Skip to content
Home » [Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | ตัวอย่างประโยค adverb – NATAVIGUIDES

[Update] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | ตัวอย่างประโยค adverb – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยค adverb: คุณกำลังดูกระทู้

บทความนี้จะตอบคำถามของคุณเกี่ยวกับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ คืออะไร พร้อมอธิบายหลักการใช้ Adverb ละเอียดแจ่มแจ้งสุดๆ ที่ต้องไม่พลาด

Table of Contents

Adverb คืออะไร?

Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคำวิเศษณ์ในภาษาไทย แต่ในภาษาอังกฤษนั้น คำวิเศษณ์จะเป็น กริยาวิเศษณ์ เท่านั้นไม่มีการแยกย่อยได้เยอะแยะเหมือนภาษาไทยบ้านเราเลยรับรองว่าเรียนได้ง่ายๆ จำได้นาน ไม่ยากนะคะ

โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย รายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้

เรียนรู้ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

Adverb ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคุญต้องไม่พลาด

ตำแหน่งของ Adverb ที่มักเจอในข้อสอบ TOEIC

1. หน้า V. = [S + Adv + V] 
ยกตัวอย่างเช่น
Jim suddenly realized that he forgot to bring the financial report.

2. ระหว่าง V. = [S + V + Adv + V]
ยกตัวอย่างเช่น 
– will surely finish (Future Simple)
– had greatly improved (Past Perfect)

3. หลัง V. = [S + V + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Employment levels are unlikely to rise significantly before the end of next year.

4. หลัง O. = [S + V + O + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
 She reads quickly.
 She reads (the contract) quickly.

5. หน้า Adj. = [Adv + Adj + N]
ยกตัวอย่างเช่น
Ben is an extremely responsible employee.

6. ระหว่าง BE กับ Adj. = [BE + Adv + Adj]
ยกตัวอย่างเช่น
Online sales are relatively easy to track.

7. หน้า Adv. = [V + Adv + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Helen screamed extremely loudly when she fell down the stairs.

8. ใน Passive = [S + V + V.3 + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
The product should be checked thoroughly before being sent.

9. ใน To-Infinitive = [To + Adv + V.infinitive]
ยกตัวอย่างเช่น
Rita planned to quickly finish the task by tomorrow.

หน้าที่ของกริยาวิเศษณ์คืออะไร?

1. ขยายคำกริยา

บอกให้รู้ว่า ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร ทำบ่อยแค่ไหน  เช่น

  • He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้
    here เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา ที่ไหน
    yesterday เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา เมื่อไหร่
  • He walks slowly. เขา เดิน อย่างช้าๆ
    slowly เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน อย่างไร
  • He always walk to school. เขา เดิน ไปโรงเรียน เสมอ
    always เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน บ่อยแค่ไหน

2. ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง

บอกให้รู้ว่าอยู่ใน ระดับไหน หรือเน้นย้ำว่าแค่ไหน เช่น

  • The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
    hot เแปลว่า ร้อน เป็นคำคุณศัพท์ขยาย fire
    ส่วน very เป็น Adverb ขยายคำว่า hot บอกให้รู้ว่า ร้อนแค่ไหน
  • I like it very much. ผม ชอบ มัน มาก มาก
    much เแปลว่า มาก เป็นคำกริยาวิเศษณ์   
    ส่วน very ก็เป็น Adverb ขยายคำว่า much บอกให้รู้ว่า มากแค่ไหน

เรียนรู้ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

หน้าที่ของ Adverb ในภาษาอังกฤษ

ประเภทของคำกริยาวิเศษณ์ (Kinds of Adverb)

Simple adverb แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. Adverb of Time

คือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลาใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นเมื่อไหร หรือ เกิดขึ้นหรือยัง” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of Time)ความหมายNow /nau/ตอนนี้So far /səu faː/จนบัดนี้Yesterday /ˈjestədi/เมื่อวานToday /təˈdei/วันนี้Tomorrow /təˈmorəu/พรุ่งนี้Already /oːlˈredi/แล้วLately  /ˈleɪt.li/ไม่นานมานี้During /ˈdjuəriŋ/ในช่วงFinally  /ˈfaɪ.nəl.i/ท้ายทีสุดEarly /ˈəːli/แต่เช้าJust /dʒast/เพิ่งจะRecently  /ˈriː.sənt.li/ไม่นานมานี้Still /stil/ยังคงAfter /ˈaːftə/หลัง

ยกตัวอย่างเช่น:
I saw him yesterday. แปลว่า ฉันเห็นเขาเมื่อวาน เราจะเห็นว่าในคำถามมีคำภามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ เมื่อวาน
I will go shopping tomorrow. แปลว่า  ฉัน จะ ไป ชอปปิ้ง พรุ่งนี้ ก็เช่นกับตัวอย่างที่หนึ่งนะคะ ในคำถามมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ พรุ่งนี้
I’ve already done my home work. แปลว่า  ฉันทำการบ้านของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ เกิดแล้ว
I haven’t done my homework yet.  แปลว่า  ฉันยังไม่ได้ทำการบ้าน ของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ ยัง

ว่ายังไงบ้างคะ ง่ายๆ เลยใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ กริยาวิเศษณ์บอกเวลา Adverb of Time ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการใช้งานและตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับ Adverb of Place นะคะ

2. Adverb of Place

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นที่ไหน”  คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverb of Place)ความหมายHere /hiə/ที่นี่There /ðeə, ðə/ที่นั่นBehind /biˈhaind/ข้างหลังNear /niə/ใกล้Far /faː/ไกลAway /əˈwei/ห่างBack /bӕk/กลับNowhere /ˈnəuweə/ไม่มีที่ใดEverywhere /ˈev.ri.weər/ทุกที่Above /əˈbav/เหนือBelow /bəˈləu/ใต้Into /ˈintu/ไปในInside /inˈsaid/ข้างในOutside /ˈautsaid/ข้างนอกOut /aut/นอกIn /in/ใน

ยกตัวอย่างเช่น:
Please come here. แปลว่า กรุณามาที่นี่ ในนั้นคำถามคือที่ไหน ได้คำตอบคือ ที่นี่
Go there please. แปลว่ากรุณาไปที่นั่น คำถามคือ ที่ไหน ได้คำตอบ ที่นี่
Please come inside. แปลว่ากรุณา มา ข้างใน คำถามคือ ที่ไหนได้คำตอบ ข้างไน

3. Adverb of Frequency

คือกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง  (Adverb of Frequency)ความหมายAlways /ˈoːlweiz/เสมอUsually  /ˈjuː.ʒu.ə.li/โดยปกติOften /ˈofn/บ่อยๆNormally  /ˈnɔː.mə.li/ เป็นปกติOccasionally  /əˈkeɪ.ʒən.əl.i/เป็นบางโอกาสSometimes  /ˈsʌm.taɪmz/บางครั้งRarely  /ˈreə.li/มักจะไม่Never /ˈnevə/ไม่เคยDaily /ˈdeili/ทุกวันWeekly  /ˈwiː.kli/ทุกเดือนMonthly  /ˈmʌn.θli/ทุกเดือนYearly  /ˈjɪə.li/ทุกปี

ยกตัวอย่างเช่น:
He always runs in the morning. แปลว่า เขาวิ่งตอนเช้าเสมอ ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ เสมอ
The bill is paid monthly. แปลว่า บิลถูกจ่ายทุกเดือน ในนั้นคำถามคือ
บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ ทุกเดือน
I sometimes read grammar books. แปลว่า บางครั้งผมอ่านหนังสือไวยากรณ์
ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ บางครั้ง

กริยาวิเศษณ์ความถี่จะบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ่อยเพียงใด

วิธีใช้ “adverbs of frequency”

4. Adverb of Manner

คือกริยาวิเศษณ์บอกอาการ  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นอย่างไร” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of Manner)ความหมายFast /faːst/อย่างเร็วQuickly /ˈkwɪk.li/อย่างเร็วBeautifully  /ˈbjuː.tɪ.fəl.i/อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะCarefully  /ˈkeə.fəl.i/อย่างระมัดระวังWell /wel/อย่างดีNeatly  /ˈniːt.li/อย่างประณีตSlowly  /ˈsləʊ.li/อย่างช้Calmly  /ˈkɑːm.li/ อย่างสุขุมPolitely /pəˈlaɪt.li/อย่างสุภาพKindly /ˈkaɪnd.li/อย่างมีเมตตาBadly  /ˈbæd.li/อย่างแย่Quietly  /ˈkwaɪət.li/ อย่างเงียบๆ

ยกตัวอย่างเช่น:
He runs very  fast. แปลว่า เขาวิ่งอย่างเร็วมาก ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเร็ว
She sings beautifully.  แปลว่า หล่อน ร้องเพลง อย่างไพเราะ ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างไพเราะ
We speak louldly. แปลว่า พวกเรา พูด อย่างดัง ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างดัง
They cry quietly. แปลว่า พวกเขา ร้องให้  อย่างเงียบๆ ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเงียบ

5. Adverb of Quantity

คือ กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย (Adverb of Quantity)ความหมายMany /ˈmeni/มากมายVery /ˈveri/มากToo /tuː/เกินไปQuite /kwait/ค่อนข้างRather /ˈraːθə/ค่อนข้างNearly /ˈnɪə.li/เกือบAlmost /ˈoːlməust/เกือบEnough /iˈnaf/พอExtremely  /ɪkˈstriːm.li/อย่างยิ่งCompletely  /kəmˈpliːt.li/ อย่างสมบูรณ์

ยกตัวอย่างเช่น:
He has too much money to give me. แปลว่า เขามีเงินมากเหลือเกินที่จะให้ผม ในนั้น too เป็น Adverb ไปขยาย much จึงวางไว้หน้า much
I had almost finished my meal when he came in. แปลว่า ผมเกือบจะทานอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเอาเข้ามาข้างใน ในนั้น almost เป็น Adverb ไปขยายกริยา finished
He walked very quickly to school yesterday. แปลว่า เขาเดินเร็วมากไปโรงเรียนเมื่อวานนี้ ในนั้น Very เป็น Adverb ไปขยายคำกิริยาวิเศษณ์ คือ Quickly

6. Adverb of Affirmation or Negation

คือ กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ (Adverb of Affirmation or Negation)ความหมายYes /jes/ใช่No /nəu/ไม่Not /not/ไม่not at allไม่ใช่เลยSurely   /ˈʃɔː.li/แน่นอนCertainly /ˈsɜː.tən.li/ แน่นอนPerhaps /pəˈhaps/บางทีProbably  /ˈprɒb.ə.bli/ อาจIndeed /inˈdiːd/แน่นอนDefinitely  /ˈdef.ɪ.nət.li/อย่างแน่นอนObviously /ˈɒb.vi.əs.li/เห็นได้ชัด

ยกตัวอย่างเช่น:
He did not come here. แปลว่า เขายังไม่มาที่นี่เลย
Surely you are mistaken. แปลว่า แน่นอนคุณเป็นฝ่ายผิด
Perhaps she will tell you the truth. แปลว่า บางทีหล่อนจะบอกความจริงให้คุณทราบ
It is, indeed, a hard case.แปลว่า มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

Interrogative Adverb  กริยาวิเศษณ์คำถาม

Interrogative Adverb  แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. บอกเวลา (Time) แปลว่า “กริยาวิเศษณ์ถามเวลา” หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาขยายกริยา เพื่อถามถึงเวลาว่า “นานเท่าไร” หรือ “เมื่อไร”

Interrogative Adverb กริยาวิเศษณ์ บอกเวลาความหมายWhenเมื่อไรHow longนานเท่าไรHow soonนานไหม

ยกตัวอย่างเช่น:
When will he come here again? Next Year . แปลว่า เมื่อไหร่เขาจะมาที่นี่อีก? ปีหน้า
How long have you been here? For five years . แปลว่า คุณได้มาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เป็นเวลา 5 ปีแล้ว

2.  บอกสถานที่ (Place) กริยาวิเศษณ์ถามสถานที่ หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาใช้ขยายกริยา เพื่อถามสถานที่ เท่าที่ปรากฏเห็นและใช้กันบ่อยก็ได้แก่ where ที่ไหนและจะวางไว้ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
Where does he live? แปลว่า เ ขาอยู่ที่ไหน?
He lives in Bangkok. แปลว่า  เขาอยู่ในกรุงเทพฯ

3. บอกจำนวน (Frequency ) กริยาวิเศษณ์ถามถึงความถี่หรือจำนวนครั้ง หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกริยาถามถึงระยะเวลาหรือจำนวนครั้ง และตำแหน่งวางจะอยู่ต้นประโยคเสมอ ได้แก่ คำต่อไปนี้ คือ How often
ยกตัวอย่างเช่น:
How often does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครั้ง)
How many books has he? Ten. แปลว่า เขามีหนังสือมากเท่าไร? 10 เล่ม

4. บอกกริยาอาการ (Manner) กริยาวิเศษณ์ถามถึงกริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปขยายกริยา เพื่อถามถึงอาการของการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น ๆ ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ได้แก่คำว่า How อย่างไร และตำแหน่งอาจจะอยู่ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
How do you do this? แปลว่า คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
How does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร

5. บอกปริมาณ (Adverb of Quantity) กริยาวิเศษณ์ถามถึงปริมาณหรือความมากน้อย หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกิริยาในประโยค เพื่อถามถึงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งนั้น ได้แก่คำว่า How much มากเท่าไร How far ไกลเท่าไร และก็เช่นกันตำแหน่งก็อยู่ต้นประโยคเสมอ 
ยกตัวอย่างเช่น:
How much do you pay? แปลว่า คุณจ่ายมากเท่าไร
How much is it? แปลว่า ราคาเท่าไร?

6. บอกเหตุผล (Reason)
กริยาวิเศษณ์ถามถึงเหตุผล หมายถึง คำที่ไปขยายกริยาเพื่อถามถึงเหตุผลของการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร ได้แก่ Why ทำไม และวิธีใช้วางไว้ต้นประโยคอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
Why do they go to Hong Kong every day? แปลว่า ทำไมพวกเขาจึงไปฮ่องกงทุก ๆ วัน?
Why doesn’t she love you? แปลว่า ทำไมหล่อนจึงไม่รักคุณ?

Conjunctive Adverb  กริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 

Conjunctive Adverb แบ่งออกเป็นชนิดย่อย ๆ ได้ 6 ชนิด คือ

1. Conjunctive Adverb of Time เป็นสันธานวิเศษณ์ บอกเวลา หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกเวลา ได้แก่ when เมื่อไร
ยกตัวอย่างเช่น: 
Can you tell me when he will arrive here? แปลว่า คุณบอกผมได้ไหมว่าเมื่อไรเขาจะมาถึงที่นี่

2. Conjunctive Adverb of Place  สันธานวิเศษณ์ บอกสถานที่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกสถานที่ ได้แก่คำว่า where ที่ไหน ที่ ที่
ยกตัวอย่างเช่น:
This is where is stayed last year. แปลว่า นี้คือสถานที่ที่ผมมาพักอยู่เมื่อปีกลายนี้

3. Conjunctive Adverb of Frequency สันธานวิเศษณ์ บอกความถี่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกความถี่หรือจำนวนครั้ง ได้แก่คำว่า How often บ่อยไหม กี่ครั้ง 
ยกตัวอย่างเช่น:
I asked him how often he had gone there. แปลว่า ผมถามเขาว่า เขาไปที่นั้นบ่อยไหม

4. Conjunctive Adverb of Manner สันธานวิเศษณ์ บอกกิริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่ทั้งเชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกอาการของพฤติกรรม หรือการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้แก่ How อย่างไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
My father knows how I shot the tiger แปลว่า คุณพ่อของผมรู้ดีว่า ผมยิงเสือตัวนี้ได้อย่างไร

5. Conjunctive Adverb of Reason สันธานวิเศษณ์ บอกปริมาณ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกปริมาณมากน้อยได้แก่ คำว่า How long นานเท่าไร How far ไกลเท่าไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
No one knows how long she will live with him. แปลว่า ไม่มีใครทราบหรอกว่า หล่อนจะอยู่กับเขานานเท่าไร

6. Conjunctive Adverb of Time สันธานวิเศษณ์ บอกเหตุผล หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าหลังให้กลมกลืนกัน และขยายกริยาในประโยค
ยกตัวอย่างเช่น:
Panya did not know why she cried. แปลว่า ปัญญาไม่ทราบเลยว่า ทำไมหล่อนจึงร้องไห้

ความผิดพลาดที่มักจะเจอบ่อยเมื่อใช้ Adverb

สับสนในการใช้ Adjective กับ Adverb วิธีการจดจำก็คือ

Adj. = Adjective  คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำนาม
Adv. = Adverb  คำกริยาวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
คำ adjective ส่วนมากทำให้กลายเป็น adverb โดยการเติม –ly ต่อท้าย แต่ก็ไม่เสมอไป

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้
[slow] (adj.) / [slowly] (adv.) ช้า / อย่างช้า

  • He is a slow walker. เขาเป็นคนเดินที่ช้า
    [slow] เป็น adj. เพราะขยาย walker (n.)
  • He’s a person who walks slowly. เขาเป็นคนเดินช้า
    [slowly] เป็น adv. เพราะขยาย walks (v.)

กลุ่มกริยาวิเศษณ์ที่มีความหมายเหมือนกัน

  1. โดยสิ้นเชิง: totally, entirely.
  2. อีกต่อไป: anymore.
  3. ค่อนข้าง: quite, rather, pretty.
  4. ดังนี้: thus
  5. เลย: at all.
  6. แทบจะไม่: seldom, hardly, rarely, barely, scarcely.
  7. ระมัดระวัง: carefully, cautiously, thoroughly, meticulously, elaborately
  8. รวดเร็วทันใจ: immediately, promptly, urgently, quickly, swiftly, rapidly.
  9. อย่างเพียงพอ: adequately, sufficiently
  10. ค่อนข้างมาก: relatively, quite
  11. มาก/ที่สุด: highly, extremely, very, really
  12. สมบูรณ์: fully (+verb), absolutely (+adj), completely (+adj), extensively (+ verb/adj)
  13. ทันใดนั้นไม่คาดคิด: dramatically, suddenly, unexpectedly
  14. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง: Especially, specifically
  15. เร็ว หรือทันที: shortly, soon, right after/before, briefly
  16. ปัจจุบัน: currently, recently, lately, already, still
  17. บ้าฃที่: occasionally, sometimes
  18. ขั้นตอนแรก: firstly, initially, primarily, originally
  19. โดยปกติ/สม่ำเสมอ: frequently, regularly, usually, often, consistently
  20. อย่างแน่นอน: surely, definitely, absolutely, by all means.

ตัวอย่างประโยค

  • Surely I will come back.แปลว่า ฉันจะกลับมาแน่นอน
  • You will win definitely. แปลว่า คุณจะต้องชนะแน่นอน
  • It’s absolutely possible. แปลว่า มันเป็นไปได้แน่นอน
  • If you want to use the telephone,by all means do. แปลว่า ถ้าคุณอยากใช้โทรศัพท์แน่นอนคุณใช้ได้

สรูปว่าอย่างไรคะคุณ ฉบับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ สมบูรณ์นี้หวังว่าจะมีประโยคต่อคุณ การจดจำ Adverb นี้ไม่ยากเลยค่ะ เราสามารถเขียนมาเป็นประโยคเพื่อจำได้ง่ายขึ้น อย่าลืมติดตามเราเพื่อแชร์กันประสบการณ์เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[Update] หลักการใช้คำ ADVERBS อย่างละเอียด | ตัวอย่างประโยค adverb – NATAVIGUIDES

adverb คือคำวิเศษณ์ เป็นคำขยาย (modifier) ประเภทหนึ่ง

*adverb ทำหน้าที่ขยายหรือให้รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมกับคำประเภทต่างๆ ดังนี้
1. ขยายคำกริยา (verb)
Send us the goods immediately.
จงส่งสินค้าให้เราโดยทันที
She cried like a child.
เธอร้องไห้เหมือนเด็ก
She came to work here.
เธอมาทำงานที่นี่
2. ขยายคำคุณศัพท์ (adjective)
My father is very tall.
คุณพ่อของผมตัวสูงมาก
That house is too big to rent.
บ้านหลังนั้นใหญ่เกินไปที่จะเช่า
That fruit is always sour.
ผลไม้นั้นมีรสเปรี้ยว
3. ขยายวิเศษณ์ (adverb)
He walks very fast.
เขาเดินเร็วมาก
They studied English quite hard.
พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษค่อนข้างหนัก
We met her quite frequently.
พวกเราพบเธอค่อนข้างบ่อย
นอกเหนือจาก adverbs จะมีหน้าที่ดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว คำประเภทนี้ส่วนใหญ่ยังมีลักษณะพิเศษบางอย่างที่เป็นข้อสังเกตถึงความแตกต่างไปจากคำประเภทอื่น นั่นคือ ส่วนใหญ่ adverbs จะเกิดจากการเติม -ly ท้ายคำคุณศัพท์ (ซึ่งมิได้เป็นเช่นนี้ทุกคำไป) ดังนี้
รูปของคำวิเศษณ์
1. Adjective + ly → Adverb
adverb ส่วนใหญ่เกิดจาก adjective เติม -ly ท้ายคำ ฉะนั้นบางคนจึงมักจะเรียกว่า the -ly adverbs หรือ adverbs of manner (กริยาวิเศษณ์ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะอาการ) โดยมากจะให้ความหมายว่า “อย่าง…” เช่น beautiful (adj) = สวยงาม, ไพเราะ beautifully (adv) = อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะ เช่น

Adjectives     

Adverbs

Adjectives     

Adverbs

slow (ช้า)

slowly

quick (เร็ว)

quickly

soft (นุ่มนวล)

softly

pretty (สวยงาม)

prettily

gradual (ค่อยเป็นค่อยไป)

gradually

complete (สมบูรณ์)

completely

sudden (ทันใด)

suddenly

proud (ภาคภูมิใจ)

proudly

easy (ง่าย)

easily

loud (เสียงดัง)

loudly

effective (มีประสิทธิภาพ)

effectively

frequent (บ่อยครั้ง)

frequently

recent (เร็วๆ นี้)

recently

bad (เลว, แย่)

badly

angry (โกรธ)

angrily

slight (เล็กน้อย)

slightly

real (แท้จริง)

really

careful (ระมัดระวัง)

carefully

ตัวอย่าง
He is an effective worker, (effective > ADJECTIVE)
เขาเป็นคนงานที่มีประสิทธิภาพ
He always works effectively, (effectively > ADVERB)
เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเสมอ
The children made a loud noise, (loud > ADJECTIVE)
เด็กๆ ส่งเสียงดัง
The children shouted loudly, (loudly > ADVERB)
เด็กๆ ร้องตะโกนเสียงดัง
ทบทวนความจำ Adjectives : ขยายคำนาม หรือวางหลัง linking verbs
Adverbs : ขยายคำกริยา ขยายคำคุณศัพท์หรือขยายคำกริยาวิเศษณ์
แต่ก็มีคำภาษาอังกฤษบางคำที่แม้ว่าจะลงท้ายด้วย -ly ก็มิใช่ adverbs แต่กลับเป็น adjectives ข้อสังเกตของคำประเภทนี้คือส่วนใหญ่เกิดจากคำนาม ทั้งนี้ บางทีความหมายอาจจะต่างไปจากเมื่อเป็นคำนามค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เสมอไป เช่น

Nouns

Adjectives

Nouns

Adjectives

time (เวลา)

timely (เหมาะเจาะ)

month (เดือน)

monthly (รายเดือน)

friend (มิตร)

friendly (เป็นมิตร)

kind (ใจดี)

kindly (มีเมตตา)

man (ชาย)

manly (เป็นอย่างชาย)

life (ชีวิต)

lively (มีชีวิตชีวา)

cost (ราคา)

costly (แพง)

week (สัปดาห์)

weekly (รายสัปดาห์)

year (ปี)

yearly (รายปี)

day (วัน)

daily (รายวัน)

love (ความรัก)

lovely (น่ารัก)

lone (ตัวคนเดียว)

lonely (ว้าเหว่)

 

2. Adverbs & Adjectives ะ the same form
มีคำภาษาอังกฤษบางคำที่มีรูปเดียวกันทั้งกรณที่เป็น adverbs และ adjectives สำหรับความหมายของคำนั้นๆ ก็มิได้แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น adjectives หรือ adverbs ได้แก่
Adverbs/ Adjectives             Adverbs/Adjectives
early (เช้าตรู่, แต่เนิ่นๆ)                    late (สาย, ช้าไป)
straight (ตรง)                                   hard (ยาก, หนัก)
short (สั้น)                                         long (ยาว)
fast (เร็ว)                                             better (ดีกว่า)
far (ไกล)                                            near (ใกล้)
east (ตะวันออก)                               west (ตะวันตก)
north (เหนือ)                                    south (ใต้)
left (ซ้าย)                                           right (ขวา)
just (เพียง, เพิ่งจะ)                           opposite (ตรงข้าม)
pretty (ค่อนข้าง, สวย)                   well (ดี, สบายดี)
backward (adj.)/backwards (adv.) (ถอยหลัง)
forward (adj.)/forwards (adv.) (เดินหน้า)
4. มีคำวิเศษณ์หลายคำที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับคำคุณศัพท์เลย ได้แก่

Adverbs                Adverbs
so (มากมาย)            too (เกินไป)
there (ที่นั่น, นั่น)    here (ที่นี่, นี่)
as (เมื่อ)                    quite (ค่อนข้าง)
very (มาก)              now (เดี๋ยวนี้)
ข้อควรจำ บางทีนักเรียนอาจจะเกิดความสับสนกับคำกริยาวิเศษณ์บางคำต่อไปนี้ก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความหมายเมื่อมีรูปต่างกันบ้างเล็กน้อย คือ เติมและไม่เติม -ly ท้ายคำ ได้แก่
Adverbs                 Adverbs
late (สาย, ช้า)            lately (เมื่อเร็วๆ นี้)
hard (ยาก, หนัก)       hardly (แทบจะไม่)
last (ท้ายสุด)             lastly (ลำดับสุดท้าย)
high (สูง)                    highly (ให้เกิยรติอย่างสูง)
just (เพิ่งจะ)                justly (อย่างยุติธรรม)
near (ใกล้)            nearly (เกือบจะ)
และต้องระวัง คำว่า fastly * ในภาษาอังกฤษไม่มี อย่าเผลอพูดหรือเขียนโดยเด็ดขาด
ตัวอย่าง
He is a fast runner, (fast > ADJECTIVE)
เขาเป็นนักวิ่งเร็ว
He runs fast, (fast > ADVERB)
เขาวิ่งเร็ว
He enjoys a hard job. (hard > ADJECTIVE)
เขาชอบงานหนัก
He works hard, (hard > ADVERB)
เขาทำงานอย่างหนัก
I’ll catch the early train, (early > ADJECTIVE)
ผมจะขึ้นรถไฟเที่ยวเข้า
I awoke early this morning, (early > ADVERB)
ผมตื่นนอนเช้าตรู่เมื่อเช้านี้
He is a better swimmer than me. (better > ADJECTIVE)
เขาเป็นนักว่ายน้ำที่ดีกว่าผม
He swims better than me. (better > ADVERB)
3. Adjectives ending in –ic + ally → Adverbs
คำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย -ic     เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็น adverbs ให้เติม -ally ท้ายคำคุณศัพท์นั้นเช่น
Adjectives                             Adverbs
dramatic (มากมาย)                 dramatically
historic (ทางประวัติศาสตร์)    historically
systematic (เป็นระบบ)            systematically
realistic (เป็นจริง)                     realistically
symbolic (เป็นสัญลักษณ์)      symbolically
ยกเว้น public (สาธารณะ)        publicly
ชนิดของคำวิเศษณ์
1. Adverb of manner
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกลักษณะกิริยาอาการของผู้กระทำ เช่น well    ดี, สบายดี
hard    หนัก, ขยัน
fast    อย่างเร็ว
slowly  อย่างช้าๆ
politely อย่างสุภาพ
clearly อย่างชัดเจน
ตัวอย่าง
Our new neighbour greeted us politely.
เพื่อนบ้านคนใหม่ของเรากล่าวต้อนรับเราอย่างสุภาพ
She works very hard.
หล่อนทำงานหนักมาก
Manita dances very gracefully.
มานิต้าเต้นรำอย่างสวยงามมาก
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย How …? เพื่อให้ได้คำตอบที่แสดงลักษณะกิริยาอาการ
ตัวอย่าง
Our new neighbour greeted us politely.
ถาม How did our new neighbour greet us?
ตอบ Our new neighbour greeted us politely.
Manita dances very gracefully.
ถาม How does Manita dance?
ตอบ Manita dances very gracefully.
2. Adverb of place
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกตำแหน่ง หรือสถานที่ที่บุคคล
หรือสิ่งนั้นๆ อยู่ เช่น
above อยู่เหนือขึ้นไป         here    ที่นี่
there ที่นั้น                           upstairs  อยู่ชั้นบน
home ที่บ้าน                        up  อยู่ข้างบน
ตัวอย่าง
I have lived here for 5 years.
ผมอาศัยอยู่ที่นี่ 5 ปีแล้ว
Shall I drive you home?
ให้ผมขับรถพาคุณกลับบ้านดีไหม
We can learn everywhere.
เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกหนแห่ง
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย
Where … ? เพื่อให้ได้คำตอบที่บ่งบอกตำแหน่งหรือสถานที่
ตัวอย่าง
I have lived here for 5 years.
ถาม Where have you lived for 5 years?
ตอบ I have lived here for 5 years.
We can learn everywhere.
ถาม Where can we learn?
ตอบ We can learn everywhere.
3. Adverb of time
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกเวลาหรือช่วงที่เกิดเหตุการณ์ เช่น
now    เดี๋ยวนี้            soon     ในไม่ช้า
yesterday เมื่อวานนี้         recently เมื่อเร็วๆ นี้
afterwards หลังจากนั้น    tomorrow พรุ่งนี้
ตัวอย่าง
We arrived yesterday.
พวกเรามาถึงเมื่อวานนี้
Aree will go to Bangkok tomorrow.
อารีจะไปกรุงเทพฯ พรุ่งนี้
She will come back soon.
เธอจะกลับมาในไม่ช้า
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย
When …? เพื่อให้ได้คำตอบที่บอกเวลา
ตัวอย่าง
We arrived yesterday.
ถาม When did we arrive?
ตอบ We arrived yesterday.
She will come back soon.
ถาม When will she come back?
ตอบ She will come back soon.
4. Adverb of frequency
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกความถี่ของการกระทำนั้นๆ เช่น
always เสมอๆ        never  ไม่เคย
often      บ่อยๆ        generally โดยปกติ
sometimes บางครั้ง     on Sundays ทุกวันอาทิตย์
frequently บ่อยครั้ง     everyday ทุกวัน
ตัวอย่าง
We met her frequently.
พวกเราได้พบเธอบ่อยครั้ง
They often fished in that lake.
พวกเขาได้ตกปลาในทะเลสาบนั้นบ่อยๆ
Occasionally John missed the lessons.
บางครั้งจอห์นก็ไม่ได้เข้าชั้นเรียน
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย How often… ? เพื่อให้ได้คำตอบที่บอกความถี่
ตัวอย่าง
We met her frequently
ถาม How often did we meet her?
ตอบ We met her frequently.
Occasionally John missed the lessons.
ถาม How often did John miss the lessons?
ตอบ John missed the lessons occasionally.
ตำแหน่งของคำวิเศษณ์
โดยปกติคำวิเศษณ์มีการวางได้ 3 จุดคือ
1. ตำแหน่งกลาง (mid-position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่หน้าคำกริยาหรือส่วนของกริยา
ตัวอย่าง
He suddenly drove off.
เขาได้ขับรถออกไปทันที
We have never been searched by the customs.
พวกเราไม่เคยถูกด่านศุลกากรตรวจค้นเลย
หมายเหตุ มีคำวิเศษณ์บางชนิดไม่สามารถวางไว้ในตำแหน่งกลาง(mid-position) ดังที่กล่าวมาข้างต้น ได้แก่
1.1 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกสถานที่ (adverb of place) วิเศษณ์ชนิดนี้วางไว้เฉพาะในตำแหน่งท้ายประโยค มีบ้างบางครั้งที่วางอยู่ต้นประโยค
ตัวอย่าง
X She is outside sitting.
She is sitting outside.
หล่อนนั่งอยู่ข้างนอก
X We northwards drove.
We drove northwards.
พวกเราได้ขับรถไปทางเหนือ
1.2 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกเวลา (adverb of time) ที่ระบุเวลาที่จะเกิดเหตุ การณ์นั้นๆ คำวิเศษณ์ชนิดนี้จะวางไว้ในตำแหน่งต้นหรือท้ายประโยคเท่านั้น
ตัวอย่าง
X I yesterday met her.
I met her yesterday.
Yesterday I met her.
ผมได้พบกับเธอเมื่อวานนี้
X We are tomorrow leaving for Belgium.
We are ieaving for Belgium tomorrow.
Tomorrow we are leaving for Belgium.
พวกเราจะออกเดินทางไปเบลเยียมพรุ่งนี้
1.3 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกความถี่ (adverb of frequency) ที่ระบุความที่ ของการกระทำแน่นอน คำวิเศษณ์ชนิดนี้มักจะวางไว้ท้ายประโยค
ตัวอย่าง
X Milk is daily delivered.
Milk is delivered daily.
นมถูกจัดส่งมาทุกวัน
X We monthly have meetings.
We have meetings monthly.
พวกเรามีการประชุมทุกเดือน
ยกเว้น คำวิเศษณ์บอกเวลาหรือความถี่ที่มิได้มีการระบุเวลาหรือความถี่ที่แน่นอน สามารถวางอยู่ตำแหน่งกลาง (mid-position) ได้
ตัวอย่าง
I’ve recently become interested in gardening.
ผมสนใจการทำสวนเมื่อเร็วๆ นี้
We often play bridge on Sunday nights.
พวกเราเล่นไพ่บริดจ์กันบ่อยในทุกคืนวันอาทิตย์
1.4 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกกิริยาอาการว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรจะปรากฏท้ายประโยค ไม่ปรากฏในตำแหน่งกลาง
ตัวอย่าง
You’ve well organized that.
You’ve organized that well.
คุณจัดระบบสิ่งนั้นได้ดี
She badly sings.
She sings badly.
หล่อนร้องเพลงไม่ไพเราะเลย
ยกเว้น กรณีที่มีกริยาช่อง 3 (past participle) ในรูปโครงสร้าง passive (be + V3) ก็สามารถวางคำวิเศษณ์ชนิดนี้หน้ากริยาช่อง 3 ได้
ตัวอย่าง
It’s been well designed.
It’s been designed well.
มัน ได้ถูกออกแบบไว้อย่างดี
That wall was badly built.
That wall was built badly.
กำแพงนั้นได้ถูกสว้างไว้ไม่ดี
1.5 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกกิริยาอาการ (adverb of manner) สามารถวางไว้ในตำแหน่งกลาง (mid-position) หรือตำแหน่งท้าย (end-position) ของประโยคได้
ตัวอย่าง
He was happily playing with his toys.
He was playing with his toys happily.
เขากำลังเล่นกับของเล่นของเขาอย่างมีความสุข
2. ตำแหน่งท้าย (end-position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่ท้ายประโยค
ตัวอย่าง
He drove off suddenly.
เขา ได้ขับรถออก ไปทันที
Andrew arrived late.
แอนดรูมาถึงสาย
หมายเหตุ มีคำวิเศษณ์บางชนิดไม่สามารถวางในตำแหน่งท้ายประโยคดังกล่าวมาข้างต้นได้ ได้แก่
2.1 คำวิเศษณ์อาทิ probably (อาจจะ) certainly (แน่นอน), definitely (แน่นอน) วางได้ในตำแหน่งกลางเท่านั้น
ตัวอย่าง
X They’ve forgotten the time probably.
They’ve probably forgotten the time.
พวกเขาอาจจะลืมเวลา
X I saw a flash of lightning definitely.
I definitely saw a flash of lightning.
ผมได้แลเห็นแสงฟ้าแลบแน่นอน
X I believe he came here alone certainly.
I certainly believe he came here alone.
ผมเชื่อแน่นอนว่าเขาได้มาที่นี่คนเดียว
2.2 คำวิเศษณ์แสดงระดับ (adverb of degree) อาทิ nearly (เกือบจะ), almost (เกือบจะ), quite (ค่อนข้างจะ), hardly (แทบจะไม่), scarcely (แทบจะไม่) วางได้เฉพาะตำแหน่งกลาง ไม่สามารถวางในตำแหน่งท้ายประโยคได้
ตัวอย่าง
X I stopped and asked what he wanted nearly.
I nearly stopped and asked what he wanted.
ผมเกือบจะหยุดและซักถามว่าเขาต้องการอะไร
X You can expect her to smile at you hardly.
You can hardly expect her to smile at you.
คุณแทบจะไม่สามารถคาดหวังให้เธอยิ้มให้คุณ
2.3 คำวิเศษณ์ อาทิ perhaps (บางที) และ surely (แน่นอน) วางไว้ต้น ประโยศเท่านั้น
ตัวอย่าง
X We’re going to have a storm perhaps.
Perhaps we’re going to have a storm.
บางทีเราอาจจะเผชิญกับพายุ
X You don’t think she’s beautiful surely.
Surely you don’t think she’s beautiful.
แน่นอนว่าคุณคงไม่คิดว่าเธอสวย
2.4 คำวิเศษณ์ อาทิ too, either และ as well จะวางไว้ที่ตำแหน่งท้าย ประโยค
ตัวอย่าง
John wants a bath too.
จอห์นต้องการอาบน้ำด้วยเช่นกัน
I don’t like him either.
ผมก็ไม่ชอบเขาด้วยเช่นกัน
We’d better get some butter as well.
พวกเราควรจะหาซื้อเนยด้วยเช่นกัน
2.5 กรณีมีคำวิเศษณ์หลายชนิดภายในประโยคเดียวกัน เราจะวาง adverb of manner ไว้ก่อน adverb of place ส่วน adverb of time วางไว้ท้ายสุด
ตัวอย่าง
Come to my office at four o’clock.
Adv. of place   —   Adv. o’ time
จงมาที่สำนักงานของผมเวลาบ่าย 4 โมง
She sang perfectly in the town hall last night.
Adv. of manner –Adv. of place –Adv. of time
หล่อนร้องเพลงได้ดีเยี่ยมในศาลาประชาคมเมื่อคืน
3. ตำแหน่งต้น (initial position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่ต้นประโยค
ตัวอย่าง
Suddenly he drove off.
เขาได้ขับรถออกไปทันที
Yesterday I had a bad headache.
เมื่อวานนี้ผมปวดศีรษะอย่างหนัก
หมายเหตุ  มีคำวิเศษณ์หลายชนิดที่สามารถวางไว้ต้นประโยคได้ ได้แก่
3.1 คำวิเศษณ์บอกเวลา (adverb of time)
ตัวอย่าง
Yesterday I got up late.
เมื่อวานนี้ผมตื่นนอนสาย
In January it rained all the time.
ในเดือนมกราคมฝนตกตลอดเวลา
Once I wanted to be a doctor.
ครั้งหนึ่งผมอยากเป็นแพทย์
3.2 คำวิเศษณ์บอกความถี่ (adverb of frequency) บางตัว
ตัวอย่าง
Occasionally I try to write poems.
บางโอกาสผมพยายามเขียนบทกวี
Sometimes we have parties in the garden.
บางครั้งเราจัดงานเลี้ยงในสวน
แต่ คำวิเศษณ์ เช่น always และ never ไม่อาจจะวางหน้าประโยคได้ ยกเว้น ประโยคคำสั่ง (imperative sentences) วางหน้าประโยคได้
ตัวอย่าง
I will never understand this.
ผมจะไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้ได้
Never wash your clothes in the river.
อย่าซักผ้าในแม่น้ำ
You always make the same mistake.
คุณทำความผิดซ้ำแบบเดิมอยู่เสมอ
Always come to class early.
จงมาเรียนแต่เช้าตรู่เสมอๆ
3.3 คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (adverb of place) สามารถวางไว้ต้นประโยคได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อเขียนเชิงพรรณนา
ตัวอย่าง
I opened the box. Inside was another box.
ผมได้เปิดกล่อง ภายในยังมีอีกกล่องหนึ่งอยู่ด้วย
สำหรับคำวิเศษณ์บอกสถานที่ เช่น Here, There .และบุพบทที่มาทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์ เช่น Down, Up ก็วางไว้ต้นประโยคได้
ตัวอย่าง
Here comes your bus.
นี่ไงรถประจำทางของคุณมาแล้ว
There goes Mr. Brown.
นั่นไง นายบราวน์ไปแล้ว
Down comes the rain.
ฝนตกลงมาแล้ว
3.4 คำวิเศษณ์บอกลักษณะกิริยาอาการ (adverb of manner) บางตัว
ตัวอย่าง
Slowly we ran downstairs.
เราได้วิ่งลงไปชั้นล่างอย่างช้าๆ
Gently she examined the child’s leg.
เธอ ได้ตรวจดูขาของเด็กอย่างนิ่มนวล
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 91,830 times, 2 visits today)


แกรมม่า Ep4 – คำวิเศษณ์(Adverb) มีอะไรบ้าง และการใช้


ตอนที่ 4 คำวิเศษณ์ (Adverb) คืออะไร, มีคำอะไรบ้าง และเทคนิคการใช้
I teach Thai people to speak Norwegian language.
Facebook fan page : http://www.facebook.com/All.about.Norway
โดยบล๊อค All about Norway : http://allaboutnorway.blogspot.no

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

แกรมม่า Ep4 - คำวิเศษณ์(Adverb) มีอะไรบ้าง และการใช้

ติว TOEIC Grammar : ตำแหน่งการใช้ Adjective


✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 สมัครคอร์ส KruDew ติว New TOEIC 2020 (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu

Adjective คืออะไร? ใช้ยังไง? ครูดิวสรุปการใช้ Adjective ทั้ง 3 ตำแหน่งมาให้แล้วค่ะ

✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC Grammar  : ตำแหน่งการใช้ Adjective

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ Adverbs of frequency มีอะไรบ้างใช้อย่างไร


ภาษาอังกฤษมีการใช้สิ่งที่เรียกว่า Adverbs of frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่) เพื่อบอกความบ่อยครั้งในการเกิดเหตุการณ์หรือความถี่ในสิ่งที่เราทำ
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี! อื่นๆๆ
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…​
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…​
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…​
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…​
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…​
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…​
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…​

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ Adverbs of frequency มีอะไรบ้างใช้อย่างไร

adverb คืออะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE


adverb คืออะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
หลายคนที่กำลังฝึกภาษาอังกฤษอาจจะเจอกับปัญหาในการทำความเข้าใจ adverb หรือในภาษาไทยที่เรียกกันว่าคำกริยาวิเศษณ์ เนื่องจากมีการใช้งานที่หลากหลาย และทำให้งงได้ ในคลิปวิดีโอเรียนภาษาอังกฤษคลิปนี้ เราจะทำความรู้จักกับ adverb และ หน้าที่ของมันว่าหลักการในการใช้งานมีอะไรบ้าง และจะทำยังไง ถึงจะใช้งานได้ถูกต้อง พร้อมถึงดูตัวอย่างคำศัพท์ adverb ในภาษาอังกฤษ เงื่อนไขต่างๆ ที่มาคู่กับมัน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษที่มี adverb มาขยาย เราจะได้เข้าใจถึงหลักการใช้งานได้ และ สามารถนำไปใช้สื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว
adjectives คืออะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
https://youtu.be/m5Sf21PMspM
Present Simple Tense การใช้งาน Verb
https://youtu.be/HHPmiayX14
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ครบทุกหลักการใช้งานในคลิปเดียวแบบเต็มสูบทั้งหมด
หากสนใจมาเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว กับทางESE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทางช่องทางเหล่านี้นะครับ
อย่าลืมกดติดตามเราทางช่องทางอื่นๆด้วยนะครับ
Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300

adverb  คืออะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE

กริยาช่วยในภาษาอังกฤษใช้อย่างไร (Verb to be/ do/ have)


ตามไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูหวานต่อที่
Facebook: https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
Instagram: https://www.instagram.com/english_kruwhan

กริยาช่วยในภาษาอังกฤษใช้อย่างไร (Verb to be/ do/ have)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่างประโยค adverb

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *