Skip to content
Home » [Update] [Grammar Tips] Noun Clauses คืออะไร? | nouns แปลว่า – NATAVIGUIDES

[Update] [Grammar Tips] Noun Clauses คืออะไร? | nouns แปลว่า – NATAVIGUIDES

nouns แปลว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Noun Clauses คืออะไร?

Noun Clause

Noun Clauses ทำหน้าที่เสมือนหนึ่งเป็นคำนามในประโยค ในชีวิตประจำวัน เราอาจได้ยินหรือใช้ noun clauses โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังใช้ noun clauses อยู่เลย เช่น

Somsak thinks he had better stop smoking now.

ประโยคเต็มและเป็นทางการ คือ

Somsak thinks (that) he had better stop smoking.

สมศักดิ์คิดว่าเขาควจะหยุดสูบบุหรี่แล้วตอนนี้

 

I don’t understand Nadej wants to convey.

ประโยคเต็มและเป็นทางการ คือ

I don’t understand (what) Nadej wants to convey.

ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่ณเดชต้องการจะสื่อเลย

 

การใช้ Noun Clause อย่างถูกต้องถือเป็นเรื่องสำคัญมากโดยเฉพาะในส่วนของ Writing และ Speaking ของการสอบ IELTS เนื่องจาก Criteria หนึ่งของการให้คะแนนใน 2 ทักษะนี้ก็คือ grammatical range and accuracy โดยเฉพาะ Writing หากน้องๆอยากได้ Band Score 6.0 ขึ้นไปจะต้องสามารถใช้รูปแบบของ Complex sentence ได้บ้าง (with some errors) แต่หากต้องการไปถึง Band 7.0 ล่ะก็ ต้องลดข้อผิดพลาดในการใช้จนแทบไม่มีเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากเราไม่ใช้ Noun Clause ในการสอบ Writing เลย จะทำให้ไม่ได้ Band 7.0 นะคะ เพราะจริงๆแล้ว Complex Sentence มีหลายประเภท ซึ่ง Noun Clause ถือเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ดังนั้น เรามาศึกษาวิธีใช้งานอย่างถูกต้องกันดีกว่าค่ะ

 

เมื่อ Noun clause ทำหน้าที่เสมือนเป็นคำนาม ดังนั้น Noun clause จึงสามารถปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่คำนามปรากฏได้ทุกตำแหน่ง คือ เป็นประธาน (Subject) และกรรม (object) จะเป็นประธานหรือกรรมอย่างไรนั้น เดี๋ยวเรามาดูกันนะคะ

Types of Noun Clauses

  1. Subject NC

    มีตำแหน่งอยู่หน้าประโยคหรือหน้ากริยาทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค

  2. Direct Object NC

    มีตำแหน่งอยู่หลังกริยา ทำหน้าที่เป็นกรรม

  3. Object of Preposition NC

    มีตำแหน่งอยู่หลังบุรพบท ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุรพบท

  4. Subject as Complement NC

    มีตำแหน่งอยู่หลัง to be ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายประธาน

 

1. Subject Noun Clauses

โดยปกติแล้ว คำนามหรืออนุประโยคที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคมักจะปรากฏอยู่หน้ากริยาหรือหน้าประโยค ตัวอย่างเช่น

What causes so many difficulties in the IELTS test is the writing section.

จากประโยคข้างต้น What causes so many difficulties in the IELTS test เป็น noun clause อยู่หน้าประโยค ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค

 

2. Direct Object Noun Clauses

I suggest you that you should go to a movie with me tonight.

ผมแนะนำว่าคุณควรจะไปดูหนังกับผมคืนนี้

จากประโยคข้างต้น that we should go to a movie tonight อยู่หลังกริยา suggest เป็นกรรมตรง (Direct object) ของ suggest ตามหลังกรรมรอง (Indirect object)

ข้อพึงระวัง ในการสอบ IELTS Speaking น้องๆสามารถลดรูปโดยการละ “that” ออกได้ นะคะ

I believe students should not have to wear a uniform.

แต่สำหรับการสอบเขียนซึ่งควรใช้ภาษาอย่างเป็นทางการนั้น IELTS Examiner แนะนำว่าเราควรใส่ “that” ไว้ในประโยคด้วยค่ะ

I believe that students should not have to wear a uniform.

 

3. Object of the Preposition Noun Clauses

Yaya is always proud of where she was born.

ญาญ่าภูมิใจในบ้านเกิดของตนเองเสมอ

จากประโยคข้างต้น where she was born เป็นคำนาม มีตำแหน่งอยู่หลังบุรพบท (Preposition) of ทำหน้าที่เป็นกรรมของ of ค่ะ

 

4. Subject as Complement Noun Clauses

The stability of life is what James ji wants the most in his life.

ความมั่นคงในชีวิตคือสิ่งที่เจมส์ จิต้องการที่สุด

จากประโยคข้างต้น what James ji wants the most in his life มีตำแหน่งอยู่หลังกริยาช่วย (V.to be) is ทำหน้าที่เป็นส่วนขยายหรือเป็นส่วนสมบูรณ์ของประธาน the stability of life เพื่อบ่งชี้หรือขยายความ the stability of life

ประเภทของ Noun Clause

Noun clauses เมื่ออยู่ในตำแหน่งของประธานจะเรียกว่า “Subject noun clauses” แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งของกรรม จะเรียกว่า “Object noun clauses” ทั้งนี้เมื่อแบ่งประเภทของ Noun Clause ที่เป็นกรรมจะแบ่งออกมาได้อีกหลายประเภท ลองมาทำความเข้าใจกันดูนะคะ

ประเภทของ Object Noun Clauses

Object Noun Clauses จะต้องอยู่คู่กับ Main Clause ของประโยคเสมอ โดยประโยคจะเริ่มด้วย Main Clause แล้วตามด้วย Object Noun clause โดยไม่ต้องมีเครื่องหมาย Comma คั่น Object noun clauses มี 3 ประเภท ได้แก่

  1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “that”
  2. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย “Wh-Words” (หรือ Question Words)
  3. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “if” หรือ “whether”

 

  1. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “That”

เราใช้ Noun clauses ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า that ในกรณีต่อไปนี้

 

  1. ใช้ตามหลัง verbs บางตัวที่แสดงความรู้สึก ความคิด หรือ ความคิดเห็น เช่น agree, feel, know, remember, believe, forget, realize, think, doubt, hope, recognize, understand เช่น

Sompong knows all along that his mum loves him so much.

สมปองรู้มาโดยตลอดว่าแม่รักเขามากๆ

 

  1. ถ้าเป็นภาษาพูด มักจะละคำว่า that ซึ่งเป็นคำขึ้นต้น clause เช่น

I think that it’s red, not green. (ภาษาทางการ)

I think it’s red, not green. (ภาษาพูด)

 

  1. ส่วนใหญ่กริยา (verb) ที่ปรากฏอยู่ใน main clause มักจะเป็น Present Simple Tense ธรรมดาส่วนกริยา (Verb) ใน noun clause จะเป็น tense อะไรก็ได้ เช่น

I believe it’s raining. (now)

I believe it’ll rain. (very soon)

I believe it rained. (a moment ago)

 

  1. ในการสนทนา ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า that บ่อยเกินไป หรือไม่ต้องการพูด noun clause ซ้ำ สามารถตอบโดยใช้คำว่า so หรือ not หลัง main clauses ได้ เช่น

Sarut: Is Sangrawee here today?

Patraporn: I think so.

(คำพูดเต็มๆก็คือ I think that Sangrawee is here today.)

Denlar: Has the rain stopped?

Saksit: I don’t believe so.

(คำพูดเต็มๆก็คือ I don’t believe that the rain has stopped.)

Koob: Are we ready to leave?

Tuptim: I’m afraid not.

(คำพูดเต็มๆก็คือ I’m afraid that we are not ready to leave.)

 

  1. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words

 

การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words (ได้แก่คำว่า what where when why how) มีหลักเกณฑ์ดังนี้

  1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Indirect wh-questions และแม้ว่า noun clause เหล่านี้จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม แต่ลำดับคำ (word order) ในอนุประโยคนี้ จะเป็นลำดับคำของประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ลำดับคำของประโยคคำถาม

เช่น  I know why she comes home very late.

(ไม่ใช่ why does she come home very late)

I don’t know when she will arrive.

(ไม่ใช่ when will she arrive)

  1. การใช้เครื่องหมายวรรคตอนของประโยคจะเป็นไปตามลักษณะของ main clause กล่าวคือ ถ้า main clause เป็นคำถามจะใช้เครื่องหมาย question mark ปิดประโยค ถ้า main clause เป็นบอกเล่า จะใช้เครื่องหมาย full stop ปิดประโยค

เช่น  Could you tell me where the elevators are?

(Main clause เป็นคำถาม)

I’m wondering where the elevators are.

(Main clause เป็นบอกเล่า)

  1. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อแสดงให้คู่สนทนาทราบว่า เราไม่รู้ หรือเราไม่แน่ใจ

เช่น   I don’t know how much it costs.

I would like to know when our next meeting will be.

I’m not sure which house is his.

  1. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words เพื่อถามหาข้อมูลอย่างสุภาพ

เช่น   Could you tell me who are injured in the accident?

Can you tell me what time the show starts?

 

  1. การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย If หรือ Whether

การใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether มีหลักเกณฑ์ดังนี้

 

  1. Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether คือ indirect yes/no questions นั่นเอง

เช่น   Direct Question: Did they pass the exam?

Indirect Question: I don’t know if they passed the exam.

(ข้อความที่ขีดเส้นใต้คือ noun clause ที่ขึ้นต้นด้วย if นั่นเอง)

  1. ลำดับคำในประโยค (word order) และเครื่องหมายจบประโยค ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย Wh-Words
  2. จะขึ้นต้น Noun Clauses ด้วยคำว่า if หรือ whether ก็ได้ แต่มักใช้ whether ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเป็นทางการ

เช่น   Sir, I would like to know whether you prefer coffee or tea.

Tell me if you want to go with us or not.

  1. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อ main clause แสดงการใช้ความคิด หรือความคิดคำนึง

เช่น   I can’t remember if I had already paid him.

I wonder whether he will arrive in time.

  1. ใช้ Noun Clauses ที่ขึ้นต้นด้วย if หรือ whether เมื่อต้องการถามคำถามอย่างสุภาพ

เช่น   Do you know if the principal is in his office.

Can you tell me whether the tickets include drinks?

 

การละ that ในประโยค Noun Clause
That ที่นำหน้า noun clause ที่ทำหน้าที่บางหน้าที่ใน complex sentence สามารถจะละได้ในกรณีต่อไปนี้

                  กรณีที่ noun clause เป็น object

We believe (that) he told the truth.
The police assured us (that) the children would be found safe and sound.
I wish (that) I would win the first prize.

                 กรณีที่ noun clause เป็น subject complement

The reason is (that) he speaks English fluently.
My opinion is (that) you’d better stay home.

                ตามหลังคำคุณศัพท์   

I am sure (that) he can get a good job.
They are afraid (that) they cannot catch the 6 o’clock  train.

ข้อยกเว้น: แต่ก็มีบางกรณีที่เราไม่สามารถละ That ได้นะคะ อาทิ เช่น

เมื่อ that-clause ขึ้นต้นประโยค

That coffee grows in Brazil is true.
ที่ว่ากาแฟปลูกในประเทศบราซิลนั้นเป็นความจริง

That she had decided to be engaged frightened me very much.
ที่ว่าหล่อนได้ตัดสินใจที่จะรับหมั้นนั้นทำให้ผมตกใจมากๆ

เมื่อ that-clause เป็นคำซ้อนนามที่อยู่ข้างหน้ามัน (Appositive)

The news that he was murderer is not true.
ข่าวว่าที่เขาเป็นฆาตกรนั้นไม่เป็นความจริงเลย

His belief that the earth moves round the sun is correct.
ความเชื่อของเขาที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้นถูกต้อง

เมื่อ that-clause อยู่หลัง It is (หรือ It was)

It is true that earth moves round the sun.
เป็นความจริงที่ว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์

It is impossible that he has done this by himself.
เป็นไปไม่ได้ที่ว่าเขาได้ทำสิ่งนี้ด้วยตนเอง

เป็นอย่างไรบ้างคะ เชื่อว่าตอนนี้หลายคนหายสงสัยในเรื่องของ Noun Clause กันแล้วนะคะ

OXBRIDGE INSTITUTE

 

[Update] Countable and Uncountable Nouns คืออะไร? | nouns แปลว่า – NATAVIGUIDES

count แปลว่า นับ, able แปลว่า สามารถทำได้, count + able = countable แปลว่า สามารถนับได้ เพราะฉะนั้น countable nouns จึงมีความหมายว่า คำนามที่สามารถนับได้ หรือ คำนามนับได้ นั้นเอง

เช่นเดียวกับ uncountable nouns เมื่อเราใส่ un- ไว้หน้าคำศัพท์ใดๆจะมีความหมายว่าไม่ ทำให้มีความหมายตรงข้ามกับคำเดิม ดังนั้น uncountable nouns จึงมีความหมายว่า คำนามนับไม่ได้

รู้หรือไม่ว่าคำนามในภาษาอังกฤษไม่ใช่คำนามที่นับได้ทุกคำ การที่เราสามารถแยกได้ว่าคำนามกลุ่มไหนเป็นคำนามนับได้ (Countable Nouns) และคำนามกลุ่มไหนเป็นคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns) สามารถช่วยให้เราใช้หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ดีและถูกต้องมากยิ่งขึ้น เพราะเนื้อหาเกี่ยวกับ Countable Nouns กับ Uncountable Nouns นั้นเชื่อมโยงกับเนื้อหาอื่นๆอีกหลายๆเรื่อง หากเราไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนนี้ให้ดี จะทำให้ยากที่จะนำไปใช้กับเรื่องอื่นๆให้ถูกต้องเช่นกัน

Countable Nouns

Countable Nouns คือ คำนามนับได้ คำนามที่เราสามารถนับเป็นจำนวน 1, 2, 3, 4, ____ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ หรือจับต้องไม่ได้ หากว่าเราสามารถนับได้ คำนามนั้นก็จะถือเป็น countable nouns เช่น
สิ่งที่จับต้องได้ เช่น glass (แก้ว), table (โต๊ะ), chair (เก้าอี้), book (หนังสือ), dog (หมา), cat (แมว), clock (นาฬิกา), ring (แหวน), banana (กล้วย), orange (ส้ม) etc.
สิ่งที่จับต้องไม่ได้ (แต่เรายังสามารถนับได้) เช่น song (เพลง), day (วัน), month (เดือน), year (ปี), hour (ชั่วโมง), minute (นาที), age (อายุ), hobby (งานอดิเรก), activity (กิจกรรม), assignment (งานที่ได้รับมอบหมาย), job (งาน), country (ประเทศ) etc.

  • Countable Nouns สามารถเป็นได้เอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural)

    เช่น glass – glass

    es

    , table – table

    s

    , chair – chair

    s

    , book – book

    s

    , dog – dog

    s

    , cat – cat

    s

    , clock – clock

    s

    , ring – ring

    s

    , banana – banana

    s

    , orange – orange

    s

    , song – song

    s

    , day – day

    s

    , month – month

    s

    , year – year

    s

    , hour – hour, minute – minutes,  age – age

    s

    , hobby – hobbi

    es

    , activity – activiti

    es

    , assignment – assignment

    s

    , job – job

    s

    , country – countri

    es

     etc.

    • Countable Nouns บางคำมีรูปที่เป็นเอกพจน์กับพหูจน์ต่างกัน

      เช่น man (ผู้ชายคนเดียว) – men (ผู้ชายหลายคน), woman (ผู้หญิงคนเดียว) – women (ผู้หญิงหลายคน), child (เด็กคนเดียว) – children (เด็กหลายคน), person (คนๆเดียว) – (คนหลายคน) etc.

  • เราต้องใช้คำนำหน้า เช่น a/an/the/this/that/my เป็นต้น นำหน้านามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ (single countable nouns)

    เสมอ ไม่สามารถใช้โดดๆคำเดียวได้ เช่น a glass, my book, her dog, his clock, an orange, that song, a day, an hour, an activity etc.

  • สำหรับ

    นามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ (plural countable nouns) เราสามารถใช้โดดๆคำเดียวได้ หรือจะใส่คำนำหน้าด้วยก็ได้

Uncountable Nouns

Uncountable Nouns คือ คำนามนับไม่ได้ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นพวกสิ่งที่มันเล็กมาก ยากที่จะนับให้หมด อาจจะเป็นสิ่งของที่อยู่ในภาพรวมใหญ่มากหรือเป็นแนวความคิด ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะมานั่งแบ่งแยกออกได้ ถึงแม้ว่าคำบางคำอาจจะเป็นนามนับได้ในภาษาอื่น แต่ในภาษาอังกฤษคำพวกนี้คือนามนับไม่ได้

โดยทั่วไปแล้ว Uncountable Nouns จะอยู่ในรูปเอกพจน์ (singular) เสมอ (ไม่สามารถเติม s, es ตามหลังคำนามนั้นๆได้) นอกจากนี้ มันจะมี uncountable nouns บางคำที่ลงท้ายด้วย s แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีความหมายเป็นพหูพจน์ เช่น news, politics, economics เป็นต้น  เพราะฉะนั้น อย่าสับสนกับการนำไปใช้

uncountable nouns ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มต่างๆดังต่อไปนี้

  • ของเหลวและก๊าซ

    เช่น milk (นม), water (น้ำ), coffee (กาแฟ), tea (ชา), wine (ไวน์), air (อากาศ), oxygen (อ็อกซิเจน), ink (หมึก)

  • ของแข็งและสสารที่เป็นพวกเม็ดเล็กๆ

    เช่น bread (ขนมปัง), soap (สบู่), gold (ทอง), copper (ทองแดง), metal (โลหะ), wood (ไม้),  sugar (น้ำตาล), salt (เกลือ), sand (ทราย), rice (ข้าว), powder (แป้ง)

  • สสารที่เปลี่ยนรูปได้

    เช่น cheese, butter, ice-cream

  • ชื่อวิชา

    เช่น mathematics (คณิตศาสตร์), economics (เศรษฐศาสตร์), science (วิทยาศาสตร์), biology (ชีววิทยา), French (ภาษาฝรั่งเศส), psychology (จิตวิทยา)

  • ชื่อภาษา

    เช่น Thai (ภาษาไทย), English (ภาษาอังกฤษ), Malay (ภาษามลายู), Chinese (ภาษาจีน), German (ภาษาเยอรมัน), Spanish (ภาษาสเปน), Japanese (ภาษาญี่ปุ่น)

  • แรงและพลังงาน

    เช่น heat (ความร้อน), electricity (ไฟฟ้า), sunshine (แสงแดด), radiation (รังสี), magnetism (อำนาจแม่เหล็ก)

  • ข้อมูลและแนวคิดที่เป็นนามธรรม

    เช่น information (ข้อมูล), news (ข่าวสาร), education (การศึกษา), politics (การเมือง), democracy (ประชาธิปไตย), intelligence (สติปัญญา/ความเฉลียวฉลาด), advice (คำแนะนำ), knowledge (ความรู้), research (งานวิจัย), love (ความรัก), fear (ความหวาดกลัว), anger (ความโกรธ), beauty (ความสวยงาม), safety (ความปลอดภัย)

  • ชื่อกีฬาและกิจกรรมต่างๆ

    เช่น football (ฟุตบอล), tennis (เทนนิส), basketball (บาสเก็ตบอล), fishing (ตกปลา), camping (การอยู่ค่ายพักแรม)

  • แนวคิดภาพรวมของสิ่งของกลุ่มใหญ่

    เช่น fruit (ผลไม้), food (อาหาร), money (เงิน), furniture (เฟอร์นิเจอร์ – เป็นภาพรวมของเครื่องตกแต่งบ้านต่างๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้), garbage (ขยะ), crockery (เครื่องถ้วยชาม-เป็นภาพรวมของจาน ชาม ถ้วยต่างๆ), luggage/baggage (กระเป๋าเดินทาง)

เราสามารถทำ uncountable nouns ให้เป็น countable nouns ได้ โดยการใส่จำนวน+ภาชนะ/น้ำหนัก/ลักษณนามให้กับคำศัพท์นั้นๆ เช่น
a cup of tea / two cups of tea    ชา 1 ถ้วย /ชา 2 ถ้วย
a glass of water / two glasses of water    น้ำ 1 แก้ว /น้ำ 2 แก้ว
a bottle of wine / two bottles of wine    ไวน์ 1 ขวด / ไวน์ 2 ขวด
a bar of soap / two bars of soap    สบู่ 1 ก้อน / สบู่ 2 ก้อน
a cone of ice-cream / two cones of ice-cream   ไอศกรีม 1 โคน / ไอศกรีม 2 โคน
a spoon of salt / two spoons of salt    เกลือ 1 ช้อน / เกลือ 2 ช้อน
a kilo of sugar / two kilos of sugar    น้ำตาล 1 กิโล / น้ำตาล 2 กิโล
a slice of bread / two slices of bread   ขนมปัง 1 ชิ้น /ขนมปัง 2 ชิ้น
จะเห็นได้ว่าเมื่อเราใส่ลักษณนามเพื่อทำให้ uncountable nouns กลายเป็น countable nouns ได้แล้ว หากเราต้องการทำให้อยู่ในรูปพหูพจน์ เราต้องเติม s หรือ es หลังลักษณนามนั้นๆ เราไม่สามารถเติม s หรือ es หลัง uncountable ได้ เพราะ uncountable nouns จะอยู่ในรูปของเอกพจน์เสมอ

*เพิ่มเติม : มีศัพท์บางคำเป็นได้ทั้ง countable nouns และ uncountable nouns เพราะศัพท์นั้นๆมีรูปเดียวกันแต่มีความหมายต่างกัน เช่น light ถ้าแปลว่า โคมไฟ จะเป็นนามนับได้ (สามารถเติม s ได้ถ้าเป็นพหูพจน์) แต่ถ้าแปลว่า แสงสว่าง จะเป็นนามนับไม่ได้ (รูปเอกพจน์เพียงอย่างเดียว)

Share this:

Like this:

Like

Loading…


เรียนภาษาอังกฤษ parts of speech คำนาม Noun คืออะไร ใช้อย่างไร


PartofSpeech​ คืออะไร ?
วันนี้ขอเสนอหัวข้อที่ถือว่าเป็นหัวใจของภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ คือ Part of Speech
1. ทำไมเราต้องทำความรู้จัก Part of Speech
2. Part of Speech คืออะไร ?
3. Part of Speech มีกี่ชนิด
4. แต่ละชนิดคืออะไร พร้อมตัวอย่าง
CR.Ajarn Suparada
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี!
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuKZYgki4\u0026t=5s
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv47gnc8
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r51ZLFA\u0026t=10s
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1QS7O6s
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5sPRefdA\u0026t=82s
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot65xu6k
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK2AAi9Q\u0026t=3s
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKYd2YFzg\u0026t=2s

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เรียนภาษาอังกฤษ parts of speech คำนาม Noun คืออะไร ใช้อย่างไร

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง Possessive Adjective VS Possessive Pronoun


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.1 เรื่อง Possessive Adjective VS Possessive Pronoun

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาหาร Food Vocabulary การ์ตูนความรู้


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาหาร Food Vocabulary การ์ตูนความรู้
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
อาหาร
หมวดอาหาร

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาหาร Food Vocabulary การ์ตูนความรู้

Common Nouns for Kids


This is a video that will teach you all about common nouns! Remember, common nouns name people, places, animals, or things.
For more practice, you can check out the links below:
Proper Noun Video: https://bit.ly/2JoJqHe
1st Grade Noun Printables: https://bit.ly/2wIK7IJ
2nd Grade Noun Printables: https://bit.ly/2xrdwHn
Noun HandsOn Activities: https://bit.ly/3dyxNLD
Digital Games: https://bit.ly/2wBq670

Common Nouns for Kids

Noun คำนามคืออะไรบ้างนะ


เรียนภาษาอังกฤษ ติวฟรี ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ์Nounคำนามเรียนออนไลน์

Noun คำนามคืออะไรบ้างนะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ nouns แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *