Skip to content
Home » [Update] | 12 อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] | 12 อังกฤษ – NATAVIGUIDES

12 อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

การบอกเวลาในภาษาอังกฤษเป็นอีกสิ่งที่เราควรรู้ไว้ เวลาเราต้องสื่อสารเรื่องเวลากับคนต่างชาติ เราจะได้สื่อสารได้ถูก ไม่เกิดความผิดพลาดจนทำให้เสียการเสียงาน

สำหรับคนที่ยังไม่แม่นเรื่องการบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษก็สามารถวางใจได้ เพราะในบทความนี้ ชิววี่ได้รวบรวมคำอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ

การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษหลักๆแล้วทำได้
2 แบบ คือ

1. บอกชั่วโมงก่อน แล้วตามด้วยนาที

วิธีนี้เราสามารถอ่านตัวเลขได้ตรงๆเลย

6.19 – It’s six nineteen.

9.05 – It’s nine oh-five. (oh อ่านว่า โอ)

8.40 – It’s eight forty.

7.54 – It’s seven fifty-four.

2. บอกนาทีก่อน แล้วตามด้วยชั่วโมง

สำหรับช่วง 1 – 30 นาที เราจะใช้คำว่า after (นิยมใช้ใน American English) หรือ past (นิยมใช้ใน British English) แล้วตามด้วยชั่วโมงปัจจุบัน (เป็นการบอกว่าผ่านชั่วโมงปัจจุบันมากี่นาทีแล้ว)

สำหรับช่วง 31 – 59 นาที เราจะใช้คำว่า to แล้วตามด้วยชั่วโมงถัดไป (เป็นการบอกว่าอีกกี่นาทีจะถึงชั่วโมงถัดไป)

วิธีที่ 2
นี้อาจสับสนเล็กน้อยสำหรับคนที่ยังไม่คุ้น

6.19 – It’s nineteen after/past six. (ผ่าน 6 โมงมา 19 นาทีแล้ว)

9.05 – It’s five after/past nine. (ผ่าน 9 โมงมา 5 นาทีแล้ว)

8.40 – It’s twenty to nine. (อีก 20 นาทีจะถึง 9 โมง)

7.54 – It’s six to eight. (อีก 6 นาทีจะถึง 8 โมง)

กรณี 15, 30, 45, 0 นาที

ตอน 15, 30, 45 และ 0 นาที เราจะอ่านเวลาต่างจากปกติ

ถ้าเป็นตอน 15 นาที เราจะใช้ quarter after/past แล้วตามด้วยชั่วโมงปัจจุบัน (quarter แปลว่า หนึ่งในสี่ส่วน ในที่นี้จะหมายถึง 1/4 ของ 60 นาที ซึ่งก็คือ 15 นาทีนั่นเอง)
9.15 – It’s quarter after/past nine. (ผ่าน 9 โมงมา 15 นาทีแล้ว)

ถ้าเป็นตอน 45 นาที เราจะใช้ quarter to แล้วตามด้วยชั่วโมงถัดไป
9.45 – It’s quarter to ten. (อีก 15 นาทีจะถึง 10 โมง)

ตอน 30 นาที เรานิยมใช้ half past (เราจะไม่ใช้ half after)
6.30 – It’s half past six.

ตอน 0 นาที เรานิยมใช้ o’clock (อ่านว่า โอ-คล็อก ย่อมาจาก of the clock)
6.00 – It’s six o’clock.

เพิ่มเติม

ในการบอกเวลา เราจะใช้ a หน้า quarter หรือไม่ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นบางที่ใช้ It’s quarter… แต่บางที่ก็ใช้ It’s a quarter…

ในภาษาพูด บางครั้งเราอาจได้ยินคนใช้คำว่า till และ before แทนคำว่า to โดยเฉพาะใน American English เช่น It’s ten till six. หรือ It’s ten before six. (มีความหมายเหมือน It’s ten to six. ซึ่งก็คือ 5.50 น.)

การถามเวลาในภาษาอังกฤษ

การถามเวลาปัจจุบัน

What time is it? หรือ What is the time?
ตอนนี้กี่โมง

ถ้าอยากให้สุภาพขึ้น เราอาจถามว่า

Could you tell me the time please?
กรุณาบอกเวลาหน่อยได้มั้ยครับ/คะ

การถามเวลาสำหรับเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆจะใช้
what
time หรือ when เช่น

What time will he arrive?
เขาจะมาถึงตอนกี่โมง

What time is the meeting?
การประชุมเริ่มกี่โมง

When will you finish working?
คุณจะเลิกงานเมื่อไหร่

When did you sleep yesterday?
เมื่อวานคุณนอนเมื่อไหร่

การใช้ a.m. และ p.m.

a.m. ย่อมาจาก ante meridiem เป็นภาษาลาติน แปลว่า ก่อนเที่ยง
p.m. ย่อมาจาก post meridiem เป็นภาษาลาติน แปลว่า หลังเที่ยง

ทั้งชาวอเมริกันและบริติชจะนิยมใช้ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อป้องกันการสับสน (เช่น 2.00 อาจหมายถึงบ่ายสอง หรือ ตีสองก็ได้) จึงมีการใช้ a.m. และ p.m. เพื่อเป็นตัวบอก ว่าเป็นช่วงเวลาก่อนหรือหลังเที่ยง

ระบบ 24 ชั่วโมงระบบ 12 ชั่วโมง23.5911.59 p.m.24.00 หรือ 0.00 – midnight (เที่ยงคืน)12.00 a.m. หรือ 0.00 a.m.1.001.00 a.m.2.002.00 a.m.3.003.00 a.m.4.004.00 a.m.5.005.00 a.m.6.006.00 a.m.7.007.00 a.m.8.008.00 a.m.9.009.00 a.m.10.0010.00 a.m.11.0011.00 a.m.12.00 – noon (เที่ยง)12.00 p.m.13.001.00 p.m.14.002.00 p.m.15.003.00 p.m.16.004.00 p.m.17.005.00 p.m.18.006.00 p.m.19.007.00 p.m.20.008.00 p.m.21.009.00 p.m.22.0010.00 p.m.23.0011.00 p.m.

ปกติถ้าเราถามตอบเวลาในปัจจุบัน
เราไม่จำเป็นต้องบอกว่าเป็น a.m. หรือ p.m.
เพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้อยู่แล้วว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาไหน

แต่ถ้าเป็นการพูดถึงเวลาในอดีตหรืออนาคต
เราอาจต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาใด เพื่อป้องกันการสับสน เช่น

Tomorrow I have to be at the airport before 5 a.m.
พรุ่งนี้ฉันต้องถึงสนามบินก่อนตีห้า

หรือเราอาจใช้คำอื่น อย่างเช่น in the morning (แทน a.m.), in the afternoon (แทน p.m.), at night (แทน p.m. ในช่วงเวลาดึกๆ) แทน a.m. และ p.m. ก็ได้ เช่น

Tomorrow I have to be at the airport before 5 o’clock in the morning.
พรุ่งนี้ฉันต้องถึงสนามบินก่อนตีห้า

จบแล้วสำหรับการบอกและการถามเวลาเป็นภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปฝึกใช้กันได้แล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] เขียนวันที่ วันเดือนปี เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งแบบเต็มและแบบย่อ | 12 อังกฤษ – NATAVIGUIDES

เขียนวันที่ วันเดือนปี เป็นภาษาอังกฤษ มีสองแบบ คือ แบบอังกฤษ – อังกฤษ และ อังกฤษ – อเมริกัน การเขียนวันที่แบบอังกฤษ : วัน เดือน ปี Day-Month

ภาษาอังกฤษมีคำหรือหลักการบางอย่าง ที่มือใหม่หลายๆ คนแอบสับสน เพราะในแต่ละประเทศมีหลักการณ์ หรือกฎเกณฑ์เฉพาะเป็นของตัวเอง อย่างในกรณีของการเขียนวันที่ วัน เดือน ปี นี้ ที่หลายคนเขียนแบบย่อเดือน ย่อตัวเลขของเดือน และปี บางทีก็เป็นปี คศ. บางทีก็ยังเป็น พ.ศ. เลยก็มี เอาล่ะค่ะ ไม่เวิ่นเว้อละ อย่างน้อยมาลองดูการเขียนวันนี้นี้กันเลยดีกว่า

วิธีการเขียนวันที่ เดือน ปี

เป็นภาษาอังกฤษมีสองแบบ คื อ แบบอังกฤษ – อังกฤษ และ อังกฤษ – อเมริกัน

การเขียนวันที่แบบอังกฤษ : วัน เดือน ปี Day-Month-Year
การเขียนวันที่แบบอเมริกัน : ปี เดือน วัน Month-Day-Year

วันที่ 26 กันยายน 2018 เขียนเป็นภาษาอังกฤษคือ

the twenty-sixth of September , 2018 หรือ September the twenty-sixth, 2018

26th September 2018 หรือแบบอเมริกันคือ September 26th, 2018
26 September 2018 หรือแบบอเมริกันคือ 26 September, 2018
26/9/2018 หรือแบบอเมริกันคือ 9/26/2018
26/9/18 หรือแบบอเมริกันคือ 9/26/18

ซึ่งการเขียนตัวเลขของเดือนนี่ก็ทำสับสนเอาได้ง่ายๆ หากว่า วันที่นั้นเป็นวันที่ที่อยู่ระหว่าง 1-12 เพราะเราอาจจะงงได้ว่า นี่เป็นตัวเลขของ วัน หรือ เดือน กันแน่ เช่น

11/08/2013 = 08/11/13 ที่บางคนอาจจะคิดว่า เลข 8 เป็นเดือนสิงหาคม หรือ วันที่ 8 และวันที่ 11 หรือ เดือน 11 ก็เป็นได้เช่นกัน

รายละเอียดของ วัน เดือน ปี เป็นภาษาอังกฤษ

วันต่างๆ ใน 1 สัปดาห์

วัน = ภาษาอังกฤษ = ตัวย่อ
วันจันทร์ = Monday = Mon
วันอังคาร = Tuesday = Tue
วันพุธ = Wednesday = Wed
วันพฤหัสบดี = Thursday = Thu
วันศุกร์ = Friday = Fri
วันเสาร์ = Saturday = Sat
วันอาทิตย์ = Sunday = Sun

เราจะอ่านวันที่เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร? How to say the date in English.

Link : seeme.me/ch/englishbykruyell

12 เดือนในภาษาอังกฤษ และตัวย่อ

January = Jan
February = Feb
March = Mar
April = Apr
May = May
June = Jun
July = Jul
August = Aug
September = Sep
October = Oct
November = Nov
December = Dec

วันที่ในภาษาอังกฤษ จะใช้เป็นลำดับที่

ตัวย่อ = วันที่ ภาษาอังกฤษ

1st = the first
2nd = the second
3rd = the third
4th = the fourth
5th = the fifth
6th = the sixth
7th = the seventh
8th = the eighth
9th = the ninth
10th = the tenth

11th = the eleventh
12th = the twelfth
13th = the thirteenth
14th = the fourteenth
15th = the fifteenth
16th = the sixteenth
17th = the seventeenth
18th = the eighteenth
19th = the nineteenth
20th = the twentieth

21st = the twenty-first
22nd = the twenty-second
23rd = the twenty-third
24th = the twenty-fourth
25th = the twenty-fifth
26th = the twenty-sixth
27th = the twenty-seventh
28th = the twenty-eighth
29th = the twenty-ninth
30th = the thirtieth
31st = the thirty-first

การอ่านปี ค.ศ.ในภาษาอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องยาก!!

Link : seeme.me/ch/englishbykruyell

บทความแนะนำ



ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ 12 อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *