Skip to content
Home » [Update] โครงสร้างของ Conditionalsในภาษาอังกฤษ | if clause โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

[Update] โครงสร้างของ Conditionalsในภาษาอังกฤษ | if clause โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

if clause โครงสร้าง: คุณกำลังดูกระทู้

Conditionals (คอนดิชันเนิลสฺ) ในเชิงไวยากรณ์ภาษาอังกฤษหมายถึง “ข้อความหรือประโยคเงื่อนไข” ซึ่งมีหลักเกณฑ์การใช้ที่ควรจะศึกษา ปฏิบัติตาม รวมถึงการวิเคราะห์ว่าควรจะใช้รูปเงื่อนไขแบบใด จึงจะเหมาะสมถูกต้อง
ส่วนของข้อความเงื่อนไข หรือมักนิยมเรียกว่า if-clause ถือว่าเป็น dependent clause (ติเพ็นเด็นทฺ คลอส) หรือข้อความที่ไม่สมบูรณ์พอที่จะจบประโยคได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ อยู่ตามลำพังไม่ได้ ต้องมีข้อความอีกส่วนหนึ่งรองรับ นั่นคือ result clause (รีซัลทฺ คลอส) หรือข้อความที่แสดงผลลัพธ์ บางคนเรียก main clause (เมน คลอส) ซึ่งถือว่าเป็น independent clause (อินดิเพ็นเด็นทฺ คลอส)หรือข้อความที่สมบูรณ์สามารถอยู่ได้โดยอิสระไม่ต้องมีข้อความอื่นมาเกาะเกี่ยวเหมือนกับ if-clause ฉะนั้นจึงพอจะสรุปโครงสร้างเบื้องต้นได้คือ if-clause ต้องเกาะอยู่กับ result clause ดังนี้
IF-CLAUSE + RESULT CLAUSE หรือ
RESULT CLAUSE + IF-CLAUSE
ในเรื่อง Conditionals มีหลายประการด้วยกันที่สำคัญและปรากฏว่าใช้กันบ่อยตามตำราภาษาอังกฤษและการเรียนการสอนในโรงเรียนรวมถึงสถาบันการศึกษาระดับอื่น ได้แก่
1. Zero conditional         2. First conditional
3. Second conditional     4. Third conditional
1. Zero conditional
Zero conditional (ซีโร คอนดิชันเนิล) บางคนเรียก General conditional (เจเนอรัล คอนดิชันเนิล) และ Present true conditional (เพรเซ่นทฺ ทรู คอนดิชันเนิล) ใช้เมื่อต้องการจะกล่าวถึงความเป็นจริงทั่วไปที่เป็นจริงตลอดกาลไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ข้อความทั้งในส่วน if-clause และ result clause ใช้รูปกริยาเป็น present simple verb ทั้งคู่ ดังนี้
IF-CLAUSE            RESULT CLAUSE
Present simple verb        present simple verb
(อาจจะวาง result clause ไว้ก่อน if-clause ก็ได้ โดยรูปกริยาคงเดิมตามนี้)
ในรูปแบบที่ 1 นี้ if = when/whenever (เมื่อ, เมื่อใด) แสดงว่า เรามีความมั่นใจแน่นอน 100% ว่าเมื่อมีเงื่อนไขอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อีกอย่างหนึ่งจะเกิดผลตามมาแน่นอน ใช้เมื่อ
1.1 เป็นความจริงโดยทั่วไป (general truth)
ตัวอย่าง
If is gets cold enough, water becomes ice.
เมื่อใดที่อากาศหนาวเย็นมากพอ น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง
If interest rates fall, company profits rise.
เมื่อใดที่อัตราดอกเบี้ยลดลง ผลกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้น
1.2 เป็นการกระทำที่เป็นนิสัย (habitual action)
ตัวอย่าง
If Mary doesn’t eat dinner, she gets angry.
เมื่อใดที่แมรี่ไม่ได้ทานอาหารเย็น เธอจะโกรธ
If mother sings that song, she cries.
เมื่อใดที่แมรี่ร้องเพลงนั้น เธอจะร้องไห้
1.3 เป็นการสั่งการ (give a command)
ตัวอย่าง
If someone calls, take a message please.
เมื่อใดที่มีคนโทรศัพท์มา กรุณารับข้อความไว้ให้ที
Write to me if you go away.
เขียนจดหมายมาหาผมด้วย เมื่อคุณจากไป
2. First conditional
First conditional (เฟิสทฺ คอนดิชันเนิล) บางคนเรียก Present red conditional (เพรเซ่นทฺ เรียล คอนดิชันเนิล) ใช้เมื่อต้องการจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เป็นจริงได้ (future true situations) จากเงื่อนไขที่สามารถปฏิบัติได้ ทั้งนี้โครงสร้างสำคัญของรูปกริยาในส่วน if-clause เป็น present simple verb ส่วน result clause เป็น modal + present simple verb ทั้งนี้ modal หลักที่ใช้คือ will บางครั้งก็มีการใช้ modals อื่น อาทิ must, can, may, might, … แล้วแต่ว่าจะสื่อความหมายออกมาเช่นไร ดังนี้
IF-CLAUSE            RESULT CLAUSE
Present simple verb     modal+present simple verb
(อาจจะวาง result clause ไว้ก่อน if-clause ก็ได้ โดยรูปกริยาคงเดิมตามนี้)
โครงสร้างนี้ใช้เมื่อ มีความเป็นไปได้ (possibility พอสสิบิลิทิ) สูงที่เหตุการณ์ หรือสถานการณ์เงื่อนไขที่อยู่ใน if-clause จะเกิดขึ้นในอนาตต นอกจากนี้ โครงสร้างนี้ยังสามารถใช้ได้กับความเป็นไปได้ที่สถานการณ์หรือเหตุการณ์เงื่อนไข ใน if-clause เป็นจริงในปัจจุบัน ฉะนั้นในตัวอย่างข้อ 1.1 และ 1.2 (ยกเว้น ตัวอย่างที่ 1.3) ของ zero conditional ข้างบน จึงสามารถใช้โครงสร้างที่ 2 นี้ได้ด้วย
ตัวอย่าง
If is gets cold enough, water will become ice.
ถ้าอากาศหนาวเย็นมากพอ นํ้าจะกลายเป็นน้ำแข็ง
If Mary doesn’t eat dinner, she will get angry.
ถ้าแมรี่ไม่ได้ทานอาหารเย็น เธอจะโกรธ
If the weather is sunny later, we can go to the beach.
ถ้าต่อมาอากาศร้อน (แดดจัด) เราก็สามารถไปเที่ยวชายหาดได้
My car window might leak if it rains.
หน้าต่างรถยนต์ของผมอาจจะรั่ว ถ้าฝนตก
If we fail the class, we won’t be able to get a good job.
ถ้าเราสอบตก เราจะไม่สามารถได้งานดี
หากเรามีความมั่นใจน้อยลงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ เราสามารถใช้คำว่า should + present simple verb ใน if-clause ก็ได้ โดยรูปกริยาใน result clause คงเดิมตามกฎเกณฑ์ที่ระบุไว้ในกรอบ ลองเปรียบเทียบตัวอย่างต่อไปนี้
(1)     If I see Maria, I’ll give her your message.
(Means : Perhaps I will see Maria.)
(2)    If I should see Maria, I’ll give her your message.
(Means : I am less sure that I will see Maria.)
อธิบาย ในตัวอย่าง (1) ความมั่นใจในความเป็นไปได้ในการพบกับมาเรียมีมาก จึงใช้ present simple verb ใน if-clause แต่ในตัวอย่าง (2) ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไรนักที่จะมีโอกาสพบกับมาเรีย จึงใช้ should + present simple verb ใน if-clause
หมายเหตุ ในกรณีของตัวอย่าง (2) ที่ใช้ should + present simple verb ใน if-clause อาจจะเขียนใหม่โดยตัดคำว่า If ทิ้งไป และวางคำว่า should ไว้หน้าภาคประธาน และกริยาแท้ ทั้งนี้ความหมายคงเดิมเหมือนในขณะที่มีคำว่า If อยู่ใน If-clause ดังนั้น
If I should see Maria, I’ll give her your message.
Should I see Maria, I’ll give her your message.
ถ้าหากผมพบมาเรีย ผมจะเอาข้อความของคุณให้เธอ (โอกาสพบกับมาเรีย เป็นไปได้น้อยมาก)
If & unless
บางครั้งท่านผู้อ่านอาจจะเห็นในข้อความเงื่อนไขหรือ if-clause มีการใช้ unless = if … not (ถ้า …ไม่) และก็มีบ่อยครั้งที่มีการใช้รูปปฏิเสธ not ใน result clause และตามด้วย unless ใน if-clause ซึ่งเมื่อรวม not … + unless แล้ว จะหมายถึง only … if โครงสร้างนี้มักนิยมใช้เพื่อเน้นย้ำเงื่อนไข (emphasize a condition)
ตัวอย่าง
If he doesn’t get here soon, we will have to start the meeting.
= Unless he gets here soon, we will have to start the meeting. ถ้าอีกสักครู่เขายังไม่มา เราก็จะเริ่มประชุมกันเลย
They will only sign the contract if we give them an additional discount.
= They will not sign the contract unless we give them an additional discount.
พากเขาจะไม่ลงชื่อในสัญญา ถ้าหากเราไม่ให้ส่วนลดเพิ่ม
provided that, providing, as long as, & so long as
ในข้อความเงื่อนไข นอกจากจะสามารถใช้คำว่า if หรือ unless แล้ว ยัง สามารถใช้คำหรือวลีต่อไปนี้ เมื่อต้องการจะเน้นย้ำเงื่อนไข (emphasize a condition) ได้ด้วย กล่าวคือ provided that และ as long as = if/only if ส่วน providing และ. so long as มีความหมายเช่นเดียวกับวลีทั้งสองที่กล่าวมา แต่นิยมใช้ในสถานการณ์ที่มีความเป็นทางการน้อยกว่า (a little less formal)
ตัวอย่าง
I’ll agree to these conditions provided that you increase my salary by 5%.
(Means: I will only agree if you give me more money.)
ผมจะตกลงตามเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ต่อเมื่อคุณเพิ่มเงินเดือนของผมขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์
(หมายถึง ผมจะตกลงก็ต่อเมื่อคุณให้เงินผมมากขึ้น)
The strike will be successful as long as we all stay together. (Means: The strike will only succeed if we all stay together.)
การประท้วงจะประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อเราทุกคนอยู่ด้วยกัน)
(หมายถึง การประท้วงนี้จะสำเร็จก็ต่อเมื่อเราร่วมมือกัน)
ข้อสังเกต จะเห็นว่าในการใช้วลีเหล่านี้ รูปโครงสร้างยังคงเป็นแบบเดียวกันกับ if-clauses
If & in case
บางครั้ง ท่านผู้อ่านอาจจะพบว่ามีการใช้ in case ในข้อความเงื่อนไขในทำนองเดียวกับ if ความแตกต่างในการใช้ก็คือ เราใช้ in case (อิน เคส) เมื่อต้องการบอกให้ระมัดระวังไว้ก่อน (precaution พริคอเซิ่น) ก่อนที่จะเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมา มักใช้บ่อยกับ to be going to มากกว่า will ส่วน if มักใช้เมื่อจะกล่าวถึงสิ่งที่จะทำหลังจากปัญหานั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ตัวอย่าง
We are going to insure the shipment in case the goods get damaged in transit.
(Means: We will take out insurance first; the problem may or may not happen afterwards.)
เราจะทำประกันการขนส่งสินค้าไว้ก่อน หากว่าเกิดมีความเสียหายขึ้นจากการขนถ่ายสินค้า
(หมายถึง เราจะทำประกันไว้ก่อน ปัญหาอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดก็ได้หลังจากนี้)
If the goods get damaged in transit, we’ll make a claim.
(Means: The damage may happen, and we will make a claim afterwards.)
ถ้าสินค้าเกิดการเสียหายระหว่างการขนถ่าย เราจะทำการเรียกร้อง
(หมายถึง หากความเสียหายเกิดขึ้น เราจะเรียกร้องค่าเสียหาย)
สรุปใช้ in case มีความหมายเข้าทำนอง “กันไว้ดีกว่าแก้” แต่ถ้าใช้ if เข้าทำนอง “เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้”
3. Second conditional
Second conditional (เซเคิ่นดฺ คอนดิชันเนิล) บางคนเรียก Present unreal conditional (เพรเซ่นทฺ อันเรียล คอนดิชันเนิล) ใช้เมื่อต้องการจะกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรืออนาคตที่ไม่จริง เป็นสถานการณ์สมมติทั่วไป (general imaginary situations เจเนอรัล อิแมจิเนอริ ซิทูเอเชิ่นสฺ) มีโครงสร้างใน if- clause และ result clause ดังนี้
IF-CLAUSE            RESULT CLAUSE
Past simple verb        would+present simple verb
(อาจจะวาง result clause ไว้ก่อน if-clause ก็ได้ โดยคงรูปของกริยาตามนี้)
ตัวอย่าง
If I had a lot of money, I would travel round the world.
(IN REALITY : I do not have a lot of money.)
ถ้าผมมีเงินมาก ผมจะเดินทางรอบโลก
(ในความเป็นจริง–ผมไม่ค่อยมีเงิน)
If I didn’t feel so tired, I’d come out with you.
(IN REALITY : I feel very tired.)
ถ้าผมไม่รู้สึกเหนื่อยมาก ผมจะออกไปข้างนอกกับคุณ
(ในความเป็นจริง–ผมรู้สึกเหนื่อยมาก)
If the weather was nice, I’d go to the beach.
(IN REALITY : The weather is not nice.)
ถ้าอากาศดี ดิฉันจะไปเที่ยวชายหาด
(ในความเป็นจริง–อากาศแย่)
If I lost my job tomorrow, I would move to BangKok.
(IN REALITY: I don’t think I’ll lose my job.)
ถ้าพรุ่งนี้ผมตกงาน ผมจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ
(ในความเป็นจริง–ผมไม่คิดว่าจะตกงาน)
นอกจากจะใช้โครงสร้าง would + present simple verb ใน result clause แล้ว ยังสามารถใช้คำว่า might/could + present simple verb ได้ด้วย ทั้งนี้ แล้วแต่ความหมายของข้อความใน if-clause และ result clause เป็นสำคัญ
ตัวอย่าง
We could expand much more rapidly if we had the finance.
(IN REALITY : We don’t have the finance.)
เราคงจะสามารถขยายได้เร็วขึ้น ถ้าเรามีเงิน
(ในความเป็นจริง–เราไม่มีเงิน)
If the terms of the contract were different, we might accept it. (IN REALITY : The terms of the contract is still the same.)
ถ้าเงื่อนไขของสัญญาต่างออกไป เราก็อาจจะยอมรับก็ได้
(ในความเป็นจริง–เงื่อนไขของสัญญายังคงเหมือนเดิม)
ใน if-clause ใช้ were กับการให้การแนะนำ (advice แอ็ดไวซฺ) เป็น If I were you….,….
ตัวอย่าง
If I were you, I would have another look through those figures.
ถ้าผมเป็นคุณ ผมคงจะตรวจสอบตัวเลขเหล่านั้นอีกครั้ง
(ในความเป็นจริง–ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่ผมจะเป็นคุณ)
และยังใช้ were ใน if-clause กับการสมมติที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้เลย (100% impossibility) โดยสามารถใช้ were กับประธานและสรรพนามได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์ พหูพจน์ หรือสรรพนามบุรุษใดๆ ก็ตาม (แต่ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน บางทีอาจจะเคยได้ยินเจ้าของภาษาใช้ was) แต่ทางที่ดีและถูกต้อง ตามหลักการที่สุดคือใช้ were เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขของการสมมติที่ไม่มีทางเป็นไปได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ตัวอย่าง
If he were French, he would live in Paris.
(IN REALITY : He is not French and can’t be French.)
ถ้าเขาเป็นชาวฝรั่งเศส เขาจะอาศัยอยู่ในกรุงปารีส
(ในความเป็นจริง–เขาไม่ใช่ชาวฝรั่งเศส และไม่มีทางเป็นชาวฝรั่งเศสไปได้)
If she were rich, she would buy a yacht.
(IN REALITY : She’s very poor and can’t be rich.)
(ในความเป็นจริง–เธอจนแสนจน และไม่มีทางจะร่ำรวยขึ้นมาได้)
4. Third conditional
Third conditional (เธอด คอนดิชันเนิล) บางคนเรียก Past unreal conditional (พาสทฺ อันเรียล คอนดิชันเนิล) ใช้เพื่อกล่าวถึงสถานการณ์เงื่อนไขในอดีตที่ไม่เป็นจริง (unreal past situations) มีโครงสร้างใน if-clause และ result clause ดังนี้
IF-CLAUSE            RESULT CLAUSE
Past perfect verb        would+have+past participle
(อาจจะวาง result clause ไว้ก่อน if-clause ก็ได้ โดยรูปกริยาคงเดิมตามนี้)
ในรูปโครงสร้างนี้ ความหมายที่แท้จริงจะตรงข้ามกัน กล่าวคือ ถ้าหากใช้เป็นรูปบอกเล่า (positive โพซิทิฟวฺ) จะให้ความหมายเป็นปฏิเสธ (negative เนกาทิฟวฺ) แต่ถ้าใช้เป็นรูปปฏิเสธ จะให้ความหมายเป็นบอกเล่า
ตัวอย่าง
If I had seen her, I would have spoken to her.
(Means : I didn’t see her, and I didn’t speak to her.)
ถ้าผมได้เจอเธอ ผมก็คงได้คุยกับเธอ (หมายถึง ผมไม่ได้เจอเธอ ผมจึงไม่ได้คุยกับเธอ)
She wouldn’t have succeeded if she hadn’t worked hard. (Means : She succeeded, and she worked hard.)
เธอคงจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเธอไม่พากเพียรอย่างหนัก
(หมายถึง เธอประสบความสำเร็จ เนื่องจากเธอพากเพียรอย่างหนัก)
If the interview hadn’t gone well, they wouldn’t have given me the job.
(Means: The interview went well, and they gave me the job.)
ถ้าการสัมภาษณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างดี พวกเขาก็คงจะไม่ตกลงให้ผมทำงาน (หมายถึง การสัมภาษณ์ดำเนินไปด้วยดี ผมจึงได้งาน)
นอกจากจะใช้โครงสร้าง would + have + past participle ใน result clause แล้ว ยังสามารถใช้คำว่า could/might + have + past participle ได้ด้วย ทั้งนี้แล้วแต่ความหมายของข้อความใน if-clause และ result clause เป็นสำคัญ
ตัวอย่าง
If we had followed his advice, we could have lost a lot of money.
(Means : We didn’t follow his advice, so we didn’t lose a lot of money.)
ถ้าเราได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา เราก็คงจะสูญเสียเงินมหาศาล (หมายถึง เราไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเขา เราจึงไม่ได้สูญเสียเงินมหาศาล)
We might have won the race if we had practised enough. (Means : We didn’t win the race because we didn’t practise enough.)
เราอาจจะได้รับชัยชนะในการแข่งขัน ถ้าเราได้ฝึกฝนมาพอ
(หมายถึง เราไม่ชนะในการแข่งขัน เพราะเราไม่ได้ฝึกฝนมาพอ)
หมายเหตุ ใน Third conditional นี้ เราสามารถตัดคำว่า if ใน if-clause ออกไป โดยที่ความหมายยังคงเหมือนเดิมที่มี if ทุกประการ แต่โครงสร้างในส่วน if-clause เปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อยคือ
If + subject + had (not) + past participle
Had + subject + (not) + past participle
ตัวอย่าง
lf the company had developed good marketing strategies, it would have made larger profits.
Had the company developed good marketing strategies, it would have made larger profits.
(Means: The company didn’t develop good marketing strategies, so it didn’t make larger profits.)
ถ้าบริษัทได้พัฒนาแนวนโยบายการตลาดที่ดี บริษัทก็จะทำกำไรได้มากขึ้น
(หมายถึง บริษัทไม่ได้พัฒนาแนวนโยบายที่ดี จึงไม่ได้ทำกำไรเพิ่มขึ้น)
lf the restaurant hadn’t had such high prices, it could have attracted more customers.
Had the restaurant not had such high prices, it could have attracted more customers.
(Means : The restaurant had such high prices, so it couldn’t attract more customers.)
ถ้าภัตตาคารดังกล่าวอาหารราคาไม่สูงมาก ก็คงจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
(หมายถึง ภัตตาคารดังกล่าวอาหารมีราคาสูงมาก จึงไม่สามารถดึงดูดลูกค้าเพิ่ม)
สรุปในโครงสร้าง Third conditional ความหมายที่แท้จริงของ if-clause และ result clause จะตรงข้ามกับรูปฟอร์มของกริยา กล่าวคือถ้ารูปกริยาไม่ว่าจะใน if-clause หรือ result clause เป็น negative ความหมายที่แท้จริงคือ positive แต่ถ้ารูปกริยาไม่ว่าจะใน if-clause หรือ result clause เป็น positive ความหมายที่แท้จริงคือ negative
ลองตรวจสอบความเข้าใจดังกล่าวนี้อีกครั้งโดยตอบคำถามจากตัวอย่างต่อไปนี้
(1) If the weather had been nice last weekend, we would have had a picnic.
Question 1 : Was the weather nice last weekend? YES NO Question 2 : Did we have a picnic?    YES NO
(2) My supervisor wouldn’t have risen to the top if she hadn’t been a good employee.
Question 1 : Did she rise to the top?     YES NO
Question 2 : Was she a bad employee?      YES NO
เฉลย     ข้อ     (1) Question 1 = NO Question         2 = NO
ข้อ     (2) Question 1 = YES Question     2 = NO
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 48,889 times, 3 visits today)

[NEW] วิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) | if clause โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

ประโยคเงื่อนไข หรือได้เรียกชื่อต่างๆ ว่า  if clause บ้างก็เรียก Conditional sentences เป็นเรื่องที่ใช้งานไม่ยากแต่เป็นเรื่องหนึ่งท่สำคัญอย่างมากไม่รู้ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ Eng Breaking จะแนะนำไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนหลักภาษานะคะ

ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร

ประโยคเงื่อนไขเป็นหัวข้อ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่มีส่วนเนื้อหาค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากมากถ้าเรามีวิธีการเรียนถูกต้อง วันนี้เราจะแนะนำละเอียดตั้งแต่เรื่อง ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร และสรุป 4 เทคนิคใช้ If Clause ระดับมืออาชีพ เข้าใจได้ง่ายที่สุดในบทความเดียว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

  • ก่อนอื่นเราทำความเข้ามใจความหมายของคำว่า ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร ก่อนนะคะ
    – สำหรับคำว่า if  ในภาษาอังกฤษ แปลว่า “ถ้า”
    – สำหรับคำว่า clause ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า  “อนุประโยค”
    – เข้าใจง่ายๆ  clause คือ อนุประโยค ถ้า…..นะคะ
  • สำหรับคำว่า conditional sentences แปลได้ว่า
    – สำหรับคำว่า conditional ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า “เงื่อนไข”
    – สำหรับคำว่า  sentences ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า “ประโยค”
    >> เข้าใจง่ายๆ  conditional sentences คือ ประโยคเงื่อนไข

ประโยคเงื่อนไข  if clause คือรูปแบบประโยคที่ใช้บอกว่า ถ้ามีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น (เงื่อนไข) อีกสิ่งก็จะเกิดขึ้นตาม (ผลลัพธ์) เดี๋ยวเราจะยกตัวอย่างละเอียดให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้

  • If it rains, I will stay home. แปลว่า ถ้าฝนตก ฉันจะอยู่บ้าน
    เห็นชัดเลยว่า If it rains (เงื่อนไข) เป็นส่วน If clause และ I will stay home. (ผลลัพธ์) ก็คือ Main clause ของมันนะคะ

ตัวอย่างที่สอง:

  • If I am tired, I go to sleep. แปลได้ว่า ถ้าฉันเหนื่อน ฉันนอน หรือเข้าใจเลยว่า ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า ฉันนอนเอาแรงก่อน ในนั้น  I am tired (เงื่อนไข) เป็นส่วน If clause และ go to sleep(ผลลัพธ์) ก็คือ Main clause ของมันนะคะ

หลักการใช้ ประโยคเงื่อนไข if clause 

ประโยคเงื่อนไข if clause  หรือ Conditional sentences ประกอบด้วยสองส่วคือ ประโยคที่แสดงเงื่อนไขจะขึ้นต้นด้วย “If” และประโยคหลัก Main Clause โดยประโยค If Clause และโครงสร้างของประโยคสามารถที่จะเอา If clause นำหน้า Main clause หรือ เอา Main clause นำหน้า If clause ก็ได้ เช่น

  • If you love me, I will love you.  ในนั้น If clause คือ If  you love me, Main clause คือ I will love you

Conditional Sentences ไวยากรณ์ในภาษาอังกฏษ

เรามาดูหลักการใช้ if clause ทั้งการใช้คอมม่า และการใช้ if clause ทั้ง 4 แบบกันเลย (บางที่อาจพูดถึงแค่ 3 แบบ โดยจะตัดแบบที่ 0 หรือที่เรียกว่า type 0 ออก) และ Type 1, Type 2, Type 3  และแบบผสมพิเศษด้วย วิธีการใช้งานของแต่ละแบบละเอียด พร้อมตัวอย่าง ดังต่อไปนี้

  •  Zero Conditional Sentences  หรือ  if clause type 0 
  •  First Conditional Sentences หรือ  if clause type 1
  •  Second Conditional Sentences  หรือ  if clause type 2
  •  Third Conditional Sentences หรือ  if clause type 3

1. เริ่มจาก  Zero Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0

Zero Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0 มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้  If + Present Tense (Conditional Sentence), Present Simple (Main Clause)

  • ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0 โดยจะเป็นการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะ เราจะใช้กับ
    – สิ่งที่เป็นจริงเสมอ (ความจริงตามธรรมชาติ )
    – สิ่งที่เราทำเป็นปกติ (เช่นประโยดนี้ ถ้าฉันไปชายหาด ฉันจะใช้ครีมกันแดด )

ตัวอย่างประโยค if clause type 0

  • If I am tired, I go to sleep. แปลว่า ถ้าฉันเหนื่อน ฉันนอน – ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า ฉันนอนเอาแรงก่อน
  • Your wife gets angry if you smoke. แปลว่า แฟนนายโกรธ ถ้านายสูบบุหรี่ – เห็นหล่อนวีนทุกครั้งที่นายสูบ
  • If you go to the park, you can see Jo in the shop. แปลว่า ถ้าคุณไปสวน คุณสามารถพบโจได้ในร้าน – โจทำงานที่นั่น ไปก็เจอเลย
    ในบางกรณีสามารถใช้คำว่า When ก็ได้ เพราะมีความหายเดียวกัน เช่น
  • If I am tired, I go to sleep. แปลว่า ถ้าฉันเหนื่อย ฉันไปนอน
    เราสามารถเขียนได้ว่า When  I am tired, I go to sleep. แปลว่า เมื่อฉันเหนื่อย ฉันไปนอน

หมายเหตุ: การใช้ if clause แบบที่ 0 เราสามารถใช้ when แทน if ได้ โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน 

Tense ที่ใช้Present simplePresent simpleตัวอย่างประโยคIf ice melts,it turns into water.ถ้าน้ำแข็งละลายมันจะกลายเป็นน้ำ If I go to the beach,I use sunscreen.ถ้าฉันไปชายหาดฉันจะใช้ครีมกันแดด If you don’t exercise,your

muscle

mass decreases.ถ้าคุณไม่ออกกำลังกายมวลกล้ามเนื้อของคุณก็ลดลง

2. เริ่มจาก  First Conditional Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 1

First Conditional Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  1  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้    If + Present Tense (Conditional Sentence), Will + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 1 เราจะใช้กับเหตุการณ์สมมติที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต รายละเอียดคือจะใช้เพื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกันว่า หากสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นอีกสิ่งหนึ่งก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ใช้พูดถึงโลกแห่งความเป็นจริงและเหตุการณ์เฉพาะ โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เพื่อเป็นการเตือน  ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 นี้ จะบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือในอนาคตที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ตัวอย่างประโยค if clause type 1

  • If I study hard, I will pass the exam. แปลว่า ถ้าฉันเรียนหนักๆ ฉันจะสอบผ่าน – ฉันมั่นใจว่าอย่างนั้น (อาจไม่ผ่านก็ได้)
  • If it rains, we will play inside. แปลว่า ถ้าฝนตกเราจะเล่นข้างใน  – เราคิดไว้อย่างนั้น พอฝนตกจริงอาจวิ่งเล่นข้างนอกก็ได้
  • If you go to the park, you will see Jo in the shop. แปลว่า ถ้าคุณไปสวน คุณอาจจะพบโจได้ในร้านก็ได้ – ฉันไปสวนแล้วเห็นโจกินข้าวร้านนั้นบ่อยๆ (ไปอาจไม่เจอ)
  • You will feel better if you sleep enough.
    คุณจะรู้สึกดึขึ้น ถ้าคุณนอนเพียงพอ – อาจจริงของคุณ หรือไม่จริงก็ได้

ข้อควรจำ: นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 คุณสามารถใช้ modals verb แทนการใช้  future tense ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

Tense ที่ใช้Past simplewould/wouldn’t + verbตัวอย่างประโยคIf I won the lottery,I would travel around the world.ถ้าฉันถูกหวยฉันจะเที่ยวรอบโลก If I owned a cat,I would name it Chewie.ถ้าฉันมีแมวฉันจะตั้งชื่อมันว่าชิววี่ If I had a car,I wouldn’t take the bus.ถ้าฉันมีรถฉันจะไม่ขึ้นรถเมล์

การใช้ประโยคเงื่อนไขที่ไม่ยากอย่างที่คิด

3. เริ่มจาก  Second Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2

Second Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  1  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้   
If + Past tense (Conditional Sentence), Would + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2 เราจะใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้จริง อาจจะเกิดจากการจินตนาการหรือเพ้อฝัน และใช้พูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค if clause type 2

  • If I won the lottery, I would travel around the world. แปลว่า ถ้าฉันถูกล็อตเตอรี่นะ ฉันจะเดินทางรอบโลกเลย – เพ้อไป ชาตินี้จะมีโอกาศไหม
  • If I had time, I would learn more English. แปลว่า ถ้าฉันมีเวลานะ ฉันจะเรียนอังกฤษให้มากขึ้น => ความจริงคือ  เรียนเอาแค่ผ่านก่อนเถอะ เวลาแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว
  • If I were you, I would take the offer. แปลว่า ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะรับข้อเสนอนะ => ความจริงคือนายเป็นฉันไม่ได้หรอก คนละคนกัน
  • If I had his number, I would call him. แปบว่า ถ้าฉันมีเบอร์เขา ฉันจะโทรหาเขา => ความจริงคือฉันไม่มีเบอร์เขา

ข้อควรจำ
เราสามารถสลับประโยคที่เป็นเหตุและผลกันได้
เช่น If I had his number, I would call him. สามารถเขียนเป็น  I would call him if I had his number ก็ได้ ความหมายของประโยคนิไม่เปลี่ยนแปลง

โดยหากคำว่า if อยู่กลางประโยคเราไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายคอมม่า (,) แต่หาก if ขึ้นต้นประโยคจะต้องใส่คอมม่าคั่นระหว่างประโยคทุกครั้ง

  • นอกจากกริยา would แล้ว เรายังสามารถใช้ could หรือ might แทนได้เช่นกัน
  • ประธานไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์หากอยู่ในโครงสร้างนี้โดยใช้ Verb to be จะใช้ were ตัวเดียวเท่านั้น อย่าลืมจดไว้นะคะเพราะในข้อาอบต่างๆ เรามักจะเจอประโยคเงือนไขแบบที่สองนี้ค่ะ อยากได้คะแนนสูงๆ ต้องไม่พลาดนะคะ

Eng Breaking จะแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจดจำไวยากรณ์ภาษาอังกฏษแบบกล้วยๆ คือลองผสมผสานการใช้ภาษาเข้ากับชีวิตประจำวันของเราดู ค่อย ๆ ฝึกและเรียนรู้ ที่สำคัญ อย่าลืมทดลอง 6 วิธีนี้

  • อ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษ: เพราะเราสามารถเรียนคำศัพท์ใหม่ พร้อมวิธีตั้งประโยคที่มักจะเจอบ่อย เรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฏษจาเรื่องยาว นิยาย นิทาน ที่มีในหนังสือได้ง่าย
  • จดศัพท์ใหม่ ๆ: ถ้าเจอศัพท์ใหม่ต้องจดไว้ ตั้งเป็นประโยคเพื่อจำได้ ไม่ลืม
  • ทำให้หูคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ: ฝึกทักษะการฟังไปด้วย เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่ผู้เรียนชอบมองผ่าน เริ่มจากการฟังเพลง ฟังบทสนทนาแบบง่ายๆ ก่อนแล้วค่อยๆ ปรับความเร็วและระดับความยากของบทฟัง
  • ใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์: เรียนผ่านระบบการเรียนออนไลน์ สามารถเรียนได้ทุกที่ เรียนที่บ้านก็ได้เวลาเรียนสะดวกกว่าไปถึงศูนย์การเรียนอีกต่างหาก เรียนกับ Eng Breaking Native 1 to 1 คือคุณจะมีโอกาสได้เรียนตัวต่อตัวกับการจารย์เจ้าของภาษาทุกๆ วัน
  • ฝึกทุกที่ที่มีโอกาส: ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนงานทั่วไป เราก็สามารถเรียนภาษาอังกฏษได้กับคอร์สเรียนต่างๆ น่าสนใจจาก Eng Breaking คอร์สเรียนที่เน้นทักษะการสื่อสาร ช่วยคุณทั่นใจในการพูดคุยกับเจ้าของภาษา
  •  อย่ากลัวที่จะลองใช้: มั่นในในตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่ทำจะช่วยคุณผสมความสำเร็จได้ง่าย ขึ้น สำหรับการเรียนภาษาอังกฏษก็เช่นกัน อย่ากลัวเมื่อพูดผิดนะคะ เพราะใครๆ ก็ต้องผ่านจุดเริ่มต้นนั้นเช่นกัน มั่นใจและมีแนวทางการเรียนอย่างถูกต้องรับรองส่าคุณจะเป็นคนต่อไปที่สำเร็จ

4. เริ่มจาก  Third Conditional Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 3

Third Conditional Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  3  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้   
If + Past Perfect (Conditional Sentence), Would have + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2 เราจะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีต ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงได้ เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

ตัวอย่างประโยค if clause type 3

  • If I had studied hard, I would have passed the test. แปลว่า ถ้าฉันเรียนหนักนะ ฉันคงสอบผ่านไปแล้ว => ความจริงคือ ตอนนั้นไม่ได้เรียนหนัก แล้วสอบตก
  • If he had won the singing contest, he would have got a

    BMW

    แปลว่า  ถ้าเขาชนะการประกวดร้องเพลง เขาคงได้ BMW ไปแล้ว  => ความจริงคือ ตอนั้นแพ้ ขับเก๋งคันเก่าต่อไปเถอะ

  • If I had left my house at 9, I would have arrived here on time.
  • ถ้าฉันออกจากบ้านตั้งแต่ 9 โมง ฉันก็คงมาถึงที่นี้ตรงเวลา => ความจริงคือ ฉันออกจากบ้านสาย และฉันมาถึงสาย

ข้อควรจำ: เราสามารถสลับที่ประโยคที่อยู่หลังคอมม่าขึ้นมาไว้ข้างหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคอมม่าอีก และยังให้ความหมายเหมือนเดิม

เช่น
– If I had studied harder, I would have passed the exam.
เราสามารถเปลี่ยนเป็น
– I would have passed the exam if I had studied harder.

If clause แบบที่ 3If clauseMain clauseTense ที่ใช้Past perfectwould have/wouldn’t have + verb ช่อง 3ตัวอย่างประโยคIf I had studied hard,I would have passed the exam.ถ้าตอนนั้นฉันตั้งใจเรียนฉันก็คงสอบผ่าน If I hadn’t been sick,I would have gone to the cinema.ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้ป่วยฉันก็คงจะไปโรงหนัง If he had left earlier,he would have arrived on time.ถ้าตอนนั้นเขาออกมาเร็วกว่านี้เขาก็คงมาถึงตรงเวลา

สำหรับประโยคเงือนไขในภาษาอังกฤษนอกจากสี่รูปแบบที่มักจะเจอบ่อยแล้วคือ 

  • Zero Conditional Sentences  หรือ  if clause type 0 
  •  First Conditional Sentences หรือ  if clause type 1
  •  Second Conditional Sentences  หรือ  if clause type 2
  •  Third Conditional Sentences หรือ  if clause type 3

เรายังมีอีกแบบหนึ่งที่เรียกได้ว่าประโยคเงือนไงแบบ mixed type และมีวิธีการใช้งานรายละเอียดตามนี้นะคะ

if clause แบบผสมกันระหว่างแบบที่ 2 และ 3 ได้อีกด้วย ซึ่งก็คือการใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง ที่มีผลมายังปัจจุบัน (ต่างจากแบบที่ 3 ที่มีผลเฉพาะกับในอดีต)

If clause แบบ mixed typeIf clauseMain clauseTense ที่ใช้Past perfectwould/wouldn’t + verbตัวอย่างประโยคIf I had exercised regularly,I would have a great body.ถ้าฉันได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอฉันก็คงจะมีหุ่นดี If I hadn’t met John,I wouldn’t be happy now.ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้พบจอห์นฉันก็คงจะไม่มีความสุขในตอนนี้ If he had arrived on time,his boss wouldn’t be angry.ถ้าเขาได้มาถึงตรงเวลาหัวหน้าเขาก็คงไม่โมโห

ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายๆ คือประโยค ถ้าฉันได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฉันก็คงจะมีหุ่นดี – การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในตอนนั้น จะทำให้ฉันมีหุ่นดีในตอนนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้นฉันไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลยจะได้เข้าใจเป็นเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง

การใช้ประโยคเงื่อนไขฉบับเต็ม

สรุปการใช้ if clause

เนื้อหาเกี่ยวกับประโยคเงือนไขคงเยอะนิดหนึ่งแต่ไม่ค่อยยากเลยใช่ไหมคะ เพราะแต่ละแบบก็มีลักษณะที่ให้เห็นภาพชัดเช่น  ประโยคเงือนไขหรือได้เรียกเป็นชื่ออื่นคือ If clause หรือ Conditional Sentences  แต่ความหมายเดียวกัน คือประโยคที่มีสองส่วนที่ หนึ่งคือ if และสองคือส่วน main clause ที่เป็นประโยคส่วนที่เป็นผลลพธ์ 

ประโยคเงือนไข If clause แบ่งหลักๆได้เป็น 4 แบบที่มักจะเจอบ่อยๆ คือ
If clause แบบที่ 0 จะใช้กับสิ่งที่เป็นจริงเสมอ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
If clause แบบที่ 1 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
If clause แบบที่ 2 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติในปัจจุบันหรืออนาคตที่มีโอกาสเป็นไปได้น้อย
If clause แบบที่ 3 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีต ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงได้
นอกจาก if clause ทั้ง 4 แบบแล้ว เรายังสามารถใช้แบบผสม (mixed type) ซึ่งจะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง ที่มีผลมายังปัจจุบัน 

สรุปในตารางดังต่อไปนี้

ประเภทของประโยคเงื่อนไขการใช้tense ของคำกริยาใน If clausetense ของคำกริยาใน Main clasue0ความจริงทั่วไปSimple presentSimple presentแบบที่ 1สิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกับซึ่งกันและกันSimple presentSimple futureแบบที่ 2สิงที่ตรงกันข้ามกับความจริงในปัจจุบันหรือในอนาคตSimple pastPresent conditional หรือ Present continuous conditionalแบบที่ 3สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริงในอดีตPast perfectPerfect conditionalแบบผสมสิ่งที่ไม่เป็นความจริงในอดีตและส่งผลต่อปัจจุบันPast perfectPresent conditional

เป็นยังไงบ้างคะกับการใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) ฉบับอธิบายเข้าใจง่ายๆ กระจ่างสุดที่ Eng Breaking ได้นำมาแนะนำวันนี้คะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชต่อผู้เรียนทุกคน ต่อจากนี้เรื่องการใช้ประโยคเงื่อนไขคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราอีกต่อไปแล้วค่ะ อย่าลืมติดตามเราเพื่ออัพเดทข้อมูลพร้อมเทคนิคดีๆ ในการเรียนภาษาอังกฏษกันนะคะ เราเชื่อว่าคุณจะเป็นคนต่อไปที่สำเร็จในการเรียนค่ะ


15 Stunningly Beautiful English Words YOU Should Use More Often!


Learn 15 beautiful vocabulary words AND their pronunciation (with examples.) Download your FREE pdf here: http://bit.ly/15BeautifulPDF. Sign up to the Lingoda Language Sprint: http://bit.ly/SprintApril_Lingoda (Use code CHANGE50 for €10/$12 off deposit)
Ad Thank you to Lingoda for sponsoring this video.
Firstly what are your thoughts on the black background? I would love to know.
DO YOU WANT TO RECEIVE EMAILS FROM LUCY? Sign up here: https://bit.ly/EmailsFromLucy
Don’t forget to turn on subtitles if you need them! This is how I generate my subtitles (you can get a $10 subtitle coupon too): https://www.rev.com/blog/coupon/?ref=lucy (affiliate)
Visit my website for free PDFs and an interactive pronunciation tool! https://englishwithlucy.co.uk​
MY SOCIAL MEDIA:
Personal Channel: http://bit.ly/LucyBella​​​ (I post subtitled vlogs of my life in the English countryside! Perfect for listening practice!)
Instagram: @Lucy http://bit.ly/lucyinsta​​​​​​​​​​
My British English Pronunciation Course is now LIVE: https://englishwithlucy.co.uk/pronunciationcourse (use code YOUTUBE10 for a 10% discount!)
Do you want to improve your pronunciation? I have launched my British English (Modern RP) pronunciation course! I’ll train you to read phonetic transcriptions, and produce each sound that comprises modern received pronunciation. I’ll also teach you how to implement the correct use of intonation, stress, rhythm, connected speech, and much more. We’ll compare similar sounds, and look at tricky topics like the glottal stop and the dark L.
Technically, I need to mark this as an AD even though it is my own company so AD 🙂
Want to get a copy of my English Vocabulary Planners? Click here: https://shop.englishwithlucy.co.uk The best offer is the 4book bundle where you get 4 planners for the price of 3. This product is very limited don’t miss out. The English Plan will be shipped from early August, from me here in England to you across the world! We ship internationally!
Watch my explainer video here: https://bit.ly/TheEnglishPlanVideo
Practice speaking: Earn $10 free italki credit: https://go.italki.com/englishwithlucy… (ad affiliate)
Improve listening! Free Audible audiobook: https://goo.gl/LshaPp
If you like my lessons, and would like to support me, you can buy me a coffee here: https://kofi.com/englishwithlucy
FREE £26 Airbnb credit: https://www.airbnb.co.uk/c/lcondesa (ad affiliate)
Email for business enquiries ONLY: [email protected]
Edited by Connor Hinde [email protected]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

15 Stunningly Beautiful English Words YOU Should Use More Often!

Learn English Grammar: The 4 Conditionals


Do conditionals in English drive you crazy? They’re so easy to get mixed up! There are four conditionals in English grammar, numbered zero through three. So in this lesson I’ll give you an overview of all four, with examples of each. If you watch this video and do the quiz at https://www.engvid.com/learnenglishgrammarthe4conditionals/ you will have a better understanding of conditionals in English. (That last sentence is an example of the first conditional!)

Learn English Grammar: The 4 Conditionals

THE CONDITIONALS – 0,1,2 \u0026 3 Conditionals\u0026 QUIZ – English Grammar Lesson


Today we look at the 4 main English conditional sentences (0, 1st, 2nd \u0026 3rd), with lots of examples and a quiz! Download the free PDF and quiz here: http://bit.ly/ConditionalsPDF Don’t forget to complete the homework for this English grammar lesson!
Thank you to Seonaid and her wonderful website https://www.perfectenglishgrammar.com/ I’ve used her website to plan my lessons for years! It’s the best of the best when it comes to grammar explanations and exercises.
DO YOU WANT TO RECEIVE EMAILS FROM LUCY? Sign up here: https://bit.ly/EmailsFromLucy
Don’t forget to turn on subtitles if you need them! This is how I generate my subtitles (you can get a $10 subtitle coupon too): https://www.rev.com/blog/coupon/?ref=lucy (affiliate)
Visit my website for free PDFs and an interactive pronunciation tool! https://englishwithlucy.co.uk​
MY SOCIAL MEDIA:
Personal Channel: http://bit.ly/LucyBella​​​ (I post subtitled vlogs of my life in the English countryside! Perfect for listening practice!)
Instagram: @Lucy http://bit.ly/lucyinsta​​​​​​​​​​
My British English Pronunciation Course is now LIVE: https://englishwithlucy.co.uk/pronunciationcourse (use code YOUTUBE10 for a 10% discount!)
Do you want to improve your pronunciation? I have launched my British English (Modern RP) pronunciation course! I’ll train you to read phonetic transcriptions, and produce each sound that comprises modern received pronunciation. I’ll also teach you how to implement the correct use of intonation, stress, rhythm, connected speech, and much more. We’ll compare similar sounds, and look at tricky topics like the glottal stop and the dark L.
Technically, I need to mark this as an AD even though it is my own company so AD 🙂
Want to get a copy of my English Vocabulary Planners? Click here: https://shop.englishwithlucy.co.uk The best offer is the 4book bundle where you get 4 planners for the price of 3. This product is very limited don’t miss out. The English Plan will be shipped from early August, from me here in England to you across the world! We ship internationally!
Watch my explainer video here: https://bit.ly/TheEnglishPlanVideo
Practice speaking: Earn $10 free italki credit: https://go.italki.com/englishwithlucy… (ad affiliate)
Improve listening! Free Audible audiobook: https://goo.gl/LshaPp
If you like my lessons, and would like to support me, you can buy me a coffee here: https://kofi.com/englishwithlucy
FREE £26 Airbnb credit: https://www.airbnb.co.uk/c/lcondesa (ad affiliate)
Email for business enquiries ONLY: [email protected]
Edited by La Ferpection: https://www.laferpection.com/

THE CONDITIONALS - 0,1,2 \u0026 3 Conditionals\u0026 QUIZ - English Grammar Lesson

Conditional type 1 | Animated lesson


You may want to check conditional type 3 : https://www.youtube.com/watch?v=HbvoZw2y_EA
Prof ABDERRAHIM LAIT
[email protected]

Conditional type 1 | Animated lesson

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.4 เรื่อง Zero Conditional Sentences


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.4 เรื่อง Zero Conditional Sentences

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ if clause โครงสร้าง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *