[Update] เรียนงงๆ ในสาขา Pure Math Part.1 (แนะนำสาขาคณิต มข. และความสับสนในใจว่า มาเรียนถูกที่หรือเปล่า) | เรียน ซัมเมอร์ ที่ เกาหลี – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่ะ น้องๆ ช่วงนี้คงจะว้าวุ่นใจกันสำหรับเด็ก ม.6 เนื่องจากเพิ่งประกาศผลสอบ ส่วนพี่ก็กำลังจะสอบปลายภาค ในต้นเดือนหน้า และยังไม่ได้อ่านหนังสือ 555 แล้วยังมีสอบกลางภาคส่วนที่ 2 วิชา mathematical analysis ส่วนที่ 2 วันที่ 25 เมษานี้อีก (เป็นตัวอย่างทีไม่ดีจริงๆ สงสัยจะได้ One Night Miracle) ในบล็อกนี้พี่จะมาเล่าเกี่ยวกับชีวิตในมหาลัยของพี่ ตั้งแต่ก่อนเข้า จากปี 1 เทอม 1 ตอนนี้ ปี 2 เทอม 2 แล้ว คิดว่าน่าจะเขียนเรื่อยๆ ถ้านึกขึ้นได้ 555 และที่เขียนนี้ก็อยากจะย้ำเตือนตัวเองด้วย รู้สึกช่วงนี้หมดไฟชอบกล เอาล่ะมาเริ่มกันเลย

ตอนนี้พี่เรียนอยู่ ปี 2 สาขาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ (เรียกง่ายๆว่า เพียวแมทนั่นแหละค่ะ) ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลายคนอาจจะคิดว่าเรียนชีวะ 555 เพราะดูจากโพสต์ในเพจ ที่เขียนเกี่ยวกับ สอวน. ชีววิทยา ค่าย 1-3 (แต่คณิตศาสตร์ไม่ได้ขนาดนี้เลย แอบเศร้า T^T รู้งี้เรียนชีวะดีกว่า เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว)

อาจจะเขียนข้ามไปข้ามมาหน่อยนะคะ เพราะไม่รู้จะเรียบเรียงยังไงดี ในช่วง เวลา 2 ปีที่ผ่านมา

ทำไมถึงเลือกเรียนเพียวแมท? มีหลายปัจจัยค่ะ เพราะเริ่มชอบคณิตมาตั้งแต่ ป.6 แล้ว และคิดว่าเป็นวิชาที่ทำได้ดีมาโดยตลอด แต่ก็มีไปแข่งขันวิชาอื่นบ้างค่ะ ทั้ง สังคม ชีวะ ในตอนมัธยม และตัวเองไม่เก่งทำแลปเลย อยู่ในค่าย สอวน. ชีวะ แล้วทุกทรมานมาก 555 คือตอนนั้นคิดเลยว่า จะไม่เรียนชีวะแน่นอน ถ้าเรียนจริงๆ ไม่รอดแน่ๆ นั่นคือหนีแลปมาเรียนคณิต 555 แต่พอผ่านค่าย สอวน. มาได้ ก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แม้ความสามารถด้านการทำแลปจะไม่ค่อยได้เพิ่มขึ้นก็ตาม (ซุ่มซ่ามเวลาทำแลปด้วยแหละ) พอขึ้นมาปี 1 ก็อาศัยสกิลด้านชีวะ รอดมาได้ ด้วยคะแนนพาร์ทบรรยายที่สอบกลางภาคได้ Top ของวิชา Biology for Physical Science (ถ้าไม่ได้ นี่ก็คงจะแบบจะเอาหัวไปมุดไหนดี ระดับดีกรีผู้แทนศูนย์ชีวะ 555 แต่ก็ไม่ซีเรียสมากหรอก เพราะวิชาแลปชีวะ ก็ไม่ได้ทอป)

กับวิชาชีวะ พอได้เข้ามาเรียนมหาลัยจริงๆ กลับรู้สึกโหยหามันอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกมีความสุขเวลาได้อ่านชีวะ ได้สอนชีวะเพื่อน ได้ทำแลป ใช่แล้ว พี่มีช่วงเวลาที่สับสน ที่เครียดมาก รู้สึกเรียนคณิตศาสตร์ไม่ได้เรื่องเลย คะแนนก็รั้งท้ายเพื่อนเด็กทุน และทิ้งห่างกับเพื่อนเยอะมากๆ จนคิดว่า ตัวเองเป็นเด็กทุนจริงหรอ คะแนนก็ไม่ได้ต่างกับเพื่อนคนอื่นเลย จนตอนนี้ก็เริ่มชินละ แต่ก็พยายามที่จะไม่ให้คะแนนมันตกมาก จนหมดโอกาสที่จะได้ A แต่อังกฤษนี่ยอมจริงๆ ตั้งแต่เรียนมา 3 ตัว เพิ่งได้ A ตัวที่ 3 ตัวที่ 4 กำลังเรียนอยู่ ก็มีแววจะไม่ได้ A ละ คะแนนเก็บน้อยเกิ้น (พี่เป็นเด็กทุน พสวท. ค่ะ อยากจะพยายามทำคะแนนเกาะกลุ่มกับเพื่อนให้ได้ แต่ก็มีหลายครั้งที่คะแนนทิ้งห่างจากเพื่อนเยอะมาก จนเกรดที่ออกมาเป็นคนเดียวในทุน ที่ไม่ได้ A แคลคูลัส T^T) เครียดจนแทบอยากจะย้ายสาขาเรียนไปเลย เป็นเพราะเราอยากไปเรียนจริงๆ หรืออยากหนีปัญหา (เพราะตอน ม.6 คุณครูที่โรงเรียนถามว่าจะเรียนแมทจริงๆหรอ ไม่ไปพวก หมอ ทันตะ หรอ ตัวเองชอบคณิตจริงๆ หรือปิดใจตัวเองจากสายอื่นๆ) ตอนนี้ก็ปล่อยพวกมหาเทพเค้าไปค่ะ 555 เราก็เรียนให้เต็มที่ แต่ก็ยังเสียดายเกรดไม่หาย เพราะมันเป็นวิชาภาคด้วยแหละ เลยต้องยิ่งจริงจัง

พี่เลยคิดว่าสิ่งที่ทำให้พี่เลือกเรียนคือ เวลาที่ผ่านไป 6 ปี ตั้งแต่ ม.1-6 มันน่าจะพิสูจน์อะไรได้ว่า เราสามารถอยู่กับคณิตได้ และสามารถไปต่อกับคณิตได้ และจบกลับมาทำงานใช้ทุน สร้างสรรค์อะไรหลายๆอย่าง ไม่มากก็น้อย และตอนนี้ก็ผ่านช่วงเวลาที่สับสนตั้งหลายครั้งหลายครา จะย้ายแหล่ไม่ย้ายแหล่ในช่วงปี 1 ทั้ง 2 เทอม (ถ้าจะเป็นขนาดนี้นะ 555 ตอนนี้ก็ย้ายไม่ได้แล้ว ตกทุนกันพอดี จริงๆก็ไม่แน่ใจเรื่องสาขาสำหรับเด็กทุนนะคะ แต่ถ้าเราเรียนเกิน 4 ปี คือตกทุน แน่นอน ดังนั้นการย้ายสาขา ทำให้มีหลายวิชาที่ต้องมาตามเก็บจนอาจจะเรียนจบไม่ทันภายใน 4 ปี) จนตอนนี้ก็ภาวนาให้ตัวเองเรียนจนจบ มีความรู้ และสอบไปเรียนต่อ ป.โท ที่ต่างประเทศให้ได้ เพราะมันคือความใฝ่ฝันเลย ในใจตอนนี้อยากเรียนต่อ applied mathematics ในทางที่ แอพพลายกับด้านชีวะ ด้านการแพทย์ ส่วน ป.ตรี ก็จะเก็บ Pure math ให้แน่นๆ (ถ้าท่านใดมีคำแนะนำ ก็แนะนำเข้ามาได้นะคะ ตอนนี้ต้องการเก็บข้อมูลให้มากๆ เพราะตอน ปี 3 คือเทอมหน้านี้ จะต้องเลือกเรียนวิชาเลือกตามสายแล้ว ก็คิดว่าจะลงตัวที่เป็นวิชาของสายแอพพลายไว้)

เอาล่ะ ตามหัวข้อ “แนะนำสาขาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น”

ถ้าน้องๆสนใจสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมที่ ข้อมูลหลักสูตร

หลักสูตร ป.ตรี ที่นี่ มี 2 สาขาค่ะ คือ

1. สาขาคณิตศาสตร์ มี 3 วิชาโทให้เลือก : คณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์คณนา และ การประกันภัย
2. สาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ มี 2 วิชาโทให้เลือก : คณิตศาสตร์คณนา และ การประกันภัย

ในตอนปีแรก จะยังเรียนรวมๆกันอยู่ค่ะ ส่วน ปี 2 จะเริ่มมีบางวิชาที่ไม่ได้เรียนด้วยกันแล้ว เช่น วิชาทฤษฎีจำนวน โดยหน่วยกิตจบของเพียวคือไม่น้อยกว่า 136 หน่วย ส่วนแอพ 133 หน่วย ที่นี่เราเรียนกัน 2 เทอม กับ ซัมเมอร์ค่ะ (เด็กทุน พสวท ค่าเทอมครอบคลุมแค่ เทอม 1-2 ส่วนซัมเมอร์ก็จ่ายเองถ้าอยากเรียน 555)

ส่วนวิชาโท คือตอนเรียนเราจะมีการเรียนวิชาเลือก พอเราเรียนวิชาเลือกของสาขานั้นๆเกิน จำนวนหน่วยกิตที่กำหนดไว้ก็จะได้วิชาโท นั่นคือเราอาจจะเรียนจบโดยที่ไม่มีวิชาโทติดไว้ก็ได้ 555 แบบว่าอยากเรียนวิชาไหนก็เรียน แต่ว่าบางวิชามันจะมีเงื่อนไขไว้ว่าต้องผ่านวิชาตัวนี้มาก่อนถึงจะลงเรียนได้ เช่น ถ้าจะเรียนวิชาสายแอพพลาย ต้องลงวิชา Elementary Partial Differential Equations กับ Mathematical Models แต่บางวิชาก็ไม่มีตัวบังคับ ลงเรียนได้เลย

ปี 1 สาขาคณิตศาสตร์ เรียนวิชาอะไรบ้าง

ภาคการศึกษาที่ 1                                                                                          หน่วยกิต
000 101 ภาษาอังกฤษ 1                                                                                3(3-0-6)
English I
SC101 009 ชีววิทยาสำหรับวิทยาศาสตร์กายภาพ                                          3(3-0-6)
Biology for Physical Science
SC101 010 ปฏิบัติการชีววิทยาสำหรับวิทยาศาสตร์กายภาพ                           1(0-2-1)
Biology for Physical Science Laboratory
SC320 001 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขั้นแนะนำ                            3(3-0-6)
Introduction to Information and Communication Technology
*SC411 201 แคลคูลัส 1                                                                                 3(3-0-6)
Calculus I
SC501 001 ฟิสิกส์ทั่วไป 1                                                                              3(3-0-6)
General Physics I
SC501 003 ปฏิบัติการฟิสิกส์ทั่วไป 1                                                              1(0-3-2)
General Physics Laboratory I
รวมจำนวนหน่วยกิตลงทะเบียนเรียน 17

ภาคการศึกษาที่ 2                                                                                            หน่วยกิต
000 102 ภาษาอังกฤษ 2                                                                                  3(3-0-6)
English II
SC201 006 ปฏิบัติการเคมีทั่วไป                                                                       1(0-2-1)
General Chemistry Laboratory
SC201 008 เคมีหลักมูล                                                                                    3(3-0-6)
Fundamental Chemistry
**SC411 001 หลักการทางคณิตศาสตร์                                                            3(3-0-6)
Principles of Mathematics
*SC411 202 แคลคูลัส 2                                                                                   3(3-0-6)
Calculus II
SC501 002 ฟิสิกส์ทั่วไป 2                                                                                3(3-0-6)
General Physics II
SC501 004 ปฏิบัติการฟิสิกส์ทั่วไป 2                                                                 1(0-3-2)
General Physics Laboratory II
รวมจำนวนหน่วยกิตลงทะเบียนเรียน 17

ดูจากจำนวนหน่วยกิต ก็ยังไม่เยอะเท่าสาขาอื่นๆเช่น ชีวะ (ปี 1 ลงเทอมละ 21 หน่วย) 555 แต่ถึงแม้หน่วยกิจจะน้อยกว่า แต่เชื่อเถอะ เรียนสาขาไหนก็เหนื่อยเหมือนกัน ถ้ายิ่งเทอมไหนมีลงเรียนวิชาเสรี จำนวนหน่วยกิตจะเพิ่มเป็น 21 หน่วย ซึ่งตอนนี้เพื่อนๆก็ทยอยลงเรียนกันไปบ้างแล้ว ส่วนพี่ยังไม่ได้ลงเลย เพราะคิดว่าจะลงวิชาเลือกของภาควิชาให้เกินจำนวน แล้วโอนหน่วยกิตไปเป็นวิชาเสรี (ของพี่บังคับ 6-9 หน่วยค่ะ) วิชาเสรีคือวิชาของคณะต่างๆ ซึ่งไม่มีกำหนดบังคับว่าต้องเป็นนักศึกษาในคณะนั้นๆ (แอบเซ็ง ไม่มีที่ให้ดูว่าแต่ละเทอมจะเปิดวิชาเสรีอะไรบ้าง ต้องมาพิมพ์รหัสค้นในระบบ reg เอา ว่าวิชาที่เราสนใจมันเปิดไหม) ตัวอย่างวิชาเลือกเช่น (มีเยอะกว่านี้นะคะ แต่ขี้เกียจหาแล้ว 555)

กลุ่มของคณะมนุษยศาสตร์เเละสังคมศาสตร์
กลุ่มภาษา
406103 ภาษาสเปน 1
406104 ภาษาสเปน 2
407101 ภาษาเกาหลี 1
407102 ภาษาเกาหลี 2
407381 ภาษาและวัฒนธรรมเกาหลี
408101 ภาษาจีน 1
408102 ภาษาจีน 2
410101 ภาษาญี่ปุ่น 1
417101 ภาษาฝรั่งเศส 1
427111 ภาษาเขมร 1
427112 ภาษาเขมร 2
427211 ภาษาลาว 1
427212 ภาษาลาว 2
427411 ภาษาเวียดนาม 1
427412 ภาษาเวียดนาม 2
427511 ภาษาอินโดนีเซีย 1

กลุ่มภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา
415213 ปัญหาสังคม
415261 อาชญาวิทยา
415312 สังคมวิทยาการเมือง

กลุ่มประวัติศาสตร์และโบราณคดี
418110 อารยธรรมโลก
418113 ประวัติศาสตร์ไทย2
418211 ประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
418212 ประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาอีสาน
418215 ประวัติศาสตร์ลาว
418217 โบราณคดีขั้นแนะนำ
418218 โบราณคดีในประเทศไทย
418311 ประวัติศาสตร์ยุโรปสมัยใหม่

กลุ่มปรัชญาและศาสนา
419120 ศาสนาขั้นแนะนำ
419110 ปรัชญาขั้นแนะนำ
419111 ตรรกศาสตร์
419112 การใช้เหตุผล
419114 ประวัติศาสตร์ปรัชญาตะวันตก
419121 ศาสนาเปรียบเทียบ
419122 ศาสนากับสังคมและวัฒนธรรม
419123 พุทธศาสนาเบื้องต้น
419124 พุทธศาสนากับสังคมและวัฒนธรรมไทย
419125 พุทธศาสนากับชีวิตประจำวัน
419126 การพัฒนาจิต
419127 พุทธศาสนพิธี
419130 วัฒนธรรมไทย
419131 วัฒนธรรมอีสาน
419210 จริยศาสตร์
419211 ปรัชญาอินเดีย
419310 ปรัชญาจีน
419311 ปรัชญาญี่ปุ่น
419314 ญาณวิทยา
419315 ปรัชญาสังคม
419317 สุนทรียศาสตร์
419320 ศาสนาในประชาคมอาเซียน
419411 ปรัชญาการเมือง
419420 พุทธศาสนาในประเทศไทย
419421 ศาสนาของจีนและญี่ปุ่น
419425 ศิลปะการครองเรือนในพุทธศาสนา
419426 วิถีธรรมพระกรรมฐานในภาคอีสาน

คณะสัตวแพทยศาสตร์
717101 ธุรกิจปลาสวยงาม
717102 ธุรกิจอาหารสัตว์

คณะศึกษาศาสตร์
212421 การถ่ายภาพสีเบื้องต้น
216142 นันทนาการเบื้องต้น
216XXX กิจกรรมพละศึกษา เช่น ลีลาส วิ่ง ว่ายน้ำ แบดมินตัน ฯลฯ

คณะพยาบาลศาสตร์
250171 สถานการณ์สุขภาพในสังคมไทย
263111 การเตรียมตัวเป็นบิดามารดา
263115 เพศศึกษา

คณะแพทยศาสตร์
374118 สุขภาพเยาวชน
374158 สุขภาพผู้สูงอายุ
377581 โสต นาสิก และลาริงซ์วิทยา
380411 เวชศาสตร์ฟื้นฟู
390681 ปฏิบัติการอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
350121 การประยุกต์คอมพิวเตอร์ใช้ทางการแพทย์
361481 การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
366118 ยาในชีวิตประจำวัน
366128 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา และเครื่องสำอาง เพื่อสุขภาพ

คณะเทคนิคการแพทย์
457111 ชีวิตกับสารเสพติด
คณะเทคโนโลยี
664255 นาโนเทคโนโลยีขั้นแนะนำ
667458 การถนอมอาหารเบื้องต้น
คณะศิลปกรรมศาสตร์
861102 วาดเส้น
862101 ประติมากรรมประยุกต์
863474 การออกแบบของที่ระลึก
864102 การปฏิบัติและวิเคราะห์ดนตรีไทย

ซึ่งวิชาเลือกสามารถลงเรียนได้ตั้งแต่ปี 1 เลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่เริ่มลงเรียนกันปี 1 เทอม 2 หรือเก็บมาลงตอนซัมเมอร์ เพื่อไม่ให้หนักในเทอมปกติก็ได้ ส่วนเด็กทุน พสวท ในตอนซัมเมอร์ ปี 1-2 จะมีการให้ทำโปรเจกต์เล็กๆในช่วงซัมเมอร์ค่ะ ถือว่าไม่ต้องลงซัมเมอร์นะ ให้มาทำโปรเจกต์วิจัย 555

ถ้าเทอมไหนลงเรียนน้อยหรือเกินจำนวนหน่วยกิจที่กำหนดไว้ ก็ต้องทำเรื่องนะคะ

เดี๋ยวพาร์ทหน้าจะมาวีวิววิชาที่เรียนตอน ปี 1 นะคะ^^

แบ่งปันสิ่งนี้:

• Twitter

• Facebook

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…

Related

ถ้าไม่เคยมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลยจะเข้าเรียนได้ไหม

การเรียนการสอนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นจะใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ในระดับชั้นต้น ๆ อาจารย์จะมีวิธีการสอนที่จะทำให้นักเรียนทุกชาติสามารถเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ เช่น การใช้ภาษาท่าทาง รูปภาพหรือสื่อการสอนอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้เข้าใจ พร้อมกับได้สำเนียงการออกเสียงที่ถูกต้อง อีกทั้งเพื่อนร่วมชั้นเรียนจะเป็นคนต่างชาติ ซึ่งทุกคนมีเป้าหมายในการมาเรียนเพื่อพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่น ฉะนั้น จะใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษากลางในการสื่อสารเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเรียนการสอนที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างเร็ว ฉะนั้น ควรจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว อย่างน้อยที่สุดควรจะอ่านและเขียนตัวอักษรญี่ปุ่นพื้นฐาน คือ Hiragana และ Katakana หรือ Kanji ง่าย ๆ ได้ เพื่อที่จะสามารถตามชั้นเรียนได้ทัน ไม่ต้องไปเสียเวลาจำในขณะที่เรียนที่ญี่ปุ่นอีก

ที่สำคัญคือ ที่ญี่ปุ่นจะใช้แต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น หากไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยนั้น จะใช้ชีวิตอย่างลำบาก เพราะการไปเรียนที่ญี่ปุ่น นักเรียนจะต้องดูแลตัวเองทุกเรื่อง อยากให้นักเรียนลองนึกดูว่า ถ้าจะไปเรียนต่อที่อเมริกา โดยที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ตัว ABC หรือไม่รู้แม้แต่จะการนับตัวเลข One , two , three … ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ แล้วจะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างไร

ในกรณีที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลย หรือเคยเรียนมาบ้างเล็กน้อย แนะนำให้ไปแบบโปรแกรม Study Trip

การเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น สามารถเรียนได้นานที่สุดเท่าไร

การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นการไปเรียนด้วยวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor ซึ่งระยะเวลาของวีซ่าประเภทนี้ มากที่สุดคือ 90 วัน และไม่สามารถต่ออายุวีซ่าได้ เมื่อเรียนครบตามกำหนดแล้วจะต้องเดินทางกลับประเทศไทย ไม่สามารถต่อวีซ่าได้ ( ยกเว้นผู้ที่ดำเนินการสมัครเรียนแบบระยะสั้นต่อระยะยาว )

ผู้ที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นส่วนใหญ่เป็นใคร จำกัดอายุหรือไม่ว่าจะต้องไม่เกินเท่าไร

ผู้ที่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นส่วนใหญ่ เป็นคนที่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว และต้องการพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่ว่าง เช่นนักเรียนมัธยมปลาย นักศึกษาที่ไปเรียนในช่วงปิดเทอม หรือคนทำงานที่ลาไปเพิ่มพูนทักษะความรู้ภาษาญี่ปุ่นให้มากขึ้น การไปเรียนระยะสั้น ไม่ได้จำกัดอายุของผู้เรียน ที่ผ่านมาผู้ที่ไปเรียนอายุ 40 ปีขึ้นไปก็มี ( แต่ทั้งนี้ การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับสถานทูตญี่ปุ่น )

การสมัครเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่น จะต้องสมัครเมื่อไหร่ ใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีขั้นตอนอย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว การสมัครเรียน จะต้องสมัครล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือนก่อนเปิดภาคเรียน แต่สำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาพอสมควรแล้ว ( มากกว่า 150 ชั่วโมง ) บางสถาบันจะเปิดรับเข้าเรียนได้ตลอดเวลา

เอกสารที่ใช้ในการสมัครและขั้นตอนการสมัคร สามารถดูรายละเอียดได้โดยคลิกที่นี่

การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่น ควรมีเงินในบัญชีเท่าไรจึงจะผ่านวีซ่า

การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น ในกรณีที่ไปเกิน 15 วัน จะต้องขอวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor ซึ่งเป็นวีซ่าประเภทเดียวกับวีซ่าท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติ การที่วีซ่าจะผ่านหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางสถานทูตญี่ปุ่นเท่านั้นค่ะ และไม่มีกำหนดตายตัวด้วยว่า ต้องมีเงินในบัญชีเท่าไร มีคุณสมบัติอย่างไรจึงจะผ่าน เนื่องจากทางสถานทูตจะพิจารณาจากหลักฐานทุกอย่างของผู้ยื่นขอวีซ่า ทั้งหลักฐานการศึกษา หลักฐานการทำงาน หลักฐานของผู้ค้ำประกัน และหลักฐานการเงิน รวมไปถึงเหตุผลในการไปเรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น

ถ้าเป็นนักเรียนนักศึกษา จะต้องมีจดหมายรับรองจากสถาบันการศึกษา ณ ปัจจุบันมายื่นประกอบ มีหลักฐานการทำงานและหลักฐานทางการเงินของผู้ปกครอง ซึ่งมีเงินในบัญชีมากพอ

ถ้าเป็นคนทำงาน จะต้องมีหลักฐานการทำงานมาแสดง พร้อมกับระบุวันที่ทางบริษัทฯ อนุญาตให้ลาหยุดไปญี่ปุ่นได้ มีหลักฐานการเงินของตัวเอง หรือของผู้ปกครองที่มากพอ ไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ทำผิดกฎหมายญี่ปุ่น หรือหนีวีซ่าญี่ปุ่น เป็นต้น

การขอวีซ่าไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ยาก แต่ขึ้นอยู่กับว่า มีเหตุผลและมีเงินเพียงพอที่จะไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้ และเมื่อเรียนจบตามกำหนดแล้ว จะกลับเมืองไทย ไม่มีญาติพีน้องมีประวัติการหนีวีซ่า และตัวผู้สมัครเองก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะหนีวีซ่า

* กรณีที่เคยมีประวัติการขอวีซ่าญี่ปุ่นไม่ผ่านมาก่อน กรุณาแจ้งให้เจ้าหน้าที่แนะแนวทราบด้วย

การสมัครไปเรียนระยะสั้นที่ญี่ปุ่น ทางโรงเรียนสามารถรับประกันได้หรือไม่ว่าวีซ่าจะผ่านแน่นอน

ทางโรงเรียนไม่รับประกันการผ่านวีซ่าของนักเรียนใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ การพิจารณาวีซ่าขึ้นอยู่กับทางสถานทูตญี่ปุ่นเท่านั้น ( เช่นเดียวกับการไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นกับบริษัททัวร์ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทท่องเที่ยวจะรับประกันว่าท่านจะได้รับวีซ่าแน่นอน )

กรณีที่วีซ่าไม่ผ่าน จะได้เงินค่าเล่าเรียนคืนหรือไม่

กรณีที่วีซ่าไม่ผ่าน การคืนเงินของแต่ละโรงเรียนจะแตกต่างกันแล้วแต่นโยบายของแต่ละโรงเรียน แต่โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนจะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน และค่าใช้จ่ายในการโอนเงินคืนผู้สมัคร จะหักจากเงินในส่วนของค่าเล่าเรียน

เกี่ยวกับที่พัก : ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักหรือโฮมสเตย์ ถ้าอยู่สองคนราคาจะลดลงหรือไม่

ค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของค่าเล่าเรียน และค่าหอพัก รวมถึง Homestay จะเป็นราคาสำหรับ ” หนึ่งคน ”
แม้จะเป็นห้องคู่ แต่ราคาที่ระบุไว้คือราคาที่นักเรียนแต่ละคนจะต้องชำระ ไม่ใช่ราคาที่หารสอง

เกี่ยวกับที่พัก : หอพักของโรงเรียนจะพาเพื่อนหรือผู้ปกครองไปนอนด้วยได้หรือไม่

หอพักของโรงเรียน โดยทั่วไปจะไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปพัก แม้จะเป็นผู้ปกครองของนักเรียนก็ตาม ในกรณีที่ผู้ปกครองจะไปเยี่ยมนักเรียน สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่น เพื่อหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ ๆ โรงเรียนให้ได้ค่ะ

เกี่ยวกับที่พัก : ในกรณีที่อยากพักห้องคู่ แต่ไปคนเดียวจะพักกับใคร

ในกรณีที่ไปคนเดียวและต้องการพักห้องคู่ ทางโรงเรียนจะจัดหารูมเมทให้ ซึ่งอาจจะเป็นนักเรียนไทยหรือนักเรียนชาติอื่น

ยกเว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถหารูมเมทให้ได้ นักเรียนจำเป็นที่จะต้องอยู่ห้องพักเดี่ยว
ในกรณีที่ไปสองคนและต้องการพักห้องคู่ร่วมกัน สามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่นทราบ

เกี่ยวกับที่พัก : อยู่หอพัก หรือโฮมสเตย์ สามารถทำอาหารทานเองได้หรือไม่

การทำอาหารที่หอพักนั้น ขึ้นอยู่กับหอพักแต่ละแห่งว่าอนุญาตให้ทำอาหารได้หรือไม่ บางแห่งจะมีครัวส่วนกลางที่สามารถทำอาหารได้ บางแห่งจะมีมุมทำครัวเล็ก ๆ ภายในห้องพัก ฉะนั้นจะต้องดูข้อมูลที่พักของแต่ละแห่ง

ในส่วนของโฮมสเตย์นั้น ทางครอบครัวจะทำอาหารให้นักเรียนทานวันละ 2 มื้ออยู่แล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทำอาหารทานเอง ยกเว้นอาจจะมีกรณีพิเศษ ที่อยากจะทำอาหารไทยให้ครอบครัวทาน ควรแจ้งให้คุณแม่ทราบ เพื่อขออนุญาตทำอาหารที่ครัว ที่บ้านของครอบครัวญี่ปุ่นนั้น ครัวและตู้เย็น เป็นพื้นที่ของคุณแม่ นักเรียนสามารถเสนอตัวช่วยทำอาหารได้ แต่ไม่ควรถือวิสาสะทำเองโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน

เกี่ยวกับการทำงานพิเศษ : ระหว่างที่เรียนภาษาญี่ปุ่นระยะสั้น สามารถทำงานพิเศษได้หรือไม่

การไปเรียนภาษาระยะสั้นที่ญี่ปุ่นนั้น จะขอวีซ่าระยะสั้น ที่เรียกว่า Temporary Visitor เป็นวีซ่าประเภทเดียวกับวีซ่าท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติ ซึ่งไม่สามารถทำงานพิเศษได้ ( การทำงานพิเศษถือว่าผิดกฎหมาย หากถูกจับได้จะถูกส่งกลับประเทศไทย และจะถูกบันทึกในประวัติ ซึ่งอาจจะมีผลให้ไม่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อีก )

ในกรณีที่เจ็บป่วย หรือต้องไปโรงพยาบาล จะสามารถใช้ประกันสุขภาพของญี่ปุ่นได้หรือไม่

การไปเรียนระยะสั้น จะไม่สามารถทำ ประกันสุขภาพแห่งชาติของญี่ปุ่นได้เหมือนนักเรียนระยะยาว ฉะนั้น ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น นักเรียนจำเป็นที่จะต้องทำประกันภัยสุขภาพและการเดินทางไปต่างประเทศไว้ โดยนักเรียนจะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลไปก่อน และนำใบเสร็จมาเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ไทยภายหลัง นักเรียนสามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำประกันภัยสุขภาพและการเดินทางได้ที่เจ้าหน้าที่เจเอ็ดดูเคชั่น

เกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่น : จะมีเจ้าหน้าที่เดินทางไปด้วยหรือไม่

ในการไปเรียนหลักสูตรภาษาระยะสั้นนั้น นักเรียนจะต้องเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ในกรณีที่มีนักเรียนที่สมัครไปเรียนโรงเรียนเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะจัดให้เดินทางไปวันเดียวกันตามกำหนดการที่ทางร.ร.แจ้งให้ทราบ ฉะนั้นในการไปเรียนระยะสั้น ควรจะเป็นผู้ที่สามารถดูแลตัวเองได้และสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ในระดับหนึ่ง

เกี่ยวกับการเดินทางไปญี่ปุ่น : เมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนมารับหรือไม่

การไปรับที่สนามบินที่ญี่ปุ่นนั้น แต่ละโรงเรียนจะมีระเบียบการไปรับที่สนามบินต่างกัน
ในกรณีที่ต้องการให้ไปรับที่สนามบิน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของค่าบริการรับที่สนามบินและค่าพาหนะเดินทาง
ในกรณีที่ไม่มีการไปรับที่สนามบิน โดยส่วนใหญ่ทางร.ร.จะมีเอกสารอธิบายเส้นทางการเดินทางจากสนามบินเข้ามาในตัวเมือง เพื่อที่จะนัดรับในเมือง

 

ในระหว่างที่เรียน มีกิจกรรมพิเศษหรือพาไปทัศนศึกษาหรือไม่
การเรียนภาษาระยะสั้น โดยทั่วไปจะเป็นการเรียนร่วมกับนักเรียนหลักสูตรระยะยาวตามปรกติ หลังเลิกเรียน จะเป็นเวลาอิสระของนักเรียน แต่ในกรณีที่โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมหรือไปทัศนศึกษานอกสถานที่ นักเรียนระยะสั้นสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้เช่นเดียวกัน ( กิจกรรมและทัศนศึกษา อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับกิจกรรมนั้น ๆ )

หากต้องการไปเรียนระยะสั้นแบบที่มีพาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ด้วย สามารถไปเรียนระยะสั้นแบบ Study Trip

ในการเดินทางจากหอพักหรือจากโรงเรียน ไปสถานที่ต่าง ๆ จะสามารถเช็คข้อมูลได้จากที่ไหน

การเดินทางในญี่ปุ่น สามารถเช็คเส้นทางรถไฟได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถเช็คได้ด้วยตัวเอง โดยเช็คผ่านเว็บไซท์ด้านล่างนี้ โดยระบุสถานีรถไฟต้นทาง และสถานีปลายทางที่จะไป ก็จะสามารถทราบเส้นทางสายรถไฟ ระยะเวลาและค่ารถได้ (มีทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ) ซึ่งนักเรียนควรฝึกใช้เว็บในการหาเส้นทางไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะสามารถหาข้อมูลด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกและง่ายดายในระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น

https://www.hyperdia.com/en/
https://www.jorudan.co.jp/english/

ไปเรียนแบบระยะสั้น หรือไปแบบ Study Trip แบบไหนดีกว่า คุ้มกว่ากัน?

เรียนแบบระยะสั้น หรือไปแบบ Study Trip แบบไหนดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนค่ะ

การไปเรียนแบบระยะสั้น เหมาะกับคนที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นแล้ว และมั่นใจว่าจะสามารถสื่อสารและใช้ชีวิตในญี่ปุ่นด้วยตัวเองได้ สามารถไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ มีความเป็นอิสระกว่า เพราะนอกเหนือจากเวลาเรียนแล้ว คือเวลาว่างที่จะไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ การใช้ชีวิตตามลำพังก็ทำให้จำเป็นต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นมากกว่าการไปเป็นกลุ่ม เพราะทุกอย่างที่ญี่ปุ่นจะต้องใช้แต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จะมีความยุ่งยากกว่าในเรื่องของการที่จะต้องตัดสินใจเลือกที่พัก จองตั๋วเครื่องบิน การหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องเตรียมข้อมูลเองทุกอย่าง ค่าใช้จ่ายจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของแต่ละคน เป็นต้น

การไป Study Trip จะเหมาะสำหรับทั้งคนที่ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนและเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว ( แต่ถ้ากรณีความรู้ภาษาญี่ปุ่นระดับ N2 แล้ว แนะนำให้ไปแบบระยะสั้น ) โปรแกรม Study Trip จะสะดวกและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะไปเป็นกลุ่ม มีเจ้าหน้าที่ไปรับ-ส่งที่สนามบินจนถึงที่พัก ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการไปทัศนศึกษาที่ต่าง ๆ เตรียมไว้พร้อมสรรพ จึงสะดวกและไม่เหนื่อยในการหาข้อมูล แต่ก็มีเวลาว่างบ้าง เพื่อให้มีโอกาสได้ไปเที่ยวในสถานที่ที่สนใจนอกเหนือจากในโปรแกรม ควบคุมค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้ เพราะโปรแกรมทัศนศึกษาจะรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไว้แล้ว (ยกเว้นบางโปรแกรมที่จะไม่รวมอาหาร )

 

รายละเอียดของสถาบันที่กำลังเปิดรับสมัครหลักสูตรระยะสั้น