Skip to content
Home » [Update] ใครไม่เก่งอังกฤษเข้ามา พี่มีทางออกให้! | วิธี ทํา ให้ เก่ง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] ใครไม่เก่งอังกฤษเข้ามา พี่มีทางออกให้! | วิธี ทํา ให้ เก่ง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

วิธี ทํา ให้ เก่ง ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

ใครไม่เก่งอังกฤษเข้ามา พี่มีทางออกให้!

สวัสดีจ้า พี่ชื่อน้ำฟ้านะคะ #dek60
           ปกติพี่ก็เอาแต่อ่านนิยายอยู่ในเด็กดีนี่แหละ พึ่งเคยตั้งกระทู้จริงๆจังๆครั้งแรกเลย ถ้าพี่พิมพ์ผิด เว้นวรรคแล้วอ่านยาก หรือพิมพ์อะไรผิดพลาดไป ต้องขอโทษด้วยนะคะ
           พี่อยากให้น้องๆทุกคนอ่านให้จบนะคะ ต่อให้เก่งอังกฤษอยู่แล้วพี่ก็อยากให้อ่านจนจบ เพราะวิธีของพี่มันเอาไปปรับใช้ได้กับทุกวิชานะคะ ใครไม่อยากอ่านเรื่องภาษาอังกฤษก็ข้ามไปอ่านข้างล่างก็ได้นะ
           กระทู้รีวิวหนังสือ>>> https://www.dek-d.com/board/view/3763980/

เหตุที่พี่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมา

เหตุผลที่พี่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาก็เพราะว่าตอนนี้พี่รับสอนพิเศษอยู่ และมีน้องๆหลายคนมีปัญหากับการเริ่มอ่านหนังสือเสียเหลือเกิน555555 พี่เลยคิดว่าพี่ควรทำกระทู้ออกมาสำหรับทุกคนสักที

เผื่อน้องอาจจะสงสัยว่าพี่ได้คะแนนอะไรเท่าไหร่ เลยบอกไว้นะคะ

พี่ได้ CUTEP 100/120

IELTS 7.0/9.0

อังกฤษ9วิชา 91.25/100

และพี่อ่านเองทั้งหมด (เรียนคอร์สvocab ของครูสมศรีคอร์สเดียวค่ะ)
 

เริ่มยังไงดี?————หกขั้นตอนนี้ใช้ได้กับทุกวิชาเลยนะ

 

ขั้นตอนแรกที่น้องต้องทำเลยคือเตรียมใจ เพราะภาษาอังกฤษดูเป็นวิชาที่หลายคนจะเกลียดมาก555555

อย่างแรกที่สำคัญที่สุดในการเริ่มเก่งอังกฤษคือ “ความรัก” เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนดาราเกาหลี คือน้องรักเขาไง น้องเลยพร้อมที่จะติดตามและเปย์เงินให้เขา5555555 นี่ก็เหมือนกัน ถ้าน้องรักอังกฤษ น้องจะอ่านมันเองโดยไม่รู้สึกทรมานหรือเบื่อที่จะอ่านมัน ช่วงแรกๆมันอาจจะรู้สึกขมๆหน่อย แต่สักพักมันจะดีขึ้นเอง เมื่อไหร่ที่หนูขี้เกียจอ่าน แค่บอกตัวเองว่ามันคืออนาคต และภาษาอังกฤษสนุกม๊ากกกก(กัดฟันไปค่ะ)

อย่างที่สองคือ “ความสม่ำเสมอ” ภาษาอังกฤษมันก็เหมือนสูตรคูณนั้นแหละน้อง ถ้าน้องไม่ท่องศัพท์ น้องไม่อ่าน น้องไม่ใช้มันเลย วันนึงน้องก็คงลืมคำศัพท์ทั้งหมด มันไม่เหมือนกับภาษาไทยนะ น้องเจอภาษาไทยในชีวิตเกือบตลอด แต่เราไม่ได้พูดอิ้งกันตลอด เพราะฉะนั้นการฝึกฝนสำคัญมาก (ช่วงสอบIELTS พี่พูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนตลอดอ่ะ คือตลอดเวลาจริงๆ)

อย่างที่สามคือ “ความอดทน” น้องไม่ชอบ น้องไม่รัก แต่น้องเทไม่ได้นะ ห้ามเทเด็ดขาด!!! สำหรับพี่ พี่มองว่าอังกฤษมันฟิตง่ายกว่าเลขกับวิทย์เยอะนะ บวกกับน้ำหนักคะแนนก็มากกว่าฟิสิกส์ เคมี ชีวะนะ(สำหรับน้องสอบหมอ)

ขั้นตอนที่สองคือ หาจุดบอด

พี่แนะนำให้ลองทำแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษที่มีความยากเหมือนของจริงให้มากที่สุด ลองทำแบบแยกพาร์ท เพื่อสังเกตดูว่าเราบกพร่องตรงไหน ในพาร์ทไหน ตัวอย่างเช่นน้องทำพาร์ทconversation แล้วคะแนนน้อยแบบอุจาดตา5555555 เราก็จะรู้ตัวแล้วว่า เราต้องแก้คอนเวอนะ แต่ทางที่ดีคือควรจะมองให้ลึกลงไปอีกว่ามันแย่ตรงไหน แย่ตรงคอนเวอธรรมดา หรือแย่ตรงidiom หรืออื่นๆ

ขั้นตอนที่สามคือ วางแผน

การวางแผนสำคัญมากๆๆๆๆๆๆ ยิ่งถ้าสำหรับม.หกที่เวลาน้อยนิดเหมือนหางอึ่งแล้ว เริ่มจากพาร์ทที่แย่สุดก่อนเลย เช่นห่วยคอนเวอ แก้คอนเวอ ห่วยรี้ดดิ้ง แก้รี้ดดิ้ง

แต่สำหรับตัวพี่เองนั้น จุดแรกที่พี่เจอเลย คือพี่ไม่ค่อยได้conversation(พวกidiom) พี่ก็ต้องพยายามท่องอันที่ออกบ่อย(ไม่แนะนำให้ท่องทั้งหมดนะ เยอะเกิน เอาเวลาไปท่องศัพท์ดีกว่าลูก) จุดที่สองคือ พี่ทำreadingไม่ค่อยได้ เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง ก่อนจะแก้ก็ต้องกลับมาดูก่อนว่า ที่เราอ่านไม่รู้เรื่องนี่เพราะเราไม่รู้ศัพท์(ไม่รู้ว่าคีย์เวิร์ดของเรื่องนี้คืออะไร) หรือเพราะเราเรียงลำดับความคิดไม่เป็น แล้วค่อยมาแก้ (วิธีแก้พี่พิมพ์ไว้ข้างล่างนะ)

ขั้นตอนที่สี่คือ ลงมือทำ

มันคงไม่เกิดผลใช่มั้ยแก ถ้าเราวางแผนไว้แต่ไม่ทำ ท่องไว้เสมอ ชีวิตเราไม่มีนางฟ้า ที่จะเสกมหาลัยให้แกเรียนนะ

ขั้นตอนที่ห้าคือ พิจารณาตนเอง

ทำแล้วดีขึ้นบ้างมั้ย เดินมาถูกทางแล้วหรือยัง ต้องกลับไปทวนเนื้อหาอีกมั้ย น้องต้องคอยเช็คตัวเองตลอดนะคะ ไม่ใช่ว่าจะทำเบลอๆแบบว่า ช่างมันเถอะ อ่านต่อไปดีกว่า อันนั้นคือน้องฆ่าตัวเองอยู่เลยนะคะ มันเป็นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ ไม่ควรทำอย่างแรงงง ข้อสำคัญอีกข้อคือ โง่ก็บอกว่าโง่นะคะ ไม่ใช่การดันทุรังอ่านต่อแล้วบอกว่ากูทำได้แล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วพื้นฐานไม่แน่นเลย ไม่ยอมกลับไปเรียนคอร์สพื้นฐานเพราะกลัวว่าเพื่อนจะหาว่าอ่อน(มันมีคนอย่างนี้จริงๆนะ) น้องค่ะ น้องจะเก่งหรือไม่เก่ง น้องจะติดหรือไม่ติด มันอยู่ที่ตัวน้องคนเดียวนะคะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพื่อน ไม่ได้ขึ้นกับพ่อแม่ ถ้าหนูพื้นฐานไม่ดี ทำข้อสอบไม่ได้ เอ็นท์ไม่ติด หนูเจอคนเดียวนะคะ 

ขั้นตอนที่หกคือ ทำให้มันยากกว่า ปีนให้มันสูงกว่า

หลังจากที่ทำการพิจารณาตนเองเสร็จแล้ว ถ้าน้องรู้สึกว่าตัวเองโอเคแล้ว ดีขึ้นแล้ว ก็ไปต่อเลยค่ะ ปีนขึ้นไปให้สูงขึ้น อย่ายืนอยู่ที่เดิม

พี่มองว่าเหตุผลที่พี่ได้คะแนนเก้าวิชาฯภาษาอังกฤษสูงเพราะพี่เคยทำข้อสอบที่มันยากกว่า ถ้าให้เรียงลำดับความยาก IELTS>CUTEP>9วิชา>GAT ก็จะเรียงตามนี้ เพราะฉะนั้นหนึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้น้องเก่งอังกฤษแบบเทพคือการทำให้ยากกว่า ในขณะที่คนทั่วไปฝึกแค่แบบฝึกหัดของเก้าวิชาฯ แต่พี่ทำข้อสอบของIELTS ระดับความยากมันต่างเยอะ จริงอยู่ที่ว่าแนวข้อสอบมันไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกันเลยยยย แต่สิ่งที่เราได้คือทักษะต่างหาก(ทักษะไหนได้จากอะไรให้อ่านต่อในส่วนของชำแหละข้อสอบ) ถ้าน้องมีทักษะแล้ว ไม่ว่าข้อสอบมันจะยากแค่ไหน น้องก็จะทำได้ เหมือนที่พี่ทำได้J

ชำแหละข้อสอบ

                 1. IELTS: นางเป็นข้อสอบของทางฝั่งเคมบริดจ์ สอบได้กับสองที่คือ British Council กับ IDP แน่นอนค่ะ นางเป็นข้อสอบเมืองนอกที่ใช้ทั่วโลก เพราะฉะนั้นนางมีมาตรฐานที่แน่นอน(ราคาก็ต้องแพงอย่างแน่นอนค่ะ555555) ข้อสอบนางไม่ใช่ข้อสอบยาก แต่เยอะและใช้เวลา

a.       พี่มองว่าพาร์ทListeningไม่ยากนะ เป็นพาร์ทที่สำหรับเก็บคะแนนจริงๆ มันไม่ยากเลยยย แค่ต้องฟังให้ออกแล้วมีสติ อ่านโจทย์ดีๆ(อันนี้สำคัญมาก เพราะบางข้อให้ใส่คำตอบแต่พยางค์เดียว ถ้าน้องใส่เกินแต่คำตอบถูก เขาก็ไม่ให้คะแนนนะคะ) เท่านี้ก็ทำได้แล้ว ข้อดีคือมันจะหูฟังส่วนตัวให้ทุกคนเลย แถมปรับเสียงเองได้ด้วย แต่เวลาทำแบบฝึกหัดพี่แนะนำให้ฝึกแบบลำโพงนะคะ เพราะเวลาสอบจริงอาจจะมีเสียงข้างนอกรบกวนเข้ามาเนอะ

b.      พาร์ทReadingเป็นพาร์ทตายของเกือบทุกคนเลยนะ เทคนิคที่ใช้คือการSkimming มันคือการอ่านเร็วๆ เร็วมากๆ เก็บแต่เนื้อหาไม่เอาน้ำๆเลย เป็นการอ่านและทำความเข้าใจไปในเวลาดียวกัน สำหรับIELTSนี่ พี่ไม่แนะนำให้ค่อยๆอ่านไปทำไปนะ หล่อนทำไม่ทันแน่นอนนน คือต้องมีสติและตั้งใจทำไปพร้อมๆกันด้วย (การSkimmingนี่ส่วนมากจะฝึกหลังจากที่อ่านรี้ดดิ้งแบบธรรมดาจนคล่องก่อนนะ)

c.       พาร์ทWritingนี่พาร์ทตายของจริง ถ้าคนที่เก่งอยู่แล้วก็สบายไป แต่ถ้าไม่ถนัดนี่ แนะนำให้ฝึกเยอะๆเลยนะ เพราะเวลามันค่อนข้างบีบ คือเวลาน้อย ข้อแนะนำคือเขียนMind Mapว่าจะใส่เนื้อหาอะไรลงไป แล้วค่อยเริ่มเขียน เพื่อที่เนื้อหาจะได้ไม่เละมาก(ถ้าเนื้อหาอ่านแล้ววนไปวนมา เขาก็หักคะแนนนะยู) เทคนิคเสริมนิดนึงคือ IELTSค่อนข้างซีเรียสกับเรื่อง Word Choiceนะ หมายความว่าน้องไม่ควรใช้คำซ้ำๆเช่นคำว่ายกตัวอย่างเช่น อาจใช้ for example กับ for instance และข้อควรระวังสำหรับWord Choiceคือ เราต้องเข้าใจทุกคำที่เราจะเขียนนะว่าความจริงแล้วมันแปลว่าอะไร ใช้ในกรณีไหน ตัวอย่างเช่คำว่าLike กับ Alike ความหมายเดียวกัน แต่พออยู่ในประโยคนางจะอยู่คนละที่นะจ้ะ

d.      พาร์ทSpeaking สำหรับพี่คือชิลมากกกกกกก สบายๆเลย หลักคือตอบให้ตรงคำถาม พี่เคยเจอมาแล้ว เวลาเขาถามคำถามเราแล้วเราตอบ ถ้าเขาได้ใจความหรือเราตอบตรงคำถามแล้ว เขาจะเปลี่ยนคำถามทันที ถ้าใครไปตอบแบบหว่านแห เขาอาจจะคิดว่าเราไม่เข้าใจคำถามได้นะ

               2.CUTEP: ข้อสอบที่เด็กอยากเรียนจุฬาคณะฝั่งอินเตอร์เกือบทุกคนต้องสอบ เอาจริงๆพี่ว่ามันไม่ยากเลยนะ เป็นข้อสอบแบบไทยๆ คือเน้นศัพท์ยาก วิธีแก้ก็ท่องศัพท์ค่ะ ท่องวนไป เพราะคำศัพท์ที่ออกนี่เนื้อหามันจะไม่หนีกันมาก (พี่ไม่ได้สอบSpeaking ของCUTEPนะคะ เพราะพี่ไม่ได้ใช้)

a.       พาร์ทListeningง่ายยยย แต่ติดตรงที่แต่ละข้อจะมาติดๆกัน เพราะฉะนั้นสติค่ะ สติเท่านั้นที่จะช่วยน้องได้ ข้อสำคัญคือ CUTEPจะใช้ลำโพงเปิด ไม่ได้เป็นหูฟังส่วนตัวแบบIELTS น้องต้องตั้งใจนะคะ เวลาซ้อมทำแบบฝึกหัด ให้ฝึกแบบเปิดลำโพงและวางไกลๆตัวเลย

b.      พาร์ทReading จะวนอยู่ที่ Science, Environment, History, Research, Social (Behavior, Culture), Biography และเรื่องที่จัดว่าเจอบ่อยเลยคือEgypt ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ตอนพี่ทำแบบฝึกหัดพี่ก็เจอ พอไปสอบจริงก็เจอ55555555 พาร์ทรี้ดดิ้งจะมีทั้งหมดหกบทความ อันแรกคือCloze Test เอาศัพท์หรือแกรมม่าที่ถูกมาใส่ (อันนี้พึ่งบุญเก่าจากการเลือกช้อยส์กับพึ่งความขยันในการท่องศัพท์) อันที่สองจะเป็นบทความสั้นๆ มีคำถามแค่ห้าข้อ วนอยู่สองเรื่องคือ การเมืองกับสิ่งแวดล้อม สี่อันที่เหลือจะเป็นอันยาว เนื้อหาก็ตามที่บอกไปด้านบนเลยจ้า ศัพท์ที่นางออกนี่บอกตรงๆว่าซ้ำนะ หลายๆคำท่องไปก็เจอบ่อยจริงๆ คือท่องครั้งเดียวนี่คุ้มมาก

c.       พาร์ทError อันนี้ก็วนอีกเช่นกัน คือจะออกแกรมม่าเรื่องซ้ำๆ เพราะฉะนั้นข้อแนะนำคือทำโจทย์เยอะๆ แล้วให้จดกฏการใช้ไว้ เช่น Because of + noun phrase แต่ Because + sentence เป็นต้น จดไว้แล้วก่อนจะทำก็เอาขึ้นมาอ่านทุกครั้ง มันจะทำให้เราแม่นขึ้นจ้า

               3.9วิชาสามัญ: อีกหนึ่งข้อสอบไทยที่ไม่ได้ยากเลยเช่นกัน หลายคนบอกว่าเนื้อหามันเยอะ มันไม่ได้เยอะลูกกกก เขาแค่พิมพ์มาตัวใหญ่5555555 นี่เรื่องจริงนะ เหตุผลคงเพราะพี่เคยทำIELTSมามั้ง แล้วมันยาวกว่าเยอะไง เลยรู้สึกว่าเก้าวิชามันน้อยไปเลย555555 (พี่ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบเก้าวิชานะ คือตอนนั้นพี่ติดรับตรงแล้วไง เลยไปสอบแบบหัวโล่งๆนี่แหละ แต่มันมีทักษะที่ได้มาจากข้อสอบสองอันนั้นก่อนหน้านี้ เลยสบายตัวไป——-เห็นความสำคัญของการทำแบบฝึกหัดที่ยากกว่ารึยัง?)

a.       พาร์ทConversation ไม่มีไรยากนะ พึ่งบุญเก่าจากการดูหนังฝรั่ง ถ้าใครบุญเก่าไม่มีเลย แนะนำให้ท่องกับทำโจทย์เยอะๆให้รู้สึกคุ้นเคย พี่แนะนำว่าไม่ควรท่องIdiomนะ คือมันเยอะมากๆ เอาเวลาไปท่องศัพท์ดีกว่า(แต่Idiomพื้นฐานนี่ต้องรู้นะ เช่น Every cloud has a silver lining.)

b.      พาร์ทReading ได้กล่าวไปแล้วนะคะ ว่ามันไม่ยากกก มันแค่และดูยาวบวกกับการที่เด็กไทยกลัวภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ข้อสอบอิ้งของเก้าวิชาเลยถูกใส่สีตีไข่ไปว่ามันยากมาก! ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้เวอร์ขนาดนั้นนะ พี่ถึงบอกให้เราทำแบบฝึกหัดที่มันยากกว่าไง แล้วกอบโกยทักษะที่ได้จากแต่ละข้อสอบมา

c.       พาร์ทSentence Completion อันนี้พี่มองว่ามันได้มาจากรี้ดดิ้งนะ คือถ้าน้องอ่านจนคล่องเนี่ย มันจะไม่มีปัญหาเลยยย น้องจะจับใจความได้และเข้าใจบทความเอง ส่วนมากพาร์ทนี้จะเว้นบรรทัดแรกมาแล้วให้เราใส่ บรรทัดแรกส่วนมากก็จะเป็นประโยคที่รวมใจความสำคัญไว้

              4.GAT: พี่จะไม่พูดถึงเยอะ เพราะอย่างที่บอกคือมันจะกลายเป็นง่ายมากถ้าน้องได้ผ่านทั้งสามตัวบนมาแล้ว เพราะฉะนั้น ทำยากไว้ก่อน!!! เชื่อพี่เห๊อะ!!

 

ทักษะที่ได้จากแต่ละข้อสอบ

              1. IELTS: “การอ่าน” เพราะIELTSนี่โดดเด่นเรื่องรี้ดดิ้ง(ความคิดเห็นพี่นะ) ทักษะการskimmingที่ได้มามันทำให้พี่ทำรี้ดดิ้งของทั้งCUTEP และ9วิชาได้เร็วมากๆ แถมช่วยให้พี่มองภาพรวมของทั้งบทความได้ง่ายขึ้น

              2.CUTEP: “ศัพท์” เพราะอย่างที่พี่บอกไป ศัพท์มันยาก ศัพท์ในเก้าวิชาของพี่เลยไม่มีปัญหา
 

ข้อแนะนำสำหรับแต่ละพาร์ท (ของทุกข้อสอบ)

              1.Listening: เป็นพาร์ทเก็บคะแนนของทุกข้อสอบเลยจริงๆ ง่ายที่สุดและพึ่งบุญเก่ามากที่สุดด้วย555555 ข้อแนะนำสำหรับคนที่ยังมีเวลา(น้องๆม.4, ม.5)ให้น้องฝึกฟังวาไรตี้หรือหนังฝรั่ง ถ้าเรารู้สึว่ามันยากเกินไป ให้ฟังการ์ตูนภาษาอังกฤษก่อน แต่สำหรับน้องๆม.6ที่เวลาไม่มีแล้ว พี่แนะนำให้ฟัง BBC Learning English ลองพิมพ์ใส่กูเกิ้ลดู ไม่ยากและฟังง่ายๆ ตอนสมัยพี่สอบIELTS พี่ก็ฟังอันนี้เพื่อฝึกการฟังของตัวเอง แต่ถ้ายังรู้สึกว่ามันยังยากเกินไป ให้ฟังพวกนิทานสำหรับเด็กก่อนก็ได้ (พิมพ์ Fable for kids ใน Youtube) จากการที่พี่สอนพิเศษมา พี่พบว่าปัญหานึงคือน้องๆมีคำศัพท์ให้หัวน้อย พอฟังปุ๊ป ก็ไม่รู้ว่าคำที่เขาพูดนั้นคือคำว่าอะไร เพราะฉะนั้น ท่องศัพท์ค่ะ!

               2.Reading: ฝึกอ่านค่ะ ฝึกอ่านเยอะๆ ใครที่รู้ว่าตัวเองห่วยศัพท์ หนูก็ต้องท่องศัพท์เพิ่ม เหตุผลเพราะหลายๆครั้ง บทความมักจะแกล้งเราด้วยการใช้ศัพท์ยากๆเป็นคำคีย์เวิร์ด ยกตัวอย่างเช่น ใช้คำว่าSpay(ทำหมัน) ถ้าเรารู้คำนี้อยู่แล้ว น้องจะไม่เสียเวลากับการพยายามอ่านเรื่องทั้งเรื่องเลย แต่ถ้าน้องไม่รู้ น้องก็คงต้องตั้งใจอ่านทั้งเรื่องแล้วเดาให้ออก ซึ่งมันเสียเวลาและเสี่ยงต่อการเข้าใจเนื้อเรื่องผิดอีกด้วย อีกอย่างที่สำคัญมากคือคำว่าสตินะคะ เวลาอ่าน เราต้องรู้ตัวอยู่ตลอดนะ ว่าParagraphนี้พูดถึงอะไรอยู่ ใจความสำคัญของอันต่อไปคืออะไร พอเราเข้าใจเรื่องทั้งหมด เวลาเรากลับมาทำหาคำตอบ มันจะเร็วขึ้นมากๆเลยค่ะ เทคนิคอีกอย่างคือ อ่านโจทย์ก่อนทำ เพื่อที่ว่าเวลาอ่านบทความแล้วถ้าบังเอิญเจอคำตอบเลยจะได้ไม่เสียเวลา

               3.Error: วิธีง่ายๆที่จะเก่งคือทำโจทย์เยอะๆ เรื่องErrorนี่ต้องอาศัยการชินกับโจทย์จริงๆ เพราะหัวข้อGrammarมันมีเป็นสิบ บวกกับข้อสอบมันไม่ได้บอกตรงๆว่าอันไหนผิดและข้อสอบก็ไม่ได้เอาเนื้อหามาใส่ตรงๆเช่นกัน พูดให้เข้าใจง่าๆยคือข้อสอบมักจะใช้ข้อยกเว้นในแต่ละหัวข้อของแกรมม่ามาออก เช่นน้องต้องจำconditionของ If-clause ให้ได้ โจทย์ก็ออกIf-clauseตรงๆนะ แต่ออกOmitting If (If-clauseแบบละคำว่าIfออกไป) น้องก็จำเป็นต้องรู้ อีกอย่างคือการทำข้อสอบErrorให้มีประสิทธิภาพคือ การเข้าใจทุกกฏของแกรมม่า ระหว่างที่ทำก็ให้ทำความเข้าใจไปด้วย ถ้าจะเข้าใจ ต้องเข้าใจให้หมด ถ้าสงสัยอะไรก็เปิดกูเกิ้ลค่ะลูกกกก เราไม่ได้จ่ายค่าเน็ตมาเพื่อตอบไลน์อย่างเดียวนะคะซิสสสสส

               4.Writing: สมัยพี่คือพี่อยู่อีพีเนอะ เลยมีครูฝรั่งอยู่แล้ว สิ่งที่พี่ทำคือพี่ลองทำWriting(IELTS) แล้วหน้าด้านค่ะ555555 หน้าด้านเดินไปหาอาจารย์แล้วขออาจารย์ว่ารบกวนช่วยตรวจให้หนูที อาจารย์ของพี่ใจดีมากๆๆๆๆๆ คือพี่เขียนไปสิบกว่าชุด อาจารย์ตรวจให้หมดเลย เราก็จะรู้แล้วว่าเราบกพร่องตรงไหน ตอนวันอำลาจบม.6นี่พี่เดินไปร้องไห้กับอาจารย์เขาเลย555555 รู้สึกขอบคุณอาจารย์มากจริงๆ

               5.Speaking: หน้ากระจกเลยค่ะ ซ้อมหน้ากระจกเองเลย  แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของน้องเก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้วก็คุยกับท่านเลยนะ ของพี่นี่ฝึกกับเพื่อนเลยค่ะ คือพูดอิ้งด้วยกันตลอดเวลาจริงๆ จะถามการบ้าน กินข้าว ไปเข้าห้องน้ำ คือพูดอิ้งตลอดให้เรารู้สึกชินนั้นเอง

 

คำถามยอดฮิต

              1. พี่คะ หนูไม่เก่งอังกฤษ ทำยังไงดีคะ?

a.       ไม่เก่งก็อ่านสิลูก ต้องรอพี่ตัดริ้บบิ้นเปิดงานให้มั้ย5555555 ยิ่งรู้ว่าตัวเองห่วยยิ่งดี น้องก็จะได้รู้ว่า เฮ้ย! เราต้องแก้ตรงนี้นะ เราจะให้มันฉุดเราไม่ได้นะ!

               2.พี่คะ หนูไม่รู้ศัพท์เลย ทำยังไงดีคะ?

a.       ไม่รู้ก็ท่องสิลูก พี่ต้องตัดริ้บบิ้นอีกมั้ย55555 มีน้องเยอะมากๆมาถามพี่เรื่องนี้นะ วิธีแก้ก็ง่ายมาก ไม่รู้ศัพท์ก็ท่องมันเข้าไป ท่องมันทั้งวัน ท่องให้กระอักกันไป พี่ท่องศัพท์ไปเกินห้าพันคำในเวลาสามเดือน ถามว่าท่องไปได้ยังไงขนาดนั้น พี่ท่องตลอดเวลาจริงๆนะ ขึ้นลิฟท์ อยู่บนบีทีเอส กินข้าว เดินไปเข้าห้องน้ำ นั่งอึยังท่องเลยน้อง55555 วิธีแรกของพี่คือ พี่จะจดศัพท์ใส่กระดาษใบเล็กๆไว้ แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระโปรง แล้วหยิบขึ้นมาท่องตลอดๆๆๆ ได้ใบนี้แล้วก็เก็บ เปลี่ยนล็อต เอาเซ็ตใหม่มาท่อง วิธีที่สองคือ จดศัพท์ใส่โพสอิท ใบละคำแล้วเขียนคำแปลข้างหลัง หลังจากนั้นคือเอาไปแปะไว้ตามห้อง ตู้เสื้อผ้า หรือกำแพง เทคนิคนึงที่เวิร์คมากสำหรับพี่คือ อ่านออกเสียง พี่ว่ามันช่วยให้เรามีสติว่าเรากำลังท่องคำไหนอยู่ บวกกับจำได้เร็วขึ้นด้วยเพราะผ่านปาก

                3.พี่คะ หนูขี้เกียจอ่านหนังสือ ทำยังไงดีคะ?

a.       เชื่อมั้ย พี่เกลียดคำถามนี้มากเลยนะ พี่มองว่า แค่อนาคตตัวเองน้องยังไม่รักเลยอ่ะ เฮ้ยแก นี่มันอนาคตเลยนะ มันคือชีวิตแกต่อจากนี้เลยนะ พี่ไม่ได้หมายความการเอ็นท์ติดมันคือทุกอย่าง มันไม่ใช่การที่จะการันตีว่าน้องจะประสบความสำเร็จ แต่พี่มองว่ามันให้อะไรหลายๆอย่างกับน้อง ให้ความรู้ ให้สังคม ให้แนวคิด น้องอาจจะบอกว่า แล้วไง สตีฟจ๊อบส์ก็ไม่ได้จบมหาลัย คำถามคือ แล้วแกเก่งเท่าเขามั้ย แล้วทุกคนที่ไม่ได้จบมหาลัยจะได้เป็นเหมือนสตีฟจ็อบส์มั้ย นั้นแหละ คือคำตอบแล้ว

               4.พี่คะ หนูโง่ โง่มันทุกวิชา มืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ทำยังไงดีคะ?

a.       ขั้นตอนหกขั้นของพี่นี่ใช้ได้กับทุกวิชานะ อย่างที่พี่บอกไป น้องรู้ว่าตัวเองโง่ก็ดี เราต้องยกตัวเองขึ้น เราต้องเอาตัวเองให้รอดดิ เราจะจมปลักไม่ได้ นึกถึงวันที่เอ็นท์ไม่ติดไว้ วันนั้นมันจะทรมานแค่ไหน อยากลองมั้ยละ? อย่างลองก็ไม่ต้องอ่านไปเลย จะได้รู้ไง

               5.พี่คะ หนูติดโทรศัพท์ ทำยังไงดีคะ?

a.       โยนทิ้งค่ะ! ตอนช่วงปิดเทอมขึ้นมอหก เกิดดราม่าในชีวิตพี่ค่ะ พี่ทำไอโฟนตกชักโครก แล้วคือมันต้องเคลมซึ่งแม่พี่ให้พี่จ่ายเอง และด้วยความงก พี่เลยบอกว่าพี่จะไม่ซื้อเครื่องใหม่ รอเอ็นท์ติด แล้วเอาเครื่องใหม่แจ่มๆแม่มมมมม ตลอดชีวิตมอหกของพี่ พี่ใช้ซัมซุงฮีโร่ค่ะ มันดีมากกกกกกก น้องจะไม่เจอปัญหาการติดไอโฟนที่เพื่อนๆของน้องทั้งหลายเจอกันเลย เล่นไอโฟนสามชม. เร็วเหมือนสามนาที อ่านหนังสือสามนาที นานเหมือนสามชาติ เพราะฉะนั้นพอว่าง ทำอะไรคะ? อ่านหนังสือไง คือมันไม่มีไอโฟนเบี่ยงเบนความสนใจเลยทำให้เราอ่านหนังสือได้เต็มที่ ใครอยากลองฮีโร่นี่พี่แนะนำ หกร้อยบาท แลกกับอนาคตมูลค่ามหาศาลของหนูๆทั้งหลาย 

               6.พี่คะ เวลาพี่อ่านหนังสือพี่มีจุดมุ่งหมายยังไงคะ? แบบว่าเอาอะไรเป็นแรงบันดาลใจ

a.       ความจริงคือพี่มีแรงบันดาลใจเยอะนะ อันแรกเลยคือคณะที่พี่อยากเรียน พี่รู้สึกว่าพี่อยากเรียนมากๆ พี่อยากเรียนให้จบ พี่อยากทำงานในสายนั้น มันเป็นความฝันที่พี่ต้องการมาตลอด พี่อยากเรียน พี่อยากเป็น พี่อยากทำ มันเป็นความฝันที่พี่รู้สึกว่าพี่ต้องคว้าให้ได้ พี่บอกตัวเองได้แค่นี้จริงๆ ตอนนี้พี่สอบติดมาเป็นเวลาเกือบๆห้าเดือนแล้ว น้องรู้มั้ย พี่ยังดีใจอยู่เลยนะ พี่ยังปริ่มในใจตัวเองอยู่เลย ว่าพี่ทำได้ พี่ทำมันได้ พี่คว้าได้ พี่เคยโดนดูถูกและพี่ก้าวข้ามมันมาได้แล้ว  แรงบันดาลใจที่สองของพี่คือพ่อแม่ พี่รู้ว่าพ่อแม่เหนื่อยกับพี่มากๆ ทั้งไปรับไปส่ง หาข้าวหาน้ำ ค่าเทอม ค่าเรียนพิเศษอันมหาศาลของพี่ พี่ไม่สามารถที่จะให้พ่อแม่พี่เหนื่อยกับพี่อีกปีนึง พี่ทำไม่ได้อ่ะ ทำไม่ได้จริงๆถ้าจะต้องให้พ่อแม่ของพี่เบื่อและเอือมกบลูกคนนี้ ส่วนแรงบันดาลใจที่สามคือผู้ชาย555555 นี่พูดจริงๆนะนี่ พี่มองว่าขนาดเรายังอยากได้ผู้ชายหล่อๆ เก่งๆ รวยๆ แล้วทำไมผู้ชายเขาจะไม่อยากได้สวยๆ เก่งๆ รวยๆละ? ถูกมั้ย? เขาก็ต้องอยากเลือกคนที่พร้อมที่สุด คนที่ดีที่สุด แต่-ความสวยความหล่อเนี่ย วันนึงมันก็หมดไป แต่สมอง อาชีพ และความดีของน้องอ่ะ ไม่มีใครมาเอาจากน้องไปได้นะ 

 ข้อคิดท้ายเรื่อง

ไม่มีความพยายามไหน จะสำเร็จหรอก ถ้าไม่ลงมือทำ อย่าเอาแต่พูดว่าตัวเองเหนื่อย มันมีคนเหนื่อยกว่าน้องเยอะ มีคนอดนอนเพื่ออ่านหนังสือ มีคนตั้งใจกว่าน้องมากแค่ไหน ไม่มีมหาลัยไหนเขามาฟังน้องดราม่าเรื่องความเหนื่อยของน้องนะ เขาดูแค่คะแนน คะแนนดี คุณรอด คะแนนห่วย คุณจบ เท่านั้นเอง อย่ามาทำเป็นพูดว่าตัวเองเหนื่อยหรือท้อ พี่เคยไม่ได้นอนเพราะอ่านเนื้อหาที่วางไว้ไม่จบ พี่เคยทำโจทย์ไปร้องไห้ไป พี่เคยนั่งร้องไห้กับพ่อแม่ พี่เคยคิดที่จะหยุด

                น้อง มันอาจจะฟังดูเหนื่อย ดูเหนื่อยมากกับสิ่งที่น้องจะต้องเจอ แต่น้องรู้อะไรมั้ย เส้นชัยมันหอมหวานมากนะ มันมีความสุข มันดีใจ มันสบายใจ เชื่อพี่เถอะ พี่ผ่านมันมาแล้ว พี่เคยเดินผ่านความทุกข์ พี่เคยเดินไปเจอความสุขมาแล้ว  อดทนเอาน้อง แค่อดทนแล้วเดินต่อ ถ้าน้องหยุดเดิน มันมีคนข้างหลังพร้อมจะก้าวข้ามน้องแล้วเดินนำไปนะ พี่เห็นเพื่อนพี่บางคนเสียใจกับความล้มเหลว แต่ทุกๆอย่างมันมาจากการกระทำของเขาทั้งนั้น เขาอาจจะหยุดเดินกลางคัน ในขณะที่คนอื่นๆยังคงเดินต่อไป

                เดินต่อไปค่ะน้อง เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องเดิน เหนื่อยมากก็หันหลับไปมองคนที่คอยช่วยเราค่ะ หันกลับไปมองพ่อแม่ของเราที่เลี้ยงเรามา ท่านก็เคยเหนื่อย ท่านก็เคยท้อ ท่านยังสู้เลย

                เลือกเอาค่ะ เลือกเอาเอง จะสู้แค่หนึ่งปีนี้ หรือจะเหนื่อยไปอีกสามสิบปีที่เหลือ กับคณะที่เราไม่ชอบ

                ฝันสูงก็ต้องบินสูงนะคะ

 

 ต่อจากนี้พี่จะเขียนกระทู้ออกมาเรื่อยๆนะคะ เนื้อหากระทู้ก็อาจจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อันนี้เป็นเคล็ดลับการเก่งอังกฤษ อันหน้าจะเป็นอะไรก็ไม่รู้55555 ยังไงก็ตาม พี่อยากจะบอกว่า พี่ตั้งใจเขียนกระทู้นี้มากๆนะคะ พี่หวังว่าน้องๆหลายคน(อาจจะไม่ทุกคน)จะสามารถเอาวิธีของพี่ไปปรับใช้กับการอ่านหนังสือของตัวเอง พี่ตั้งใจมากจริงๆนะ

ถ้าใครอยากคุยหรือติดต่อกับพี่

Twitter: @Namfa0998

 **แก้ไขจัดหน้าใหม่**​

[NEW] 7 วิธี ฝึกพูดภาษาอังกฤษเอง ง่าย ๆ ที่บ้าน ใครก็ทำตามได้ | วิธี ทํา ให้ เก่ง ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ต้องไปเรียนถึงต่างประเทศหรือเปล่า?

หลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามนี้ในใจ แต่สำหรับเบญคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องไปเรียนถึงต่างประเทศค่ะ แต่เราสามารถทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเรา เหมือนอยู่ต่างประเทศได้

ด้วย 7 วิธีที่เบญนำมาฝาก ข้างล่างนี้ จะช่วยให้คุณได้เริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง

และไม่ใช้ข้ออ้างที่บอกว่า เราไม่ได้ไปอยู่ที่ต่างประเทศเราจะพูดภาษาอังกฤษเก่งได้ยังไง มาหยุดความฝันของคุณ ที่อยากเก่งภาษาอังกฤษค่ะ

เป็นวิธีที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษมานานขนาดไหน แต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักที

หรือว่าอาจจะเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรก แต่ไม่อยากข้ามขั้นตอนในการพูดภาษาอังกฤษไป

เบญรับรองได้เลยค่ะ ว่าถ้าคุณ มีวินัย และขยันในการทำตามวิธีที่เบญได้แนะนำไปนั้น อีกไม่นานก็จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาอย่างแน่นอนค่า

ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเล้ยยย!!

1. เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

คุณอาจจะสงสัยว่า แล้วซื้อหนังสือที่สอนภาษาอังกฤษมาอ่านเองไม่ดีกว่าหรอ? หรือว่าไปลงเรียนที่โรงเรียนไม่ดีกว่าหรอ?

ถ้าคุณจะฝึกพูดภาษาอังกฤษ และเป้าหมายของคุณ คือการพูดภาษาอังกฤษให้เก่งด้วยตัวเอง เบญคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ

เพราะว่าถ้าเป็นในเรื่องการพูดและการฟังภาษาอังกฤษแล้ว ต้องฝึกบ่อยเลยค่ะ ถ้าไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา ก็อาจจะเรียนได้แค่อาทิตย์ละ 1-2 ชั่วโมง

อาจจะเนื่องด้วยระยะทางที่ไกล หรือค่าเรียนที่สูง หรือตารางว่างไม่ตรงกับคุณครูที่สอน

แต่การเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ทำให้คุณจัดตารางเองได้ ว่าอยากเรียนกี่วันต่ออาทิตย์ และวันละกี่ชั่วโมง ในราคาที่ถูกมาก ๆ และก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางด้วยจ้า

เพราะฉะนั้น เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์จะเป็นวิธีนึง ที่ทำให้คุณได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบเต็ม ๆ แน่นอนค่ะ

และถ้าคุณไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ หรือว่าไม่รู้จักคอร์สออนไลน์ดี ๆ เลย เบญมีคอร์สที่เบญใช้เพื่อฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองมาแนะนำค่ะ

EnglishClass101 เป็นคอร์สเรียนหนึ่งที่เบญแนะนำ ถ้าคุณอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองค่ะ เพราะว่า เป็นบทเรียนที่สอนโดยเจ้าของภาษา

ถ้าเราอยากจะเรียนพูดภาษาอังกฤษทั้งที เราก็ควรฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษจริง ๆ ด้วยใช่มั้ยคะ

ในคอร์สนี้ เน้นการสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ในบทเรียนจะมีประโยค และบทสนทนาที่คุณ ฝึกพูดตามได้

แอพเรียนภาษาอังกฤษ EnglishClass101

และเพื่อน ๆ ยังสามารถบันทึกเสียงตัวเองในขณะที่พูดตาม และก็เอาไปเปรียบเทียบฟังกับสำเนียงของเจ้าของภาษาโดยตรงได้เลยค่ะ

เบญได้เขียนรีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ EnglishClass101 ว่าดีไหม เรียนยังไง ราคาเท่าไหร่ เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลย

หรือว่าดูวีดีโอข้างล่างนี้ที่เบญฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองกับคอร์สนี้ และรู้สึกว่าการพูดภาษาอังกฤษของตัวเองได้พัฒนาขึ้นเยอะเลยค่ะ

เผื่อคุณจะสนใจ และก็ลองเอาวิธีที่เบญใช้เรียนไปทำตามดูได้เลยจ้า

หรือว่าถ้ายังไม่แน่ใจว่าชอบคอร์สนี้มั้ย เบญมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เรียนกับเจ้าของภาษาอีกหลายคอร์สที่เบญได้รวบรวมไว้ให้ค่ะ

บอกได้เลยว่าเป็นคอร์สที่เน้นการพูดภาษาอังกฤษตามสำเนียงเจ้าของภาษา และราคาถูกด้วยจ้า

2. อ่านภาษาอังกฤษแบบออกเสียง

การฝึกพูดภาษาอังกฤษเอง ก็ต้องฝึกการอ่านออกเสียง และฝึกลิ้นของเราให้คุ้นเคยกับการออกเสียงภาษาอังกฤษค่ะ

เพราะจริง ๆ ในภาษาอังกฤษมีหลายตัวเองเลย ที่ในอักษรเสียงภาษาไทยของเราไม่มี เช่นตัว r, l, v ซึ่งไม่ได้ออกเสียงอย่างที่เราเอาไปเทียบในอักษรภาษาไทย

คุณสามารถหาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษที่ตัวเองชอบมานั่งอ่านเล่น ๆ อาจจะเริ่มจากการอ่านวันละ 5 นาที และก็ค่อย ๆ เพิ่มไปเป็น 10, 15, 20 นาทีค่ะ

อาจจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับกีฬา เกมส์ แฟชั่น หนังสือการ์ตูน หรืออะไรก็ได้ที่ตัวเองชอบ

เพราะเราอยากทำให้การฝึกอ่านออกเสียงนี้ เป็นเหมือนงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ทำแล้วมีความสุข ไม่งั้นมันจะทำได้ไม่นาน และก็จะเบื่อไปซะก่อน

เราอาจจะเริ่มจากง่าย ๆ ก่อน เช่น หนังสือนิทานของเด็ก หนังสือกีฬาของเด็ก และค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นไปค่ะ

ซึ่งจริง ๆ แล้ว หนังสือจะเป็นภาษาอังกฤษล้วน หรือมีภาษาไทยควบคู่ไปด้วยก็ได้ค่ะ แต่เป้าหมายของการหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมาอ่านในข้อนี้ก็คือ…

เราได้ฝึกลิ้นของเราในการออกเสียงภาษาอังกฤษ จะได้ช่วยให้เราพูดภาษาอังกฤษแบบไม่ติดขัดค่ะ ไม่ได้เน้นเรื่องทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง

ถ้าคุณไม่รู้ว่าคำนี้ออกเสียงยังไง ก็สามารถเข้าไปที่ Google Translate ใส่คำนั้น และกดฟังเวลาเค้าออกเสียง และออกเสียงตามได้ค่า

ส่วนหนังสือภาษาที่เบญชอบอ่านเพื่อช่วยฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองที่บ้านก็คือ หนังสือนิทานภาษาอังกฤษออนไลน์ค่ะ

ถ้าคุณไม่มีหนังสือในดวงใจ หรือยังเลือกไม่ได้ ก็ลองเริ่มจากหนังสือนิทานภาษาอังกฤษ แบบเบญได้ค่ะ เพราะมันอ่านง่ายจริง ๆ และก็มีหลายเรื่องให้เลือกด้วยจ้า

3. ฟังและร้องเพลงภาษาอังกฤษ

เบญเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนชอบฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็นบน YouTube, Spotify หรือว่าโหลดลงบนโทรศัพท์ของเราเอง

เบญจะบอกข่าวดีให้ว่า นั่นเองก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เช่นกันค่ะ

เย้ ๆ สาวกชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษคงจะกำลังกรี๊ดอยู่ใช่มั้ยคะ ที่รู้ว่าสิ่งตัวเองทำเพลิน ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็ทำให้เราพูดภาษาอังกฤษเก่งได้เหมือนกัน

ลองสังเกตดูนะคะ ว่าต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักภาษาอังกฤษเท่าไหร่ ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อนเลย เค้าก็สามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษได้

แถมยังร้องสำเนียงได้เป๊ะมากกว่าคนที่เรียนภาษาอังกฤษมาป็นปี ๆ ด้วยซ้ำ

เพราะว่าเค้าฟังและก็ร้องตามค่ะ เพราะฉะนั้นคุณเองก็ทำได้เหมือนกัน โดยที่อาจจะทำ Playlist เพลงภาษาอังกฤษที่ตัวเองชอบฟัง และลองร้องออกเสียงตามไป

และสิ่งที่เบญจะแนะนำอีกอย่างนึงก็คือการร้องคาราโอเกะเพลงภาษาอังกฤษค่ะ เบญเชื่อว่าหลาย ๆ คนชอบร้องคาราโอเกะ

ต่อให้ตอนนี้จะไม่มีตู้คาราโอเกะเหมือนสมัยที่เบญยังเด็กแล้ว เค้าก็มีบน Youtube ค่ะ ที่คุณฝึกร้องที่บ้านได้ และเรียนภาษาอังกฤษไปในเวลาเดียวกันได้

ช่องที่เบญชอบบน YouTube ก็จะมี Sing King ค่ะ เค้าอัพเดทคาราโอเกะเพลงใหม่ ๆ ตลอดเลย และก็ฟรีด้วยจ้า

ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชอบร้องคาราโอเกะ เพลงภาษาอังกฤษ หรือมีช่องไหนที่ตัวเองชอบ ก็มาแบ่งปันกันไว้ในคอมเม้นได้เลยนะคะ

จะได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนที่ยังไม่ได้ลองทำ ให้รู้ว่ามันเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย ที่จะช่วยฝึกพูดภาษาอังกฤษที่บ้านได้จ้า

4. เรียนประโยคภาษาอังกฤษ ไม่ใช่แค่คำศัพท์

เบญเคยเห็นหลายคน ที่เริ่มฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ด้วยการท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เพราะว่าแค่รู้คำศัพท์ ไม่สามารถทำให้เราสนทนาแบบเป็นประโยค หรือสนทนารู้เรื่องทั้งหมดได้ค่ะ

ถ้าคุณกำลังฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง อย่าลืมว่าต้องฝึกประโยคภาษาอังกฤษด้วย ไม่ใช่แค่คำศัพท์ภาษาอังกฤษแค่ 1 คำ

เพราะว่ารู้แค่คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ไม่ช่วยให้เราแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้

และสิ่งที่เราต้องใช้ในการพูดสนทนาภาษาอังกฤษจริง ๆ ก็คือ ประโยคภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเลือกที่จะจำคำว่า take แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเอามันไปใช้ยังไงตอนที่ตัวเองต้องพูดสื่อสารกับคนต่างชาติจริง ๆ

เบญแนะนำให้เลือกเรียนเป็นประโยคดีกว่าค่ะ เช่น Take it easy. หรือ Take your time. อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่านี่คือประโยคที่พูดไปแล้วเค้าเข้าใจแน่นอน

คอร์สฝึกพูดภาษาอังกฤษ EnglishClass101 ที่เบญแนะนำไปข้างต้น ก็เป็นอีกคอร์สนึงที่เบญรู้สึกว่า ช่วยให้เพื่อน ๆ พูดภาษาอังกฤษเป็นประโยคได้จริง ๆ ค่ะ

อ่านภาษาอังกฤษ

เพราะเค้าไม่ได้เน้นให้แค่คำศัพท์ แต่เค้าเน้นให้เราเรียนเป็นประโยค การสนทนาในแต่ละสถานการณ์ต่าง ๆ เราจะได้ไม่ต้องงงว่า ประโยคนี้ฉันเรียนไปแล้วต้องใช้ยังไง

5. ฝึกพูดสิ่งที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

คุณควรเรียนประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเรียนพูดภาษาอังกฤษของแต่ละคน

ถ้าเกิดว่าคุณอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษครั้งนี้ เพื่อไปใช้ที่ทำงาน ก็อาจจะหาประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในที่ทำงานมาฝึกพูดค่ะ

หรือว่าถ้าเกิดว่าอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษไปคุยกับเพื่อนต่างชาติ หรือแฟน ก็ควรเรียนประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันค่ะ

หรือว่าถ้าจะฝึกพูดภาษาอังกฤษไปเพื่อท่องเที่ยว ก็ควรเรียนประโยคที่จะได้ใช่ในการท่องเที่ยวค่ะ

เช่นประโยคการถามหาสถานที่ ที่เราอยากไป ประโยคการบอกทาง ประโยคถามให้เค้าแนะนำสิ่งที่อร่อย ๆ ให้เราทาน ประมาณนั้นค่ะ

เพราะถ้าเรียนประโยคภาษาอังกฤษ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะนำไปใช้ สุดท้ายเมื่อออกไปใช้จริง ๆ คุณก็จะรู้สึกว่าประโยคที่เราเรียนมาไม่เห็นช่วยอะไรเลย

และนั่นเป็นที่มาของความคิดที่ว่า “ทำไมฉันเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้ว ยังพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งสักที”

6. ฟังและพูดภาษาอังกฤษตามเรื่องสั้น ๆ

ถ้าคุณชอบดูหนังไม่ว่าจะเป็นบน Netflix หรือเว็บดูหนังสือ อยากแนะนำให้เลือกดูเป็นภาษาอังกฤษ และเปิดซัพภาษาอังกฤษตามไปด้วยค่ะ

ทำไมถึงเปิดซัพภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาไทย?

เพราะว่าถ้าเป็นคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ เราอาจจะฟังภาษาอังกฤษจากหนังไม่ทัน 100% และการเปิดซัพภาษาอังกฤษคู่กันไปด้วย จะทำให้เรารู้ได้ว่าเค้าพูดว่าอะไร

แต่การเปิดซัพไทยเวลาดูหนัง จะทำให้เราเข้าใจว่าเค้าพูดว่าอะไรก็จริง แต่จะไม่ได้ช่วยให้เราเรียนภาษาอังกฤษได้มาก เหมือนกับดูหนังเป็นภาษาอังกฤษและก็เปิดซัพภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กันค่ะ

และคุณหาเรื่องสั้นภาษาอังกฤษจากบนอินเตอร์เน็ตก็ได้ ที่จะฝึกฟังภาษาอังกฤษ และพูดตามประโยคสั้น ๆ ตามเนื้องเรื่องนั้นค่ะ

เบญมีช่องยูทูปช่องนึงที่ตัวเองชอบ และก็ยังฟังอยู่ค่ะ เป็นนิทานภาษาอังกฤษ และก็มีซับภาษาอังกฤษให้เราอ่านตามอีกด้วยค่ะ

เป้าหมายของเราก็คือ การฝึกฟังเรื่องราวสั้น ๆ เราอาจจะหยุดหลังจากจบหนึ่งบรรทัด และฝึกพูดตาม

อีกหนึ่งที่เราทำได้ก็คือ การฝึกแต่งประโยคของเราเองจากเรื่องที่เราฟังค่ะ เช่น

ถ้าในเรื่องบอกว่า There were 3 little pigs living in the woods. เราก็อาจจะลองเปลี่ยนเป็น There was a fox living in the big house.

ซึ่งเราใช้หลักการแต่งประโยคเหมือนกับในเรื่องเลย แต่เอามาเปลี่ยนตัวละคร หรือสถานที่ค่ะ

หรือฝึกฟังเรื่องภาษาอังกฤษสั้น ๆ และลองจับประโยค และคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ว่าเราฟังมาเป็นคำว่าอะไร และถูกมั้ย

เหมือนกับในช่อง YouTube ของ Fight For Fluency ที่จะมีประโยคภาษาอังกฤษมาให้ฝึกพูดตามเรื่อย ๆ ค่ะ อย่าลืมเข้าไปติดตามกันด้วยนะคะ

และก็อย่าลืมที่จะฝึกเล่าเรื่องภาษาอังกฤษ ที่ตัวเองได้เขียนใหม่ด้วย การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณฝึกพูด และแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น

7. หาเพื่อนที่จะพูดภาษาอังกฤษด้วยได้

และวิธีสุดท้ายนี้เป็นวิธีที่ทุกคนน่าจะชอบมากที่สุดค่ะ 555 ก็คือการหาแฟน เอ้ย หาเพื่อนต่างชาติ ที่จะช่วยให้เราได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยได้

แต่ถ้าเกิดคุณรู้สึกว่า เอ๊ะ เราเหมือนไปหลอกใช้เค้าหรือเปล่านะ ไปเป็นเพื่อน เพื่อที่จะอยากฝึกภาษาอังกฤษ จริง ๆ ก็ไม่นะคะ

เพราะว่าเราจริงใจจริง ๆ ที่อยากจะรู้จักเค้า และการใช้ภาษาอังกฤษนั้นเป็นการสื่อสาร ระหว่างเราและเพื่อนต่างชาติ ก็เข้าใจได้ค่ะ

เพราะถ้าเราไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษเลย และเค้าก็ไม่พูดภาษาไทย เราควรคุยกันในภาษาอะไรดีคะ

แต่ว่าถ้าคุณไม่มีเพื่อนที่ช่วยฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยได้ เบญเองก็มีคอร์สที่จะมาแนะนำค่ะ เป็นคอร์สที่คุณเลือกเพื่อนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษได้ด้วยตัวเอง และราคาถูก

เป็นเหมือนการเรียนภาษาอังกฤษไปในตัวด้วยค่ะ แต่เราได้พูด-คุยสนทนาภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาจริง ๆ

คอร์สนี้มีเชื่อว่า iTalki เป็นอีกคอร์สที่เบญชอบมาก ๆ และรู้สึกว่ามันช่วยพัฒนาการพูด และการฟังภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นมาก

เพราะคุณจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวผ่านวีดีโอคอล

เข้าไปลองหาคนที่อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้เลยนะคะ บอกได้เลยว่ามีให้เลือกเยอะมาก และมาจากหลายประเทศด้วยค่ะ ที่ iTalki.com

หรือว่าเข้าไปอ่านรีวิวที่เบญได้ลองเรียนภาษาอังกฤษกับ iTalki ให้ดูก็ได้

แค่ฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละ 1 ชั่วโมง 2-3 ครั้ง/อาทิตย์ ก็จะพูดภาษาอังกฤษได้เก่งแบบติดจรวจเลยจ้า

ถ้าวิธีที่เบญนำมาฝากกันวันนี้เป็นประโยชน์กับคุณ ก็อย่าลืมเอาไปทำ และคอมเม้นบอกกันไว้บ้างนะคะ

หรือว่าถ้ามีวิธีอื่นที่คุณทำแล้วได้ผล ก็แบ่งปันเบญกับเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย

ขอให้คุณพูดภาษาอังกฤษเก่งเร็ว ๆ นะคะ สู้ ๆ 🙂


ปลุกพลังในตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ | KND MEDLEY#2


ติดตามช่องยูทูบ THE STANDARD PODCAST http://bit.ly/SUBthestandardpodcast
เพลย์ลิสต์รวมฮิตพอดแคสต์ คำนี้ดี ที่จะทำให้คุณเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น ทั้งจาก Mindset หลากหลายวิธีฝึก รวมทั้งหลุดจากกับดักทางใจที่ฉุดเราไม่ให้เก่งเสียที
• KND208 Mindset แบบไหนที่จะช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษ?
• KND320 จะ ‘ออกแบบความตั้งใจ’ อย่างไร ให้ภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นได้จริงๆ
• KND273 ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน เราเลือกเน้นเรียนแค่บางทักษะได้ไหม ในการฝึกภาษาอังกฤษ Feat. PEACHII
• KND274 “ฝึกเองได้ ไม่ต้องไปนอก”
• KND350 ฝึกฟังภาษาอังกฤษจากการดูหนังซับไตเติล ดีจริงไหม ซับอังกฤษกับซับไทย อย่างไหนดีกว่ากัน
• KND207 กับดักทางใจที่ฉุดคนไทยเอาไว้ไม่ให้ fluent ภาษาอังกฤษจริงๆ เสียที Feat. PEACHII
• KND014 “ใครๆ ก็พูดภาษาอังกฤษเก่งได้ทั้งนั้น” จกศัพท์จากอาจารย์อดัม
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA

คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ปลุกพลังในตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ | KND MEDLEY#2

3 วิธีเร่ง speed ให้เราเก่งภาษาได้เร็วขึ้น | 21-Day English Transformation


หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่อยากพัฒนาภาษาอยู่ตอนนี้
ให้ฝึกได้อย่างสนุก ให้ได้ผลจริงในระยะยาว กันนะค้า 🥰🎉
.
ใครสนใจมาเรียนด้วยกันใน 21Day English Transformation รุ่น 2
อ่านรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่นี่เลยนะค้า 👇https://forms.gle/3NHNChEqtb86CMMG6
(สมัครก่อน 11 ก.ค. นี้เพื่อให้ทันส่วนลด 2000 บาทนะค้า 😍)
.
เป็นกำลังใจให้ทุกโค๊นนนน ❤️
_________________________
ดีใจจัง ที่คุณตั้งใจพัฒนาทักษะ
และพร้อมเก่งขึ้นไปด้วยกัน ! 🧠🌟
อยากมาเรียนออนไลน์ด้วยกัน? 📚 📖
📋 วัดระดับภาษา เพื่อวางแผนการเรียนได้ ที่ selfassessment form ฟรี !
https://www.farangangmor.com/selfassessmentform/
หลักสูตรต่างๆ ของฝรั่งอั่งม้อ
Think in English คิดเป็นภาษาอังกฤษ พูดได้คล่องไม่ต้องท่องจำ
https://www.farangangmor.com/course/thinkinenglish/
พูดฝรั่งได้ดั่งเสก Online Course
https://www.farangangmor.com/course/speaklikemagic/
PRONUNCIATION พูดเหมือนเด๊ะ ออกเสียง เป๊ะเวอร์
https://www.farangangmor.com/course/pronunciation/
CONVERSATION สนทนาลื่นไหล มั่นใจร้อยเปอร์
https://www.farangangmor.com/course/conversation/
English for Career Development เรียนอังกฤษ ติดเทอร์โบ พูดได้โปรเติบโตในงาน
https://www.farangangmor.com/course/englishforcareerdevelopment/
Speak Brilliantly Excel at Public Speaking \u0026 Presentation in English
พรีเซ้นต์เป็นภาษาอังกฤษ ได้โดดเด่น โดนใจ เป็นมืออาชีพ!
https://www.farangangmor.com/course/speakbrilliantly/
Teach English It’s Cool สอนภาษาออนไลน์ได้ด้วยหลักสูตรนี้
https://forms.gle/WzX8gZdwyS3QhM7s5
_______________________________________________
เมนูหลัก:
1. จากใจครูคะน้า
https://www.facebook.com/KanaFarangAngmor/photos/a.681816342274311/681816408940971?type=3\u0026sfns=mo
2. ความปลื้มใจของคุณครู (ข้อความจากนักเรียนที่น่ารักของเรา)
https://www.facebook.com/KanaFarangAngmor/photos/?tab=album\u0026album_id=682186882237257
_______________________________________________
ติดตามเราในช่องทางต่างๆ ให้ไม่พลาด content แบบนี้📱❤️
Facebook: ฝรั่งอั่งม้อ
https://www.facebook.com/KanaFarangAngmor/
IG: farang_angmor
https://www.instagram.com/farang_angmor/
LINE: @farangangmor
https://lin.ee/cjP5cGv
Tiktok: @farangangmor
https://vt.tiktok.com/A5GEg6/
Website:
http://farangangmor.com/
ผิดพลาดประการใดให้อภัยข้าน้อยด้วย
ติดตามหนูทีหนูอยากมีแฟนคลับ

3 วิธีเร่ง speed ให้เราเก่งภาษาได้เร็วขึ้น | 21-Day English Transformation

ผู้ชายฝรั่ง vs. ผู้ชายไทย ในสายตาสาวฝรั่งพูดไทย | นัดคุย EP.15 Nat Talk with Chloe Starquinn


พาไปคุยกับสาวฝรั่ง ที่ไม่ใช่ฝรั่งธรรมดา แต่เธอมาจากประเทศฝรั่งเศส และเป็นคนฝรั่งเศส 100% ดีกรีของเธอไม่ใช่แค่พูดไทยได้ แต่ยังพูดภาษาใต้ หรือเว้าภาษาอีสานได้ด้วยเด้อ! ยังไงเข้าไปกดติดตามน้องโคลอี้ได้เลยที่ลิงค์ด้านล่างนี้ หรือจะตอนท้ายคลิปก็ได้นะครับ
ติดตามเรื่องราวนอกคลิป และชีวิตของผมได้ที่
► Instagram (IG): natjourney.me
อีกช่องทางในการติดตามคลิป และโพสต์ที่แตกต่างจากยูทูป
► Facebook (Page): http://fb.com/natjourney.me
เข้ามาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ หรือมีคำถามใดๆได้ที่
► Facebook (Group): https://www.facebook.com/groups/176429253562954/
ส่วนใครที่เป็นผู้ชายสายฝอ ชอบฝรั่ง อยากมีแฟนเป็นคนต่างชาติ เข้าได้ที่กลุ่มนี้ครับ
► https://www.facebook.com/groups/2764769800245921/
ติดต่องานได้ทาง [email protected]
สาวฝรั่ง โคลอี้ chloestarquinn

ผู้ชายฝรั่ง vs. ผู้ชายไทย ในสายตาสาวฝรั่งพูดไทย | นัดคุย EP.15 Nat Talk with Chloe Starquinn

ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ


วิธีเก่งภาษาอังกฤษที่ทำให้มายด์รู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ง่าย
และวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ช่วยทำให้มายด์สอบติดคณะแพทย์ได้เลยนะคะ
“An ounce of practice is generally worth more than a ton of theory.” E F Schumacher
การฝึกให้เยอะสำคัญกว่าการนั่งเรียนแค่ทฤษฎีเพียงอย่างเดียว
อยากเก่งเรื่องอะไร ให้พยายามฝึกใช้ทักษะพวกนั้นบ่อย ๆ แล้วจะช่วยให้เราเก่งขึ้นได้ค่ะ ^^
ภาษาอังกฤษ เก่งภาษาอังกฤษ MadeMindDay
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
⭐️ รวมเครื่องมือช่วยพัฒนาตัวเอง https://bit.ly/34p9i1f
📖 ติดตามเทคนิคการเรียน และการเรียนหมอได้ที่ http://bit.ly/2GXFuNn
📚 ติดตามคอร์สเรียนออนไลน์ แนะนำแอปได้ที่ https://mademindday.com
🥰 ปรึกษาปัญหาการเรียนหรืออื่น ๆ [email protected]
💼 For work: [email protected]

ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษ

สอนพูดภาษาอังกฤษ(ฟรี)จากเริ่มต้นจนพูดคล่อง Level 1: EP.1 Language Basics


อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h

กลุ่มเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/unfoxenglishcommunity/

เรียนตอนต่อๆไป
https://www.youtube.com/playlist?list=PLDFirtKulNk9TP14p0TWjl7bs84Ow1aC
อยากพูดภาษาอังกฤษได้เราก็ต้องฝึกพูด เริ่มต้นฝึกเหมือนเด็กทารกที่ค่อยๆหัดพูดตามพ่อแม่ทีละคำสองคำ เป็นกลุ่มคำ เป็นประโยค จนพูดได้ตามที่ใจนึกอยากจะพูด วิธีการเรียนรู้แบบธรรมชาตินี้จะทำให้เราเรียนรู้ได้เร็ว เข้าใจง่าย ไม่ต้องท่องจำ และที่สำคัญไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทย แค่ทำความเข้าใจผ่านภาพที่เห็นเชื่อมโยงกับเสียงที่ได้ยิน เราก็จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปโดยอัตโนมัติเหมือนกับที่เราเรียนรู้ภาษาแม่ได้อย่างธรรมชาติ
ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่าย แต่เราอย่าไปทำให้มันยาก
ติดตามช่อง YouTube ส่วนตัว
ช่องยูทูปของแล็คต้า https://www.youtube.com/lactawarakorn
ช่องยูทูปของเบล https://www.youtube.com/bellvittawut
ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz
ติดต่องาน
Email: [email protected]
Line: http://nav.cx/oOH1Q6T
ภาษาอังกฤษ สอนภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษ

สอนพูดภาษาอังกฤษ(ฟรี)จากเริ่มต้นจนพูดคล่อง Level 1: EP.1 Language Basics

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ วิธี ทํา ให้ เก่ง ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *