Skip to content
Home » [Update] วิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) | if clause การใช้ – NATAVIGUIDES

[Update] วิธีที่ง่ายที่สุดในการใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) | if clause การใช้ – NATAVIGUIDES

if clause การใช้: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ประโยคเงื่อนไข หรือได้เรียกชื่อต่างๆ ว่า  if clause บ้างก็เรียก Conditional sentences เป็นเรื่องที่ใช้งานไม่ยากแต่เป็นเรื่องหนึ่งท่สำคัญอย่างมากไม่รู้ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ Eng Breaking จะแนะนำไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนหลักภาษานะคะ

Table of Contents

ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร

ประโยคเงื่อนไขเป็นหัวข้อ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่มีส่วนเนื้อหาค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ยากมากถ้าเรามีวิธีการเรียนถูกต้อง วันนี้เราจะแนะนำละเอียดตั้งแต่เรื่อง ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร และสรุป 4 เทคนิคใช้ If Clause ระดับมืออาชีพ เข้าใจได้ง่ายที่สุดในบทความเดียว เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

  • ก่อนอื่นเราทำความเข้ามใจความหมายของคำว่า ประโยคเงื่อนไข  if clause คืออะไร ก่อนนะคะ
    – สำหรับคำว่า if  ในภาษาอังกฤษ แปลว่า “ถ้า”
    – สำหรับคำว่า clause ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า  “อนุประโยค”
    – เข้าใจง่ายๆ  clause คือ อนุประโยค ถ้า…..นะคะ
  • สำหรับคำว่า conditional sentences แปลได้ว่า
    – สำหรับคำว่า conditional ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า “เงื่อนไข”
    – สำหรับคำว่า  sentences ในภาษาอังกฤษ  แปลว่า “ประโยค”
    >> เข้าใจง่ายๆ  conditional sentences คือ ประโยคเงื่อนไข

ประโยคเงื่อนไข  if clause คือรูปแบบประโยคที่ใช้บอกว่า ถ้ามีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น (เงื่อนไข) อีกสิ่งก็จะเกิดขึ้นตาม (ผลลัพธ์) เดี๋ยวเราจะยกตัวอย่างละเอียดให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้

  • If it rains, I will stay home. แปลว่า ถ้าฝนตก ฉันจะอยู่บ้าน
    เห็นชัดเลยว่า If it rains (เงื่อนไข) เป็นส่วน If clause และ I will stay home. (ผลลัพธ์) ก็คือ Main clause ของมันนะคะ

ตัวอย่างที่สอง:

  • If I am tired, I go to sleep. แปลได้ว่า ถ้าฉันเหนื่อน ฉันนอน หรือเข้าใจเลยว่า ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า ฉันนอนเอาแรงก่อน ในนั้น  I am tired (เงื่อนไข) เป็นส่วน If clause และ go to sleep(ผลลัพธ์) ก็คือ Main clause ของมันนะคะ

หลักการใช้ ประโยคเงื่อนไข if clause 

ประโยคเงื่อนไข if clause  หรือ Conditional sentences ประกอบด้วยสองส่วคือ ประโยคที่แสดงเงื่อนไขจะขึ้นต้นด้วย “If” และประโยคหลัก Main Clause โดยประโยค If Clause และโครงสร้างของประโยคสามารถที่จะเอา If clause นำหน้า Main clause หรือ เอา Main clause นำหน้า If clause ก็ได้ เช่น

  • If you love me, I will love you.  ในนั้น If clause คือ If  you love me, Main clause คือ I will love you

Conditional Sentences ไวยากรณ์ในภาษาอังกฏษ

เรามาดูหลักการใช้ if clause ทั้งการใช้คอมม่า และการใช้ if clause ทั้ง 4 แบบกันเลย (บางที่อาจพูดถึงแค่ 3 แบบ โดยจะตัดแบบที่ 0 หรือที่เรียกว่า type 0 ออก) และ Type 1, Type 2, Type 3  และแบบผสมพิเศษด้วย วิธีการใช้งานของแต่ละแบบละเอียด พร้อมตัวอย่าง ดังต่อไปนี้

  •  Zero Conditional Sentences  หรือ  if clause type 0 
  •  First Conditional Sentences หรือ  if clause type 1
  •  Second Conditional Sentences  หรือ  if clause type 2
  •  Third Conditional Sentences หรือ  if clause type 3

1. เริ่มจาก  Zero Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0

Zero Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0 มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้  If + Present Tense (Conditional Sentence), Present Simple (Main Clause)

  • ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 0 โดยจะเป็นการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะ เราจะใช้กับ
    – สิ่งที่เป็นจริงเสมอ (ความจริงตามธรรมชาติ )
    – สิ่งที่เราทำเป็นปกติ (เช่นประโยดนี้ ถ้าฉันไปชายหาด ฉันจะใช้ครีมกันแดด )

ตัวอย่างประโยค if clause type 0

  • If I am tired, I go to sleep. แปลว่า ถ้าฉันเหนื่อน ฉันนอน – ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า ฉันนอนเอาแรงก่อน
  • Your wife gets angry if you smoke. แปลว่า แฟนนายโกรธ ถ้านายสูบบุหรี่ – เห็นหล่อนวีนทุกครั้งที่นายสูบ
  • If you go to the park, you can see Jo in the shop. แปลว่า ถ้าคุณไปสวน คุณสามารถพบโจได้ในร้าน – โจทำงานที่นั่น ไปก็เจอเลย
    ในบางกรณีสามารถใช้คำว่า When ก็ได้ เพราะมีความหายเดียวกัน เช่น
  • If I am tired, I go to sleep. แปลว่า ถ้าฉันเหนื่อย ฉันไปนอน
    เราสามารถเขียนได้ว่า When  I am tired, I go to sleep. แปลว่า เมื่อฉันเหนื่อย ฉันไปนอน

หมายเหตุ: การใช้ if clause แบบที่ 0 เราสามารถใช้ when แทน if ได้ โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยน 

Tense ที่ใช้Present simplePresent simpleตัวอย่างประโยคIf ice melts,it turns into water.ถ้าน้ำแข็งละลายมันจะกลายเป็นน้ำ If I go to the beach,I use sunscreen.ถ้าฉันไปชายหาดฉันจะใช้ครีมกันแดด If you don’t exercise,your

muscle

mass decreases.ถ้าคุณไม่ออกกำลังกายมวลกล้ามเนื้อของคุณก็ลดลง

2. เริ่มจาก  First Conditional Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 1

First Conditional Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  1  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้    If + Present Tense (Conditional Sentence), Will + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 1 เราจะใช้กับเหตุการณ์สมมติที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต รายละเอียดคือจะใช้เพื่อพูดถึงสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกันว่า หากสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นอีกสิ่งหนึ่งก็จะเกิดขึ้นตามมาด้วย เพราะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ใช้พูดถึงโลกแห่งความเป็นจริงและเหตุการณ์เฉพาะ โดยทั่วไปแล้วมักจะใช้เพื่อเป็นการเตือน  ในประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 นี้ จะบอกเวลา ณ. ปัจจุบันหรือในอนาคตที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ตัวอย่างประโยค if clause type 1

  • If I study hard, I will pass the exam. แปลว่า ถ้าฉันเรียนหนักๆ ฉันจะสอบผ่าน – ฉันมั่นใจว่าอย่างนั้น (อาจไม่ผ่านก็ได้)
  • If it rains, we will play inside. แปลว่า ถ้าฝนตกเราจะเล่นข้างใน  – เราคิดไว้อย่างนั้น พอฝนตกจริงอาจวิ่งเล่นข้างนอกก็ได้
  • If you go to the park, you will see Jo in the shop. แปลว่า ถ้าคุณไปสวน คุณอาจจะพบโจได้ในร้านก็ได้ – ฉันไปสวนแล้วเห็นโจกินข้าวร้านนั้นบ่อยๆ (ไปอาจไม่เจอ)
  • You will feel better if you sleep enough.
    คุณจะรู้สึกดึขึ้น ถ้าคุณนอนเพียงพอ – อาจจริงของคุณ หรือไม่จริงก็ได้

ข้อควรจำ: นอกจากนี้ ใน main clause ของประโยคเงื่อนไขแบบที่ 1 คุณสามารถใช้ modals verb แทนการใช้  future tense ได้อีกด้วยเพื่อบอกระดับความแน่นอน การอนุญาต หรือเพื่อแนะนำให้ทราบว่าผลที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

Tense ที่ใช้Past simplewould/wouldn’t + verbตัวอย่างประโยคIf I won the lottery,I would travel around the world.ถ้าฉันถูกหวยฉันจะเที่ยวรอบโลก If I owned a cat,I would name it Chewie.ถ้าฉันมีแมวฉันจะตั้งชื่อมันว่าชิววี่ If I had a car,I wouldn’t take the bus.ถ้าฉันมีรถฉันจะไม่ขึ้นรถเมล์

การใช้ประโยคเงื่อนไขที่ไม่ยากอย่างที่คิด

3. เริ่มจาก  Second Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2

Second Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  1  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้   
If + Past tense (Conditional Sentence), Would + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2 เราจะใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้จริง อาจจะเกิดจากการจินตนาการหรือเพ้อฝัน และใช้พูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค if clause type 2

  • If I won the lottery, I would travel around the world. แปลว่า ถ้าฉันถูกล็อตเตอรี่นะ ฉันจะเดินทางรอบโลกเลย – เพ้อไป ชาตินี้จะมีโอกาศไหม
  • If I had time, I would learn more English. แปลว่า ถ้าฉันมีเวลานะ ฉันจะเรียนอังกฤษให้มากขึ้น => ความจริงคือ  เรียนเอาแค่ผ่านก่อนเถอะ เวลาแทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้ว
  • If I were you, I would take the offer. แปลว่า ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะรับข้อเสนอนะ => ความจริงคือนายเป็นฉันไม่ได้หรอก คนละคนกัน
  • If I had his number, I would call him. แปบว่า ถ้าฉันมีเบอร์เขา ฉันจะโทรหาเขา => ความจริงคือฉันไม่มีเบอร์เขา

ข้อควรจำ
เราสามารถสลับประโยคที่เป็นเหตุและผลกันได้
เช่น If I had his number, I would call him. สามารถเขียนเป็น  I would call him if I had his number ก็ได้ ความหมายของประโยคนิไม่เปลี่ยนแปลง

โดยหากคำว่า if อยู่กลางประโยคเราไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องหมายคอมม่า (,) แต่หาก if ขึ้นต้นประโยคจะต้องใส่คอมม่าคั่นระหว่างประโยคทุกครั้ง

  • นอกจากกริยา would แล้ว เรายังสามารถใช้ could หรือ might แทนได้เช่นกัน
  • ประธานไม่ว่าจะเป็นเอกพจน์ หรือพหูพจน์หากอยู่ในโครงสร้างนี้โดยใช้ Verb to be จะใช้ were ตัวเดียวเท่านั้น อย่าลืมจดไว้นะคะเพราะในข้อาอบต่างๆ เรามักจะเจอประโยคเงือนไขแบบที่สองนี้ค่ะ อยากได้คะแนนสูงๆ ต้องไม่พลาดนะคะ

Eng Breaking จะแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจดจำไวยากรณ์ภาษาอังกฏษแบบกล้วยๆ คือลองผสมผสานการใช้ภาษาเข้ากับชีวิตประจำวันของเราดู ค่อย ๆ ฝึกและเรียนรู้ ที่สำคัญ อย่าลืมทดลอง 6 วิธีนี้

  • อ่านหนังสือหรือบทความภาษาอังกฤษ: เพราะเราสามารถเรียนคำศัพท์ใหม่ พร้อมวิธีตั้งประโยคที่มักจะเจอบ่อย เรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฏษจาเรื่องยาว นิยาย นิทาน ที่มีในหนังสือได้ง่าย
  • จดศัพท์ใหม่ ๆ: ถ้าเจอศัพท์ใหม่ต้องจดไว้ ตั้งเป็นประโยคเพื่อจำได้ ไม่ลืม
  • ทำให้หูคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ: ฝึกทักษะการฟังไปด้วย เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แต่ผู้เรียนชอบมองผ่าน เริ่มจากการฟังเพลง ฟังบทสนทนาแบบง่ายๆ ก่อนแล้วค่อยๆ ปรับความเร็วและระดับความยากของบทฟัง
  • ใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์: เรียนผ่านระบบการเรียนออนไลน์ สามารถเรียนได้ทุกที่ เรียนที่บ้านก็ได้เวลาเรียนสะดวกกว่าไปถึงศูนย์การเรียนอีกต่างหาก เรียนกับ Eng Breaking Native 1 to 1 คือคุณจะมีโอกาสได้เรียนตัวต่อตัวกับการจารย์เจ้าของภาษาทุกๆ วัน
  • ฝึกทุกที่ที่มีโอกาส: ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนงานทั่วไป เราก็สามารถเรียนภาษาอังกฏษได้กับคอร์สเรียนต่างๆ น่าสนใจจาก Eng Breaking คอร์สเรียนที่เน้นทักษะการสื่อสาร ช่วยคุณทั่นใจในการพูดคุยกับเจ้าของภาษา
  •  อย่ากลัวที่จะลองใช้: มั่นในในตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่ทำจะช่วยคุณผสมความสำเร็จได้ง่าย ขึ้น สำหรับการเรียนภาษาอังกฏษก็เช่นกัน อย่ากลัวเมื่อพูดผิดนะคะ เพราะใครๆ ก็ต้องผ่านจุดเริ่มต้นนั้นเช่นกัน มั่นใจและมีแนวทางการเรียนอย่างถูกต้องรับรองส่าคุณจะเป็นคนต่อไปที่สำเร็จ

4. เริ่มจาก  Third Conditional Conditional Sentences  หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 3

Third Conditional Conditional Sentences   หรือ  การใช้ ประโยคเงื่อนไข แบบที่  3  มีโครงสร้างประโยคเข้ามใจง่ายๆ ดังนี้   
If + Past Perfect (Conditional Sentence), Would have + Verb (Main Clause)

ประโยคเงื่อนไข แบบที่ 2 เราจะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีต ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงได้ เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

ตัวอย่างประโยค if clause type 3

  • If I had studied hard, I would have passed the test. แปลว่า ถ้าฉันเรียนหนักนะ ฉันคงสอบผ่านไปแล้ว => ความจริงคือ ตอนนั้นไม่ได้เรียนหนัก แล้วสอบตก
  • If he had won the singing contest, he would have got a

    BMW

    แปลว่า  ถ้าเขาชนะการประกวดร้องเพลง เขาคงได้ BMW ไปแล้ว  => ความจริงคือ ตอนั้นแพ้ ขับเก๋งคันเก่าต่อไปเถอะ

  • If I had left my house at 9, I would have arrived here on time.
  • ถ้าฉันออกจากบ้านตั้งแต่ 9 โมง ฉันก็คงมาถึงที่นี้ตรงเวลา => ความจริงคือ ฉันออกจากบ้านสาย และฉันมาถึงสาย

ข้อควรจำ: เราสามารถสลับที่ประโยคที่อยู่หลังคอมม่าขึ้นมาไว้ข้างหน้าได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีคอมม่าอีก และยังให้ความหมายเหมือนเดิม

เช่น
– If I had studied harder, I would have passed the exam.
เราสามารถเปลี่ยนเป็น
– I would have passed the exam if I had studied harder.

If clause แบบที่ 3If clauseMain clauseTense ที่ใช้Past perfectwould have/wouldn’t have + verb ช่อง 3ตัวอย่างประโยคIf I had studied hard,I would have passed the exam.ถ้าตอนนั้นฉันตั้งใจเรียนฉันก็คงสอบผ่าน If I hadn’t been sick,I would have gone to the cinema.ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้ป่วยฉันก็คงจะไปโรงหนัง If he had left earlier,he would have arrived on time.ถ้าตอนนั้นเขาออกมาเร็วกว่านี้เขาก็คงมาถึงตรงเวลา

สำหรับประโยคเงือนไขในภาษาอังกฤษนอกจากสี่รูปแบบที่มักจะเจอบ่อยแล้วคือ 

  • Zero Conditional Sentences  หรือ  if clause type 0 
  •  First Conditional Sentences หรือ  if clause type 1
  •  Second Conditional Sentences  หรือ  if clause type 2
  •  Third Conditional Sentences หรือ  if clause type 3

เรายังมีอีกแบบหนึ่งที่เรียกได้ว่าประโยคเงือนไงแบบ mixed type และมีวิธีการใช้งานรายละเอียดตามนี้นะคะ

if clause แบบผสมกันระหว่างแบบที่ 2 และ 3 ได้อีกด้วย ซึ่งก็คือการใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง ที่มีผลมายังปัจจุบัน (ต่างจากแบบที่ 3 ที่มีผลเฉพาะกับในอดีต)

If clause แบบ mixed typeIf clauseMain clauseTense ที่ใช้Past perfectwould/wouldn’t + verbตัวอย่างประโยคIf I had exercised regularly,I would have a great body.ถ้าฉันได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอฉันก็คงจะมีหุ่นดี If I hadn’t met John,I wouldn’t be happy now.ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้พบจอห์นฉันก็คงจะไม่มีความสุขในตอนนี้ If he had arrived on time,his boss wouldn’t be angry.ถ้าเขาได้มาถึงตรงเวลาหัวหน้าเขาก็คงไม่โมโห

ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายๆ คือประโยค ถ้าฉันได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฉันก็คงจะมีหุ่นดี – การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในตอนนั้น จะทำให้ฉันมีหุ่นดีในตอนนี้ แต่ในความเป็นจริงนั้นฉันไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลยจะได้เข้าใจเป็นเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง

การใช้ประโยคเงื่อนไขฉบับเต็ม

สรุปการใช้ if clause

เนื้อหาเกี่ยวกับประโยคเงือนไขคงเยอะนิดหนึ่งแต่ไม่ค่อยยากเลยใช่ไหมคะ เพราะแต่ละแบบก็มีลักษณะที่ให้เห็นภาพชัดเช่น  ประโยคเงือนไขหรือได้เรียกเป็นชื่ออื่นคือ If clause หรือ Conditional Sentences  แต่ความหมายเดียวกัน คือประโยคที่มีสองส่วนที่ หนึ่งคือ if และสองคือส่วน main clause ที่เป็นประโยคส่วนที่เป็นผลลพธ์ 

ประโยคเงือนไข If clause แบ่งหลักๆได้เป็น 4 แบบที่มักจะเจอบ่อยๆ คือ
If clause แบบที่ 0 จะใช้กับสิ่งที่เป็นจริงเสมอ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ
If clause แบบที่ 1 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
If clause แบบที่ 2 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติในปัจจุบันหรืออนาคตที่มีโอกาสเป็นไปได้น้อย
If clause แบบที่ 3 จะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีต ซึ่งไม่มีทางเป็นจริงได้
นอกจาก if clause ทั้ง 4 แบบแล้ว เรายังสามารถใช้แบบผสม (mixed type) ซึ่งจะใช้กับเหตุการณ์สมมติในอดีตที่ไม่เป็นจริง ที่มีผลมายังปัจจุบัน 

สรุปในตารางดังต่อไปนี้

ประเภทของประโยคเงื่อนไขการใช้tense ของคำกริยาใน If clausetense ของคำกริยาใน Main clasue0ความจริงทั่วไปSimple presentSimple presentแบบที่ 1สิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลกับซึ่งกันและกันSimple presentSimple futureแบบที่ 2สิงที่ตรงกันข้ามกับความจริงในปัจจุบันหรือในอนาคตSimple pastPresent conditional หรือ Present continuous conditionalแบบที่ 3สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความจริงในอดีตPast perfectPerfect conditionalแบบผสมสิ่งที่ไม่เป็นความจริงในอดีตและส่งผลต่อปัจจุบันPast perfectPresent conditional

เป็นยังไงบ้างคะกับการใช้ประโยคเงื่อนไข (Conditional Sentences) ฉบับอธิบายเข้าใจง่ายๆ กระจ่างสุดที่ Eng Breaking ได้นำมาแนะนำวันนี้คะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชต่อผู้เรียนทุกคน ต่อจากนี้เรื่องการใช้ประโยคเงื่อนไขคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราอีกต่อไปแล้วค่ะ อย่าลืมติดตามเราเพื่ออัพเดทข้อมูลพร้อมเทคนิคดีๆ ในการเรียนภาษาอังกฏษกันนะคะ เราเชื่อว่าคุณจะเป็นคนต่อไปที่สำเร็จในการเรียนค่ะ

[NEW] ประโยค If-Clauses ชนิดที่ 1 | if clause การใช้ – NATAVIGUIDES

IF-CLAUSE — TYPE ONE


A. If + Present Simple , + Present Simple


ใช้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ (natural laws) ทางด้านวิทยาศาสตร์

หรือการกระทำที่เป็นนิสัยของแต่ละบุคคล (habitual actions) เช่น


If water is heated , it boils.


If ice is heated , it melts.


If a metal is heated , it expands.


If it is fine , Jim usually walks to school.


If you hurt dogs , they bite you..


If students don’t study , they usually(sometimes, often, generally) fail.


ข้อความเหล่านี้ จะเป็นข้อความทั่วๆ ไป (general statements) ซึ่งเป็นความจริงเสมอ

และเมื่อเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่สองจะเกิดขึ้นเสมอ


ประโยคเงื่อนไขดังกล่าวนี้ เราสามารถใช้ when/whenever แทน if ได้ ซึ่งมีความหมายเหมือนกันทั้ง 2 คำ เช่น


Whenever/When / If people are tired , they generally go to bed.

Plants grow quickly when/whenever/if you water them.

I sing if I am happy.

If a woman has a children , she must look after them.

I cannot understand you if you speak Chinese.

If you have a cold , it is wise to go to bed.

If you throw a stone into water , it sinks.

A. If + Present Simple , Imperative

ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่สองจะเกิดขึ้นตามมาด้วย

If you see him , tell him to phone me.

Don’t go outside the harbour if the wind is very strong

B. If + Present Simple , Future


ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเฉพาะกรณี (specific statement)

ซึ่งเหตุการณ์ที่สองจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์แรก


If George goes , he will get the medicine for you.

If he comes , I will speak to him.

 

การใช้ Conditional Sentences Type One อื่นๆ

1. if………not = unless (ถ้าไม่) ในประโยคปฏิเสธ เรามักใช้ unless แทน มีรูปดังนี้

Unless + Present Simple , S + will/shall + V1

a) If there is no rain , the flowers will die.= Unless there is some rain , the flowers will die.


b) Peter will miss the bus if he doesn’t run.= Peter will miss the bus unless he runs.


c) He doesn’t walk to school if it isn’t fine.= He doesn’t walk to school unless it is fine.


d) I won’t come if he doesn’t call me.= I won’t come unless he calls me.

ข้อควรจำ unless นั้นมีความหมายเป็นปฏิเสธ มาจาก if……not เพราะฉะนั้นในประโยค if-clause เมื่อใช้

unless แล้วกริยาในประโยคนั้นจะต้องเป็นรูปบอกเล่าเสมอ

2. even if ซึ่งมีความหมายว่า “ถ้าแม้ว่า” นั้นใช้เน้น if หมายความว่า “ถ้าเผื่อว่า” ในประโยค if-clause ได้


– Even if you give me 10,000 baht , I won’t tell you.


– Even if they hurt me , I won’t help them.


– He never hurries even if he is very late.


– She never shouts even if she gets angry.

3. ใช้ if + Present Simple และใน main clause ใช้กับกริยาช่วยอื่นๆ คือ may,must ,needn’t,

ought to, should, can , be able to ได้ จะมีความหมาย ดังนี้


a) may แสดงความหมายแสดงผลของเงื่อนไขที่เป็นลักษณะที่น่าจะเป็นเป็นไปได้ (possible result)


(ปกติเราใช้ will /shall จะแสดงเงื่อนไขที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (certain result) เช่น


– If he starts now , he will be in time. (certain result) แสดงผลของเงื่อนไขที่จะเกิดขึ้นแน่นอน


– If he starts now , he may be in time. (possible result) แสดงผลของเงื่อนไที่น่าจะเป็นไปได้


b) must , ought to , should ให้ความหมายว่า ต้อง , ควรจะ


– If you go out tonight , you must put a coat on. ถ้าเธอออกไปข้างนอกคืนนี้ เธอต้องสวมเสื้อโค้ช


– If you go out tonight , you ought to (should) put a coat


c) ใช้ may , can ให้ความหมายเป็นการบอกอนุญาตให้ และการให้อนุญาต

– If you are in a hurry , you can (may) take my car. (=permission)

– If you go out tonight , you may (can) wear my coat. (=permission)


d) ใช้ needn’t = ไม่จำเป็นต้อง

If you go out tonight , you needn’t wear a coat.


e) เมื่อ can มีความหมายว่า ความสามารถ (ability) เราจะใช้ will be able to เช่น

– If you study hard, you’ll be able to speak English very well soon.

4. if + will ใช้เมื่อแสดงการแนะนำหรือขอร้องอย่างสุภาพ

– If you’ll excuse my asking , how old are you?

– If you’ll forgive my saying so, you are getting fat.

– If he will cook dinner , I’ll wash the dishes.

5. if + should ใช้เมื่อสิ่งสมมุตินั้นมีโอกาสเป็นจริงได้น้อยในอนาคต หรือผู้พูดไม่ค่อยแน่ใจ

ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่ จงเปรียบเทียบ 2 ประโยคนี้

– If you change your mind , I’ll gladly exchange it for you.

(= I don’t know whether you will or not = ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่)

– If you should change your mind , I’ll gladly exchange it for you.

(= It seems unlikely that you will change your mind = ไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนใจ)

6. if + would like (would care) = wish / want (ใช้กับ if cluase type one เท่านั้น

– If you would like to come , I’ll get a ticket for you.

– If you would care to see some of our designs, I’ll show them on Monday.

Conditional Sentences “Without If”

การละรูป if ใน Type One สามารถทำได้ โดยใช้ should แทน if

a) If you see Katty , tell her I want her.

= Should you see Katty , tell her I want her.

b) If the weather is too bad, we won’t go for a picnic.

= Should the weather be too bad , we won’t go for a picnic. (หลัง should ตามด้วย V1)

c) If you should find it , please send it to me.

= Should you find it , please send it to me.

(ประโยคที่ใช้ if และ should ดังกล่าวนี้มีความหมายเหมือนกัน แต่ประโยคที่ใช้ should นิยมใช้ในภาษาเขียน)

 


การใช้ คำสั่งIF ซ้อน IF ( เงื่อนไขหลายเงื่อนไข)


โดย วิจิตร แก้วดี

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

การใช้ คำสั่งIF ซ้อน IF ( เงื่อนไขหลายเงื่อนไข)

ติว TOEIC : วิธีจำโครงสร้าง If-Clause 3 แบบ ให้แม่น!


✿ ติวสอบ TOEIC® เริ่มจากพื้นฐาน เทคนิคแกรมม่า แนวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด! ✿
👉 ทดลองติวฟรี! ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์สครูดิว ติวสอบ TOEIC® มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิคสอบ TOEIC® รวม Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์สอบ TOEIC® ออกข้อสอบบ่อย ๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด ทั้ง Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC : วิธีจำโครงสร้าง If-Clause 3 แบบ ให้แม่น!

ใครงงกับ Conditional Sentences ประโยคบอกเงื่อนไข (If clause) ว่ามันใช้ยังไงกันแน่บ้าง


Conditional Sentences ประโยคบอกเงื่อนไข (If clause)
If + ประโยคเงื่อนไข, ประโยค ผลที่ตามมา
มี 4 แบบ คือ
1. เป็นจริงเสมอ : If + Present Simple Tense, Present Simple Tense,
2. คาดการณ์อนาคต : If + Present Simple Tense, Future Simple Tense,
3. เรื่องสมมุติ : If + Past Simple Tense, S + would / might + V.inf.
4. เรื่องสมมุติในอนาคต : If + Past Perfect Tense, S + would / might + have + V.3

จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

ใครงงกับ Conditional Sentences ประโยคบอกเงื่อนไข (If clause) ว่ามันใช้ยังไงกันแน่บ้าง

LIVE สอนสด! เรื่อง If – Clause ไว้ใช้สอบ! มีกี่แบบ ใช้ยังไง?


วันนี้
ครูดิวขนเทคนิค มาสอนเพี๊ยบบบ

LIVE สอนสด! เรื่อง If - Clause ไว้ใช้สอบ! มีกี่แบบ ใช้ยังไง?

ฝึกการใช้ประโยคเงื่อนไข If Clause แบบที่ 1


ฝึกการใช้ประโยคเงื่อนไข If Clause แบบที่ 1

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ if clause การใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *