สรุป verb: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
เชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่มักจัมองผ่านความสำคัญของ Modal verb หรือกริยาช่วย ดังนั้นวันนี้ Eng Breaking จะแนะนำให้คุณความรู้เรื่องของ Modal verb อย่างรายละเอียดตั้งแต่ A-Z พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ
Table of Contents
Modal Verb คืออะไร? พร้อมตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเรียน ภาษาอังกฤ คงเคยได้ยินหรือได้ใช้กลุ่มคำกริยาหลักๆ เช่น (Main Verbs) กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) ความรู้เกี่ยวกับกริยาคงเยอะไปนิดหน่อยแต่มันเป็นเรื่องกริยาที่ไม่ค่อยซับซ้อน เข้าใจง่ายและได้แบ่งประเภคมาช้ดเจนอยู่แล้ว
วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันเกี่ยวกับกริยาที่แตกกับกริยาหลักทั่วไป นั้นก็คือ Modal Verbs หรือในภาษาไทยเรียกได้ว่า กริยาช่วยนั้นเอง Modal Verbs บทความนี้เป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับเรื่องของ Modal Verbs ที่มีครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้
ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของกริยาช่วยแน่นอนเลยค่ะ
Modal Verbs คือ กริยาช่วย กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must Modal Verbs มีความพิเศษตรงนี้มีความหมายในตัวมันเอง เพราะโดยปกติแล้วกริยาช่วยจะมีหน้าที่แค่ทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ด้านไวยากรณ์แต่จะไม่มีความหมาย
หลักการใช้ Modal Verb ที่ต้องจดจำไว้
หลักการใช้ Modal Verb หรือกริยาช่วยที่ Eng Breaking สรูปมาให้เข้าใจง่ายๆ มีสามหลักการดังนี้:
1 – หลัง Modal verb ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es)
เช่นเมื่ออยากจะบอกว่า เขาสามารถขับรถได้เราจะพูดว่า
– He can drive a car ประโยคนี้ถูกต้องแล้วนะคะ
– แต่ถ้าใครใช้ประโยคว่า He can to drive a car. คือมัน ผิดแน่นอนแล้วค่ะ เพราะในกรณีนี้ไม่จำเป็นที่ต้องใช้คำว่า “to”.
2 – ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verb ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ)
เช่นเมื่อคุณอยากพูดประโยคหนึ่งที่มีความหมายว่า มีนาควรหยุดสูบบุหรี่
– ประโยคที่ถูกต้องจะเป็น Mina should stop smoking.
– ประโยคที่ใช้ผิดจะเป็น Mina shoulds stop smoking.
ดังนั้นอย่าใช้ผิดนะคะ ถ้าใช้ผิดส่วนนี้คะแนนสอบภาษาอังกฤษของคุณจะไม่ได้สูงแน่นอน และนี่เป็นรูปแบบของข้อสอบที่มักจะเจอบ่อยมากด้วย อย่าพลาดนะคะ
3 – Modal verb ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย
โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
– ถูก She mustn’t enter here.
– ผิด She doesn’t must enter here.
นอกจากนั้นแล้ว คำกริยาช่วยนั้นประกอบไปด้วย Can, Could, May, Might, Must, Mustn’t, Should, Ought to, Shall และ Will คำกริยาช่วยเหล่านี้มีคุณลักษณะอื่นๆ เช่น ไม่มีรูปแบบ past tense และในรูปแบบ negative หรือปฏิเสธนั้นสามารถทำได้ด้วยการใส่ NOT เท่านั้น และในรูปแบบประโยคคำถามสามารถทำได้ด้วยการใช้ขึ้นต้นประโยค
- หลักการใช้ Modal Verb ที่ต้องไม่พลาด
Modal Verb ต่างจาก verb ปกติอย่างไร?
คุณเคยสงสัยไหมคะว่า Modal Verb ต่างจาก verb ปกติอย่างไร? สรูปสั้นๆ ดังต่อไปนี้คงจะช่วยคุณเข้าใจและแยกอกความแตกต่างระหว่าง Modal Verbs กับ verb ปกติอ เพื่อการใช้งานได้ถูกต้องต่อไปนี้
- Modal Verb ไม่ต้องเติม s ไม่ว่าประธานจะเป็นตัวไหน
- สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถามได้เลยโดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do, does
- หลัง Modal Verbs ต้องตามด้วย infinitive verbs (verb รูปธรรมดาที่ไม่เติม -ing, -ed, to, s หรือ es)
Modal Verbs ที่ต้องไม่พลาด
กริยาช่วยเป็นส่วนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ผู้เรียนทุกคนต้องไม่พลาด เพราะมันใช้บ่อยในทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน เช่น
- มักจะใช้ Modal Verb ในกรณีอยากบอกความเป็นไปได้
- มักจะใช้ Modal Verb ในกรณีอยากแสดงความสุภาพ
1 – Can/Could ที่แปลว่า สามารถ
รูปปฏิเสธของ Can คือ Can not (Can’t)
รูปปฏิเสธของ Could คือ Could not (Couldn’t)
โครงสร้างในประโยค: Can/Could + V.infinitive
เงื่อนไข: เราจะใช้ modal verb Can/Could เพื่ออธิบายถึงความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ต่างๆ หรือการขอร้อง / ขออนุญาต
2 – Will/Would ที่แปลว่า จะ
รูปปฏิเสธของ Will คือ Will not (Won’t)
รูปปฏิเสธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)
ครงสร้างในประโยค: Will / Would + V.infinitive
เงื่อนไข: เราจะใช้ modal verbs Will/Would ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ตั้งใจไว้ รวมถึงบอกความเป็นไปได้
3 – Shall/Should ที่แปลว่า ควรจะ
รูปปฏิเสธของ Shall คือ Shall not (Shan’t)
รูปปฏิเสธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)
โครงสร้างในประโยค: Shall / Should + V.infinitive
เงื่อนไข: ใช้ modal verbs Shall/Should เมื่อต้องการให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ หรือบอกถึงเหตุการณ์ในอนาคตว่าน่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน
4 – May/Might ที่แปลว่า อาจจะ
รูปปฏิเสธของ May คือ May not
รูปปฏิเสธของ Might คือ Might not (Mightn’t)
โครงสร้างในประโยค: May / Might + V.infinitive
เงื่อนไข: ใช้ modal verbs May/Might บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ (ซึ่ง may จะแสดงความเป็นไปได้ที่มากกว่า might)
5 – Must ที่แปลว่า ต้อง
โครงสร้างในประโยค: Must + V.infinitive
เงื่อนไข: ใช้มันในประโยคบอกเล่าเพื่ออธิบายถึงข้อบังคับ และในรูปประโยคปฏิเสธเพื่อบอกว่าไม่ควรทำบางสิ่งบางอย่าง
6 – Ought to ที่แปลว่า ควรจะ
โครงสร้างในประโยค: Ought to + V.infinitive
เงื่อนไข: ใช้กับคำแนะนำ หรือใช้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นใจแน่ชัด เป็นคำที่คนสมัยก่อนใช้กัน ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้ว จะใช้ Should มากกว่า
การสร้างประโยคโดยการใช้ Modal verb
ข้อดีของ Modal verbs คือ พวกมันมีกฎการใช้ง่ายๆ 3 แบบ
- ประโยคบอกเล่า (affirmative sentence) สำหรับประโยคบอกเล่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน Modal verb หรือก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเติม –s แม้ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์บุคคลที่สาม (third person singular)
I
You
He/ She/ It
We
TheyWill
Would
Shall
Must
Should
Ought to
Can
Could
May
MightGo
Study
Wait
Leave
Listen
Read
- ประโยคปฏิเสธ (negative sentence) เวลาทำเป็นประโยคปฏิเสธ เราจะเติม ‘not’
I
You
He/ She/ It
We
You
TheyWill not/ won’t
Would not/ wouldn’t
Shall not/ shan’t
Must not/ mustn’t
Should not/ shouldn’t
Ought not/ oughtn’t
Cannot/ can’t
May not (Might not)/ mightn’tGo
Study
Wait
Leave
Listen
Read
- ประโยคคำถาม (interrogative sentence)
Will
Would
Shall
Must
Should
Ought to
Can
Could
May
MightI
You
He/ She/ It
We
You
TheyGo?
Study?
Wait?
Leave?
Listen?
Read?
โครงสร้างประโยคของ Modal verb (กริยาช่วย)
1 – บอกเล่า ของ Modal verbs (กริยาช่วย) กริยาช่วย + กริยาแท้
โครงสร้างในประโยค: S + Modal Verl + V_infinity
ตัวอย่างเช่น
- I can help you ฉันจะช่วยคุณได้นะ
- He should go home เขาควรกลับบ้าน
2 – โครงสร้างประโยคปฏิเสธ ของ Modal verb (กริยาช่วย) กริยาช่วย + not + กริยาแท้
โครงสร้างในประโยค: S + Modal Verl + not + V_infinity
ตัวอย่างเช่น
- I cannot help you ฉันช่วยคุณไม่ได้นะ
- He should not go home เขาไม่ควรกลับบ้าน
3 – โครงสร้างประโยคคำถาม ของ Modal verbs (กริยาช่วย) กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้
โครงสร้างในประโยค: Modal Verl + S + V_infinity
ตัวอย่างเช่น
- Can you help me ? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
- Should I go home ? ฉันควรกลับบ้านไหม
วิธีใช้กริยาช่วย Modal Verb ที่ต้องรู้
เพื่อเข้าใจและเห็นภาพได้ง่ายขึ้นเราจะสรูปวิธีใช้กริยาช่วย Modal Verb ที่มักจะเจอบ่อยๆ ในตารางดังต้อไปนี้
Can/Could> Can บอกความสามารถในปัจจุบัน
> Could บอกความสามารถในอดีต
– ใช้ถามเพื่อขออนุญาต, ให้การอนุญาตหรือไม่อนุญาต, ร้องขอบางสิ่งบางอย่าง, เสนอการช่วยเหลือ โดย Could มีความสุภาพมากกว่า Can
– ช้บอกสิ่งที่เป็นไปได้หรือเกิดขึ้น โดย Could บอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีโครงสร้าง Could + have + past participle (V.3)Will/Would> Will ใช้บอกสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต, บอกความตั้งใจ
> Would ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอดีต, ใช้ขอร้องอย่างสุภาพ, บอกความต้องการ และใช้ในประโยคเงื่อนไข Shall/Should> Shall ใช้ในการเสนอแนะ ชี้แนะ เสนอความช่วยเหลือ
> Should แปลว่า ควรจะ… ใช้ในการแนะนำMay/Might> ใช้บอกความเป็นไปได้ หรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
> ใช้ในการให้อนุญาต, ขออนุญาตMust> ใช้พูดถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
ตัวอย่างเช่น
1 – Can
I can swim. ฉันอ่านหนังสือได้ (บ่งบอกความสามารถ)
He can fix computers. เขาสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้
Can I have a cup of coffee please? ขอกาแฟแก้วหนึ่งได้ไหม (ขอร้องแบบทั่วๆ ไป)
Can I use this restroom please? ฉันสามารถใช้ห้องน้ำนี้ได้ไหม?
2 – Could
Could I have a cup of coffee please? ขอกาแฟแก้วหนึ่งได้ไหมคะ/ครับ (ขอร้องแบบสุภาพ)
Could you fill in these blanks please? รบกวนช่วยกรอกข้อมูลตรงช่องว่างนี้ได้ไหมคะ?
I could have done it by myself. ฉันสามารถทำมันได้ด้วยตัวฉันเอง
I could swim when I was young. ตอนสาวๆ ฉันเคยว่ายน้ำได้นะ
3 – Will
I will not go to school tomorrow. ฉันจะไม่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (บอกเหตุการณ์ในอนาคตที่ตั้งใจไว้)
I will visit Japan next year. ฉันจะไปญี่ปุ่นปีหน้า
We will give you this book. พวกเราจะให้หนังสือเล่มนี้แก่คุณ
4 – Would
If she didn’t do that, she would be happy. ถ้าเธอไม่ทำแบบนั้นลงไป เธอคงจะมีความสุข (บอกความเป็นไปได้ว่า “คงจะ” มีความสุข)
I knew that Nid would be successful. ฉันรู้ว่านิดจะประสบความสำเร็จ
Would you like some milk? คุณต้องการนมไหม?
Would you like to have some coffee? ต้องการจะรับกาแฟไหมคะ/ครับ
5 – May
I may join the party tonight ฉันอาจจะไปร่วมปาร์ตี้คืนนี้
May I come in? ฉันขออนุญาตเข้าไปข้างในได้ไหมคะ?
May I borrow your phone? ฉันขอยืมโทรศัพท์คุณได้ไหม?
She may be in danger. เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย
6 – Might
He might have finished it. เขาอาจจะทำมันเสร็จ
I might go see a doctor. ฉันอาจไปพบแพทย์
The store might have been closed today. ร้านค้าอาจจะปิดวันนี้ (have been closed เป็น passive หมายถึงถูกปิด)
7 – Shall
Shall we go to the movie tonight? เราไปดูหนังกันคืนนี้ดีไหม? (ข้อเสนอ)
We shall pass the exam. พวกเราจะต้องสอบผ่านแน่ๆ (พูดถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ)
Shall I carry your bags for you? ฉันถือกระเป๋าให้คุณไหม?
8 – Should
Should we take a taxi? พวกเราควรจะขึ้นแท็กซี่นะ?
I think you should stop smoking. ฉันคิดว่าคุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ
You should try that new restaurant.คุณควรลองร้านอาหารใหม่นั้น
9 – Must
I must finish my work. ฉันต้องทำงานให้เสร็จ
The show must go on. ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
She must be very intelligent. เธอจะต้องฉลาดมากแน่ๆ
10 – Ought to
We ought to help the poor. = We should help the poor. เราควรจะช่วยเหลือคนจน
You ought to try this soup – it’s delicious! คุณควรลองซุปนี้ – อร่อยมาก!
She ought to make a decision about that house before someone else buys it. – เธอควรตัดสินใจเกี่ยวกับบ้านหลังนั้นก่อนที่คนอื่นจะซื้อ
We ought to start the meeting, it’s getting late. เราควรจะเริ่มการประชุมมันช้าไปแล้ว
เพิ่มเติม : นอกจาก modal verb ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมี modal verbs ตัวอื่นที่เราจะเจออีก เช่น
- Ought to + have + V3 แสดงสิ่งที่ควรทำในอดีต แต่ไม่ได้ทำ
- Would rather + have + V3 อยากทำแต่ความจริงไม่ได้กระทำ (อดีต)
- needn’t + have + V3 แสดงสิ่งที่ทำไปแล้วทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำ (อดีต)
- didn’t have to = didn’t need to ไม่จำเป็นต้องกระทำ และก็ไม่ได้กระทำ(ในอดีต)
- needn’t have done ไม่จำเป็นต้องกระทำ แต่ก็ทำไปแล้ว (ในอดีต)
ฟังก์ชั่นที่พบบ่อยที่สุดของกริยาช่วย
ต่อไปนี้เป็นฟังก์ชั่นที่พบบ่อยที่สุดของกริยาช่วย
1 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า เป็นไปได้
เราใช้คำกริยา can, must, may เพื่อทำนายความเป็นไปได้ของสิ่งที่เกิดขึ้น
ความแน่นอนจากมากไปน้อย: ต้องทำได้อาจอาจ
ตัวอย่างเช่น
Learning English can be hard to some. การเรียนภาษาอังกฤษอาจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน
It’s snowing outside. It must be cold. ข้างนอกมีหิมะตก มันต้องหนาวแน่ ๆ
2 – กริยาช่วยที่แสดง ความสามารถความสามารถทักษะ
เราใช้คำกริยา can and could เพื่อพูดถึงความสามารถ
Can ใช้เมื่อพูดถึงความเป็นไปได้ในปัจจุบันและสามารถใช้เมื่อพูดถึงความเป็นไปได้ในอดีต
ตัวอย่างเช่น
He can’t speak Korean. เขาพูดภาษาเกาหลีไม่ได้
My grandfather could swim fast when he was a young boy. ปู่ของฉันสามารถว่ายน้ำได้เร็วเมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น
3 – กริยาช่วยที่แสดง ภาระหน้าที่คำแนะนำ
เราใช้คำกริยา must, should to, should เพื่อแสดงความคิดว่าสิ่งที่ควรทำหรือควรทำ
ความจำเป็นจากมากไปน้อย: ต้องควรจะควร
ตัวอย่างเช่น
- Students must do their homework. นักเรียนต้องทำการบ้าน
- You should visit your parents often. คุณควรไปเยี่ยมพ่อแม่บ่อยๆ
4 – กริยาช่วยที่แสดงความอนุญาตและขออนุญาต
เราใช้คำกริยาอาจจะสามารถแสดงการอนุญาตให้ทำบางสิ่งได้
ตัวอย่างเช่น
- You may not eat or drink in the library. ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มในห้องสมุด
- Could I go home early today? วันนี้ฉันกลับบ้านเร็วได้ไหม
5 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า คำขอคำเชิญที่สุภาพ
เราใช้คำกริยา can, could, would, would ในการร้องขอหรือคำเชิญที่สุภาพ
- Could you help me with this? คุณช่วยฉันเรื่องนี้ได้ไหม
- Would you like some coffee? คุณต้องการกาแฟไหม?
6 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า สัญญา
เราใช้คำกริยาแสดงความตั้งใจที่จะทำบางสิ่งหรือสัญญาว่าจะทำบางสิ่ง
ตัวอย่างเช่น
- I will stay here with you. ฉันจะอยู่ที่นี่กับคุณ
7 – กริยาช่วยที่แสดง นิสัย
เราใช้คำกริยา will และจะพูดถึงนิสัยในปัจจุบัน (will) หรืออดีต (would).
ตัวอย่างเช่น
- When I was little, I would play outside all day. ตอนเด็ก ๆ ฉันจะเล่นข้างนอกทั้งวัน
- Tim will always be late! ทิมจะมาสายเสมอ!
อย่างที่เห็น Modal verbs เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ตอนนี้คุณคงจะเห็นแล้วว่ามันสามารถใช้ได้อย่างไรบ้าง ลองฝึกเอามาใช้ดูเวลาที่ต้องพูดหรือว่าเขียนการใช้ Modal verbs นั้น อาจจะแบ่งลักษณะการใช้ออกเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้
- Modal verbs คืออะไร มีอะไรบ้าง
สรูปให้เข้าใจง่ายดายคือ Modal verbs ใช้แสดงความเป็นไปได้ และแนวโน้มของความเป็นไปได้ ว่าสิ่งที่กล่าวนั้นเป็นไปได้หรือมีความสามารถแค่ไหน เช่น may, might, can, could
และยังใช้ในการให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ เช่น should และ ใช้แสดงความจำเป็น กฎข้อบังค้บ เช่น must และใช้แสดงความสุภาพ มารยาททางสังคมต่างๆ เช่น การร้องขอ การขออนุญาต เช่น can, could, may, might, shall, will, would นั้นเอง เป็นคำกริยาที่มักจะเจอบ่อยใช่ไหมคะ ดังนั้นเพื่อการใช้งานอย่างถูกต้องและคล่องในทุกกรณีคุณจำควรเห็นความสำคัญของกริยาช่วยนะคะ
ว่ายังไงบ้างคะสำคัญบทความ Modal Verbs (กริยาช่วย) ฉบับที่สมบูรณ์แบบครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้วันนี้ที่ Eng Breaking แนะนำมาให้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต้อคุณ และอย่าลืมเคล็คลับเพื่อช่วยคุณพิชิตเรื่องเรียนภาษาอังกฤษได้คือต้องมีวิธีการเรียนอย่างถูกต้อง เรียบง่าย หาเอกสารเพื่อเรียนเพิ่มเติม แต่ต้องหาที่แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
เราเชื่อว่าคุณจะเป็นผู้เรียนต่อไปที่สำเร็จแน่นอน อย่าลืมติดตามเราเพื่ออัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ เกี่ยวกับไวยากณ์ภาษาอังกฤษแชรันความรู้และประสบการณ์ของคุณด้วยนะคะ
[Update] Grammar: หลักการใช้ Infinitive ในภาษาอังกฤษ | สรุป verb – NATAVIGUIDES
เมื่อพูดถึงคำกริยาในภาษาอังกฤษ ต้องได้ยินคำว่า Infinitive ซึ่งมีทั้ง Infinitive with to และ Infinitive without to ที่หลายคนเข้าใจ แต่บางคนลืม ๆ ไป เอ๊ะ! คืออะไร เรามาทบทวนและทำความเข้าใจหลักการใช้ Infinitive ในภาษาอังกฤษกันหน่อยดีกว่า
Infinitive คือ คำกริยารูปปกติ หรือคำกริยาช่อง 1 ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภท คือ
1. Infinitive with to
Infinitive with to คือ คำกริยาช่อง 1 ที่มี to นำหน้า เช่น
to talk
to think
to sleep
to watch
to have
หน้าที่ของ Infinitive with to
1. ทำหน้าที่เป็นคำนามซึ่งเป็นประธานของประโยค เช่น
To learn is important.
(การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ)
To listen English music is a good way to learn English.
(การฟังเพลงภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งวิธีที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษ)
2. ใช้ตามหลังคำกริยาแท้ (Main Verb) โดยทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น
She wants to learn Italian.
(เขาต้องการเรียนภาษาอิตาลี)
Chanatip loves to play football.
(ชนาธิปชอบเล่นฟุตบอล)
3. ใช้ตามหลังคำคุณศัพท์ (Adjective) บางคำ ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) เพื่อเป็นการบอกเหตุผล เช่น
able
anxious
disappointed
due
eager
glad
happy
keen
likely
lucky
pleased
prepared
proud
ready
sad
surprised
unable
unhappy
unlikely
unwilling
willing
ตัวอย่างประโยค
She is lucky to have such good friends.
(เธอโชคดีที่มีเพื่อนดี ๆ มากมาย)
I’m proud to work with you
(ฉันภูมิใจที่ได้ทำงานกับคุณ)
และใช้ตามหลังคำคุณศัพท์เหล่านี้เพื่อให้ความคิดเห็น
clever
difficult
easy
foolish
hard
impossible
kind
nice
possible
right
silly
wrong
ตัวอย่างประโยค
It’s easy to sing the song, but it’s very difficult to sing well.
(มันง่ายที่จะร้องเพลง แต่มันยากมากที่จะร้องให้ไพเราะ)
It was foolish of him to trespass against the law.
(มันเป็นความโง่ของเขา ที่ละเมิดกฎหมาย)
4. ใช้ตามหลังคำนามหรือสรรพนาม โดยทำหน้าที่เป็นเหมือนคำคุณศัพท์ (Adjective) ขยายคำนามหรือสรรพนามนั้น เช่น
I have some jeans to wash.
(ฉันมีกางเกงยีนที่จะซัก)
The singer to watch is Ed Sheeran.
(นักร้องที่ดูอยู่คือ เอ็ด ชีแรน)
5. ใช้แสดงเป้าหมาย, วัตถุประสงค์ หรือใช้ในการตอบคำถาม ‘Why?’ เช่น
Prawit bought a gorgeous watch to give to his girlfriend.
(ประวิทย์ซื้อนาฬิกาสุดหรูเพื่อให้แก่แฟนสาวของเขา)
I went to Nui’s house to do our report.
(ฉันไปบ้านของนุ้ยเพื่อทำรายงานของพวกเรา)
เราใช้วลี ‘in order to’ (เพื่อที่จะ…) หรือ ‘in order not to’ (เพื่อที่จะได้ไม่…) ในการอธิบายวัตถุประสงค์ เช่น I save money in order to buy the car. (ฉันเก็บเงินเพื่อที่จะซื้อรถ) ซึ่ง Infinitive with to สามารถใช้ในความหมาย ‘in order to’ ได้ เช่น
She wears high-heeled shoes to look taller. = She wears high-heeled shoes in order to look taller.
(เธอสวมรองเท้าส้นสูงเพื่อที่จะให้ดูสูงขึ้น)
หลักการใช้ Infinitive with to
1. มักใช้ตามหลังคำกริยาเหล่านี้ ในโครงสร้าง Subject + Verb + Infinitive with to
afford
agree
appear
arrange
ask
attempt
begin
can’t bear
can’t stand
care
cease
choose
claim
continue
decide
demand
deserve
determine
dread
expect
fail
forget
get (be allowed to)
happen
hate
hesitate
hope
hurry
intend
learn
like
love
manage
need
neglect
offer
plan
prefer
prepare
pretend
promise
propose
prove
rail
refuse
regret
remember
seem
start
swear
tend
threaten
try
vow
wait
want
wish
would like
(หมายถึง ปรารถนา,ต้องการ)
yearn
ตัวอย่างประโยค
We agreed to work together.
(พวกเราตกลงทำงานด้วยกัน)
I forgot to close the window.
(ฉันลืมปิดหน้าต่าง)
2. คำกริยาบางตัวตามด้วยกรรมตรง (Direct Objects) และ Infinitive with to ในโครงสร้าง Subject + Verb + Object + Infinitive with to
advise
allow
ask
cause
challenge
command
encourage
expect
force
get
instruct
intend
invite
lead
order
persuade
remind
teach
tell
urge
want
warn
would like
would prefer
ตัวอย่างประโยค
He ask me to explain.
(เขาขอให้ฉันอธิบาย)
I encouraged my sister to learn Japanese.
(ฉันสนับสนุนน้องสาวของฉันให้เรียนภาษาญี่ปุ่น)
3. ใช้ตามหลังคำว่า ought (ควรจะ), get used (เคยชิน) และ used (เคย) เช่น
You ought to do this project by yourself.
(คุณควรจะทำโปรเจ็กนี้ด้วยตัวคุณเองนะ)
They get used to live in country.
(พวกเขาเคยชินกับการอาศัยอยู่ในชนบท)
I used to learn Italian 10 years ago.
(ฉันเคยเรียนภาษาอิตาลี 10 ปีมาแล้ว)
4. ใช้ Verb to be + Infinitive with to (V.to be + V.1) หรือ have + Infinitive with to (have to + V.1) ในความหมายว่า ต้อง… เมื่อต้องการออกคำสั่งหรือขอร้อง เช่น
You are to go now.
(คุณต้องไปเดี๋ยวนี้)
In France, you have to drive on the right.
(ในฝรั่งเศสคุณต้องขับรถทางขวา)
5. เมื่อทำเป็นรูปปฏิเสธ เพียงเติม not ข้างหน้า to เช่น
We decided not to go out tonight.
(พวกเราตัดสินใจไม่ออกไปข้างนอกคืนนี้)
It’s better not to smoke.
(ไม่สูบบุหรี่มันจะดีกว่านะ)
2. Infinitive without to
Infinitive without to คือคำกริยาช่อง 1 ที่ไม่มี to นำหน้า มีหลักการใช้ดังนี้
1. ทำหน้าที่เป็นคำกริยาหลัก (Main Verb) โดยใช้ตามหลังกริยาช่วย (Auxiliary Verb) verb to do หรือ Modal Verb (will, shall, would, should, can, could, may, might, must) เช่น
I can play the guitar.
(ฉันสามารถเล่นกีตาร์ได้)
Tom will go to London next week.
(ทอมจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า)
2. ใช้ตามหลังคำกริยาอื่น ๆ ทั่วไปหรือเรียกว่า Special Verb ที่มีกรรมตรง (Direct Object) และคำกริยาที่แสดงถึงการยินยอมหรือให้เหตุผล เช่น watch, see, feel, hear, help, let, make, see เช่น
I watched them bake the bread.
(ฉันดูพวกเขาอบขนมปัง)
watch = Special Verb
bake = Infinitive without to
them – Direct Object
He saw his wife slap the child.
(เขาเห็นภรรยาของเขาตบลูก)
saw = Special Verb
slap = Infinitive without to
his wife = Direct Object
3. ใช้ตามหลังคำเหล่านี้ had better, need, dare, would rather, would sooner, rather than, but, and, or, except เช่น
They had better be here before we start dinner.
(พวกเขาควรอยู่ที่นี่จะดีกว่าก่อนที่พวกเราจะเริ่มดินเนอร์)
be = Infinitive without to
You need not wait.
(คุณไม่จำเป็นต้องรอ)
wait = Infinitive without to
Verb คำกริยา | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | หน้าที่และการแต่งประโยค | ครูออยเรียนง่ายภาษาอังกฤษ
verb คำกริยา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน หน้าที่และการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ Part of speech ส่วนแห่งคำพูด ที่คนเริ่มเรียนภาษาอังกฤษต้องรู้ Facebook เรียนง่ายภาษาอังกฤษ เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติม กดติดตามด้วยนะคะ
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
สรุป Subject Verb agreement ใน 5 นาที!!! | shortnote
สวัสดีค้าบบบ เจอกันอีกแล้วน้าาา
พบกับคลิปในซีรีส์ใหม่ของเราเอง! เป็นซีรีส์แกรมมาแบบกรุบ ๆ กินง่าย
ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะ อย่าออกไปข้างนอกบ่อย หลีกเลี่ยงที่คนพลุกพล่าน
เป็นห่วงนะค้าบ
FB : WINNER STUDY THAILAND
IG : WINNERSTUDYTH
Twitter : @WINNERSTUDYTH
sldwater grammar shortnote
An Introduction to Phrasal Verbs | Learn English | EasyTeaching
Phrasal verbs can be very difficult to learn. They don’t follow rules and can have very different meanings from their literal interpretations.
Learn 9 Phrasal Verbs for Beginners: https://youtu.be/SEQIVJVKDq8
Find more resources at https://easyteaching.net
[อังกฤษ] กริยาช่วย Modals Verb สำหรับเตรียมสอบ
ใหม่!! WINNER SHORTNOTE คอร์สเรียนออนไลน์ ติวเข้มหนังสือจากหนังสือ WINNER SHORTNOTE ให้น้องๆเตรียมพร้อมทุกสนามสอบ
⭐เนื้อหา WINNER SHORTNOTE วันนี้มาเพิ่มความรู้ เรื่อง Modals Verb
Can could
Will would
Shall should
May might
Must
Ought to
⭐ดูจบแล้วกดกระดิ่ง เพื่อตั้งเตือน จะได้ไม่พลาด EP ถัดไป รับรองว่าจะจัดให้ทุกวิชาเลย!
TCAS 9วิชาสามัญ ONET Gat Eng phrasalverb
____________________________________________________________________
ฝากหนังสือจาก WINNER STUDY นะคะ ทุกเล่มตั้งใจเขียนโดยทีม นิสิตจุฬา
เพื่อสำหรับเตรียมสอบเข้าคณะที่ใช่มหาลัย ที่ชอบ
สั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.ทาง LINE @winnerstudy
🍒WINNER SHORTNOTE
ครบ8วิชา ม.46(ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ใช้ได้ทุกสนามสอบ ทั้งใน โรงเรียน GAT PAT ONET 9 วิชาสามัญ
🍒WINNER 1000Q พันคิว วิทย์
รวม1000ข้อสอบ วิทย์ 4 วิชาม.46 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ดาราศาสตร์)
คล้ายข้อสอบจริงสุด โจทย์มี 3 ระดับ (ง่ายกลางยาก) ใช้สอบ ONET, PAT, 9 วิชาสามัญได้
เฉลยเข้าใจสุด และละเอียดมาก เหมือนได้ติวเตอร์ดีกรีจุฬาส่วนตัวตลอด 24 ชม.
🍒หนังสือ WINNER 1000Q พันคิว คณิต
รวม1000ข้อสอบ ตะลุยโจทย์คณิต ม.46
คล้ายข้อสอบจริงสุด ทั้งโจทย์ และระดับความยาก อ้างอิงจากข้อสอบ PAT1 ONET 9วิชาสามัญ
เฉลยละเอียดมาก เหมือนติวเตอร์ดีกรีจุฬา กว่า 40 คนนั่งอธิบายอยู่ข้างๆ
ทำครบ ทำจบเล่ม สอบติดแน่!⭐️
.
.
📙WINNER SHORTNOTE ม.ต้น
ครบ5วิชา ม.13(ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต) ใช้ได้ทุกสนามสอบทั้งสอบเข้าโรงเรียนดังและ ONET
มีแบบฝึกหัดท้ายบท ให้ประลองปัญญาก่อนเจอของจริง
ราคา 520 บาท
ดูเพิ่มเติมได้ที่
YOUTUBE: https://www.youtube.com/channel/UCtSbwlAIU54zTlRco9q3u8A?view_as=subscriber
IG: https://www.instagram.com/winnerstudyth/
วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.6 เรื่อง Verb + Preposition
สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ สรุป verb