Skip to content
Home » [Update] รวมศัพท์วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ พร้อมวิธีใช้ | เป็น เวลา ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] รวมศัพท์วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ พร้อมวิธีใช้ | เป็น เวลา ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

เป็น เวลา ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เวลาเราเรียนภาษาใหม่ สิ่งพื้นฐานอย่างหนึ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก็คือ การเขียนและการอ่านวันเดือนปีของภาษานั้น

ในบทความนี้ ชิววี่ได้รวบรวมคำศัพท์วัน เดือน ปี พร้อมทั้งวิธีการใช้ ให้เพื่อนๆได้เรียนรู้และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

คำศัพท์วัน 7 วัน

วันภาษาอังกฤษตัวย่อวันอาทิตย์SundaySunวันจันทร์MondayMonวันอังคารTuesdayTueวันพุธWednesdayWedวันพฤหัสบดีThursdayThuวันศุกร์FridayFriวันเสาร์SaturdaySat

คำศัพท์เดือน 12 เดือน

เดือนที่เดือนภาษาอังกฤษตัวย่อ1มกราคมJanuaryJan2กุมภาพันธ์FebruaryFeb3มีนาคมMarchMar4เมษายนAprilApr5พฤษภาคมMayMay6มิถุนายนJuneJun7กรกฎาคมJulyJul8สิงหาคมAugustAug9กันยายนSeptemberSept10ตุลาคมOctoberOct11พฤศจิกายนNovemberNov12ธันวาคมDecemberDec

การใช้ปีในภาษาอังกฤษ

เราจะใช้ปี ค.ศ. (คริสต์ศักราช) เป็นมาตรฐานสากล
ส่วนปี พ.ศ. (พุทธศักราช) จะใช้แค่ในบางประเทศ เช่น ไทย พม่า ศรีลังกา

ด้วยเหตุนี้ เวลาเราติดต่อกับชาวต่างชาติ หรือกรอกข้อมูลลงเอกสารที่เป็นสากล เราควรจะใช้ปี ค.ศ. (วิธีแปลงปี พ.ศ. ให้เป็น ค.ศ. ทำได้ด้วยการนำปี พ.ศ. มาลบ 543 เช่น ปี พ.ศ. 2563 = 2563 – 543 = ปี ค.ศ. 2020)

สำหรับวิธีอ่านปีในภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่เราจะอ่านทีละสองหลัก
1961 อ่านว่า nineteen sixty-one
2019 อ่านว่า twenty nineteen

แต่สำหรับก่อนปี 2000 ปีที่เป็นเลขกลมๆ เราจะอ่านสองหลักแรกแล้วต่อด้วย hundred
1400 อ่านว่า fourteen hundred
1900 อ่านว่า nineteen hundred

ปี 2000 เราจะอ่านเหมือนเลขปกติ
2000 อ่านว่า two thousand

ถ้าเป็นปีระหว่าง 2001 – 2010 เราจะอ่านเหมือนเลขปกติเช่นกัน
2001 อ่านว่า two thousand and one
2010 อ่านว่า two thousand and ten

ปีถัดๆมาที่อยู่ใกล้กับปี 2010 เราสามารถอ่านได้ทั้ง 2 แบบ
2012 อ่านว่า two thousand and twelve
2012 อ่านว่า twenty twelve

ปีที่ลงท้ายด้วยเลข 01 – 09 เราจะอ่าน 0 ว่า oh (โอ)
1602 อ่านว่า sixteen oh two
1906 อ่านว่า nineteen oh six

การใช้วันที่ในภาษาอังกฤษ

วันที่ในภาษาอังกฤษไม่ได้อ่านว่า one, two, three, … เหมือนจำนวนเลขทั่วๆไป แต่จะใช้ first, second, third, … เหมือนการระบุลำดับ (ordinal number)

วันที่ภาษาอังกฤษ1First2Second3Third4Fourth5Fifth6Sixth7Seventh8Eighth9Ninth10Tenth11Eleventh12Twelfth13Thirteenth14Fourteenth15Fifteenth16Sixteenth17Seventeenth18Eighteenth19Nineteenth20Twentieth21Twenty-first22Twenty-second23Twenty-third24Twenty-fourth25Twenty-fifth26Twenty-sixth27Twenty-seventh28Twenty-eighth29Twenty-ninth30Thirtieth31Thirty-first

การเขียนวัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ

ถ้าเป็น American
English
เราจะใช้ month-day-year โดยใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันที่และปี เช่น

Ann was born on April 21, 2003.
(อ่านว่า April twenty-first, two thousand and three)

Ann was born on Monday, April 21, 2003.
(อ่านว่า Monday, April twenty-first, two thousand and three)

Ann’s birthday is April 21.
(อ่านว่า April twenty-first)

เวลาเขียนวันที่ใน American English เราจะไม่เขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ (เช่น 21st, 22nd, 25th) แต่มักจะอ่านเหมือนเขียน

ถ้าเป็น British
English
เรามักจะใช้ day-month-year เช่น

Ann was born on 21 April 2003.
(อ่านว่า the twenty-first of April two-thousand and three)

Ann was born on Monday, 21 April 2003.
(อ่านว่า Monday, the twenty-first of April two-thousand and three)

Ann’s birthday is 21 April.
(อ่านว่า the twenty-first of April)

ใน British English เมื่อก่อนจะนิยมเขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ (เช่น 21st, 22nd, 25th) แต่ในระยะหลัง ความนิยมในการใช้ได้ลดลง

แม้ว่าชาว British บางคนจะยังเขียน suffix เหล่านี้ต่อท้ายตัวเลขวันที่อยู่ แต่ style guide ส่วนใหญ่ อย่างเช่น University of Oxford Style Guide, BBC News Style Guide และ The Government Digital Service Style Guide ต่างก็ระบุว่าไม่ต้องใช้แล้ว

สำหรับ British English แม้จะเขียนหรือไม่เขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ แต่เวลาอ่านเรามักจะอ่านเหมือนเขียน และเวลาอ่าน เราต้องใช้ the และ of กำกับด้วย เช่น 21 April 2003 จะอ่านว่า the twenty-first of April two thousand and three

ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับวัน เดือน ปี

What day is it today?
วันนี้วันอะไร
(คำตอบที่ได้อาจเป็นวันในสัปดาห์ เช่น วันจันทร์ วันอังคาร หรือวันพิเศษ อย่างวันสงกรานต์ วันคริสต์มาส ฯลฯ)

What is the date today?
วันนี้วันที่เท่าไหร่

When is your birthday?
วันเกิดของคุณคือวันไหน

When is Halloween day?
วันฮาโลวีนคือวันไหน

What month is it now?
เดือนนี้เดือนอะไร

Which month does your school begin?
โรงเรียนเปิดเทอมเดือนไหน

What year were you born?
คุณเกิดปีไหน

What year did you graduate from college?
คุณจบจากมหาวิทยาลัยในปีไหน

What year did you start working here?
คุณเริ่มทำงานที่นี่ในปีไหน

คำถามที่พบบ่อย

1. วันแรกของสัปดาห์คือวันอาทิตย์หรือวันจันทร์

คำตอบของคำถามนี้จะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ละประเทศ

ถ้ายึดตามหลักมาตรฐานสากล ISO
8601 วันจันทร์จะถือเป็นวันแรกของสัปดาห์
ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปและบางประเทศในเอเชียจะใช้ปฏิทินที่เริ่มด้วยวันจันทร์

แต่หลายๆประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา
ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฯลฯ จะใช้วันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์

สำหรับไทย ปฏิทินที่เราใช้มักจะเริ่มด้วยวันอาทิตย์ แต่ก็มีบางคนที่ถือวันจันทร์เป็นวันแรก ขึ้นอยู่กับความเห็นและความเคยชินของแต่ละคน

2. ถ้าเราเห็นตัวเลขวันที่ 4/5/2020 เราจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเลขนี้หมายถึง วันที่ 4 เดือน 5 ปี 2020 หรือวันที่ 5 เดือน 4 ปี 2020

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ควรแสดงข้อมูลวันเดือนปีเป็นตัวเลขล้วน โดยเฉพาะในระดับสากล เพราะอาจก่อให้เกิดความสับสน

ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะแสดงข้อมูลตามลำดับ
เดือน-วัน-ปี แต่ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นส่วนใหญ่จะใช้ วัน-เดือน-ปี

วิธีหนึ่งที่อาจจะช่วยให้เราแยกได้ก็คือ ให้เราสังเกตว่าผู้เขียน หรือองค์กรของผู้เขียนมาจากชาติใด

ถ้าตัวเลขนี้มาจากองค์กรในสหรัฐอเมริกา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นวันที่ 5 เดือน 4 ปี 2020 หรือถ้ามาจากองค์กรในประเทศอังกฤษ ตัวเลขนี้ก็น่าจะหมายถึงวันที่ 4 เดือน 5 ปี 2020

สำหรับประเทศไทย เรามักจะนิยมใช้ลำดับ วัน-เดือน-ปี ในการแสดงข้อมูลวันที่

จบแล้วสำหรับการใช้วันเดือนปีในภาษาอังกฤษ ชิววี่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆสื่อสารข้อมูลวันเดือนปีด้วยภาษาอังกฤษได้ถูกต้องมากขึ้นนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ (Telling time in English) | เป็น เวลา ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

Hi guys! สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม. 1 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดูวีการ “บอกเวลาในภาษาอังกฤษ หรือ Telling time in English กันค่ะ” ไปลุยกันเลย

 

บทนำ

 

ในบทเรียนนี้ครูขอยกตัวอย่างการบอกเวลาที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปใน 2 รูปแบบ ตามที่มาของ Native English หรือ ภาษาอังกฤษของเจ้าของภาษานะคะ  ดังตัวอย่างดังต่อไปนี้

  • British English แบบบริติช
  • American English แบบอเมริกัน

โครงสร้างประโยคคำถาม


ประโยคคำถาม เพื่อถามถึงเวลา เช่น

ถามเวลาแบบ Direct question:

What time is it right now?

= ตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว

เรามักจะเจอคำถามในลักษณะนี้ในสถานการณ์แบบเป็นกันเอง ภาษาที่ใช้จะดูใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่า ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนเราที่ถามทาง หรือ คนใกล้ตัว คุณพ่อ คุณแม่ เป็นต้น

 

ถามเวลาแบบ Indirect question: Can I know…= ขอทราบ/ถาม หน่อย…

Can you tell me what time it is?
= ขอถามหน่อยว่ากี่โมงแล้ว

Excuse me, can I know what time it is?
= ขอโทษนะ ขอทราบหน่อยว่าเป็นเวลากี่โมงแล้ว

การถามเวลาในรูปแบบประโยคลักษณะ Indirect questions นี้ ประโยคของเราจะดูเป็นทางการและสุภาพมากยิ่งข้น

บอกเวลาแบบ British English

 

 

ใน British English จะใช้ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง โดยจะใช้เลข 1 -12 ตามด้วยคำบอกเวลา a.m. และ p.m. ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปในภาษาอังกฤษนั่นเองค่า

 

การใช้ a.m. และ p.m.

a.m. = ante meridiem ใช้กับเวลา หลังเที่ยงคืน จนถึง ก่อนเที่ยงวัน
(00.01 a.m. – 11.59 a.m.)

p.m. = post meridiem ใช้กับเวลาหลังเที่ยงวัน จนถึง ก่อนเที่ยงคืน
(12.00 p.m. – 11.59 p.m.)

 

หากว่าต้องการบอกเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคำว่า “o’clock” ท้ายเวลา หรือพูด a.m. และ p.m. ตามด้วยเวลาต่างๆ ก็ได้ เช่นกันค่ะ

 

11.00 a.m. = eleven o’clock in the morning

แปลว่า ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า

05.00 p.m. = five o’clock in the afternoon

แปลว่า ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น

การใช้ to กับเวลาที่จะมาถึง (แสดงว่าตอนที่พูดยังไม่ถึงเวลานั้น)

 

 

เวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกิน 30 นาทีมาแล้ว ให้บอกนาทีที่เหลือก่อนจะถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วย “to”  และชั่วโมงถัดไป เช่น

 

08.40 p.m. = twenty to nine

แปลว่า อีกยี่สิบนาทีจะถึงเก้านาฬิกาแล้ว

 

สำหรับ การบอกเวลาแบบ British English หากนาฬิกาเป็นเวลา 15 นาทีหรือ 45 นาที ให้ใช้คำว่า a quarter และหากเป็น 30 นาที ให้ใช้ half เช่น

 

06.15 a.m. = a quarter past six

07.30 a.m. = a half past thirty

 

การใช้ “past”

past เป็นคำคุณศัพท์ เมื่อใช้กับการบอกเวลา จะแปลว่า ผ่าน….มา……แล้ว โดยส่วนมากจะใช้กับเวลาที่ผ่านล่วงเลยมาไม่ถึง 30 นาที เช่น

10.20 a.m. = twenty past ten
แปลว่า  ผ่านสิบนาฬิกามามายี่สิบนาทีแล้ว

ถือว่าเป็นการบอกเวลาทางอ้อม เพราะว่าไม่บอกมาตรงๆ มักจะเจอรูปแบบประโยคนี้ในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่เร่งรีบ ในชั้นเรียน แต่อาจจะไม่ใช่การถามเวลาก่อนเที่ยงที่น้องๆหิวข้าว เป็นต้น

 บอกเวลาแบบ American English

 

 

ซึ่ง American English จะมีการใช้ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง โดยจะใช้ตั้งแต่ตัวเลข 0 ไปจนถึง ตัวเลข 24 และส่วนใหญ่จะไม่มี a.m. และ p.m.  ให้ยุ่งยาก ตามสไตล์ easy going ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยของคนอเมริกันเลยทีเดียว ง่ายๆ ไม่ทำให้ยุ่งยาก

วิธีการบอกเวลาของชาวอเมริกันคือ ให้บอกเลขชั่วโมงก่อนตามด้วยเลขนาที โดยทั่วมักจะในกรณีที่เป็นทางการมากๆ  เช่น

 

เวลา 21.15 น. = twenty-one fifteen

เวลา 08.09* น. = eight O nine 

ขออธิบายเพิ่มเติม:

*ใช้เสียง O อ่านว่า โอ จะใช้ แทนเลข 0 ใน American English

 

นอกจากนี้ยังมีคำวิเศษณ์เพื่อประมาณเวลา อีกด้วย เช่น about หรือ nearly  ซึ่งแปลว่า ประมาณ หรือ เกือบๆ เช่น

 

เวลา 09.05 น. =It’s about nine o’clock (แม้ว่าจะผ่านมาแล้วตั้ง 5 นาทีก็ตาม)

เวลา 10.28 น.  = It’s nearly half past ten (แม้ว่าจะยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตาม)

 

บอกเวลาตอนเที่ยง

 

 

ในเวลาเที่ยงคืนหรือเที่ยงวัน สามารถใช้คำว่า “midnight” หรือ “midday / noon” แทนเลข 12 ได้ เช่น  เวลา 00:00 น. แทนช่วงเวลานี้ ว่า midnight หรือ เวลา 12:00 น. แทนช่วงเวลานี้ว่า midday or noon

ส่วนในการพูดอย่างเป็นทางการ สามารถใช้ “a.m.” หรือ “p.m.” ประกอบได้อยู่เหมือนเดิม
เช่น  เวลา 05:15 น. บอกได้ว่า 

It is five fifteen a.m.

= เป็นเวลา ตีห้า  สิบห้านาที

แต่ถ้าไม่เป็นทางการมาก เช่นบอกเวลาเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆกัน
ก็สามารถพูดได้ว่า
It is ten fifteen. (ไม่ต้องบอก a.m. ก็ได้ แต่หากช่วงเวลาที่คุยเป็นกลางวัน เพื่อนก็จะเข้าใจไปโดยปริยายว่า มันคือเวลา สิบโมง สิบนาที )

ในกรณีที่ลืมว่า ควรจะใช้ a.m. หรือ p.m. ดี ให้ใช้วลีบอกเวลา เพ่อให้ผู้ที่เราพูดด้วยรู้ว่าเรากำลังบอกเวลาช่วงไหน โดยใช้ in/at แล้วตามด้วยช่วงเวลา เช่น

in the morning = ช่วงเช้า
at midday = เที่ยงวัน
at midnight = เที่ยงคืน
in the afternoon = ตอนบ่าย
in the evening = ตอนเย็น
at night = ตอนกลางคืน

 

แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่คนที่เลือกใช้ก็คือตัวเราเอง ครูแนะนำให้ดูบริบทการใช้ให้มากนะคะ เช่นตัวอย่างประโยคด้านล่างนี้นะคะ

 

Situation I: At the train station (สถานการณ์เกิดที่ลานชาลาสถานีรถไฟ)

Romeo: Excuse me sir, what time is it now?
= ขอโทษนะครับ ตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว

Tom: It’s a half past ten.
= ตอนนี้ผ่านสิบนาฬิกามาครึ่งชั่วโมงแล้วครับ

Rome: Thank you sir. When will the next train arrive?
= ขอบคุณครับ แล้วรถไฟเที่ยวถัดไปจะมากี่โมงครับ

Tom: It will arrive in a minute.
= เดี๋ยวก็มาแล้วครับ

Situation II: At NokAcademy School (สถานการณ์เกิดที่โรงเรียน นกอะคาเดมี)

Nestie: Jenny, what time is it now?
= เจนนี่ ตอนนี้กี่โมงแล้ว

Jenny: It’s 9 O’ clock. Why did you ask?
= ตอนนี้เก้าโมง ถามทำไม

Nestie: Oh my gosh, we need to go now.
= โอ้ มาย กอด เราต้องไปตอนนี้เลย

Jenny: Why?
= ทำไมล่ะ

Nestie: The class was already begun 10 minutes ago.
= ชั้นเรียนเริ่มเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว (เราเข้าชั้นเรียนสาย 10 นาทีแล้ว)

 

น้องๆนักเรียนทุกคน อย่าลืมทบทวนบทเรียน ได้ที่วีดีโอด้านล่างนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ See you again next time.

 

 

 

+2


การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ Telling the Time (แบบอังกฤษและอเมริกัน) | ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนประถมศึกษา


ภาษาอังกฤษ การบอกเวลา ถามตอบเวลา tellingthetime การบ้านภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ Telling the Time (แบบอังกฤษและอเมริกัน) | ภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนประถมศึกษา

Day 17 บอกเวลาในภาษาอังกฤษ |เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


Day 17 บอกเวลาในภาษาอังกฤษ |เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

FM 96.5 | Business Connection | นวัตกรรมในองค์กร | 15 พ.ย. 64


รายการ BusinessConnection ThinkingRadio FM965
ทุกวันจันทร์ศุกร์ เวลา 13.00 14.00 น.
เชื่อมต่อความรู้เท่าทันการลงทุนโดย ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย และ อาทิตย์ โกวิทวรางกูร
ติดตามชม LIVE สดและฟังย้อนหลังที่เว็บไซต์
Thinking Radio: thinkingradio.mcot.net/live
รวมถึง Subscribe พวกเราได้ที่ : youtube.com/thinkingradio
ติดตามความเคลื่อนไหว Thinking Radio ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/Thinkingradio
YouTube : https://www.youtube.com/thinkingradio
Line : https://line.me/R/ti/p/%40thinkingradio
Twitter : https://twitter.com/thinkingradioFM
Instagram : https://www.instagram.com/thinkingradio

FM 96.5 | Business Connection | นวัตกรรมในองค์กร | 15 พ.ย. 64

การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ ง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง What time is it?


การบอกเวลาภาษาอังกฤษ
การบอกเวลาภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ
การบอกเวลาในภาษาอังกฤษ มีทั้งการบอกเวลาแบบง่ายๆที่ใช้ในการสนทนาทั่วๆไป และอีกแบบหนึ่งคือการบอกเวลาแบบเป็นทางการ หรือแบบยากขึ้นมานึดหนึ่ง แต่จะว่ายากมันก็ไม่เชิง แต่มันก็จะงงๆหน่อย แต่ก็ขอให้ดูซ้ำอีกรอบ น่าจะเข้าใจนะคับ ไป ดูกันเลยนะคับ
What’s the time?
= ตอนนี้กี่โมง
What time is it?
= ตอนนี้กี่โมง
เรียนออนไลน์

การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ ง่ายๆ พร้อมตัวอย่าง What time is it?

Click [by Mahidol] Everything About English : Dates \u0026 The Time (2/2)


คริสโตเฟอร์ ไรท์ เสนอ \”เคล็ดลับ\” วิธีการบอกวันที่ และเวลาทุกรูปแบบที่เราต้องเจอในวิชาภาษาอังกฤษ ทั้งระบบ วัน/เดือน/ปี อย่างที่ใช้กันในหลายประเทศ และระบบ เดือน/วัน/ปี ที่ชาวอเมริกันนิยมใช้ รวมถึงการบอก \”เวลา\” ที่เราเรียนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังสับสน อาจารย์คริสจึงนำเสนอเคล็ดลับวิธีการบอกเวลา ทั้ง \”แบบง่าย\” และ \”แบบ (ไม่) ยาก (จนเกินไป)\” ติดตามได้ในรายการ Click
เคล็ดลับวิชา 10 หัวข้อในตำราเรียนที่ต้องรู้แต่เข้าใจยาก มาทำเป็นรายการสั้น ดูสนุก เข้าใจง่าย ในรายการ Click : ภาษาอังกฤษ ออกอากาศทาง Mahidol Channel
Facebook : https://www.facebook.com/mahidolchannel
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

Click [by Mahidol] Everything About English : Dates \u0026 The Time (2/2)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เป็น เวลา ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *