Skip to content
Home » [Update] สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน | present อ่านว่า – NATAVIGUIDES

[Update] สรุป ! ทั้ง 12 Tense อย่างละเอียด มาดูกัน | present อ่านว่า – NATAVIGUIDES

present อ่านว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

สรุป 12 Tenses

ก่อนที่จะเข้าสู่บทเรียน สรุป Tenses ทั้ง 12 Tenses น้อง ๆควรได้รู้ภาพรวมคร่าว ๆ ของเนื้อหาตัวนี้ก่อน ซึ่งคำถามยอดฮิตคือ

Q: Tenses คืออะไร?

A: คือไวยกรณ์เหมือนภาษาไทยนี่แหละจ้า เรียนเพื่อให้เราใช้ประโยคได้ถูกต้อง รู้เรื่อง

Q: แล้ว Tenses มีอะไรบ้าง

A: มีทั้งหมด 12 ชนิด แบ่งตามเวลา 3 ช่วง (อดีต ปัจจุบัน และอนาคต) กับ ลักษณะของการกระทำอีก 4 แบบ

 

สรุป เทคนิคเข้าใจ Tenses ง่าย ๆ ไม่ต้องท่องก็จำได้ ! 

ให้เราจินตนาการว่า tenses คือ โรงเรียนที่มี 3 ช่วงชั้น คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วในโรงเรียนก็มีกีฬาสีแบ่งออกเป็น 4 สี คือ simple, continuous, perfect และสีสุดท้าย perfect continuous โดยแต่ละสีจะมีนิสัยพิเศษ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสีนั้น ๆ

 

ช่วงเวลา

x

การกระทำ

Past

Present

Future

Simple

S + V.2
S + V.1
S + will + V.inf

Continuous

S + was/were + V.ing
S + is/am/are + V.ing
S + will + be + V.ing

Perfect

S + had + V.3
S + has/have + V.3
S + will + have + V.3

Perfect Continuous

S + had + been + V.ing
S + has/have + been + V.ing
S + will + have + been + V.ing

 

S = ประธาน, V = กริยา, V.inf = กริยาต้นฉบับ (ไม่ผันหรือเปลี่ยนรูปใด ๆ ส่วนใหญ่หน้าตาเหมือน V.1)

 

 

มาเริ่มที่สีแรก simple : สีนี้จะมีนิสัยเรียบง่าย ไม่เรื่องเยอะตามชื่อ simple

  1. Past simple: S + V.2

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้บอกว่าการกระทำนั้น ๆ เสร็จสิ้นไปแล้ว

ตัวอย่างประโยค

  • I

    loved

    you. แปลว่า ฉันเคยรักเธอ (ในอดีตเคยรัก และหมดรักไปแล้ว)

  • You

    gave

    him your heart. แปลว่า คุณให้ใจกับเขาไปแล้ว (ให้ไปตั้งแต่ในอดีตแล้ว ให้ไปนานแล้ว)

  • She

    was

    my best friend. แปลว่า เธอเคยเป็นเพื่อนรักของฉัน (เคยเป็นเพื่อนกันในอดีต แต่ความเป็นเพื่อนมันจบไปแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present simple: S + V.1

  • ใช้กับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส, ฉันเป็นผู้หญิง, ชื่อของเขาคือต้น

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลปีใหม่ (เกิดขึ้นเป็นประจำในวันที่ 1 มกราคม)

  • ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมส่วนตัว เช่น ฉันเป็นคนรักเด็ก เธอเป็นคนนอนตื่นสาย

ตัวอย่างประโยค

  • I

    love

    you.  แปลว่า ฉันรักคุณ (รักจริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ ถือเป็นข้อเท็จจริง)

  • We

    celebrate

    Christmas on December 25. แปลว่า เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม (เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ)

  • I

    like

    dogs. แปลว่า ฉันชอบสุนัข (เป็นรสนิยมส่วนตัว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Future simple: S + will/be going to + V.inf

*** บางโรงเรียนสอนให้ใช้ V.1 เป็นความรู้ที่ผิดนะคะ ต้องเป็น V.inf เพราะกริยาทุกตัวที่ตามหลังกริยาช่วย (ในที่นี้คือตามหลัง will นั่นเอง) ต้องเป็นกริยาดั้งเดิมซึ่งก็คือ V.inf เพียงแต่ V.inf ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาเหมือนกันกับ V.1 แต่จำไว้เสมอว่า ไม่ได้เหมือนกันทุกตัว ***

  • ใช้กับเรื่องที่คาดว่า/วางแผนว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น

ตัวอย่างประโยค

  • I

    will make

    you happy. แปลว่า ฉันจะทำให้คุณมีความสุข (คาดว่าจะทำ)

  • He

    is going to be

    a better person. แปลว่า เขาจะเป็นคนที่ดีขึ้น (วางแผนว่าจะปรับปรุงตัว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

ต่อกันที่สีที่ 2 continuous: สีนี้จะมีนิสัยกระตือรือร้น กำลังทำอะไรอยู่ตลอด ทำอะไรอย่างต่อเนื่อง

  1. Past continuous: S + was/were + V.ing

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้เล่าถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ตอนนั้น

ตัวอย่างประโยค

  • I

    was eating

    rice. แปลว่า ตอนนั้นฉันกำลังทานข้าวอยู่ (ตอนนี้ทานเสร็จไปแล้ว แต่เล่าถึงว่าในอดีตกำลังทำอะไรอยู่)

  • You

    were having

    fun. แปลว่า ตอนนั้นคุณกำลังสนุกเลย (ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังสนุก)

  • He

    was running

    . แปลว่า ตอนนั้นเขากำลังวิ่งอยู่  (ตอนนี้ไม่ได้วิ่งแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังวิ่งอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present continuous: S + is/am/are + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังทำอยู่ในขณะที่พูด 

ตัวอย่างประโยค

  • I

    am studying

    .  แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่ (ตอนนี้กำลังเรียนอยู่อย่างต่อเนื่อง)

  • They

    are sleeping

    . แปลว่า พวกเขากำลังหลับอยู่ (กำลังกลับอยู่ในขณะที่คนพูดพูดอยู่)

  • The cat

    is sitting

    on my computer. แปลว่า แมวกำลังนั่งอยู่บนคอมของฉัน (กำลังนั่งอยู่ในขณะที่ฉันพูด)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Future continuous: S + will + be + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เอาไว้เล่าว่าในอนาคตตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่

ตัวอย่างประโยค

  • I

    will be celebrating

    on my birthday. แปลว่า ในวันเกิดฉันน่าจะกำลังฉลองอยู่ (ยังไม่ถึงวันเกิด แต่เดาว่าในวันเกิดต้องกำลังฉลองอยู่แน่)

  • He

    will be crying

    after the announcement of exam results. แปลว่า หลังจากการประกาศผลสอบเขาต้องร้องไห้แน่ๆ (ผลสอบยังไม่ประกาศ แต่เดาว่าในอนาคตเมื่อประกาศแล้วเขาจะร้องไห้)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

สีที่ 3 perfect: สีนี้จะมีนิสัยครองทุกยุค อยู่ในทุกช่วงเวลา มักทำอะไรนาน ๆ ขี้โม้ ชอบเล่าประสบการณ์

  1. Past perfect: S + had + V.3

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์ต่อกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดตามมา

ตัวอย่างประโยค

  • When Janny arrived, the exam

    had

    already

    started

    . แปลว่า ตอนเจนนี่มาถึง การสอบก็ได้เริ่มไปแล้ว (การสอบเริ่มไปก่อน เจนนี่มาถึงทีหลัง)

  • Kai was depleted. He

    had studied

    hard all day. แปลว่า ไคเหนื่อยล้ามาก เขาเรียนหนักมาทั้งวัน  (เรียนหนักมาทั้งวันก่อน แล้วจึงเหนื่อย)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present perfect: S + has/have + V.3

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (และน่าจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต)

ตัวอย่างประโยค

– We have studied in the same school for four years. (เรียนโรงเรียนเดิมมาสี่ปีแล้ว ตอนนี้ยังเรียนอยู่ และในอนาคตน่าจะเรียนต่อ)

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในช่วงเวลาหนึ่ง และช่วงเวลานั้นยังไม่หมด

ตัวอย่างประโยค

– Coronavirus has spread around the world this year. (เริ่มต้นในปีนี้และปีนี้ยังไม่หมด)

  • ใช้กับเรื่องที่เพิ่งจะเสร็จไป

ตัวอย่างประโยค

– I have just finished my homework. (เพิ่งจะทำการบ้านเสร็จ)

  • ใช้กับเรื่องที่ไม่ระบุเวลา และต้องการแค่เล่าว่าเคยทำ ไม่เคยทำ ประสบการณ์ หรือ ผลลัพธ์

ตัวอย่างประโยค

– I have learned Japanese, Korean, Italian, and English.

– Have you ever been to France?

– Someone has stolen my eraser!

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

  1. Future perfect: S + will + have + V.3

  • ใช้กับเรื่องที่คาดว่าจะจบลงในอนาคต

ตัวอย่างประโยค

–  He will have studied English for a year next week. (เขาจะเรียนภาษาอังกฤษครบหนึ่งปีในอาทิตย์หน้า)

– They will have seen the doctor Tuesday morning. (พวกเขาจะไปพบแพทย์วันอังคารตอนเช้า)

  • ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่คาดว่าจะจบในอนาคตจบแล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นต่อกันพอดี

– She will have cleaned the dishes when I get home. (เธอคงจะล้างจานเสร็จแล้วตอนฉันมาถึงบ้าน)

– By the time you arrive, I will have gone to bed. (กว่าคุณจะมาถึง ฉันคงจะเข้านอนแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

สีสุดท้าย perfect continuous: สีนี้จะมีนิสัยคล้ายกันกับ perfect แต่จะเน้นความต่อเนื่องของการกระทำ

  1. Past perfect continuous: S + had + been + V.ing

* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *

  • ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น กำลังทำอยู่ในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดแทรกกลางคัน 

ตัวอย่างประโยค

– We had been walking for 30 minutes when it started to rain. (ตอนนั้นเรากำลังเดินเล่นกันอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่ฝนจะตกลงมากลางคัน)

– When the phone rang, I had been watching TV. (โทรศัพท์ดังขึ้นมากลางคั่นในขณะที่ฉันกำลังดูทีวีอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

  1. Present perfect continuous: S + has/have + been + V.ing

  • ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้

ตัวอย่างประโยค

– It has been raining for four hours. (ฝนตกอย่างต่อเนื่องมาสี่ชั่วโมงแล้ว)

– They have been running for 20 minutes. (พวกเขาวิ่งอย่างต่อเนื่องมา 20 นาทีแล้ว)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

3. Future perfect continuous: S + will + have + been + V.ing

  • ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วมีเรื่องที่สองเกิดขึ้นต่อกันพอดี โดยที่เรื่องที่หนึ่งอาจจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้

ตัวอย่างประโยค

– I will have been exercising when you arrive. (ฉันคงจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอยู่ตอนที่คุณมาถึง)

– When he wakes up, she will have been watering flowers. (ตอนที่เขาตื่นนอน เธอคงจะกำลังรดน้ำดอกไม้อย่างต่อเนื่องอยู่)

อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้

 

การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม

กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no

ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is,  am,  are หรือ was, were)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น

– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น

– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.

ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)

  • ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

    • Do + ประธานพหูพจน์

    • Does + ประธานเอกพจน์

** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้

 

S + verb to have + never… ในปฏิเสธ

verb to have + S + ever + …? ในคำถาม

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.

ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น

– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly.  **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not

– I should go outside. 🡪 I should not go outside.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น

– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?

– I should go outside. 🡪 Should I go outside?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.

 

ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

  • ทำให้เป็น

    ปฏิเสธ

    โดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.

  • ทำให้เป็น

    คำถาม

    โดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– I love you. 🡪 Do you love me?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.

 

กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no

ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย

 

  • What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่ เช่น

What is your favorite animal?

What time is it?

  • Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น

Where do we meet?

Where are you?

  • When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา เช่น

When is Christmas?

When will they sleep?

  • Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น

Why are you so cute?

Why did you do that?

  • Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน เช่น

Who does he like?

Who is she?

  • Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร) เช่น

Whose pen is it?

Whose are these?

  • Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม เช่น

Whom are you waiting for?

Whom do you serve?

  • Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

Which dress do you like?

Which is nicer?

  • How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ เช่น

How much is this?

How many pets do you have?

How do you do? หรือ How are you?

How old are you?

How often do you exercise?

How do you go to work?

 

[NEW] ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม Present Simple Tense ม.3 | present อ่านว่า – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense

ในเบื้องต้นขอยกตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และการแต่งประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านะครับ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่างการแต่งประโยคง่ายๆ ขอให้จดจำไว้ว่า ในการสร้างประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านั้น ถ้าประโยคดังกล่าวมี กริยาช่วย  อยู่ในประโยค ให้เอากริยาช่วยขึ้นต้นได้เลย แต่มีไม่กี่ตัวนะครับ ดูจากตัวอย่างเอาแล้วกัน

กริยาแท้ Verb to be ( is,  am,  are)

is am are ที่ยกตัวอย่างนี้ เป็นกริยาแท้นะครับ (เพราะมีตัวเดียวในประโยค ไม่ได้ไปเสริมกับกริยาตัวอื่น)

บอกเล่า She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
ปฏิเสธ  She is not a doctor. หรือ She isn’t a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
คำถาม  Is she a doctor?  หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่

บอกเล่า I am a student. ฉันเป็นนักเีรียน
ปฏิเสธ  I am not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
คำถาม  Are you a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่

บอกเล่า You are  a tiger. คุณเป็นเสือ
ปฏิเสธ  You are not a tiger. หรือ You aren’t  a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
คำถาม  Am I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)

กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว

การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)

บอกเล่า  He has a car. เขามีรถ
ปฏิเสธ  He does not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
คำถาม  Does he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, he does. / No, he does not. หรือ No, he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They have a cat. พวกเขามีแมว
ปฏิเสธ  They do not have a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
คำถาม  Do they have a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาช่วย can, should, must

บอกเล่า  A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
ปฏิเสธ  A dog cannot swim. หรือ A dog can’t swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
คำถาม Can a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, a dog can. / No, a dog cannot. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  Somchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
ปฏิเสธ  Somchai should not go to school now. หรือ Somchai shouldn’t go to school now. สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
คำถาม  Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, Somchai should. / No, Somchai should not. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She must go. หล่อนต้องไป
ปฏิเสธ She must not go. หรือ She mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป
คำถาม Must she  go? หลอ่นต้องไปใช่ไหม
คำตอบ Yes, She must. / No, she must not. หรือ No, she mustn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

บอกเล่า  I eat a banana. ฉันกินกล้วย
ปฏิเสธ  I do not eat a banana. หรือ I don’t eat a banana. ฉันกินกล้วย
คำถาม  Do I eat a banana? ฉันกินกล้วย
คำตอบ Yes, I do. / No, I do not. หรือ No,I  don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She eats a banana. หล่อนกินกล้วย
ปฏิเสธ  She does not eat a banana. หรือ She doesn’t eat a banana. หล่อนไม่กินกล้วย
คำถาม  Dose she eat a banana? หล่อนไม่กินกล้วยใช่ไหม
คำตอบ Yes, she does. / No, she does not. หรือ No, she doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
ปฏิเสธ  They do not go to school by bus. หรือ They don’t go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส
คำถาม  Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No,they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  He goes to school. เขาไปโรงเรียน
ปฏิเสธ  He does not go to school . หรือ He doesn’t go to school. เขาไม่ไปโรงเรียน
คำถาม  Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, he do. / No, he does not. หรือ No,he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ประโยคคำถามด้านบนเรียกว่า yes – no question เพราะคำตอบจะเป็น yes กับ no ส่วนด้านล่างเรียกว่า wh-question

 การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question

(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย เช่น

Is she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม

  • Who is she?  หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)
  • She is a doctor.  หล่อนเป็นหมอ

Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม

  •  What do they have?  พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)
  • They have a car. พวกเขามีรถ

Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม

  • Where does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)
  • He goes to school. เขาไปโรงเรียน

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  •  When should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่ (ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)
  • Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  • Why should Somchai go to school now? ทำไม สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)
  • Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย

Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัสใช่ไหม

  • How do they go to school? พวกเขาไปโรงเรียนอย่างไร (ตัดโดยรถบัสออก เพราะคำตอบต้องการวิธีการ)
  • They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…


Right Here Waiting — 30th Anniversary of Repeat Offender


Official Website http://www.richardmarx.com
Become a Facebook Fan http://on.fb.me/RichardMarxFB
Follow on Twitter http://bit.ly/RichardMarxTW
Follow on Instagram http://www.instagram.com/therichardmarx
Stream the new album \”Limitless\” now https://richardmarx.lnk.to/LimitlessID
Listen to the new single “Another One Down” here: https://richardmarx.lnk.to/AnotherOneDownID

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Right Here Waiting — 30th Anniversary of Repeat Offender

Present simple / Present continuous ใช้ต่างกันยังไง | Eng ลั่น [by We Mahidol]


พูดถึง grammar ภาษาอังกฤษแล้วปวดหัวทุกที แม้กระทั่ง tense ที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง present simple tense และ present continuous tense แต่เราเคยสงสัยไหมว่า 2 อย่างนี้ใช้ต่างกันยังไง? ใช้เมื่อไหร่? ใช้ยังไง? วันนี้พี่คะน้า รุ่นพี่วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจความแตกต่างของ 2 tense นี้และพาไปดูวิธีการใช้กัน!
ENGลั่น WeMahidol Mahidol PresentSimple PresentContinuous
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
TikTok : https://www.tiktok.com/@wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

Present simple / Present continuous ใช้ต่างกันยังไง | Eng ลั่น [by We Mahidol]

[Official MV] คิดแบบไหน (Feel It Too?) – Peter V.R.P + Mind KAMIKAZE


Peter V.R.P
หนุ่มเสียงดี Boy Band สายเต้น
ขอ Pause เรื่อง Dance
มาโชว์ Performance เรื่อง “รัก”

X

Mind KAMIKAZE
สาวเสียงใส
ร้องเต็ม เต้นได้ ไม่มีกั๊ก
แต่ถ้าเป็นเรื่อง “รัก”
ต้องรอให้ความรู้สึก “ชัด”
เธอถึงจะจัดเต็ม!

อยากรู้ว่า Peter และ Mind “คิดแบบไหน” กับเดทครั้งนี้
ตามไปฟัง และดาวน์โหลดเพลงนี้กันได้แล้ว!
Listen This Song : http://bit.ly/FeelItTooLM
Download this song : http://bit.ly/FeelItTooMP3
Download on iTunes : http://bit.ly/FeelItTooiT
หรือ
โทร. 339093
(ค่าบริการนาทีละ 5 บาท ไม่รวมค่าดาวน์โหลด)

Artist : Peter V.R.P x Mind KAMIKAZE
EXECUTIVE PRODUCER : เอกชัย จุลภมรศรี
PRODUCER : เอกชัย จุลภมรศรี
CoPRODUCER : เนติ ผ่องพุทธคุณ
เนื้อร้อง : เนติ ผ่องพุทธคุณ
ทำนอง : แชมป์
เรียบเรียง : แชมป์

อีกแล้ว.. ทุกครั้งที่ใกล้กัน ก็เหมือนว่าใจสั่น
ไม่รู้ว่ามันต้องทำตัวแบบไหน
แค่รู้.. ว่ามันอุ่นๆข้างใน
โลกนี้เริ่มดูเปลี่ยนไป เมื่อได้พบเธอ

ก็เหมือน.. ว่าทำตัวไม่ถูก
คล้ายๆโดนเธอผูก
จับมัดไม่ให้มันหลุดลอยไปไหน
เหมือน.. ไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไร
อาการมันดูแปลกไป เมื่อเธอเข้ามา

ก็มันยังวกวน แอบสับสนหัวใจ
แบบไม่ค่อยมั่นใจ ใครช่วยตอบฉันที
ไม่รู้.. ว่าใช่รึเปล่า คนนี้
ก็ใจ.. มันยังไม่ค่อยชัดเจน

เธอน่ะ คิดแบบไหน ก็หัวใจอยากรู้
เรื่องของเรา เริ่มดูไม่ค่อยเหมือนใคร
ตอนสบตากับฉัน คิดเหมือนกันบ้างไหม
ระหว่างเราสองคน
ยิ่งดู ยิ่งชอบกล เธอว่าไง..
โตมากับกามิ โตมากับอาร์เอส KAMIKAZE คิดแบบไหน

[Official MV] คิดแบบไหน (Feel It Too?) - Peter V.R.P + Mind KAMIKAZE

[Official MV] ที่ระทึก (Reminder) – Third KAMIKAZE


จากหนุ่มน้อยที่เปิดตัวพร้อมเหล่าเพื่อนอีก 8 คนในนาม KAMIKAZE Newcomer ตอนนี้ได้มีSingle แรกในชีวิตของหนุ่มหน้าใส เขย่าใจสาวจิ้น เพลง Pop สนุกๆ ที่จะทำให้ทุกคน “ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด” ไปพร้อมกัน
Third โตมากับกามิ โตมากับอาร์เอส ที่ระทึก
โทร. 339091 (ค่าบริการนาทีละ 5 บาทไม่รวมค่าดาวน์โหลด)

Written : โปสการ์ด ( Postcard )
Composed/Arranged : มัชฌา งามสุทธิ (Matcha Ngamsutti)
Music :DOGFATHER
Executive Producer :ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์ ( NarongsakSribandasakwatcharakorn AFU), ธานี วงศ์นิวัติขจร( Thanee Wongniwatkajorn )
Producer : ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์ ( NarongsakSribandasakwatcharakorn AFU)
Lyric Producer ธรรศ จันทกูล (ThutzChandakul)

v1
ถ้ารู้อย่างเงี้ยอ่ะเหรอเป็นแฟนกับเธอตั้งนานแล้ว เหมือนว่ารักแล้วได้ผจญภัย
v2
ถ้ารู้อย่างงี้อ่ะนะใจเธอน่ะเปลี่ยนได้หลากหลาย รักแล้วได้ตื่นเต้นแน่นอน
pre
เห็นงุงิ เอ๊ะยังไงอ่ะเดี๋ยวก็มา ดูเธอทำเซ่ะ (ดูเธอทำเซ่ะ)
หายเหงาๆ เอ๊ะยังไงอ่ะเดี๋ยวก็ไป ดูเธอทำอัลไล…… บอกรักกันอีกสักคำ
Hook
จะเก็บเป็นที่ระทึก ไว้นึกถึงเธอ
จะเก็บไว้แบบเพ้อๆ ว่าเคยถูกเธอรัก และหักอกเอา
ก็เลยเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด แบบมันเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด…ใจดีเหมือนกัน
จะเก็บเป็นที่ระทึก ไว้นึกถึงเธอ
จะเก็บไว้แบบเพ้อๆ ว่าเคยถูกเธอรัก แลัวก็ทิ้งไป
ก็เลยเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด แบบมันเหงา ชื๊อดือดึ๊ด ชื๊อดือดึ๊ด….หัวใจทั้งวัน
v3
ก็ขอแค่นี้อ่ะนะถ้าว่างมาหลอกอีกได้ไหม ก็ฉันคนนี้น่ะชอบอันตราย
v4
ไม่รู้ว่ารักเธอแล้วจะมีความสุขรึใจหาย รักแล้วต้องเสี่ยงภัยใช่เลย

[Official MV] ที่ระทึก (Reminder) – Third KAMIKAZE

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ present อ่านว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *