Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้ some กับ any พร้อมตัวอย่างประโยค | นาม นับ ได้ และ นับ ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้ some กับ any พร้อมตัวอย่างประโยค | นาม นับ ได้ และ นับ ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

นาม นับ ได้ และ นับ ไม่ ได้: คุณกำลังดูกระทู้

คำว่า some และ any เป็นคำภาษาอังกฤษที่เราพบเจอได้บ่อยมากๆ แต่ถึงแม้จะเจอบ่อย หลายๆคนก็อาจจะยังงงกับเจ้าสองคำนี้อยู่ นั่นก็เพราะสองคำนี้มีความหมายและวิธีใช้ที่ค่อนข้างหลากหลายนั่นเอง

ในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่า some และ any ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งความหมาย วิธีการใช้ และตัวอย่างประโยค มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

หลักการใช้ some

คำว่า some มีความหมายและการใช้ที่หลากหลาย ซึ่งหลักๆแล้วจะมีดังนี้

Some แปลว่า บาง…

Some มีความหมายว่า “บาง…” เช่น บางส่วน บางคน ฯลฯ โดยจะมีการใช้แบ่งได้คร่าวๆ 3 แบบ

1. ใช้บอกปริมาณ

Some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” ใช้พูดถึงสิ่งที่มีปริมาณมากกว่าหนึ่งหน่วย หรือพูดถึงบางส่วนของสิ่งนั้น แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามีปริมาณเท่าใด

คำว่า some ในความหมายนี้ จะทำหน้าที่เป็น determiner เวลาใช้จะต้องอยู่หน้าคำนาม (determiner คือคำที่ใช้กำกับคำนาม ทำหน้าที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำนาม เช่น บอกปริมาณ ตัวอย่าง determiner คำอื่นเช่น a, an, the, many, much, any) อย่างเช่น

Some cake แปลว่า เค้กบางส่วน
Some apples แปลว่า แอปเปิลจำนวนหนึ่ง
Some idea แปลว่า ความคิดบางอัน

ตัวอย่างประโยค

I ate some ice cream yesterday.
เมื่อวานฉันกินไอศกรีมไปบางส่วน

Joe gave me some good advice.
โจให้คำแนะนำบางอย่างกับฉัน

ทั้งนี้ การใช้ some ในความหมายนี้ เราจะใช้กับคำนามนับไม่ได้ หรือคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์เท่านั้น ถ้าเป็นคำนามนับได้ที่เป็นเอกพจน์ เราจะใช้ a หรือ an แทน อย่างเช่น

I bought a pen.
ฉันซื้อปากกาหนึ่งด้าม
(เนื่องจาก pen เป็นคำนามนับได้ เราจึงไม่ใช้ I bought some pen. แต่เราสามารถใช้ I bought some pens. ได้ ถ้าเราซื้อมาหลายด้าม)

2. ใช้กับคำนามที่ไม่เจาะจง

เราสามารถใช้ some เมื่อกล่าวถึงบุคคลหรือสิ่งใดๆ โดยที่ไม่ได้ระบุชี้ชัดว่าเป็นคนไหนหรือสิ่งไหน เช่น

Some person ใครบางคน
Some cat แมวบางตัว
Some method บางวิธี

Some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนามเช่นกัน

ตัวอย่างประโยค

Some person came to see you yesterday.
มีใครบางคนมาหาคุณเมื่อวานนี้

There should be some ways to solve this problem.
มันน่าจะมีบางหนทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้

3. ใช้แทนคำนาม

เรายังสามารถใช้ some เป็น pronoun (คำที่ใช้แทนคำนาม) ได้อีกด้วย โดย some ในกรณีนี้จะมีความหมายว่า “บางส่วน” หรือ “จำนวนหนึ่ง” เหมือน some ที่ใช้บอกปริมาณ

ตัวอย่างประโยค

I have just made sandwiches. Would you like some?
ฉันเพิ่งทำแซนด์วิชเสร็จ คุณจะกินหน่อยมั้ย
(ถ้าแปลตรงๆจะเป็น “คุณจะกินบางส่วนมั้ย” แต่เพื่อให้เป็นธรรมชาติ เราเลยเปลี่ยนคำ)

Some of his works are very exceptional.
งานบางชิ้นของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก

Some แปลว่า ปริมาณมาก

เรายังสามารถใช้ some เมื่อต้องการบอกว่าสิ่งไหนมี “ปริมาณมาก” ได้อีกด้วย คำว่า some ในความหมายนี้จะทำหน้าที่เป็น determiner การใช้จะต้องใช้หน้าคำนาม

ตัวอย่างประโยค

It will be some time before I forget it.
มันคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่ฉันจะลืมมันได้

It normally takes some effort to be fluent in second language.
ปกติแล้วมันจะต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการที่จะใช้ภาษาที่สองได้คล่อง

Some แปลว่า ดีเยี่ยม

Some มีอีกความหมายว่า “ดีเยี่ยม” ทำหน้าที่เป็น determiner เช่นเดียวกัน

ตัวอย่างประโยค

That was some concert last night!
คอนเสิร์ตเมื่อคืนนี่สุดยอดจริงๆ

That was some Friday night dinner, wasn’t it?
อาหารเย็นเมื่อคืนวันศุกร์นั้นวิเศษณ์ไปเลย ว่ามั้ย

Some แปลว่า ประมาณ

เราสามารถใช้ some ไว้หน้าจำนวนตัวเลข ซึ่งจะแปลว่า “ประมาณ”

ตัวอย่างประโยค

Some 500 people went to the event.
มีคนประมาณ 500 คนไปร่วมงาน

I worked there for some 10 years.
ฉันทำงานที่นั่นประมาณ 10 ปี

Some แปลว่า เล็กน้อย

Some ยังสามารถแปลว่า “เล็กน้อย” ได้อีกด้วย โดยจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า some ในความหมายนี้จะถูกใช้ใน American English เป็นหลัก และถือว่าเป็นคำที่ไม่เป็นทางการ

ตัวอย่างประโยค

I am feeling some better.
ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

We could work some and then have lunch.
เรามาทำงานกันซักหน่อยแล้วค่อยไปกินข้าวเที่ยงก็ได้นะ

หลักการใช้ any

คำว่า any จะมีความหมายและการใช้แบ่งได้หลักๆดังนี้

Any แปลว่า บ้าง

Any มีความหมายว่า “บ้าง” หรือ “สักนิด” ทำหน้าที่เป็น determiner ต้องใช้หน้าคำนาม คำว่า any ในความหมายนี้ มักจะใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

Are there any cookies left?
มีคุ้กกี้เหลือบ้างมั้ย

I haven’t play any mobile games recently.
ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่ได้เล่นเกมมือถือเลยสักนิด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

I looked around for a bottle of water, but there wasn’t any.
ฉันมองหาน้ำขวด แต่มันไม่มีเลย

Have you read any of her books?
คุณได้อ่านหนังสือของเธอบ้างมั้ย

Any แปลว่า อันไหนก็ได้

Any ยังสามารถแปลว่า “อันไหนก็ได้” หรือ “อะไรก็ตาม”

ตัวอย่างประโยค

Any food is fine in moderation.
อาหารอะไรก็โอเคหมดถ้ากินแต่พอดี

Any light color is good with black.
สีอ่อนไม่ว่าจะสีไหนก็เข้ากับสีดำได้หมด

Any ในความหมายนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็น pronoun ซึ่งก็คือคำที่ใช้แทนคำนามได้อีกด้วย

ตัวอย่างประโยค

You can choose any of these t-shirts.
คุณสามารถเลือกเสื้อเชิ้ตอันไหนก็ได้

She is rich. She can buy any of these luxury clothes.
เธอรวย เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าแพงๆอันไหนก็ได้

Any แปลว่า แม้แต่น้อย

Any ยังมีอีกความหมายคือ “แม้แต่น้อย” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น adverb คำว่า any ในความหมายนี้มักจะถูกใช้กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม

ตัวอย่างประโยค

This movie isn’t any good.
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ดีเลยแม้แต่น้อย

Can’t you walk any faster?
คุณเดินเร็วขึ้นอีกสักหน่อยไม่ได้หรอ

Some กับ any ต่างกันอย่างไร

การใช้ some และ any เป็น determiner (คำที่ใช้กำกับคำนาม) ที่ใช้บอกปริมาณ (บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด) เราจะใช้กับประโยคคนละชนิดกัน

เราจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า

I have some money.
ฉันมีเงินอยู่บ้าง
(เราจะไม่ใช้ I have any money.)

และจะใช้ any กับประโยคปฏิเสธ

I don’t have any money.
ฉันไม่มีเงินสักนิดเลย
(เราจะไม่ใช้ I don’t have some money.)

สำหรับประโยคคำถาม เรามักจะใช้ any

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

แต่เราก็อาจใช้ some แทนได้ ถ้าเราคาดหวังว่าผู้ตอบจะตอบว่าใช่ หรือคาดหวังว่าเค้าจะมีในสิ่งที่เราถาม

Do you have some money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า

หรือเมื่อคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

Would you like some tea?
คุณจะรับชาหน่อยมั้ย

Can I have some coffee?
ฉันขอกาแฟได้มั้ย

Why don’t we buy some new clothes?
ทำไมพวกเราไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหน่อยล่ะ

สรุปก็คือเรามักจะใช้ some ในประโยคบอกเล่า และใช้ any ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม แต่ก็มีข้อยกเว้น คือเราสามารถใช้ some กับประโยคคำถามได้ ถ้าเราคาดหวังว่าเค้าจะตอบว่าใช่ หรือคำถามนั้นเป็นการยื่นข้อเสนอ การขอร้อง หรือการเสนอแนะ

เปรียบเทียบการใช้ some/any, a/an และ many/much

สำหรับคนที่ยังสับสนว่าในการบอกปริมาณ ตอนไหนเราควรใช้ some/any ตอนไหนควรใช้ a/an และตอนไหนควรใช้ many/much เรามาดูสรุปการเปรียบเทียบกันเลย

การใช้ a กับ an

ในการบอกปริมาณ เราจะใช้ a และ an เมื่อสิ่งนั้นมีปริมาณหนึ่งหน่วย โดยจะใช้ an เมื่อคำตามหลังนั้นขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u และจะใช้ a กับคำอื่นๆ

I bought an apple.
ฉันซื้อแอปเปิลหนึ่งลูก
(Apple ขึ้นต้นด้วยตัว a เราจึงใช้ an)

I bought a banana.
ฉันซื้อกล้วยหนึ่งลูก
(Banana ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u เราจึงใช้ a)

การใช้ many กับ much

เราจะใช้ many กับ much เพื่อสื่อว่าสิ่งนั้นมีปริมาณมาก โดยเราจะใช้ many กับคำนามที่นับได้ และใช้ much กับคำนามที่นับไม่ได้

I have many friends.
ฉันมีเพื่อนหลายคน
(Friend เป็นคำนามนับได้)

I had so much fun.
ฉันรู้สึกสนุกมาก
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

การใช้ some กับ any

เราจะใช้ some กับ any ซึ่งแปลว่า บางส่วน, จำนวนหนึ่ง, บ้าง, สักนิด เมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับได้และเป็นพหูพจน์

(เรามักจะใช้ some กับประโยคบอกเล่า และใช้ any กับประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม)

I can lend you some pencils.
ฉันให้คุณยืมดินสอบางส่วนได้นะ
(Pencil เป็นคำนามนับได้)

He doesn’t have any siblings.
เขาไม่มีพี่น้องเลยสักคน
(Sibling เป็นคำนามนับได้)

หรือเมื่อคำนามนั้นเป็นคำนามนับไม่ได้

We just want to have some fun.
พวกเราแค่อยากสนุกกันบ้างเท่านั้นเอง
(Fun เป็นคำนามนับไม่ได้)

Do you have any money?
คุณมีเงินบ้างหรือเปล่า
(Money เป็นคำนามนับไม่ได้)

สรุปง่ายๆก็คือ

  • ปริมาณหนึ่งหน่วย (เอกพจน์) และเป็นคำนามนับได้ ใช้ a (ไม่ได้ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u) หรือ an (ขึ้นต้นด้วย a, e, i, o, u)
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับได้ ใช้ many
  • ปริมาณมาก และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ much
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ ใช้ some หรือ any
  • บางส่วน จำนวนหนึ่ง สักนิด และเป็นคำนามนับไม่ได้ ใช้ some หรือ any

เป็นยังไงบ้างครับกับวิธีใช้ some, any และคำอื่นที่เกี่ยวข้องในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] Common Nouns แบ่งได้เป็น Countable Nouns และ Uncountable Nouns | นาม นับ ได้ และ นับ ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

ในบทที่ผ่านมา เราทราบกันแล้วว่า Nouns แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ Common Nouns และ Proper nouns ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Common Nouns (นามทั่วไป) กันให้เข้าใจมากขึ้น

Common Nouns คือ คำนามสำหรับใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ ความคิด โดยที่คำนามในประเภทนี้ จะไม่ระบุเฉพาะเจาะจงเหมือนกับ Proper nouns

ยกตัวอย่าง เช่น คำว่า man ที่แปลว่าผู้ชาย เป็นคำเรียกรวม ๆ ที่ไม่เจาะจงชัดเจน คำนี้จึงเป็น Common Nouns แต่ถ้ามีการระบุชื่อว่า Jim ที่เป็นชื่อเฉพาะก็จะกลายเป็น Proper nouns

คำว่า month ที่แปลว่าเดือน ไม่ได้ระบุชัดเจนจึงจัดเป็น Common Nouns แต่ถ้าบอกว่า May (เดือนพฤษภาคม) ก็จะอยู่ในประเภท Proper nouns

ประเภทของ Common Nouns

แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

  • นามนับได้  ( countable nouns, count nouns )

  • นามนับไม่ได้ ( uncountable nouns )

 

countable nouns หรือ count nouns

คือ คำนามนับได้ คำว่านับได้ในที่นี้หมายถึงการนับจำนวนของคำนามแต่ละคำ อะไรก็แล้วแต่ที่นับได้จะจัดอยู่ในกลุ่มคำนามทั่วไปประเภทนี้ โดยที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีรูปร่างก็ได้

ตัวอย่างคำนามนับได้ที่มีรูปร่าง เช่น dog , boy , table เป็นต้น

ตัวอย่างคำนามนับได้ที่ไม่มีรูปร่าง เช่น day , month , year , trip

 

countable nouns สามารถอยู่ได้ทั้งในรูปเอกพจน์ ( Singular ) หรือ พหูพจน์ ( Plural ) ซึ่งทั้ง 2 มีรายละเอียดดังนี้

1. Singular count nouns (นามนับได้เอกพจน์) คือ นามนับได้ที่มีจำนวนเพียงแค่ 1 เดียว เช่น a book , a woman , a wish , an idea

นามนับได้เอกพจน์ มีข้อกำหนดในการใช้อยู่ว่าไม่สามารถนำไปใช้โดดเดี่ยวได้ จะต้องมี determiner นำหน้าเสมอ เช่น

the table  , that English teacher  , a bird  , my latest idea

นำหน้าด้วย quantifier

some new books , a few teachers , lots of good ideas

 

Singular count nouns

 

2. Plural count nouns (นามนับได้พหูพจน์) คือ คำนามนับได้ที่มีจำนวนมากกว่า 1 ขึ้นไป ในภาษาอังกฤษจะมีวิธีระบุให้ทราบว่าคำนามเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1 ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

– โดยทั่วไปจะให้วิธี เติม S ข้างหลังคำ

book เป็น books  , dog เป็น  dogs ,  friend เป็น friends

 

– คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s , sh, ss ,ch , x , z จะใช้วิธีเติม -es ข้างหลังคำ

class เป็น classes  , watch เป็น  watches , gas เป็น gases , wish เป็น wishes , box เป็น boxes

 

-คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน  y เป็น i แล้วเติม es เช่น

lady เป็น  ladies  , country เป็น  countries , party เป็น  parties

แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติมเพียง s เช่น

boy เป็น  boys  , day เป็น days  , play เป็น plays

 

– คำนามที่ลงท้ายด้วย o  และหน้า o เป็นพยัญชนะ เติม es เช่น

tomato เป็น  tomatoes , hero เป็น   heroes

คำนามที่ลงท้ายด้วย o บางคำ ก็เติมแค่ s เพียงอย่างเดียว เช่น

auto เป็น  autos , piano เป็น pianos , bamboo เป็น bamboos

 

–  คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe เปลี่ยนให้เป็น v แล้วเติม es เช่น

thief ( ขโมย )     thieves
life ( ชีวิต )     lives
knife ( มีด )     knives
wife ( ภรรยา )     wives

แต่ก็มีคำยกเว้นต่อไปนี้ที่เติมแค่ s

belief ( ความเชื่อถือ)     beliefs
dwarf ( คนแคระ )     dwarfs
brief ( สำนวนคดีความ )     briefs
grief  ( ความเศร้าโศก )     griefs
chef ( หัวหน้าพ่อครัว )     chefs
gulf ( อ่าว )     gulfs
chief ( หัวหน้า)     chiefs
reef (หินโสโครก )     reefs

cliff ( หน้าผา )     cliffs
safe ( ตุ้นิรภัย)     safes

cliff ( หน้าผา ) cliffssafe ( ตุ้นิรภัย) safes

 

– คำที่ทำให้เป็นนามพหุพจน์โดยเปลี่ยนภายในคำ

man ( ผู้ชาย )     men
woman (ผู้หญิง )     women
louse  ( เหา,หมัด )     lice
mouse ( หนู )     mice
ox ( วัว )     oxen
foot ( เท้า )     feet
child ( เด็ก )     children
tooth ( ฟัน )     teeth

– คำต่อไปนี้เหมือนกันทั้งรูปพหูพจน์ และ เอกพจน์

aircraft ( เครื่องบิน )
herring ( ปลาเฮอริง )
deer ( กวาง )
species ( ชนิด )
carp ( ปลาคาร์พ )
salmon ( ปลาซาลมอน )
bison ( วัวกระทิง )
corps ( กองร้อย )
fish ( ปลา )
mackerel ( ปลาแมคเคอเรล )
shellfish( สัตว์น้ำที่มีเปลือก )
series ( ชุด )
sheep ( แกะ )
trout ( ปลาเทร้า )
barracks ( โรงเรือนทหาร )

** จะเห็นได้ว่าการแปลงคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์มีมากมายหลายแบบ ซึ่งการจะรู้ให้ได้ทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งต้องมาจากการหมั่นสังเกต **

uncountable nouns

คือ นามที่ไม่สามารถนับจำนวนได้ การทำความเข้าใจในส่วนนี้จะต้องทราบก่อนว่า ภาษาอังกฤษใช้วิธีมองสิ่งต่าง ๆ ในภาพรวม จึงมีคำบางประเภทที่ไม่สามารถจะนับได้ เช่น น้ำตาล ,น้ำ เป็นต้น การกระทำต่างๆที่เป็นรูปธรรม( abstract nouns )

ตัวอย่าง uncountable nouns

Concrete : เช่น  water, milk, butter, furniture, luggage, iron,equipment,clothing,garbage, junk
Abstract  : เช่น anger, courage, satisfaction,happiness,knowledge
ชื่อภาษา:  เช่น English,German,Spain
กีฬาต่างๆ : เช่น hockey, football, tennis
ชื่อวิชาต่างๆ : เช่น  sociology, medicine, anthropology
กิจกรรมต่างๆ : swimming, eating
อื่นๆ : news, money,mail ,work,homework,gossip, education, weather, difficulty, information,feminism, optimism,machinery,information, research,traffic,scenery,breakfast, accomodation, advice, permission

หลักการใช้ uncountable nouns

– มีรูปเป็นเอกพจน์ ซึ่งถ้าเป็นการกล่าวถึงโดยทั่วไป และไม่เคยกล่าวมาก่อน ไม่ต้องมีคำ articles (a ,an , the) ใด ๆ นำหน้าทั้งสิ้น

We ate a lot of foods > We ate a lot of food
We bought some new furnitures > We bought some new furniture
That’s a useful information > That’s useful information

– ทำให้เป็นพหูพจน์ได้โดยบอกจำนวนตามภาชนะที่บรรจุ กลุ่ม น้ำหนัก และลักษณะนาม เช่น

two cups of water, three pieces of information, five patches of sunlight
three games of hockey, two lumps of sugar
I need two lumps of sugar for my coffee.  ฉันกินกาแฟต้องใส่น้ำตาล  2  ก้อน

 

นอกจากนี้ยังมีคำ nouns ที่เป็นได้ทั้ง Countable และ Uncountableคำนามบางคำสามารถเป็นได้ทั้งนามนับได้และนามนับไม่ได้ แล้วแต่การใช้ เช่น

abuse ( ใช้ในทางที่ผิด )

faith ( ความเชื่อ )

nature  ( ธรรมชาติ )

adulthood ( ความเป็นผู้ใหญ่)

fear ( ความกลัว )

paper ( กระดาษ )

afternoon ( ตอนบ่าย )

fiction ( เรื่องอ่านเล่น )

passion ( หลงไหล )

age ( อายุ )

film ( ภาพยนต์ )

people ( ประชาชน )

anger ( ความโกรธ )

fish ( ปลา )

personality  ( บุคลิกภาพ )

appearance ( สิ่งที่ปรากฏแก่ตา )

flavor ( กลิ่น )

philosophy  ( ปรัชญา )

art ( ศิลปะ )

food ( อาหาร )

power ( พลัง )

beauty ( ความสวย )

friendship ( ความเป็นเพื่อน )

reading ( การอ่าน )

beer ( เบียร์ )

fruit ( ผลไม้ )

religion ( ศาสนา )

belief  ( ความเชื่อ )

glass ( แก้ว )

revision ( การทบทวน )

breakfast ( อาหารเช้า )

government ( รัฐบาล )

rock ( หิน )

cheese ( เนยแข็ง)

hair ( ผม )

science ( ศาสตร์,วิทยาศาสตร์ )

chicken ( ไก่ )

history ( ประวัติศาสตร์ )

school ( โรงเรียน )

childhood ( ความเป็นเด็ก )

innocence ( ความไร้เดียงสา )

shock ( ตกใจ งงงวย )

college ( วิทยาลัย )

jail ( คุก )

society ( สังคม )

competition ( การแข่งขัน )

jealousy ( ความอิจฉา)

sorrow ( ความเศร้าโศก)

crime ( อาชญากรรม )

language ( ภาษา)

space ( ที่ว่าง )

culture ( วัฒนธรรม )

law  ( กฏหมาย )

speech ( สุนทรพจน์ )

death ( ความตาย )

liberty  ( เสรีภาพ)

spirit ( วิญญาณ, จิตใจ )

divorce ( การหย่าร้าง )

life ( ชีวิต)

stone ( หินมีค่า )

disease ( โรค)

love ( ความรัก )

strength ( ความเข้มแข็ง )

drama ( บทละคร )

lunch  ( อาหารกลางวัน )

teaching ( การสอน )

duck ( เป็ด )

man  ( คน )

temptation ( สิ่งล่อ ยั่วยวนใจ)

education ( การศึกษา)

marriage ( การแต่งงาน )

theater ( โรงละคร)

environment ( สิ่งแวดล้อม )

meat ( เนื้อสัตว์)

theory ( ทฤษฎี )

evening ( ตอนเย็น)

metal ( โลหะ )

time ( เวลา)

exercise ( แบบฝึกหัด ออกกำลัง)

milk ( นม )

trouble ( ปัญหา )

fact ( ความจริง)

morning  ( ตอนเช้า )

wine ( เหล้าองุ่น )

 


รักอยู่หนใด ลาบานูน


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

รักอยู่หนใด   ลาบานูน

ติว TOEIC : วิธีสังเกตคำนาม (Noun) แบบง่ายๆ


✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 ติว TOEIC กับครูดิวเลย (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu

✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC : วิธีสังเกตคำนาม (Noun) แบบง่ายๆ

คำนามนับได้ vs คำนามนับไม่ได้ (countable nouns vs uncountable nouns)


เนื้อหาจาก : Gust Dii Channel
Music : Happy Kids
Music produced by OrangeHead
Watch : https://youtu.be/rTKYWeaS1s4
Website : http://www.orangehead.net

คำนามนับได้ vs คำนามนับไม่ได้ (countable nouns vs uncountable nouns)

Ep.13 นามนับได้ และ นามนับไม่ได้ countable and uncountable nouns รู้เรื่องนี้ ไปต่อได้อีกหลายเรื่อง!


Ep.13 นามนับได้ และ นามนับไม่ได้ countable and uncountable nouns รู้เรื่องนี้ ไปต่อได้อีกหลายเรื่อง!

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.2 เรื่อง นามนับได้และนามนับไม่ได้ + การใช้ There is/ There are


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.2 เรื่อง นามนับได้และนามนับไม่ได้ + การใช้ There is/ There are

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ นาม นับ ได้ และ นับ ไม่ ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *