Skip to content
Home » [Update] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | ที่มาและความสําคัญ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | ที่มาและความสําคัญ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ที่มาและความสําคัญ ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞

แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการสร้างความประทับใจที่ง่ายที่สุด และทำให้คนจดจำเราได้ตั้งแต่แรกพบ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีแพทเทิร์นในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ 

 

และถ้ายิ่งได้ฝึกพูดแนะนำตัวภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งพูดคล่อง และมั่นใจค่ะ เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ก็จะพูดได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดนาน

 

ถ้าหากฝึกซ้อมแนะนำตัวแล้ว อย่าลืมซ้อมตอบคำถาม และปรับบุคลิกภาพด้วย คลิก

 

20 ประโยคจำไว้ถาม-ตอบเวลาพรีเซนต์

How to พรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ ให้โดนใจคนฟัง!

 

การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ การแนะนำตัวแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สัมภาษณ์งาน, Presentation หรือการไปเที่ยวแล้วพบเจอคนใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

 

ซึ่งนอกจาก Globish จะมาแนะนำวิธีการและประโยคแล้ว ยังมีตัวอย่างการแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ทุกท่านนำไปใช้ได้เลยอีกด้วยค่ะ

 

แต่ก่อนจะเข้าเนื้อหา อยากให้ทุกท่านลองลิสต์คำตอบของคำถามเหล่านี้ดูก่อนค่ะ 

 

1) What is your name? 

ตัวอย่างคำตอบ

Pim, Jane, Sam etc.

 

2) Where are you from? 

ตัวอย่างคำตอบ

Bangkok, Thailand etc.

 

3) How are you related to the person who has introduced you? 

ตัวอย่างคำตอบ

Husband, wife, friend etc.

 

4) Why are you in that situation? 

ตัวอย่างคำตอบ

Party, Family introductions, Wedding etc.

 

5) What makes you interesting? 

ตัวอย่างคำตอบ

You’re good at singing, painting, playing the piano etc.

 

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามครบแล้ว ก็จะเริ่มรู้แนวแล้วว่า คุณควรจะพรีเซนต์ตัวเองไปในทิศทางไหน และควรพูดเรื่องอะไรดี

 

แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะพูดแนะนำตัวเรื่องอะไรดีหรือยังไม่มีเรื่องในใจ Globish ได้เตรียมหัวข้อมาให้ทุกท่านเลือกเช่นกันค่ะ ได้แก่

 

Personality นิสัย

Likes สิ่งที่ชอบ

Dislikes สิ่งที่ไม่ชอบ

Hobbies งานอดิเรก

Skills ทักษะ

Talents พรสวรรค์

Qualifications คุณสมบัติ

Interests ความสนใจ

Awards รางวัลหรือความสำเร็จ

Ideas ความคิด

Opinions ความคิดเห็น

 

ซึ่งทุกท่านไม่จำเป็นต้องพูดในทุกหัวข้อเมื่อแนะนำตัวภาษาอังกฤษก็ได้ แต่เลือกเฉพาะสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ เช่น ถ้าหากต้องแนะนำตัวสัมภาษณ์งาน อาจจะพูดถึง Personality, Hobbies, Qualifications, Skills, หรือ Awards ค่ะ

 

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว เรามาเริ่มกันที่การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการกันเลยค่ะ

1. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Informal (ไม่เป็นทางการ)

 

การแนะนำตัวแบบนี้ เหมาะมาก ๆ กับสถานการณ์อย่าง ไปเจอครอบครัวของเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนในงานต่าง ๆ หรือเจอเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ 

 

  ■ สถานการณ์: แนะนำตัวในงานเลี้ยงของเพื่อน

 

เริ่มจากการทักทาย…

 

Hi everybody.

สวัสดีค่ะ/ครับทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

แนะนำตัวเอง…

 

I’m Sam, Jane’s friend. It’s a pleasure to meet you.

ฉันชื่อแซมนะ เป็นเพื่อนของเจน ยินดีที่ได้พบคุณมาก ๆ เลย

 

You can call me Sam. It’s nice to meet you.

คุณเรียกฉันว่าแซมก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

พูดถึงงานปาร์ตี้หรือคนที่คุณทั้งสองคนรู้จักร่วมกัน

 

This is a fantastic party, very well-organised.

ปาร์ตี้นี้สุดยอดมากเลยนะครับ จัดได้ดีมาก ๆ

 

The food in this restaurant is so good, I’m on my third round!

อาหารในร้านนี้อร่อยมาก ๆ เลย นี่ผมตักอาหารรอบที่ 3 แล้ว

 

I work with Jane (the hostess) at Globish. We first met when we studied at Thammasart university together, so we’ve known each other for 10 years.

ฉันทำงานกับเจนที่โกลบิช แต่เราเจอกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนธรรมศาสตร์ ตอนนี้ก็รู้จักกันมา 10 ปีแล้ว

 

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

So, tell me a bit about yourself. How do you know Jane?

เล่าเรื่องของคุณซักหน่อยได้ไหม คุณรู้จักเจนได้ยังไง

 

By the way, please tell me about yourself. How did you and Jane meet?

ว่าแต่… คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณได้ไหม แบบคุณกับเจนเจอกันได้ยังไง

 

 


■ สถานการณ์: แนะนำตัวในทีทำงาน (เพิ่งเริ่มทำงานวันแรก)

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everybody.

สวัสดีทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

แนะนำตัวเองและตำแหน่งงาน…

 

Nice to meet you. My name is Laticia. I’m the new graphic designer. 

ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลาทีเซีย เป็นกราฟิกดีไซน์คนใหม่ค่ะ

 

My name is Jack, your new marketing manager. 

ผมชื่อแจ็ค เป็นผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้ง

 

I’m Javier, an engineer in the IT department.

ฉันชื่อจาเวียร์ เป็นวิศวะแผนกไอทีค่ะ

 

Hi, I am Jeff from the Marketing Team.

สวัสดี ฉันชื่อเจฟจากทีมมาร์เก็ตติ้ง

   

I’m Mike, the new engineer. Nice to meet you.

ผมชื่อไมค์ เป็นวิศวะกรคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

พูดถึงประวัติการทำงาน…

 

Previously, I worked as marketing manager in Noc Company. So, I have 10 years of experience.

ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้งที่บริษัทน็อค ผมเลยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มากว่า 10 ปี 

สร้างความประทับใจ…

 

I believe I can lead this team to even more success, but I can’t produce great results alone. That’s why I need your utmost cooperation. Together, we can achieve great things.

ผมเชื่อว่าผมสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่คงทำคนเดียวไม่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการความร่วมมือจากพวกคุณ หากร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

 

I worked at ABC Company for one year before joining this company. Outside of work, I enjoy doing yoga and reading novels at the beach. If you have any interesting books, feel free to recommend them to me.

ฉันทำงานที่บริษัท ABC มา 1 ปี ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่นี่ นอกเหนือจากการทำงาน ฉันชอบเล่นโยคะและนั่งอ่านหนังสือริมชายหาด ถ้าคุณมีหนังสือที่น่าสนใจ แนะนำฉันมาได้เลย

 

I graduated with my degree in Economics two months ago.

Although I don’t have real-life work-experience, I’m ready to learn new things from all of you.

ผมจบเศรษฐศาสตร์มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แม้ว่าผมยังไม่มีประสบการณ์จริง แต่ผมพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคุณทุกคน

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

I’m excited to work with all of you.

ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพวกคุณทุกคน

 

We’ll be working together in the future and I’m excited to be a part of the team

เราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตแน่นอน และฉันตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

 

I’m looking forward to working with you in the future. See you around.

ฉันตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับคุณในอนาคต แล้วพบกันนะคะ

 

 

 

2. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Formal (เป็นทางการ)

 

ข้อแตกต่างระหว่างการแนะนำแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ คือ ภาษาที่ใช้ค่ะ แบบเป็นทางการจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างสุภาพมากกว่า เหมาะกับสถานการณ์แบบ สัมภาษณ์งาน หรือใช้เกริ่นก่อนนำเสนองานให้คนที่ไม่รู้จัก และเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นในบริษัทฟัง ก็สามารถใช้ได้ค่ะ

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

แนะนำตัวเองพร้อมประวัติการเรียนหรือการทำงาน…

 

My name is Kevin Smith. Glad to meet you. I’m 21 years old and I’m a fresh graduate from XYZ University with Business management.

ผมชื่อเควิน สมิธ ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ ผมอายุ 21 ปี เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการจัดการธุรกิจครับ

 

First of all, it’s my pleasure to speak with you today. My name is Paul Smith. I’m 23 years old and I have just completed my graduation from XYZ University with Human Resource Management as the subject.

ก่อนอื่นเลย ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคุณวันนี้ครับ ผมชื่อพอล สมิธ อายุ 23 ปี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลครับ

 

Good morning, I’m Janejira Rakdee. Pleased to meet you. I’m from Bangkok. I completed my Bachelor of Engineering degree in 2009 from Abac university.

สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดิฉันชื่อเจนจิรา รักดี ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ ฉันมาจากกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตอนปี 2009 จากมหาวิทยาลัยเอแบคค่ะ

 

Good afternoon, I’m Sam Brandon. I have been working as a Sales Professional for 5 years now. I joined as a Sales executive and worked my way up to the position of Sales Manager within 3 years.

สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมชื่อแซม แบรนดอน ผมทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมา 5 ปีแล้ว นอกจากนี้ ผมเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขายไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายภายใน 3 ปี

พูดถึงสกิลที่ถนัด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่โดดเด่น…

 

One of my accomplishments during my university life was being a speaker at a Science seminar. I have completed my internship in ABC Motor company. During my internship, I gained a lot of useful skills that weren’t included in the academic curriculum such as negotiation and time management skills.

หนึ่งในความสำเร็จช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยของดิฉันคือ การได้เป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งดิฉันยังได้ฝึกงานในบริษัทยานยนตร์ ABC ระหว่างการฝึกงาน ฉันได้เรียนรู้สกิลที่มีประโยชน์ และไม่มีสอนในรั้วมหาลัย เช่น สกิลการต่อรองและการจัดการเวลา

 

I’ve been hard-working and have taken my subjects quite seriously. Now, as I am graduated, I want to implement my knowledge in my work. That is the reason I applied for this job. 

ผมค่อนข้างทุ่มเทและจริงจังกับการเรียนมาตลอด และตอนนี้ ในฐานะที่เป็นเด็กจบใหม่ ผมอยากเอาความรู้ที่ได้เรียนมาปรับใช้กับการทำงาน นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครงานในตำแหน่งนี้ครับ

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

Now, I am all set to start my career, and hoping to get selected into your esteemed company which will help me explore my other abilities, and improve myself.

และตอนนี้ ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเลือกให้ทำงานในบริษัทสามารถช่วยดิฉันค้นหาความสามารถอื่น ๆ ของตัวเองและพัฒนาตัวเองไปได้อีกค่ะ

 

Although I don’t have real-life work-experience, I have learned a lot about business through subjects during my graduation. So, I would assure you to be a valuable asset to your esteemed company by implementing all of my knowledge mixed up with hard work.

แม้ว่าผมจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริง แต่ผมได้เรียนรู้ด้านธุรกิจผ่านวิชาเรียนที่หลากหลายในรั้วมหาวิทยาลัย ผมจึงอยากให้คุณมั่นใจเลยว่า ผมจะเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อบริษัท โดยการนำความรู้ทั้งหมดที่ผมมีมาปรับใช้ไปพร้อม ๆ กับความมุมานะในการทำงาน

 

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวก่อนพรีเซนต์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everyone. Thanks for coming.

สวัสดีค่ะ/ครับ ทุกคน ขอบคุณที่มาในวันนี้

 

Hello, everyone. I’d like, first of all, to thank the organizers of this meeting for inviting me here today.

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอขอบคุณผู้จัดงานที่เชิญผมมาในวันนี้

 

Good morning everyone and welcome to the meeting. First of all, let me thank you all for coming here today. 

สวัสดีตอนเช้าค่ะทุกคน ขอต้อนรับสู่การประชุมค่ะ ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ

แนะนำตัวเองและตำแหน่ง…

 

I’m John, who heads the marketing team.

ผมชื่อจอห์น เป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งครับ

 

Let me introduce myself. I’m Jan from the marketing team.

ขอแนะนำตัวสักหน่อยนะคะ ดิฉันชื่อแจน มาจากทีมมาร์เก็ตติ้งค่ะ

 

For those of you who don’t know me, my name’s Jane from the operation management team.

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักดิฉันนะคะ ดิฉันชื่อเจน มาจากทีมการจัดการการผลิตค่ะ

บอกหัวข้อหลักของการพรีเซนต์…

 

What I’d like to present to you today is our annual sales report.

สิ่งทีผมต้องการจะนำเสนอในวันนี้คือรายงานยอดขายประจำปี

 

As you can see on the screen, our topic today is our annual sales report.

อย่างที่คุณเห็นบนหน้าจอ หัวข้อในวันนี้คือการรายงานยอดขายประจำปี

 

In my presentation I would like to report on our annual sales report.

ในการนำเสนอ ดิฉันจะชี้แจงเรื่องรายงานยอดขายประจำปี

 

I’m here today to present our annual sales report.

วันนี้ฉันจะมานำเสนอเรื่องการรายงานยอดขายประจำปี

บอกจุดมุ่งหมายของการพรีเซนต์…

 

The purpose of this presentation is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์ของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

 

My main objective for today is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์หลังของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

บอกหัวข้อย่อยที่จะพรีเซนต์…

 

I’ve divided my presentation into three main parts.

ผมได้แบ่งการนำเสนอนี้ออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

In my presentation I’ll focus on three major issues.

ในการนำเสนอ ผมจะมุ่งไปที่ 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

I thought it would be useful to divide our talk into three main sections.

ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์มาก ถ้าแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน

บอกลำดับเรื่องที่จะพรีเซนต์…

 

First of all, I’d like to give you an overview of

our monthly sales report.

Next, I’ll focus on

our annual sales report.

Lastly, I’ll deal with

our company goals for next year.

อันดับแรก ดิฉันขอเริ่มด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ดิฉันจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และสุดท้าย จะจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าค่ะ

 

So, I’ll begin by bringing you up-to-date on

our monthly sales report.

And then, I’ll go on to

our annual sales report.

I’ll end with

our company goals for next year.

ผมจะเริ่มต้นด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ผมจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าครับ

บอกระยะเวลาของการพรีเซนต์…

 

This should only last 20 minutes.

การนำเสนองานจะใช้เวลา 20 นาที

 

My presentation will take about an hour.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

 

It will take about 1 hour and a half to cover these issues.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อพูดถึงหัวข้อทั้งหมด

 

 

บอกเรื่องเอกสารประกอบการบรรยาย…

 

I’ll be handing out copies of the slides at the end of my talk.

ผมจะแจกเอกสารหลังจากจบการพรีเซนต์นะครับ

 

I can email the PowerPoint presentation to anybody who wants it.

ดิฉันจะส่งอีเมลแนบเพาเวอร์พ้อยท์ที่พรีเวนต์วันนี้ให้ผู้ที่ต้องการนะคะ

ปิดท้ายด้วยการให้ผู้ฟังถามคำถามหลังการพรีเซนต์…

 

There will be time for questions after my presentation.

เดี๋ยวจะมีช่วงให้ถามคำถามในตอนท้ายของการนำเสนอนะคะ

 

 

  

ทั้งหมดนี้คือการแนะนำตัวภาษาอังกฤษทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการค่ะ ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากบัสถานการณ์ของตัวเองได้นะคะ

ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นฝึกฝน และซ้อมบ่อย ๆ เพราะจะช่วยเรื่องการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองค่ะ

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก:

เว็ปไซต์ Indeed

เว็ปไซต์ HQ hire

เว็ปไซต์ Interview Questions

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิก

[Update] | ที่มาและความสําคัญ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ประวัติความเป็นมาของภาษาอังกฤษ

History of the English Language
A short history of the origins and development of English

The history of the English language really started with the arrival of three Germanic tribes who invaded Britainduring the 5th century AD. These tribes, the Angles, the Saxons and the Jutes, crossed the North Sea from what today is Denmark and northern Germany. At that time the inhabitants of Britain spoke a Celtic language. But most of the Celtic speakers were pushed west and north by the invaders – mainly into what is now Wales, Scotlandand Ireland. The Angles came from Englaland and their language was called Englisc – from which the wordsEngland and English are derived.

ประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษอันที่จริงแล้วเริ่มต้นขึ้นจากการบุกรุกอาณาจักรบริเทน ของชนเผ่าชาวเจอร์มานิกทั้งสามในศตวรรษที่ 5 ซึ่งก็คือ ชนเผ่าแซกซอน ชนเผ่าแองโกล และ ชนเผ่าจูทส์ ผู้เดินทางข้ามทะเลเหนือซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือดินแดนในส่วนของประเทศเดนมาร์ก และ ตอนเหนือของประเทศเยอรมนี มายังบริเทนซึ่งก็คือประเทศอังกฤษในปัจจุบัน ในขณะนั้นเองผู้คนในบริเทนพูดภาษาเซลติค แต่เมื่อถูกชนเผ่าเจอร์มานิคทั้งสามบุกรุก คนบริเทนที่พูดภาษาเซลติคก็ถูกขับไล่ไปทางตอนเหนือและตะวันตกซึ่งก็คือ เวลส์ สกอตแลนด์ และ ไอร์แลนด์ในปัจจุบัน ชนเผ่าแองโกลเองมาจากดินแดนที่มีชื่อว่าอิงลาแลนด์ และภาษาของพวกเขาก็คือภาษาอิงลิช และนั่นก็คือที่มาของชื่อและภาษาของประเทศอังกฤษ หรือ อิงแลนค์ ในปัจจุบัน

Old English (450-1100 AD)
The invading Germanic tribes spoke similar languages, which in Britain developed into what we now call Old English. Old English did not sound or look like English today. Native English speakers now would have great difficulty understanding Old English. Nevertheless, about half of the most commonly used words in Modern English have Old English roots.

ภาษาอังกฤษยุคเก่า คริสต์ศตวรรษที่ 450 – 1100 
ชนเผ่าเจอร์มานิกผู้บุกรุกบริเทนทั้งสามนั้นพูกภาษาที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในอาณาจักรบริเทนเองได้พัฒนาภาษานี้เป็นภาษาที่เราเรียกว่าภาษาอังกฤษยุคเก่าในปัจจุบันซึ่งเจ้าภาษาอังกฤษยุคเก่านี้ไม่ได้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษในปัจจุบันแต่อย่างใด และแม้แต่เจ้าของภาษาอังกฤษเองก็ยากที่จะเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม มากกว่าครึ่งของคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราใช้กันในปัจจุบันก็มีรากมาจากภาษาอังกฤษยุคเก่าที่คนพูดกันในปีคริสต์ศตวรรษ 1100   

Middle English (1100-1500)
In 1066 William the Conqueror, the Duke of Normandy (part of modern France), invaded and conquered England. The new conquerors (called the Normans) brought with them a kind of French, which became the language of theRoyal Court, and the ruling and business classes. For a period there was a kind of linguistic class division, where the lower classes spoke English and the upper classes spoke French. In the 14th century English became dominant in Britain again, but with many French words added. This language is called Middle English. It was the language of the great poet Chaucer (c1340-1400), but it would still be difficult for native English speakers to understand today. 

ภาษาอังกฤษยุคกลาง คริสตศตวรรษที่ 1100-1500
ในปี 1066 วิลเลียมดยุคแห่งนอร์มันดี ซึ่งก็คือส่วนของประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน ได้เข้าบุกรุกและเอาชนะอังกฤษได้ ผู้ปกครองใหม่ชาวฝรั่งเศสจึงนำอิทธิพลแห่งภาษาฝรั่งเศสเข้าสู่ประเทศอังกฤษ ซึ่งภาษาฝรั่งเศสในยุคนั้นถือเป็นภาษาของคนชั้นสูงเช่นพวกขุนนางหรือใช้ในศาล และพวกนักธุรกิจทั้งหลาย ส่วนพวกคนชั้นล่างก็พูดภาษาอังกฤษบ้านๆกันไป จนถึงศตวรรษที่ 14 อังกฤษประกาศอิสรภาพจากการตกอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส แต่จนถึงขณะนั้นก็มีคำในภาษาฝรั่งเศสเป็นจำนวนมากที่หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาอังกฤษในยุคนั้นจึงถูกจัดอยู่ใน ภาษาอังกฤษยุคกลางซึ่งแม้แต่เจ้าของภาษาอังกฤษเองก็ยังยากที่จะเข้าใจได้

Modern English
Early Modern English (1500-1800)
Towards the end of Middle English, a sudden and distinct change in pronunciation (the Great Vowel Shift) started, with vowels being pronounced shorter and shorter. From the 16th century the British had contact with many peoples from around the world. This, and the Renaissance of Classical learning, meant that many new words and phrases entered the language. The invention of printing also meant that there was now a common language in print. Books became cheaper and more people learned to read. Printing also brought standardization to English. Spelling and grammar became fixed, and the dialect of London, where most publishing houses were, became the standard. In 1604 the first English dictionary was published.

ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ ยุดเริ่มแรก คริสตศตวรรษ 1500 – 1800  
ในช่วงปลายของภาษาอังกฤษในยุคกลางได้เกิดความเปลี่ยนแปลงในภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือการออกเสียง โดยเสียงสระในภาษาอังกฤษนั้นสั้นขึ้นและสั้นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งในศตวรรษที่ 16 ประเทศอังกฤษได้มีการติดต่อค้าขายกับหลากหลายประเทศจากทั่วโลก จึงมีคำใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย และในขณะนั้นเองได้มีการประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของโลกซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ หนังสือมีราคาถูกลงและคนก็อ่านหนังสือกันมากขึ้นเรื่อยๆ  และการตีพิมพ์นั่นเองเป็นสิ่งที่นำความเป็นมาตรฐานมาสู่ภาษาอังกฤษในยุคใหม่ และพจนานุกรมภาษาอังกฤษเล่มแรกของโลกได้รับการตีพิมพ์ในปี 1604

Late Modern English (1800-Present)
The main difference between Early Modern English and Late Modern English is vocabulary. Late Modern English has many more words, arising from two principal factors: firstly, the Industrial Revolution and technology created a need for new words; secondly, the British Empire at its height covered one quarter of the earth’s surface, and the English language adopted foreign words from many countries.

ภาษาอังกฤษสมัยใหม่ยุคปลาย ตั้งแต่ปี 1800 จนถึงปัจจุบัน
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างภาษาอังกฤษสมัยใหม่ในยุคเริ่มแรกและภาษาอังกฤษสมัยใหม่ในยุคปลายก็คือเรื่องของคำศัพท์ ซึ่งคำศัพท์จำนวนมากได้เกิดขึ้นและถูกบัญญัติเข้าไปในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ยุคปลาย ซึ่งที่มาของคลังคำศัพท์ใหม่มากมายนั้นก็มีอยู่สองสาเหตุนั่นก็คือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี และสาเหตุที่สองก็คือ คนจากทั่วโลกเรียนและพูดภาษาอังกฤษกันมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ภาษาอังกฤษเองก็ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาอื่นๆเช่นกัน    

สามารถติดตามคอร์ลัมเกี่ยวกับภาษาอังกฤษต่างๆได้ลิ้งค์ข้างล่างเลยนะคะ
 

http://www.engtest.net/

Reference: EnglishClub.com
Translated into Thai by Eva Lee
Contact: 

[email protected]

http://www.engtest.net/


วิธีสมัครวอลเล็ต สบม. บนแอปฯเป๋าตัง เพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ และวิธีโอนเงินเข้า-ออก


วิธีสมัครวอลเล็ต สบม. บนแอปฯเป๋าตัง เพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ และวิธีโอนเงินเข้าออก
วอลเล็ตสบม พันธบัตรออมทรัพย์ แอปเป๋าตัง
AnewsTime คุยข่าวชาวบ้าน คนละครึ่ง แอปเป๋าตัง G_wallet ข่าวเงินเยียวยาโควิด ข่าวสังคม ข่าวต่างประเทศ ข่าวพยากรณ์อากาศ ข่าวมติคณะรัฐมนตรีล่าสุด ข่าวมติครมล่าสุด ข่าวมติครมวันนี้ ข่าวบัตรสวัสดิการแห่งรัฐล่าสุด ข่าวบัตรคนจนล่าสุด ข่าวร้านธงฟ้าประชารัฐ ข่าวคนละครึ่งล่าสุดข่าวกระทรวงการคลัง ข่าวกรมบัญชีกลาง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวการเมืองข่าวเบี้ยยังชีพคนแก่ ข่าวเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ข่าวเบี้ยยังชีพคนพิการ ข่าวเบี้ยยังชีพผู้พิการ ข่าวกลุ่มเปราะบาง ข่าวผู้ประกันตนมาตรา33 ข่าวผู้ประกันตนมาตรา39 ข่าวผู้ประกันตนมาตรา40วิธีโหลดเป๋าตัง วิธีเติมเงินเป๋าตัง ราชกิจจานุเบกษา ข่าวอาชญากรรม

สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
https://www.youtube.com/channel/UCp6BFzjCoeXO_9lFB_S8IHg/join

พบกับการรายงานข่าวสาร ทุกแวดวงสังคม ทั้งในและต่างประเทศ
👉ติดตามข่าวด่วน ข่าวเด่น ข่าวดัง คลิปสั้นได้ที่ TikTok https://vt.tiktok.com/ZSJeSgvPT/
👉ติดตามข่าวได้อีกช่องทางที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก เอนิวส์ไทม์ https://www.facebook.com/103454604757754/posts/124098052693409/

🌹ติดต่อแนะนำการเสนอข่าว ได้ที่
Tel. 0809453874
LINE ID : 0809453874
Email : [email protected]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิธีสมัครวอลเล็ต สบม. บนแอปฯเป๋าตัง เพื่อซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ และวิธีโอนเงินเข้า-ออก

50+ ประโยคคำถามภาษาอังกฤษ (อัพเดท บทเรียนใหม่ เพิ่มรายละเอียด)


ภาษาอังกฤษกับเคลี่ คอร์สภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
FACEBOOK: ภาษาอังกฤษกับเคลี่ @englishwithkaylee นักเรียนติดตามเพจ 1.2 ล้านคน
INSTAGRAM: KAYLEE WONDER DMD @drkayleewonder

บริจาคที่ www.paypal.me/kayleewonder ขอบคุณมากๆ จากใจค่ะ

ครูชื่อเคลี่ค่ะ เกิดที่เมืองไทย เป็นคนอุดรค่ะ ครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2001เรียนจบมัธยมปลายที่รัฐฮาวาย ต่อตรีที่รัฐคอนเนคติคัท และจบเอกทันตแพทย์ที่ลาสเวกัสค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็นหมอฟันที่รัฐวอชิงตัน เริ่มสอนภาษาอังกฤษในเฟสบุ๊คปี 2016 ตอนที่เรียนทันต ปี 3 ค่ะ ตอนนี้ก็มีคนติดตามในเพจมากกว่า 1.2 ล้านคน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักเรียนมาเรียนด้วยเยอะแบบนี้ อยากให้คนไทยได้พูดภาษาอังกฤษเป็น จะได้เจริญก้าวหน้า และตัวเองก็อยากฝึกภาษาไทยด้วย จะสังเกตุได้ว่าบางทีอาจจะพูดแข็งกระด้างเกินไป หรือว่าสะกดคำไทยผิด เพราะไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันเลยค่ะ พูดแต่อังกฤษ และคนที่บ้านก็พูดอิสานด้วย อันนั้นก็เริ่มไม่ถนัดแล้วเหมือนกันค่ะ ก็อย่าถือสากันเลยนะคะ แต่ภาษาอังกฤษเนี่ยครูสำเนียงเป๊ะค่ะ ตอนนี้ก็สอนเป็นงานอดิเรกค่ะ เท่าที่มีเวลาว่าง สอนฟรี และไม่มีคอร์สสอนนะคะ แค่ทำงานเป็นหมอฟันครูก็เหนื่อยมากแล้วค่ะ เรียนฟรีๆก็ดีแล้ว ไม่ต้องเสียเงิน ความรู้หาฟรีได้เยอะแยะไป ถ้ามีโอกาสก็อาจจะเปิดคอร์ส แต่ก็คงอีกนานค่ะ ครูจะพยายามมาลงคลิปบ่อยๆนะคะ ขอบคุณที่มาดูคลิปและติดตามกันนะคะ

เรียนภาษาอังกฤษ, เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง, เทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษ, สำนวนภาษาอังกฤษ, ประโยคภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, เก่งภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน, ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว, วลีภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่เมืองนอก, American English, English lesson for thai people, Learn English, English lesson, ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ, การออกเสียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้อง, สำเนียงอังกฤษแบบอเมริกัน, คำศัพท์อังกฤษ, ศัพท์อังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ, เรียนต่อที่อเมริกา, การฟังภาษาอังกฤษ, ฝึกการฟังภาษาอังกฤษ, เรื่องราวสั้นๆภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน

50+ ประโยคคำถามภาษาอังกฤษ (อัพเดท บทเรียนใหม่ เพิ่มรายละเอียด)

ไขปริศนานักพูด 8++ ภาษา


ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนนะครับ
แชนแนลนี้แหล่งรายได้ส่วนนึงมาจากการสนับสนุนของผู้ชมครับ

เลขบัญชี:
6900704492
ธนาคารกรุงไทย KTB
ธนพฤทธ์ ประยูรพรหม
Thanapruet Prayoonphrom

True​ Wallet:
0802298060
ธนพฤทธ์ ประยูรพรหม
หากอายุต่ำกว่า 18 ปี กรุณาปรึกษาผู้ปกครองก่อนสนับสนุน

Paypal:
https://www.paypal.me/nodarkness​​​​​…
ThaNAPRUET​ Prayoonphrom​
(เข้าใจผิดเลยพิมพ์ชื่อแบบตัวใหญ่ตัวเล็กแปลกๆ)​
Paypal​ คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ​ 10​ บาท
เคยมีคนโอนมา​ 10​ บาท​ ก็คือ​เข้า Paypal​ หมดเลย
แล้วมันเหมือนจะมีค่าธรรมเนียมอีก​ 4% มั้งครับ​ เผลอๆ​ มากกว่านั้น
คือผมอยากบอกว่าถ้าโอนผ่านธนาคารได้ก็ดีนะครับ
เห็นค่าธรรมเนียมไม่เข้ากระเป๋าเราแล้วมันเศร้า​ T_T

ref
https://www.youtube.com/watch?v=f1sAPTiAFFY
https://www.youtube.com/watch?v=PbQerKaxs9s
https://www.youtube.com/watch?v=SX_ViT4Ra7k
https://genius.com/Geniusromanizationskenshiyonezulemonromanizedlyrics
https://www.youtube.com/watch?v=J_SLN14wySI

ไขปริศนานักพูด 8++ ภาษา

ใจความสำคัญ / MUSKETEERS – (Chiang Mai fin fun fest) – #6


11 มีนาคม นี้ ณ ลานเนินนุ่ม ปากทางเข้าห้วยตึงเฒ่า จังหวัดเชียงใหม่
Music Festival และเทศกาล Balloon
รวมกันมาเป็น Chiang Mai Fin Fun Fest
พบเทศกาล Balloon หลากสีสัน
สนุกไปกับ Balloon Night Glow การแสดงแสง สี เสียง บอลลูน Balloon Tethering ชมทัศนียภาพเชียงใหม่ไปกับการบิน
Free Flying ใน Campaign ที่ถูกสุดคุ้ม
บันทึกเทปโทรทัศน์ และถ่ายทอดความสนุก โดย THELiVEEYE

ใจความสำคัญ / MUSKETEERS - (Chiang Mai fin fun fest) - #6

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง ประวัติความเป็นมาและเรื่องย่อของบทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง ประวัติความเป็นมาและเรื่องย่อของบทละคร เรื่อง รามเกียรติ์ ตอนศึกไมยราพ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ที่มาและความสําคัญ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *