[Update] ClassicOnTheWord | two steps from hell คือ – NATAVIGUIDES

เพลง Jazz เบา ๆ อันไพเราะ

เพลง Jazzที่คัดเลือกมาให้ท่านฟังนี้ เป็นเพลงของนักดนตรี 3 ท่านที่มีชื่อเสียงระดับโลก ,บางเพลงท่านคงคุ้นหูอยู่บ้าง แต่รับรองว่าไพเราะและฟังสบายทุกเพลงแน่นอนครับ

Kenny G ,Silhouette
Kenny G ,Song bird
Kenny G ,Going home
Kenny G ,Forever love
Kenny G ,Loving you
Grover Washington Jr ,Wine light
Grover Washington Jr ,Just the two of us
Grover Washington Jr ,In the name of love
Grover Washington Jr ,Let it flow
Grover Washington Jr ,Take me there
Grover Washington Jr ,Jet Stream
Sadao Watanabe ,When we make a home
Sadao Watanabe ,Here’s to love (Vocal : Roberta Flack … เสียงดีมาก ๆ)

เพลงแยกตามอารมณ์ ความรู้สึก และการนำไปใช้งาน

Page นี้ผมได้ทำขึ้นใหม่เพื่อความง่ายสำหรับท่าน ๆ ที่ต้องการฟังเพลงตามความชอบ – อารมณ์ขณะนั้น หรือจะนำไปใช้งานตามประเภทที่ท่านต้องการ เนื่องด้วยใน Menu ทางซ้ายมือนี้ได้แยกเพลงตามประเภทของเพลง แต่หลาย ๆ ท่านอาจจะลำบากในการค้นหาว่า เพลงใดเป็นเพลงมี feeling อย่างไร มีลักษณะอย่างไร ผมจึงแยกทำหน้านี้ออกมาครับ ,เพลงในหน้านี้ผมก็นำมาจากทุกหมวดใน menu ทางซ้ายนี่แหละครับไม่ได้เพิ่มขึ้นมาใหม่ ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับดนตรีที่ท่านชอบนะครับ

        เพลงอลังการ ยิ่งใหญ่ สง่างาม
เพลงในหมวดนี้จะเป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ อลังการ สง่างาม หากเป็นเพลงคลาสสิคก็จะเป็นเพลง Overture (โหมโรง) หรืออาจเป็น Soundtrack ประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทั้งหลาย

  Richard Strauss ,Also sprach Zarathustra (2.6MB) : เพลงนี้เป็นลักษณะของ Symphonic Poem ให้บรรยากาศของความพิสดารพันลึกของเทพยดา และสิ่งลี้ลับสมัยโบราณ Strauss ประพันธ์ขึ้นในปี ค.ศ. 1896 โดยได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรม German “Also sprach Zarathustra” ของ Friedrich Nietzsche ,Strauss นำงานชิ้นนี้ออกแสดงครั้งแรกที่ Frankfurt บรรเลงยาวประมาณ 30 นาทีครับ ,เพลงชุดนี้ ท่อนขึ้นต้น “The introduction” หรือ “Opening Sunrise” ถูกนำมาใช้ประกอบงานต่าง ๆ มากมาย ที่รู้จักกันดีคือนำมาประกอบภาพยนต์วิทยาศาสตร์ฟอร์มใหญ่ “2001: A Space Odyssey” ของ Stanley Kubrick … ท่อนที่ท่านฟังนี้เป็น “Opening Sunrise” (ยาว 1 นาที 45 วินาที) ส่วนบทเพลงเต็มทั้ง 9 ท่อนยาว 30 นาที Download ที่นี่ครับ (ZIP file ขนาด 47MB)

O Fortuna (2.77MB) : แต่งโดย Carl Orff คีตกวีชาวเยอรมัน O Fortuna เป็นท่อนหนึ่งใน 25 ท่อนของ Symphonic Poem “Carmina Burana” ซึ่งจะได้ยินบ่อยมากจากภาพยนตร์ Sci Fi ของ Hollywood ทั้งหลายครับ ,,Carmina Burana ประกอบด้วยเนื้อร้องที่มีเค้าโครงจากบทกวียุคกลางโดยครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ในชีวิตมนุษย์ มีทั้งความปีติยินดี ความหายนะ ความสุข ความเศร้า ราคะ และอารมณ์ขัน แม้ว่าแก่นของ Carmina Burana จะเป็นเรื่องราวที่เข้ากับชีวิตของคนในยุคศตวรรษที่ 13 แต่จนถึงปัจจุบันโคลงบทนี้ก็ยังคงไม่ตกยุคสมัยอย่างน่าประหลาดครับ

O Verona (1.1MB) : เป็นท่อน Reprise ให้บรรยากาศอลังการคล้าย ๆ เพลง O Fortuna ข้างบนนี้… เพลงนี้เป็น Soundtrack จากภาพยนต์ปี 1996 “Romeo + Juliet”

Requiem for a Dream (2.2MB) : เพลงนี้แต่งโดย Clint mansell ,เป็น Score ประกอบภาพยนตร์ปี 2000 เรื่อง Requiem for a Dream จากเค้าโครงนิยายชื่อเดียวกันปี 1978 ของ Hubert Selby

Undying Love (รักไม่มีวันตาย) โดยบริษัท Two steps from hell ,เพลงนี้เป็นลักษณะเพลงแบบ general purpose score ซึ่งแต่งขึ้นมาสำหรับค่ายภาพยนตร์ที่จะนำไปใช้งานทำตัวอย่างหนัง (Movies trailer) ต่าง ๆ …. feeling ของเพลงนี้ผมว่ามันโคตรยิ่งใหญ่และอลังการมากทีเดียว ขอแนะนำอย่างยิ่งเลยครับ หากฟังแล้วชอบผมมีเพลงลักษณะนี้อีกมากในหน้า Soundtrack & Score

Protectors of the Earth (ผู้พิทักษ์โลก) อีกเพลงอลังการงานสร้างจากบริษัท Two steps from hell ให้บรรยากาศแบบหนังเรื่อง Transformer เต็ม ๆ มาก

Myname is Lincoln (กูชื่อลินคอร์น) ดนตรีโดย Steve Jablonsky ซึ่งเป็นนักประพันธ์ระดับอัจฉริยะอีกท่านนึงครับ ทำเพลงออกมาได้อลังการได้ใจมาก แนวเดียวกับ Hans Zimmer เลย

UEFA Champions League Theme song (2.75MB) : UEFA Champions League เป็นการแข่งขันฟุตบอลประจำฤดูกาลของสโมสรต่างๆ ในทวีปยุโรป เป็นรายการการแข่งขันฟุตบอลระดับสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ซึ่งจัดการแข่งขันโดยยูฟ่า เริ่มการแข่งขันครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1955 และเปลี่ยนชื่อมาเป็นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี ค.ศ. 1992 ครับ …. Theme song เพลงนี้ผมชื่นชอบมานานแล้ว เพราะมีทำนองสง่างามและสร้างแรงบันดาลใจ – กำลังใจอย่างดีเยี่ยมครับ เพลงนี้แต่งโดย Tony Britten นักประพันธ์ชาวอังกฤษซึ่ง UEFA ได้ติดต่อให้ Britten แต่งให้ในปี 1992 ซึ่งเขาดัดแปลงมาจาก Zadok the Priest(ประพันธ์โดย Handel) ลองฟัง Zadok the Priest ดูครับแล้วจะพบว่ามีแนวคล้าย ๆ กับ UEFA theme song นี้ (UEFA theme song นี้ถูกบรรเลงบันทึกเสียงเพียงครั้งเดียวโดยวง London’s Royal Philharmonic Orchestra และร้องประสานเสียงโดย The Academy of St. Martin in the Fields)

William Tell Overture (3.30MB) : เพลงนี้เป็น Soundtrack ฟังสนุกสนานและคุ้นหูมาก ๆ จาก series เรื่อง Lone Ranger(รายการ TV อเมริกันของสถานีโทรทัศน์ ABC ออกอากาศในปี 1954) แต่ตัดมาเฉพาะท่อน finale โดยตัดมาจากเพลงเต็มOverture ของ Opera เรื่อง ” William Tell ” ความยาวประมาณ 12 นาที ,แต่งโดย Gioacchino Rossini ในปี 1874 ครับ (เพลงเต็มของ Overture นี้ คลิ๊กที่นี่

The Magnificent Seven (5.09MB) : เพลงนี้เป็น Soundtrack จากภาพยนตร์ western เรื่อง The Magnificent Seven กำกับโดย John Sturges ปี 1960 …. คงคุ้นหูท่านเป็นอย่างดีนะครับ

Wagner ,The Ride of the Valkyries (9.27MB) : เป็นเพลงท่อน opening ใน Act III ของโอเปร่า “Die Walkure” ประพันธ์โดย Richard Wagner ในปี 1870 …. ท่อนนี้ได้ถูกนำไปใช้ประกอบงานต่าง ๆ มากมาย เช่นภาพยนต์เรื่อง Apocalyps now (ฉากเฮลิคอปเตอร์เปิดฉากยิงหมู่บ้านเวียดนาม) และในงาน Event ฯลฯ ,ลองฟังดูซิครับท่านจะจำได้แน่นอน

Land of Hope and Glory (5.4MB) : เป็นอีกกหนึ่งในเพลงปลุกใจชั้นยอดของอังกฤษครับ นำทำนองทั้งเพลงมาจาก The Pomp and Circumstance March, Op. 39 ประพันธ์โดย Sir Edward Elgar ในปี 1901 และประพันธ์คำร้องโดย Arthur Christopher Benson (A.C.Benson) ในปี 1902 จุดกำเนิดของเพลงนี้มาจากคำแนะนำของ King Edward VII ที่ได้แนะนำ Elgar ให้ประพันธ์เป็นเพลงร้องในแนวปลุกใจ เพราะจะได้ความยิ่งใหญ่มาก ซึ่ง Elgar ได้ให้ A.C.Benson ใส่เนื้อร้องเข้าไป และจะใช้ในงานวันราชาภิเษกของพระองค์ ฯ แต่ต่อมาได้เลื่อนออกไปเนื่องจากพระองค์ ฯ ประชวร Edgar จึงได้ประพันธ์เพลงนี้แยกออกมาสำหรับร้องเดี่ยว ซึ่งมาดาม Clara Butt ได้ร้องเพลงนี้เป็นคนแรก (คลิ๊กที่นี่ เพื่อฟังเพลงนี้ที่ร้องโดย Clara Butt) ,,เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ผมชอบมาก ๆ ตลอด 5 นาทีของเพลงเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ สง่างาม ไพเราะอย่างยิ่งครับ …. ชมวิดิโอเพลง Land of Hope and Glory คลิ๊กที่นี่ ครับ

La rejouissance_ Allegro : เป็นท่อนที่ 4 จาก The Music for Royal Firework ประพันธ์โดย G.F.Handel ในโอกาสงานเฉลิมฉลองดอกไม้ไฟที่ London Green park ในปี 1749 … การเฉลิมฉลองนี้จัดขึ้นในโอกาสสำคัญยิ่ง คือ การสิ้นสุดสงครามสืบราชบัลลังก์ออสเตรีย (War of the Austrian Succession)

Bach ,” Kommt, ihr Toechter, helft mir klagen ” from The St Matthew Passion, BWV 244 (8.4MB) : ท่อนนี้เป็นท่อนเปิดตัวแรกสุดของ The ST.Matthew Passion ให้บรรยากาศสง่างาม เยือกเย็นและมีทำนองสอดประสานไพเราะมากครับ

On the Beautiful, Blue Danube (7.8MB) : เพลงนี้คือเพลง Waltz ที่ ยิ่งใหญ่ และ ไพเราะที่สุดในโลก … ประพันธ์โดยJohann Strauss ชาวออสเตรีย ,Johann Strauss ถนัดทางประพันธ์ Waltz เป็นพิเศษ เพลงนี้คือที่สุดของเขา และนิยมฟังกันมากที่สุดในโลกครับ

The “Carmen” Overture (1.61MB) : นี่เป็น Overture ของ Opera เรื่อง Carmen อันโด่งดัง ประพันธ์โดย Georges Bizet ครับ

Jacques Offenbach ,Orpheus in the Underworld (3.09MB) : งาน Overture ชิ้นนี้ผมคิดว่ามีจังหวะและท่วงทำนองที่สนุกสนานที่สุด ให้บรรยากาศงานพาเหรดที่สนุกสุดเหวี่ยงจริง ๆ ครับ ^___^ … เป็น Overture จากโอเปร่าเรื่อง Orpheus in the Underworld ซึ่งแต่งในปี 1858

Overtures “Ruslan and Ludmila” (7.51MB) : เป็นท่อน Overture ในอุปรากรเรื่อง Ruslan and Ludmila แต่งโดย Mikhail Glinka คีตกวีชาวรัชเชีย ยุคโรแมนติค …. เพลงนี้จะเร็ว อึกทึก แต่ให้ความไพเราะ และอารมณ์รัชเชียแท้ ๆ เลยขอรับ.

Alborada from Capriccio Espagnal : เป็นท่อนขึ้นต้นของ Capriccio Espagnal ประพันธ์โดย Nikolai Rimsky-Korsakov ในปี 1887 ท่อนนี้หลายท่านคงคุ้นหูเป็นอย่างดีครับ เคยใช้ประกอบรายการ “ความรู้คือประทีป” (สมัยที่จัดโดย อ.ชัยณรงค์ มณเฑียรวิเชียรฉาย)

    Soundtrack จาก Hans Zimmer
ฮานส์ ฟลอเรียน ซิมเมอร์ (12 กันยายน ค.ศ. 1957 – ) นักแต่งเพลง นักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ชาวเยอรมัน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งรางวัลออสการ์ รางวัลลูกโลกทองคำ รางวัลบาฟตา และรางวัลแกรมมีหลายครั้ง ดนตรีของเขาเป็นแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ผสมผสานกับการบรรเลงด้วยวงออเคสตรา ,ซิมเมอร์เกิดที่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อเป็นวัยรุ่นได้ย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เริ่มอาชีพนักดนตรีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 โดยเล่นคีย์บอร์ด และซินธีไซเซอร์ เริ่มเขียนดนตรีประกอบภาพยนตร์โดยทำงานคู่กับ สแตนลีย์ มายเออร์ส นักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ชาวอเมริกัน เริ่มมีชื่อเสียงจากดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor (1988) ที่ทำร่วมกับเรียวอิจิ ซะกะโมโตะ และเดวิด ไบร์น ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์หลังจากภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor ซิมเมอร์หันมาทำดนตรีประกอบภาพยนตร์อย่างจริงจัง มีผลงานที่มีชื่อเสียง เช่นเรื่อง Rain Man (1988) Driving Miss Daisy (1989) Thelma & Louise (1991) The Lion King (1994) ฮานส์ ซิมเมอร์ มีผลงานแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์มากกว่า 100 เรื่อง ได้รับรางวัลออสการ์จากเรื่อง The Lion King และรางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่อง The Lion King และ Gladiator … ผมขอเลือก Score ที่อลังการและมีชื่อเสียงของเขามาให้ 12 เพลงนะครับ

– Pearl Habor ,Tennessee สุดยอดความสง่างาม พร้อมเมโลดี้ที่ละเมียดละมัยมาก ๆ
ผมให้เป็นที่สุดของความไพเราะของ score ครับ
– The Rock ,General Hummell gets the rockets 
– Batman ,The Dark Knight
– Gladiator ,Now we are free
– Black Hawk Down ,Main theme
– Mission Impossible Theme
– Crimson Tide ,Roll tide
– Angels and Demons
– The Da Vinci code
– The pirates of Caribien ,Curse Of The Black Pearl

   Soundtrack จาก John Williams
จอห์น วิลเลียมส์ เป็นนักแต่งเพลง นักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ ผู้อำนวยเพลง และนักเปียโนชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงดนตรีมามากกว่า 6 ทศวรรษ โดยเป็นผู้แต่งและอำนวยเพลงประกอบภาพยนตร์จำนวนมาก เช่น Starwars Superman Harry Potter รวมถึงภาพยนตร์เกือบทุกเรื่องของสตีเวน สปีลเบิร์ก (ยกเว้นเรื่อง The Color Purple และ Twilight Zone The Movie) จอห์น วิลเลียมส์ ได้รับรางวัลออสการ์ 4 ครั้ง รางวัลลูกโลกทองคำ 4 ครั้ง รางวัลบาฟตา 7 ครั้ง และรางวัลแกรมมี 21 ครั้ง โดยได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งสิ้น 45 ครั้ง สูงสุดเป็นอันดับสอง รองจากวอลต์ ดิสนีย์ … เพลงของเขามีลักษณะพิเศษคือ มีความไพเราะอ่อนหวานเฉกเช่นเพลงคลาสสิค แต่แฝงด้วยความอลังการเหมาะสมกับภาพยนต์ระดับ Hollywood

– Superman ,Main theme : ภาพยนต์ฮีโร่คลาสสิคสำหรับทุกวัย เริ่มฉายภาคแรกสุดในปี 1978 และมีการสร้างตามมาอีกหลายภาค
– Superman (Love Theme) เป็น score ประกอบภาพยนตร์ Superman ในช่วง love theme … เป็น score ที่ผมคิดว่าละเมียดละไมมากครับ
– Exsultate Justi : เพลงนี้เป็นท่อน Chorus อันไพเราะจากภาพยนตร์เรื่อง “Empire of the sun” ครับ
– Schindlers List Theme : Theme หลักจากภาพยนตร์เรื่อง Schindlers List ปี 1993 กำกับโดย Steven Spielberg
– Jurassic Park main theme : ภาพยนต์เรื่อง จูราสสิค ปาร์ค สร้างจากนิยายของ Michael Crichton ออกตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2534 ,ถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์โดย Steven Spielberg ฉายในประเทศไทยวันแรกเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม … Score เพลงนี้ John Williams ประพันธ์ได้อย่างวิเศษ อลังการ ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่เหมือนหลุดไปอยู่โลกล้านปี
– Starwars ,Opening : เป็นเพลงเปิดตัวภาพยนต์มหากาพย์แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 19 ของ จอร์จ ลูคัส ,Starwars เริ่มฉายตั้งแต่ปีพ.ศ.2520 จนถึงปัจจุบันได้มีการสร้างใหม่ย้อนไปในกำเนิดเริ่มแรกของอัศวินเจได รวมทั้งสิ้น 6 Episode ของมหากาพย์ภาพยนต์เรื่องนี้ครับ
– Starwars ,Imperial March : score ประกอบฉากเปิดตัว Darth Vader
– Indiana Jones ,Main theme : Theme หลักจากภาพยนต์ Indiana Jones ,ภาพยนต์ Adventure ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องราวการผจญภัยของ Dr. Henry Walton “Indiana” Jones, Jr ออกฉายครั้งแรกในปี 1981 ชื่อภาค Raider of the lost Ark และต่อด้วย Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) , The Last Crusade (1989) , และ Kingdom of the Crystal Skull ที่ฉายล่าสุดในปี 2008.
– Harry Potter Theme : แฮร์รี่ พอตเตอร์ คือชุดนวนิยายแฟนตาซีประพันธ์โดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง เป็นเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายผู้เป็นพ่อมดตัวน้อย กับพ่อมดร้ายลอร์ดโวลเดอมอร์ ผู้สังหารบิดามารดาของแฮร์รี่ เรื่องราวดำเนินอยู่ในโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ หัวใจสำคัญของเรื่องคือการเปลี่ยนผ่านของวัยของตัวละครเอก แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเพื่อนสนิท เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ และ รอน วีสลีย์ โดยเรื่องราวส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองของเขาและสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากเพื่อน อาจารย์ หรือประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต … เพลง theme ที่ท่านฟังขณะนี้ปรากฏในภาคแรกคือ The Sorcerer’s Stone (ศิลาอาถรรพ์) และเป็นเพลง theme หลักของ HarryPotter ไปตลอดเลยครับ ให้บรรยากาศน่าพิศวง งงงวย มาก ๆ ,,ผมว่าวิลเลียมสประพันธ์ออกมาได้อย่างวิเศษมากครับ
– E.T. The Extra Teresterial (Main Theme) : เป็นภาพยนตร์ไซไฟ-แฟนตาซี ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2525 เป็นผลงานกำกับลำดับที่ 5 ของสตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายชื่อ เอลเลียต ที่ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่ตกค้างอยู่บนโลก หลังจากยานอวกาศต้องเดินทางออกจากโลกอย่างกะทันหัน เอลเลียตเรียกมนุษย์ต่างดาวตนนั้นว่า “อี.ที.” พากลับมาพักอาศัยที่บ้าน โดยปกปิดไม่ให้แม่รู้ และช่วย อี.ที. สร้างเครื่องส่งสัญญาณวิทยุกลับไปในอวกาศ เพื่อแจ้งให้ยานแม่กลับมารับ (เดิมทีโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการสร้างภาพยนตร์ไซไฟ-สยองขวัญ ชื่อเรื่อง “Night Skies” เพื่อเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ Close Encounters of the Third Kind โดยโคลัมเบียพิคเจอร์) ….. หลังจากออกฉาย E.T.ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ทำรายได้จากการฉายในโรงถึง 359 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ทำลายสถิติของสตาร์วอร์ส ที่เป็นอันดับหนึ่งอยู่ก่อนหน้านั้น ,ในปี 2528 และ 2545 E.T.ถูกนำมาฉายซ้ำ์ โดยมีการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิก เพิ่มเติมฉากที่ไม่สามารถสร้างได้ก่อนหน้านั้น เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ,ในการฉายรอบปฐมทัศน์ฉบับครบรอบยี่สิบปี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2545 ใช้วงออเคสตราบรรเลงเพลงประกอบพร้อมกับการฉายภาพยนตร์ โดยวงลอสแองเจลิสฟิลฮาร์โมนิกออเคสตรา อำนวยเพลงโดย จอห์น วิลเลียมส์ ,,Score ตอนจบก็ไพเราะมากเช่นกันครับ —-> คลิ๊กที่นี่
– Artificial Intelligence ,AI : ท่อนนี้คือ Where dream are born ซึ่งเป็น score ท่อนจบของภาพยนต์เรื่องนี้ … ผมร้องไห้กับภาพยนต์เรื่องนี้มาในทุกครั้งที่ได้ชม โดยเฉพาะฉากจบนี่จะหนักหนาสาหัสมากสำหรับผมครับ ขอบอกว่าโดนมาก ๆ เลย ,ฟัง score ท่อนนี้ทีไร น้ำตาไหลทุกครั้ง
– Saving Private Ryan : Main theme จากภาพยนต์สงครามเรื่องเยี่ยมรางวัลออสการ์ Saving Private Ryan …. ภาพยนต์เรื่องนี้มีเค้าโครงจากเหตุการณ์จริงที่มีบันทึกไว้ว่า กองทัพสหรัฐ ฯ ต้องสูญเสียกำลังพลที่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันไปพร้อม ๆ กัน 3 นาย ทำให้มีระเบียบในกองทัพขึ้นมาว่า ไม่ให้มีญาติพี่น้องตระกูลเดียวกันประจำการอยู่ด้วยกัน เพื่อลดการสูญเสียขวัญและกำลังใจของครอบครัว ,ดังนั้นในเรื่องนี้ จึงได้วางโครงเรื่องใว้ว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางกองทัพสหรัฐ ฯ ได้รับทราบรายการการสูญเสียลูกชายของครอบครัว “Ryan” ไปถึง 3 คนแล้ว และทางฝ่ายเสธ ฯ จึงได้มีความเห็นว่าให้ทำอย่างไรก็ได้ ต้องนำตัวลูกชายคนกลาง คือ “พลทหาร James Francis Ryan” กลับมาสู่ครอบครัวให้ได้ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจหนักหนาสาหัสของร้อยเอก John H Miller ที่จะต้องนำ Ryan ซึ่งหายไปในขณะปฏิบัติภารกิจยุทธการนอร์มังดี กลับคืนสู่ครอบครัวในทันที
– Olympic Fanfare Theme : เป็น theme ที่เขาประพันธ์ขึ้นสำหรับกีฬาโอลิมปิกปี 1984 ที่ Los Angelis ปัจจุบันใช้เพลงนี้เป็นสัญญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิกไปแล้ว

เพลงรัก โรแมนติค เศร้า และการจากลา
หมวดนี้เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของท่านในขณะนั้นครับ สามารถให้ความรู้สึก Romantic , เศร้า ,เหงา หรือไพเราะลึกซึ้ง โดยเพลงเหล่านี้ประพันธ์ขึ้นมาให้อาศัยการตีความดนตรีจากผู้ฟัง ว่า ผู้ฟังจะรับรุ้ความรู้สึกเช่นไรโดยขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะนั้น

A Time for us (2.4MB) : เพลงนี้ก็ประพันธ์โดย Nina Rota และมีชื่อเพลงเหมือนจากเรื่อง The Godfather ข้างบน แต่นี่เป็น Main theme จากภาพยนต์โศกนาฏกรรมคลาสสิคเรื่อง Romeo & Juleit เนื้อหาของเรื่องนี้เป็นความเศร้าในตำนานเลยทีเดียว เพลงนี้ฟังแล้วน้ำตาซึมทุกครั้งไปครับ เพลงนี้บรรเลงโดย Andre Rieu

Schindler’s List Theme : เป็น main theme ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Schindler’s List ประพันธ์ดนตรีโดย John Williams มีท่วงทำนองเศร้า และ หดหู่ มาก แต่ก็เป็นเมโลดี้ที่ไพเราะอย่างยิ่งครับ หากฟัง score “A Time for us” ข้างบนแล้วฟังเพลงนี้ต่อ ผมว่าน้ำตาไหลพรากแน่นอนครับ

Tennessee (3.35MB) เป็น Soundtrack ขึ้นต้นเปิดตัวภาพยนตร์ Pearl Harbor เป็นภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ สร้างจากเรื่องจริงเมื่อครั้งญี่ปุ่นบุกโจมตี Pearl Harbor โดยที่สหรัฐมิได้ตั้งตัว ท่อนที่ชื่อว่า Tennessee นี้สง่างาม ไพเราะและปนเศร้า

Some where in time ,John Barry (3.37MB) : เป็น OST. จากภาพยนตร์รักคลาสสิค Somewhere in time ปี 1980,Soundtrack ประพันธ์โดย John Barry ให้ feeling การจากลาได้อย่างลึกซึ้งและเศร้ามากครับ

Out of Africa ,John Barry (3.54MB) : เป็นอีกผลงานละเมียดจาก John Barry ครับ ,Soundtrack จากเรื่อง Out of Africa ปี 1985

Dances with wolves (The John Dunbar Theme) ….. สุดยอดแห่งความสง่างาม ไพเราะมากครับ

For the love of Princess สุดยอดความไพเราะและได้บรรยากาศครับ เป็น SoundTrack จากภาพยนตร์ Braveheart ที่หลายท่านหาฟังอยู่เสมอ

End title จากภาพยนตร์ไทย “รักแห่งสยาม” ไพเราะ เศร้า และลึกซึ้งกินใจมากครับ

Mozart Piano concerto No.21 —-> Movement 2 (9.91MB)  เป็นท่อน Andante สุดแสน romantic จาก Piano concerto ของMozart ที่เป็นระดับขึ้นหิ้ง ,Mozart แต่ง concerto บทนี้ได้หวานจับใจ โดยเฉพาะ movement 2 ที่ถูกนำไปใช้ใน soundtrack และtheme ในภาพยนตร์หลายเรื่อง

Mozart Clarinet concerto KV.662 —> Movement 2 (7.87MB) : Clarinet concerto ใน movement ที่ 2 นี้เป็นท่อนที่งดงามมาก

Beethoven ,Romance for Violin No.2 (6.44MB) : งานชิ้นนี้เป็น Orchestral work กับ Violin ที่โดดเด่นมาก ด้วยท่วงทำนองที่หวานหยดย้อยจับใจยิ่งนัก หากได้ฟังจะเห็นด้วยกับผมครับ

Beethoven ,Symphony No.6 “Pastoral” —> Movement 2 (12.1MB) : Pastoral Symphony เป็นงานที่แต่งมาบรรยายความงดงามของธรรมชาติโดยเฉพาะ ใน Movement 2 นี้บรรยายถึงลำน้ำที่ไหลอย่างเอื่อย ๆ เป็นบทเพลงที่เชื่องช้ามาก ๆ ใช้เครื่องดนตรีสามสี่ชนิดเป็นตัวนำเดินเรื่อง ฟังดูแล้วคล้ายกับเสียงของธารน้ำไหลทอดสายตาไปตามสายน้ำที่ไหลอยู่อย่างมีความสุข มีแสงพระอาทิตย์ทอดตัวไปตามสายน้ำ และมีเสียงนกหลายชนิดร้องเพลงกันอยู่เป็นเป็นช่วงๆ โดยมี Flute แทนเสียงนกไนท์ติงเกล, โอเบแทนเสียงนกคุ่ม และปี่คาลิแนท แทนเสียงนกเขา ซึ่งแต่ละแผ่นจะทำเสียงไม่เหมือนกันทั้งหมด

Chopin ,Nocturne Op. 9 No. 2 (3.2MB) : Nocturne ชิ้นนี้มีความไพเราะ และคุ้นหูมากครับ จะต้องจำได้กันทุกคนเลย ให้บรรยากาศเยือกเย็น สงบ

 Nessun Dorma (2.92MB) : นี่คือท่อน Aria ที่มีความไพเราะอันดับหนึ่งของโลก จาก Opera เรื่อง Turandot ประพันธ์โดย Puccini … เพลงนี้ถือเป็น “ลายเซ็น” ของ Pavarotti ไปเลย เนื่องจากเป็นผู้ที่ร้องตอนจบได้สะเทือนอารมณ์ยิ่งนัก ว่ากันว่าผู้ฟังที่แม้ไม่เคยรู้จักเพลงนี้มาก่อนจะต้องน้ำตาซึมเสมอเมื่อได้ฟังท่อนจบของเพลงนี้ครับ … คลิ๊กที่นี่ เพื่อชมวิดิโอการร้องเพลงนี้

O Mio Babino caro (2.2MB) : เพลงนี้เป็นท่อนที่ไพเราะหยดย้อยแบบสุด ๆ จากอุปรากรเรื่อง Gianni Schicchi แต่งโดย Giacomo Puccini ในปี 1918 ความหมายของท่อนนี้คือนางเอกในเรื่องออดอ้อนคุณพ่อขอไปพบกับชายคนรักให้ได้ … ชมวิดิโอการร้องเพลงนี้ คลิ๊กที่นี่

Mozart ,The Marriage of Figaro Duettino – Sull Aria (3.98MB) : Sull’aria เป็นท่อน duet สั้น ๆ จากองก์ที่ 3 ของ The Marriage of Figaro ประพันธ์คำร้อง (libretto) โดย Lorenzo Da Ponte ครับ duet บทนี้ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง Shawshank Redemption ในฉากที่นักโทษคนหนึ่งเปิดเพลงนี้ออกอากาศไปทั่วเรือนจำ

Rachmaninov Piano concerto No.2 —-> movement 1 (10.8MB) / movement 2 (10.01MB) / movement 3 (10.3MB) :แต่งโดย Sergei Rachmaninov คีตกวีชาวรัชเชีย concerto บทนี้ ผมขอมอบให้ท่านเต็มทั้ง 3 movement เพราะคิดว่าจะขาดmovement ใดไม่ได้เลย เพลงนี้ทำให้ใครหลาย ๆ คนเสียน้ำตาตั้งแต่ movement แรกมาแล้ว เนื่องด้วยทำนองที่เศร้าปนหดหู่ แต่มีความไพเราะอย่างยิ่ง  และใน movement ที่ 3 ได้ถูกนำทำนองมาแต่งเป็นเพลง Full moon and empty arms ด้วย ….. เพลงนี้มีประวัติคือ Rachmaninov แต่งอุทิศให้กับ Dr. Dahl จิตแพทย์ซึ่งทำการรักษาให้เขากลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากผิดหวังรุนแรงกับความล้มเหลวของ Piano concerto No.1

Mahler Adagietto (11.2MB) : ท่อนนี้เป็นท่อนช้าในจังหวะ Adagietto จาก Symphony No. 5 in C sharp minor ประพันธ์โดยGustav Mahler ,Mahler ประพันธ์งานชิ้นนี้ในระหว่างปี 1901 – 1902 ,,ท่อน Adagietto นี้มีความไพเราะอ่อนหวาน นุ่มนวลและสง่างามเป็นอย่างมากครับ เป็นที่รู้จักกันอย่างดีเมื่อถูกนำไปประกอบภาพยนตร์ปี 1971 เรื่อง Death in Venice (กำกับโดย Luchino Visconti) …. หลายคนกล่าวกันว่า ท่อนนี้ไพเราะงดงามเปรียบเสมือนจดหมายรักนับร้อยฉบับที่ Mahler บรรจงเขียนและมอบให้ภรรยาของเขาเลยทีเดียว Adagietto ท่อนนี้เป็นเวอร์ชั่นอำนวยเพลงโดย Herbert von Karajan ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด มีการตีความที่ถูกต้องที่สุดครับ

เพลงน่ารัก ฟังง่าย ผ่อนคลาย
เพลงในหมวดนี้ไม่ต้องการการตีความใด ๆ ครับ ประพันธ์โดยกวีสมัย Baroque ซึ่งในสมัยนั้นเป็นดนตรีแบบบริสุทธิ์ คือ ไพเราะได้โดยไม่ต้องตีความ มีความไพเราะติดหูและจำทำนองได้ง่ายมากและให้ความรู้สึกผ่อนคลายจิตใจดีมากครับ

Canon in D major very nice version (5.5MB) : เพลง Canon ที่เรารู้จักกันแพร่หลายนั้น มีชื่อเต็มว่า Canon and Gigue in D major for three Violins and Basso Continuo ประพันธ์โดย Johann Pachelbel คีตกวีชาวเยอรมัน ในช่วงปี ค.ศ.1680 ,Canon ประกอบด้วยทำนอง 2 ท่อน คือ Canon กับ Gigue ซึ่งพวกเราส่วนมากรู้จักแต่ท่อน Canon เนื่องจากท่วงทำนองไพเราะ อ่อนหวานมาก ทั้งเมโลดี้หลักและเสียงประสานครับ ขอเสริมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับชื่อ “Canon” ให้ครับ ว่า ชื่อ Canon นี้เป็นชื่อลักษณะหนึ่งของการประพันธ์ดนตรีคลาสสิคครับ เรียกอีกอย่างหนึ่งคือ “Round music” คือเป็นลักษณะของการวางเมโลดี้ 2 , 3 หรือมากกว่านั้นให้บรรเลงซ้อนในเพลงเดียวกันโดยเริ่มไม่พร้อมกัน ซึ่งจะสังเกตได้จากเมโลดี้หลัก และแนวเสียงเบสประสานจะสอดประสานกลมกลืนกัน ในเวอร์ชั่นนี้เป็นการบรรเลงในรูปแบบที่ผมคิดว่าไพเราะที่สุด และได้รับความนิยมสูงสุดใน Youtube ครับ

The Four Seasons ฤดูใบไม้ผลิ ,First movement (3.1MB) : ท่อนนี้ได้รับความนิยมสูงสุด สดใส ร่าเริง สง่างาม เปรียบได้กับการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นการเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ดี ๆ … สมกับเป็น First movement เปิดตัว The Fourseasons จริง ๆ

                            ฤดูใบไม้ร่วง ,First movement (4.4MB) : ท่อนนี้แสดงถึงความสง่างาม หรูหรา บ่งบอกถึงการมาเยือนของลมหนาว ซึ่งจะมีกิจกรรมดี ๆ สนุก ๆ มากมาย รวมทั้งการเฉลิมฉลองประจำปีอีกด้วย … แต่หากเปรียบกับบรรยากาศในยุคปัจจุบัน เมื่อความหนาวมาเยือนมักจะพาความเศร้าเข้าสู่ จิตใจบางคน หรือหลาย ๆ คนด้วยครับ ดังจะเห็นได้จากภาพยนต์ยุคปัจจุบันซึ่งนำเอาฤดูกาลนี้เป็นสัญญลักษณ์ความเศร้าและการจากลาเสมอ …
ฤดูใบไม้่ร่วง ,3rd movement (3.4MB) : ท่อนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนท่อนบนเป๊ะเลย แต่จะสดชื่น คึกคักขึ้นมาอีกหน่อยครับ

Ave Maria (Schubert) เป็น Ave Maria แบบฉบับ Schubert ร้องเสียง Soprano โดย Maria Callas เป็นเวอร์ชั่นที่เรา ๆ คุ้นหูดีครับ

Albinoni ,Adagio for Organ and Strings in G minor (6.68MB) : เป็นผลงานชิ้นเอกของ Tomaso Albinoni นักประพันธ์ชาวอิตาเลี่ยน งานชิ้นนี้เป็นบรรเลง Organ คลอไปกับวงออเคสตร้า ให้ทำนองที่เยือกเย็น อ่อนหวานและไพเราะอย่างยิ่งครับ มีรายละเอียดประวัติเพลงนี้เพิ่มเติมครับ …. เพลงนี้ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่โดย Remo Giazotto นักดนตรีและผู้ค้นคว้าประวัติของ Albinoni ครับ ,Giazotto ได้เรียบเรียงเพลงนี้ขึ้นจากต้นฉบับที่เป็นลายมือของ Albinoni ซึ่งต้นฉบับนั้นแยกกระจัดกระจายไม่ครบถ้วนเต็ม score โดยต้นฉบับมีตัวโน๊ตของท่อนขึ้นต้นและทำนองหลักเพียงไม่กี่ line เท่านั้น (ในต้นฉบับระบุว่าเป็นงาน Trio Sonata เขียนโดย Albinoni ประมาณปี ค.ศ. 1708) ,,Giazotto ได้ต้นฉบับดังกล่าวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาจากหอสมุด Saxon State กรุง Dresdren เยอรมัน ซึ่งหอสมุด Saxon นั้นถูกทำลายด้วยการทิ้งระเบิดในสงคราม ,,Giazotto ได้พยายามเรียบเรียงและประพันธ์งานชิ้นนี้ขึ้นโดยใช้แนวท่วงทำนองหลักจากต้นฉบับ (ที่ไม่ครบถ้วน) ของ Albinoni จนได้ประพันธ์จนสำเร็จและนำออกตีพิมพ์ในปี 1958 ใน title ว่า ” Adagio in G Minor for Strings and Organ, on Two Thematic Ideas and on a Figured Bass by Tomaso Albinoni ” …. ซึ่งก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้ประพันธ์ดั้งเดิมคือ Albinoni ครับ ,,ใน score ที่ Giazotto ประพันธ์ออกมาในปี 1958 นั้นสำหรับบรรเลงเครื่องสายไม่กี่ชิ้นและ Organ แต่เวอร์ชั่นสำหรับบรรเลงด้วย Orchestra วงใหญ่ได้ถูกเรียบเรียงใหม่โดย Ino Savini (1904–1995) นักดนตรีและ conductor ชาวอิทาเลี่ยน ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายที่เรารู้จักกันดี และนิยมสูงสุดครับ

Vivaldi Concerto in D Major RV93 —> movement 1 (3.52MB) งานชิ้นนี้ของ Vivaldi เป็น concerto ที่ฟังง่ายที่สุดในโลก และมีท่วงทำนองกระจุ๋มกระจิ๋มมาก บรรเลงด้วย Guitar สายเอ็น หรือต้นฉบับจะเป็น Lute ครับ

Vivaldi Guitar Concerto RV425 —> movement 1 (2.39MB) นี่เป็น concerto ที่ได้ชื่อว่าเป็นแนวเพลงของ Vivaldi จริง ๆ …เพราะว่าถูกแต่งออกมาในแนวไล่ระดับ chord ซึ่ง Vivaldi มักจะแต่งในแนวนี้เสมอ …..รับรองว่าจะไพเราะถูกใจท่านแน่นอนครับ

Vivaldi ,Piccolo (Recorder) Concerto in C major RV 444 —> Movement 3 (2.76MB) : เพลงนี้เป็น “Concerto พิมพ์นิยม” ของ Vivaldi เลยครับ เนื่องจากทำนองไพเราะ สดใส ร่าเริงมาก ๆ ใครได้ฟังแล้วจะต้องชอบในเวลารวดเร็วครับ … ชมวิดิโอการบรรเลง concerto นี้ คลิ๊กที่นี่

Vivaldi double Trumpet concerto in C major —> movement 1 (2.90MB)  concerto นี้จะคุ้นหูท่านมาก และทำนองน่ารักอย่างยิ่งครับ

Vivaldi Mandolin concerto RV532 —> movement 1 (3.68MB) แต่งโดย Antonio Vivaldi คีตกวีชาวอิตาลี่ ,concerto บทนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของเพลงยุค baroque ให้ทำนองเสียงประสานอย่างร่าเริง แจ่มใสมาก

Bach ,Air from Orchestral Suite No. 3 (4.45MB) : เป็นงาน Orchestral Suite ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีมาก ๆ ชิ้นหนึ่งครับ ….วิจารณ์กันว่าได้ฟังแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายจิตใจ และสร้างความรื่นรมณ์ยิ่งนัก

Mozart Horn concerto No. 4 in E flat major, K. 495 : movement 3 (8.89MB) อีกหมายเลขนึงที่มีความไพเราะแบบน่ารักและจังหวะฟังง่ายครับ คนส่วนใหญ่จะเรียกว่า “Horn rondo” เป็นชื่อเล่นครับ

Eine kleine Nachtmusik —> movement 1 (5.2MB) เพลงนี้มี melody ที่ไพเราะติดหูอย่างง่ายดาย ขอยกให้เป็นอันดับ 1 เลยครับในเรื่องความคุ้นหู มีจังหวะเร็วกระชับ

Share this:

• Twitter

• Facebook

Like this:

Like

Loading…

ห่างหายไปนานถึง 5 ปี สำหรับคอนเสิร์ตในประเทศไทยของวงโปรเกรสซีฟร็อก Dream Theater และในปีนี้ โรงละครแห่งความฝันโรงนี้ก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปีของทัวร์ Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การกลับมาของ Dream Theater และกระแสดนตรีแนวโปรเกรสซีฟร็อกในปี 1992

 

Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพลง “The Colonel” จาก Two Steps From Hell ก่อนจะพาแฟนเพลงเดินทางเข้าสู่องก์ 1 ของการแสดง ซึ่งล้วนแต่เป็นเพลงจากอัลบั้มในยุคหลังจาก Images & Words ไม่ว่าจะเป็นเพลง “The Dark Eternal Night” จากอัลบั้ม Systematic Chaos ที่พ่อมดคีย์บอร์ดอย่างจอร์แดน รูเดส งัด iPad มาโซโลอย่างเมามัน สมศักดิ์ศรีมือคีย์บอร์ดขั้นเทพ ที่หยิบจับอะไรก็เป็นเพลงได้หมด ตามด้วย “Hell’s Kitchen“ จาก Falling into Infinity และเพลงใหม่จากอัลบั้มล่าสุดอย่าง Astonishing ได้แก่ “The Gift of Music” และ “Our New World” รวมทั้ง “The Bigger Picture” จากอัลบั้ม Dream Theater และจบองก์แรกด้วย “Breaking All Illusions” จากอัลบั้ม A Dramatic Turn of Events

สำหรับไฮไลท์ขององก์นี้อยู่ที่จอห์น เมียง มือเบส ที่คัฟเวอร์เพลง “Portrait of Tracy” ผลงานเดี่ยวชุดแรกของจาโก พาสโตริอุส มือเบสแจ๊สชาวอเมริกัน และเซอร์ไพรส์ในเพลง “As I Am” จากอัลบั้ม Train of Thought ด้วยการเล่นเพลง “Enter Sandman” ของ Metallica เรียกเสียงเฮจากแฟนเพลงที่ตั้งหน้าตั้งตากระโดดกันสุดเหวี่ยง

 

หลังจากอุ่นเครื่องกันนาน 1 ชม. ในองก์แรก ก็ได้เวลาพักครึ่ง 20 นาที ก่อนที่ Dream Theater จะปลุกผู้ชมอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญในองก์ที่ 2 หรือ Images & Words ด้วย Intro ชื่อว่า “Happy New Year 1992 – Intro Tape” ที่หยิบเอาบางส่วนของเพลงดังในปี 1992 เช่น เพลงเด่นของวงกรันจ์ในตำนานอย่าง Nirvana, Alice In Chains และ Pearl Jam เพื่อแสดงความเป็นมาของอัลบั้ม Images & Words ที่เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสเพลงดังเหล่านี้ แต่กลับมีความแตกต่าง และกลับมาโด่งดังอีกครั้งด้วยเพลง “Pull Me Under” ซึ่งส่งให้อัลบั้ม Images & Words กลายเป็น 1 ใน 100 สุดยอดอัลบั้มเมทัลร็อกตลอดกาลในที่สุด

 

สำหรับองก์ 2 นอกจากจะเล่นเพลงตามลำดับในอัลบั้ม Images & Words แล้ว เหล่าสมาชิกในวงยังผลัดเปลี่ยนกันโซโลในเพลงต่างๆ ทั้งการโซโลกีตาร์ของจอห์น เปตรุชชี ในเพลง “Take the Time” ซึ่งเจ้าตัวก็แอบเติมเพลง “Glasgow Kiss” ผลงานเดี่ยวของตัวเอง เป็นของแถมแบบเซอร์ไพรส์อีก 2 ท่อน ตามด้วยฝีมือโซโลกลองของไมค์ แมนจินี ในเพลง “Metropolis Pt. 1: The Miracle and the Sleeper” และการโซโลคีย์บอร์ดโดยจอร์แดน รูเดซ ในเพลงช้าที่มีซาวนด์ลึกลับน่าค้นหาอย่าง “Wait for Sleep” และต่อเนื่องเข้าสู่เพลงสุดท้ายของอัลบั้มคือ “Learning to Live”

 

สำหรับช่วงอังกอร์ตามธรรมเนียม ครั้งนี้ Dream Theater ไม่ปล่อยให้แฟนๆ รอนาน เพราะหลังจากพักเบรกสักครู่ พวกเขาก็กลับมาพร้อมกับ “A Change of Seasons” ทั้ง 7 ซีน ความยาวราวครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นเพลงที่ทางวงตั้งใจจะใส่ในอัลบั้ม Images & Words แต่กลับถูกปล่อยเป็น EP หรือ Extended Play แทน และเพลงนี้ก็ถือเป็นการปิดม่านของ Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour อย่างงดงาม

 

แม้ว่าโปรดักชันของคอนเสิร์ตจะไม่ได้เล่นใหญ่อลังการเหมือนคอนเสิร์ตของนักร้องรุ่นใหม่ แต่คุณภาพและความงามของเพลง จังหวะไฟสปอตไลท์ที่กลมกลืนไปกับเพลงอย่างลงตัว รวมทั้งความสามารถของทั้งวง ก็มากพอที่จะทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่น่าประทับใจครั้งหนึ่งของ Dream Theater นอกจากนี้ ความเป็นมืออาชีพของวงก็ถือว่าน่าชื่นชมมาก โดยเฉพาะความตรงเวลาตั้งแต่เริ่มเล่น พักครึ่ง ไปจนถึงตอนจบ

การกลับมาของ Dream Theater และอัลบั้ม Images & Words ในคอนเสิร์ตครั้งล่าสุดนี้ ไม่ใช่แค่การกลับมาเล่นเพลงเก่า แต่เป็นการแสดงผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่เหนือจินตนาการและการอธิบายเป็นคำพูด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดอัลบั้ม Images & Words จึงสามารถเติบโตและฝ่ากระแสเพลงดังอื่นๆ ในยุคนั้นจนกลายเป็น 1 ใน 100 อัลบั้มที่ดีที่สุดตลอดกาลได้