Skip to content
Home » [Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | loudly แปล ว่า – NATAVIGUIDES

[Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | loudly แปล ว่า – NATAVIGUIDES

loudly แปล ว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

บทความนี้จะตอบคำถามของคุณเกี่ยวกับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ คืออะไร พร้อมอธิบายหลักการใช้ Adverb ละเอียดแจ่มแจ้งสุดๆ ที่ต้องไม่พลาด

Table of Contents

Adverb คืออะไร?

Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคำวิเศษณ์ในภาษาไทย แต่ในภาษาอังกฤษนั้น คำวิเศษณ์จะเป็น กริยาวิเศษณ์ เท่านั้นไม่มีการแยกย่อยได้เยอะแยะเหมือนภาษาไทยบ้านเราเลยรับรองว่าเรียนได้ง่ายๆ จำได้นาน ไม่ยากนะคะ

โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย รายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้

เรียนรู้ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

Adverb ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคุญต้องไม่พลาด

ตำแหน่งของ Adverb ที่มักเจอในข้อสอบ TOEIC

1. หน้า V. = [S + Adv + V] 
ยกตัวอย่างเช่น
Jim suddenly realized that he forgot to bring the financial report.

2. ระหว่าง V. = [S + V + Adv + V]
ยกตัวอย่างเช่น 
– will surely finish (Future Simple)
– had greatly improved (Past Perfect)

3. หลัง V. = [S + V + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Employment levels are unlikely to rise significantly before the end of next year.

4. หลัง O. = [S + V + O + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
 She reads quickly.
 She reads (the contract) quickly.

5. หน้า Adj. = [Adv + Adj + N]
ยกตัวอย่างเช่น
Ben is an extremely responsible employee.

6. ระหว่าง BE กับ Adj. = [BE + Adv + Adj]
ยกตัวอย่างเช่น
Online sales are relatively easy to track.

7. หน้า Adv. = [V + Adv + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Helen screamed extremely loudly when she fell down the stairs.

8. ใน Passive = [S + V + V.3 + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
The product should be checked thoroughly before being sent.

9. ใน To-Infinitive = [To + Adv + V.infinitive]
ยกตัวอย่างเช่น
Rita planned to quickly finish the task by tomorrow.

หน้าที่ของกริยาวิเศษณ์คืออะไร?

1. ขยายคำกริยา

บอกให้รู้ว่า ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร ทำบ่อยแค่ไหน  เช่น

  • He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้
    here เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา ที่ไหน
    yesterday เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา เมื่อไหร่
  • He walks slowly. เขา เดิน อย่างช้าๆ
    slowly เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน อย่างไร
  • He always walk to school. เขา เดิน ไปโรงเรียน เสมอ
    always เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน บ่อยแค่ไหน

2. ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง

บอกให้รู้ว่าอยู่ใน ระดับไหน หรือเน้นย้ำว่าแค่ไหน เช่น

  • The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
    hot เแปลว่า ร้อน เป็นคำคุณศัพท์ขยาย fire
    ส่วน very เป็น Adverb ขยายคำว่า hot บอกให้รู้ว่า ร้อนแค่ไหน
  • I like it very much. ผม ชอบ มัน มาก มาก
    much เแปลว่า มาก เป็นคำกริยาวิเศษณ์   
    ส่วน very ก็เป็น Adverb ขยายคำว่า much บอกให้รู้ว่า มากแค่ไหน

เรียนรู้ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

หน้าที่ของ Adverb ในภาษาอังกฤษ

ประเภทของคำกริยาวิเศษณ์ (Kinds of Adverb)

Simple adverb แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. Adverb of Time

คือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลาใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นเมื่อไหร หรือ เกิดขึ้นหรือยัง” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of Time)ความหมายNow /nau/ตอนนี้So far /səu faː/จนบัดนี้Yesterday /ˈjestədi/เมื่อวานToday /təˈdei/วันนี้Tomorrow /təˈmorəu/พรุ่งนี้Already /oːlˈredi/แล้วLately  /ˈleɪt.li/ไม่นานมานี้During /ˈdjuəriŋ/ในช่วงFinally  /ˈfaɪ.nəl.i/ท้ายทีสุดEarly /ˈəːli/แต่เช้าJust /dʒast/เพิ่งจะRecently  /ˈriː.sənt.li/ไม่นานมานี้Still /stil/ยังคงAfter /ˈaːftə/หลัง

ยกตัวอย่างเช่น:
I saw him yesterday. แปลว่า ฉันเห็นเขาเมื่อวาน เราจะเห็นว่าในคำถามมีคำภามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ เมื่อวาน
I will go shopping tomorrow. แปลว่า  ฉัน จะ ไป ชอปปิ้ง พรุ่งนี้ ก็เช่นกับตัวอย่างที่หนึ่งนะคะ ในคำถามมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ พรุ่งนี้
I’ve already done my home work. แปลว่า  ฉันทำการบ้านของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ เกิดแล้ว
I haven’t done my homework yet.  แปลว่า  ฉันยังไม่ได้ทำการบ้าน ของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ ยัง

ว่ายังไงบ้างคะ ง่ายๆ เลยใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ กริยาวิเศษณ์บอกเวลา Adverb of Time ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการใช้งานและตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับ Adverb of Place นะคะ

2. Adverb of Place

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นที่ไหน”  คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverb of Place)ความหมายHere /hiə/ที่นี่There /ðeə, ðə/ที่นั่นBehind /biˈhaind/ข้างหลังNear /niə/ใกล้Far /faː/ไกลAway /əˈwei/ห่างBack /bӕk/กลับNowhere /ˈnəuweə/ไม่มีที่ใดEverywhere /ˈev.ri.weər/ทุกที่Above /əˈbav/เหนือBelow /bəˈləu/ใต้Into /ˈintu/ไปในInside /inˈsaid/ข้างในOutside /ˈautsaid/ข้างนอกOut /aut/นอกIn /in/ใน

ยกตัวอย่างเช่น:
Please come here. แปลว่า กรุณามาที่นี่ ในนั้นคำถามคือที่ไหน ได้คำตอบคือ ที่นี่
Go there please. แปลว่ากรุณาไปที่นั่น คำถามคือ ที่ไหน ได้คำตอบ ที่นี่
Please come inside. แปลว่ากรุณา มา ข้างใน คำถามคือ ที่ไหนได้คำตอบ ข้างไน

3. Adverb of Frequency

คือกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง  (Adverb of Frequency)ความหมายAlways /ˈoːlweiz/เสมอUsually  /ˈjuː.ʒu.ə.li/โดยปกติOften /ˈofn/บ่อยๆNormally  /ˈnɔː.mə.li/ เป็นปกติOccasionally  /əˈkeɪ.ʒən.əl.i/เป็นบางโอกาสSometimes  /ˈsʌm.taɪmz/บางครั้งRarely  /ˈreə.li/มักจะไม่Never /ˈnevə/ไม่เคยDaily /ˈdeili/ทุกวันWeekly  /ˈwiː.kli/ทุกเดือนMonthly  /ˈmʌn.θli/ทุกเดือนYearly  /ˈjɪə.li/ทุกปี

ยกตัวอย่างเช่น:
He always runs in the morning. แปลว่า เขาวิ่งตอนเช้าเสมอ ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ เสมอ
The bill is paid monthly. แปลว่า บิลถูกจ่ายทุกเดือน ในนั้นคำถามคือ
บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ ทุกเดือน
I sometimes read grammar books. แปลว่า บางครั้งผมอ่านหนังสือไวยากรณ์
ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ บางครั้ง

กริยาวิเศษณ์ความถี่จะบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ่อยเพียงใด

วิธีใช้ “adverbs of frequency”

4. Adverb of Manner

คือกริยาวิเศษณ์บอกอาการ  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นอย่างไร” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of Manner)ความหมายFast /faːst/อย่างเร็วQuickly /ˈkwɪk.li/อย่างเร็วBeautifully  /ˈbjuː.tɪ.fəl.i/อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะCarefully  /ˈkeə.fəl.i/อย่างระมัดระวังWell /wel/อย่างดีNeatly  /ˈniːt.li/อย่างประณีตSlowly  /ˈsləʊ.li/อย่างช้Calmly  /ˈkɑːm.li/ อย่างสุขุมPolitely /pəˈlaɪt.li/อย่างสุภาพKindly /ˈkaɪnd.li/อย่างมีเมตตาBadly  /ˈbæd.li/อย่างแย่Quietly  /ˈkwaɪət.li/ อย่างเงียบๆ

ยกตัวอย่างเช่น:
He runs very  fast. แปลว่า เขาวิ่งอย่างเร็วมาก ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเร็ว
She sings beautifully.  แปลว่า หล่อน ร้องเพลง อย่างไพเราะ ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างไพเราะ
We speak louldly. แปลว่า พวกเรา พูด อย่างดัง ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างดัง
They cry quietly. แปลว่า พวกเขา ร้องให้  อย่างเงียบๆ ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเงียบ

5. Adverb of Quantity

คือ กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย (Adverb of Quantity)ความหมายMany /ˈmeni/มากมายVery /ˈveri/มากToo /tuː/เกินไปQuite /kwait/ค่อนข้างRather /ˈraːθə/ค่อนข้างNearly /ˈnɪə.li/เกือบAlmost /ˈoːlməust/เกือบEnough /iˈnaf/พอExtremely  /ɪkˈstriːm.li/อย่างยิ่งCompletely  /kəmˈpliːt.li/ อย่างสมบูรณ์

ยกตัวอย่างเช่น:
He has too much money to give me. แปลว่า เขามีเงินมากเหลือเกินที่จะให้ผม ในนั้น too เป็น Adverb ไปขยาย much จึงวางไว้หน้า much
I had almost finished my meal when he came in. แปลว่า ผมเกือบจะทานอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเอาเข้ามาข้างใน ในนั้น almost เป็น Adverb ไปขยายกริยา finished
He walked very quickly to school yesterday. แปลว่า เขาเดินเร็วมากไปโรงเรียนเมื่อวานนี้ ในนั้น Very เป็น Adverb ไปขยายคำกิริยาวิเศษณ์ คือ Quickly

6. Adverb of Affirmation or Negation

คือ กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ (Adverb of Affirmation or Negation)ความหมายYes /jes/ใช่No /nəu/ไม่Not /not/ไม่not at allไม่ใช่เลยSurely   /ˈʃɔː.li/แน่นอนCertainly /ˈsɜː.tən.li/ แน่นอนPerhaps /pəˈhaps/บางทีProbably  /ˈprɒb.ə.bli/ อาจIndeed /inˈdiːd/แน่นอนDefinitely  /ˈdef.ɪ.nət.li/อย่างแน่นอนObviously /ˈɒb.vi.əs.li/เห็นได้ชัด

ยกตัวอย่างเช่น:
He did not come here. แปลว่า เขายังไม่มาที่นี่เลย
Surely you are mistaken. แปลว่า แน่นอนคุณเป็นฝ่ายผิด
Perhaps she will tell you the truth. แปลว่า บางทีหล่อนจะบอกความจริงให้คุณทราบ
It is, indeed, a hard case.แปลว่า มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

Interrogative Adverb  กริยาวิเศษณ์คำถาม

Interrogative Adverb  แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. บอกเวลา (Time) แปลว่า “กริยาวิเศษณ์ถามเวลา” หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาขยายกริยา เพื่อถามถึงเวลาว่า “นานเท่าไร” หรือ “เมื่อไร”

Interrogative Adverb กริยาวิเศษณ์ บอกเวลาความหมายWhenเมื่อไรHow longนานเท่าไรHow soonนานไหม

ยกตัวอย่างเช่น:
When will he come here again? Next Year . แปลว่า เมื่อไหร่เขาจะมาที่นี่อีก? ปีหน้า
How long have you been here? For five years . แปลว่า คุณได้มาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เป็นเวลา 5 ปีแล้ว

2.  บอกสถานที่ (Place) กริยาวิเศษณ์ถามสถานที่ หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาใช้ขยายกริยา เพื่อถามสถานที่ เท่าที่ปรากฏเห็นและใช้กันบ่อยก็ได้แก่ where ที่ไหนและจะวางไว้ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
Where does he live? แปลว่า เ ขาอยู่ที่ไหน?
He lives in Bangkok. แปลว่า  เขาอยู่ในกรุงเทพฯ

3. บอกจำนวน (Frequency ) กริยาวิเศษณ์ถามถึงความถี่หรือจำนวนครั้ง หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกริยาถามถึงระยะเวลาหรือจำนวนครั้ง และตำแหน่งวางจะอยู่ต้นประโยคเสมอ ได้แก่ คำต่อไปนี้ คือ How often
ยกตัวอย่างเช่น:
How often does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครั้ง)
How many books has he? Ten. แปลว่า เขามีหนังสือมากเท่าไร? 10 เล่ม

4. บอกกริยาอาการ (Manner) กริยาวิเศษณ์ถามถึงกริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปขยายกริยา เพื่อถามถึงอาการของการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น ๆ ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ได้แก่คำว่า How อย่างไร และตำแหน่งอาจจะอยู่ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
How do you do this? แปลว่า คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
How does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร

5. บอกปริมาณ (Adverb of Quantity) กริยาวิเศษณ์ถามถึงปริมาณหรือความมากน้อย หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกิริยาในประโยค เพื่อถามถึงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งนั้น ได้แก่คำว่า How much มากเท่าไร How far ไกลเท่าไร และก็เช่นกันตำแหน่งก็อยู่ต้นประโยคเสมอ 
ยกตัวอย่างเช่น:
How much do you pay? แปลว่า คุณจ่ายมากเท่าไร
How much is it? แปลว่า ราคาเท่าไร?

6. บอกเหตุผล (Reason)
กริยาวิเศษณ์ถามถึงเหตุผล หมายถึง คำที่ไปขยายกริยาเพื่อถามถึงเหตุผลของการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร ได้แก่ Why ทำไม และวิธีใช้วางไว้ต้นประโยคอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
Why do they go to Hong Kong every day? แปลว่า ทำไมพวกเขาจึงไปฮ่องกงทุก ๆ วัน?
Why doesn’t she love you? แปลว่า ทำไมหล่อนจึงไม่รักคุณ?

Conjunctive Adverb  กริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 

Conjunctive Adverb แบ่งออกเป็นชนิดย่อย ๆ ได้ 6 ชนิด คือ

1. Conjunctive Adverb of Time เป็นสันธานวิเศษณ์ บอกเวลา หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกเวลา ได้แก่ when เมื่อไร
ยกตัวอย่างเช่น: 
Can you tell me when he will arrive here? แปลว่า คุณบอกผมได้ไหมว่าเมื่อไรเขาจะมาถึงที่นี่

2. Conjunctive Adverb of Place  สันธานวิเศษณ์ บอกสถานที่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกสถานที่ ได้แก่คำว่า where ที่ไหน ที่ ที่
ยกตัวอย่างเช่น:
This is where is stayed last year. แปลว่า นี้คือสถานที่ที่ผมมาพักอยู่เมื่อปีกลายนี้

3. Conjunctive Adverb of Frequency สันธานวิเศษณ์ บอกความถี่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกความถี่หรือจำนวนครั้ง ได้แก่คำว่า How often บ่อยไหม กี่ครั้ง 
ยกตัวอย่างเช่น:
I asked him how often he had gone there. แปลว่า ผมถามเขาว่า เขาไปที่นั้นบ่อยไหม

4. Conjunctive Adverb of Manner สันธานวิเศษณ์ บอกกิริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่ทั้งเชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกอาการของพฤติกรรม หรือการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้แก่ How อย่างไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
My father knows how I shot the tiger แปลว่า คุณพ่อของผมรู้ดีว่า ผมยิงเสือตัวนี้ได้อย่างไร

5. Conjunctive Adverb of Reason สันธานวิเศษณ์ บอกปริมาณ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกปริมาณมากน้อยได้แก่ คำว่า How long นานเท่าไร How far ไกลเท่าไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
No one knows how long she will live with him. แปลว่า ไม่มีใครทราบหรอกว่า หล่อนจะอยู่กับเขานานเท่าไร

6. Conjunctive Adverb of Time สันธานวิเศษณ์ บอกเหตุผล หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าหลังให้กลมกลืนกัน และขยายกริยาในประโยค
ยกตัวอย่างเช่น:
Panya did not know why she cried. แปลว่า ปัญญาไม่ทราบเลยว่า ทำไมหล่อนจึงร้องไห้

ความผิดพลาดที่มักจะเจอบ่อยเมื่อใช้ Adverb

สับสนในการใช้ Adjective กับ Adverb วิธีการจดจำก็คือ

Adj. = Adjective  คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำนาม
Adv. = Adverb  คำกริยาวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
คำ adjective ส่วนมากทำให้กลายเป็น adverb โดยการเติม –ly ต่อท้าย แต่ก็ไม่เสมอไป

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้
[slow] (adj.) / [slowly] (adv.) ช้า / อย่างช้า

  • He is a slow walker. เขาเป็นคนเดินที่ช้า
    [slow] เป็น adj. เพราะขยาย walker (n.)
  • He’s a person who walks slowly. เขาเป็นคนเดินช้า
    [slowly] เป็น adv. เพราะขยาย walks (v.)

กลุ่มกริยาวิเศษณ์ที่มีความหมายเหมือนกัน

  1. โดยสิ้นเชิง: totally, entirely.
  2. อีกต่อไป: anymore.
  3. ค่อนข้าง: quite, rather, pretty.
  4. ดังนี้: thus
  5. เลย: at all.
  6. แทบจะไม่: seldom, hardly, rarely, barely, scarcely.
  7. ระมัดระวัง: carefully, cautiously, thoroughly, meticulously, elaborately
  8. รวดเร็วทันใจ: immediately, promptly, urgently, quickly, swiftly, rapidly.
  9. อย่างเพียงพอ: adequately, sufficiently
  10. ค่อนข้างมาก: relatively, quite
  11. มาก/ที่สุด: highly, extremely, very, really
  12. สมบูรณ์: fully (+verb), absolutely (+adj), completely (+adj), extensively (+ verb/adj)
  13. ทันใดนั้นไม่คาดคิด: dramatically, suddenly, unexpectedly
  14. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง: Especially, specifically
  15. เร็ว หรือทันที: shortly, soon, right after/before, briefly
  16. ปัจจุบัน: currently, recently, lately, already, still
  17. บ้าฃที่: occasionally, sometimes
  18. ขั้นตอนแรก: firstly, initially, primarily, originally
  19. โดยปกติ/สม่ำเสมอ: frequently, regularly, usually, often, consistently
  20. อย่างแน่นอน: surely, definitely, absolutely, by all means.

ตัวอย่างประโยค

  • Surely I will come back.แปลว่า ฉันจะกลับมาแน่นอน
  • You will win definitely. แปลว่า คุณจะต้องชนะแน่นอน
  • It’s absolutely possible. แปลว่า มันเป็นไปได้แน่นอน
  • If you want to use the telephone,by all means do. แปลว่า ถ้าคุณอยากใช้โทรศัพท์แน่นอนคุณใช้ได้

สรูปว่าอย่างไรคะคุณ ฉบับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ สมบูรณ์นี้หวังว่าจะมีประโยคต่อคุณ การจดจำ Adverb นี้ไม่ยากเลยค่ะ เราสามารถเขียนมาเป็นประโยคเพื่อจำได้ง่ายขึ้น อย่าลืมติดตามเราเพื่อแชร์กันประสบการณ์เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[Update] English Skills Blog: ใช้ which กันคล่องแล้ว รึยัง… | loudly แปล ว่า – NATAVIGUIDES

สวัสดีครับ…

ทุกคนคงจะเคยเห็น which อยู่ในประโยคต่างๆมากมาย

เคยเรียนมาว่า which ใช้แทน สิ่งไม่มีชีวิต ทำหน้าที่เป็น pronoun

แต่พอมาอ่านบทความต่างๆดูก็ยัง งงอยู่ดีว่าwhichตัวนี้มันหมายถึงสิ่งไหนกันแน่

ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจการใช้ which ให้คล่อง จะขออธิบายแยกดังนี้ครับ

—————————————————————————————

1. ขั้น Basic สุดครับ ใช้ which เป็นpronoun แทนสิ่งไม่มีชีวิต

เช่น I bought the red car

which

is very expensive.

(จะใช้ that แทน which ก็ได้นะครับ)

—————————————————————————————

2. preposition + which

อันนี้เจอบ่อยในการเขียนต่างๆครับ เช่น

This is the song

to which

I love to listen.

ประโยคนี้มีที่มาจาก

This is the song.

I love to listen to the song.

แทน the song ด้วย

which

จะได้

I love to listen to which.

นำ This is the song. + I love to listen to

which

. จะได้

This is the song

which

I love to listen

to

.

ทีนี้ เขาจะนิยมเขียนเป็น

This is the song

to which

I love to listen.

สังเกตว่านำ to หลัง verb listen มาไว้ข้างหน้า which นั่นเอง

นั่นแสดงว่า prepo. ที่อยู่หน้า which มันต้องมีที่มาที่ไป เสมอ ไม่ใช่นึกจะใส่อะไรขึ้นมาลอยๆครับ

ตัวอย่างเพิ่มเติมครับ

That is the house

in which

I was born.
That is the house

which

I was born

in.

That is the house

where

I was born.

———————————————————————————————-

(สังเกตว่า ที่ verb listen ไป กับ prep. to เพราะว่า listen เป็น verb ไม่มีกรรม (intransitive verb)

ดังนั้น เราจึงต้องใช้ prep. to มาทำหน้าที่ช่วยเชื่อมคำนามเข้ากับประโยคครับ เป็น listen to the song

จะเขียนเป็น listen the song ไม่ได้ เพราะเป็น verb ไม่มีกรรมครับ

— ส่วนเทคนิคในการจับความรู้สึกว่า verb ตัวนี้เป็น verb มีกรรมหรือ ไม่

ขั้นแรกลองแปลความหมาย listen ตรงๆก่อน

ซึ่งแปลว่า “ฟัง” ซึ่งมาคิดๆดู “ฟั

ง” มันเป็นกริยาที่ไม่ต้องการกรรมอยู่แล้ว

ก็มันไม่ได้แปลว่า “ทำให้ฟัง” สังเกตว่าพวก verb มีกรรม จะมีคำว่า “ทำให้”

เช่น clarify ทำให้ชัดเจน เป็น verb มีกรรม )

—————————————————————————————–

ยังไม่หมดสำหรับ prepo.+which ที่เราเจอในชีวิตประจำวันครับ

อีกหนึ่งตัวอย่าง การแสดงความเป็นเจ้าของครับ

The table

whose broken leg

is here.

(นึกภาพโต๊ะมีขาหักหนึ่งขา)

สังเกต หลัง whose ไม่ต้องมี a นะครับ ถึงจะเป็น1ขาก็ตาม

อาจจะเขียนใหม่ได้เป็น

The table

a broken leg of which

is here

The table

of which

a broken leg

is here. แบบนี้นิยมเขียนครับ

——————————————————————————————

มาถึงเรื่องสำคัญแล้วครับ…

ในการเขียน nonrestrictive relative clause หรือ non-definite relative clause

มักจะมีการใช้ ,which … เราจะมาจำแนกหน้าที่ของ relative pronoun which กันครับ

——————————————————————————————-

1. which แทน adjective ใน main clause ประโยคหลัก เรียกว่า pro-adjective

เช่น He is

miserable

,which

I don’t think you are.

มาดูที่มากันครับ…

มาจาก

++++++ He is

miserable

.

++++++ I don’t think you are

miserable

. >>>

(ใช้

which

แทน adj.

miserable

เขียนได้เป็น)

++++++ I don’t think you are

which

>>>

(สังเกตผมไม่ใส่ full stop (.) นะครับเพราะถือยังไม่ใช่ประโยคที่ถูกต้อง)

(ขั้นต่อมาก็ เขียน

which

ไว้ด้านหน้าสุดได้เป็น)

++++++

which

I don’t think you are >>>

เสร็จแล้วก็รวมประโยคได้เป็น

++++++ He is miserable

,which

I don’t think you are.

สรุป which อ้างถึง miserable ครับ

(กรณี ปฏิเสธก็ไม่ต้องกลัวครับ เขียนเหมือนเดิมทุกอย่าง แค่เอา which มาไว้ด้านหน้า)

เช่น She is very

poor

,which

you absolutely are

not

.

————————————————————————————————

2. which แทน verb ใน main clause เรียกว่า pro-verb

เช่น

He

jumped very high

,which

I could never

do

.

มาจาก

+++++ He

jumped very high

.

+++++ I could never

jump very high

. >>>

+++++ I could never

which

>>> (ใช้ which แทน jump very high)

+++++

which

I could never

do

>>>

(ย้าย which มาไว้ข้างหน้า ต้องเติม do แทนที่เดิม ใช้ do เพราะตามหลัง modal verb could)

รวมประโยคได้เป็น

+++++ He

jumped very high

,which

I could never

do

.

อีกตัวอย่างกรณี ไม่มีการใช้ modal verb

He

tried to jump high

,which

I didn’t.

วิเคราะห์ดังนี้

He

tried to jump high

.

I didn’t

try to jump high

. >>>

I didn’t

which

>>> (อย่าลืมนะครับว่าผมไม่ใส่ full stop เพราะมันไม่ใช่ประโยคที่ถูก แค่เป็นขั้นตอน)

which

I didn’t.>>>
(ไม่ต้องใช้ verb to do แทนที่ which ในตำแหน่งเดิม เพราะมี didn’t เป็น verb to do อยู่แล้วครับ)

He

tried to jump high

,which

I didn’t.

———————————————————————————————-

3. which ใช้แทน sentence เรียกว่า pro-sentence เช่น

He sang loudly,which anger me.

มาจาก

He sang loudly.

That he sang loudly

angered me. >>>

which

angered me >>> (ใช้ which แทน that he sang loudly)

รวมได้เป็น

He sang loudly

,which

angered

me.

————————————————————————————————

จบแล้วครับ ยังไงถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนก็รบกวนช่วย comment แก้ไขด้วยครับ

หวังว่าคงจะได้ความรู้เพิ่มเติมกันทุกคน ครับ


ศัพท์วัยรุ่น 2020 | We Mahidol


ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในปี 2020 นี้ก็เช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่าปีนี้จะมีศัพท์อะไรยั่ว ๆ บด ๆ เกินต้านที่จะทำให้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฉันนี่ร้องกรี๊ดเลย!
วันนี้พี่ดรีม รุ่นพี่คณะศิลปศาสตร์ มหิดล จะพาเรามาอัปเดตคลังศัพท์วัยรุ่น 2020 ไปดูกันเลยดีกว่า! ใครมีคำไหนอีก ลอง comment มาบอกกันนะ
WeMahidol Mahidol ศัพท์วัยรุ่น2020
คำศัพท์เกม ที่เหล่า Gamer ตัวจริง เขาใช้กัน
📌 https://youtu.be/_lfrxuTDmag
คำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ในยุค COVID19
📌 ิhttps://youtu.be/OCDYUsJRECk
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
TikTok : https://www.tiktok.com/@wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ศัพท์วัยรุ่น 2020 | We Mahidol

น้องบีม | เที่ยวชลบุรี เล่นน้ำสระว่ายน้ำ โรงแรม Costa Village Bangsaray


น้องบีมเที่ยวชลบุรี เล่นน้ำสระว่ายน้ำ โรงแรม Costa Village Bangsaray

น้องบีม | เที่ยวชลบุรี เล่นน้ำสระว่ายน้ำ โรงแรม Costa Village Bangsaray

Pooped แปลว่าเหนื่อยเหรอ ? เหนื่อยภาษาอังกฤษว่าอย่างไรได้บ้าง


รายละเอียดคอร์ส : http://www.ajarnadam.tv/
สอบถามเรื่องคอร์สทางไลน์ Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey หรือโทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
FBของอดัม : http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG : https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter : http://twitter.com/AjarnAdam
FB โรงเรียน : http://www.facebook.com/hollywoodlearning

Pooped แปลว่าเหนื่อยเหรอ ? เหนื่อยภาษาอังกฤษว่าอย่างไรได้บ้าง

You’ve got a hold on me แปลว่าอะไรกันแน่ ?


รายละเอียดคอร์ส : http://www.ajarnadam.tv/
สอบถามเรื่องคอร์สทางไลน์ Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey หรือโทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
FBของอดัม : http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG : https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter : http://twitter.com/AjarnAdam
FB โรงเรียน : http://www.facebook.com/hollywoodlearning

You've got a hold on me แปลว่าอะไรกันแน่ ?

Feeling happy after doing good deed, does it mean you are boasting \u0026 have arrogance? Assim al hakeem


Access course materials, Test your knowledge \u0026 Get certified for FREE at https://ilmine.illumeacademy.com/courses/operationhdfiqhofmarriageshassimalhakeem/
Coupon code: SHASSIM20
Need One to One live Counseling with Sheikh Assim?:
https://www.assimalhakeem.net/announcement/
Do you have a question:
https://www.assimalhakeem.net/askaquestion/
http://www.assimalhakeem.net/
http://www.youtube.com/assimalhakeem/
https://www.facebook.com/SheikhAssimAlhakeemTeam/
http://twitter.com/Assimalhakeem

Feeling happy after doing good deed, does it mean you are boasting \u0026 have arrogance? Assim al hakeem

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ loudly แปล ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *