Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | verb to be มี กี่ ตัว – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | verb to be มี กี่ ตัว – NATAVIGUIDES

verb to be มี กี่ ตัว: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำกริยาภาษาอังกฤษ – วันนี้ Eng Breaking จะพาคุณไปรู้จักกับคำกริยาภาษาอังกฤษฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง Verb  คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง พร้อมตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย พร้อมแล้วไปดูกันเลย

Table of Contents

1 – คำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไร?

ก่อนอื่นเราจะไปทำความเข้าใจเรื่องคำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไรกันนะ จริงๆ แล้วคำนิยามแต่ถ้าเข้าใจง่ายที่สุด คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือ Verb เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง 

ในภาษาอังกฤษได้ระบุความหมายของ Verb ตามนี้นะคะ “Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience.” แปลว่า Verb คือ  คำที่แสดงถึงอาการต่าง  ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของเวลา นอกจากนั้นยังกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ  คำพูดที่แสดงถึงการกระทำของตัวประธานในประโยค หรือคำที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยา ด้วยกันนั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น:

  • A man eats a mango.  แปลว่า ผู้ชาย กิน มะม่วง ในประโยคนี้ใช้คำว่า eat บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • The sun is hot. แปลว่า พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน ในประโยคนี้ใช้คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is, am, are บางทีจะไม่แปลกัน
  • She worked hard. แปลว่า เธอทำงานขยันมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า worked บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • It’s easy to learn English. แปลว่า เรียนภาษาอังกฤษง่ายมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า learn บอกการกระทำและมันเป็น Verb

เห็นไหมคะความสำคัญของคำกริยา ในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่มีบทบาทที่สำคัญในแต่ละประโยค  ถ้าในประโยคนั้น ๆ ขาดกริยา   ความหมายก็ไม่เกิดและไม่สามารถทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆได้เลย หรือมีใจความที่ไม่สมบูรณ์

Eng Breaking แนะนำหลักการใช้ Verb

2 – ตำแหน่งของคำกริยาภาษาอังกฤษในประโยค

ในภาษาอังกฤษรูปแบบของ Verb  ที่เรามักจะเจอบ่อยที่สุดคือ Subject + Verb + Object ในนั้นคำกริยาภาษาอังกฤษจะตั้วอยู่ด้านหลังของ Subject
ยกตัวอย่างเช่น:

  • My family has six people. แปลว่าครอบครัวของฉันมี หกคน
  • I am a student. แปลว่า ฉันเป็นนักเรียน

นอกจากนั้นแล้วคำกริยามักจะมาหลังกริยาวิเศษณ์ความถี่ด้วย (Adverb of Frequency) 

Adverb of Frequency ที่เจอบ่อยๆ ดังนี้:

  • Always แปลว่า เสมอ
  • Usually แปลว่าโดยปกติ
  • Often แปลว่า บ่อยๆ
  • Sometimes แปลว่า บางครั้ง
  • Seldom แปลว่า แทบจะไม่ หรือ นานๆ ครั้ง
  • Never แปลว่า ไม่เคย

ยกตัวอย่างเช่น:

  • He usually goes to school in the afternoon. แปลว่า เขามักจะเดินไปโรงเรียนตอนบ่าย
  • I always walk to work.แปลว่า ฉันเดินไปทำงานเสมอ
  • I oftern see her there.แปลว่า ฉันเจอเขาที่นี่บ่อยๆ
  • We seldom go out in the evenings.แปลว่า นานๆ เราถึงจะไปข้างนอกตอนคำๆ

3 – Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท

คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือว่า verb จะมีหลายรูปแบบ วันนี้เราจะมาดูกันว่ามันคืออะไรบ้าง และทำความเข้าใจละเอียดเฉพาะในรูปแบบที่มักจะใช้งานบ่อยที่สุดกันนะคะ

3.1 – คือ Regular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาปกติ

ที่มีการใช้งานง่ายสุดๆ คือคำกริยาอยู่ช่อง 2/3 แค่เติม -ed ท้ายคำจากช่อง 1 เช่น 

wait / waited / waited

I waited 1 hour for you to come.แปลว่า ฉันรอคุณมาเป็นเวลา 10 นาที

Base FormPast SimplePast ParticipleArriveArrivedArrivedCallCalledCalledWaitWaitedWaited

ถ้าเกิดคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -y ให้เปลี่ยน -y เป็น -i แล้วเติม – ed เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleMarryMarriedMarriedStudyStudiedStudied

ถ้าคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -e อยู่แล้ว เราแค่เติม -d เข้าไป เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleHateHatedHatedLikeLikedLiked

3.2 – คือ Irregular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาอปกติ

ในภาษาอังกฤษมี irregular verbs อยู่ประมาณ 200 คำ  และคำกริยานี้จะใช้งานตามหลักคือ เอาคำกริยาจากช่อง 1/2/3 มีรูปแบบเฉพาะ 

เช่นคำว่า กิน = eat / ate / eaten

  • I like to eat pizza. แปลว่า ผมชอบกินพิซซ่า
  • Yesterday, I ate pizza. แปลว่า เมื่อวานผมกินพิซซ่า
  • I have just eaten pizza. แปลว่า ผมเพิ่งกินพิซซ่าเสร็จพอดี

Irregular verb  ได้แบ่งออกได้เป็นสี่กลุ่ม

3.2.1 – คำกริยาที่มีรูปเหมือนกันทั้งสามช่อง

Base FormPast SimplePast ParticipleCostCostCostCutCutCutHurtHurtHurtLetLetLetPutPutPut

ตัวอย่างเช่น:

  • My parents have let me stay out late tonight.
  • They put on their jackets because it was very cold.

3.2.2 – คำกริยาที่ช่องสองกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleBringBroughtBroughtBuyBoughtBoughtCathCaughtCaughtFeelFeltFeltFindFoundFoundGetGotGotHaveHadHadHearHeardHeardKeepKeptKeptLeaveLeftLeftLoseLostLostMakeMadeMadeRead /ri:d/Read/’red/Read/’red/SaySaidSaidSellSoldSoldSendSentSentTeachTaughtTaughtThinkThoughtThoughtWinWonWon

ตัวอย่างเช่น:

  • They had lunch at a Thai restaurant on Monday.
  • Have you heard the news about the train strike?

3.2.3 – คำกริยาที่ช่องแรกกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleComeCameComeBecomeBecameBecomeRunRanRun

3.2.4 – คำกริยาที่ทั้งสามช่องผันไม่เหมือนกันเลย

Base FormPast SimplePast ParticipleBeWas/ WereBeenBeginBeganBegunBreakBrokeBrokenChooseChoseChosenDoDidDoneDrinkDrankDrunkDriveDroveDrivenEatateeatenFallFellFallenGiveGaveGivenGoWentGoneKnowKnewKnownSeeSawSeenSpeakSpokeSpokenSwimSwamSwumTakeTookTakenWakeWokeWokenWriteWroteWritten

ตัวอย่างเช่น:

  • The kids ate a lot of cakes at the party.
  • They drove to the airport and left their car there.

3.3 – คือ Adverb หรือได้เรียกว่า คำขยายกริยา

เป็นกริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย 

หน้าที่ของ Adverb  คือขยายคำกริยา ตัวอย่างเช่น He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง ตัวอย่างเช่น The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายวิเศษณ์ (adverb) ตัวอย่างเช่น He walks very fast. เขาเดินเร็วมาก

รูปของคำวิเศษณ์:  Adjective + ly → Adverb

Adjectives     AdverbsAdjectives     Adverbsslow (ช้า)slowlyquick (เร็ว)quicklysoft (นุ่มนวล)softlypretty (สวยงาม)prettilygradual (ค่อยเป็นค่อยไป)graduallycomplete (สมบูรณ์)completelysudden (ทันใด)suddenlyproud (ภาคภูมิใจ)proudlyeasy (ง่าย)easilyloud (เสียงดัง)loudlyeffective (มีประสิทธิภาพ)effectivelyfrequent (บ่อยครั้ง)frequentlyrecent (เร็วๆ นี้)recentlybad (เลว, แย่)badlyangry (โกรธ)angrilyslight (เล็กน้อย)slightlyreal (แท้จริง)reallycareful (ระมัดระวัง)carefully

3.4 – คือ Modal verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกเจตนาอารมณ์หรือวัตถุประสงค์ของกริยา กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ

  1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
  • ถูก He can drive a car./ ผิด He can to drive a car.
  1. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
  • ถูก Christopher should stop smoking./ ผิด Christopher shoulds stop smoking.
  1. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
  • ถูก She mustn’t enter here./ ผิด She doesn’t must enter here.

3.5 – คือ Auxiliary verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกกาลเวลาของกริยาโดยชื่อก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นกริยาช่วย (Helping Verbs) ซึ่งช่วยให้กริยาหลัก (Main/ Lexical Verbs) นั้น สมบูรณ์ตามกฎไวยากรณ์และความหมาย

เช่น was / am / will (be)

  • I was angry yesterday. แปลว่าเมื่อวานผมรู้สึกโกรธ
  • I am sad today. แปลว่าวันนี้ผมรู้สึกเศร้า
  • I will be happy tomorrow.แปลว่า พรุ่งนี้ผมจะรู้สึกมีความสุข

ภาษาอังกฤษสามารถแบ่ง auxiliary verb ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก Primary auxiliary verb คือ และ Modal auxiliary verb ดังน

สำหรับ Primary auxiliary verb สามารถแบ่งกริยาช่วยกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 

3.5.1 – Verb to be ได้แก่ is, am, are, was, were  ในนั้น Verb to be ใช้เป็นกริยาช่วยใน Continuous Tense และ Passive Voice โครงสร้าง (subject + verb to be + verb+ing + object)

รูปของ Verb to be:

  • กริยาช่องที่ 1 = is, am, are
  • กริยาช่องที่ 2 = was, were
  • กริยาช่องที่ 3 = been

ตัวอย่างเช่น

  • I am eating fried chicken. แปลว่า ฉัน กำลังกิน ไก่ทอด
  • He was playing games while she was reading a book. แปลว่า เขาเคยกำลังเล่นเกมส์ ในขณะเดี่ยวกัน เธอเคยก าลังอ่านหนังสือ

3.5.2 – Verb to have ที่ใช้เป็นกริยาช่วยใน Perfect Tense ซึ่ง Perfect Tense และมีโครงสร้าง (subject + verb to have + verb 3 + object)

รูปของ Verb to have:

  • กริยาช่องที่ 1 = has, have
  • กริยาช่องที่ 2 = had
  • กริยาช่องที่ 3 = had

ตัวอย่างเช่น

  • I have been to Japan. แปลว่า ฉันเคยไปประเทศญี่ปุ่น
  • She has never eaten sushi. แปลว่า เธอไม่เคยกินซูซิ

3.5.3 – Verb to do ได้แก่ do, does , did ที่ใช้ช่วยสร้างประโยคค าถามร่วมกับ Yes – No Questions กับ simple present และ past tenses (ปัจจุบันและอดีต) ใช้ตอบค าถามแบบสั้นๆ

ูปของ Verb to do:

  • กริยาช่องที่ 1 = do, does
  • กริยาช่องที่ 2 = did
  • กริยาช่องที่ 3 = done

ตัวอย่างเช่น

  • Do you want to eat some cakes? แปลว่า คุณอยากกินเค้กไหม
    ตอบ 1. Yes, I do. >> อยากกิน 2. No, I don’t. >> ไม่อยากกิน

สำหรับ Modal auxiliary verb คือ กริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง กริยาช่วยในกลุ่มนี้ได้แก่ will, would, shall, should, can, could, may, migh, must, dare, need, used to , ought to.

Modal Auxiliary verbs มีความหมายในลักษณะต่างๆ ดังนี้ 

ความสามารถ (Ability)can/ couldการแนะนำ(Suggestions) shouldความจำเป็น/ การบังคับ (Necessity/ Obligation)mustการอนุญาต (Permission)can/ mayความน่าจะเป็น/ ความเป็นไปได้ (Probability/ Possibility)may/ might/ can/ should/ wouldการสันนิษฐาน (Assumption)must/ shouldการสัญญา (Promise)will

ตัวอย่างการใช้ modal auxiliary verbs:

  • I will go tomorrow. แปลว่า  ผมจะไปพรุ่งนี้ (ประโยคนี้สมบูรณ์ถูกต้อง) will ไปเสริม go.
  • You shall go now. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้
  • He need eat vegetables. แปลว่า เขาจ าเป็นต้องกินผัก
  • I used to play football when I lived here. แปลว่า  ผมเคยๆเล่นฟุตบอล ตอนผมอยู่ที่นี

หลักการใช้ Verb ฉบับเข้าใจง่าย

4 – วิธีใช้คำกริยาในภาษาอังกฤษ HOW  TO USE  VERB  

คำกิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เรียกว่า “ กิริยา 3 ช่อง “ ซึ่งแต่ละช่องก็บอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย  ตามตัวอย่างในตาราง ต่อไปนี้

  • กิริยาช่องที่ 1 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • กิริยาช่องที่ 2 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
  • กิริยาช่องที่ 3 ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา หรือ Complement  “

ตัวอย่างเช่น

ช่องที่ 1ช่องที่ 2ช่องที่ 3RunRanRunSeeSawSeen

วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

หลักการใช้Verb ใช้ยังไง

หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

  • I eat.  ฉันกิน
  • I am eating.  ฉันกำลังกิน
  • I have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว
  • I ate. ฉันกินมาแล้ว
  • I will eat. ฉันจะกิน

5 – Verbs- คำกริยาภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

คำกริยาภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยวิธีการออกเสียงdoทำ/duː/getได้รับ/ɡet/goไป/ɡəu/knowรู้/nəu/sayพูด/sei/thinkคิด/θiŋk/seeเห็น/siː/come  มา/kam/want ต้องการ/wont/meanหมายความ/miːn/look ดู/luk/put วาง/put/takeเอา/teik/tell บอก/tel/make ทำ, สร้าง/meik/like ชอบ/laik/giveให้/ɡiv/buy ซื้อ/bai/leave ทิ้ง/liːv/need ต้องการ/niːd/keep เก็บ/kiːp/try ลอง/trai/work งาน/wəːk/talk พูด คุย/toːk/pay จ่าย/pei/sit นั่ง/sit/start เริ่ม/staː/findค้นหา/faind/rememberจำ/riˈmembə/askถาม/aːsk/hear ได้ยิน/hiə/playเล่น/plei/call โทร , เรียก/koːl/Let ปล่อย/let/eat กิน/iːt/feel รู้สึก/fiːl/mind ระวัง/maind/useใช้/juːz/

Verb เป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะเนื่องจากเนื้อหาเรื่อง Verb จะเป็นไปเชื่อมโยงกับบทอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Tenses หรือเรื่องของ Passive Voice โดยเฉพาะเรื่องของ Tenses คือถ้าTenses ต่างรายละเอียดการใช้ Verb ก็จะต่างกันออกไป ซึ่งเป็นไปได้ยากครับที่เราจะเข้าใจเรื่องของ Verb ทันทีตั้งแต่ที่เริ่มศึกษา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ

ว่ายังไงบ้างคะ สำหรับหลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ที่เราเอามาแนะนำวันนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ คะ เพื่อจดจำหลักการใช้นี้ได้ง่ายอย่าลืมเอามาใช้ มาตั้งเป็นประโยคบ่อยๆ นะคะ ติดตาม Eng Breaking เพื่อแบ่งบันกันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสานค่ะ

ไม่พลาดกับบทความนี้ :

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[Update] ทำความเข้าใจ Adverb ควรใช้อย่างไร? วางตรงไหนของประโยค? | verb to be มี กี่ ตัว – NATAVIGUIDES

ทำความเข้าใจ Adverb ควรใช้อย่างไร? วางตรงไหนของประโยค?

ทำความเข้าใจ

Adverb ควรใช้อย่างไร? 

วางตรงไหนของประโยค?

 

ในแกรมม่าภาษาอังกฤษ เรื่องที่หลาย ๆ คนชอบสับสนและใช้ผิดอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ Adverb ค่ะ ซึ่งปัญหาใหญ่ ๆ เลย คือ ไม่รู้จะวางไว้ตำแหน่งไหนของประโยค หรือแยกไม่ออกว่าคำศัพท์ตัวไหนเป็น Adverb วันนี้ Globish จะพาไปหาคำตอบเองค่ะ ว่า Adverb คืออะไร? มีกี่ประเภท? ต่างจาก Adjective อย่างไร? วางไว้ตรงไหนของประโยคดี? 

 

Adverb คือ คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยาย Verb, Adjective, Adverb และประโยค เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร จุดเด่นของ Adverb ที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็น Adverb นั่นก็คือ การลงท้ายด้วย -ly ค่ะ ซึ่งคำศัพท์ประเภท Adverb เกิดจาก Adjective + -ly นั่นเอง เช่น quick + ly = quickly

 

ถ้าอยากเก่งอังกฤษยิ่งขึ้นไปอีก สามารถดูวิธีการพัฒนาภาษาได้ที่ คลิก

 

5 ข้อต้อง “ข้าม” เมื่อเริ่มฝึกภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษผิดไม่รู้ตัว 12 ข้อผิดพลาดที่คนมักใช้ผิด

ฝึกจับใจความภาษาอังกฤษ ด้วยทฤษฎี GTM

Adverb ใช้ยังไง? ขยายอะไรได้บ้าง? 

 

 

1. ใช้ขยายคำกริยา เพื่อให้รู้ว่าประธานทำกริยานั้นอย่างไร เช่น บอกความบ่อย ความเร็ว 

เช่น 

He run quickly. 

เขาวิ่งอย่างรวดเร็ว

 

The gardener slowly began to water the garden.

คนสวนค่อย ๆ เริ่มรดน้ำต้นไม้

 

2. Adverb ใช้ขยาย Adjective ในขณะที่ Adjective ใช้ขยายคำนาม

เช่น

She is truly beautiful. 

เธอสวยจริง ๆ

 

The surprisingly young violinist plays well.

นักไวโอลินที่เด็กจนน่าตกใจเล่นได้ดีมาก

 

3. ใช้ขยาย Adverb หรือคำกริยาวิเศษณ์

เช่น

I love cooking very much. (very เป็น Adv. ขยาย much ที่เป็น Adv.)

ฉันรักการทำอาหารมาก ๆ 

 

The young musician plays rather well

นักดนตรีหนุ่มเล่นค่อนข้างดี

 

4. ใช้ขยายประโยค 

เช่น

Apparently they are getting married soon. 

เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้

 

Thankfully, he wasn’t injured in the accident.

โชคดีมากที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ระวัง! 28 คำศัพท์ที่มีรูป Adjective และ Adverb เหมือนกัน 

 

5 ตำแหน่งหลักของ Adverb 

 

1. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถใส่ Adverb ไว้ข้างหน้าประโยค (เพื่อเน้น Adverb) หรือข้างหลังประโยคก็ได้

เช่น

Finally, he decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

 

I’m sure that we’ll succeed eventually.

ฉันแน่ใจว่าเราจะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

 

2. ถ้าในประโยคที่ Verb เพียงตัวเดียว สามารถวาง Adverb ไว้หน้าหรือหลังคำกริยาที่ Adverb ตัวนั้นขยาย 

เช่น

He lifted the baby gently out of its cot.

เขาอุ้มทารกขึ้นมาจากเปลอย่านุ่มนวล

 

He finally decided what to do.

ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไร

 

3. Hard, Fast, Well และ Badly วางหลังคำกริยาเท่านั้น 

เช่น

I thought he was treated very badly.

ฉันรู้สึกว่าเขาได้รับการปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรม

 

I think I know you well, but it’s not.

ฉันคิดว่าฉันรู้จักคุณดี แต่ไม่เลย

 

4. วาง Adverb หลัง Verb to be และ Verb to have 

เช่น

The house was totally destroyed by the volcano. 

 

I have already shipped the parcel.

ผมได้ส่งพัสดุไปแล้ว

 

She was extremely sad because of her grandfather’s death.

เธอเศร้ามากเพราะการจากไปของคุณปู่ของเธอ

 

He is very highly thought of within the company.

เขาถูกชมเชยเป็นอย่างมากภายในบริษัท

 

This argument has been repeatedly rejected by the manager.

ข้อโต้แย้งครั้งนี้ถูกปฏิเสธอีกครั้งโดยผู้จัดการ

 

5. ถ้าในประโยคมี Verb ช่วยหลายตัว ให้วาง Adverb หลังกริยาช่วยตัวแรก

เช่น

He would desperately have wanted to win the competition.

เขาคงอยากจะชนะการแข่งขันนั้นมากแน่ ๆ 

 

I will probably go to London next year.

ฉันอาจจะไปลอนดอนปีหน้า

Adverb แบ่งออกเป็น 8 ประเภท

 

 

1) Adverb of time (คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เช่น

When  เมื่อ

Before  ก่อน

After  หลัง

Afterward  ในภายหลัง

Formerly  แต่ก่อน

Soon  เร็ว ๆ นี้

Today  วันนี้

Lately  เมื่อเร็ว ๆ นี้

Late  สาย

Since  ตั้งแต่

Ago  ผ่านมาแล้ว

Already  แล้ว, เรียบร้อย

Immediately  ทันที

Yet  ยัง

Once  ครึ่งหนึ่ง

Still  ยังคง

Shortly

Tonight

Yesterday

 

Tips: already, just, still, eventually, finally, last, soon วางไว้หน้ากริยาแท้

 

ตัวอย่างประโยค

I have already eaten breakfast.

ฉันกินข้าวเช้าแล้ว (eaten เป็นกริยาแท้ have เป็นกริยาช่วย)

 

My birthday party will be held at 6 o’clock in the evening on Saturday.

งานปาร์ตี้วันเกิดของฉันจะจัดวันเสาร์ตอน 6 โมงเย็น

 

2) Adverb of Duration (กริยาวิเศษณ์บอกระยะเวลา)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงช่วงเวลาว่าเหตุการณ์เกิดนานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้แก่

For  เป็นเวลา (ตามด้วย + ระยะเวลา เช่น for 2 months)

Since  ตั้งแต่ (ตามด้วย + จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 1998)

From…to  ตั้งแต่…ถึง

From…till  ตั้งแต่…ถึง

From…until  ตั้งแต่…ถึง

Till  ถึง

Untill  ถึง

 

Tips: Since และ For มักใช้ใน Present Perfect Tense อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Present Perfect Tense ได้ที่นี่ คลิก

 

ตัวอย่างประโยค

I have taught English for 8 years.

ฉันสอนภาษาอังกฤษมา 8 ปีแล้ว

 

They have worked in this company since 2011.

พวกเขาทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 2021

 

My working hours are from nine to five.

เวลาทำงานของฉันคือ 9 โมงถึง 5 โมง

 

I will wait for you until 2 o’clock tomorrow.

ฉันจะรอคุณถึงบ่าย 2 พรุ่งนี้

 

3) Adverb of Place (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นที่ไหน เช่น

Where  ที่ซึ่ง

Above  บน

Across  ข้าม

Along  ตามทาง

Around  รอบ ๆ 

Back  หลัง

Below  ข้างใต้

Nowhere  ไม่มีที่ไหน

Somewhere  ที่ใดที่หนึ่ง

There  ที่นั่น

Here  ที่นี่

Downstairs  ชั้นล่าง

In  ใน

On  บน

At  ใน

Under  ข้างใต้

 

ตัวอย่างประโยค

Your coat is hung there.

เสื้อโค้ทของคุณแขวนอยู่ตรงนั้น

 

There is a bin under the desk.

มีถังขยะอยู่ใต้โต๊ะ

 

These young people have nowhere to go.

เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่มีที่ไป

 

Where does he live?

เขาอาศัยอยู่ที่ไหน

 

She lived in Rome for a couple of years, where she taught English.

เธอเคยอาศัยอยู่ที่โรม 2 ปี ที่ซึ่งเธอสอนภาษาอังกฤษ

 

4. Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าการกระทำเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน เช่น

Every day  ทุกวัน

Generally  เป็นประจำ

Always  ตลอด

Frequently, Often  บ่อย ๆ

Usually, Normally  เป็นปกติ

Occasionally, Sometomes  บางครั้ง

Never  ไม่เคย

Rarely, Seldom  ไม่ค่อยจะ

Again  อีกครั้ง

 

ตัวอย่างประโยค

It’s always cold in this room.

ห้องนี้หนาวตลอดเลย

 

I see him quite frequently.

ฉันเจอเขาบ่อย ๆ 

 

We seldom receive any apology when mistakes are made.

เราแทบไม่เคยได้รับคำขอโทษเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น

 

Could you please spell your name again?

รบกวนคุณสะกดชื่ออีกครั้งได้ไหม

 

Wars never solve anything.

สงครามไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้

 

5. Adverb of Manner (กริยาวิเศษณ์บอกลักษณะอาการ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้แสดงว่าผู้กระทำหรือประธานทำกริยานั้นด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์แบบไหน อย่างไร เช่น

Angrily  อย่างโมโห

Badly  อย่างแย่มาก, อย่างมาก

Carefully  อย่างรอบคอบ  

Easily  อย่างง่ายดาย

Calmly  อย่างสงบ

Intentionally  อย่างตั้งใจ

Terribly  อย่างร้ายกาจ

Together  ด้วยกัน

Sincerely  อย่างจริงใจ

Willingly  อย่างเต็มใจ

 

ตัวอย่างประโยค

“Don’t do that!” she shouted angrily.

“อย่าทำอย่างนั้น” เธอตะโกนอย่างโมโห

 

He needs the money really badly.

เขาต้องการเงินอย่างมาก

 

The event was very badly organized.

งานอีเว้นท์นี้จัดได้อย่างแย่มาก

 

What we do willingly is easy.

อะไรที่เราทำอย่างเต็มใจมันก็ง่ายทั้งนั้น

 

6. Adverb of Degree (กริยาวิเศษณ์บอกระดับ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่าปริมาณว่ามากน้อยแค่ไหน หรืออยู่ในระดับไหน เช่น

Almost เกือบจะ

Nearly  เกือบ

Quite  ค่อนข้าง

Entirely  ทั้งหมด

Extremely  อย่างที่สุด

Greatly  อย่างยิ่งใหญ่

Very  มาก

Too  เกินไป

Enough  เพียงพอ

 

ตัวอย่างประโยค

She is almost 20.

เธอเกือบจะ 20 แล้ว

 

It’s been nearly 3 months since my last haircut.

นี่ก็ 3 เดือนแล้วตั้งแต่ตัดผมครั้งล่าสุด

 

It was quite a difficult job.

นี่เป็นงานที่ค่อนข้างยากนะ

 

My mother hasn’t been too well recently.

แม่ของฉันสุขภาพไม่ค่อยดีมากช่วงนี้

 

Is the water hot enough yet?

น้ำร้อนพอรึยัง

 

7. Adverb of Affirmation or Negation (กริยาวิเศษณ์บอกการรับปละการปฏิเสธ)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ยืนยันว่าใช่ (Affirmation) หรือ ไม่ใช่ (Negation) เช่น

Yes  ใช่

Absolutely  อย่างแน่นอน

Certainly  อย่างแน่นอน

Surely  อย่างแน่นอน

Indeed  แน่นอน

Of course  แน่นอน

Preciously  อย่างชัดเจน

Absolutely  อย่างแน่นอนที่สุด

Entirely  อย่างสิ้นเชิง

No, Not, Never  ไม่

 

ตัวอย่างประโยค

I absolutely believed him.

ฉันเชื่อเขาแบบสุดใจ

 

I admit it was entirely my fault.

ฉันยอมรับว่ามันเป็นความผิดฉันทั้งหมด

 

I told you not to do that.

ฉันบอกคุณว่าอย่างทำอย่างนั้น

 

It’s never too late to start a healthy diet.

มันไม่เคยสายถ้าจะเริ่มกินอาหารสุขภาพ

 

8. Conjunctive Adverb (กริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค)

 

คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 2 ประโยค หรือ เชื่อมประโยคกับวลีหรือคำ เข้าด้วยกัน เช่น

Hence, Therefore  ดังนั้น

Consequently  ด้วยเหตุนี้

Then  หลังจากนั้น

Firstly  อันดับแรก

Secondly  อันดับสอง

Furthermore, In addition, Moreover  มากไปกว่านั้น

Before  ก่อน

Meanwhile  ในขณะที่

However  อย่างไรก็ตาม

Instead  แทนที่

Inspite of  ทั้ง ๆ ที่

But  แต่

Briefly  อย่างย่อ

In conclusion  สรุป 

For example  เช่น 

For instance เช่น

Namely  กล่าวคือ

 

ตัวอย่างประโยค

We were unable to get funding and therefore had to abandon the project,

เราไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้เพียงพอ ดังนั้น เราจึงต้องล้มเลิกงานนี้

 

There may, however, be other reasons that we don’t know about.

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเหตุผลอื่น ๆ อีกที่เราไม่รู้

 

Briefly, the company needs to cut its expenditure.

สรุปย่อ ๆ นะ บริษัทจำเป็นต้องตัดรายจ่าย

 

We need to get more teachers into the classrooms where they’re most needed, namely in high poverty areas.

เราจำเป็นต้องหาครูมาสอนเพิ่มในที่ ๆ มีคนต้องการพวกเขามากที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือพื้นที่กันดาร

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ คลิก


Learn How To Talk About Your Daily Routine in English by Watching Me Act Out Mine


Learning to talk about your daily routine is an important step when you are learning English.
In this English lesson you will learn to talk about your daily routine by observing mine. I will take you along with me for part of my daily routine and I will explain everything I do in my day to you in clear and easy to understand English.
In this lesson you will learn many new English words and phrases to talk about your own daily routine!
This is part 1 of a 2 part English lesson about daily routines.
⌛ Remember: Always watch the video three times. Twice today with English subtitles on, and once tomorrow with the English subtitles off. This will reinforce the English you have learned!

😀💲 If you have lots of money and would like to support me, here is the link for channel memberships: https://www.youtube.com/channel/UCZJJTxA36ZPNTJ1WFIByaeA/join
Note: My videos will always be free, and becoming a member does not come with any perks other than a cool crown beside your name during live streams and when making comments. I do however appreciate those of you that have a desire to thank me in some way.
Please only support me if you can afford it!
If you prefer to support me via Patreon, here is a link to that page: https://www.patreon.com/bobthecanadian
Thank you for your generosity!

✅SEND ME A POSTCARD:
Bob the Canadian
P.O. Box 419
Smithville, Ontario
Canada
L0R2A0

TAKE YOUR ENGLISH CONVERSATIONS TO THE NEXT LEVEL:
✅Talk to a real English tutor / teacher at preply: http://tracking.preply.com/SH2X
(This is an affiliate, signing up for this service helps support my channel).

✅ Sign up for my email list and receive exciting free tips to improve your English: https://bit.ly/3iW5F7h

englishsubtitles learnenglish bobthecanadian
Note: All images used under:
CC0 License ✓ Free for personal and commercial use ✓ No attribution required
From pexels.com or pixabay.com

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Learn How To Talk About Your Daily Routine in English by Watching Me Act Out Mine

English For You ป.2 ตอนที่ 5 Verb to have has, have เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน by Yes iStyle


รายการ English For You เป็นคอร์สเรียนออนไลน์ การสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับขั้นพื้นฐานตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 ม.6 เพื่อให้นักเรียนที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ สามารถเข้าใจ และสื่อสารแบบง่ายๆได้
ภาษาอังกฤษที่ได้ความรู้ ดูสนุก แถมยังเข้าใจง่าย ติดตามได้ในรายการ English For You ออกอากาศทางช่อง Yes iStyle กดติดตามรับชม English For You ตอนใหม่ได้ทุกวันอังคาร
Facebook : https://www.facebook.com/YesIStyleOfficial
Website : https://www.yesistyle.co.th
Line@ : @Yesistyle

English For You ป.2 ตอนที่ 5 Verb to have has, have เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน by Yes iStyle

Vlad và Niki bí ẩn, đồ chơi thử thách


Hộp bí ẩn với đồ chơi xuất hiện trong nhà. Vlad và Niki cần phải tìm những chìa khóa để có được những đồ chơi.
Hãy đăng ký!
Trực tuyến của chúng tôi torg https://vladandniki.com/
Ứng dụng Google Play:
https://play.google.com/store/apps/details?id=me.apptivise.vladnikita
Ứng dụng App Store:
https://apps.apple.com/us/app/vladniki/id1497525407
Instagram VLAD https://www.instagram.com/Vlad.super.Vlad/
Instagram của Nikita https://www.instagram.com/nikitoys_official/

Vlad và Niki   bí ẩn, đồ chơi thử thách

การใช้ Verb to be (is, am, are, was, were ) เป็นอยู่คือ l เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน


หลักการใช้ is / am / are / was / were ภาษาอังกฤษ
ในภาษาอังกฤษ กริยา (verb) ที่สำคัญที่สุดก็คือ verb to be ซึ่งประกอบด้วย is, am, are ในรูปของปัจจุบัน หรือ present tense ส่วนคำว่า Was / Were เป็น อยู่ คือ ในอดีต past tense นั่นเอง
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…
📌 คำเชื่อมประโยคภาษาอังกฤษ พื้นฐาน FANBOYS คืออะไร
👉 https://www.youtube.com/watch?v=6g8MlhZhBcE

การใช้ Verb to be (is, am, are, was, were ) เป็นอยู่คือ  l เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน

ติว TOEIC : Verb to be คืออะไร? ตามด้วยอะไรได้บ้าง?


✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 สมัครคอร์ส KruDew ติว New TOEIC 2020 (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC : Verb to be คืออะไร? ตามด้วยอะไรได้บ้าง?

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ verb to be มี กี่ ตัว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *