Skip to content
Home » [Update] เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อแคนาดา กับ North America Study | รัฐในอเมริกาที่น่าอยู่ – NATAVIGUIDES

[Update] เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อแคนาดา กับ North America Study | รัฐในอเมริกาที่น่าอยู่ – NATAVIGUIDES

รัฐในอเมริกาที่น่าอยู่: คุณกำลังดูกระทู้


หลักเกณฑ์ในการเลือกเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา
The United States of America (USA) มีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมากกว่า 4,600 แห่ง Education For Life North America ได้รวบรวมหลักเกณฑ์ ที่ผู้สมัครสามารถใช้ในการเลือกเรียนต่ออเมริกากับมหาวิทยาลัยที่เหมาะที่สุดสำหรับตัวเองโดยแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้  Location, Budget, Ranking เป็นปัจจัยสำคัญที่นักเรียนส่วนมากเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนต่อประเทศเอมริกา

Location >>

ประเทศอเมริกา มีทั้งสิ้น 53 รัฐ แต่ละรัฐเปรียบได้เสมือน 1 ประเทศโดยมีภูมิศาสตร์ สภาพอากาศและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่างกัน  ผู้คนมีอัธยาศัยที่ต่างกันไปเช่นกัน รัฐยอดนิยมที่นักเรียนไทยเลือกไป ได้แก่ California มีเมืองใหญ่เช่น San Francisco, Los Angeles, รัฐ  New York เช่น Long Island, Manhattan, Brooklyn, รัฐ Massachusetts เช่น Boston, รัฐ Florida เช่น Orlando   อย่างไรก็ตามยังมีรัฐอื่นๆที่น่าสนใจอีกหลายรัฐ  เราได้เรียงอันดับความน่าอยู่โดยอ้างอิงจากการจัดอันดับของหน่วยงานภาคเอกชน ดังนี้
10 รัฐที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในอเมริกา จากการจัดอันดับโดย WalletHub (2016)

1. Vermont
2. Connecticut

3. Massachusetts
4. Minnesota

5. New Hampshire
6. Virginia

7. Rhode Island
8. Iowa

9. Maine
10. Utah

จากการจัดอันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า 7 ใน 10 รัฐ ได้แก่ Vermont, Massachusetts, New Hampshire, Rhode Island, Maine, Connecticut และ Virginia เป็นรัฐที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น

Massachusetts เป็นรัฐฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ถูกจัดอันดับให้เป็นรัฐที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 2 รองจากรัฐ Vermont  จากการจัดอันดับรัฐที่มีความปลอดภัยที่สุดโดย WalletHub (2016)  เป็นการเก็บข้อมูลจากการบันทึกความปลอดภัยของบ้านและพื้นที่ชุมชน ความปลอดภัยทางการเงิน ความปลอดภัยบนถนน ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและความปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ รัฐ Massachusetts เป็นรัฐยอดนิยมที่นักเรียนไทยเลือกไปเรียน เพราะมีสถาบันการศึกษาระดับโลกหลายแห่ง อาทิ Harvard University, MIT, University of Massachusetts เป็นต้น

10 รัฐที่มีค่าครองชีพต่ำสุดในอเมริกา จากการจัดอันดับโดย USA TODAY (2014)

จากการจัดอันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า รัฐส่วนมากเป็นรัฐที่อยู่แถบตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของประเทศ รัฐบริเวณนี้มีค่าครองชีพที่ต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเจริญอย่างเมืองดังๆ เมืองอื่น

1. Mississippi
2. Kansas

3. Tennessee
4. Nebraska

5. Kentucky
6. Alabama

7. Oklahoma
8. Iowa

9. Indiana
10. Arkansas

Mississippi เป็นรัฐที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยการคำนวณ Cost of Living Index หรือค่าครองชีพในการดำรงชีวิตของรัฐ Mississippi ที่มีตัวเลขต่ำมาก หากเทียบเงินค่าเช่าบ้านราคา $175 อาจเช่าได้แค่ห้องพักรายสัปดาห์ในรัฐอื่นๆ แต่ด้วยค่าครองชีพที่ต่ำของรัฐ Mississippi เงินจำนวนนี้ สามารถเช่าได้ทั้งเดือนเลยทีเดียว

รัฐที่มีระบบขนส่งที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา  จากการจัดอันดับโดย U.S. News

1. Denver-Aurora
2. Colorado

3. New York- Newark
4. N.Y.-N.J.- Connecticut

5. Los Angeles
6. California

7. Boston, Mass
8. N.H. – R.I.

9. Portland
10. Oregon

Which_US_Uni_001666ระบบขนส่งสาธารณะในเมือง Denver รัฐ Colorado มีทั้งรถบัส รถไฟและ shuttle bus บริการรถรับส่งจากสนามบิน อีกทั้งยังมีระบบขนส่งสาย MallRide ที่รับส่งผู้โดยสารไปยัง 16th Street Mall โดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร ทุกวันตลอดสัปดาห์ รัฐบาลทุ่มเงินหลายล้านเหรียญกับการปรับปรุงและเพิ่มปริมาณระบบขนส่งเพื่อให้เพียงพอต่อประชากรในพื้นที่มากที่สุด

New York- Newark, N.Y.-N.J. – Connecticut

มหานคร New York หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Big Apple ขึ้นชื่อในเรื่องความหนาแน่นของประขาชาร ทั้งจากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากทุกวัน การพัฒนาระบบขนส่งหลักของเมืองจึงเป็นเรื่องสำคัญ ระบบขนส่งอย่าง Metropolitan Transportation Authority หรือ MTA ที่รวมระบบขนส่งตั้งแต่ รถบัสประจำทางต่างๆ รถไฟใต้ดิน และรถไฟต่างๆ ที่มีจำนวนผู้โดยสารจำนวนมากเฉลี่ย 11 ล้านคนต่อวัน

Los Angeles, California

เมือง Los Angeles รัฐ California ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการจราจรติดขัด ด้วยอัตราเฉลี่ย 63 ชั่วโมงต่อ 1 คนขับ ต่อปี ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนกว่า 1.5 ล้านคนเลือกใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถบัสและรถไฟ ที่มีบริการกว่า 2,600 คันและมีรถไฟที่วิ่งมากกว่า 79.1 ไมล์

Boston, Mass. – N.H. – R.I.

เมือง Boston รัฐ Massachusetts มีระบบขนส่งที่ครอบคลุมพื้นที่สำหรับการขนส่งผ่านในเมือง ด้วยระบบ the Massachusetts Bay Transit Authority ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1631 ด้วยการขนส่งโดยเรือ ferries แต่ปัจจุบันได้ขยายการขนส่งครอบคลุมทั้งรถบัสประจำทาง รถไฟประเภทต่างๆ และระบบรถไฟใต้ดิน

Portland, Oregon

Portland รัฐ Oregon เป็นอีกเมืองที่นักเรียนไทยสนใจ เพราะเป็นหนึ่งในเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบขนส่งที่ดีในประเทศ มีระบบขนส่งที่ครอบคลุมทั้งรถบัสและรถไฟสายต่างๆ ที่น่าสนใจในเมืองนี้คือ นโยบายเพื่อดูแลนักเรียนโดยเท่าเทียมกันไม่จำกัดเชื้อชาติ สีผิว ศาสนาใดๆ ภายใต้ชื่อโครงการ Safe Ride ที่มีบริการให้นักเรียนทุกมหาวิทยาลัยในเมือง Portland กว่า 15,000 เที่ยวต่อปี ตั้งแต่เวลา 6pm- 2am ทุกวันโดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร

รัฐที่มีอุณหภูมิอบอุ่นตลอดปี จากการจัดอันดับโดย Liz Osborn

1. California
2. Georgia

3. Hawaii
4. South Carolina

5. Texas
6. Delaware

7. Arizona
8. North Carolina

9. Florida
10. Louisiana

The United States of America (USA) ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากจะเป็นประเทศที่มีความแตกต่างของเชื้อชาติ และวัฒนธรรมสูงมากแล้ว ยังเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศแตกต่างกันทั้งประเทศ บางรัฐมีอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นักเรียนที่สนใจไปเรียนต่ออเมริกาจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพอากาศของรัฐที่จะเดินทางไปด้วย เพราะบางคนอาจไม่ชอบอากาศที่หนาวจัดเกินไป หรืออาจไม่ชอบอากาศที่ร้อนเกินไป ดังนั้นรัฐที่มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี อาจเป็นปัจจัยหนึ่งเพื่อประกอบการตัดสินใจในการไปเรียนต่ออเมริกาของนักเรียนได้

LIZ OSBOR >>

เป็นรัฐฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ถูกจัดอันดับให้เป็นรัฐที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 2 รองจากรัฐ Vermont จากการจัดอันดับรัฐที่มีความปลอดภัยที่สุดโดย WalletHub (2016) เป็นการเก็บข้อมูลจากการบันทึกความปลอดภัยของบ้านและพื้นที่ชุมชน ความปลอดภัยทางการเงิน ความปลอดภัยบนถนน ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและความปลอดภัยจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ รัฐ Massachusetts เป็นรัฐยอดนิยมที่นักเรียนไทยเลือกไปเรียน เพราะมีสถาบันการศึกษาระดับโลกหลายแห่ง อาทิ Harvard University, MIT, University of Massachusetts เป็นต้นจากการจัดอันดับข้างต้น จะเห็นได้ว่า รัฐส่วนมากเป็นรัฐที่อยู่แถบตอนกลางของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมหลักของประเทศ รัฐบริเวณนี้มีค่าครองชีพที่ต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเจริญอย่างเมืองดังๆ เมืองอื่นเป็นรัฐที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยการคำนวณ Cost of Living Index หรือค่าครองชีพในการดำรงชีวิตของรัฐ Mississippi ที่มีตัวเลขต่ำมาก หากเทียบเงินค่าเช่าบ้านราคา $175 อาจเช่าได้แค่ห้องพักรายสัปดาห์ในรัฐอื่นๆ แต่ด้วยค่าครองชีพที่ต่ำของรัฐ Mississippi เงินจำนวนนี้ สามารถเช่าได้ทั้งเดือนเลยทีเดียวมีทั้งรถบัส รถไฟและ shuttle bus บริการรถรับส่งจากสนามบิน อีกทั้งยังมีระบบขนส่งสาย MallRide ที่รับส่งผู้โดยสารไปยัง 16Street Mall โดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร ทุกวันตลอดสัปดาห์ รัฐบาลทุ่มเงินหลายล้านเหรียญกับการปรับปรุงและเพิ่มปริมาณระบบขนส่งเพื่อให้เพียงพอต่อประชากรในพื้นที่มากที่สุด

Liz Osborn ได้จัดอันดับรัฐที่มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี โดยพิจารณาจาก อากาศที่อบอุ่น (อุณหภูมิในแต่ละวันเฉลี่ย 17-30 องศา เป็นเวลามากกว่า 7 เดือน) มีปริมาณฝนพอเหมาะ (152 ลูกบากศ์เซนติเมตร) ท้องฟ้าสดใส (เฉลี่ย 60 เปอร์เซนต์ต่อปี)

California

รัฐ California รัฐยอดนิยมที่มีเมืองสำคัญอย่าง Los Angeles และ San Francisco ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา มีอากาศดีตลอดปี โดยเฉพาะทางกลางและตอนใต้ลงไป มีอากาศระหว่างวัน ที่ค่อนข้างร้อนค่อนไปทางเย็นสบาย แต่เวลากลางคืนนั้นมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดซึ่งค่อนข้างต่างจากประเทศไทยที่มีอากาศเหมือนกันทั้งกลางวันและกลางคืน  และมีท้องฟ้าที่สดใสตลอดปี

Texas

Texas เป็นอีกหนึ่งรัฐที่ขึ้นชื่อในเรื่อง อากาศอบอุ่นค่อนไปทางร้อน เช่นในเมือง Brownsville, Corpus Christi, Del Rio และ Victoria ซึ่งในหน้าหนาวจะมีอากาศอบอุ่น ถึงแม้ว่าในหน้าร้อนจะมีอากาศค่อนข้างร้อนกว่า California ตอนใต้

Florida
สภาพอากาศในรัฐ Florida โดยปกติจะมีอากาศอบอุ่นในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Daytona beach, Gainesville, Key West, Orlando, Tampa และ Vero Beach ด้วยเหตุนี้ทำให้ Florida เป็นรัฐที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว ในขณะที่ Key West เป็นบริเวณที่มีอากาศแห้งและร้อนที่สุด

Budget ในการเลือกเรียนต่ออเมริกา >>

ปัจจัยทางการเงินย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการ ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีค่าเรียนที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ  1,050,000 บาทต่อปี มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีจำนวนมากหลายพันแห่ง ซึ่งได้แบ่งประเภทต่างๆ ดังนี้

Public universities: คือมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงินสนับสนุนส่วนมากจากรัฐบาล โดยปกติจะเป็นมหาวิทยาลัยประจำรัฐที่มีขนาดใหญ่ นักเรียนต่างชาติหรือนักเรียนจากรัฐอื่นๆ (Non-Residents) จะต้องจ่ายค่าเรียนมากกว่าคนในพื้นที่ (Residents) แต่อย่างไรก็ตามมหาวิทยาลัยรัฐเหล่านี้มีค่าเทอมที่ถูกว่ามหาวิทยาลัยเอกชนอยู่มาก

Which_US_Uni_004444

Private universities: คือมหาวิทยาลัยเอกชนที่ได้รับเงินสนับสนุนโดยตรงจากค่าเทอมและเงินบริจาคของมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปจะมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาล มีพื้นที่ที่จำกัดและมีค่าเรียนที่แพงมากกว่าค่าเทอมปกติของมหาวิทยาลัยรัฐบาล แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Which_US_Uni_004555

Liberal Arts College:  เป็นโรงเรียนที่สอนระดับอุดมศึกษา เน้นเฉพาะระดับปริญญาตรีโดยที่นักเรียนที่จบว่าจะได้รับ degree B.A. หรือ B.Sc ; มหาวิทยาลัยประเภทนี้ต่างจากมหาวิทยาลัยทั่วไปตรงที่ Liberal Arts College ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของนักเรียนและอาจารย์ และมีบุคลากรมากกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปมาก เพื่อเข้าถึงนักเรียนได้อย่างใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว บุคลากรของ Liberal Arts ทุกคนเป็น full-time teachers ซึ่งต่างกับมหาวิทยาลัยทั่วไปที่มีทั้ง นักเรียนปริญญาโทและเอกทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ ภายในห้องเรียนมีจำนวนนักเรียนน้อยกว่ามหาวิทยาลัยปกติอีกด้วย

Resident / Non-Resident Fee เป็นการจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาล โดยพิจารณาจากที่อยู่ก่อนการเข้าเรียน หากนักเรียนอเมริกันเองที่มาจากรัฐอื่น ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ ณ รัฐที่ตั้งของมหาวิทยาลัย นักเรียนจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมในอัตราของ non-resident เช่นเดียวกันกับนักเรียนต่างชาติ ซึ่งอัตราค่าเรียนจะแพงกว่าอัตราของ resident

การ Cap ค่าเรียนในกรณีที่เก็บหน่วยกิตเกิน Average >>

โดยปกตินักเรียนจะลงทะเบียนเรียนได้ 12 หน่วยกิตต่อเทอม สำหรับมหาวิทยาลัยบางแห่งได้กำหนดการจ่ายค่าหน่วยกิตแบบลงมากก็จ่ายมากตามปริมาณของหน่วยกิต แต่มีบางมหาวิทยาลัยที่มีข้อกำหนด หากลงทะเบียนเกิน 12 หน่วยกิตไม่ต้องจ่ายส่วนเกิน ตัวอย่างเช่น หากลงเรียน 12+ หน่วยกิต ก็จ่ายราคาหน่วยกิตเท่าเดิมที่ 12 หน่วยกิต

รัฐที่มี Tax Free ของสหรัฐอเมริกา

โดยปกติ รัฐส่วนมากของสหรัฐอเมริกาจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเวลาซื้อของ ขึ้นอยู่กับอัตราในแต่ละรัฐ มากน้อยกันไป แต่ก็มี 5 รัฐที่ไม่ได้รับการละเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีตรงส่วนนี้ ได้แก่

  • Alaska
  • Delaware
  • Montana
  • New Hampshire
  • Oregon

โดยปกติ รัฐส่วนมากของสหรัฐอเมริกาจะต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเวลาซื้อของ ขึ้นอยู่กับอัตราในแต่ละรัฐ มากน้อยกันไป แต่ก็มี 5 รัฐที่ไม่ได้รับการละเว้นไม่ต้องจ่ายภาษีตรงส่วนนี้ ได้แก่

University Ranking >>

เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัย เพราะเป็นการจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับ โดยการจัดอันดับในแต่ละครั้งจะมีเกณฑ์ที่ต่างกัน แต่มี ranking บางประเภทที่ได้รับการยอมรับที่สุดจากทั่วโลก โดยมีเกณฑ์ ดังนี้
National Universities Ranking เป็นการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยทั้งประเทศ จากการจัดอันดับโดยพิจารณาจากหลายๆปัจจัย ได้แก่ ชื่อเสียงด้านคุณภาพการศึกษา อัตราการเข้าทำงานของนักเรียน อัตราครูต่อนักเรียน จำนวนวิจัยของคณะ อัตรารับนักเรียนต่างชาติ เป็นต้น  ส่วนมากถูกจัดโดยหลายๆองค์กร จากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บไซต์ต่างๆ  การจัดอันดับที่น่าเชื่อถือ อาทิ

U.S News & Report: National Universities Rankings 2016

  1. Princeton University
  2. Harvard University
  3. Yale University
  4. Columbia University
  5. Stanford University
  6. University of Chicago
  7. Massachusetts Institute of Technology
  8. Duke University
  9. University of Pennsylvania
  10. California Institute of Technology

Regional Universities Ranking  คือมหาวิทยาลัยประจำภูมิภาค โดยส่วนมากเป็นมีการสอนในระดับปริญญาตรี บางแห่งอาจมีปริญญาโทด้วย แต่น้อยแห่งที่จะมีระดับปริญญาเอก  โดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ North, South, Midwest, และ West

U.S News & Report: Regional Universities Rankings 2016

Regional University North
Regional University Midwest
#1 Villanova University
#1 Creighton University
#2 Providence College
#2 Butler University
#3 Bentley University
#3 Drake University
#4 College of New Jersey
 
#5 Loyola University Maryland
 
Regional University South
Regional University West
#1 Elon University
#1 Trinity University
#1 Rollins College
#2 Santa Clara University
#3 The Citadel
#3 Loyola Marymount University

กลุ่มมหาวิทยาลัยในเครือ Ivy League >>

คือมหาวิทยาลัยประจำภูมิภาค โดยส่วนมากเป็นมีการสอนในระดับปริญญาตรี บางแห่งอาจมีปริญญาโทด้วย แต่น้อยแห่งที่จะมีระดับปริญญาเอก โดยแบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ North, South, Midwest, และ West

Ivy League ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1954 เป็นการรวมกลุ่มของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านวิชาการจำนวน 8 แห่ง โดยจุดประสงค์เดิมเพื่อการรวมกลุ่มของกีฬา ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น โดยทุกมหาวิทยาลัยจะต้องควบคุมมาตรฐานของคุณภาพการศึกษาให้ติดอันดับโลก โดยปัจจุบันติด 15 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกทั้งสิ้น จุดเด่นอีกอย่างของกลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League คือการรับเข้าที่ยากมากๆ เพราะมหาวิทยาลัยต้องการคนเก่งที่มีความสามารถโดดเด่นและสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยปกติมหาวิทยาลัยรับนักเรียนเพียงแค่ 10% จากยอดสมัครรวมทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนั้นแล้ว กลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League ยังโดดเด่นในเรื่องค่าเทอมที่แพงมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ  ซึ่งมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งนี้ ได่แก่

  • Brown University, Rhode Island
  • Columbia University, New York
  • Cornell University, New York
  • Dartmouth College, New Hampshire
  • Harvard University, Massachusetts
  • University of Pennsylvania, Pennsylvania
  • Princeton University, New Jersey
  • Yale University, Connecticut

Tier 1 คือกลุ่มของมหาวิทยาลัยระดับชาติ ที่ได้รับเงินสนับสนุนในการทำวิจัยกว่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐจากทั้งรัฐบาลและกองทุนอื่นๆ มีบุคลากรได้รับรางวัลมากมาย และผลิตบัณฑิตที่มีประสิทธิภาพ

ACCET (Accreditation) มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจไม่ได้อยู่ในเครือ Ivy League ติด Ranking อันดับต้นๆหรืออยู่ในกลุ่ม Tier 1 แต่ไม่ได้หมายความว่ามหาวิทยาลัยเหล่านี้ไม่มีคุณภาพเสมอไป เรายังสามารถดูได้จาก Accreditation ของสาขาวิชาที่มหาวิทยาลัยนั้นๆได้รับ ซึ่งแสดงถึงคุณภาพของหลักสูตรที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก

AACSB (The Association to Advance Collegiate Schools of Business): เป็นองค์กรระดับนานาชาติ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำให้ Business school ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้รับการยอมรับ มีจุดประสงค์หลักเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั่วโลก ปัจจุบันมีสถาบันที่ได้รับการรองรับแล้วกว่า 761 แห่ง จากกว่า 52 ประเทศทั่วโลก

AACET (the American Association of Certified Engineers and Trainers): เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นตรวจสอบมาตรฐานในการศึกษา และการเทรนงานของกลุ่มโรงเรียนวิศกร เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการยอมรับถึงคุณภาพ

Entry Requirement

คือเกณฑ์รับสมัครในการเรียนต่อของมหาวิทยาลัยในอเมริกา โดยทั่วไปแล้วมีดังนี้

  • TOEFL เป็นการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ ด้วยข้อสอบที่มีระดับมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ใช้เพื่อยื่นสมัคร เข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ทดสอบทั้ง 4 ทักษะได้แก่ Listening, Reading, Writing, Speaking ซึ่งมหาวิทยาลัยทั่วไปของอเมริกาต้องการคะแนนขั้นต่ำที่ 80 คะแนน จากคะแนนเต็ม 120 คะแนน
  • GMAT เป็นข้อสอบที่เน้นความรู้ 3 ส่วน: Basic Verbal, Mathematics, และ Analytical Writing โดยมีคะแนนรวมทั้งหมด 800 คะแนน เป็นข้อสอบที่ใช้วัดผลทางด้านภาษาอังกฤษและความสามารถเชิงวิเคราะห์ ที่ช่วยให้สถาบันการศึกษาสามารถประเมินผู้เรียนทางด้านธุรกิจ โดยส่วนมากข้อสอบประเภทนี้จะเป็นเกณฑ์วัดเข้าเรียนต่อหลักสูตร MBA
  • GRE เป็นการวัดผลในระดับปริญญาตรีในวิชาเฉพาะด้านจำนวน 8 สาขาวิชา เพื่อช่วยให้สถาบันศึกษาประเมินความสามารถของผู้เรียนในระดับปริญญาโทและเอก วิชาเหล่านี้ได้แก่ Biochemistry, Cell Molecular Biology, Biology, Chemistry, Computer Science, Literature in English, Mathematics, Physics, Psychology

Campus Type >>

คือกลุ่มของมหาวิทยาลัยระดับชาติ ที่ได้รับเงินสนับสนุนในการทำวิจัยกว่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐจากทั้งรัฐบาลและกองทุนอื่นๆ มีบุคลากรได้รับรางวัลมากมาย และผลิตบัณฑิตที่มีประสิทธิภาพคือเกณฑ์รับสมัครในการเรียนต่อของมหาวิทยาลัยในอเมริกา โดยทั่วไปแล้วมีดังนี้

Campus Type
มหาวิทยาลัยจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกและแปลนของมหาวิทยาลัยที่แตกต่างกันออกไป
City Campus: เป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่จำกัด อาจมีตึกเรียนเพียงไม่กี่ตึก ส่วนมากเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในย่าน downtown หรือย่านธุรกิจ มีตึกเรียนกลืนกับสิ่งก่อสร้างอื่นๆของเมือง
Full Campus: เป็นมหาวิทยาลัยประเภทที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีบริเวณของมหาวิทยาลัยครอบคลุมทั้งสนามกีฬา โรงยิม ต่างๆ นักเรียนสามารถหาทุกอย่างได้ในแคมปัส เปรียบเสมือนเมืองเล็กๆภายในมหาวิทยาลัยเมืองหนึ่งเลย

City CampusFull Campus

ทั้งนี้ผู้สมัครจึงควรหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจ ท่านสามารถติดต่อตัวแทนมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยที่ท่านต้องการศึกษาต่อในประเทศอเมริกา

ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.ตรี (Bachelor) อเมริกา คลิ๊ก!!
ข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่อป.โท (Master) อเมริกา คลิ๊ก!!

เราเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยใน The United States of America (USA) ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ บริการฟรีทุกขั้นตอน Tel. 02 129 3214, 02 129 3215 สมัครเรียน สมัครหอพักของมหาวิทยาลัย จองตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบิน รวมถึงเตรียมเอกสาร กรอกใบสมัคร On-line และทำการนัดหมายกับสถานฑูตอเมริกา ให้ฟรี

Table of Contents

[NEW] เรียนต่ออเมริกา ตามไลฟ์สไตล์ กับ 17 รัฐยอดฮิต ที่ไม่ว่าจะสายไหน ก็โดนใจ!! | รัฐในอเมริกาที่น่าอยู่ – NATAVIGUIDES

เรียนต่ออเมริกา ตามไลฟ์สไตล์ ใน 17 เมือง/รัฐยอดฮิต ไม่ว่าจะสายคุ้มค่า สายเรียบหรูดูแพง สายมันส์ยกแก๊งค์ สายชิลล์ หรือสายเช็คอิน ก็ต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า โดนใจสุดๆ

ประเทศสหรัฐอเมริกาเนี่ย ช่างกว้างใหญ่เหลือเกินค่ะ แต่ละเมืองในแต่ละรัฐเอง ก็ยังมีความแตกต่างเฉพาะตัว เพราะฉะนั้นคำถามยอดฮิตของคนที่มาเรียนต่อหรือเที่ยวอเมริกาคือ มา “อเมริกา แล้วไปเมืองไหนดีนะ” 

ถ้าจะให้บอกว่าเมืองไหนดีกว่าเมืองไหน รัฐไหนดีกว่ารัฐไหน ก็คงจะตัดสินใจกันลำบากอยู่น้า ต้องขึ้นกับไลฟ์สไตล์ของน้องๆ แต่ละคนว่าเป็นแบบไหน ชอบแบบไหน แล้วก็เลือกให้เหมาะกับตัวเอง

พี่ๆ WIN Education ขอเสนอเมือง/รัฐในหลากหลายสไตล์ เพื่อให้น้องๆ ได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการมาเรียนต่ออเมริกา

1. สายคุ้มค่า “เรียนต่ออเมริกา แบบครบ งบประหยัด”

Texas (TX)

Photo credit: https://robbreport.com/shelter/spaces/texas-is-the-fastest-growing-state-in-the-u-s-2837198/

มลรัฐแห่งดาวดวงเด่น (Lone Star State) เมืองหลวง Austin
ที่ตั้งและภูมิประเทศ: เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ น้องๆ น่าจะคุ้นชื่อรัฐนี้กันมาบ้างแล้วจากแบรนด์ไก่ทอด Texas Chicken ซึ่งก็มีที่มาจากรัฐนี้นั่นเองค่า มาเที่ยวอเมริกาแล้วก็ต้องแวะกิน Texas Chicken จากต้นตำรับสักครั้ง ลักษณะภูมิประเทศมีหลากหลายแบบขึ้นกับบริเวณ ทั้งทะเลทราย ป่าชื้น ชายฝั่งทะเล ทุ่งหญ้า และภูเขาสูง บรรยากาศค่อนข้างสงบ ผู้คนไม่พลุกผล่าน หนึ่งในรัฐที่นักเรียนต่างชาติให้ความสนใจไปศึกษาต่อ เอกลักษณ์อีกอย่างที่โดดเด่น คือการขี่ม้าผาดโผน

มหาวิทยาลัยใน Texas

Baylor University และ Texas A&M University–Corpus Christi

Tennessee, TN

Photo credit:https://theculturetrip.com/north-america/usa/tennessee/articles/the-10-most-beautiful-towns-in-tennessee/

เมืองหลวง Nashville ที่ตั้งและภูมิประเทศ: เป็นรัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ ชื่อของรัฐมีต้นกำเนิดจากภาษาสเปนที่ชื่อว่า “Tanasqui ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวผิวขาวประมาณ 80% ได้ชื่อว่าเป็นรัฐแห่งเพลงคันทรีโดยแท้ มีการประกวดแข่งขันเพลงคันทรีทุกๆปีในเมืองแนชวิลล์เมืองหลวงนั่นเองค่ะ มีความสงบ ไม่วุ่นวายตามแบบฉบับคันทรี นอกจากนี้ยังเป็นรัฐที่มีค่าครองชีพต่ำ และผู้คนเป็นมิตรมากที่สุดในอเมริกาด้วยน้า ถ้าไม่เชื่อมาเที่ยวอเมริกาแล้วอน้องๆอย่าลืมไปพิสูจน์ว่าคนเมืองนี้เป็นมิตรมากที่สุดตามที่เค้าบอกมั้ย

มหาวิทยาลัยใน Tennessee

Lipscomb University

Alabama (AL)

เที่ยวอเมริกา AlabamaPhoto credit: https://www.worldatlas.com/articles/what-are-the-10-largest-cities-in-alabama.html

มลรัฐแห่งนกเยลโลว์แฮมเมอร์ (The Yallowhammer State) เมืองหลวง Montgomery ที่ตั้งและภูมิประเทศ: รัฐทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ติดทะเล น้องๆ จะได้ชมบรรยากาศที่เป็นชายหาดแดดจ้าไม่น่าเชื่อว่ามาเที่ยวอเมริกา แต่จะได้เจอชายหาดที่สวยไม่แพ้บ้านเรา มาแล้วอย่าลืมมาพิสูจน์ว่าจะเหมือนทะเลใต้บ้านเรามั้ยน้า รัฐนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ถือเป็นพื้นที่แห่งแรกๆ ของคนพื้นเมืองอเมริกัน

มหาวิทยาลัยใน Alabama

Auburn University และ University of Alabama at Birmingham

Mississippi, MS

เที่ยวอเมริกา MississippiPhoto credit: https://www.britannica.com/place/Mississippi-state

มลรัฐแห่งดอกแมกโนเลีย (Magnolia State) เมืองหลวง Jackson ที่ตั้งและภูมิประเทศ: เป็นรัฐทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งชื่อของรัฐมีที่มาจากชื่อแม่น้ำมิสซิสซิปปี ที่ไหลผ่านตลอดแนวฝั่งตะวันตกของรัฐ เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลก มิสซิสซิปปีเป็นภาษาอินเดียนแดง หมายถึง ‘แม่น้ำอันยิ่งใหญ่’

มหาวิทยาลัยใน Mississippi

University of Mississippilitan University

2. สายเรียบหรูดูแพง “เรียนต่ออเมริกา แต่งตัวปังๆ กินอาหารเลิศๆ ให้เพื่อนอิจฉาเล่น”

New York

Photo credit: https://airlines-airports.com/caribbean-airlines-in-new-york-ny-usa/

ที่ตั้งของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เป็นมหานครเอกของโลก เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน ความทันสมัย วัฒนธรรม บันเทิงที่สำคัญที่สุดของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ มากมาย มาเที่ยวอเมริกาทั้งที จะพลาดเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาได้ยังไงกัน

มหาวิทยาลัยใน New York

Adelphi University, Cornell University, Hofstra University, Long Island University และ Pace University

Boston, MA

เที่ยวอเมริกา bostonPhoto credit: https://www.britannica.com/place/Boston

เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงมากมายกว่า 100 สถาบันกันเลยทีเดียว ตัวเมืองมีการผสมผสานศิลปะและวัฒนธรรมแบบยุโรปเก่า อีกทั้งยังมีความสวยงามของธรรมชาติ และมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มากมายไม่แพ้เมืองอื่นเลยหละค่า

มหาวิทยาลัยใน Boston

Boston University, Clark University, Fisher College, Northeastern University, Simmons University, Suffolk University, University of Massachusetts Boston (UMass Boston)

Washington D.C.

เที่ยวอเมริกา washingtonPhoto credit: https://marijuanaretailreport.com/tag/washington-dc/

มาเที่ยวอเมริกาทั้งที ถ้าไม่แวะเมืองหลวงอย่างดีซี ก็จะหาว่ามาไม่ถึงใช่มั้ยหละคะ เมืองนี้ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของประเทศ และด้วยความเป็นเมืองหลวง ทำให้มีทุกอย่างพร้อมเสิร์ฟ ทั้งอาหารการกิน แลนด์มาร์คสำคัญที่น้องๆ อาจจะคุ้นหูคุ้นตากันจากในภาพยนตร์ต่างๆ มาบ้างแล้ว ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการที่สำคัญ มีการเดินทางที่สะดวกสบายสไตล์เมืองหลวง

มหาวิทยาลัยใน Washington D.C.

American University, Georgetown University, Johns Hopkins University, New York University และ George Washington University เป็นต้น

3. สายเพื่อนกัน มันส์ยกแก๊งค์ “เรียนต่ออเมริกา แบบตื้ดๆ ได้เพื่อนใหม่กลับไปตรึม”

Los Angeles, CA

Photo credit: https://www.oxy.edu/about-oxy/los-angeles

หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า ‘แอลเอ’ เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าถ้าต้องการมากระทบไหล่ดาราฮอลิวูด selfie กับดาราดังๆ ก็ต้องมาเมืองนี้แหละค่า แอลเอยังเป็นศูนย์กลางของโลกภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวด้านความบันเทิงอีกมากมาย มาเที่ยวอเมริกาทั้งทีก็ต้องจัดเต็มความบันเทิงให้สุดไปเลย งานนี้ไม่มีเหงาแน่นอน

มหาวิทยาลัยใน Los Angeles, CA

University of California, Los Angeles, Marymount California University, Stanford University, University of Southern California และ University of the Pacific

Chicago, IL

Photo credit: https://ddwnews.org/news/chicago-named-best-large-city-in-u-s/

หรือ ‘เมืองแห่งลม (Windy City)’ เมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา รองจากแอลเอและนิวยอร์ก และมีความเจริญติด 1 ใน 10 เมืองสำคัญของโลกทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย เมื่อมีโอกาสได้มาเรียนและเที่ยวอเมริกาแล้ว ต้องอย่าพลาดมาชมเมืองนี้ เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และนอกเมืองมีชายฝั่งติดทะเลสาบมิชิแกน ซึ่งมีความยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก

มหาวิทยาลัยใน Chicago, IL

Illinois Institute of Technology, Illinois State University, DePaul University และ University of Illinois at Chicago

San Francisco, CA

https://bonneville.com/our-markets/san-francisco/

ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำเมืองคือ สะพาน Golden Gate ในเมืองนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมายให้เราได้ไปสนุกกัน เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติล้อมรอบเมือง ทั้งยังเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของเหล่าคนดัง และซุปเปอร์สตาร์ที่มีชื่อเสียง มาเที่ยวอเมริกาแล้ว ต้องไปตามรอยซุปเปอร์สตาร์สุดฮอตกันซักหน่อย

มหาวิทยาลัยใน San Francisco, CA

University of California, Los Angeles, Marymount California University, University of Southern California และ University of the Pacific

4. สายชิลล์ ท่ามกลางธรรมชาติ “เรียนต่ออเมริกาแบบชิวๆ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด”

Florida (FL)

Photo credit: http://www.panexpresstravel.ca/united-states-north-america/miami-florida-36-goplaces/

มลรัฐแห่งตะวัน (Sunshine State) ที่ตั้งและภูมิประเทศ: ตั้งอยู่ทางใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศ มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล มีแสงแดดอบอุ่นตลอดทั้งปี ซึ่งก็เป็นที่มาของฉายาของรัฐนี้นั่นเองค่า เมื่อมีโอกาสได้มาเรียนหรือเที่ยวอเมริกาแล้ว การได้ไปเยือนรัฐแห่งสีสันอย่างFlorida ก็กลับไปอวดเพื่อนได้อย่างเริ่ดๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างวอลต์ดิสนีย์เวิลด์ ชายหาดไมอามีอันสวยงาม และแหล่งรวมความบันเทิงต่างๆ ครบครัน

มหาวิทยาลัยใน Florida

University of South Florida, University of Central Florida (Orlando), Florida Atlantic University และ Lynn University

Oregon (OR)

Photo credit:https://kids.nationalgeographic.com/explore/states/oregon/

มลรัฐแห่งตัวบีเวอร์ (Beaver State) ที่ตั้งและภูมิประเทศ: อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ค่อนไปทางเหนือ รัฐนี้มีภูมิประเทศหลายแบบ ตั้งแต่น้ำตก ชายทะเล ทะเลทราย ไปจนถึงยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวมีหลากหลายแนวมากๆ สำหรับนักกิจกรรมสายธรรมชาติ และกิจกรรมกลางแจ้งต้องไม่พลาดที่จะมาที่นี่ค่ะ

มหาวิทยาลัยใน Oregon

Oregon State University

Colorado, CO

มลรัฐเฉลิมฉลองหนึ่งศตวรรษ (Centennial State) ที่ตั้งและภูมิประเทศ: เป็นรัฐทางตอนกลางของประเทศ เฉียงไปทางตะวันตกเล็กน้อย เป็นรัฐที่อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกี้ ซึ่งครอบคลุมราวๆ ครึ่งหนึ่งของรัฐทางฝั่งตะวันตก ในขณะที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเป็นที่ราบ มีแหล่งท่องเที่ยวงดงาม เช่น วนอุทยานเทือกเขาร็อกกี้ และขึ้นชื่อเรื่องสถานที่เล่นสกี มาเที่ยวอเมริกาทั้งทีจะพลาดการเล่นสกีไปได้ยังไง

มหาวิทยาลัยใน Colorado

Colorado State University

Arizona (AZ)

เที่ยวอเมริกา arizonaPhoto credit: https://phoenixchamber.com/economic-development/phoenix-arizona-usa-cityscape/

ที่ตั้งและภูมิประเทศ: อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ติดกับเม็กซิโก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทะเลทราย หน้าผา เทือกเขา และแม่น้ำ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงคือ อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน ที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ทำให้เกิดชั้นหินสุดแปลกตา และสวยงามมากๆ แกรนด์แคนยอนเป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวอเมริกาหลายๆท่านที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต

มหาวิทยาลัยใน Arizona

Arizona State University และ University of Arizona

Utah (UT)

เที่ยวอเมริกา Utah

ที่ตั้งและภูมิประเทศ: อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ตรงเทือกเขาร็อกกี้ ใกล้กับรัฐ Colorado นั่นเอง มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา อัดแน่นไปด้วยอุทยานแห่งชาติ และกิจกรรมกลางแจ้ง ที่มาเที่ยวอมริกาทั้งที ต้องหาเวลามาดูให้เห็นกับตาซักครั้ง

มหาวิทยาลัยใน Utah

University of Utah

5. สายเช็คอิน จิบชา ดื่มกาแฟชิคๆ “เรียนต่ออเมริกา แบบผู้ดี๊ ผู้ดี จิบชา ดื่มกาแฟ ถ่ายรูปชิคๆ”

Portland, OR

เที่ยวอเมริกา portlandPhoto credit: https://propertylistings.ft.com/propertynews/portland/6001-five-reasons-to-live-in-portland-us.html

เมืองเล็กๆ เช็คอินได้ทั้งวัน กับดินแดนที่ฮิปสเตอร์ต้องไม่พลาด เพราะนอกจากร้านกาแฟมากมายที่ถูกใจชาวฮิปแล้ว ยังเป็น 1 ใน 5 รัฐที่ซื้อของแบบไม่ต้องเสียภาษี (Sales Tax) แบบนี้จะพลาดได้ไง ถ้าได้ไปเมืองนี้ต้องทำให้การมาเที่ยวอเมริกาประหยัดขึ้นสุดๆแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ Portland ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานแบรนด์ดังระดับโลกหลายๆ แบรนด์อีกด้วย ถูกใจขาช้อปเข้าไปอีก ว้าว! คนในเมืองนี้มักจะอารมณ์ดีและใจดี อาจด้วยเพราะคุณภาพชีวิตของเมืองนี้ดีมาก และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองสีเขียวอันดับหนึ่งของอเมริกาเชียวนะ อากาศครบทั้ง 4 ฤดู สำหรับคนชอบกิจกรรม Outdoor ทางเราแนะนำว่าต้องมาค่ะ

มหาวิทยาลัยใน Portland

Oregon State University

Seattle, WA

เที่ยวอเมริดา seattlePhoto credit: https://www.tripsavvy.com/what-is-seattle-famous-for-2965306

บ้านเกิดของ Starbucks แหล่งกำเนิดโรงคั่วกาแฟอีกหลายแหล่ง และคาเฟ่ต่างๆ อีกมากมายทั่วเมือง มาเที่ยวอเมริกาทั้งที จะพลาดการไปเยือน starbuck แห่งแรกไปได้ยังไง นอกจากนี้ Seattle ยังเป็นเมืองท่าและเมืองใหญ่ทางเหนือฝั่งตะวันตกของประเทศ ติดกับเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา อารมณ์ว่านั่งรถข้ามไปเที่ยวได้สบายๆ เลย มีฝนตกเกือบตลอดทั้งปี ทำให้ต้นไม้แตกยอดเขียวชะอุ่มไปทั่วเมือง จนได้ฉายาว่าเป็น ‘เมืองมรกต’

มหาวิทยาลัยใน Seattle

Northeastern University Seattle

และนี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ ยังมีอีกหลายๆ เมือง ที่รอน้องๆ ไปเยี่ยมชม แต่สำหรับใครที่มีแพลนจะมาเรียนต่ออเมริกาสามารถปรึกษาพี่ๆ Win Education ได้ฟรีเลย


ย้ายไปอเมริกา 10 เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุด‼ | MOD MOM WOW


TOP 10 เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุดในอเมริกา จะมีเมืองไหนอยู่ในใจคุณบ้าง ไปดูกันค่ะ 😉
เมืองค่าครองชีพสูงในอเมริกา
รายได้เฉลี่ยในอเมริกา
ย้ายไปอเมริกา

==============================
❤ คลิปแนะนำตัว MOD MOM WOW
https://youtu.be/8JpHGfVUfK4
🙏 ขอบพระคุณทุกท่าน ที่รับชมคลิปนะคะ
👍🏻 ชอบกด Like, ใช่กด Share ได้เลยค่ะ
⚀ กด Subscribe เป็นกำลังใจให้ด้วยน๊าา
🔔 กดกระดิ่ง แจ้งเตือน เพื่อชมคลิปใหม่ 💞
Social Media: ช่องทางการติดต่อ
FB Fan Page : MOD MOM WOW

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ย้ายไปอเมริกา 10 เมืองที่ค่าครองชีพสูงสุด‼ | MOD MOM WOW

เด็ดๆ ทั้งนั้น! ตลาดญี่ปุ่นในอเมริกา แคลิฟอร์เนีย ขายอะไร? #มอสลา | Tokyo Central Market in CA


ซุปเปอร์มาร์เก็ตอเมริกา ตลาดอเมริกา ค่าครองชีพอเมริกา
บุกตลาดญี่ปุ่นในอเมริกา ญี่ปุ่นเอาอะไรมาขายในอเมริกาบ้าง?
ส่องราคาของกิน ของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นในอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย
ขอบคุณทุกคนที่กด Like กดติดตาม Subscribed ให้มอร์สด้วยนะคะ 🙂
Thank you for supporting me
📍ช่องทางติดตาม FOLLOW ME ON SOCIAL MEDIA
Facebook Page ➪https://www.facebook.com/Mossala101/
Instagram ➪ https://instagram.com/mossala101
Contact Email ➪ [email protected]

เด็ดๆ ทั้งนั้น! ตลาดญี่ปุ่นในอเมริกา แคลิฟอร์เนีย ขายอะไร? #มอสลา | Tokyo Central Market in CA

อเมริกา เมืองน่าอยู่ | ตอน: เดินทางสู่ Colorado Springs


โคโลราโด สปริงส์ ในอเมริกา น่าอยู่หรือไม่? เดี๊ยวเราจะพาไปเที่ยว ไปหาคำตอบกัน; เที่ยวอเมริกา
Previous video: https://youtu.be/R8rgaBbep_k
The Next Day: https://youtu.be/K70pr7KwrU
★ Subscribe: https://www.youtube.com/mrost/?sub_confirmation=1
★ Instagram: https://instagram.com/mymrost/
★ Facebook: https://www.facebook.com/MYMROST
★ Twitter: https://twitter.com/OkaySalt
★ Youtube: https://www.youtube.com/c/mrost
โคโลราโดสปริงส์, สภาพอากาศที่โคโลราโดสปริงส์, เที่ยวอเมริกา โรงแรมในโคโลราโด สปริงส์ (CO), ชมรมคนไทยในโคโลราโด, ประสบการณ์เกี่ยวกับรัฐ colorado สถานที่ท่องเที่ยว รัฐโคโลราโด, Airbnb โคโลราโดสปริงส์, ท่องเที่ยว ColoradoSprings , Colorado Springs, เมืองสงบ ในอเมริกาเที่ยว denver colorado

อเมริกา เมืองน่าอยู่ | ตอน: เดินทางสู่ Colorado Springs

แต่ละรัฐในอเมริกาขึ้นชื่อเรื่องอะไรบ้าง?


ไงพวก! อยากจะรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับอเมริกาบ้างหรือเปล่า? หึหึ ฉันจะบอกให้ฟังว่าแต่ละรัฐในอเมริกาขึ้นชื่อเรื่องอะไรบ้าง? อย่างเช่น เมน เป็นรัฐที่ผู้คนมีความประพฤติดีที่สุด เวอร์ม้อนต์ รัฐที่ผู้คนมีอัตราการจ้างงาน และรายได้เยอะที่สุด แมสซาชูเซตเป็นรัฐที่มีอัตราการศึกษาเยอะที่สุดในสหรัฐอเมริกา ผู้คนกว่า 40% นั้น เรียนจบปริญญาตรี ผู้คนของ รัฐคอนเนตทิคัต มีฟันที่สะอาดที่สุด!
รัฐเวอร์จิเนีย เป็นรัฐที่มีอัตราโรคหอบหืดน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา ข้างๆ กันนั้น รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เป็นรัฐที่เท่าเทียมกันมากที่สุด เกี่ยวกับการศึกษาและระดับรายได้ รัฐนอร์ทแคโรไลนา เป็นรัฐที่มีคุณภาพของโรงเรียนอนุบาลสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา รัฐเซาท์แคโรไลนา เป็นรัฐที่ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต่อประชากร เยอะที่สุดในประเทศ และอีกมากมาย
TIMESTAMPS:
นิวอิงแลนด์ 0:20
ภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลาง 0:55
ภูมิภาคทางใต้ 1:30
ภาคตะวันตกตอนกลาง 2:54
ภาคตะวันตกเฉียงใต้ 4:28
ภูมิภาคที่อยู่ด้านตะวันตกที่สุดn 4:53

สหรัฐอเมริกา อเมริกา ชีวิตสดใส

สรุป:
นิวยอร์ก ไม่เพียงแต่เป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่ยังเป็นรัฐที่เป็นบ้านเกิดของประธานาธิบดีที่เยอะที่สุด 7 คน และรองประธานาธิบดีที่เยอะที่สุด ถึง 11 คนอีกด้วย
รัฐแมรี่แลนด์ เป็นรัฐที่มีรายได้ครัวเรือนเยอะที่สุดในประเทศหรือประมาณ 80,000 ดอลลาร์ ต่อปีต่อครัวเรือน
รัฐอลาบามา เป็นรัฐที่มีทีมอเมริกันฟุตบอลในระดับวิทยาลัยที่เก่งที่สุด มหาวิทยาลัยในรัฐนี้ คว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับชาติได้ถึง 16 ครั้งเชียวล่ะ
รัฐอาร์คันซอ เป็นรัฐสำหรับคนรักหมา เนื่องจากที่นั่นมีประชากรที่เลี้ยงหมาเยอะที่สุด มีครัวเรือนถึง 48% ที่เลี้ยงหมาหนึ่งตัว หรือมากกว่านั้น
รัฐเคนตั๊กกี้ เป็นอีกรัฐที่เหมาะสำหรับการสำรวจถ้ำ เพราะว่ามันเป็นที่ตั้งของถ้ำที่ยาวที่สุดในโลก อุทยานแห่งชาติถ้ำแมมมอธ
รัฐเท็กซัส เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ทั้ง 48 รัฐ และยังผลิตไฟฟ้าเยอะที่สุดอีกด้วย
รัฐโคโลราโด เป็นรัฐที่มีคนหุ่นดีเยอะที่สุด ด้วยอัตราผู้ป่วยจากภาวะอ้วน เพียงแค่ 22% เท่านั้น
รัฐไอดาโฮ เป็นรัฐที่มีผู้ประกอบการเยอะที่สุด และมีอัตราการผลิตที่สูงที่สุดต่อประชากร
รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐที่ทั้งมีจำนวนประชากรเยอะที่สุด และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา; ประชากรเกือบ 40 ล้านคนที่อยู่ในรัฐนี้ได้ผลิต GDP กว่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ ถ้าเทียบแคลิฟอร์เนียเป็นประเทศหนึ่งในโลก มันจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ในโลกเลยล่ะ!
เราจะลืม รัฐอลาสก้า ที่อยู่ทางเหนือไม่ได้เลย ใช่ไหมล่ะ? ที่นี่อยู่ในอันดับหนึ่งบนดัชนีชี้วัด จินี่ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการวัดค่าความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ

กดติดตามช่องชีวิตสดใส http://bit.do/brightside_thai

เพลงของ Epidemic Sound https://www.epidemicsound.com/
ของในสต๊อก (รูปภาพ, วิดีโอ และอื่นๆ):
https://www.depositphotos.com
https://www.shutterstock.com
https://www.eastnews.ru

แต่ละรัฐในอเมริกาขึ้นชื่อเรื่องอะไรบ้าง?

ทำไมค่าครองชีพ ราคาบ้าน แคลิฟอร์เนีย อเมริกา ถึงแพง! 10 เมือง ราคาบ้าน ค่าครองชีพถูกในแคลิฟอร์เนีย


IG: Jommatokki
References:
WSJ
Hello, please stay safe 🤟

ทำไมค่าครองชีพ ราคาบ้าน แคลิฟอร์เนีย อเมริกา ถึงแพง! 10 เมือง ราคาบ้าน ค่าครองชีพถูกในแคลิฟอร์เนีย

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ รัฐในอเมริกาที่น่าอยู่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *