Skip to content
Home » [Update] | หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] | หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

 Tense คือ… … กาล….หรือ….เวลา

 

 

ใช้ในการแสดง เวลา ของ การกระทำ เพื่อพูดบอกเหตุการณ์นั้นๆ ว่าเป็น ปัจจุบัน อดีตหรือ อนาคต

 

ก็ลองพิจารณาประโยคง่ายๆ เหล่านี้

 

ate Khaomankai yesterday
ฉันกินข้าวมันไก่เมื่อวาน

eat Khaomankai today
ฉันกินข้าววันไก่วันนี้

will eat Khaomankai tomorrow
ฉันจะกินข้าวมันไก่พรุ่งนี้

 

สังเกตออกง่ายๆแล้วใช่ไหม ว่าส่วนมากเขามี การระบุเวลา ช่วยให้เราเข้าใจกันง่ายๆ 
จะเป็นวันนี้ เมื่อวาน พรู่งนี้ อาทิตย์หน้า ตอนนี้ เมื่อเช้า ปีที่แล้ว หรืออะไรก็ว่าไป เราจะได้เจอประกอบในบทหลังๆ บ่อยๆแน่ๆ
แต่ภาษาอังกฤษนั้น ยังมีเรื่องการผันกริยาที่ภาษาไทยเราไม่มี
(ซึ่งผมไม่ขอสอน แต่เราต้องหัดใช้ให้ชินกันเอง)

 

จากที่บอกมา เราก็แบ่งเวลาได้เป็นสามชนิด นั้นคือ
1. Present Tense – ปัจจุบัน

2. Past Tense – อดีต

3. Future Tense – อนาคต

และในแต่ละเวลากาล จะมี Tense ย่อยๆแบ่งออกเป็นหลัก อีก 4 Tense คือ

1. Simple (แสดงเวลากระทำโดยไม่ได้กำหนดว่ากระทำเสร็จตอนไหน)

2. Continuous (แสดงเวลาว่าการกระทำที่กำลังทำอยู่ (เจาะจงเวลา)

3. Perfect (แสดงเวลาที่กระทำเสร็จไปแล้ว)

4. Perfect Continuous (แสดงเวลาการกระทำนั้นได้เริ่มทำแล้ว และยังคงทำอยู่)

 

ดังนั้นสรุปจากด้านบนมี 3 กาลเวลา ย่อยออกเป็นอย่างละ 4

รวมกันทั้งหมดแล้ว เราจะมี Tense รวมกันถึง 12 Tense
Oh my god! อย่าเพิ่งสลบเหมือด ท้อแท้ที่จะศึกษาต่อละ เพราะในชีวิตจริงๆ เราใช้บ่อยๆกันไม่ครบหรอก เพราะบางตัวนั้นโอกาสใช้น้อยมากๆ
ต่อจากนี้ จะนำมาอธิบายให้เราเข้าใจกันในเอนทรี่ต่อๆไปเอง

เรียงจากความง่ายไป คนที่เก่งเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ อาจเกิดความเบื่อ ต้องขออภัยด้วย แต่จำเป็นต้องเขียนให้ครบเรียงกันไปทุก Tense

 

ขอแค่จำพวกนี้ให้ได้พอ…

Tense หลักพื้นฐาน 3 อย่าง

1. Present Simple:- V1
2. Past Simple : – V2
3. Future Simple : will,shall Vinfinitive (V1)

ผสานกับ รูปหลัก 2 อย่าง

รูป Continuous: be Ving
รูป Perfect : have V3

 

——————————————————————————–

รู้แค่นี้เราก็สร้างรูปแบบ tense อื่นๆ ได้แล้ว เช่น

4. Present Continuous จะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูป Continuous 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 be Ving

< อันบนคือ Present อันล่างคือ Continuous ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = is,am,are Ving(V.tobe ช่อง1คือ is,am,are )

5. Present Perfectจะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูปPerfect 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 have V3

< อันบนคือ Present อันล่างคือPerfect ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = has,have V3(Have ช่อง1คือhas,have )

พอเริ่มเข้าใจยังนะ…

ต่อไป เริ่มadvanceขึ้นแล้ว เป็นการผสม 3 อัน หลักการเดิม

6. Present Perfect Continuous

– V1   
 have V3  
  be Ving

Present Perfect Continuous เหลื่อมกันอย่างละช่อง
V1 have คือ has,have : V3 be = been : Ving
รวมแล้วได้ = has,have been ving

ต่อไปลองทำเองละกันนะ จะสรุปเลยว่าได้อะไร

7. Past Perfect = had V3

8. Past Continuous = was,were Ving

9. Past Perfect Continuous = had been Ving

10. Future Perfect = will have V3

11. Future Continuous = will be Ving

12. Future Perfect Continuous = will have been Ving

 

——————————————————————————–

เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ก็มาดูกันต่อว่า มันใช้ตอนไหนกัน (จริงๆเอาแต่หลักๆก็พอ)

1. Present Simple

แสดงการกระทำที่ทำเป็นประจำ มีคำบอกพวก always , often , every , seldom ( บอกว่าไม่บ่อยก็ใช่ )
แสดงความจริงทางวิทยาศาสตร์ สัจธรรม สุภาษิต
แสดงความจริงขณะที่พูดอยู่
เช่น 
I watch TV everyday.
The world is round.
Dang and Dam are brothers.

 

2. Present Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ มักมีคำบอกเวลา เช่น now , at the moment , litsen! look!
บอกอนาคตอันใกล้ ( coming soon )
ป.ล. กิริยาที่ใช้บ่งบอกความรู้สึก ความคิด มักไม่ใช้รูป ing เช่น see , hear , feel ,smell , want , agree (และอีกมากมาย)

เช่น
Phan talking on the phone now.
The end of Evangelionis coming soon to the theater near you.

 

3. Present Perfect

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since , for , so far
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว แต่ผลของการกระทำยังอยู่ 
แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป มักมีคำว่า just , yet , already , recently , lately , finally , eventually 
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เคย/ไม่เคยทำ บอกจำนวนครั้งในอดีต มักมีคำว่า ever , never , once , twice ,again and again …
เช่น
I have likedjapanese animationever since I was a child.
I have turned on the radio.
I have already read this book.
Have you ever been to Neo-Tokyo?

 

4. Present Perfect Continuous

ใช้เหมือน Present Perfect แต่เน้นความต่อเนื่องของเวลาว่ายาวนาน มักมีคำว่า all week , all day ..
และใช้เน้นว่าจำดำเนินต่อเรื่อยไปในอนาคตด้วย
เช่น
I have been sitting here since 6 o’clock ( คือเน้นว่านั่งมานานแล้วแล้วก็จะนั่งต่อไป)
แต่ถ้าเป็น I have sat here since 6 o’clock ( บอกว่านั่งมานานแล้วต่อไปจะเป็นไงไม่รู้)

 

5. Past Simple

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จบลงไปแล้ว มักมีคำบอกเวลาดังนี้ yesterday , in the past , ago , in 1983 (ปีอดีต) , the other day , last ( night , week … )
คำว่า”used to” ซึ่งเป็นการใช้กับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีต แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว คำว่า “used”ในความหมายนี้ จึงเติม ed เสมอ
เช่น
Dang saved my life yesterday.
She used to drink milk every night.

 

6. Past Perfect

ใช้เป็น Combo กับ Past Simple
โดยที่ ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน 
ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect ที่เกิดที่หลังใช้ Past Simple

เช่น
She had finished her breakfast before I arrived.

 

7. Past Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ในอดีต ( Combo กับ Past Simple อีกแล้ว )
เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( ใช้ Past Continuous ) แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก ( ใช้ Past Simple )
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต มักมีคำว่า while , as เชื่อม
เช่น
At 8 o’clock last night , she was studying.
While I was walking down the street , it began to rain.
You were running in the park while I was swimming in the pool.

 

8. Past Perfect Continuous

ใช้เหมือน Past Perfect แต่เน้นว่า มีเหตุการณ์อย่างแรกดำเนินมาเรื่อยจนมีเหตุการณ์หลังเกิดขึ้น
เช่น
The police had been looking for the criminal for 2 years before they caught him.

 

9. Future Simple

แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มีคำบอกเวลาคือ tomorrow , next (time,month…) , soon , shortly

be going to ต่างกับ will,shall ตรงไหน ??

will shall แสดงความเต็มใจทำให้ (ไม่ได้วางแผน)
be going to แสดงการวางแผนล่วงหน้า
แต่ถ้าคาดการณ์ว่าอาจเกิดในอนาคตใช้ได้ทั้ง2อย่าง
กรณีต่อไปนี้ห้ามใช้ be going to แทน will shall

เหตุการณ์แทนความจริง
ไม่นิยมใช้กับ V1 ที่แสดงความรับรู้ ความคิดเห็น
ไม่นิยมใช้กับ if clause
แต่ถ้าประโยคมีคำเชื่อมพวก when,before,after,as soon as,until ประโยคที่ติดกับคำเชื่อมจะเป็น present Simple แต่อีกประโยคจะเป็น Future Simple

เช่น
Ask your teacher about it. She will help you.
I’m going to paint my bedroom tomorrow.
Ice will melt in a few minutes.
I will love you forever.
I will buy you a cake if you give me money.

 

10. Future Continuous

ใช้กับการคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆในเวลาจุดนั้นในอนาคต
เช่น
At the same time tomorrow , I will be sitting here.

 

11. Future Perfect

ใช้คาดการณ์ว่าจะกระทำในอนาคตและจะเสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มักมีคำว่า by next week , by tomorrw by 9 o’clock
เช่น
I will have finished my homework by the time I go out on a date tonight.

 

12. Future Perfect Continuous

ใช้คล้ายกับ Future Perfect แต่เน้นว่าอาจมีการดำเนินต่อไป
เช่น
I will go to bed at 10 PM. He will get home at midnight.
At midnight, I will be sleeping.
I will have been sleeping for 2 hours by the time he gets home.

 

[Update] | หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

 Tense คือ… … กาล….หรือ….เวลา

 

 

ใช้ในการแสดง เวลา ของ การกระทำ เพื่อพูดบอกเหตุการณ์นั้นๆ ว่าเป็น ปัจจุบัน อดีตหรือ อนาคต

 

ก็ลองพิจารณาประโยคง่ายๆ เหล่านี้

 

ate Khaomankai yesterday
ฉันกินข้าวมันไก่เมื่อวาน

eat Khaomankai today
ฉันกินข้าววันไก่วันนี้

will eat Khaomankai tomorrow
ฉันจะกินข้าวมันไก่พรุ่งนี้

 

สังเกตออกง่ายๆแล้วใช่ไหม ว่าส่วนมากเขามี การระบุเวลา ช่วยให้เราเข้าใจกันง่ายๆ 
จะเป็นวันนี้ เมื่อวาน พรู่งนี้ อาทิตย์หน้า ตอนนี้ เมื่อเช้า ปีที่แล้ว หรืออะไรก็ว่าไป เราจะได้เจอประกอบในบทหลังๆ บ่อยๆแน่ๆ
แต่ภาษาอังกฤษนั้น ยังมีเรื่องการผันกริยาที่ภาษาไทยเราไม่มี
(ซึ่งผมไม่ขอสอน แต่เราต้องหัดใช้ให้ชินกันเอง)

 

จากที่บอกมา เราก็แบ่งเวลาได้เป็นสามชนิด นั้นคือ
1. Present Tense – ปัจจุบัน

2. Past Tense – อดีต

3. Future Tense – อนาคต

และในแต่ละเวลากาล จะมี Tense ย่อยๆแบ่งออกเป็นหลัก อีก 4 Tense คือ

1. Simple (แสดงเวลากระทำโดยไม่ได้กำหนดว่ากระทำเสร็จตอนไหน)

2. Continuous (แสดงเวลาว่าการกระทำที่กำลังทำอยู่ (เจาะจงเวลา)

3. Perfect (แสดงเวลาที่กระทำเสร็จไปแล้ว)

4. Perfect Continuous (แสดงเวลาการกระทำนั้นได้เริ่มทำแล้ว และยังคงทำอยู่)

 

ดังนั้นสรุปจากด้านบนมี 3 กาลเวลา ย่อยออกเป็นอย่างละ 4

รวมกันทั้งหมดแล้ว เราจะมี Tense รวมกันถึง 12 Tense
Oh my god! อย่าเพิ่งสลบเหมือด ท้อแท้ที่จะศึกษาต่อละ เพราะในชีวิตจริงๆ เราใช้บ่อยๆกันไม่ครบหรอก เพราะบางตัวนั้นโอกาสใช้น้อยมากๆ
ต่อจากนี้ จะนำมาอธิบายให้เราเข้าใจกันในเอนทรี่ต่อๆไปเอง

เรียงจากความง่ายไป คนที่เก่งเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ อาจเกิดความเบื่อ ต้องขออภัยด้วย แต่จำเป็นต้องเขียนให้ครบเรียงกันไปทุก Tense

 

ขอแค่จำพวกนี้ให้ได้พอ…

Tense หลักพื้นฐาน 3 อย่าง

1. Present Simple:- V1
2. Past Simple : – V2
3. Future Simple : will,shall Vinfinitive (V1)

ผสานกับ รูปหลัก 2 อย่าง

รูป Continuous: be Ving
รูป Perfect : have V3

 

——————————————————————————–

รู้แค่นี้เราก็สร้างรูปแบบ tense อื่นๆ ได้แล้ว เช่น

4. Present Continuous จะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูป Continuous 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 be Ving

< อันบนคือ Present อันล่างคือ Continuous ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = is,am,are Ving(V.tobe ช่อง1คือ is,am,are )

5. Present Perfectจะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูปPerfect 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 have V3

< อันบนคือ Present อันล่างคือPerfect ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = has,have V3(Have ช่อง1คือhas,have )

พอเริ่มเข้าใจยังนะ…

ต่อไป เริ่มadvanceขึ้นแล้ว เป็นการผสม 3 อัน หลักการเดิม

6. Present Perfect Continuous

– V1   
 have V3  
  be Ving

Present Perfect Continuous เหลื่อมกันอย่างละช่อง
V1 have คือ has,have : V3 be = been : Ving
รวมแล้วได้ = has,have been ving

ต่อไปลองทำเองละกันนะ จะสรุปเลยว่าได้อะไร

7. Past Perfect = had V3

8. Past Continuous = was,were Ving

9. Past Perfect Continuous = had been Ving

10. Future Perfect = will have V3

11. Future Continuous = will be Ving

12. Future Perfect Continuous = will have been Ving

 

——————————————————————————–

เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ก็มาดูกันต่อว่า มันใช้ตอนไหนกัน (จริงๆเอาแต่หลักๆก็พอ)

1. Present Simple

แสดงการกระทำที่ทำเป็นประจำ มีคำบอกพวก always , often , every , seldom ( บอกว่าไม่บ่อยก็ใช่ )
แสดงความจริงทางวิทยาศาสตร์ สัจธรรม สุภาษิต
แสดงความจริงขณะที่พูดอยู่
เช่น 
I watch TV everyday.
The world is round.
Dang and Dam are brothers.

 

2. Present Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ มักมีคำบอกเวลา เช่น now , at the moment , litsen! look!
บอกอนาคตอันใกล้ ( coming soon )
ป.ล. กิริยาที่ใช้บ่งบอกความรู้สึก ความคิด มักไม่ใช้รูป ing เช่น see , hear , feel ,smell , want , agree (และอีกมากมาย)

เช่น
Phan talking on the phone now.
The end of Evangelionis coming soon to the theater near you.

 

3. Present Perfect

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since , for , so far
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว แต่ผลของการกระทำยังอยู่ 
แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป มักมีคำว่า just , yet , already , recently , lately , finally , eventually 
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เคย/ไม่เคยทำ บอกจำนวนครั้งในอดีต มักมีคำว่า ever , never , once , twice ,again and again …
เช่น
I have likedjapanese animationever since I was a child.
I have turned on the radio.
I have already read this book.
Have you ever been to Neo-Tokyo?

 

4. Present Perfect Continuous

ใช้เหมือน Present Perfect แต่เน้นความต่อเนื่องของเวลาว่ายาวนาน มักมีคำว่า all week , all day ..
และใช้เน้นว่าจำดำเนินต่อเรื่อยไปในอนาคตด้วย
เช่น
I have been sitting here since 6 o’clock ( คือเน้นว่านั่งมานานแล้วแล้วก็จะนั่งต่อไป)
แต่ถ้าเป็น I have sat here since 6 o’clock ( บอกว่านั่งมานานแล้วต่อไปจะเป็นไงไม่รู้)

 

5. Past Simple

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จบลงไปแล้ว มักมีคำบอกเวลาดังนี้ yesterday , in the past , ago , in 1983 (ปีอดีต) , the other day , last ( night , week … )
คำว่า”used to” ซึ่งเป็นการใช้กับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีต แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว คำว่า “used”ในความหมายนี้ จึงเติม ed เสมอ
เช่น
Dang saved my life yesterday.
She used to drink milk every night.

 

6. Past Perfect

ใช้เป็น Combo กับ Past Simple
โดยที่ ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน 
ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect ที่เกิดที่หลังใช้ Past Simple

เช่น
She had finished her breakfast before I arrived.

 

7. Past Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ในอดีต ( Combo กับ Past Simple อีกแล้ว )
เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( ใช้ Past Continuous ) แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก ( ใช้ Past Simple )
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต มักมีคำว่า while , as เชื่อม
เช่น
At 8 o’clock last night , she was studying.
While I was walking down the street , it began to rain.
You were running in the park while I was swimming in the pool.

 

8. Past Perfect Continuous

ใช้เหมือน Past Perfect แต่เน้นว่า มีเหตุการณ์อย่างแรกดำเนินมาเรื่อยจนมีเหตุการณ์หลังเกิดขึ้น
เช่น
The police had been looking for the criminal for 2 years before they caught him.

 

9. Future Simple

แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มีคำบอกเวลาคือ tomorrow , next (time,month…) , soon , shortly

be going to ต่างกับ will,shall ตรงไหน ??

will shall แสดงความเต็มใจทำให้ (ไม่ได้วางแผน)
be going to แสดงการวางแผนล่วงหน้า
แต่ถ้าคาดการณ์ว่าอาจเกิดในอนาคตใช้ได้ทั้ง2อย่าง
กรณีต่อไปนี้ห้ามใช้ be going to แทน will shall

เหตุการณ์แทนความจริง
ไม่นิยมใช้กับ V1 ที่แสดงความรับรู้ ความคิดเห็น
ไม่นิยมใช้กับ if clause
แต่ถ้าประโยคมีคำเชื่อมพวก when,before,after,as soon as,until ประโยคที่ติดกับคำเชื่อมจะเป็น present Simple แต่อีกประโยคจะเป็น Future Simple

เช่น
Ask your teacher about it. She will help you.
I’m going to paint my bedroom tomorrow.
Ice will melt in a few minutes.
I will love you forever.
I will buy you a cake if you give me money.

 

10. Future Continuous

ใช้กับการคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆในเวลาจุดนั้นในอนาคต
เช่น
At the same time tomorrow , I will be sitting here.

 

11. Future Perfect

ใช้คาดการณ์ว่าจะกระทำในอนาคตและจะเสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มักมีคำว่า by next week , by tomorrw by 9 o’clock
เช่น
I will have finished my homework by the time I go out on a date tonight.

 

12. Future Perfect Continuous

ใช้คล้ายกับ Future Perfect แต่เน้นว่าอาจมีการดำเนินต่อไป
เช่น
I will go to bed at 10 PM. He will get home at midnight.
At midnight, I will be sleeping.
I will have been sleeping for 2 hours by the time he gets home.

 


หลักการใช้ Verb to be (is, am, are) ในรูปประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น


มาเรียนรู้หลักการใช้ Verb to be ซึ่งได้แก่ is, am, are กันน่ะครับว่ามีหลักการใช้อย่างไร และการใช้ verb to be ในประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม
เยี่ยมชม Blog ของเรา: https://goo.gl/JthDFX
ติดตามช่องของเราได้ที่: https://goo.gl/Svd65u
============================================
แหล่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสำหรับเด็กๆ เพิ่มเติม
============================================
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: https://goo.gl/EUg17d
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน: https://goo.gl/cFosez
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/pv6srr
วิธีนับเลขภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nYNBAx
คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: http://bit.ly/2nYJBA2
เกมส์ผ่อนคลายสมอง: https://goo.gl/TE4kJS
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สัตว์ต่างๆ: https://goo.gl/o7LmPY
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับอนุบาล: https://goo.gl/nxPQEj
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปร่าง รูปทรงเรขาคณิต: https://goo.gl/qpbF3q
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สี color: https://goo.gl/ZuE2YB
เกมส์ฝึกภาษาอังกฤษ: https://gooXgl/Z7uE8G
แอพเรียนภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nsZE7Y

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

หลักการใช้ Verb to be (is, am, are) ในรูปประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม l ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเบื้องต้น

Grammar 12 Tenses เข้าใจจบในคลิปเดียว


ปูพื้นฐาน Grammar ตั้งแต่ต้น / โครงสร้าง Grammar ฉบับครูพลอยที่ทำให้เข้าใจอย่างแท้จริง
สนใจคอร์สแกรมม่าเพิ่มเติม
📗 Grammar ประถม
📙 Grammar ม.ต้น 1 / 2
📕 สรุป Grammar เข้า ม.4
📘 Grammar ม.ปลาย
📙 Grammar for Admission
📘 Grammar for job
📗 Grammar for CUTEP
📕 Grammar for IELTS
► สามารถเข้ามาที่เว็บไซต์
https://www.beranteonline.com/site/index
สอบถามเพิ่มเติมโทร 📞0849401940

อยากได้ความรู้ Content ดีดี อย่าลืม Subscribe ช่องทางต่างๆ
ของเราตามนี้เลยค่ะ
► Youtube httpswww.youtube.comchannelUCJbzFkMTCX34avScxgBb5ngview_as=subscriber
►Facebook httpswww.facebook.comBerante
►Line @beranteonline
►IG BeranteEnglish

Berante Online ภาษาอังกฤษออนไลน์ สไตล์ติวเข้ม

Grammar 12 Tenses เข้าใจจบในคลิปเดียว

EP69 Look | Watch | See 3 คำนี้ใช้ต่างกันอย่างไร


Look, watch และ see แปลว่า มอง/ดู/เห็น แต่ใช้ต่างกันอย่างไรในรูปประโยคภาษาอังกฤษ คลิปนี้มีอธิบายความแตกต่างของทั้ง 3 คำค่ะ
เรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน การสนทนาภาษาอังกฤษ

EP69 Look | Watch | See 3 คำนี้ใช้ต่างกันอย่างไร

ภาษาอังกฤษ พูดอังกฤษ แนะนำตัวเองเบื้องต้น: Introducing Yourself in Thai: Learn Thai, Thai lesson,


ก ไก่ Thai Phonetic Alphabet ► shorturl.at/eCGIK
500 Words\u0026Phrases ► shorturl.at/lpNP8
500 วลี ประโยคสั้น ภาษาอังกฤษ ► shorturl.at/kBJTW
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
Please Subscribe ► shorturl.at/lrzMV
More Videos/Languages ► shorturl.at/arvKX
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
♥ ♥ ♥ Thank you! ♥ ♥ ♥
ภาษาอังกฤษ, คําศัพท์อังกฤษ, ไทย อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, ภาษาอังกฤษ, ภาษา, เรียน ภาษา อังกฤษ, ภาษาไทย, ครูภาษาไทย, เรียน ภาษาอังกฤษเบื้องต้น, English, Thai Learn, Thai lesson, Basic Thai, learning english, english conversation, online english, learn english, listening english practice, conversation, english speaking, listening english, translate english to thai, Thai, Thai language,Thai speaking
พูดอังกฤษเป็นเร็วสำหรับทุกพื้นฐาน: 50 รูปประโยคสำเร็จรูป 150 ตัวอย่าง!
Thai Sentence Starters!
https://www.youtube.com/watch?v=3ssrNqPjJiY\u0026t=985s

ภาษาอังกฤษ พูดอังกฤษ แนะนำตัวเองเบื้องต้น: Introducing Yourself in Thai: Learn Thai, Thai lesson,

TCASครูสมศรี (เจาะลึกข้อสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ) GAT \u0026 9 วิชาสามัญ O-NET Admission สอบตรง By ครูสมศรี


มาเร๊ววววววววว
GRAMMAR by ครูสมศรี
(เจาะลึกข้อสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ) GAT \u0026 9 วิชาสามัญ ONET Admission สอบตรง
รีบคลิกชมเล้ยยยยยย
เด็กไทยต้องได้คะแนนอังกฤษดีขึ้น !!!!!
0:05:56 [ 1 ] Sentence structures
0:25:19 [ 2 ] Error Identification
4:18:21 [ 3 ] Sentence Completion
4:31:21 [ 4 ] Cloze test (Paragraph Completion)
เอกสารการเรียน ดาวน์โหลด ตาม link ด้านล่างจ้า
http://krusomsri.ac.th/new_details.php?id=144
ดาวน์โหลดเอกสารคำศัพท์ 9 วิชา สามัญ ได้ที่
http://krusomsri.ac.th/new_details.php?id=143
📚💻เรียนออนไนล์ ทุกที่ทุกวัน​24 ชั่วโมง📱
🏠จัดส่งเอกสารฟรี ทั่วประเทศ
💳 ชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต ฟรีค่าธรรมเนียม
📌 เช็คคอร์สเรียนให้มั่นใจถึงสมัครเรียนนะคะสมัครเรียนแล้วหรือจัดส่งเอกสารแล้วไม่สามารถคืนได้ทุกกรณี
(ทดลองเรียนฟรีก่อนตัดสินใจสมัครเรียนจริง )
สมัครเล้ยยยยที่ https://bit.ly/3cNzg0o
Call Center :👉 026674317
ติดตามข่าวสารได้ที่ :: https://www.facebook.com/krusomsri

TCASครูสมศรี (เจาะลึกข้อสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ) GAT \u0026 9 วิชาสามัญ O-NET Admission สอบตรง  By ครูสมศรี

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ หลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *