Skip to content
Home » [Update] Noun คืออะไร มีการใช้อย่างไร | plural nouns คือ – NATAVIGUIDES

[Update] Noun คืออะไร มีการใช้อย่างไร | plural nouns คือ – NATAVIGUIDES

plural nouns คือ: คุณกำลังดูกระทู้

Noun หรือที่แปลเป็นไทยว่า “คำนาม” ถือเป็นหนึ่งในหัวข้อแกรมม่าพื้นฐานภาษาอังกฤษที่สำคัญ

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง noun ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้แล้ว ทั้งนิยามของ noun ประเภทของ noun การใช้ noun รวมไปถึงวิธีการดู noun จาก noun suffix เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Noun คืออะไร

Noun (คำนาม) คือคำที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ กิจกรรม เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรม ยกตัวอย่างเช่น

ชื่อคน ชื่อสัตว์ ชื่อสถานที่

  • John – จอห์น
  • Garfield – การ์ฟีลด์
  • Chiang Mai – จังหวัดเชียงใหม่
  • Doi Inthanon – ดอยอินทนนท์
  • Siam Paragon – ห้างสยามพารากอน
  • Suvarnabhumi Airport – สนามบินสุวรรณภูมิ

คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ กิจกรรม เหตุการณ์

  • Boy – เด็กผู้ชาย
  • Dog – สุนัข
  • Pen – ปากกา
  • School – โรงเรียน
  • Tennis – กีฬาเทนนิส
  • Wedding – งานแต่งงาน

สิ่งที่เป็นนามธรรม

  • Idea – ความคิด
  • Danger – อันตราย
  • Feeling – ความรู้สึก
  • Sadness – ความเศร้า
  • Happiness – ความสุข
  • Relationship – ความสัมพันธ์

เราจะรู้ได้ยังไงว่าคำไหนเป็น noun

นอกจากการเรียนรู้คำศัพท์แบบตรงๆแล้ว ยังมีอีกวิธีที่จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าคำไหนเป็น noun ซึ่งก็คือการดู noun suffix

ทบทวนความรู้
Suffix คือรากศัพท์ที่ใช้วางหลังคำอื่น เพื่อให้เกิดเป็นคำใหม่ อย่างเช่น คำว่า teach ซึ่งแปลว่า “สอน” เมื่อใช้ร่วมกับ suffix -er จะเกิดเป็นคำใหม่คือ teacher ซึ่งแปลว่า “ครู”

Noun suffix คืออะไร

Noun suffix คือรากศัพท์ที่ใช้ลงท้าย noun อย่างเช่น -er ใน teacher, runner, writer หรือ -ee ใน employee, trainee, interviewee

การรู้ noun suffix ที่ใช้บ่อย จะทำให้เราสามารถเดาศัพท์ ว่าคำไหนเป็น noun ได้ถูกต้องมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีเวลาเราเจอศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายหรือเวลาทำข้อสอบ

ตัวอย่าง noun suffix ที่ใช้บ่อย

Noun suffixตัวอย่าง noun-anceDistance – ระยะทาง
Insurance – ประกัน
Substance – สาร-domFreedom – อิสรภาพ
Kingdom – ราชอาณาจักร
Wisdom – ปัญญา-eeEmployee – ลูกจ้าง
Interviewee – ผู้ถูกสัมภาษณ์
Trainee – ผู้ได้รับการฝึก-eerEngineer – วิศวกร
Puppeteer – นักเชิดหุ่น
Volunteer – อาสาสมัคร-enceConfidence – ความมั่นใจ
Difference – ความต่าง
Silence – ความเงียบ-erReader – ผู้อ่าน
Teacher – ครู
Writer – นักเขียน-hoodChildhood – ช่วงวัยเด็ก
Motherhood – ความเป็นแม่
Neighborhood – ย่านใกล้เคียง-ionCelebration – การฉลอง
Decision – การตัดสินใจ
Option – ทางเลือก-ismCapitalism – ระบบทุนนิยม
Nationalism – ความเป็นชาตินิยม
Tourism – การท่องเที่ยว-istJournalist – นักข่าว
Psychologist – นักจิตวิทยา
Tourist – นักท่องเที่ยว-ityNationality – สัญชาติ
Possibility – ความเป็นไปได้
Responsibility – ความรับผิดชอบ-mentAdvertisement – โฆษณา
Entertainment – ความบันเทิง
Payment – การจ่ายเงิน, ค่าตอบแทน-nessBusiness – ธุรกิจ
Happiness – ความสุข
Thickness – ความหนา-orAuthor – นักเขียน
Doctor – หมอ
Director – ผู้กำกับ, ผู้อำนวยการ-ryDelivery – การส่งของ
Forestry – การป่าไม้
Laboratory – ห้องปฏิบัติการ-tyProperty – ที่ดิน, ทรัพย์สมบัติ
Society – สังคม
Warranty – การรับประกัน-shipFriendship – มิตรภาพ
Leadership – ความเป็นผู้นำ
Membership – ความเป็นสมาชิก

อย่างไรก็ตาม แม้ noun suffix จะช่วยให้เราเดาว่าคำไหนเป็น noun ได้ แต่ก็ไม่ได้แม่นยำ 100% เพราะคำบางคำก็ทำได้หลายหน้าที่ เช่น เป็นได้ทั้ง noun และ adjective เราต้องดูรูปประโยคประกอบ ว่าในประโยคนั้นมันทำหน้าที่อะไร

(เช่น คำว่า “military” ที่สามารถใช้เป็น noun แปลว่า “ทหาร” หรือ “การทหาร” และยังสามารถใช้เป็น adjective ได้อีกด้วย ซึ่งจะแปลว่า “ที่เกี่ยวข้องกับการทหาร”)

หรือคำบางคำที่ดูเหมือนจะลงท้ายด้วย noun suffix แต่จริงๆแล้วเป็นคำประเภทอื่น ก็พอมีอยู่บ้างเช่นกัน (เช่น คำว่า wary ที่ดูเหมือนจะลงท้ายด้วย noun suffix -ry แต่จริงๆแล้วเป็น adjective แปลว่า “ระมัดระวัง”)

Noun มีกี่ประเภท

หลักๆแล้ว เราสามารถแบ่งประเภทของ noun โดยใช้เกณฑ์ได้ 3 แบบ คือ

  • แบ่งตามปริมาณ แบ่งได้ 2 ประเภท (เอกพจน์และพหูพจน์)
  • แบ่งตามความนับได้หรือนับไม่ได้ แบ่งได้ 2 ประเภท (คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้)
  • แบ่งตามหมวดหมู่คำ แบ่งได้ 5 ประเภท (common noun, proper noun, concrete noun, abstract noun, collective noun)

เอกพจน์และพหูพจน์

ในด้านปริมาณ noun จะแบ่งได้เป็นคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์

คำนามเอกพจน์ (singular noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น student, pen, dish, foot, child

คำนามพหูพจน์ (plural noun) คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไป คำนามพหูพจน์จะเป็นคำนามที่เปลี่ยนรูปมาจากเอกพจน์ด้วยการเติม s หรือ es ต่อท้าย เช่น students, pens, dishes หรือบางคำก็ใช้การเปลี่ยนหรือเติมตัวอักษรอื่นแทน เช่น feet, children

ตัวอย่างคำนามเอกพจน์และพหูพจน์ก็อย่างเช่น

เอกพจน์ความหมายพหูพจน์ความหมายA studentนักเรียนหนึ่งคนTwo studentsนักเรียนสองคนA penปากกาหนึ่งด้ามFour pensปากกาสี่ด้ามThis dishจานใบนี้ (หนึ่งใบ)These dishesจานเหล่านี้ (หลายใบ)This footเท้าข้างนี้ (ข้างเดียว)My feetเท้าของฉัน (สองข้าง)A childเด็กหนึ่งคนAll childrenเด็กทุกคน

พจน์ของ noun จะมีผลต่อการเลือกใช้รูปคำกริยาในประโยค โดยเราจะใช้คำนามเอกพจน์กับคำกริยารูปเอกพจน์ (เช่น is, has, does, คำกริยารูปที่เติม s/es) และจะใช้คำนามพหูพจน์กับคำกริยารูปพหูพจน์ (เช่น are, have, do, คำกริยารูปที่ไม่ได้เติม s/es)

คำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้

ในภาษาอังกฤษ noun จะแบ่งออกเป็นคำนามนับได้และคำนามนับไม่ได้

คำนามนับได้ (countable noun) คือคำนามที่นับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ อย่างเช่น

  • Man (ผู้ชาย) – นับได้ว่ากี่คน
  • Cat (แมว) – นับได้ว่ากี่ตัว
  • Pen (ปากกา) – นับได้ว่ากี่ด้าม

คำนามนับไม่ได้ (uncountable noun) คือคำนามที่ตามธรรมชาติแล้วนับจำนวนเป็นชิ้นเป็นอันได้ยาก เรามักจะมองเป็นภาพรวมหรือเป็นกลุ่มก้อนมากกว่า อย่างเช่น

  • Water (น้ำ) – เราจะไม่นับน้ำว่ามีกี่หยด
  • Sugar (น้ำตาล) – เราจะไม่นับน้ำตาลว่ามีกี่เม็ด
  • Happiness (ความสุข) – ไม่สามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันได้

เราสามารถทำคำนามนับไม่ได้ให้กลายเป็นคำนามนับได้ด้วยการกำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน อย่างเช่น A glass of water (น้ำหนึ่งแก้ว), two teaspoons of sugar (น้ำตาลสองช้อนชา)

คำนามนับได้และนับไม่ได้จะมีความเกี่ยวข้องกับเอกพจน์และพหูพจน์คือ

  • คำนามนับได้จะมีทั้งรูปเอกพจน์และพหูพจน์ เช่น คำว่า cat เป็นเอกพจน์ มีรูปพหูพจน์คือ cats
  • คำนามนับไม่ได้จะมีแค่รูปเอกพจน์เท่านั้น (ยกเว้นเมื่อเรากำหนดหน่วยเฉพาะให้มัน) เช่น คำว่า water เป็นเอกพจน์ แต่จะไม่มีรูปพหูพจน์ (เราจะไม่ใช้ waters)

แบ่งตามหมวดหมู่คำ

Noun จะแบ่งตามหมวดหมู่คำได้เป็น 5 ประเภท คือ

  1. Common noun คือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งทั่วไปแบบไม่เจาะจง เช่น child, student, pen, house, happiness, sadness, group, family
  2. Proper noun คือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆแบบเจาะจงระบุชื่อ เช่น John, Anne, Bangkok, Japan, Monday, Microsoft การใช้ proper noun เราจะใช้ตัวอักษรตัวแรกเป็นตัวใหญ่เสมอ
  3. Concrete noun คือคำนามที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ เช่น child, student, pen, house (concrete noun ถือเป็นส่วนหนึ่งของ common noun)
  4. Abstract noun คือคำนามที่เป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เช่น happiness, sadness, love, relationship (abstract noun ถือเป็นส่วนหนึ่งของ common noun)
  5. Collective noun คือคำนามที่ใช้เรียกกลุ่มของสิ่งต่างๆ เช่น group, family, team, government (collective noun ถือเป็นส่วนหนึ่งของ common noun)

การใช้ noun ในประโยค

การใช้ noun จะใช้ได้ 4 แบบหลักๆ คือ

1. Noun ทำหน้าที่เป็นประธาน (subject)

Noun ที่ทำหน้าที่เป็นประธาน มักจะอยู่ต้นๆประโยค ตัวอย่างเช่น

Tim lives in Bangkok.
ทิมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ

This bag is very heavy.
กระเป๋าใบนี้หนักมาก

2. Noun ทำหน้าที่เป็นกรรม (object)

กรรมคือผู้ถูกกระทำ noun ที่ทำหน้าที่เป็นกรรม มักจะอยู่หลัง verb ตัวอย่างเช่น

I play with my cat every day.
ฉันเล่นกับแมวของฉันทุกวัน

She gave me a book yesterday.
เธอให้หนังสือหนึ่งเล่มแก่ฉันเมื่อวานนี้

ตัวอย่างประโยคที่ 2 นี้ จะมีกรรม 2 ตัว โดย book จะถือเป็นกรรมตรง (direct object) เพราะเป็นสิ่งที่ถูกกระทำโดยตรง ส่วน me จะถือเป็นกรรมรอง (indirect object) เพราะเป็นผู้ที่ได้รับผลของการกระทำ

3. Noun ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็ม (complement)

ข้อแตกต่างระหว่างกรรมและส่วนเติมเต็มก็คือ กรรมเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ส่วนเติมเต็มเป็นคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน ซึ่งมักจะตามหลัง linking verb อย่างเช่น is, am, are, was, were, feel, seem, sound, taste เป็นต้น

Anne is a writer.
แอนเป็นนักเขียน

We are Thai.
พวกเราเป็นคนไทย

4. Noun ที่ทำหน้าที่อื่นๆ

Noun ยังสามารถทำหน้าที่อย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาได้อีกด้วย ซึ่งก็คือ

ทำหน้าที่ขยายความ noun ที่อยู่ข้างหน้า (appositive noun)

My friend, Joe, lives in the same town with me.
เพื่อนของฉัน ซึ่งก็คือโจ อาศัยอยู่ในเมืองเดียวกับฉัน
(คำว่า Joe ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ my friend เป็นการระบุว่าคือเพื่อนคนไหน)

ทำหน้าที่เป็นคำขยาย (modifier) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ noun ที่ตามหลัง

I love leather bags.
ฉันชอบกระเป๋าหนัง
(คำว่า leather จริงๆแล้วเป็น noun แต่ในประโยคนี้จะทำหน้าที่เหมือน adjective ขยายคำว่า bags การที่ noun 2 ตัวอยู่ติดกันโดยไม่มีคอมม่าคั่น noun ตัวหน้าจะทำหน้าที่เหมือน adjective ขยาย noun ตัวหลัง)

ทำหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของ (possessive noun) โดยจะต้องใส่ ’s หลัง noun ที่เป็นเจ้าของ

Susan’s cat is very cute.
แมวของซูซานนั้นน่ารักมาก

แต่ถ้า noun นั้นเป็นคำนามพหูพจน์ที่ลงท้ายด้วย s เราจะใส่แค่เครื่องหมาย ’ เฉยๆ

My friends’ houses are far from school.
บ้านของเพื่อนๆฉันนั้นอยู่ไกลจากโรงเรียน

จบแล้วนะครับกับเรื่อง noun ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจกันแล้วว่า noun คืออะไร และมีการใช้อย่างไร ถ้ายังไงก็อย่าลืมทบทวนและฝึกใช้บ่อยๆนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] คำนามเอกพจน์ (Singular Noun) และคำนามพหูพจน์ (Plural Noun) ภาษาอังกฤษ ม.ปลาย | plural nouns คือ – NATAVIGUIDES

คำนามเอกพจน์ คือ คำนามที่แสดงถึงสิ่งของเพียงชิ้นเดียว คนๆเดียว หรือสัตว์ตัวเดียว เช่น กระเป๋า 1 ใบ (a bag) ผู้ชาย 1 คน (a man) พูดง่ายๆเลยก็คือ อะไรก็ตามที่มีเพียงหนึ่งหน่วย

คำนามพหูพจน์ คือ คำนามที่แสดงถึงสิ่งของที่มีมากกว่า 1 ชิ้น เช่น กระเป๋า 2 ใบ (2 bags) ผู้ชาย 4 คน (4 men) เป็นต้น

อย่างที่เรารู้กันดีว่า ในภาษาอังกฤษเวลาที่เราต้องการเปลี่ยน “คำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์” เพื่อบอกปริมาณสิ่งของที่เพิ่มขึ้นนั้นสามารถทำได้หลายวิธี มาดูกันว่ามีวิธีการใดบ้าง
วิธีการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีทั้งหมด 7 วิธีด้วยกัน

1. เติม –s ท้ายคำนามได้เลย

       ได้ยินกันบ่อยมากกก เรื่องของการ เติม –s เวลาที่เราต้องการพูดถึงคำนามที่มีมากกว่าหนึ่ง ส่วนมากเราสามารถเติม –s ไปหลังคำนามได้เลย เช่น ห้างสรรพสินค้า 3 แห่ง จากเดิมที่ใช้ Mall ก็ให้เติม –s ลงไป เป็น Malls แทน

ตัวอย่าง I heard that Central will renovate three of their shopping malls this year.

2. หากคำนามลงท้ายด้วย ch, s, ss, sh, x, และ z ต้องเติม -es ท้ายคำนั้นๆ

Singular
Plural
คำแปล

bush (บุช)
bushes (บุช-เชส)
พุ่มไม้

bus (บัส)
buses (บัส-เซส)
รถเมล์

dress (เดรส)
dresses (เดรส-เซส)
ชุดกระโปรง

church (เชิร์ช)
churches (เชอร์-เชส)
โบสถ์

3. คำนามที่ลงท้ายด้วย O แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ เติม –s หรือ เติม –es
– ส่วนมากแล้วคำนามที่ลงท้ายด้วย –o มักจะเติม –s ได้เลย เช่น Studio (สตูดิโอ) เปลี่ยนเป็น studios (สตูดิโอส) , Zoo (ซู) เปลี่ยนเป็น zoos (ซูส)
– บางคำที่ลงท้ายด้วย –o จะต้องเติม –es เช่น

Singular
Plural
คำแปล

buffalo (บัฟ-ฟา-โลว์)
buffaloes (บัฟ-ฟา-โลว์ส)
ควาย

domino (ดอ-มิ-โนว์)
dominoes (ดอ-มิ-โนว์ส)
โดมิโน่

hero (ฮี-โรว์)
heroes (ฮี-โรว์ส)
ฮีโร่

echo (เอ็ค-โคว์)
echoes (เอ็ค-โคว์ส)
เสียงก้อง

mosquito (มอส-กี-โทว์)
mosquitoes (มอส-กี-โทว์ส)
ยุง

potato (เพอะ-เท-โทว์)
potatoes (เพอะ-เท-โทว์ส)
มันฝรั่ง

tomato (โท-เม-โทว์)
tomatoes (โท-เม-โทว์ส)
มะเขือเทศ

 

4.

คำนามที่ลงท้ายด้วย –y แบ่งเป็น 2 ประเภท คือเติม-s หรือเติม –es

    ถ้าหน้า –y เป็นสระ –a, -e, -i, -o, -u คำนามตัวนั้นจะต้องเติม –s เช่น

Singular
Plural
คำแปล

monkey (มัง-คิ)
monkeys (มัง-คิส์)
ลิง

birthday (เบิร์ธ-เดย์)
birthdays (เบิร์ธ-เดย์ส)
วันเกิด

key (คีย์)
keys (คีย์ส)
กุญแจ

way (เวย์)
ways (เวย์ส)
เส้นทาง

chimney (ชิม-นีย์)
chimneys (ชิม-นีย์ส)
ปล่องไฟ

 สระในภาษาอังกฤษมีอยู่ 5 ตัว คือ a, e, i, o, u

    ถ้าหน้า –y เป็นพยัญชนะ เราต้องตัด y เป็น i แล้วเติม –es เช่น

Singular
Plural
คำแปล

enemy (เอเน-มิ่)
enemies (เอเนมิ่ส์)
ศัตรู

berry (เบร์-ริ่)
berries (เบร์ริ่ส์)
ลูกเบอร์รี่

duty (ดิว-ทิ่)
duties (ดิว-ทิ่ส์)
หน้าที่

spy (สปาย)
spies (สปายส์)
สายลับ

library (ไล-แบร-ริ่)
libraries (ไล-แบร-ริ่ส์)
ห้องสมุด

5. คำนามที่ลงท้ายด้วย –f หรือ –fe ให้เปลี่ยนตัว –f หรือ –fe เป็น –v แล้วเติม –es เช่น

Singular
Plural
คำแปล

 life (ไลฟ)
lives (ลายฟส์)
ชีวิต

 shelf (เชลฟ์)
shelves (เชลฟส์)
ชั้นวางของ

 loaf (โลฟ)
loaves (โลฟส์)
ก้อนขนมปัง

 thief (ธีฟ)
thieves (ธีฟส์)
โจร

 wife (ไวฟ)
wives (ไวฟส์)
ภรรยา

6. คำนามบางคำ เวลาทำให้เป็นพหูพจน์ เราต้องเปลี่ยนรูปคำนั้นทันที
อันนี้เรามักจะพบเห็นกันอยู่บ่อยๆ เช่น

Singular
Plural
คำแปล

child (ชายลด์)
children (ชิล-เดริน)
เด็ก

tooth (ทูธ)
teeth (ทีธ)
ฟัน

foot (ฟุท)
feet (ฟีท)
เท้า

mouse (เมาส์)
mice (ไมส์)
หนู

man (แมน)
men (เม็น)
ผู้ชาย

7. คำนามบางคำ สามารถใช้รูปเดิมได้ทั้งเวลาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์

        อันนี้ไม่ต้องเปลี่ยนรูป หรือเติมอะไรเลย ส่วนมากก็จะเป็นคำที่เกี่ยวกับสัตว์ทั้งนั้น มาดูกันว่ามีคำไหนบ้าง เช่น

  • fish 

  • deer  

  • sheep  

8. คำนามบางคำเป็นพหูพจน์อยู่เสมอ
คือต้องมี –s หรือ –es ต่อท้ายตลอด ไม่มีไม่ได้ เช่น

  • scissors

  • pants    

  • clothes    

  • jeans    

  • glasses   

  • noodles    

  • goods    

หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์

1. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss, x, sh, ch, zz, และ z ให้เติม es ง่ายเวลาออกเสียง

  • bus – buses (รถประจำทาง)

  • kiss – kisses (จูบ)

  • fox – foxes (สุนขจิ้งจอก)

  • brush – brushes (แปรง)

  • witch – witches (แม่มด)

  • buzz – buzzes (เสียงของผึ้ง)

2. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย  o และหน้า o เป็นพยัญชนะ ให้เติม es

  • buffalo – buffaloes (ควาย)

  • mango – mangoes (มะม่วง)

  • tomato – tomatoes (มะเขือเทศ)

  • potato – potatoes (มันฝรั่ง)

*Remark* …ยกเว้นบางคำที่ข้างหน้า o เป็นพยัญชนะสามารถเติม s ได้เลย นักเรียนจะต้องสังเกตและจดจำคำศัพท์และการใช้ s และ es จากตัวอย่างที่ให้

ตัวอย่าง การเติม s หลังคำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย  o และหน้า o เป็นพยัญชนะ ให้เติม s ได้เลย

  • piano – pianos (เปียโน)

  • memo – memos (บันทึกข้อความ)

  • solo – solos (การบันเลงเพลงเดี่ยว)

  • photo – photos (รูปถ่าย)

3. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย

  • radio – radios (วิทยุ)

  • bamboo – bamboos (ไม้ไผ่)

4. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es

  • baby – babies (เด็กทารก)

  • copy – copies (สำเนา)

  • lady – ladies (สุภาพสตรี/คุณผู้หญิง)

  • candy – candies (ลูกกวาด/ลูกอม)

5. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย

  • toy – toys (ของเล่น)

  • boy – boys (เด็กผู้ชาย)

  • day – days (วัน)

  • monkey – monkeys (ลิง)

6. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe  ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v แล้วเติม es

  • knife – knives (มีด)

  • leaf – leaves (ใบไม้)

  • half – halves (ครึ่งหนึ่ง)

  • shelf – shelves (ชั้นวางของ)

  • wife – wives (ภรรยา)

  • thief – thieves (ขโมย)

*Remark* …ยกเว้นบางคำที่ข้างหน้า f เป็นพยัญชนะ ให้เติม s ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน f หรือ ef เป็น v ก่อน

  • gulf – gulfs (อ่าว)

  • cliff – cliffs (หน้าผา)

  • scarf – scarfs หรือ scarves (ผ้าพันคอ) เมื่อเปลี่ยนเป็นพหูพจน์จะใช้ได้ทั้งสองแบบ

7. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe และหน้า f หรือ fe เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย

  • roof – roofs (หลังคา)

  • belief – beliefs (ความเชื่อ)

  • chief – chiefs (หัวหน้า)

  • proof – proofs (หลักฐาน/พิสูจน์)

  • grief – griefs (ความเศร้าโศก)

  • fife – fifes (ขลุ่ย)

  • safe – safes (ตู้นิรภัย)

8. คำนามเอกพจน์เปลี่ยนรูปไปเลย เมื่อเป็นพหูพจน์

  • man – men (ผู้ชาย)

  • woman – women (ผู้หญิง)

  • tooth – teeth (ฝัน)

  • ox – oxen (วัวตัวผู้)

  • louse -lice (เหา/หมัด)

  • child – children (เด็ก)

  • mouse – mice (หนู)

  • person – people (คน/ประชาชน)

*Remark* …ยกเว้นบางคำที่มาจากภาษาลาตินหรือกรีก จะมีรูปเป็นพหูพจน์ตามภาษษเดิม

  • crisis – crises (เหตุฉุกเฉิน)

  • basis – bases (หลักสำคัญ/หลักเกณฑ์)

  • thesis – theses (ข้อสมมติ/วิทยานิพนธ์)

  • analysis – analyses (การวิเคราะห์)

9. คำนามมีรูปเหมือนกันทั้งคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์

  • dear – dear (กวาง)

  • fish* – fish (ปลา)

  • sheep – sheep (แกะ)

  • salmon – salmon (ปลาแซลมอน)

  • cod – cod (ปลาคอด)

  • trout -trout (ปลาเทราท์)

*Remark* …เราสามารถเติม es หลัง fish เมื่อต้องการจะสื่อ หรือบอกว่ามี ปลาหลายสายพันธุ์

10. คำนามต่อไปนี้เป็นรูปพหูพจน์ แต่ต้องใช้เป็นเอกพจน์เสมอ

  • tactics (กลวิธี)

  • news (ข่าว)

  • headquarters (กองบัญชาการ)

  • means (วิธี)

  • statistics (สถิติ)

  • alms (การให้ทาน)

  • folks (สมาชิกในครอบครัว)

  • United Nations (สหประชาชาติ)


คำนานพหูพจน์ ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม (irregular plural noun) | Eng ลั่น [by We Mahidol]


ถ้าเราเห็นหนูหนึ่งตัว เราก็บอกว่า “I saw a mouse.” แต่ถ้ามีหนู 3 ตัวล่ะ? เราจะต้องใช้คำว่าอะไร? ระหว่าง
a. I saw 3 mouses.
b. I saw 3 mice.
คำนามเอกพจน์ คำนามพหูพจน์ โอ๊ย แค่ได้ยินแค่ชื่อก็มึนหัวจะตายอยู่แล้ว! เช่น apple ถ้ามีมากกว่าหนึ่งลูกก็เปลี่ยนเป็น apples แต่รู้หรือเปล่า? โลกเราไม่ได้ง่ายแบบนั้นเสมอไป เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า irregular plural noun อยู่ มันคืออะไร? มีอะไรบ้าง? วันนี้พี่คะน้า รุ่นพี่วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล จะมายกตัวอย่างคำนามที่เปลี่ยนรูป เปลี่ยนจนบางทีเราจำไม่ได้ ไปดูกันเลยดีกว่า
WeMahidol Mahidol Engลั่น irregularpluralnoun
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
TikTok : https://www.tiktok.com/@wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

คำนานพหูพจน์ ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม (irregular plural noun) | Eng ลั่น [by We Mahidol]

Singular​ \u0026​ Plural​ nouns​ -​ ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง


👉 Singular nouns​ (คำนามเอกพจน์)​ = คำนามที่มีเพียง1เดียว
👉 Plural​ nouns​ (คำนามพหูพจน์)​ = คำนามที่มีมากกว่า1สิ่ง​ โดยมีกฎการเติม​ s, es​ ดังนี้​ คำนามที่ลงท้ายด้วย​ s, ss, sh,​ ch, x, z​ ต้องเติม​ es​ ท้ายคำนามนั้นๆ​ นอกเหนือจากนี้ให้เติม​ s

ช่องทางการติดต่อ👇
👉 Youtube: https://www.youtube.com/user/0835737705
👉FB: https://m.facebook.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3110986900286637/?ref=bookmarks
👉Line​: https://line.me/ti/p/QWnPEfB5rg
การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ​ ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง

Singular​ \u0026​ Plural​ nouns​ -​ ครูฝ้าย​ อิงลิชชีวิตจริง

Irregular Plural Nouns in English – Singular and Plural Nouns


★ Xin chân thành cảm ơn sự ủng hộ của các bạn.
Momo, ViettelPay, ZaloPay: 0384381287, Lê Văn Đức.
VietinBank: 105871448935, Lê Văn Đức.
PayPal: https://paypal.me/levanduc91
facebook: https://www.facebook.com/batdauhoctienganhtuconso0
Xin chân thành cảm ơn sự ủng hộ của các bạn.

Image Source:
https://www.freepik.com/vectors/people People vector created by pikisuperstar www.freepik.com
http://www.freepik.com Designed by Freepik
http://www.freepik.com Designed by pch.vector / Freepik
https://www.freepik.com/vectors/tree Tree vector created by brgfx www.freepik.com

Irregular Plural Nouns in English - Singular and Plural Nouns

Plural Nouns in English – Regular \u0026 Irregular Plurals


In this English language video, we look at how to make plural nouns in English. We look at:
Regular nouns adding S to the end.
Nouns ending in S, CH, SH, X, and Z (adding ES to the end)
Nouns ending in F or FE (the VES rule)
Nouns ending in a VOWEL + Y (these are regular)
Nouns ending in a CONSONANT + Y (the IES rule)
Nouns ending in a VOWEL + O (these are regular)
Nouns ending in a CONSONANT + O (the ES rule)
Irregular nouns that do not end in S in their plural form (e.g. child)
Nouns that remain the same in singular and plural form (e.g. sheep)
For more details and examples, visit our grammar website:
https://www.grammar.cl/Notes/Plural_Nouns.htm
We also have Regular and Irregular Nouns in English Summary Charts that can be used in the ELL / ESL classroom. They are available here:
https://www.teacherspayteachers.com/Product/PluralNounsChartsRegularIrregularNounsinEnglish3205974
Plurals PluralNouns EnglishPluralNouns
💚💚💚 How to support WOODWARD ENGLISH 💚💚💚
📗 ENGLISH LANGUAGE RESOURCES 📗
🌿 https://www.woodwardenglish.com/shop/
English Resources for Teachers and Parents. (PDF and PPT Ideal for ESOL students or homeschool). These PDFs are also great for those studying English alone.
⭐ LIVE 1ON1 ENGLISH LESSONS ⭐
🌿 https://go.italki.com/woodward (affiliate)
Get $10 USD in italki credits after booking your first language lesson.
The most EFFICIENT way to reach English fluency!
Customized 1on1 lessons with professionally qualified teachers that cater to students’ learning needs and interests.
Speaking with humans is the best way to learn English.
🎥 JOIN Woodward English on YouTube 🎥
🌿 https://www.youtube.com/user/WoodwardEnglish/join
Exclusive videos only for members.
Exclusive members only posts in our YT community tab
Exclusive Discord channel.
Loyalty badges next to your name in comments and live chat
Custom emoji to use in live chat
📗 BOOKS I RECOMMEND 📗
🌿 Practical English Usage – Michael Swan https://amzn.to/3lG2AMU
🌿 English Grammar in Use – Raymond Murphy https://amzn.to/2YOrjoX
🌿 Official Cambridge Guide to IELTS https://amzn.to/3lG489i
🌿 The Practice of English Language Teaching – Jeremy Harmer https://amzn.to/2YSsYub
🌿 Oxford Advanced Learner’s Dictionary https://amzn.to/3mOKN5f
As an Amazon Associate I earn from qualifying purchases at no extra cost to you.
Each purchase of the above helps me to continue creating more free English language resources on YouTube and the Woodward English websites.

💚💚💚 Do you like WOODWARD ENGLISH and want to learn more? 💚💚💚
Here are the next steps to improving your English:
1) SUBSCRIBE to the WOODWARD ENGLISH channel so you know when I create new videos to help you improve your English.
🌿 https://www.youtube.com/subscription_center?add_user=WoodwardEnglish
Make sure you click the notification bell so you know immediately when I upload a new English lesson.
2) See our FREE ENGLISH LESSONS and language learning articles:
🌿 https://www.grammar.cl (Grammar lessons)
🌿 https://www.vocabulary.cl (Vocabulary lessons)
🌿 https://www.woodwardenglish.com (Free English courses)
3) LET’S CONNECT!
🌿 https://twitter.com/WoodwardEnglish
🌿 https://www.facebook.com/WoodwardEnglish/
🌿 https://www.instagram.com/woodwardenglish/
🌿 https://www.pinterest.com/woodwardenglish/
✉️ Send us a postcard from your country ✉️
Rob Woodward
P.O. Box 38438
Howick
Auckland 2145
New Zealand
NOTE: Our English lessons and English language resources are for people over the age of 13.
Have an awesome day!
Rob Woodward

Plural Nouns in English - Regular \u0026 Irregular Plurals

[Part 11] TO BE \u0026 PLURAL NOUNS – Tiếng Anh Cơ Bản Cùng ANH BA


Anh Ba TV xin gửi đến quý khán giả, các bạn đang đi làm hay đang đi học, cần trau dồi thêm kỹ năng về Anh Ngữ trong giao tiếp với series Tiếng Anh Cơ Bản dễ hiểu, thực tế, giúp các bạn đạt được hiệu quả cao nhất trong việc học Tiếng Anh.
Phần 10 này chúng ta sẽ tìm hiểu thêm về TO BE và TO BE \u0026 PLURAL NOUNS.

[Part 11] TO BE \u0026 PLURAL NOUNS - Tiếng Anh Cơ Bản Cùng ANH BA

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ plural nouns คือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *