crisis’: https://www.youtube.com/playlist?list=PLXUa4YQQiwqhR0VyOPYkdDdDrpUlExK4B
Kritter Klub Club for Critter Lovers
Looking for some critter stories? You are at the right place! We’re Korean animal lovers who have been filming critter stories from 2001 until now. That’s where the “K” comes from! Join the club by subscribing to our channel, and enjoy two new videos posted daily!

Kitten Reaches Out His Hand For People, Hoping They'd Save Him | Animal in Crisis EP119

การใช้ we our / they their


การใช้คำสรรพนาม ประธาน we they และคำแสดงความเป็นเจ้าของ our their

การใช้ we  our / they  their

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ they ใช้กับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *