[Update] Action verb คืออะไร ต่างจาก Stative verb ยังไง พร้อมตัวอย่างศัพท์และประโยค…เอาให้เคลียร์ | take action แปล ว่า – NATAVIGUIDES

Posted on

0

SHARES

Facebook

Twitter

เจ้า action verb คือกริยาที่ออกแอ็กชัน กล่าวคือ เป็นการบอกกล่าวการกระทำ หรือแสดงการกระทำ ซึ่งการกระทำนั้นสามารถมองเห็นได้ว่าคนนั้นหรือสิ่งนั้นกำลังทำอะไรอยู่ บทเรียนวันนี้เราจะมาเรียนรู้หลักการใช้ action verb เอาให้เคลียร์ไปเลย…

Action verb คืออะไร

• action verb อ่านว่า แอ็คเชิน เวิบ แปลว่า คำกริยาที่บอกการกระทำ…ชื่อเรียกอีกชื่อนึง คือ…. dynamic verb

คำกริยา action verb สามารถเติม ing เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นได้ ส่วน stative verb ไม่สามารถเติม ing ได้

ตัวอย่างประโยค

• I am running. I run ever day.
  ฉันกำลังวิ่งอยู่ ฉันวิ่งทุกวัน
• You are walking. You always walk in the morning.
  คุณกำลังเดินอยู่ คุณเดินในตอนเช้าเสมอ
• He is playing football. He plays football with friends after school.
  เขากำลังเล่นฟุตบอล เขาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนหลังเลิกเรียน
• She is cooking. She cooks very well.
  หล่อนกำลังทำอาหาร หล่อนทำอาหารเก่ง
• We are studying English.
  พวกเรากำลังเรียนภาษาอังกฤษ
• They are singing. They sing beautifully.
  พวกเขากำลังร้องเพลง พวกเขาร้องเพลงเพราะ

สรุปข้อแตกต่าง action verb กับ stative verb

action verb สามารถใช้ได้กับ Continuous tense กล่าวคือ สามารถเติม ing เพื่อแสดงการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ได้นั่นเอง เช่น eat, walk, run, swim etc.

• I eat an egg every day. √
• I am eating an egg. √

• I walk in the morning. √
• I am walking now. √

static verb เป็นคำกริยาที่ไม่สามารถใช้ กับ continuous tense กล่าวคือ เป็นกริยาที่ห้ามเติม ing เช่น see, fee, know, understand etc.

• I see John running. √
• I am seeing john running. ×

• I know Tom very well. √
• I am knowing Tom very well. ×

ตัวอย่างกริยา Action verb

bite ไบทกัดbleed บลีดเลือดออกblow บโลพัด เป่า ตีbreak เบรกแตกbring บริงนำมา เอามาbuild บิลดสร้างburst เบิสทระเบิดbuy บายซื้อcatch แค็ทชจับ , ขึ้นรถchoose ชูสเลือกcome  คัมมาcut คัทตัดdig  ดิกขุดdive ไดฝดำนํ้าdo ดูทำdraw ดรอลาก วาด เขียนdrink  ดริงคดื่มdrive ไดรฝขับ(รถ)eat อีทกินfall ฟอลตก หล่นfeel ฟีลรู้สึกfight ไฟทต่อสู้fly ฟลายบินget เก็ทเอา ได้รับgive กิฝให้go โกไปgrind กรายดบด ลับgrow กโรเติบโต, ปลูกhang (pictures) แฮงแขวน ห้อยhang (people) แฮงแขวนคอhide ฮายดซ่อนlay เลวาง ออกไข่lead หลีดนำlearn เลินเรียนรู้leave ลีฝละทิ้ง, จากไปlie ลายนอนlight ไลทจุดไฟmake เมคทำmeet มีทพบpay เพจ่ายput พุทวางread หรีดอ่านride ไรดขี่ring ริงสั่น (กระดิ่ง)rise ไรซขึ้น ลุกขึ้นrun รันวิ่งseek ซีคค้นหาsell เซ็ลขายset เซ็ทจัดshake เชคเขย่า สั่นshine ชายนส่องแสงshrink ชริงคหดลง สั้นลงsing ซิงร้องเพลงsink ซิงคจม ถอยลงsit ซิทนั่งslide สไลดสื่นไถล, เลื่อนไปsleep สลีพนอนหลับspeak สปีคพูดspin สปินม้วน กรอ ปั่นฝ้ายsplit สปลิทแตก, แยกspring สปริงโดดอย่างเร็ว, เด้งsting สติงต่อย, แทงstrike สไตรคตี, ต่อย? กระทบstring สตริงผูกเชือก ขึงสายswim สวิมว่ายนํ้าswing สวิงแกว่ง, เหวี่ยงtake เทคเอา พาไปteach ทีชสอนtear แทฉีก ขาดtell เท็ลบอกthrow ธโรเหวี่ยง ขว้างwear แวสวม, ใส่weave วีฝทอผ้า, สานweep วีพร้องไห้write ไรทเขียน

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 30

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

ได้เคยกล่าวถึง Present Perfect (เพเซ่นทฺ เพอเฟ็กทฺ) และ Past Simple (พาสทฺ ซิมเพิล) มาแล้ว

เพื่อเป็นการทบทวนรูป (form ฟอม) ของทั้ง 2 tenses นี้จะขอสรุปเฉพาะ ภาคกริยาช่วย และกริยาแท้ไว้ดังนี้คือ
ก. Present Perfect
กริยาช่วย have / has
กริยาแท้ past participle (หรือ Verb ช่อง 3)
have/has + past participle

ข. Past Simple
กริยาช่วยช่อง 2/กริยาแท้ช่อง 2

ต่อไปนี้ จะขอกล่าวเชิงเปรียบเทียบการใช้ระหว่าง Past Perfect และ Past Simple เพื่อท่านผู้อ่านจะได้สามารถแยกแยะความแตกต่างได้โดยชัดเจน
1. การกระทำที่เริ่มเกิดขึ้นในอดีตและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน (an activity which started in the past and continues up to the present) กับการกระทำที่เริ่มและจบสิ้นในอดีต (an activity which started and finished in the past)
ตัวอย่าง
I have lived in Bangkok for ten years.
ผมอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว (ตอนนี้ก็ยังอาศัยอยู่)
I lived in Bangkok for 10 years.
ผมได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ 10 ปี(ตอนนี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แล้ว)

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มขึ้นในอดีตและ ดำเนินมาจนถึงปัจจุบันครบ 10 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังอยู่ ยังมิได้ย้ายไปไหนจึงใช้ Present Perfect ส่วนในประโยคที่ 2 เป็นการกล่าวถึงการกระทำที่เริ่มต้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว จึงใช้ Past Simple

2. ผลของการกระทำในอดีตที่เกี่ยวเนื่องถึงปัจจุบัน (the result of a past action that is connected to the present)
ตัวอย่าง
I have lost my wallet.
ผมทำกระเป๋าเงินหาย(จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่ได้คืนมา)
I lost my wallet, but I have got it back now.
ผมทำกระเป๋าเงินหาย แต่ตอนนี้ได้คืนมาแล้ว

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 กล่าวถึงผลของการกระทำที่ใด้เกิดขึ้นในอดีต และยังมีผลเกี่ยวเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงใช้ Present Perfect ส่วนในตัวอย่างที่ 2 กล่าวถึงในอดีต และตอนนี้ได้คืนมาแล้ว จึงใช้ Past Simple

3. การแจ้งข่าว (to announce news) กับการให้รายละเอียดของข่าว (to give details of the news)
ตัวอย่าง
Someone has stolen my bike.
มีคนลักขโมยรถจักรยานยนต์ของดิฉันไป
I left the bike outside the Saveland Department Store for a few minutes and when I came back, it wasn’t there.
ดิฉันจอดจักรยานไว้นอกห้างสรรพสินค้าเซฟแลนด์เป็นเวลา 2-3 นาที พอดิฉันกลับออกมา จักรยานก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 ผู้หญิงรายหนึ่งแจ้งว่า “มีคนลักขโมยจักรยาน ของเธอไป” เธอยังไม่ได้จักรยานคืนมา จึงใช้ Present Perfect ส่วนในตัวอย่างที่ 2 ผู้หญิงคนดังกล่าวได้ให้รายละเอียดกับตำรวจว่า เธอได้จอดจักรยานไว้นอกห้างเซฟแลนด์ พอกลับออกมาก็พบว่าจักรยานได้หายไปแล้ว จึงใช้ Past Simple

4. การกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตถึงปัจจุบัน แต่ไม่ระบุเวลาแน่นอน (an action in the past up to the present with an indefinite time) กับการกระทำที่เกิดและจบสิ้นในอดีตที่ระบุเวลาแน่นอน (an action in the past with a definite time)
ตัวอย่าง
I have started taking driving lessons recently.
ผมเริ่มเรียนขับรถเมื่อเร็วๆ นี้
I started taking driving lessons a week ago.
ผมได้เรียนขับรถเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อธิบาย ในตัวอย่างที่ 1 คำว่า recently (ริเซ็นลิ) แปลว่า “เมื่อเร็วๆ นี้” มิได้ระบุเวลาแน่นอนว่าเมื่อไร จึงใช้ Present Perfect ซึ่งมีคำอื่นๆ อีกที่ไม่ระบุเวลาแน่นอน ที่ใช้ tense นี้เช่นเดียวกับ recently ได้แก่ ever (เอเวอะ = เคย นิยม ใช้ในรูปประโยคคำถาม), never (เนเวอะ =ไม่เคย), lately (เลทลิ = เมื่อเร็วๆ นี้), already (ออลริดิ = เรียบร้อยแล้ว), yet (เย็ท = หรือยัง ใช้เป็น adverb วาง ไว้ท้ายประโยคคำถามหรือปฏิเสธ) ส่วนในตัวอย่างที่ 2 คำว่า a week ago (เออะ วีค เออะโก) ระบุเวลาไว้แน่นอนแล้ว จึงใช้ Past Simple ซึ่งมีคำอื่นๆ ที่ระบุเวลา แน่นอนที่ใช้ tense นี้เช่นเดียวกับ ago ได้แก่ yesterday (เยสเทอะเดย์ = เมื่อ วานนี้), last week (ลาสทฺ วีค = สัปดาห์ที่แล้ว), last month (ลาสทฺ มันธฺ = เดือนที่แล้ว), last year (ลาสทฺ เยีย = ปีที่แล้ว) เป็นต้น

5. ช่วงเวลาของการกระทำนั้นยังไม่สิ้นสุด (the periods of time of that action are not finished) กับช่วงเวลาที่ได้เกิดการกระทำนั้นๆ ได้จบสิ้นไปแล้ว (the periods of time of that action are finished)
ตัวอย่าง
I have seen Peter this morning.
ผมได้เจอปีเตอร์เช้านี้ (ตอนนี้ก็ยังเป็นเวลาเช้าอยู่)
I saw Peter this morning.
ผมได้เจอปีเตอร์เช้านี้ (ตอนนี้เลยเวลาเช้าไปแล้ว อาจจะเป็นบ่าย,
เย็น, หรือค่ำ)

อธิบาย ในกรณีของตัวอย่างทั้งสองที่ยกมา อาจจะใช้รูป Present Perfect หรือ Past Simple ก็ได้ โดยปกติหากรู้แน่นอนว่ายังเป็นช่วงเวลานั้นๆ ตามที่เอ่ยขึ้นมา ก็ใช้ Present Perfect ได้ แต่ถ้าถามว่าจะใช้ Past Simple ได้ไหม คำตอบคือ ได้ด้วยเช่นกัน ดังเช่นกรณีตัวอย่างที่ 2 ทั้งนี้ต้องอาศัยช่วงเวลาเป็นตัวกำหนด

กล่าวโดยสรุป Present Perfect ใช้แสดงการกระทำที่มีการต่อเนื่อง (continuing actions) ส่วน Past Simple ใช้แสดงการกระทำที่ได้สิ้นสุดไปแล้ว (finished actions)

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 25,668 times, 8 visits today)