Skip to content
Home » [Update] present simple tense | โครงสร้างประโยค present simple – NATAVIGUIDES

[Update] present simple tense | โครงสร้างประโยค present simple – NATAVIGUIDES

โครงสร้างประโยค present simple: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

 

Table of Contents

Present Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

หลักการใช้:

  • ใช้บอกกล่าว เล่าข้อเท็จจริงทั่วไปของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
  • โครงสร้าง คือ ประธาน + กริยาช่องที่ 1  หรือ ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es
  • ประโยคคำถามนั้น ถ้ามีกริยาพิเศษบางตัว ให้เอากริยานั้นนำหน้าประโยคได้เลย ถ้าไม่มีให้เอา Verb to do มาใช้
  • มีคำกริยา 3 ตัวที่ควรเรียนรู้และจำให้แม่น ใน Present Simple Tense ที่ต้องจดจำให้แม่น เพราะจะใช้กับ Tense อื่นๆด้วย

โครงสร้างประโยคบอกเล่า

ประธาน

 + 

กริยาช่องที่ 1

 (ประธานเอกพจน์กริยาเติม s, es)

ประธาน 

+

กริยาช่วย

+

กริยาช่องที่ 1

 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี

)

ตัวอย่าง

I eat 

a banana. ฉัน กิน กล้วย

She eats 

a banana. หล่อน กิน กล้วย

We should eat 

bananas. พวกเรา ควรจะ กิน กล้วย

He can eat

 banana. เขา สามารถ กิน กล้วย

A cat must eat

 bananas. ลิง ต้อง กิน กล้วย

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ

ประธาน + do/ does + not + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

ประธาน

 + 

กริยาช่วย

 + 

not 

กริยาช่องที่ 1

 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

ตัวอย่าง

I don’t eat

 a banana. ฉัน ไม่ กิน กล้วย

She doesn’t eat

 a banana. หล่อน ไม่ กิน กล้วย

I can’t eat

 a banana. ผมไม่สามารถกินกล้วย (กินกล้วยไม่เป็น)

She shouldn’t eat

 a banana. หล่อนไม่ควรกินกล้วย

You must not eat

 bananas. คุณต้องไม่กินกล้วย

โครงสร้างประโยคคำถาม

ถ้ามี     กริยาช่วย ให้เอากริยาช่วยนำหน้า  

ถ้าไม่มี กริยาช่วยให้เอา Verb to do (Do, Does)

Do/Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)


กริยาช่วย + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

ตัวอย่าง

Do

 you 

eat 

a banana? คุณ กิน กล้วย ใช่ไหม

Yes, I do. /No, I don’t. ใช่  / ไม่

Does

 she 

eat

 a banana? หล่อน กิน กล้วย ใช่ไหม

Yes, she does. /No, she doesn’t. ใช่ /ไม่

Can

 you 

swim

? คุณ สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำเป็นไหม)

Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)

Can’t

 you 

swim

? คุณ ไม่สามารถ ว่ายน้ำ ใช่ไหม (คุณว่ายน้ำไม่เป็นใช่ไหม)

Yes, I can. ใช่ (ว่ายน้ำเป็น) No, I can’t. ไม่ (ว่ายไม่เป็น)

Should

 I 

go

 now? ผม ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม

Yes, you should. ใช่ (ควรไป) No, you shouldn’t. ไม่ (ไม่ควรไป)

Must

 she 

go

 now? หล่อน ต้องไป เดี๋ยวนี้ ใช่ไหม

Yes, she must. ใช่ (ต้องไป) No, she mustn’t. ไม่ (ไม่ต้องไป)

ตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม Present Simple Tense

กริยาแท้ Verb to be ( is,  am,  are)

บอกเล่า She 

is

 a doctor. หล่อนเป็นหมอ

ปฏิเสธ  She 

is

 

not

 a doctor. หรือ 

She isn’t

 a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ

คำถาม  

Is 

she a doctor?  หล่อนเป็นหมอใช่ไหม

คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่

บอกเล่า I 

am

 a student. ฉันเป็นนักเรียน

ปฏิเสธ  I 

am

 not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน

คำถาม 

 

Are 

you

 a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม

คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่

บอกเล่า You 

are  

a tiger. คุณเป็นเสือ

ปฏิเสธ  You 

are 

not a tiger. หรือ You aren’t  a tiger. คุณไม่เป็นเสือ

คำถาม  

Am 

I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม

คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)

กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว

การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)

บอกเล่า  He 

has

 a car. เขามีรถ

ปฏิเสธ  He

 does

 not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ

คำถาม  

Does 

he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม

คำตอบ Yes, he 

does

. / No, he does not. หรือ No, he 

doesn’t

. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They

 have

 a cat. พวกเขามีแมว

ปฏิเสธ  They do not 

have 

a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว

คำถาม  Do they 

have 

a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม

คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาช่วย can, should, must

บอกเล่า  A dog

 can

 swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้

ปฏิเสธ  A dog

 cannot

 swim. หรือ A dog

 can’t

 swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้

คำถาม 

Can 

a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม

คำตอบ Yes, a dog 

can

. / No, a dog 

cannot

. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  Somchai 

should

 go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

ปฏิเสธ  Somchai

 should not

 go to school now. หรือ Somchai

 shouldn’t

 go to school now. สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

คำถาม  

Should 

Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

คำตอบ Yes, Somchai 

should

. / No, Somchai 

should not

. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She 

must 

go. หล่อนต้องไป

ปฏิเสธ She 

must 

not go. หรือ She mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป

คำถาม 

Must 

she  go? หลอ่นต้องไปใช่ไหม

คำตอบ Yes, She 

must

. / No, she 

mustn’t

. ใช่/ ไม่ใช่

ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม

Do + ประธานพหูพจน์ 

Does + ประธานเอกพจน์

บอกเล่า  I 

eat 

a banana. ฉันกินกล้วย

ปฏิเสธ  I 

don’t 

eat a banana. ฉันกินกล้วย

คำถาม  

Do 

I eat a banana? ฉันกินกล้วยใช่ไหม

คำตอบ Yes, I 

do

. /  No,I  

don’t

. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She 

eats 

a banana. หล่อนกินกล้วย

ปฏิเสธ  She 

doesn’t 

eat a banana. หล่อนไม่กินกล้วย

คำถาม  

Dose 

she eat a banana? หล่อนไม่กินกล้วยใช่ไหม

คำตอบ Yes, she 

does

. / No, she 

doesn’t

. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส

ปฏิเสธ  They 

don’t 

go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส

คำถาม  

Do 

they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม

คำตอบ Yes, they 

do

. / No,they 

don’t

. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  He 

goes 

to school. เขาไปโรงเรียน

ปฏิเสธ  He 

doesn’t 

go to school. เขาไม่ไปโรงเรียน

คำถาม  

Does 

he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม

คำตอบ Yes, he 

do

. / No,he 

doesn’t

. ใช่/ ไม่ใช่

การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question

(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย 

Is she a doctor?

Who 

is she?  หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)

She is a doctor.  หล่อนเป็นหมอ

Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม

What 

do they have?  พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)

They have a car. พวกเขามีรถ

Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม

Where 

does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)

He goes to school. เขาไปโรงเรียน

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

When 

should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่ (ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)

Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

Why 

should Somchai go to school now? ทำไม สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)

Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย

Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัสใช่ไหม

How 

do they go to school? พวกเขาไปโรงเรียนอย่างไร (ตัดโดยรถบัสออก เพราะคำตอบต้องการวิธีการ)

They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส

สรุปประเด็นที่ต้องจดจำให้ได้

1. การสร้างประโยคคำถาม (yes – no question) จากประโยคบอกเล่าถ้ามีให้นำหน้าประโยค (แต่ไม่ใช่ทุกตัว) ถ้าไม่มี ให้เอา Do กับ Does มาใช้แทน

2. การสร้างประโยคคำถาม (wh- question) ให้เอา wh-question นำหน้า yes-no question ได้เลย แต่ต้องตัดคำตอบออกด้วย

 

แหล่งอ้างอิง : https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-present-simple-tense/

:  https://sites.google.com/site/zthefly888/tense-12/present-tenses/1-present-simple-tense/prayokh-bxk-lea-ptiseth-khatham

Share this:

Like this:

Like

Loading…

[NEW] Present simple tense คืออะไร มีการใช้อย่างไร | โครงสร้างประโยค present simple – NATAVIGUIDES

Present simple tense เป็น tense พื้นฐานที่มีโครงสร้างเรียบง่ายมากที่สุด แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งใน tense ที่ใช้บ่อย และเป็นพื้นฐานของแกรมม่าหัวข้ออื่นๆอีกมากมาย

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง present simple tense ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Present simple tense คืออะไร

Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat) อย่างเช่น

I go to school every day.
ฉันไปโรงเรียนทุกวัน

แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 เราจะต้องใช้คำกริยารูป s/es แทน (เช่น goes, comes, eats) อย่างเช่น

He goes to school every day.
เขาไปโรงเรียนทุกวัน

โครงสร้าง present simple tense

เมื่อเทียบกับ tense อื่นๆ present simple tense นั้นถือว่ามีโครงสร้างที่เรียบง่าย โดยหัวใจหลักอย่างหนึ่งของมันก็คือการใช้คำกริยาช่อง 1

แต่ present simple tense ก็มีความซับซ้อนนิดหน่อยตรงที่ว่า จะมีการใช้คำกริยารูป s/es ด้วย โดยจะมีหลักการคือ

  • ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ (เช่น we, they, boys, teachers, cats, pens) หรือเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 1 และ 2 (I และ you) เราจะต้องใช้คำกริยารูปปกติ (เช่น go, come, eat)
  • ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats)

นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีประเด็นในเรื่องชนิดของประโยคอีก ซึ่งประโยคแต่ละชนิด อย่างเช่น ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม ก็จะมีโครงสร้างและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน ซึ่งก็คือ

ทบทวนความรู้
Subject แปลว่า ประธาน
Verb แปลว่า คำกริยา
Object แปลว่า กรรม หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่นในประโยค I love you.
Complement แปลว่า ส่วนเติมเต็ม ซึ่งก็คือคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เวลาใช้มักจะตามหลัง linking verb (เช่น is, am, are, feel, seem) เช่นในประโยค I am a student.

ประโยคบอกเล่า

การใช้ present simple tense ในประโยคบอกเล่า จะมีโครงสร้างและตัวอย่างประโยคดังนี้

โครงสร้าง
Subject + verb 1 + (object/complement)

ตัวอย่างประโยคเช่น

I love my cat.
ฉันรักแมวของฉัน

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

ประโยคปฏิเสธ

การใช้ present simple tense ในประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราสามารถใช้ not หลัง verb to be ได้เลย โดยเราสามารถเขียนย่อ is not ให้เป็น isn’t และย่อ are not ให้เป็น aren’t ได้ แต่สำหรับ am not นั้น เราจะไม่ใช้รูปย่อ

โครงสร้าง
Subject + verb to be + not + (object/complement)

He isn’t an engineer.
เขาไม่ใช่วิศวกร
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He is an engineer.)

They aren’t students.
พวกเขาไม่ได้เป็นครู
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะใช้ do/does + not ไว้หน้าคำกริยาหลัก โดยเราสามารถเขียนย่อ do not เป็น don’t และย่อ does not ให้เป็น doesn’t ได้

โครงสร้าง
Subject + do/does + not + verb 1 + (object/complement)

(ในประโยคปฏิเสธที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

He doesn’t love me.
เขาไม่ได้รักฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He loves me.)

Her friends don’t like me.
เพื่อนๆของเธอไม่ชอบฉัน
(รูปประโยคบอกเล่าคือ Her friends like me.)

ประโยคคำถาม

การใช้ present simple tense ในประโยคคำถาม จะมีโครงสร้างหลักๆ 2 แบบ คือ

1. ประโยคที่ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมี verb to be (is, am, are) เป็นคำกริยาหลัก เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย verb to be

โครงสร้าง
Verb to be + subject + (object/complement)?

ตัวอย่างประโยคเช่น

Is she angry?
เธอโกรธรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ She is angry.)

Are they students?
พวกเขาเป็นนักเรียนรึเปล่า
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They are students.)

2. ประโยคที่ไม่ได้ใช้ verb to be เป็นคำกริยาหลัก

ถ้าประโยคมีคำกริยาหลักเป็นคำกริยาอื่นที่ไม่ใช่ verb to be เราจะขึ้นต้นประโยคด้วย do/does แล้วคงคำกริยาหลักไว้หลังประธาน เหมือนประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง
Do/Does + subject + verb 1 + (object/complement)?

(ในประโยคคำถามที่ใช้ do/does เราจะใช้ does กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 และจะใช้ do กับประธานชนิดอื่นๆ และเราจะใช้คำกริยาหลัก เป็นคำกริยารูปปกติที่ไม่ได้เติม s/es เสมอ)

ตัวอย่างประโยคเช่น

Does he eat spicy food?
เขากินอาหารเผ็ดมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ He eats spicy food.)

Do they speak English?
พวกเขาพูดภาษาอังกฤษมั้ย
(รูปประโยคบอกเล่าคือ They speak English.)

หลักการใช้ present simple tense

ใช้ present simple tense เมื่อใด

เราจะใช้ present simple tense เมื่อ

1. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน

I am a student.
ฉันเป็นนักเรียน

Joe lives in Japan with his friend.
โจอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นกับเพื่อน

My parents own a restaurant.
พ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของร้านอาหาร

2. กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร

I play football every day.
ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน

The train leaves every morning at 7 a.m. 
รถไฟจะออกทุกๆเช้าตอน 7 โมง

We often watch movies together.
พวกเราดูหนังด้วยกันบ่อยๆ

3. กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ

The sun rises in the east.
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก

Water boils at 100°C.
น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส

Students don’t generally have much money.
เด็กนักเรียนโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีเงินมาก

4. กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา

The bus arrives at the bus stop every 15 minutes.
รถบัสจะมาถึงป้ายทุกๆ 15 นาที

The party starts at 9 o’clock.
ปาร์ตี้จะเริ่มตอน 9 โมง

The school term starts next month.
โรงเรียนจะเปิดเทอมในเดือนหน้า

5. ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ

To start the program, first you click the icon on the desktop.
ในการเริ่มโปรแกรม ก่อนอื่นให้คุณคลิกที่ไอคอนบนเดสก์ท็อป

First of all, you break the eggs and whisk with sugar.
ก่อนอื่นให้คุณตอกไข่และตีไข่กับน้ำตาล

You go straight along the road and turn right at the corner.
คุณตรงไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุม

(การให้คำแนะนำ หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ เราอาจละประธานได้ เช่น Go straight along the road and turn right at the corner. ซึ่งเราจะเรียกรูปประโยคที่ละประธานนี้ว่า imperative form)

เกร็ดความรู้
นอกจากกรณีเหล่านี้แล้ว เรายังสามารถใช้ present simple tense ในการเล่ามุขตลก หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ (เช่น เรื่องราวชีวิต เรื่องราวคนอื่น เรื่องราวจากหนังสือ เรื่องราวจากหนัง) ได้อีกด้วย การใช้ present simple tense ในการเล่าเรื่อง จะช่วยให้เรื่องที่เล่านั้นดูสดใหม่และดูใกล้ตัวมากขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ past tense

คำบอกเวลากับ present simple tense

เนื่องจาก present simple tense จะถูกใช้เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร เราจึงมักจะเห็นคำบอกเวลาจำพวกคำบอกความถี่ (adverbs of frequency) ใน present simple tense บ่อยๆ ซึ่งคำเหล่านี้นั้นได้แก่

Adverbs of frequencyความหมายAlwaysเป็นประจำ, เสมอUsuallyมักจะNormallyโดยปกติGenerallyโดยปกติOftenบ่อยครั้งFrequentlyบ่อยครั้งSometimesบางครั้งOccasionallyเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยRarelyนานๆครั้งHardlyนานๆครั้งNeverไม่เคย

ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น

I always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ

Peter often takes notes during conference.
ปีเตอร์จดโน้ตบ่อยๆเวลาประชุม

He is never late.
เขาไม่เคยสาย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า adverbs of frequency นั้นจะถูกใช้ใน present simple tense บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

I always woke up at 6 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงเป็นประจำ เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(เป็นกิจวัตรในอดีต ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว เราจึงใช้ past simple tense)

I will always love you.
ฉันจะรักคุณเสมอ
(เป็นการพูดถึงอนาคต เราจึงใช้ future simple tense)

สรุป present simple tense

  • Present simple tense คือรูปคำกริยาที่ใช้กับข้อเท็จจริงทั่วไป สิ่งที่เป็นกิจวัตร หรือแผนการและตารางเวลา ซึ่งจะใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น go, come, eat)
  • แต่ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 (เช่น he, she, it, boy, teacher, cat, pen) เราจะต้องใช้คำกริยารูปที่เติม s/es (เช่น goes, comes, eats) แทน
  • ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธ จะมีโครงสร้างประโยคและรายละเอียดการใช้ tense ที่ต่างกัน สำหรับประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ ถ้าคำกริยาหลักไม่ใช่ verb to be เราจะต้องนำ do/does เข้ามาใช้ด้วย
  • เราจะใช้ present simple tense เมื่อ
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน
    • กล่าวถึงสิ่งที่เป็นกิจวัตร
    • กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามธรรมชาติ
    • กล่าวถึงแผนการหรือตารางเวลา
    • ให้คำแนะนำ ข้อมูล หรือรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ
    • ใช้เล่าเรื่องหรือเล่ามุขตลก เมื่อเราต้องการให้เรื่องนั้นดูสดใหม่หรือใกล้ตัวมากขึ้น
  • เรามักเจอคำบอกความถี่ (เช่น always, often, sometimes) ใน present simple tense บ่อยๆ เพราะเป็นคำที่ใช้บ่งบอกถึงความเป็นกิจวัตร แต่คำเหล่านี้ จริงๆแล้วก็สามารถใช้กับ tense อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับใจความของประโยค

จบแล้วนะครับกับ present simple tense ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


Present Simple | โครงสร้างประโยคในภาษาอังกฤษตอนที่ 1


ENGLISH เรียนสดออนไลน์
คอร์สเด็กเล็กและผู้ใหญ่ เรียนภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา
Follow us in Facebook
https://www.facebook.com/hashtagenglishasia/
Our website
www.HashtagEnglish.com

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Present Simple | โครงสร้างประโยคในภาษาอังกฤษตอนที่ 1

หลักการใช้ Present continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย


รียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

หลักการใช้ Present continuous Tense ฉบับเข้าใจง่าย

Sara’s Day – featuring the Present Simple


What do you do EVERY DAY?
Wake up, go to work, have lunch, go home…
Watch this video about Sara’s day.
There are lots of examples of the PRESENT SIMPLE tense.
We use the Present Simple for repeated action, things that we always do.
Find out more about learning English with us:
Visit http://bigbusinessenglish.com/

Sara's Day - featuring the Present Simple

Present Continuous Verb Chant – What Are You Doing? – Pattern Practice #1


Practice Past Tense Verbs ➡ https://goo.gl/kQ1t1W
SUBSCRIBE ➡ https://goo.gl/XZsjWx
Practice the present continuous verb form with this simple verb chant from ELF Learning. This is a question and answer video that is good for both kids and adults in the EFL and ESL classroom.
Vocabulary and patterns include:
What are you doing?
I’m sitting in a chair.
I’m pushing a cart.
I’m pulling a wagon.
I’m singing a song.
I’m reading a book.
I’m washing my hands.
I’m brushing my hair.
I’m drying my hair.

More pattern practice videos here:
https://www.youtube.com/watch?v=0b4rsDuzThE\u0026list=PLExTzuPeBK8vZ1blk14nUbOqEhqpIY6oG
Get our 1st CD Let’s Take A Walk:
CDBaby: http://www.cdbaby.com/cd/elflearning
Amazon: http://goo.gl/qIWhGU
Get our 2nd CD Classroom Classics
iTunes: https://itunes.apple.com/jp/album/kidssongs2classroomclassics/id866000243?l=en
CDBaby: http://www.cdbaby.com/cd/elflearning2
Amazon: http://goo.gl/z7clDu
Get our Halloween Song Halloween PeekABoo!
iTunes: https://itunes.apple.com/jp/album/halloweenpeekaboo!single/id1040339116?l=en
CDBaby: http://www.cdbaby.com/cd/elflearning3
Amazon: http://goo.gl/YwZKQJ
To Subscribe this channel,click here:https://www.youtube.com/user/omigrad?sub_confirmation=1
Get our Phonics Books, Games and More:
http://www.elflearning.jp
(In Japan) http://goo.gl/iIe26t
Like Us on
Connect with us on G+: https://plus.google.com/+ELFKidsVideos
Like us on Facebook: https://www.facebook.com/elflearning
Tweet us your favourite videos on: https://twitter.com/ELFLearning
You can learn more about ELF Learning here: https://goo.gl/DiYWbM
Our School: http://elfkids.jp/
Visit Our Website: http://www.elflearning.jp
Alternate YouTube Page (for teachers and material support): https://www.youtube.com/user/ELFLearning

ELF Learning creates songs, videos and other learning materials for kids all over the world. Based in Japan, we publish books, CDs, DVDs and of course…learning videos!
Our videos are designed for children ages 2~10 and cover a wide range of topics.
Our song videos are a mix of original and classic children’s songs. We try hard to add the ELF touch clear vocals, different genres and lots of FUN!
Our learning videos cover vocabulary, phrases and patterns perfect for the ESL and EFL classroom.
Many of our videos work well with special needs children, especially those with Autistic Disorder, Speech and Language Impairments and Speech, Reading and Learning Disabilities. We often receive emails from parents thanking us for helping their child learn to speak or read and each time it makes our day!
ELF Learning Everyone Loves FUN Learning!

Present Continuous Verb Chant - What Are You Doing? - Pattern Practice #1

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ โครงสร้างประโยค present simple

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *