Skip to content
Home » [Update] Eng Hero เรียนภาษาอังกฤษ ออนไลน์ ฟรี | กริยา 3 ช่อง invite – NATAVIGUIDES

[Update] Eng Hero เรียนภาษาอังกฤษ ออนไลน์ ฟรี | กริยา 3 ช่อง invite – NATAVIGUIDES

กริยา 3 ช่อง invite: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Post on 16 / 02 / 20

by: English Hero

1.5K viewed

Table of Contents

Pronouns  (คำสรรพนาม)

เวลาเราจะเรียกหรือกล่าวถึงคนอื่น เราสามารถเรียกชื่อคนคนนั้นได้โดยตรง แต่หากต้องเรียกซ้ำหรือต้องกล่าวถึงโดยไม่รู้ชื่อหล่ะ จะทำอย่างไร จึงมีสิ่งที่เอาไว้เรียกแทนคน สัตว์ สิ่งของและสถานที่ แล้วเราเรียกสิ่งนี้ว่าคำสรรพนาม (Pronouns) โดย Pronouns ในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้ถึง 7 กลุ่มด้วยกัน

 

Types (ชนิดของคำสรรพนาม)

Pronoun ( คำสรรพนาม )  คือคำที่ใช้แทนคำนามหรือคำเสมอนาม ( nouns- equivalent ) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซ้ำซาก หรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูด ผู้ฟัง   หรือแทนสิ่งของที่ยังไม่รู้ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร   คำสรรพนาม  (pronouns ) แยกออกเป็น  7 ชนิด คือ

 

  • 1. Personal Pronoun ( บุรุษสรรพนาม )  เช่น I, you, we, he , she ,it, they
  • 2. Possessive Pronoun ( สรรพนามเจ้าของ ) เช่น mine, yours, his, hers, its,theirs, ours
  • 3. Reflexive Pronouns ( สรรพนามตนเอง ) เป็นคำที่มี – self ลงท้าย  เช่น myself, yourself,ourselves
  • 4. Definite Pronoun ( หรือ Demonstrative Pronouns สรรพนามเจาะจง )  เช่น  this, that, these, those, one, such, the same
  • 5. Indefinite Pronoun ( สรรพนามไม่เจาะจง ) เช่น  all, some, any, somebody, something, someone
  • 6. Interrogative Pronoun ( สรรพนามคำถาม ) เช่น Who, Which, What
  • 7. Relative pronoun ( สรรพนามเชื่อมความ ) เช่น  who, which, that

 

 

 

1. Personal Pronouns (บุรุษสรรพนาม)

คือสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งของในการพูดสนทนา มี 3 บุรุษคือ

 

บุรุษที่ 1
ได้แก่ตัวผู้พูด
I, we

บุรุษที่ 2
ได้แก่ผู้ฟัง  
you

บุรุษที่ 3
ได้แก่ผู้ ที่พูดถึง สิ่งที่พูดถึง
 he, she. it , they

 

รูปที่สัมพันธ์กันของคำสรรพนาม

รูปประธาน 

รูปกรรม

Possessive Form

Reflexive Pronoun

Adjective

Pronoun

 I

 me

my

 mine

 myself

we

us

our

ours

ourselves

you

you

your

yours

yourself

he

him

his

his

himself

she

her

her

hers

herself

it

it

its

its

itself

they

them

their

theirs

themselves

 

เช่น
I saw a boy on the bus. He seemed to recognize me.
ฉันเจอเด็กคนหนึ่งบนรถประจำทาง เขาดูเหมือนจะจำฉันได้  ( He ในประโยคที่สองแทน a boy และ me แทน I  ในประโยคที่หนึ่ง )
My friend and her brother like to swim. They swim whenever they can.
เพื่อนฉันและน้องชายของเธอชอบว่ายน้ำ พวกเขาไปว่ายน้ำทุกครั้งที่มีโอกาส (  they ในประโยคที่สอง แทน My friend และ her brother ในประโยคที่ 1 )

การใช้ Personal Pronouns ที่ทำหน้าที่เป็นประธานและเป็นกรรมมีหลักดังนี้
Personal Pronoun ที่ตามหลังคำกริยาหรือตามหลังบุพบท ( preposition ) ต้องใช้ในรูปกรรม เช่น

Please tell him what you want.   โปรดบอกเขาถึงสิ่งที่คุณต้องการ  ( ตามหลังดำกริยา tell )
Mr. Wilson talked with him about the project. 
คุณวิลสัน พูดกับเขาเกี่ยวกับโครงการ ( ตามหลังบุพบท with )

หมายเหตุ        ถ้ากริยาเป็น verb to be สรรพนามที่ตามหลังจะใช้เป็นประธานหรือเป็นกรรม ให้พิจารณาดูว่า สรรพนามใน ประโยคนั้นอยู่ในรูปผู้กระทำ หรือ ผู้ถูกกระทำ เช่น

It was she who came here yesterday.
เธอคนนึ้ ที่มาเมื่อวานนี้  ( ใช้ she เพราะเป็นผู้กระทำ )
It was her whom you met at the party last night.
เธอคนนี้ที่คุณพบที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ (ใช้ her เพราะเป็นกรรมของ   you met )

 

 

 

2. Possessive Pronouns (สรรพนามเจ้าของ) 

คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามเมื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่คำต่อไปนี้
      mine,ours, yours, his, hers,its,theirs 

The smallest gift is mine. ของขวัญชิ้นที่เล็กที่สุดเป็นของฉัน
This is yours. อันนี้ของคุณ
His is on the kitchen counter. ของเขาอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัว
Theirs will be delivered tomorrow. ของพวกเขาจะเอามาส่งพรุ่งนี้
Ours is the green one on the table . ของพวกเราคืออันสีเขียวที่อยู่บนโต๊ะ

possessive pronouns มึความหมายเหมือน    possessive adjectives แต่หลักการใช้ต่างกัน

This is my book.
นี่คือหนังสือของฉัน ( my ในประโยคนี้เป็น possessive adjective ขยาย book )
This book is mine
หนังสือนี้เป็นของฉัน (  mine ในประโยคนี้เป็น possessive pronoun  ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์ ( complement)  ของคำกริยา is )

 

 

 

3. Reflexive Pronouns (สรรพนามตนเอง)

คือสรรพนามที่แสดงตนเอง แสดงการเน้น ย้ำให้เห็นชัดเจน มักเรียกว่า -self form of pronoun  ได้แก่
    myself. yourself, yourselves, himself, herself, ourselves. themselves, itself  มีหลักการใช้ดังนี้

  • ใช้เพื่อเน้นประธานให้เห็นว่าเป็นผู้กระทำการนั้นๆ ให้วางไว้หลังประธานนั้น  ถ้าต้องการเน้นกรรม (object ) ให้วางหลังกรรม เช่น

    She

     herself doesn’t think  she’ll get the job.

    The film

     itself wasn’t very good but I like the music.
    I spoke to 

    Mr.Wilson

     himself.

  • วางหลังคำกริยา เมื่อกริยาของประโยคเป็นกริยาที่ทำต่อตัวประธานเอง
    They 

    blamed

     themselves for the accident.
    พวกเขาตำหนิตนเองในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ( ตามหลังกริยา blamed )
    You 

    are

     not yourself today.
    วันนี้คุณไม่เป็นตัวของคุณเอง ( ตามหลังกริยา are )
    I don’t want you to pay for me. I’ll 

    pay

     for myself
    ฉันไม่อยากให้คุณเป็นคนจ่ายเงินให้ ฉันจะจ่ายของฉันเอง
    Julia had a great holiday. She enjoyed herself very much.
    จูเลียมีวันหยุดที่ดี เธอสนุกมาก
    George cut himself while he was shaving this morning.
    จอร์จทำมีดบาดตัวเองขณะทีโกนหนวดเมื่อเช้านี้

หมายเหตุ  ปกติ จะใช้  wash/shave/dress โดยไม่มี myself

  • เมื่อต้องการจะเน้นว่า ประธานเป็นผู้ทำกิจกรรมนั้นเอง
    Who repaired your bicycle for you? Nobody, I repaired it myself.ใครซ่อมรถจักรยานให้คุณ. ไม่มีใครทำให้ฉันซ่อมเอง
    I’m not going to do it for you. You can do it yourself.
    ฉันจะไม่ทำ( อะไรสักอย่างที่รู้กันอยู่ ) ให้นะ คุณต้องทำเอง

    By myself หมายถึงคนเดียว มีความหมายเหมือน  on my own  เช่นเดียวกับคำต่อไปนี้

    on ( my/your/his/ her/ its/our/their ) own     มีความหมายเหมือนกับ
    by ( myself/yourself ( singular) /himself/ herself/ itself/ ourselves/ yourselves(plural)/ themselves )
    เช่น
    I like living on my own/by myself. ฉันชอบใช้ชีวิตอยู่คนเ้ดียว
    Did you go on holiday on your own/by yourself? เธอไปเที่ยววันหยุดคนเดียวหรือเปล่า
    Learner drivers are not  allowed to drive on their own/ by themselves.
    ผู้ที่เรียนขับรถไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถด้วยตัวเองคนเดียว
    Jack was sitting on his own/by himself in a corner of the cafe.
    แจ๊คนั่งอยู่คนเดียวทีีมุมห้องในคาเฟ

 

 

4. Definite Pronouns หรือ Demonstrative Pronouns (สรรพนามเจาะจง)

คือสรรพนามที่บ่งชี้ชัดเจนว่าใช้แทนสิ่งใด เช่น
 this, that, these, those, one, ones, such, the same, the former, the latter

That is incredible!    นั่นเหลือเชื่อจริงๆ  (อ้างถึงสิ่งที่เห็น)
I will never forget this.   ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้เลย (อ้างถึงประสบการณ์เมื่อเร็วๆนี้)
Such is my belief.  นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเชื่อ (อ้างถึงสิ่งที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ )
Grace and Jane ar good girls. The former is more beautiful than the latter.
  เกรซและเจนเป็นเด็กดีทั้งคู่ แต่คนแรก (เกรซ)จะสวยกว่าคนหลัง (เจน)

 

5.Indefinite Pronouns (สรรพนามไม่เจาะจง)

หมายถึงสรรพนามที่ใช้แทนนามได้ทั่วไป มิได้ชี้เฉพาะเจาะจงว่าแทนคนนั้น คนนี้ เช่น

everyone
everybody
everything
some
each

someone
somebody
all
any
many

anyone
anybody
anything
either
neither

no one
nobody
nothing
none
one

more
most
enough
few
fewer

little
several
more
much
less

Everybody loves somebody. คนทุกคนย่อมมีความรักกับใครสักคน
Is there anyone here by the name of Smith? มีใครที่นีชื่อสมิธบ้าง
One should always look both ways before crossing the street. ใครก็ตามควรจะมองทั้งสองด้านก่อนข้ามถนน
Nobody will believe him. จะไม่มีใครเชื่อเขา
Little is expected. มีการคาดหวังไว้น้อยมาก

We, you, they ซึ่งปกติเป็น personal pronoun จะนำมาใช้เป็น indefinite pronoun เมื่อไม่เจาะจง  โดยมากใช้ในคำบรรยาย คำปราศัย เช่น

We should prepare ourselves to deal with any emergency. เรา ( โดยทั่วไป) ควรจะเตรียมพร้อมไว้เสมอสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน)
You sometimes don’t know what to say in such a situation. บางครั้งพวกคุณก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรในสถานการณ์เช่นนั้น.

 

 

6. Interrogative Pronouns (สรรพนามคำถาม)

เป็นสรรพนามที่แทนนามสำหรับคำถาม ได้แก่  Who, Whom, What, Which  และ Whoever, Whomever,Whatever,Whichever   เช่น

Who want to see the dentist first? ใครอยากจะเข้าไปหาหมอฟันเป็นคนแรก? ( who ในที่นี้เป็นประธาน )
Whom do you think we should invite? เธอคิดว่าเราควรจะัเชิญใคร? (  whom ในที่นี้เป็นกรรม – object )
To whom do to wish to speak ? เธออยากจะพูดกับใคร? (  whom ในที่นี้เป็นกรรม – object )
What did she say?  เธอพูดว่าอะไรนะ? (  what เป็นกรรมของกริยา say )
Which is your cat ? แมวของเธอตัวไหน? ( which เป็นประธาน )
Which of these languages do you speak fluently? ภาษาไหนในบรรดาภาษาเหล่านี้ที่คุณพูดได้คล่อง? ( which เป็นกรรมของ speak )

หมายเหตุ   which และ  what  สามารถใช้เป็น  interrogative adjective   และ who, whom , which  สามารถใช้เป็น relative pronoun  ได้

 

 

7. Relative Pronouns (สรรพนามเชื่อมความ)

คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวมาแล้วในประโยคข้างหน้า   และพร้อมกันนั้นก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคทั้งสอง ให้เป็นประโยคเดียวกัน   เช่นคำต่อไปนี้  who, whom, which whose ,what, that , และ indefinite relative pronouns เช่น whoever, whomever,whichever, whatever

Children who (that) play with fire are in great danger of harm.
The book that she wrote was the best-seller
He’s the man whose car was stolen last week.
She will tell you what you need to know.
The coach will select whomever he pleases.
Whoever cross this line will win the race.
You may eat whatever you  like at this restaurant.

 

 

 

เนื้อหาในบทความคำสรรพนามนี้ยาวอีกแล้ว อต่ก็อยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และลองอ่านทบทวนหลายๆ รอบ เพื่อทำความเข้าใจดีๆ

 

 

กลับไปหน้า บทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[NEW] กริยา 3 ช่อง | กริยา 3 ช่อง invite – NATAVIGUIDES




คำกริยาในภาษาอังกฤษ

 

ตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น

3

ช่อง

เรียกว่า

กริยา

3

ช่อง

ซึ่งแต่ละ

ช่องก็บอกถึง

เหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย

             

คำที่แสดงถึงอาการต่าง

  

หรือเหตุการณ์ต่าง

ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของเวลา

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็

คือ

คำพูดที่แสดง

ถึงการกระทำของตัวประธานในประโยค

หรือคำที่ทำหน้าที่ช่วยคำกิริยาด้วยกันนั่นเอง

 

กิริยาเป็นคำที่มีบทบาทที่สำคัญ

ในแต่ละประโยค

 

ถ้าในประโยคนั้น

ขาดคำกิริยา

 

ความหมายก็ไม่เกิด

และไม่สามารถทราบถึงเหตุการณ์ต่าง

ๆได้เลย

หรือมีใจความที่ไม่สมบูรณ์

คำกิริยาตามหน้าที่แบ่งออกเป็น

 

3

ประเภท

คือ

           1.

สกรรมกริยา

(

Transitive  Verb ) 

คือ

คำกิริยาที่ต้องมีตัวกรรม

หรือคำอื่นเข้ามารองรับความ

หมายจึง

จะสมบูรณ์

เช่น

The  boys  kick  football  in  the  field.

หมายความว่า

 

พวกเด็ก

เตะ

ฟุตบอลอยู่ที่สนามหญ้า

 

คำว่า

“kick “  

เป็น

คำกิริยา

บอกให้ทราบถึงเหตุการณ์ว่าในขณะนี้หรือปัจจุบัน

นี้เด็ก

กำลังเล่นกันอยู่

ส่วนคำว่า

“ football ”

เป็นตัวกรรม

หรือตัวที่ทำหน้าที่รองรับกิริยาให้มีความ

หมายสมบูรณ์ขึ้น

เพราะถ้าใช้คำว่า

“ kick “

คำเดียวความหมายไม่สมบูรณ์

ไม่

รู้ว่าเตะอะไร

นั่นเอง

           2.

อกรรมกริยา

(

Intransitive  Verb )  

คือ

คำกิริยาที่ไม่ต้องมีตัวกรรมหรือคำอื่นมารองรับก็ได้

ความหมายสมบูรณ์

เช่น

 

The  dogs  run  in  the  field.  

ประโยคนี้ไม่ต้องมีตัวกรรมมารองรับ

ก็ได้ใจ

ความสมบูรณ์ดี

 

ซึ่งคำว่า

“run “

แปลว่า

วิ่ง

คงไม่ต้องถามว่าใช้อะไรวิ่ง

           3.  

กริยาช่วย

(  

Helping  Verb

หรือ

 

Auxiliary  Verb ) 

คือ

กิริยาที่มีหน้าที่ช่วยให้กิริยาด้วย

กันมีความหมายดีขึ้น

และ

ยังมีหน้าที่ทำให้ตัวของมันเองมีความหมายที่สมบูรณ์ขึ้นได้ดีอีกด้วย

 

เช่น

She  studies  in  Lamp – Tech  college .  Does she study in Lamp – Tech College?

            

คำ

 

กิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น

3

ช่อง

เรียกว่า

กริยา

3

ช่อง

ซึ่งแต่ละ

ช่องก็บอกถึง

เหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย

กริยาช่องที่

1 

ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

กริยาช่องที่

ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

กริยา

ช่องที่

3 

ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต

เรียก

อีกอย่างหนึ่งว่า

ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา

หรือ

Complement




Base Form(

ช่อง

 

1)

Simple Past Tense(

ช่อง

 

2)

Past Participle(

ช่อง

 

3)

Meaning (

ความหมายเทียบเคียง

)


awake

awoke

awoken

ตื่น


be

was, were

been

เป็น

,

อยู่

,

คือ


bear

bore

born

ทน


beat

beat

beat

ตี


become

became

become

กลายเป็น


begin

began

begun

เริ่ม


bend

bent

bent

หัก

งอ


beset

beset

beset

โอบล้อมรอบด้าน


bet

bet

bet

พนัน


bid

bid/bade

bid/bidden

ประมูล


bind

bound

bound

ผูกติดกัน


bite

bit

bitten

กัด


bleed

bled

bled

เลือดออก


blow

blew

blown

เป่า


break

broke

broken

แตก

หัก


breed

bred

bred

ผสมพันธ์


bring

brought

brought

นำมา


broadcast

broadcast

broadcast

ออกอากาศ


build

built

built

สร้าง


burn

burned/burnt

burned/burnt

เผา


burst

burst

burst

ระเบิดออก


buy

bought

bought

ซื้อ


cast

cast

cast

หล่อ


catch

caught

caught

จับ


oose

chose

chosen

เลือก


cling

clung

clung

พิง


come

came

come

มา


cost

cost

cost

มีราคา


creep

crept

crept

คืบคลาน


cut

cut

cut

ตัด


deal

dealt

dealt

จัดการ


dig

dug

dug

ขุด


dive

dived/dove

dived

กระโดดน้ำ


do

did

done

ทำ


draw

drew

drawn

วาด

ล่อ

ชักดาบ

ถอนเงิน


dream

dreamed/dreamt

dreamed/dreamt

ฝัน


drive

drove

driven

ขับรถ


drink

drank

drunk

ดื่ม


eat

ate

eaten

กิน


fall

fell

fallen

ล้ม


feed

fed

fed

ให้อาหารสัตว์


feel

felt

felt

รู้สึก


fight

fought

fought

ต่อสู้


find

found

found

พบ


fit

fit

fit

พอเหมาะ


flee

fled

fled

หลบหนี


fling

flung

flung

เขวี้ยง


fly

flew

flown

บิน

นั่งเครื่องบิน


forbid

forbade

forbidden

ห้าม


forget

forgot

forgotten

ลืม


forego (forgo)

forewent

foregone

ยอม

ไม่เอา


forgive

forgave

forgiven

ให้อภัย


forsake

forsook

forsaken

สละ

ละทิ้ง


freeze

froze

frozen

หยุด

เป็นน้ำแข็ง


get

got

gotten

ได้


give

gave

given

ให้


go

went

gone

ไป


grind

ground

ground

บด


grow

grew

grown

เจริญงอกงาม


hang

hung

hung

แขวน


hang

hunged

hanged

แขวนคอ


hear

heard

heard

ได้ยิน


hide

hid

hidden

ซ่อน


hit

hit

hit

ตี


hold

held

held

ถือ


hurt

hurt

hurt

ทำร้าย


keep

kept

kept

เก็บรักษา


kneel

knelt

knelt

คุกเข่า


knit

knit

knit

ถัก


know

knew

know

รู้จัก


lay

laid

laid

วางไข่


lead

led

led

นำ


leap

leaped/lept

leaped/lept

กระโดด


learn

learned/learnt

learned/learnt

เรียน


leave

left

left

ออกจาก


lend

lent

lent

ให้ยืม


let

let

let

อนุญาต


lie

lay

lain

นอนลง


light

lighted/lit

lighted

จุดไฟ


lose

lost

lost

ทำหาย


make

made

made

ทำ


mean

meant

meant

หมายถึง


meet

met

met

พบ


misspell

misspelled /misspelt

misspelled/ misspelt

สะกดผิด


mistake

mistook

mistaken

ทำผิด


mow

mowed

mowed/mown

ตัดหญ้า


overcome

overcame

overcome

เอาชนะ


overdo

overdid

overdone

ทำมากเกินไป


overtake

overtook

overtaken

ตามทัน


overthrow

overthrew

overthrown

ปลดจากตำแหน่ง


pay

paid

paid

จ่าย


plead

pled

pled

อ้อนวอน

ขอโทษ


prove

proved

proved/proven

พิสูจน์


put

put

put

วาง


quit

quit

quit

เลิก


read

read

read

อ่าน


rid

rid

rid

ขจัด


ride

rode

ridden

ขี่


ring

rang

rung

กรดกริ่ง


rise

rose

risen

ลุกขึ้น


run

ran

run

วิ่ง


saw

sawed

sawed/sawn

เลื่อย


say

said

said

พูด


see

saw

seen

เห็น


seek

sought

sought

ค้นหา


sell

sold

sold

ขาย


send

sent

sent

ส่ง


set

set

set

จัดวาง


sew

sewed

sewed/sewn

เย็บ


shake

shook

shaken

สั่น


shave

shaved

shaved/shaven

โกน


shear

shore

shorn

ตัดขนแกะ


shed

shed

shed

เท

กันน้ำ

ทิ้ง


shine

shone

shone

เปล่งแสง


shoe

shoed

shoed/shod

ซ่อมรองเท้า


shoot

shot

shot

ยิง


show

showed

showed/shown

แสดง


shrink

shrank

shrunk

หด


shut

shut

shut

ปิด


sing

sang

sung

ร้องเพลง


sink

sank

sunk

จม


sit

sat

sat

นั่ง


sleep

slept

slept

นอน


slay

slew

slain

ฆ่า


slide

slid

slid

เลื่อน


sling

slung

slung

slit

slit

slit

สอดกรีดตามยาว


smite

smote

smitten

ตีอย่างแรง


sow

sowed

sowed/sown

หว่านพืช


speak

spoke

spoken

พูด


speed

sped

sped

เร่งความเร็ว


spend

spent

spent

ใช้จ่าย


spill

spilled/spilt

spilled/spilt

ทำหก


spin

spun

spun

ปั่น


spit

spit/spat

spit

บ้วนน้ำลาย


split

split

split

แยกออกจากกัน


spread

spread

spread

แผ่


spring

sprang/sprung

sprung

กระโดด


stand

stood

stood

ยืน


steal

stole

stolen

ขโมย


stick

stuck

stuck

ติดอยู่กับ


sting

stung

stung

ปล่อยเหล็กไน


stink

stank

stunk

เหม็น


stride

strod

stridden

เดินก้าวยาว

 


strike

struck

struck

ตี


string

strung

strung

ขึ้นสาย

ร้อยลูกปัด


strive

strove

striven

ดิ้นรน

 

ต่อสู้


swear

swore

sworn

สาบาน


sweep

swept

swept

กวาด


swell

swelled

swelled/swollen

บวม


swim

swam

swum

ว่ายน้ำ


swing

swung

swung

แกว่ง


take

took

taken

นำไป


teach

taught

taught

สอน


tear

tore

torn

ฉีก


tell

told

told

บอก


think

thought

thought

คิด


thrive

thrived/throve

thrived

เติบโต


throw

threw

thrown

ขว้าง


thrust

thrust

thrust

เสือกเข้าไป


tread

trod

trodden

เดิน


understand

understood

understood

เข้าใจ


uphold

upheld

upheld

ยกไว้


upset

upset

upset

เสียใจ


wake

woke

woken

ตื่น


wear

wore

worn

สวม


weave

weaved/wove

weaved/woven

ทอ


wed

wed

wed

แต่งงาน


weep

wept

wept

ร้องไห้


wind

wound

wound

ไขลาน


win

won

won

ชนะ


withhold

withheld

withheld

เก็บไว้


withstand

withstood

withstood

ทนฟ้าทนฝน


wring

wrung

wrung

บิด


write

wrote

written

เขียน



กริยา3ช่อง และ เทคนิคการท่องกริยา3ช่อง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE


กริยา3ช่อง และ เทคนิคการท่องกริยา3ช่อง ในคลิปนี้เรามาจะมาทำความเข้าใจกับกริยา3ช่องและลิสคำกริยา3ช่อง เราจะมาฝึกท่องคำศัพท์ไปพร้อมๆกัน เพื่อช่วยทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้อง และ ยังรวมไปถึงเทคนิคการฝึกท่องกริยา3ช่องภาษาอังกฤษด้วย irregular verb และ regular verb คืออะไร คลิปนี้มีคำตอบ
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ครบทุกหลักการใช้งานในคลิปเดียวแบบเต็มสูบทั้งหมด
หากสนใจมาเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว กับทางESE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทางช่องทางเหล่านี้นะครับ
อย่าลืมกดติดตามเราทางช่องทางอื่นๆด้วยนะครับ
Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

กริยา3ช่อง และ เทคนิคการท่องกริยา3ช่อง  เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE

50คำกริยา3ช่อง ภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อย


50คำกริยา3ช่อง ภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อย
กริยา3ช่อง ภาษาอังงกฤษ eng123

50คำกริยา3ช่อง ภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อย

กริยา 3 ช่อง V1 ปัจจุบัน V2 อดีต V3อดีตเพิ่งผ่านไป ฝึกฟังในคลิป15-16 ตามครูมาจะพาพูดได้16ครูโจ


ถ้าต้องการเรียนพื้นฐานเริ่มจาก 0 ให้กดเรียนฟรีได้ ที่ลิ้งก์ หลังประโยคนี้ได้เลยครับhttps://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWcMfV8SWEJAHqPy12ur3bo แต่ถ้าต้องการเห็นวีดีโอเพลย์ลิสทั้งหมด ให้กดไปที่รูปหน้าครูโจ 1 ครั้งแล้วกด เพลย์ลิสต์ 1ครั้ง แล้วเลื่อนลงไปเลือกกดดูคลิปที่เราสนใจฝึกฟรีได้เลยครับ เพราะวีดีโอจะเล่นให้เราเองโดยอัตโนมัติ สามารถเปิดฟังยาวๆแล้วก็ทำงานบ้าน หรือทำงานอื่นๆในกิจวัตรประจำวันของเราได้เลยครับ เพราะวีดีโอจะเล่นยาวๆไปเองครับ ฟังบ่อยๆ แล้วหูของเราก็จะชินกับภาษาอังกฤษไปเอง
……………………………………………………………………
และถ้าผู้เรียนท่านใด ต้องการจะฝึกเฉพาะเรื่องที่เราสนใจ
ก็สามารถ กดเข้าไปที่ลิ้งก์ ที่ครูโจได้จัดทำไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว
เพื่อฝึกภาษาอังกฤษฟรี ด้านล่างที่ครูได้จัดไว้ให้ตามหัวข้อต่างๆ
ที่ผู้เรียนต้องการได้เลยครับ เรามาดูหัวข้อต่างๆ กันได้เลยครับ
…………………………………………………………………..
ฝึกพูดประโยคบอกเล่า และปฏิเสธ จะมีให้ฝึกในคลิปที่ 17 ถึง 24
ครูได้จัดเรียงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จะดีที่สุดและ ง่ายที่สุดเลยครับ ให้กดที่ลิ้งก์นี้ได้เลยครับเพราะวีดีโอที่ 1724 จะเล่นเองโดยอัตโนมัติครับ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWfqwEaDT36Ac29bPqPSl2gZ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 17
ตามครูมาจะพาพูดได้ 18
ตามครูมาจะพาพูดได้ 19
ตามครูมาจะพาพูดได้ 20
คามครูมาจะพาพูดได้ 21
ตามครูมาจะพาพูดได้ 22
ตามครูมาจะพาพูดได้ 23
ตามครูมาจะพาพูดได้ 24
…………………………………………………………………..
การฝึกพูดประโยคคำถามที่ใช้บ่อยๆ ในชีวิตจริงแตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน
เช่น คุณ …………..ไหม?จะมีให้ฝึกอยู่ในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้คลิป25 ถึง 38 การแต่งประโยคคำถามที่ใช้ถามบ่อยที่สุดในชีวิตจริง
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWd8dbI0Z3Py_peBym5U1r2
………………………………………………………………….
ต่อไปเป็นการฝึกพูดประโยคคำถามพิเศษ What Where When Why จะมีให้ฝึกอยู่ในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้คลิป39 ถึง 48 คำถาพิเศษ 15 คำที่ใช้บ่อย กดที่ลิ้งก์นี้เพื่อเรียนฟรีได้เลยครับ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWfgjRaHU_iHwNyNjcKA57
………………………………………………………………….
ต่อไปเป็นการฝึกพูดประโยคบอกเล่า การเติม s , es , ies , มีให้ฝึกอยู่ในคลิป
คามครูมาจะพาพูดได้ 49 ถึง 62 การเติม s, es ies
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWf2Sm6fbR_n83cqRaZtAX_w
………………………………………………………………..
การใช้ Do และ Does มาขึ้นต้นในการแต่งประโยคคำถาม มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้ 63 ถึง 74 การใช้ Do และ Does มาแต่งประโยคคำถาม
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWep608Cm4xysOUUV1jQApql
……………………………………………………………….
การใช้ would , would like to อยาก อยากจะ เป็นคำสุภาพกว่า
want และ want to
มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้ 75 ถึง 82 การใช้ Would = อยาก
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWezhQjjHTG9QAKNbpP0r5
……………………………………………………………..
การใช้ สำนวนที่ควรจำ : ฉัน ต้องการให้คุณ…: ฉัน ไม่ต้องการให้คุณ… : คุณ ต้องการให้ฉัน…ไหม?
มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้83 ถึง 84 สำนวน ที่ควรจะ ในภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWeh_Dqx1devHZ14ymPMMVC
…………………………………………………………….
ตามครูมาจะพาพูดได้ 85 การใช้ Should = ควรจะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 86 การใช้ Let’s…= …กันเถอะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 87 การใช้ Don’t…= อย่า …
……………………………………………………………
รวมการใช้ can คลิปที่ 8891
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWdM1XYSlqFi_e6FOtO5lMy
ตามครูมาจะพาพูดได้ 88 การใช้ Can= สามารถ…ได้
ตามครูมาจะพาพูดได้ 89 การใช้ cannot…= ไม่สามารถ…ได้
ตามครูมาจะพาพูดได้ 90 การใช้ Can you ….? คุณ …ได้ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 91 การใช้ คำถามพิเศษ Wh + can +กริยา …?
………………………………………………………
รวมการใช้will
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWdCGpFETjnj_cgi_hs_436L
ตามครูมาจะพาพูดได้ 92 การใช้ will = จะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 93 การใช้ will not = จะไม่
ตามครูมาจะพาพูดได้ 94 การใช้ Will you….? คุณ จะ…ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 95 การใช้ Will you…? คุณ จะ…ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 96 การใช้ คำถามพิเศษ + will + you……?
………………………………………………………..
รวมการใช้Am Are Is มีอยู่ในคลิปที่57 , 97, 98
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWek2G6y8t7Kxs1BdOw4DmZM
ตามครูมาจะพาพูดได้ 97 การใช้ Are you…..? ความรู้สึกต่างๆ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 98 การใช้ Are you…? ความรู้สึกต่างๆ , และสถานที่ , วัน เวลาลงท้าย

กริยา 3 ช่อง  V1 ปัจจุบัน   V2 อดีต   V3อดีตเพิ่งผ่านไป  ฝึกฟังในคลิป15-16 ตามครูมาจะพาพูดได้16ครูโจ

กริยา 3 ช่อง V1ปัจจุบัน V2อดีต V3อดีตเพิ่งผ่านไป ฝึกฟังในคลิป15-16 ตามครูมาจะพาพูดได้15ครูโจ


ถ้าต้องการเรียนพื้นฐานเริ่มจาก 0 ให้กดเรียนฟรีได้ ที่ลิ้งก์ หลังประโยคนี้ได้เลยครับhttps://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWcMfV8SWEJAHqPy12ur3bo แต่ถ้าต้องการเห็นวีดีโอเพลย์ลิสทั้งหมด ให้กดไปที่รูปหน้าครูโจ 1 ครั้งแล้วกด เพลย์ลิสต์ 1ครั้ง แล้วเลื่อนลงไปเลือกกดดูคลิปที่เราสนใจฝึกฟรีได้เลยครับ เพราะวีดีโอจะเล่นให้เราเองโดยอัตโนมัติ สามารถเปิดฟังยาวๆแล้วก็ทำงานบ้าน หรือทำงานอื่นๆในกิจวัตรประจำวันของเราได้เลยครับ เพราะวีดีโอจะเล่นยาวๆไปเองครับ ฟังบ่อยๆ แล้วหูของเราก็จะชินกับภาษาอังกฤษไปเอง
……………………………………………………………………
และถ้าผู้เรียนท่านใด ต้องการจะฝึกเฉพาะเรื่องที่เราสนใจ
ก็สามารถ กดเข้าไปที่ลิ้งก์ ที่ครูโจได้จัดทำไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว
เพื่อฝึกภาษาอังกฤษฟรี ด้านล่างที่ครูได้จัดไว้ให้ตามหัวข้อต่างๆ
ที่ผู้เรียนต้องการได้เลยครับ เรามาดูหัวข้อต่างๆ กันได้เลยครับ
…………………………………………………………………..
ฝึกพูดประโยคบอกเล่า และปฏิเสธ จะมีให้ฝึกในคลิปที่ 17 ถึง 24
ครูได้จัดเรียงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จะดีที่สุดและ ง่ายที่สุดเลยครับ ให้กดที่ลิ้งก์นี้ได้เลยครับเพราะวีดีโอที่ 1724 จะเล่นเองโดยอัตโนมัติครับ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWfqwEaDT36Ac29bPqPSl2gZ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 17
ตามครูมาจะพาพูดได้ 18
ตามครูมาจะพาพูดได้ 19
ตามครูมาจะพาพูดได้ 20
คามครูมาจะพาพูดได้ 21
ตามครูมาจะพาพูดได้ 22
ตามครูมาจะพาพูดได้ 23
ตามครูมาจะพาพูดได้ 24
…………………………………………………………………..
การฝึกพูดประโยคคำถามที่ใช้บ่อยๆ ในชีวิตจริงแตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน
เช่น คุณ …………..ไหม?จะมีให้ฝึกอยู่ในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้คลิป25 ถึง 38 การแต่งประโยคคำถามที่ใช้ถามบ่อยที่สุดในชีวิตจริง
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWd8dbI0Z3Py_peBym5U1r2
………………………………………………………………….
ต่อไปเป็นการฝึกพูดประโยคคำถามพิเศษ What Where When Why จะมีให้ฝึกอยู่ในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้คลิป39 ถึง 48 คำถาพิเศษ 15 คำที่ใช้บ่อย กดที่ลิ้งก์นี้เพื่อเรียนฟรีได้เลยครับ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWfgjRaHU_iHwNyNjcKA57
………………………………………………………………….
ต่อไปเป็นการฝึกพูดประโยคบอกเล่า การเติม s , es , ies , มีให้ฝึกอยู่ในคลิป
คามครูมาจะพาพูดได้ 49 ถึง 62 การเติม s, es ies
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWf2Sm6fbR_n83cqRaZtAX_w
………………………………………………………………..
การใช้ Do และ Does มาขึ้นต้นในการแต่งประโยคคำถาม มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้ 63 ถึง 74 การใช้ Do และ Does มาแต่งประโยคคำถาม
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWep608Cm4xysOUUV1jQApql
……………………………………………………………….
การใช้ would , would like to อยาก อยากจะ เป็นคำสุภาพกว่า
want และ want to
มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้ 75 ถึง 82 การใช้ Would = อยาก
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWezhQjjHTG9QAKNbpP0r5
……………………………………………………………..
การใช้ สำนวนที่ควรจำ : ฉัน ต้องการให้คุณ…: ฉัน ไม่ต้องการให้คุณ… : คุณ ต้องการให้ฉัน…ไหม?
มีให้ฝึกในคลิป
ตามครูมาจะพาพูดได้83 ถึง 84 สำนวน ที่ควรจะ ในภาษาอังกฤษ
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWeh_Dqx1devHZ14ymPMMVC
…………………………………………………………….
ตามครูมาจะพาพูดได้ 85 การใช้ Should = ควรจะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 86 การใช้ Let’s…= …กันเถอะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 87 การใช้ Don’t…= อย่า …
……………………………………………………………
รวมการใช้ can คลิปที่ 8891
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWdM1XYSlqFi_e6FOtO5lMy
ตามครูมาจะพาพูดได้ 88 การใช้ Can= สามารถ…ได้
ตามครูมาจะพาพูดได้ 89 การใช้ cannot…= ไม่สามารถ…ได้
ตามครูมาจะพาพูดได้ 90 การใช้ Can you ….? คุณ …ได้ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 91 การใช้ คำถามพิเศษ Wh + can +กริยา …?
………………………………………………………
รวมการใช้will
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWdCGpFETjnj_cgi_hs_436L
ตามครูมาจะพาพูดได้ 92 การใช้ will = จะ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 93 การใช้ will not = จะไม่
ตามครูมาจะพาพูดได้ 94 การใช้ Will you….? คุณ จะ…ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 95 การใช้ Will you…? คุณ จะ…ไหม?
ตามครูมาจะพาพูดได้ 96 การใช้ คำถามพิเศษ + will + you……?
………………………………………………………..
รวมการใช้Am Are Is มีอยู่ในคลิปที่57 , 97, 98
https://www.youtube.com/playlist?list=PLtIYgIxknWWek2G6y8t7Kxs1BdOw4DmZM
ตามครูมาจะพาพูดได้ 97 การใช้ Are you…..? ความรู้สึกต่างๆ
ตามครูมาจะพาพูดได้ 98 การใช้ Are you…? ความรู้สึกต่างๆ , และสถานที่ , วัน เวลาลงท้าย

กริยา 3 ช่อง  V1ปัจจุบัน    V2อดีต    V3อดีตเพิ่งผ่านไป  ฝึกฟังในคลิป15-16 ตามครูมาจะพาพูดได้15ครูโจ

-ED pronunciation – /t/ /d/ or /id/? (pronounce PERFECTLY every time!)


The ed endings of regular past tense verbs and adjectives are pronounced in 3 different ways learn how to pronounce them correctly every time! Download FREE lesson PDF here: http://bit.ly/pronounceEDpdf.
DO YOU WANT TO RECEIVE EMAILS FROM LUCY? Sign up here: https://bit.ly/EmailsFromLucy
Don’t forget to turn on subtitles if you need them! This is how I generate my subtitles (you can get a $10 subtitle coupon too): https://www.rev.com/blog/coupon/?ref=lucy (affiliate)
Visit my website for free PDFs and an interactive pronunciation tool! https://englishwithlucy.co.uk​
MY SOCIAL MEDIA:
Personal Channel: http://bit.ly/LucyBella​​​ (I post subtitled vlogs of my life in the English countryside! Perfect for listening practice!)
Instagram: @Lucy http://bit.ly/lucyinsta​​​​​​​​​​
My British English Pronunciation Course is now LIVE: https://englishwithlucy.co.uk/pronunciationcourse (use code YOUTUBE10 for a 10% discount!)
Do you want to improve your pronunciation? I have launched my British English (Modern RP) pronunciation course! I’ll train you to read phonetic transcriptions, and produce each sound that comprises modern received pronunciation. I’ll also teach you how to implement the correct use of intonation, stress, rhythm, connected speech, and much more. We’ll compare similar sounds, and look at tricky topics like the glottal stop and the dark L.
Technically, I need to mark this as an AD even though it is my own company so AD 🙂
Want to get a copy of my English Vocabulary Planners? Click here: https://shop.englishwithlucy.co.uk The best offer is the 4book bundle where you get 4 planners for the price of 3. This product is very limited don’t miss out. The English Plan will be shipped from early August, from me here in England to you across the world! We ship internationally!
Watch my explainer video here: https://bit.ly/TheEnglishPlanVideo
Practice speaking: Earn $10 free italki credit: https://go.italki.com/englishwithlucy… (ad affiliate)
Improve listening! Free Audible audiobook: https://goo.gl/LshaPp
If you like my lessons, and would like to support me, you can buy me a coffee here: https://kofi.com/englishwithlucy
FREE £26 Airbnb credit: https://www.airbnb.co.uk/c/lcondesa (ad affiliate)
Email for business enquiries ONLY: [email protected]
Edit by Connor Hinde [email protected]

-ED pronunciation - /t/ /d/ or /id/? (pronounce PERFECTLY every time!)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ กริยา 3 ช่อง invite

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *