Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | ความ หมาย ของ คํา กริยา – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | ความ หมาย ของ คํา กริยา – NATAVIGUIDES

ความ หมาย ของ คํา กริยา: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำกริยาภาษาอังกฤษ – วันนี้ Eng Breaking จะพาคุณไปรู้จักกับคำกริยาภาษาอังกฤษฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง Verb  คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง พร้อมตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย พร้อมแล้วไปดูกันเลย

Table of Contents

1 – คำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไร?

ก่อนอื่นเราจะไปทำความเข้าใจเรื่องคำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไรกันนะ จริงๆ แล้วคำนิยามแต่ถ้าเข้าใจง่ายที่สุด คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือ Verb เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง 

ในภาษาอังกฤษได้ระบุความหมายของ Verb ตามนี้นะคะ “Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience.” แปลว่า Verb คือ  คำที่แสดงถึงอาการต่าง  ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของเวลา นอกจากนั้นยังกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ  คำพูดที่แสดงถึงการกระทำของตัวประธานในประโยค หรือคำที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยา ด้วยกันนั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น:

  • A man eats a mango.  แปลว่า ผู้ชาย กิน มะม่วง ในประโยคนี้ใช้คำว่า eat บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • The sun is hot. แปลว่า พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน ในประโยคนี้ใช้คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is, am, are บางทีจะไม่แปลกัน
  • She worked hard. แปลว่า เธอทำงานขยันมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า worked บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • It’s easy to learn English. แปลว่า เรียนภาษาอังกฤษง่ายมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า learn บอกการกระทำและมันเป็น Verb

เห็นไหมคะความสำคัญของคำกริยา ในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่มีบทบาทที่สำคัญในแต่ละประโยค  ถ้าในประโยคนั้น ๆ ขาดกริยา   ความหมายก็ไม่เกิดและไม่สามารถทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆได้เลย หรือมีใจความที่ไม่สมบูรณ์

Eng Breaking แนะนำหลักการใช้ Verb

2 – ตำแหน่งของคำกริยาภาษาอังกฤษในประโยค

ในภาษาอังกฤษรูปแบบของ Verb  ที่เรามักจะเจอบ่อยที่สุดคือ Subject + Verb + Object ในนั้นคำกริยาภาษาอังกฤษจะตั้วอยู่ด้านหลังของ Subject
ยกตัวอย่างเช่น:

  • My family has six people. แปลว่าครอบครัวของฉันมี หกคน
  • I am a student. แปลว่า ฉันเป็นนักเรียน

นอกจากนั้นแล้วคำกริยามักจะมาหลังกริยาวิเศษณ์ความถี่ด้วย (Adverb of Frequency) 

Adverb of Frequency ที่เจอบ่อยๆ ดังนี้:

  • Always แปลว่า เสมอ
  • Usually แปลว่าโดยปกติ
  • Often แปลว่า บ่อยๆ
  • Sometimes แปลว่า บางครั้ง
  • Seldom แปลว่า แทบจะไม่ หรือ นานๆ ครั้ง
  • Never แปลว่า ไม่เคย

ยกตัวอย่างเช่น:

  • He usually goes to school in the afternoon. แปลว่า เขามักจะเดินไปโรงเรียนตอนบ่าย
  • I always walk to work.แปลว่า ฉันเดินไปทำงานเสมอ
  • I oftern see her there.แปลว่า ฉันเจอเขาที่นี่บ่อยๆ
  • We seldom go out in the evenings.แปลว่า นานๆ เราถึงจะไปข้างนอกตอนคำๆ

3 – Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท

คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือว่า verb จะมีหลายรูปแบบ วันนี้เราจะมาดูกันว่ามันคืออะไรบ้าง และทำความเข้าใจละเอียดเฉพาะในรูปแบบที่มักจะใช้งานบ่อยที่สุดกันนะคะ

3.1 – คือ Regular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาปกติ

ที่มีการใช้งานง่ายสุดๆ คือคำกริยาอยู่ช่อง 2/3 แค่เติม -ed ท้ายคำจากช่อง 1 เช่น 

wait / waited / waited

I waited 1 hour for you to come.แปลว่า ฉันรอคุณมาเป็นเวลา 10 นาที

Base FormPast SimplePast ParticipleArriveArrivedArrivedCallCalledCalledWaitWaitedWaited

ถ้าเกิดคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -y ให้เปลี่ยน -y เป็น -i แล้วเติม – ed เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleMarryMarriedMarriedStudyStudiedStudied

ถ้าคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -e อยู่แล้ว เราแค่เติม -d เข้าไป เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleHateHatedHatedLikeLikedLiked

3.2 – คือ Irregular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาอปกติ

ในภาษาอังกฤษมี irregular verbs อยู่ประมาณ 200 คำ  และคำกริยานี้จะใช้งานตามหลักคือ เอาคำกริยาจากช่อง 1/2/3 มีรูปแบบเฉพาะ 

เช่นคำว่า กิน = eat / ate / eaten

  • I like to eat pizza. แปลว่า ผมชอบกินพิซซ่า
  • Yesterday, I ate pizza. แปลว่า เมื่อวานผมกินพิซซ่า
  • I have just eaten pizza. แปลว่า ผมเพิ่งกินพิซซ่าเสร็จพอดี

Irregular verb  ได้แบ่งออกได้เป็นสี่กลุ่ม

3.2.1 – คำกริยาที่มีรูปเหมือนกันทั้งสามช่อง

Base FormPast SimplePast ParticipleCostCostCostCutCutCutHurtHurtHurtLetLetLetPutPutPut

ตัวอย่างเช่น:

  • My parents have let me stay out late tonight.
  • They put on their jackets because it was very cold.

3.2.2 – คำกริยาที่ช่องสองกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleBringBroughtBroughtBuyBoughtBoughtCathCaughtCaughtFeelFeltFeltFindFoundFoundGetGotGotHaveHadHadHearHeardHeardKeepKeptKeptLeaveLeftLeftLoseLostLostMakeMadeMadeRead /ri:d/Read/’red/Read/’red/SaySaidSaidSellSoldSoldSendSentSentTeachTaughtTaughtThinkThoughtThoughtWinWonWon

ตัวอย่างเช่น:

  • They had lunch at a Thai restaurant on Monday.
  • Have you heard the news about the train strike?

3.2.3 – คำกริยาที่ช่องแรกกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleComeCameComeBecomeBecameBecomeRunRanRun

3.2.4 – คำกริยาที่ทั้งสามช่องผันไม่เหมือนกันเลย

Base FormPast SimplePast ParticipleBeWas/ WereBeenBeginBeganBegunBreakBrokeBrokenChooseChoseChosenDoDidDoneDrinkDrankDrunkDriveDroveDrivenEatateeatenFallFellFallenGiveGaveGivenGoWentGoneKnowKnewKnownSeeSawSeenSpeakSpokeSpokenSwimSwamSwumTakeTookTakenWakeWokeWokenWriteWroteWritten

ตัวอย่างเช่น:

  • The kids ate a lot of cakes at the party.
  • They drove to the airport and left their car there.

3.3 – คือ Adverb หรือได้เรียกว่า คำขยายกริยา

เป็นกริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย 

หน้าที่ของ Adverb  คือขยายคำกริยา ตัวอย่างเช่น He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง ตัวอย่างเช่น The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายวิเศษณ์ (adverb) ตัวอย่างเช่น He walks very fast. เขาเดินเร็วมาก

รูปของคำวิเศษณ์:  Adjective + ly → Adverb

Adjectives     AdverbsAdjectives     Adverbsslow (ช้า)slowlyquick (เร็ว)quicklysoft (นุ่มนวล)softlypretty (สวยงาม)prettilygradual (ค่อยเป็นค่อยไป)graduallycomplete (สมบูรณ์)completelysudden (ทันใด)suddenlyproud (ภาคภูมิใจ)proudlyeasy (ง่าย)easilyloud (เสียงดัง)loudlyeffective (มีประสิทธิภาพ)effectivelyfrequent (บ่อยครั้ง)frequentlyrecent (เร็วๆ นี้)recentlybad (เลว, แย่)badlyangry (โกรธ)angrilyslight (เล็กน้อย)slightlyreal (แท้จริง)reallycareful (ระมัดระวัง)carefully

3.4 – คือ Modal verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกเจตนาอารมณ์หรือวัตถุประสงค์ของกริยา กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ

  1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
  • ถูก He can drive a car./ ผิด He can to drive a car.
  1. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
  • ถูก Christopher should stop smoking./ ผิด Christopher shoulds stop smoking.
  1. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
  • ถูก She mustn’t enter here./ ผิด She doesn’t must enter here.

3.5 – คือ Auxiliary verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกกาลเวลาของกริยาโดยชื่อก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นกริยาช่วย (Helping Verbs) ซึ่งช่วยให้กริยาหลัก (Main/ Lexical Verbs) นั้น สมบูรณ์ตามกฎไวยากรณ์และความหมาย

เช่น was / am / will (be)

  • I was angry yesterday. แปลว่าเมื่อวานผมรู้สึกโกรธ
  • I am sad today. แปลว่าวันนี้ผมรู้สึกเศร้า
  • I will be happy tomorrow.แปลว่า พรุ่งนี้ผมจะรู้สึกมีความสุข

ภาษาอังกฤษสามารถแบ่ง auxiliary verb ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก Primary auxiliary verb คือ และ Modal auxiliary verb ดังน

สำหรับ Primary auxiliary verb สามารถแบ่งกริยาช่วยกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 

3.5.1 – Verb to be ได้แก่ is, am, are, was, were  ในนั้น Verb to be ใช้เป็นกริยาช่วยใน Continuous Tense และ Passive Voice โครงสร้าง (subject + verb to be + verb+ing + object)

รูปของ Verb to be:

  • กริยาช่องที่ 1 = is, am, are
  • กริยาช่องที่ 2 = was, were
  • กริยาช่องที่ 3 = been

ตัวอย่างเช่น

  • I am eating fried chicken. แปลว่า ฉัน กำลังกิน ไก่ทอด
  • He was playing games while she was reading a book. แปลว่า เขาเคยกำลังเล่นเกมส์ ในขณะเดี่ยวกัน เธอเคยก าลังอ่านหนังสือ

3.5.2 – Verb to have ที่ใช้เป็นกริยาช่วยใน Perfect Tense ซึ่ง Perfect Tense และมีโครงสร้าง (subject + verb to have + verb 3 + object)

รูปของ Verb to have:

  • กริยาช่องที่ 1 = has, have
  • กริยาช่องที่ 2 = had
  • กริยาช่องที่ 3 = had

ตัวอย่างเช่น

  • I have been to Japan. แปลว่า ฉันเคยไปประเทศญี่ปุ่น
  • She has never eaten sushi. แปลว่า เธอไม่เคยกินซูซิ

3.5.3 – Verb to do ได้แก่ do, does , did ที่ใช้ช่วยสร้างประโยคค าถามร่วมกับ Yes – No Questions กับ simple present และ past tenses (ปัจจุบันและอดีต) ใช้ตอบค าถามแบบสั้นๆ

ูปของ Verb to do:

  • กริยาช่องที่ 1 = do, does
  • กริยาช่องที่ 2 = did
  • กริยาช่องที่ 3 = done

ตัวอย่างเช่น

  • Do you want to eat some cakes? แปลว่า คุณอยากกินเค้กไหม
    ตอบ 1. Yes, I do. >> อยากกิน 2. No, I don’t. >> ไม่อยากกิน

สำหรับ Modal auxiliary verb คือ กริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง กริยาช่วยในกลุ่มนี้ได้แก่ will, would, shall, should, can, could, may, migh, must, dare, need, used to , ought to.

Modal Auxiliary verbs มีความหมายในลักษณะต่างๆ ดังนี้ 

ความสามารถ (Ability)can/ couldการแนะนำ(Suggestions) shouldความจำเป็น/ การบังคับ (Necessity/ Obligation)mustการอนุญาต (Permission)can/ mayความน่าจะเป็น/ ความเป็นไปได้ (Probability/ Possibility)may/ might/ can/ should/ wouldการสันนิษฐาน (Assumption)must/ shouldการสัญญา (Promise)will

ตัวอย่างการใช้ modal auxiliary verbs:

  • I will go tomorrow. แปลว่า  ผมจะไปพรุ่งนี้ (ประโยคนี้สมบูรณ์ถูกต้อง) will ไปเสริม go.
  • You shall go now. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้
  • He need eat vegetables. แปลว่า เขาจ าเป็นต้องกินผัก
  • I used to play football when I lived here. แปลว่า  ผมเคยๆเล่นฟุตบอล ตอนผมอยู่ที่นี

หลักการใช้ Verb ฉบับเข้าใจง่าย

4 – วิธีใช้คำกริยาในภาษาอังกฤษ HOW  TO USE  VERB  

คำกิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เรียกว่า “ กิริยา 3 ช่อง “ ซึ่งแต่ละช่องก็บอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย  ตามตัวอย่างในตาราง ต่อไปนี้

  • กิริยาช่องที่ 1 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • กิริยาช่องที่ 2 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
  • กิริยาช่องที่ 3 ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา หรือ Complement  “

ตัวอย่างเช่น

ช่องที่ 1ช่องที่ 2ช่องที่ 3RunRanRunSeeSawSeen

วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

หลักการใช้Verb ใช้ยังไง

หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

  • I eat.  ฉันกิน
  • I am eating.  ฉันกำลังกิน
  • I have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว
  • I ate. ฉันกินมาแล้ว
  • I will eat. ฉันจะกิน

5 – Verbs- คำกริยาภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

คำกริยาภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยวิธีการออกเสียงdoทำ/duː/getได้รับ/ɡet/goไป/ɡəu/knowรู้/nəu/sayพูด/sei/thinkคิด/θiŋk/seeเห็น/siː/come  มา/kam/want ต้องการ/wont/meanหมายความ/miːn/look ดู/luk/put วาง/put/takeเอา/teik/tell บอก/tel/make ทำ, สร้าง/meik/like ชอบ/laik/giveให้/ɡiv/buy ซื้อ/bai/leave ทิ้ง/liːv/need ต้องการ/niːd/keep เก็บ/kiːp/try ลอง/trai/work งาน/wəːk/talk พูด คุย/toːk/pay จ่าย/pei/sit นั่ง/sit/start เริ่ม/staː/findค้นหา/faind/rememberจำ/riˈmembə/askถาม/aːsk/hear ได้ยิน/hiə/playเล่น/plei/call โทร , เรียก/koːl/Let ปล่อย/let/eat กิน/iːt/feel รู้สึก/fiːl/mind ระวัง/maind/useใช้/juːz/

Verb เป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะเนื่องจากเนื้อหาเรื่อง Verb จะเป็นไปเชื่อมโยงกับบทอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Tenses หรือเรื่องของ Passive Voice โดยเฉพาะเรื่องของ Tenses คือถ้าTenses ต่างรายละเอียดการใช้ Verb ก็จะต่างกันออกไป ซึ่งเป็นไปได้ยากครับที่เราจะเข้าใจเรื่องของ Verb ทันทีตั้งแต่ที่เริ่มศึกษา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ

ว่ายังไงบ้างคะ สำหรับหลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ที่เราเอามาแนะนำวันนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ คะ เพื่อจดจำหลักการใช้นี้ได้ง่ายอย่าลืมเอามาใช้ มาตั้งเป็นประโยคบ่อยๆ นะคะ ติดตาม Eng Breaking เพื่อแบ่งบันกันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสานค่ะ

ไม่พลาดกับบทความนี้ :

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[Update] หลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับเข้าใจง่าย | ความ หมาย ของ คํา กริยา – NATAVIGUIDES

คำกริยาภาษาอังกฤษ – วันนี้ Eng Breaking จะพาคุณไปรู้จักกับคำกริยาภาษาอังกฤษฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง Verb  คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง พร้อมตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย พร้อมแล้วไปดูกันเลย

1 – คำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไร?

ก่อนอื่นเราจะไปทำความเข้าใจเรื่องคำกริยาภาษาอังกฤษคืออะไรกันนะ จริงๆ แล้วคำนิยามแต่ถ้าเข้าใจง่ายที่สุด คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือ Verb เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง 

ในภาษาอังกฤษได้ระบุความหมายของ Verb ตามนี้นะคะ “Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience.” แปลว่า Verb คือ  คำที่แสดงถึงอาการต่าง  ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงของเวลา นอกจากนั้นยังกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ  คำพูดที่แสดงถึงการกระทำของตัวประธานในประโยค หรือคำที่ทำหน้าที่ช่วยคำกริยา ด้วยกันนั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น:

  • A man eats a mango.  แปลว่า ผู้ชาย กิน มะม่วง ในประโยคนี้ใช้คำว่า eat บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • The sun is hot. แปลว่า พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน ในประโยคนี้ใช้คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is, am, are บางทีจะไม่แปลกัน
  • She worked hard. แปลว่า เธอทำงานขยันมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า worked บอกการกระทำและมันเป็น Verb
  • It’s easy to learn English. แปลว่า เรียนภาษาอังกฤษง่ายมาก ในประโยคนี้ใช้คำว่า learn บอกการกระทำและมันเป็น Verb

เห็นไหมคะความสำคัญของคำกริยา ในภาษาอังกฤษ เป็นคำที่มีบทบาทที่สำคัญในแต่ละประโยค  ถ้าในประโยคนั้น ๆ ขาดกริยา   ความหมายก็ไม่เกิดและไม่สามารถทราบถึงเหตุการณ์ต่าง ๆได้เลย หรือมีใจความที่ไม่สมบูรณ์

Eng Breaking แนะนำหลักการใช้ Verb

2 – ตำแหน่งของคำกริยาภาษาอังกฤษในประโยค

ในภาษาอังกฤษรูปแบบของ Verb  ที่เรามักจะเจอบ่อยที่สุดคือ Subject + Verb + Object ในนั้นคำกริยาภาษาอังกฤษจะตั้วอยู่ด้านหลังของ Subject
ยกตัวอย่างเช่น:

  • My family has six people. แปลว่าครอบครัวของฉันมี หกคน
  • I am a student. แปลว่า ฉันเป็นนักเรียน

นอกจากนั้นแล้วคำกริยามักจะมาหลังกริยาวิเศษณ์ความถี่ด้วย (Adverb of Frequency) 

Adverb of Frequency ที่เจอบ่อยๆ ดังนี้:

  • Always แปลว่า เสมอ
  • Usually แปลว่าโดยปกติ
  • Often แปลว่า บ่อยๆ
  • Sometimes แปลว่า บางครั้ง
  • Seldom แปลว่า แทบจะไม่ หรือ นานๆ ครั้ง
  • Never แปลว่า ไม่เคย

ยกตัวอย่างเช่น:

  • He usually goes to school in the afternoon. แปลว่า เขามักจะเดินไปโรงเรียนตอนบ่าย
  • I always walk to work.แปลว่า ฉันเดินไปทำงานเสมอ
  • I oftern see her there.แปลว่า ฉันเจอเขาที่นี่บ่อยๆ
  • We seldom go out in the evenings.แปลว่า นานๆ เราถึงจะไปข้างนอกตอนคำๆ

3 – Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท

คำกริยาภาษาอังกฤษ หรือว่า verb จะมีหลายรูปแบบ วันนี้เราจะมาดูกันว่ามันคืออะไรบ้าง และทำความเข้าใจละเอียดเฉพาะในรูปแบบที่มักจะใช้งานบ่อยที่สุดกันนะคะ

3.1 – คือ Regular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาปกติ

ที่มีการใช้งานง่ายสุดๆ คือคำกริยาอยู่ช่อง 2/3 แค่เติม -ed ท้ายคำจากช่อง 1 เช่น 

wait / waited / waited

I waited 1 hour for you to come.แปลว่า ฉันรอคุณมาเป็นเวลา 10 นาที

Base FormPast SimplePast ParticipleArriveArrivedArrivedCallCalledCalledWaitWaitedWaited

ถ้าเกิดคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -y ให้เปลี่ยน -y เป็น -i แล้วเติม – ed เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleMarryMarriedMarriedStudyStudiedStudied

ถ้าคำกริยานั้นลงท้ายด้วย -e อยู่แล้ว เราแค่เติม -d เข้าไป เช่น:

Base FormPast SimplePast ParticipleHateHatedHatedLikeLikedLiked

3.2 – คือ Irregular verb หรือได้เรียกว่า คำกริยาอปกติ

ในภาษาอังกฤษมี irregular verbs อยู่ประมาณ 200 คำ  และคำกริยานี้จะใช้งานตามหลักคือ เอาคำกริยาจากช่อง 1/2/3 มีรูปแบบเฉพาะ 

เช่นคำว่า กิน = eat / ate / eaten

  • I like to eat pizza. แปลว่า ผมชอบกินพิซซ่า
  • Yesterday, I ate pizza. แปลว่า เมื่อวานผมกินพิซซ่า
  • I have just eaten pizza. แปลว่า ผมเพิ่งกินพิซซ่าเสร็จพอดี

Irregular verb  ได้แบ่งออกได้เป็นสี่กลุ่ม

3.2.1 – คำกริยาที่มีรูปเหมือนกันทั้งสามช่อง

Base FormPast SimplePast ParticipleCostCostCostCutCutCutHurtHurtHurtLetLetLetPutPutPut

ตัวอย่างเช่น:

  • My parents have let me stay out late tonight.
  • They put on their jackets because it was very cold.

3.2.2 – คำกริยาที่ช่องสองกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleBringBroughtBroughtBuyBoughtBoughtCathCaughtCaughtFeelFeltFeltFindFoundFoundGetGotGotHaveHadHadHearHeardHeardKeepKeptKeptLeaveLeftLeftLoseLostLostMakeMadeMadeRead /ri:d/Read/’red/Read/’red/SaySaidSaidSellSoldSoldSendSentSentTeachTaughtTaughtThinkThoughtThoughtWinWonWon

ตัวอย่างเช่น:

  • They had lunch at a Thai restaurant on Monday.
  • Have you heard the news about the train strike?

3.2.3 – คำกริยาที่ช่องแรกกับช่องสามเหมือนกัน

Base FormPast SimplePast ParticipleComeCameComeBecomeBecameBecomeRunRanRun

3.2.4 – คำกริยาที่ทั้งสามช่องผันไม่เหมือนกันเลย

Base FormPast SimplePast ParticipleBeWas/ WereBeenBeginBeganBegunBreakBrokeBrokenChooseChoseChosenDoDidDoneDrinkDrankDrunkDriveDroveDrivenEatateeatenFallFellFallenGiveGaveGivenGoWentGoneKnowKnewKnownSeeSawSeenSpeakSpokeSpokenSwimSwamSwumTakeTookTakenWakeWokeWokenWriteWroteWritten

ตัวอย่างเช่น:

  • The kids ate a lot of cakes at the party.
  • They drove to the airport and left their car there.

3.3 – คือ Adverb หรือได้เรียกว่า คำขยายกริยา

เป็นกริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย 

หน้าที่ของ Adverb  คือขยายคำกริยา ตัวอย่างเช่น He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง ตัวอย่างเช่น The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก

หน้าที่ของ Adverb  คือ ขยายวิเศษณ์ (adverb) ตัวอย่างเช่น He walks very fast. เขาเดินเร็วมาก

รูปของคำวิเศษณ์:  Adjective + ly → Adverb

Adjectives     AdverbsAdjectives     Adverbsslow (ช้า)slowlyquick (เร็ว)quicklysoft (นุ่มนวล)softlypretty (สวยงาม)prettilygradual (ค่อยเป็นค่อยไป)graduallycomplete (สมบูรณ์)completelysudden (ทันใด)suddenlyproud (ภาคภูมิใจ)proudlyeasy (ง่าย)easilyloud (เสียงดัง)loudlyeffective (มีประสิทธิภาพ)effectivelyfrequent (บ่อยครั้ง)frequentlyrecent (เร็วๆ นี้)recentlybad (เลว, แย่)badlyangry (โกรธ)angrilyslight (เล็กน้อย)slightlyreal (แท้จริง)reallycareful (ระมัดระวัง)carefully

3.4 – คือ Modal verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกเจตนาอารมณ์หรือวัตถุประสงค์ของกริยา กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must ก่อนที่จะไปดูความหมายและการใช้ของแต่ละตัว เรามาดูหลักการใช้ที่มีเหมือนกัน คือ

  1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
  • ถูก He can drive a car./ ผิด He can to drive a car.
  1. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
  • ถูก Christopher should stop smoking./ ผิด Christopher shoulds stop smoking.
  1. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
  • ถูก She mustn’t enter here./ ผิด She doesn’t must enter here.

3.5 – คือ Auxiliary verb หรือได้เรียกว่า กริยาช่วย

ที่ทำหน้าทีบอกกาลเวลาของกริยาโดยชื่อก็บอกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นกริยาช่วย (Helping Verbs) ซึ่งช่วยให้กริยาหลัก (Main/ Lexical Verbs) นั้น สมบูรณ์ตามกฎไวยากรณ์และความหมาย

เช่น was / am / will (be)

  • I was angry yesterday. แปลว่าเมื่อวานผมรู้สึกโกรธ
  • I am sad today. แปลว่าวันนี้ผมรู้สึกเศร้า
  • I will be happy tomorrow.แปลว่า พรุ่งนี้ผมจะรู้สึกมีความสุข

ภาษาอังกฤษสามารถแบ่ง auxiliary verb ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก Primary auxiliary verb คือ และ Modal auxiliary verb ดังน

สำหรับ Primary auxiliary verb สามารถแบ่งกริยาช่วยกลุ่มนี้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 

3.5.1 – Verb to be ได้แก่ is, am, are, was, were  ในนั้น Verb to be ใช้เป็นกริยาช่วยใน Continuous Tense และ Passive Voice โครงสร้าง (subject + verb to be + verb+ing + object)

รูปของ Verb to be:

  • กริยาช่องที่ 1 = is, am, are
  • กริยาช่องที่ 2 = was, were
  • กริยาช่องที่ 3 = been

ตัวอย่างเช่น

  • I am eating fried chicken. แปลว่า ฉัน กำลังกิน ไก่ทอด
  • He was playing games while she was reading a book. แปลว่า เขาเคยกำลังเล่นเกมส์ ในขณะเดี่ยวกัน เธอเคยก าลังอ่านหนังสือ

3.5.2 – Verb to have ที่ใช้เป็นกริยาช่วยใน Perfect Tense ซึ่ง Perfect Tense และมีโครงสร้าง (subject + verb to have + verb 3 + object)

รูปของ Verb to have:

  • กริยาช่องที่ 1 = has, have
  • กริยาช่องที่ 2 = had
  • กริยาช่องที่ 3 = had

ตัวอย่างเช่น

  • I have been to Japan. แปลว่า ฉันเคยไปประเทศญี่ปุ่น
  • She has never eaten sushi. แปลว่า เธอไม่เคยกินซูซิ

3.5.3 – Verb to do ได้แก่ do, does , did ที่ใช้ช่วยสร้างประโยคค าถามร่วมกับ Yes – No Questions กับ simple present และ past tenses (ปัจจุบันและอดีต) ใช้ตอบค าถามแบบสั้นๆ

ูปของ Verb to do:

  • กริยาช่องที่ 1 = do, does
  • กริยาช่องที่ 2 = did
  • กริยาช่องที่ 3 = done

ตัวอย่างเช่น

  • Do you want to eat some cakes? แปลว่า คุณอยากกินเค้กไหม
    ตอบ 1. Yes, I do. >> อยากกิน 2. No, I don’t. >> ไม่อยากกิน

สำหรับ Modal auxiliary verb คือ กริยาช่วยที่มีความหมายในตัวเอง กริยาช่วยในกลุ่มนี้ได้แก่ will, would, shall, should, can, could, may, migh, must, dare, need, used to , ought to.

Modal Auxiliary verbs มีความหมายในลักษณะต่างๆ ดังนี้ 

ความสามารถ (Ability)can/ couldการแนะนำ(Suggestions) shouldความจำเป็น/ การบังคับ (Necessity/ Obligation)mustการอนุญาต (Permission)can/ mayความน่าจะเป็น/ ความเป็นไปได้ (Probability/ Possibility)may/ might/ can/ should/ wouldการสันนิษฐาน (Assumption)must/ shouldการสัญญา (Promise)will

ตัวอย่างการใช้ modal auxiliary verbs:

  • I will go tomorrow. แปลว่า  ผมจะไปพรุ่งนี้ (ประโยคนี้สมบูรณ์ถูกต้อง) will ไปเสริม go.
  • You shall go now. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้
  • He need eat vegetables. แปลว่า เขาจ าเป็นต้องกินผัก
  • I used to play football when I lived here. แปลว่า  ผมเคยๆเล่นฟุตบอล ตอนผมอยู่ที่นี

หลักการใช้ Verb ฉบับเข้าใจง่าย

4 – วิธีใช้คำกริยาในภาษาอังกฤษ HOW  TO USE  VERB  

คำกิริยาในภาษาอังกฤษตามหลักไวยากรณ์แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เรียกว่า “ กิริยา 3 ช่อง “ ซึ่งแต่ละช่องก็บอกถึงเหตุการณ์ในแต่ละช่วงของเวลาได้อีกด้วย  ตามตัวอย่างในตาราง ต่อไปนี้

  • กิริยาช่องที่ 1 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • กิริยาช่องที่ 2 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต
  • กิริยาช่องที่ 3 ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปอย่างสมบูรณ์ทั้งในปัจจุบันและอดีต เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ ส่วนสมบูรณ์ของกิริยา หรือ Complement  “

ตัวอย่างเช่น

ช่องที่ 1ช่องที่ 2ช่องที่ 3RunRanRunSeeSawSeen

วิธีใช้คำกิริยาในภาษาอังกฤษ

หลักการใช้Verb ใช้ยังไง

หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

  • I eat.  ฉันกิน
  • I am eating.  ฉันกำลังกิน
  • I have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว
  • I ate. ฉันกินมาแล้ว
  • I will eat. ฉันจะกิน

5 – Verbs- คำกริยาภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

คำกริยาภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยวิธีการออกเสียงdoทำ/duː/getได้รับ/ɡet/goไป/ɡəu/knowรู้/nəu/sayพูด/sei/thinkคิด/θiŋk/seeเห็น/siː/come  มา/kam/want ต้องการ/wont/meanหมายความ/miːn/look ดู/luk/put วาง/put/takeเอา/teik/tell บอก/tel/make ทำ, สร้าง/meik/like ชอบ/laik/giveให้/ɡiv/buy ซื้อ/bai/leave ทิ้ง/liːv/need ต้องการ/niːd/keep เก็บ/kiːp/try ลอง/trai/work งาน/wəːk/talk พูด คุย/toːk/pay จ่าย/pei/sit นั่ง/sit/start เริ่ม/staː/findค้นหา/faind/rememberจำ/riˈmembə/askถาม/aːsk/hear ได้ยิน/hiə/playเล่น/plei/call โทร , เรียก/koːl/Let ปล่อย/let/eat กิน/iːt/feel รู้สึก/fiːl/mind ระวัง/maind/useใช้/juːz/

Verb เป็นเรื่องที่สำคัญ และเป็นเรื่องที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะเนื่องจากเนื้อหาเรื่อง Verb จะเป็นไปเชื่อมโยงกับบทอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Tenses หรือเรื่องของ Passive Voice โดยเฉพาะเรื่องของ Tenses คือถ้าTenses ต่างรายละเอียดการใช้ Verb ก็จะต่างกันออกไป ซึ่งเป็นไปได้ยากครับที่เราจะเข้าใจเรื่องของ Verb ทันทีตั้งแต่ที่เริ่มศึกษา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ

ว่ายังไงบ้างคะ สำหรับหลักการใช้ Verb- คำกริยาภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์ที่เราเอามาแนะนำวันนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ คะ เพื่อจดจำหลักการใช้นี้ได้ง่ายอย่าลืมเอามาใช้ มาตั้งเป็นประโยคบ่อยๆ นะคะ ติดตาม Eng Breaking เพื่อแบ่งบันกันความรู้ดีๆ ช่วยกันเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุกสานค่ะ

ไม่พลาดกับบทความนี้ :

ความคิดเห็น 635 รายการ

 


หน้าที่ของคำกริยา


เล่ม : หลักภาษาไทย ม.ปลาย
บท : บทที่5 ชนิดและหน้าที่ของคำ
Playlist : https://www.youtube.com/playlist?list=PLrEFzH81p36jLC5KWV6FyjAa7hAOBpuLl

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

หน้าที่ของคำกริยา

เพลงคำกริยา❁


เพลง..คำกริยา
หนูหนูจ๋ารีบมาเร็วไว วันนี้ไงเรามาเรียนคำกริยา
ไม่ยากเลยยิ้มให้เริงร่า มา มา มา เริ่มไปพร้อมกัน
คำกริยาใช้บอกอาการ แสดงท่าทาง คัน คัน คัน
เกา เกา เกา กิน กิน กัน ยืนเดินนั้นก็คำกริยา
อกรรมกริยาไม่ต้องการกรรม เจ้าหมูเดินนำเจ้าดำบินมา
กระต่ายตัวน้อยกระโดดเริงร่า พวกเราหรรษาไม่ต้องการกรรม
สกรรมกริยาต้องมีกรรมตามมา ใจความนั้นหนาครบครันครบคำ
แม่กาเหว่าสาวจิบชางานเต้นรำ แม่กาสุดช้ำเลี้ยงลูกคนเดียว
วิกตรรถกริยาส่วนเติมเต็มมาเร็วไว สวยราวนางสาวไทยตัวใหญ่ปานยักษ์เชียว
กริยานุเคราะห์ทำงานสุดแรงเรี่ยว ช่วยมากนักเชียวกริยาหลักชัดเจน

เพลงคำกริยา❁

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

“อาจารย์ เจษฎ์” ชี้ การรัฐประหาร ไม่ถือว่าเป็นการ “ล้มล้างกาปกครอง” | workpointTODAY


หาก \”ปฏิรูป\” = ล้มล้างการปกครอง และ \”รัฐประหาร\” = ล้มล้างการปกครอง ด้วยหรือไม่ ?
หลังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน มีความหมายเดียวกับ การล้มล้างการปกครองของไทย และสั่งปิดประตู ห้ามประชาชนวิจารณ์พระมหากษัตริย์ทันที
พูดคุยกับ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย วิเคราะห์ผลคำวินิจฉัยว่า เมื่อศาลพิจารณาคำร้องว่าเข้าข่ายมีความผิด ศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามไม่ให้ปราศรัยในลักษณะดังกล่าวนั้นอีกเพราะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรอบการปฎิบัติที่พึงกระทำได้อยู่ตรงไหน แท้จริงแล้ว หากปฏิรูป = ล้มล้างการปกครอง แล้วการรัฐประหารคือการล้มล้างการปกครองด้วยหรือไม่

รัฐประหาร ศาลรัฐธรรมนูญ ล้มล้างการปกครอง
workpointTODAY | MAKE TOMORROW, TODAY
ข่าว ข่าววันนี้ ข่าวด่วน ข่าวธุรกิจ
สาระความรู้สำหรับวันนี้
workpointTODAY LIVE
รายการข่าวออนไลน์ พร้อมประเด็นพูดคุยที่น่าสนใจ
ทุกวันจันทร์ศุกร์ 19.30 น. ช่องทางออนไลน์ของเรา
workpointTODAY
ข่าวเวิร์คพอยท์ทีวีช่อง 23 ตลอดทั้งวัน
https://www.facebook.com/NewsWorkpoint/
Website: workpointtoday.com
Facebook: https://www.facebook.com/workpointTODAY/
YouTube: https://www.youtube.com/WorkpointToday
Instagram: https://www.instagram.com/workpointtoday/
Twitter: https://twitter.com/workpointtoday
Tiktok: https://www.tiktok.com/@workpointtoday

Podcast by workpointTODAY
Apple Podcast https://apple.co/31pJLD0
Google Podcast https://bit.ly/2FJrBo9
Spotify https://spoti.fi/2HeG2RO
Podbean https://bit.ly/3m4nouy

“อาจารย์ เจษฎ์” ชี้ การรัฐประหาร ไม่ถือว่าเป็นการ “ล้มล้างกาปกครอง” | workpointTODAY

คำกริยา – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาเรียนรู้ ความหมาย และการใช้ คำกริยา
ตัวอย่างคำศํพท์ และประโยค ของ คำกริยา
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

คำกริยา - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ความ หมาย ของ คํา กริยา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *