49 ความจริงของคนไทยที่ไปเรียนต่อในอเมริกา

49 ความจริงของคนไทยที่ไปเรียนต่อในอเมริกา   

 

1. คุณไม่จำเป็นต้องสอบ TOEFL, GRE, GMET ให้ถึงเกณฑ์ก็ได้  ยังมีมหาวิทยาลัยอีกมากให้คุณเรียนภาษาที่นั่นก่อน  แล้วสอบให้ผ่านในระดับที่เขาพอใจ  ซึ่งเป็นการสอบของมหาวิทยาลัยเอง
            ดังนั้นคุณอาจคิดว่าไปแล้วน่าจะสอบไม่ได้หรือเปล่า  แต่ในความจริงแล้ว  เมื่อเราไปอยู่เราก็จะซึมซับมันไปเองตลอด  ภาษาเราจะแกร่งขึ้นเอง  ดีกว่าอยู่เมืองไทย  แล้วเรียนภาษาอังกฤษ  ออกจากห้องไม่มีภาษาอังกฤษเลย ไทยล้วนๆ แล้วมันจะซึมได้ไง
   
            2. การหาที่พักล่วงหน้าใช่ว่าจะดีเสมอไป  เพราะต้องยอมรับว่า  เราไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน  ดังนั้นไม่แน่ว่าเมื่อไปถึงที่อยู่แถบนั้น  ถูกกว่า  ดีกว่า  อาจรออยู่ตรึม  ที่เราจองไว้เป็นแบบห่วยๆ ก็ได้
            ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดน่าจะยังไม่ต้องจอง  แต่เข้าไปแล้วหาที่พักชั่วคราวราคาไม่แพง  อย่างเช่น Dorm ของมหาวิทยาลัย  หรือโรงแรมถูกๆ ก่อน  ค่อยหาที่พักจริง
   
            3. อย่าแปลกใจถ้าคุณไปถึงที่นั่นแล้วพบว่ามีแต่คนเอเชีย  อย่าลืมว่าคนเอเชียที่ไปเรียนต่ออเมริกามีจำนวนมาก (เผลอๆ มากกว่า คนอเมริกาที่มหาวิทยาลัยอีก!!)
   
            4. การทำงานแบบลักลอบทำ เช่น ทำร้านอาหารไทย  อาจให้ค่าตอบแทนที่พอจ่ายค่าห้องพัก  แต่ต้องแลกมาด้วยการพบกับปัญหามากมาย  เช่น  ปัญหาจากเจ้าของร้านขี้บ่น  ปากจัด หรือจากลูกค้างี่เง่า
   

5. การทำงานแบบลักลอบทำบางอย่าง  ถ้าคุณรู้จักคนที่เคยทำอยู่ก่อนหน้า  คุณอาจจะได้ค่าเล่าเรียนแถมมาด้วย  เช่น  การทำงานในปั๊มน้ำมันมีทุนการศึกษาให้ด้วย (ค่าเทอม ค่าหนังสือ จ่ายให้หมดเลย)
   
          6. อาหารจีนแบบซื้อกลับบ้าน  จะใส่กล่องกระดาษ  และมีหูหิ้วเป็นลวด
   
            7. อย่าแปลกใจ? คนไปเรียนอเมริกาแล้วอ้วนกลับมา  เพราะอาหารในอเมริกาให้เยอะมาก  ถ้าคุณเป็นคนกินง่าย  กินเก่ง  อ้วนชัวร์!
   
          8. ถึงแม้อาหารของอเมริกาจะทำให้อ้วนได้ง่าย  แต่ก็ผ่านการควบคุมคุณภาพสูง  ดังนั้นจึงปลอดภัย  สะอาด  แม้แต่เรื่องสารพิษในผัก  หรือผลไม้ก็มีมาตรการเข้มงวด
           

10. ถ้าคุณได้มีโอกาสไปนิวยอร์ก  คุณจะได้เห็น Starbuck เยอะ  และถี่เหมือนเห็น Seven11 บ้านเราเลย
   
            11. ถ้าเมืองที่คุณอยู่หิมะตก  คุณอาจเห็นวันที่รถจอดอยู่เต็มถนน  หิมะสูงจนเปิดประตูรถไม่ได้!!!
   
            12. ถ้าเมืองที่คุณอยู่ติดทะเล  คุณอาจจะได้กินกุ้งลอปเสตอร์ตัวโต  ราคาไม่แพงมากเท่าเมืองไทย  แต่น้ำจิ้มเป็นเนยเหลว!!

            13. การตัดผมในอเมริกาคิดค่าตัดแพง  บางคนที่ไปอยู่จึงมักไม่ตัดผม  ปล่อยให้ยาว หรือให้เพื่อนตัดให้  หรือแม้กระทั่งตัดเอง  เบี้ยวๆ ไปบ้าง  ตามแต่ละคน

14. เน็ตไฮสปีดของอเมริกา  เร็วมาก!

            15. ถ้าคุณติด Cable TV แล้วคุณอยากดูช่องได้เยอะๆ คุณสามารถหาซื้อตัว Box ที่ถอดสัญญาณช่องที่กันไว้ได้ตามเวบไซต์
   
          16. ร้านอาหารจีนส่วนใหญ่ในอเมริกา  จะคล้ายๆ โรงจำนำเมืองไทย  คือมีกระจกปิดเข้าไปสั่ง  มีช่องส่งอาหาร  คนซื้อกับคนขายมีกำแพงกั้น (เพื่อความปลอดภัย)

            17. รถมือสองที่อเมริการาคาถูกมาก  ควรหาซื้อตามที่ประกาศในหนังสือพิมพ์ แล้วไปลองขับเองก่อนการตัดสินใจ
   
            18. การสอบใบขับขี่ที่อเมริกา  ถ้าเจอสี่แยกแล้วไม่มี Stop Sign อย่าหยุด  หรือแม้แต่ชะลอ  เพราะจะทำให้คุณสอบตก  เพราะเขาถือว่าไม่มี  ไม่ต้องหยุด  แต่คนไทยขืนไม่หยุดโดนชนได้ง่ายๆ
   
            19. การขับรถที่อเมริกา  เมื่อเป็นป้าย Stop ให้หยุด  แม้ถนนจะโล่งมากก็ตาม

   
            20. เมื่อมีคนเดินสวนแล้วแบมือให้แสดงว่ามันมาขอตังค์  สังเกตแววตา  ถ้าตาแข็งกร้าวก็ระวังตัวหน่อย  เพราะถ้าไม่ให้อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต
   
            21. การไปอยู่ต่างถิ่น  ทำให้มีโอกาสพบประสบการณ์แปลกๆ มากมาย  ดังนั้นถ้ามีแฟนอยู่แล้ว  และไม่อยากเลิกกัน  ก็ต้องหมั่นโทรกลับไทยบ่อยๆ ค่าโทรถูกกว่าไทยโทรไปอเมริกา (ยิ่งตอนนี้น่าจะยิ่งโคตรถูก)
   
            22. อย่ากิเลสเยอะ  เช่น  เวลาไปพกโน้ตบุ้คไป 1 เครื่องเนี่ย  รู้ไหม? ทำได้ทุกอย่างเลย โน้ตบุ้คต่อเข้า Port แปลงสัญญาณทีวีเอาไว้ดูทีวีก็ได้  ทำงานก็ได้  เล่นเกมส์ก็ได้  เล่นเน็ตก็ได้ (ยกเว้นจะทำหลายอย่างพร้อมๆ กันก็ต้องซื้อเพิ่ม)

            23. สวรรค์ของคนกินเก่งคือบุฟเฟต์อาหารจีน  ราคาไม่แพงมาก ในแต่ละเมืองมักมี
   
            24. ระวังคนไต้หวันยืมเงิน  เพราะคุณอาจไม่ได้คืน

25. ระวังคนอินเดียตีสนิท  เพราะเขาอาจหวังพึ่งคุณขับรถไป Mall ต่างๆ (เพราะคุณมีรถ)
   
            26. ควรหมั่นเข้าห้องสมุด  เพราะบรรยากาศดี  เงียบ  และมักเปิดจนดึกดื่น (บางที่อาจเปิด 24 ชั่วโมง)
   
            27. การไปเที่ยวเมื่อมีโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ  คนเราไม่ได้มีสิทธิ์ไปอยู่ต่างประเทศบ่อยๆ ถ้าได้ไป  ก็อย่าได้เสียดายเงินมาก  ไปเที่ยวบ้าง (เลือกประหยัดได้)
      
            28. ถ้าคุณได้มีโอกาสทำงานแคชเชียร์ปั๊มน้ำมัน  คุณจะได้มีโอกาสฝึกการพูด “Hello”, “Have a nice day”, “Over there” บ่อยๆ -*-
   
            29. ถ้าคุณได้มีโอกาสกวาดหิมะ  คุณจะรู้ว่าการใส่เสื้อหนาวหนาๆ ถือพลั่ว  สวมบู้ต เพื่อออกไปกวาดหิมะเปิดถนนนั้นเหนื่อยมากกกก  แต่เหงื่อไม่ออกซักหยด!
   
            30. ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเดินตาม Outlet ต่างๆ ที่มีอยู่ชานเมืองมากมาย  คุณจะได้ของมียี่ห้อ  แต่ตกรุ่น  และขายราคาถูกกว่าปกติ  และมักใหญ่มากๆ
   
            31. ถ้าคุณชอบซื้อของแบบประมูล  หรือของจากบ้าน  เมื่ออยู่อเมริกา  จงใช้ ebay เหมือนเป็นห้างส่วนตัว
   
            32. ถ้าที่ที่คุณเรียนมีโรงยิม  ควรไปใช้บริการบ่อยๆ เพราะจะได้ออกกำลัง  แลกกับอาหารที่ทำให้คุณอ้วนมากมาย
   
            33. ถ้าคุณอยากทานสเต็กส์ทำเอง  คุณไปหาซื้อเนื้อดีๆ มาปิ้งกินด้วยเครื่องปิ้ง ยี่ห้อ George Foreman ได้
   
            34. ถ้าคุณชอบเล่นดนตรี  เมื่อคุณได้ที่พักแล้ว  คุณสามารถออกไปหาซื้อพวกกีตาร์ หรืออะไร  มาไว้ใช้ผ่อนคลายความเครียดต่างแดนได้  พวกมือสองมีวางขาย
   
            35. ถ้าคุณชอบดูหนัง  คุณซื้อตั๋วสำหรับดูเรื่องเดียว  ตั๋วที่อเมริกาไม่มีที่นั่งกำหนด  คุณนั่งตรงไหนก็ได้  ไม่มีคนตรวจข้างในด้วย  ดูจบคุณก็เดินออกแล้วเข้าอีกโรงนึงก็ได้  ไม่มีคนคอยว่า (โกงนั่นเอง)
   
            36. ถ้าคุณชอบเดินร้านหนังสือ  ขอบอกว่าร้านหนังสือที่อเมริกา  อย่าง Barns and Nobel ใหญ่มากๆ
   
            37. การเดินทางไปอเมริกา นั่งเครื่องบินนานมาก

            38. Redbull (กระทิงแดงของไทย) หาซื้อได้ทั่วไปในอเมริกา!!!  แต่ว่าแก้ง่วงได้แรงกว่าของไทยนะ
 
            39. คุณไปนั่งริมทะเลที่อเมริกา  เอาอะไรไปทำบาร์บีคิวได้  แต่ห้ามเอาเหล้าไปกิน ผิดกฎหมาย  โดนจับได้
           
            40. เวลาที่คนอเมริกาเปลี่ยนของใหญ่ๆ เช่น เตียง เก้าอี้โยก โซฟา  เขาจะเอาวางไว้หน้าบ้านเลย  เพื่อรอให้คนมาเก็บ  เราคนไทยก็ขับรถตระเวนเก็บมา (ใช้ต่อ) ฮาๆ

            41. บางครั้ง  ถ้าไม่อยากทิ้งของเก่าๆ คนอเมริกาจะเอามาขาย  เรียก Garage Sales หรือ Flee Market เหมือนเปิดท้ายขายของบ้านเรา
   
            42. ร้านอาหารไทยในอเมริการาคามักแพง  และหารสเผ็ดไม่ค่อยได้

            43. ถ้าคุณมีเพื่อนมาช่วยแชร์ค่าเช่าห้องจะดีมาก (ควรเป็นเพศเดียวกันนะ)
      
            44. ไม่ผิดปรกติ  ถ้าพบว่าคนบางคนที่เช่าห้องอยู่ในอเมริกา  แล้วไม่เคยทำความสะอาดห้องเลยเป็นปี
   
            45. คนอเมริกันโดยมากมักอ้วน

          46. การใช้รถอย่าลืมไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วย  เดี๋ยวเครื่องพัง  แต่น้ำกลั่นไม่ค่อยเติม  เพราะแบตเตอรี่ที่อเมริกาเป็นแบบแห้ง  ไม่ต้องเติมน้ำ

            47. รถคุณต้องเติมน้ำยา Coolant ด้วย  เพราะจะช่วยรักษาอุณหภูมิของเหลว  เนื่องจากอากาศในอเมริกา มีหนาวมาก ร้อนมาก

            48. อเมริกามีบริการขนของเช่ารถ  เช่น  บริษัทยูฮอ  คนนิยมทำอะไรเอง  เพราะค่าแรงแพงมากๆ ค่าครองชีพสูง

            49. ถ้าคุณมีโอกาสได้มาเรียนที่อเมริกา … จงมา! มันคือประสบการณ์ที่ดีของชีวิตแน่นอน

————————————————————–

 

PS.   หากมีรัก..ย่อมมีหวัง

          เสียน้ำตากันให้พอกับหนังและซีรีส์ดราม่า ที่รับรองว่าใครได้ดูต้องบ่อน้ำตาแตก แถมตอนจบก็ออกจะแย่ หน่อย ๆ จนต้องร้องไห้กันระงม

1. Titanic (1997)

          

หนังรักอมตะนิรันดร์กาลของ เจมส์ คาเมรอน ที่พูดถึงเรื่องความรักของชายหนุ่ม-หญิงสาวต่างชนชั้น ที่มาพบรักกันบนเรือเดินสมุทรยักษ์ R.M.S. Titanic หนังสามารถเก็บรายละเอียดของเรือได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อรวมกับเคมีของนักแสดงนำทั้งสองอย่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และเคต วินเสลท ที่เข้ากัน ทำให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หลายฉากที่อยู่ในความทรงจำของผู้ชมไม่ว่าจะเป็นฉากเต้นรำในปาร์ตี้ชั้นประหยัด ฉากยืนกางแขนอยู่บนหัวเรือของสองพระนาง หรือฉากที่แจ็ควาดรูปโรสพร้อมสร้อยหัวใจแห่งมหาสมุทร ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ลืม แต่เพราะเป็นหนังโศกนาฏกรรมความรักตอนจบจึงมักไม่สวยงามอย่างที่ใคร ๆ ฝันถึง ฉากที่ทำให้หลายคนใจสลายคงหนีไม่พ้น แจ็ค ที่ค่อย ๆ จมลงไปในน้ำท่ามกลางมหาสมุทรที่เย็นเยียบ หากใครยังไม่เคยชมหนังเรื่องนี้แล้วละก็เราขอแนะนำให้ลองชมดูสักครั้ง

2. A Walk to Remember (2002)

          

นี่คือหนังรักอีกเรื่องที่สร้างจากนิยายเรียกน้ำตาของ นิโคลัส สปาร์คส์ บอกเล่าความรักอันแสนเศร้าของ แลนดอน เด็กหนุ่มแบดบอยที่ได้พบกับสาวแสนดีอย่าง เจมี่ แต่เมื่อทั้งคู่คบกันได้ไม่นานแลนดอนกลับพบว่าเจมี่กำลังจะเสียชีวิตด้วยโรคลูคีเมีย หน้าที่ของเขาคือการทำตามความปรารถนาของเธอให้เป็นจริง สำหรัเใครที่สนใจเรื่องนี้บอกเลยว่าทิชชู่ในมือผมนี่สั่นเลย .. เพราะช่วงท้ายของหนังค่อนข้างดราม่า เต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวดในใจ จากการต้องได้เห็น เจมี่ที่อาการทรุดหนักแบะแลนดอนที่ตอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันจนกระทั่งเจมี่จากไปอย่างสงบ

3. The Letter (2004)

          

หนังรักที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2547 โดยดัดแปลงมาจากภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2540 เรื่อง Pyeon ji นำแสดงโดย แอน ทองประสม และ หนุ่ม อรรถพร ธีมากร เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความประทับใจ พร้อมทำให้ทุกคนเข้าใจถึงแก่นแท้ และนิยามของความรักว่า ไม่ได้เริ่มต้นหรือจบลงเมื่อเราได้ค้นพบ และเติมเต็มแง่มุมความรัก ที่อาจเฝ้าค้นหามาตลอดชีวิต แต่เป็นการทำความเข้าใจ “ความหมาย” และ “เรียนรู้วิธีที่จะรักษาคุณค่าของรักแท้ให้คงอยู่” ภายหลังจากคนที่เรารักจากไป พร้อมการตั้งคำถามกับทุกคู่รักว่า “นานเท่าไหร่แล้ว ที่เราไม่เคยหลั่งน้ำตาอย่างอิ่มเอม ให้กับหนังรักดี ๆ สักเรื่อง” สำหรับใครที่ได้ดูคงรู้กันดีว่าตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร และฉากที่ดึงอารมณ์ของผู้ชมให้ค่อย ๆ ดิ่งตามลงไปเรื่อย ๆ พร้อมอาการบ่อน้ำตาแตกคงหนีไม่พ้นหลังจากที่ต้นได้จากไป และมีจดหมายส่งหาดิวในทุก ๆ วัน บอกเล่าถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวัน เหมือนว่าเขายังไม่ได้จากไปไหนนั่นเอง

4. 1 Litre of Tears (2005)

          “ทำไมโรคนี้จึงเลือกฉัน” พูดถึงเรื่องนี้แล้วน้ำตาแค่ลิตรเดียวคงไม่เพียงพอ.. เป็นน้ำตาร้อยลิตรน่าจะเหมาะกว่า One Litre of Tears บันทึกน้ำตาหนึ่งลิตร อ้างอิงจากเรื่องจริงของเด็กสาววัย 14 ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสียการประสานงานจากสมองน้อยและไขสันหลัง (Spinocerebellar Degeneration) ซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อย ๆ เสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง เช่น การเดิน การพูด และการกิน ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเวลาในชีวิตของตัวเองเหลืออยู่ไม่มาก แต่เธอก็เลือกที่จะมีชีวิตอยู่และส่งต่อความตั้งใจในการมีชีวิตอยู่ด้วยการบันทึกเรื่องราวผ่านไดอารี่จำนวนทั้งสิ้น 46 เล่ม ทุก ๆ วันของเธอรายล้อมไปด้วยกำลังใจทั้งจากครอบครัว คนรัก และเพื่อนสนิท เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ให้พลังใจในการใช้ชีวิตต่อสู้ไปได้เป็นอย่างดี แม้ว่าหลังดูจบเราต้องเสียน้ำตาเป็นลิตรไปก็ตาม
 

เรื่องย่อ บันทึกน้ำตา 1 ลิตร

5. Snow Queen (2006)

          

เตรียมทิชชูมาซับน้ำตากันไว้ให้พร้อม เพราะ Snow Queen ลิขิตรักละลายใจ จะพาคุณไปดำดิ่งสู่ความโศกเศร้า บีบหัวใจ หดหู่ แบบถึงขีดสุด กับเรื่องราวของ ฮันแทวุง เด็กหนุ่มผู้มีความเป็นเลิศทางด้านคณิตศาสตร์จนถูกเรียกขานว่าอัจฉริยะ เขาได้เข้าเรียนโรงเรียนมัธยมกวาฮัก ที่นั่นเขาได้รู้จัก คิมจงกู เด็กหนุ่มผู้มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์เช่นเดียวกัน ศึกช่วงชิงความเป็นหนึ่งจึงเกิดขึ้น และรางวัลอันดับหนึ่งเป็นของ ฮันแทวุง ทำให้ คิมจงกู เสียใจจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย สร้างความสะเทือนใจให้กับ ฮันแทวุง เขาลาออกจากโรงเรียนตัดขาดจากครอบครัวและเปลี่ยนชื่อเป็น ฮันด๊กกู ใช้ชีวิตอยู่ในค่ายมวย และได้เจอกับ โบรา ลูกสาวมหาเศรษฐีที่มีโรคประจำตัวคือกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เธอเป็นคนอารมณ์รุนแรง ความใกล้ชิดทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น แต่โชคชะตาก็ไม่เคยนิ่งเฉย เมื่ออาการของ โบรา ทรุดลงอย่างรวดเร็ว และเธอไม่ต้องการให้ แทวุง รู้จึงสร้างเรื่องให้ทะเลาะกันในวันที่เขาจะขอเธอแต่งงาน แต่ แทวุง ก็ไม่ถอดใจดึงดันที่จะอยู่เคียงข้าง โบรา จนลมหายใจสุดท้ายของเธอ

6. Byakuyako (2006)

          พูดได้เต็มปากว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรมความรักอย่างแท้จริง โดย Byakuyako หรือในชื่อไทยว่า พระอาทิตย์เที่ยงคืน สร้างจากหนังสือขายที่ของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ บอกเล่าเรื่องราวความรักสุดมืดมนของ คิริฮาระ เรียวจิ เด็กหนุ่มฉลาดที่ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะแต่มีปัญหา กับ นิชิโมโตะ ยูกิโฮะ เด็กสาวหน้าตาดี ที่เติบโตมากับแม่ขี้เมาที่บังคับให้เธอค้าประเวณีตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งคู่ได้กับโดยบังเอิญในห้องสมุดจนพัฒนากลายมาเป็นความรัก กระทั่งวันหนึ่งที่เรียวจิได้รับรู้ความจริงที่โหดร้ายว่าหนึ่งในคนที่กระทำชำเรายูกิโฮะแท้จริงก็คือพ่อของเขาเอง ซึ่งทำให้เรียวจิได้พลั้งมือฆ่าพ่อของตัวเอง ซึ่งทั้งคู่ได้เก็บเรื่องราวนี้ไว้เป็นความลับจนกระทั่งเวลาผ่านไป 14 ปี นายตำรวจคนหนึ่งที่ตามหาความจริงจากอีกคดีซึงดันเชื่อมโยงกับคดีเก่าที่เกี่ยวข้องกับ 2 คนนี้นั่นเอง บอกได้เลยว่าใครที่จิตตกง่ายหรือรับความเครียดและความกดดันไม่ไหว ซีรีส์เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ที่เหมาะสมสำหรับคุณ ด้วยเนื้อเรื่องที่แสนจะหดหู่และสะเทือนใจและบทสรุปที่โคตรจะแย่อาจจะทำให้คุณดิ่งมาจนเกินไปนั่นเอง

7. Sky of Love (2007)

          

ถึงแม้พล็อตเรื่องจะไม่แปลกใหม่แต่ก็สามารถกุมใจคนดูได้เป็นอย่างดี สำหรับ Sky of Love รักนิรันดร์ (Koizora) ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักของ มิกะ และฮิโรกิ ที่กำลังสดใส แต่ชายหนุ่มกลับทิ้งเธอไปพร้อมบาดแผลในใจว่าเพราะอะไร การเปิดใจรับรักครั้งใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ แต่รักแท้ย่อมแพ้ลูกตื๊อ มิกะ ยอมคบกับ ยู เพราะแพ้ความเอาใจใส่ แต่แล้วเธอก็ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่ ฮิโรกิ ต้องทิ้งเธอไปเพราะเขาป่วยและกำลังจะตายในไม่ช้า เขาไม่อยากทำให้เธอต้องเสียเวลาที่เหลือไปกับเขา และเมื่อเขาจากไปก็พาเอาทั้งน้ำตาของนางเอกและคนดูหมดไปเป็นลิตร !! ใครที่อยากจะซึมซับความรักของทั้งคู่ในแบบที่เข้าใจมากยิ่งขึ้นสามารถติดตามได้ในฉบับซีรีส์ชื่อเดียวกัน ซึ่งเป็นการนำเรื่องราวมาขยายความเพิ่มขึ้นเพื่อให้คนดูได้เข้าใจเรื่องราวของตัวละครมากยิ่งขึ้น ใครที่สนใจและพร้อมที่จะเสียน้ำตาแบบคูณสอง ก็สามารถจัดได้ทั้งสองเวอร์ชั่นกันไปเลย… ขอยืนยันว่าดีงามจริง ๆ

8. The fault in our star (2014)

          

หนังรักที่สร้างจากหนังสือขายดีอย่าง The Fault in Our Stars ดาวบันดาล เล่าเรื่องของ เฮเซล สาวน้อยที่ตั้งตนว่าโรคร้ายของเธอเปรียบเสมือนระเบิดเวลาเธอจึงปิดกั้นตัวเองจากทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ ออกัส ชายหนุ่มที่สูญเสียขาไปด้วยโรคมะเร็ง เขารับมือกับมะเร็งด้วยความแข็งแกร่ง และแสดงความรู้สึกกับเธออย่างชัดเจนมาตลอด แต่แน่นอนว่าความรักของพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย กับชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบและมีความรักที่ไม่ธรรมดา จุดเด่นของหนังอยู่ที่การเล่าเรื่องราวการต่อสู้กับอาการป่วยของตัวละครในรูปแบบการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่ทำให้ดูเป็นผู้ป่วยน่าสงสาร และตัวหนังก็มีประโยคเรียบง่ายที่แสดงความเป็นห่วงซึ่งกันและกันของ ออกัส และเฮเซล คู่รักหนุ่มสาวที่กำลังเผชิญโรคร้ายด้วยกันทั้งคู่ บอกเลยว่าความละมุนของหนังเรื่องนี้เรียกน้ำตาจากผู้ชมได้เป็นแกลลอนเชียวล่ะ

9. Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo (2016)

ภาพจาก SBS

ภาพจาก SBS

10. Me Before You (2016)

          

เรื่องราวสุดหวานที่เล่าผ่านชีวิตของ หลุยซ่า “ลู” คล้าก หญิงสาววัย 26 ที่ต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัวและยังไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอต้องพบกับบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อเธอรับงานเป็นผู้ดูแล วิล เทรย์เนอร์ มหาเศรษฐีหนุ่มพิการที่ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น โดยหลังเกิดอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน โลกทั้งใบของวิลเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้เขาสูญเสียจิตวิญญาณและเป็นคนยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต แต่เมื่อหญิงสาวอย่าง ลู ก้าวเข้ามาในชีวิต เธอกลับทำให้เขาเห็นว่าชีวิตมีคุณค่าแค่ไหน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาชีวิตและหัวใจที่ทั้งสองคนไม่เคยฝันถึง

           เป็นอย่างไรกันบ้างกับหนังเศร้าซีรีส์เคล้าน้ำตาที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ อยากจะบอกเลยว่าแต่ละเรื่องคัดมาให้แล้วว่า เศร้าจริง ร้องไห้จริง (ประสบการณ์ตรง) ใครที่ยังไม่ได้ดูก็กำลังจะเตรียมดูหลังจากอ่านบทความนี้จบก็อย่าลืมเตรียมทิชชูไว้ข้างตัวให้ดี บอกเลยว่า ได้ใช้แน่ ๆ

ประเด็นที่เกี่ยวข้อง

บุคคลที่เกี่ยวข้อง

สถานที่ที่เกี่ยวข้อง

ประเด็นที่เกี่ยวข้อง