Skip to content
Home » [Update] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | การใช้ in which – NATAVIGUIDES

[Update] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | การใช้ in which – NATAVIGUIDES

การใช้ in which: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เชื่อเลยว่า เพื่อนๆ หลายคนจะต้องคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะการเรียนเรื่อง Tense ซึ่งมีทั้งหมด 12 แบบด้วยกัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าถ้าเราสามารถจำเรื่อง Tense ได้ก็สบายไปครึ่งทางแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และการสอบต่างๆ ดังนั้น ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มี Tense ทั้ง 12 แบบมาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

Table of Contents

เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ

1. Present Simple Tense (ปัจจุบัน)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es

ตัวอย่างการใช้ 

I go… / You go… / He goes… / They go…

She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ

สำหรับ ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม s ที่คำกริยา

เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น He eats. She sings. A tiger runs.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น

He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

He tries to study.
She studies English.

** หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น

play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย

หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังนี้

1.1 แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น

The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
The sun rises in the east and sets in the west. แปลว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
The earth is round. แปลว่า โลกกลม
Water freezes at 0 C. แปลว่า น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส

1.2 การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นต้น ตัวอย่างการใช้มีดังนี้

She gets up at six o’clock. แปลว่า หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)
He runs every morning. แปลว่า เขาวิ่งทุกๆ เช้า
John often drinks beer. แปลว่า จอห์นมักจะดื่มเบียร์
She never sits in front of the church. แปลว่า หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย

1.3 แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น

I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย
He starts to study in five minutes. แปลว่า เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที
The concert begins at 1.30. แปลว่า คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา

1.4 ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น

New brooms sweep clean. แปลว่า ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า
Money makes friend. แปลว่า เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก
Health is wealth. แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังจะทำ)

โครงสร้างประโยค 

I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลักการเติม ing

คำกริยาที่ลงท้านด้วย e ให้ตัด e ทิ้งเสียก่อนแล้วเติม ing เช่น

bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น

free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น

lie > lying
die > dying
tie > tying

กริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียวและมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

กริยาหลายพยางค์ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว หน้าพยัญชนะ มีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น

forget > forgetting
admit > admitting

กริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ trevel, quarrel เช่น

travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)

กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น

hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

หลักการใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

2.1 แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. ตัวอย่างการใช้

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2.2 แสดงการกระทำเริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้ กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. ตัวอย่างการใช้

I am working with my teacher this summer. แปลว่า ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้ (ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)

Tom is working for an examination. แปลว่า ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้ (ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)

2.3 ใช้แทนอนาคตกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) ตัวอย่างการใช้

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลว่า ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลว่า เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์

2.4 กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense มีดังต่อไปนี้

กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 ด้าน

see = เห็น/notice = สังเกต
smell = ดมกลิ่น
taste = ชิม
hear = ได้ยิน
recognize = จำได้

กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น

love = รัก
like = ชอบ
dislike = ไม่ชอบ
adore = รักยิ่ง บูชา
forgive = อภัย
wish = ปรารถนา
ต้องการ care = เอาใจใส่
desire = ปรารถนา
hate = เกลียด
want = ต้องการ
refuse = ปฏิเสธ

กริยาแสดงความคิด เช่น

think = คิด
know = รู้
realize = ตระหนัก
recollect = จำได้
suppose = คิด
recall = นึกได้
expect = คาดหวัง
suppose = คิด
understand = เข้าใจ
mean = ตั้งใจ, หมายความ
believe = เชื่อ
forget = ลืม
trust = เชื่อ
remember = จำได้

กริยาอื่นๆ เช่น

seem = ดูราวกับว่า
hold = บรรจุ
belong = เป็นของ
own = เป็นเจ้าของ
contain = บรรจุ
possess = เป็นเจ้าของ
consist = ประกอบด้วย

3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has,have + Past Participle

ตัวอย่างการใช้ 

We have eaten American foods.
She has not(hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

หลักการใช้ Present Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

3.1 แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (ตอนพูด) และมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต มักจะมีคำว่า since, for ตัวอย่างการใช้

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลว่า ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958
I have studied in America for four years. แปลว่า ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

3.2 แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย ตัวอย่างการใช้

I have just passed my friend’s house. แปลว่า ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา
They have already finished housework. แปลว่า พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว

3.3 แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด ตัวอย่างการใช้

I have read this book before. แปลว่า ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
He has opened the door. แปลว่าเขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่คือประตูเปิด)

3.4 เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายหนแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สามารถบอกเวลาการเกิดขึ้นได้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย ตัวอย่างการใช้

I have been to America many times. แปลว่า ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว
She has read this book three times. แปลว่่า หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว
He has eaten Thai food several times. แปลว่า เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I have been thinking. แปลว่า ฉันกำลังคิด
They have been talking. แปลว่า พวกเขากำลังพูดกัน
She has been living here for 2 weeks. แปลว่า หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว
He has been studying hard all year. แปลว่า เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

4.1 ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน เช่น

John has been living in America since 1984. แปลว่า จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984

** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกัน ตรงที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำติดต่อกันมาตลอด และกริยา ที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ใคร่นิยมใช้มากนัก

5. Past Simple Tense (อดีตธรรมดา)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างการใช้งาน 

She went home. แปลว่า เธอกลับบ้าน
I came here last night. แปลว่า ฉันมาที่นี่เมื่อคืน

หลักการใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดังนี้

5.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc. ตัวอย่างการใช้

I got sick yesterday. แปลว่า ฉันป่วยเมื่อวานนี้
I lived in Phuket 3 years ago. แปลว่า ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

5.2 แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ด้วย เช่น always, every, frequently etc. ตัวอย่างการใช้

Chris walked every morning. แปลว่า คริสเดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว)
He always woke up late last year. แปลว่า เขาตื่นนอนสายเสมอๆเมื่อปีที่แล้ว
When I was young. I listened to the radio every night. แปลว่า เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน

5.3 แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย ตัวอย่างการใช้

While she sang, I danced. แปลว่า ขณะที่หล่องร้องเพลง ฉันเต้นรำ
As she cooked, her son played football. แปลว่า ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของเธอก็เล่นฟุตบอล

6. Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + was, were + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I was drinking a glass of water. แปลว่า ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว
They were playing football in the field. แปลว่า เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม

หลักการใช้ Past Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

6.1 ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้ว เราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น จะใช้ Past Simple ตัวอย่างการใช้

While I was cooking, the telephone rang. แปลว่า ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
We are walking along the street, it began to rain. แปลว่า พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก

6.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต ตัวอย่างการใช้

He was sleeping in the class. แปลว่า ฉันกำลังหลับในห้องเรียน
He was running in the morning แปลว่า เขากำลังวิ่งในตอนเช้า

6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค ตัวอย่างการใช้

While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ
She was sleeping while he was talking with his friends. แปลว่า หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน

7. Past Perfect Tense (อดีตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)

ตัวอย่างการใช้ 

She had slept. แปลว่า หล่อนได้นอนหลับแล้ว
He had not worked. แปลว่า เขาไม่ได้ทำงาน
I had eaten foods before you came. แปลว่า ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา

หลักการใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

7.1 แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

When I had finished my housework, I played T.V games. แปลว่า เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น TV เกม (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)

7.2 ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech ตัวอย่างการใช้

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”
Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลว่า หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว
Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลว่า เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”
Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลว่า เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี

8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I had been sleeping. แปลว่า ฉันกำลังนอนหลับ
She had been waiting for two hours. แปลว่า หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว
He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลว่า เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

8.1 ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect เราใช้ก็ต่อเมื่อเกิดมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพ
I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง
She had been reading for several hours when I saw her. แปลว่า หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน

9. Future Simple Tense (อนาคต)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้

I will go to see you tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้
I shall go. แปลว่า ฉันจะไป
Mary will run. แปลว่า แมรี่จะวิ่ง

หลักการใช้ Future Simple Tense สรุปได้ดังนี้

9.1 ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น to night, tomorrow, next week, next month etc. ตัวอย่างการใช้

I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้
She is going to see the doctor next week. แปลว่า หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า
The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลว่า เครื่องบินจะมาถึงท่าอากาศยานในอีก 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will, shall

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเชื่อว่าเป็นจริง โดยไม่สงสัย ตัวอย่างการใช้

I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา
She is going to write to her parents. แปลว่า หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ
She has bought flour : She is going to make cake. แปลว่า หล่อนซื้อแป้งมาและจะทำเค้ก

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน ตัวอย่างการใช้

I think it is going to rain. แปลว่า ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

10. Future Continuous Tense (อนาคตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We) + be + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall be running. แปลว่า ฉันกำลังวิ่ง
I will be working tomorrow. แปลว่า ฉันกำลังจะทำงานพรุ่งนี้
We shall be drinking. แปลว่า เรากำลังจะดื่ม

หลักการใช้ Future Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

10.1 แสดงเหตุการ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นกำลังดำเนินอยู่ ตัวอย่างการใช้

-At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลว่า เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน
-I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลว่า ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้
-He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้

10.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense ตัวอย่างการใช้

-They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)

-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมื่อเขาโทรมาหาคณ หล่อนกำลังจะไปตลาด

11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have eaten. แปลว่า ฉันจะกินอยู่แล้ว
Sri will have gone. แปลว่า ศรีจะไปอยู่แล้ว
He will have finished his work. แปลว่า เขาจะเสร็จงานของเขาอยู่แล้ว

หลักการใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

11.1 ใช้เมื่อคิดว่า เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง มักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตัวอย่างการใช้

I will have slept in three hours. แปลว่า ฉันจะนอนเสร็จภายใน 3 ชั่วโมง
They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า

11.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน คาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น เหตุการณ์หนึงจะเสร็จสมบูรณ์
เราจะใช้ Future Perfect Tense กับ เหตุการณ์นี้และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กับประโยคนี้ ตัวอย่างการใช้

By the time you arrive, I will have finished homework. แปลว่า เมื่อเวลาที่คุณมาฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี
She will have eaten foods before you came. แปลว่า หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา
The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have been working. แปลว่า เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)
He will have been running. แปลว่า เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)

หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

12.1 สำหรับ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด) ตัวอย่างการใช้

-By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลว่า ถึงเวลา 10 นาฬิกา ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก
-When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลว่า เมื่อคุณมาถึง หล่อนคงจะได้รอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tonamorn.com

บทความแนะนำ

[Update] Relative pronoun คืออะไร มีการใช้อย่างไร | การใช้ in which – NATAVIGUIDES

Relative pronoun เป็นหัวข้อหนึ่งในภาษาอังกฤษที่หลายคนมักจะสับสน เพราะมีรายละเอียดเยอะ และสามารถใช้ได้หลากหลายแบบ

สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง relative pronoun ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้อ่านกันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Relative pronoun คืออะไร

Relative pronoun คือคำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ซึ่งได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

The student who won the contest is my son.
นักเรียนคนที่ชนะการประกวดเป็นลูกชายของฉัน

จากประโยคตัวอย่าง

  • ถ้าเขียนแยกกันจะได้เป็น 2 ประโยคคือ The student is my son. He won the contest.
  • Relative pronoun ซึ่งในที่นี้ก็คือ who ทำหน้าที่เชื่อม 2 ประโยคนี้เข้าด้วยกัน โดยจะนำส่วน “won the contest” เข้าไปขยายคำว่า student ในประโยคแรก
  • เราจะเรียก “who won the contest” ว่า relative clause โดยจะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ student ทำให้เรารู้ว่ากำลังพูดถึงนักเรียนคนไหน

(Relative clause คือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามหรือคำสรรพนาม โดยมักจะขึ้นต้นด้วย relative pronoun)

ภาพรวม relative pronoun

Relative pronounรายละเอียดการใช้ตัวอย่างประโยคWhoใช้กับคน (อาจใช้กับสัตว์เลี้ยงด้วย)Neil Armstrong was the first person who walked on the moon.
นีล อาร์มสตรองเป็นบุคคลแรกที่เดินบนดวงจันทร์Whomใช้กับคน (ที่ทำหน้าที่เป็นกรรม มักใช้ในภาษาที่เป็นทางการ)This is Anne, whom you met at the seminar last week.
นี่คือแอน คนที่คุณเจอที่งานสัมมนาเมื่อสัปดาห์ก่อนWhoseใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ (เกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ)I met a woman whose name is Sara.
ฉันได้เจอผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งชื่อของเธอคือซาร่าWhichใช้กับสัตว์และสิ่งของI need help with this homework, which is due tomorrow.
ฉันต้องการความช่วยเหลือกับการบ้านอันนี้ มันต้องส่งพรุ่งนี้แล้วThatใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ (มักใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ)This is the same bag that my mom has.
นี่เป็นกระเป๋าใบเดียวกันกับที่แม่ฉันมีเลยWhereใช้กับสถานที่I know a store where we can buy the phone cheaper.
ฉันรู้จักร้านที่เราสามารถซื้อโทรศัพท์ได้ถูกกว่าWhenใช้กับเวลาThere isn’t a day when I don’t think about her.
มันไม่มีซักวันเลยที่ฉันไม่ได้นึกถึงเธอWhyใช้กับเหตุผลI don’t know why he didn’t come.
ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มาการละ
relative
pronounเราสามารถละ relative pronoun ได้ เมื่อ relative pronoun แทนสิ่งที่เป็นกรรมThe person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
คนที่ฉันเจอเมื่อวานคือทิม

การใช้คอมม่า

การใช้คอมม่ากับ relative clause เราจะต้องรู้ก่อนว่า relative clause นั้นจำเป็นต่อประโยคหรือไม่

  • ถ้า relative clause เป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับประโยค (เรียกว่า defining clause หรือ restrictive clause) เราจะไม่ใช้คอมม่า
  • ถ้า relative clause เป็นส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับประโยค (เรียกว่า non-defining clause) เราจะใช้คอมม่า

ตัวอย่าง defining clause (จำเป็น, ไม่ใช้คอมม่า)

This is the cat that I bought.
นี่คือแมวที่ฉันได้ซื้อมา
(ถ้าตัด “that I bought” ทิ้ง จะเหลือความหมายแค่ว่า “นี่คือแมว” ซึ่งจะเสียใจความสำคัญไป เลยถือว่าจำเป็น)

ตัวอย่าง non-defining clause (ไม่จำเป็น, ใช้คอมม่า)

John, who is my friend, is a chef at that restaurant.
จอห์น คนที่เป็นเพื่อนฉัน เป็นเชฟอยู่ที่ร้านอาหารร้านนั้น
(“who is my friend” เป็นส่วนที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอห์น แต่ถ้าตัดออก ใจความสำคัญของประโยคก็ยังคงอยู่ เลยถือว่าไม่จำเป็น)

Relative pronoun ทุกตัวสามารถใช้ได้กับทั้ง defining และ non-defining clause ยกเว้น that กับ การละ relative pronoun ที่จะต้องใช้กับ defining clause (จำเป็น, ไม่ใช้คอมม่า) เท่านั้น

พูดอีกแบบก็คือ เราจะไม่ใช้คอมม่า เมื่อใช้ relative pronoun เป็น that หรือเมื่อเราละ relative pronoun

หลักการใช้ relative pronoun

เรามาดูหลักการใช้ relative pronoun แต่ละตัว พร้อมกับตัวอย่างประโยคกัน

1. Who

ใช้ who แทนคนและสัตว์เลี้ยง

หลักๆแล้ว เราจะใช้ who กับคน แต่ก็อาจใช้กับสัตว์เลี้ยงด้วย

I don’t like people who slam doors.
ฉันไม่ชอบคนที่ปิดประตูแรง
(who แทน people ซึ่งแปลว่า “ผู้คน”)

That is the cat who lives here.
นั่นคือแมวที่อาศัยอยู่ที่นี่
(who แทน cat ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง)

แต่เราจะไม่ใช้ who แทนสิ่งของ

This is the book that inspired me to be a teacher.
นี่คือหนังสือที่ทำให้ฉันอยากเป็นครู
(เราจะไม่ใช้ who กับสิ่งของ ซึ่งในที่นี้คือ book แต่เราจะใช้ which หรือ that แทน)

ใช้ who เป็นได้ทั้งประธานและกรรม

เราสามารถใช้ who เป็นได้ทั้งประธานและกรรม (สมัยก่อน เราจะใช้ who เป็นประธาน และใช้ whom เป็นกรรม แต่ในยุคหลังๆ ได้มีการหยวนให้ใช้ who เป็นกรรมได้ โดยเฉพาะในภาษาพูดหรือในภาษาที่ไม่เป็นทางการ)

The woman who called me yesterday is a nurse.
ผู้หญิงที่โทรหาฉันเมื่อวานเป็นพยาบาล
(who เป็นประธาน ซึ่งก็คือผู้หญิงที่โทรหาฉัน)

The woman who I called yesterday is a nurse.
ผู้หญิงที่ฉันโทรหาเมื่อวานเป็นพยาบาล
(who เป็นกรรม ซึ่งก็คือผู้หญิงที่ฉันโทรหา)

2. Whom

ใช้ whom แทนคนที่เป็นกรรม

เราจะใช้ whom แทนคนที่เป็นกรรมในประโยค โดยเฉพาะการใช้ในภาษาเขียน และในภาษาที่เป็นทางการ (ในภาษาพูดและภาษาที่ไม่เป็นทางการ เราจะนิยมใช้ who มากกว่า)

He once had a lover whom he loved so much.
ครั้งหนึ่งเขาเคยมีคนรักที่เขารักมาก

3. Whose

ใช้ whose แสดงความเป็นเจ้าของ แทนคน สัตว์ สิ่งของ

คำว่า whose เป็นคำที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ สามารถใช้ได้กับทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ อย่างเช่น

I talked to a parent whose child is very ill.
ฉันได้คุยกับผู้ปกครอง ซึ่งลูกของเค้านั้นป่วยมาก

We adopted a dog whose owner had passed away.
พวกเราได้รับเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งเจ้าของของมันได้เสียชีวิตไปแล้ว

The house whose roof is red belongs to me.
บ้านหลังที่มีหลังคาสีแดงนั้นเป็นของฉัน

4. Which

ใช้ which แทนสัตว์และสิ่งของ

เราจะใช้ which แทนสัตว์หรือสิ่งของ โดยจะใช้เป็นได้ทั้งประธานและกรรม

The elephant, which is very big, was seen near the village.
ช้างซึ่งตัวใหญ่มากได้ถูกพบเห็นอยู่ใกล้ๆหมู่บ้าน

She loves the cake which I bought.
เธอชอบเค้กที่ฉันซื้อมา

ใช้ which แทนทั้งประโยค

นอกจากการใช้ relative pronoun แทนคำนาม/คำสรรพนามแล้ว เรายังสามารถใช้แทนทั้งประโยคได้ด้วย โดยมักจะใช้ which

There is going to be a new election soon, which is good.
เดี๋ยวจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งถือว่าดี
(which ในที่นี้แทนทั้งประโยค “There’s going to be a new election soon”)

5. That

ใช้ that แทนคน สัตว์ สิ่งของ

เราสามารถใช้ that แทนได้ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่เป็นประธานและเป็นกรรม แต่จะต้องใช้กับ defining clause เท่านั้น (จำเป็น, ไม่มีคอมม่า)

ถ้าเทียบกันแล้ว การใช้ that จะฟังดูเป็นทางการน้อยกว่า who, whom และ which

The boy that talked to me is Jim.
เด็กผู้ชายที่พูดกับฉันคือจิม

I bought a new cat that is very cute.
ฉันซื้อแมวใหม่มา ซึ่งน่ารักมาก

Everyone loves the pizza that I made.
ทุกคนชอบพิซซ่าที่ฉันทำ

6. Where

ใช้ where แทนสถานที่

เราจะใช้ where แทนสถานที่ โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

The place where my aunt lives is beautiful.
ที่ที่ป้าฉันอยู่นั้นสวยนะ

7. When

ใช้ when แทนเวลา

เราจะใช้ when แทนเวลา โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

There will be a time when we must choose between what is easy and what is right.
มันจะมีเวลาที่เราต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ง่ายกับสิ่งที่ถูกต้อง

8. Why

ใช้ why แทนเหตุผล

เราจะใช้ why แทนเหตุผล โดยมักจะใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ

Do you know the reason why he was late?
คุณรู้เหตุผลที่เขามาสายมั้ย

9. การละ relative pronoun

ละ relative pronoun ได้เมื่อแทนกรรม

เมื่อใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ เรามักจะละ relative pronoun แต่จะทำได้เฉพาะเมื่อ relative pronoun เป็นกรรม และ relative clause เป็น defining clause (จำเป็น, ไม่มีคอมม่า) เท่านั้น

English is the language (which/that) I love.
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ฉันรัก

การใช้ preposition

การใช้ preposition (เช่น in, on, at, to, with) ใน relative clause ถ้าเป็น whose กับ which เราสามารถเอา preposition มาไว้หน้า relative pronoun หรือไว้ข้างหลังตามปกติก็ได้ เมื่อ relative pronoun เป็นกรรม อย่างเช่น

The room which I sleep in has two windows. (preposition อยู่ในตำแหน่งปกติ)
The room in which I sleep has two windows. (preposition อยู่ข้างหน้า)
ห้องที่ฉันนอนมีหน้าต่างสองบาน

การนำ preposition มาไว้ข้างหน้า relative pronoun จะทำให้ภาษาฟังดูเป็นทางการมากกว่าการเอาไว้ข้างหลัง การใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เราจึงมักจะเอาไว้ข้างหลังมากกว่า

แต่ถ้าเป็น whom เราจะต้องเอา preposition มาไว้ข้างหน้าเท่านั้น

There was only one boy to whom she spoke.
มีเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอได้พูดด้วย

สำหรับ relative pronoun ตัวอื่นๆอย่าง who, that, where, when, why เราจะใช้ preposition ในตำแหน่งข้างหลังตามปกติ

There was only one boy who she spoke to.
มีเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอได้พูดด้วย

สรุปเรื่อง relative pronoun

  • Relative pronoun ได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why
  • เราจะใช้ relative pronoun ในการเชื่อมประโยคหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ
  • Relative clause คือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามหรือคำสรรพนาม โดยมักจะขึ้นต้นด้วย relative pronoun
  • ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักมีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (จำเป็น) เราจะไม่ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (I don’t like people who slam doors.)
  • ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักไม่ได้มีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (ไม่จำเป็น) เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (My father, who lives in Bangkok, is an engineer.)
  • Relative pronoun ส่วนใหญ่จะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ยกเว้น whom ที่จะเป็นได้แค่กรรมเท่านั้น
  • การใช้ relative pronoun เป็นกรรม เราสามารถละ relative pronoun ได้ เช่น The person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
  • การใช้ relative pronoun แทนสิ่งต่างๆ จะมีข้อกำหนดว่าเราจะใช้ตัวไหนแทนสิ่งใดได้บ้าง
    • คน – who, whom (กรรม), whose, that
    • สัตว์ – who (สัตว์เลี้ยง), whose, which, that
    • สิ่งของ, สิ่งไม่มีชีวิต, สิ่งที่เป็นนามธรรม – whose, which, that
  • Where, when, why เป็น relative pronoun ที่มีขอบเขตการใช้ค่อนข้างเฉพาะ โดยเราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล
  • เมื่อ relative pronoun เป็นกรรม การใช้ preposition ใน relative clause กับ whose และ which เราสามารถนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whose กับ which ได้ แต่มักจะทำเฉพาะในการเขียนที่เป็นทางการ
  • เมื่อใช้ whom การใช้ preposition ใน relative clause เราจะนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whom

จบแล้วนะครับกับนิยามและหลักการใช้ relative pronoun ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


ติว TOEIC ครูดิว : Relative Pronouns ที่ออกสอบ TOEIC บ่อยที่สุด !!!!


✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 สมัครคอร์ส KruDew ติว New TOEIC 2020 (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ติว TOEIC ครูดิว : Relative Pronouns ที่ออกสอบ TOEIC บ่อยที่สุด !!!!

ติว TOEIC ครูดิว : IN/ON/AT ใช้ต่างกันยังไง?


✿ ติวสอบ TOEIC® เริ่มจากพื้นฐาน เทคนิคแกรมม่า แนวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด! ✿
👉 ทดลองติวฟรี! ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์สครูดิว ติวสอบ TOEIC® มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิคสอบ TOEIC® รวม Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์สอบ TOEIC® ออกข้อสอบบ่อย ๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด ทั้ง Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC ครูดิว : IN/ON/AT ใช้ต่างกันยังไง?

who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday


who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday by เรียนเหอะ อยากสอน
ติว Tuesday วันนี้ครูอายจะมาสอนการเลือกใช้ who whom which that whoseใช้ยังไง
who whom whose ใช้ยังไง
who whom ใช้กับคน
which ใช้กับสิ่งของ
whose ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ
ใช้ that แทน who whom which ตอนไหนได้บ้าง
ละ relative pronoun ตอนไหนได้บ้าง
ประเภทของ relative clause ได้แก่
1. defining relative clause
2. nondefining relative clause
เจอกันกับ ติว Tuesday ทุกวันอังคาร
และ พักกลางวัน ทุกวันศุกร์นะคะ
เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองฟรี กับครูอาย เรียนเหอะ อยากสอน ได้ที่ไหนบ้าง?
▸ Youtube : https://www.youtube.com/เรียนเหอะอยากสอน
▸ Facebook : https://www.facebook.com/reanher
▸ Instagram : https://www.instagram.com/reanher.ig
กดที่นี่เพื่อ Subscribe ช่องนี้กันได้นะคะ ^^
https://www.youtube.com/channel/UCRX0VwKduaOHqlGeIdeOAUg?sub_confirmation=1
ติดต่อสปอนเซอร์
▸ Email : [email protected]
ครูอาย สอนภาษาอังกฤษ เรียนเหอะอยากสอน ติวTuesday

who whom whose which that ใช้ยังไง | ติว Tuesday

ติว TOEIC: Correlative Conjunction (คำเชื่อมที่มาเป็นคู่ๆ) มีอะไรบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ


Correlative Conjunctions ได้แก่พวก either or, neither nor, not only but also, both and ซึ่งมักจะมาเป็นคู่ๆ ดังนั้นในข้อสอบ TOEIC ถ้าเจอเรื่องนี้จะมีวิธีสังเกตยังไงบ้าง ตามครูดิวมาดูเลยค่ะ

✿ คอร์สครูดิว ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิค TOEIC Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ทั้ง TOEIC Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC: Correlative Conjunction (คำเชื่อมที่มาเป็นคู่ๆ) มีอะไรบ้าง? มาดูกันเลยค่ะ

วิธีการใช้ Rapid Antigen Test Kit (ชุดตรวจเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน) | Thairath Online


ชุดตรวจโควิด19 เบื้องต้น Rapid Antigen Test Kit คืออะไร มีวิธีการใช้แบบไหน และมีวิธีการปฎิบัติตัวอย่างไรหลังทราบผลเชื้อ ติดตามได้ใน Infographic ชิ้นนี้ วิดีโอนี้จะอธิบายการตรวจเชื้อโควิด19 แบบเร่งด่วน ด้วยวิธีการกวาดโพรงจมูก โดยจะรู้ผลได้ภายในเวลาประมาณ 1030 นาที
\”ปฏิบัติการไทยรัฐ ฝ่าวิกฤติโควิด19\” ขอเป็นส่วนหนึ่งที่พาคนไทยฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ตั้งเป้าจัดหาชุดตรวจเชื้อโควิด19 เบื้องต้น ให้ได้มากที่สุด เพื่อกระจายชุดตรวจนี้ให้ไปถึงมือประชาชนโดยเร็ว เพราะเราเชื่อว่า ยิ่งตรวจเชื้อได้มากและเร็วเท่าไร ยิ่งลดการเสี่ยงแพร่กระจายของเชื้อได้มากขึ้นเท่านั้น
ไทยรัฐกรุ๊ปขอเชิญชวนประชาชนที่มีกำลังทรัพย์ร่วมฝ่าวิกฤตินี้ไปด้วยกัน คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนเงินผ่านโครงการนี้ เงินทั้งหมดที่ได้จะนำไปจัดซื้อชุดตรวจโควิด19 (Rapid Antigen Test Kit) เพื่อแจกจ่ายผ่านหน่วยงานและสถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด
ผู้สนใจสามารถร่วมสนับสนุนมาได้ที่
บัญชีเงินฝาก: ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนวิภาวดีรังสิต
บัญชีกระแสรายวัน
เลขที่: 1963066566
ชื่อบัญชี : ไทยรัฐร่วมฝ่าวิกฤติโควิด19
ชุดตรวจโควิด
วิธีการใช้ชุดตรวจโควิด
วิธีใช้RapidTest
ไทยรัฐฝ่าวิกฤติโควิดตรวจหาเชื้อ
ข่าวโควิดล่าสุด
กดติดตาม \u0026 กดกระดิ่ง : http://bit.ly/Subscribe_Thairath
ติดตามข่าวสำคัญไปกับเรา
Website : https://www.thairath.co.th
Website : https://www.thairath.co.th/tv
Facebook : https://www.facebook.com/thairath
Facebook : https://www.facebook.com/thairathtv
Twitter : https://twitter.com/Thairath_News
Twitter : https://twitter.com/Thairath_TV
Instagram : https://www.instagram.com/thairath
Instagram : https://www.instagram.com/thairathtv
Line : http://line.me/ti/p/@Thairath
Youtube : https://www.youtube.com/thairathonline
ติดต่อโฆษณา ออนไลน์
โทร. 021271111 ต่อ 2144

วิธีการใช้ Rapid Antigen Test Kit  (ชุดตรวจเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน) | Thairath Online

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การใช้ in which

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *