Skip to content
Home » [Update] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 | ทํา งาน ต่าง ประเทศ อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 | ทํา งาน ต่าง ประเทศ อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ทํา งาน ต่าง ประเทศ อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เราเคยแนะนำวิธีการพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ ไปบ้างแล้วในบทความตอนที่ 1 แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าในโลกของการทำงานนั้นยังมีสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญอีกมากมาย วันนี้ JobThai เลยมีวิธีการพูดภาษาอังกฤษในอีกหลาย ๆ สถานการณ์ที่คนทำงานอย่างเราต้องเจอมาฝาก

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

เคยไหมที่เรากำลังรองานบางอย่างจากเจ้านาย แต่เขาก็ยังไม่ทำงานนั้นให้เราสักที? ถ้าเจอสถานการณ์แบบนี้ เราสามารถบอกเจ้านายให้เขาทำงานแบบสุภาพ ๆ ได้ด้วยการใช้ประโยคที่แสดงออกว่าเรารู้ว่าเจ้านายก็มีงานยุ่งมาก และคงจะไม่มีเวลามากนัก เช่น “Have you had a chance to review…?” หรือ “Have you had the opportunity to look at…?” ซึ่งแปลว่า “ได้มีโอกาสดู…รึยังคะ?”

 

หลายครั้งที่เราต้องพูดคุยกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อย่างเช่นเรื่องงบประมาณในการทำงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ ซึ่งขั้นตอนที่จะทำให้รู้สึกลำบากใจที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เราต้องการถามว่าเขาจะจ่ายเงินให้เราเท่าไหร่ จะให้ถามโต้ง ๆ ออกไปว่า “How much do you want to pay?” “คุณอยากจะจ่ายเท่าไหร่” ก็ดูจะตรงเกินไป ซึ่งถ้าเราอยากจะถามให้ฟังดูสุภาพมากขึ้น ก็สามารถพูดได้ 2 แบบ คือ

1. “Do you have a ballpark budget?”

2. “What is your price point for something like this?”

 

โดยทั้งสองประโยคเราสามารถใช้ได้ในกรณีที่ต้องการถามลูกค้าถึงจำนวนเงินที่เขาต้องการจ่ายให้เราแบบสุภาพ ๆ ว่าเขามีงบประมาณเท่าไหร่สำหรับงานที่กำลังพูดคุยกันอยู่

 

หลาย ๆ ครั้งที่คนทำงานอย่างเราต้องทำงานที่มีกระบวนการต่าง ๆ มากมายและต้องมีคนหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อร่วมงาน เจ้านาย หรือแม้แต่ลูกค้า แต่ปัญหาที่คนจำนวนไม่น้อยเจอกันก็คือ คนเหล่านั้นยังไม่ทำงานในส่วนที่พวกเขาต้องรับผิดชอบให้เสร็จสักที ซึ่งถ้าเราอยากจะตามงานขึ้นมา ก็มี 3 วิธีที่เราสามารถใช้ได้โดยไม่ฟังดูหยาบคายเกินไป

 

1. เตือนเขาอย่างสุภาพผ่านข้อความหรืออีเมล

ในกรณีนี้เราจะใช้วลีว่า “A gentle reminder…” “ขออนุญาตแจ้งเตือน…” ซึ่งจริง ๆ แล้วเราอาจจะกำลังสื่อให้เขารับรู้ว่า ‘อย่าลืมเรื่องนี้นะ’ เช่น “A gentle reminder on the 18 puppies we need for our shoot next week!” “ขออนุญาตเตือนค่ะ อย่าลืมเรื่องลูกสุนัข 18 ตัวที่เราจะใช้สำหรับการถ่ายทำสัปดาห์หน้านะคะ”

 

2. ถามถึงแผนการดำเนินงาน

ใช้ประโยคคำถามถามถึงแผนการดำเนินงานและระยะเวลาที่งานจะเสร็จ แบบไม่กดดันเขาเกินไป โดยถามว่า “What’s your timeline on…?” “แผนการดำเนินงานมีอะไรบ้าง?” เช่น “What’s your timeline on getting in touch with our pancake supplier?” “แผนการดำเนินงานเพื่อติดต่อผู้จัดหาแพนเค้กมีอะไรบ้าง?” การถามแบบนี้ เมื่อผู้ตอบตอบแผนงานของเขามา เราก็เห็นถึงระยะเวลาที่คาดว่างานจะเสร็จได้

 

3. ถามว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม

แทนที่จะถามว่างานไปถึงไหนแล้ว เราอาจจะถามเขาว่ามีอะไรให้เราช่วยเกี่ยวกับงานนี้ไหมแทน โดยใช้ประโยคว่า “Would you like any help on…?” “คุณต้องการความช่วยเหลือตรงไหนไหม?” เช่น “Would you like any help on that travel article?” “มีอะไรให้ช่วยเกี่ยวกับบทความท่องเที่ยวไหม?”

 

 

หลายคนมักจะติดใช้คำว่า Um, Uh, Just หรือ Really เพียงแค่เพราะว่าอยากจะถ่วงเวลาให้มีเวลาคิดนานขึ้นก่อนจะพูดอะไรออกมา ซึ่งการใช้คำพวกนี้โดยไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษมันทำให้ดูเหมือนเราขาดความมั่นใจ ดังนั้นถ้าอยากมีเวลาคิดเพิ่มขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้ 3 วิธีนี้แทน

 

1. ชมว่าเป็นคำถามที่ดีมาก

หลังจากฟังคำถามจบ ให้พูดออกไปก่อนว่า “That’s a great question.” “คำถามนี้ดีมากเลยค่ะ” เพื่อให้เรามีเวลาคิดสักแป๊บนึง แล้วค่อยตอบคำถาม ซึ่งนี่อาจจะเป็นโอกาสให้เราชมคนที่ถามคำถามได้ด้วย

 

2. ทวนคำถามที่เขาถาม

ใช้วิธีการทวนคำถามที่เขาถามมาอีกครั้ง ด้วยการพูดว่า “So what you’re asking is…” “สิ่งที่คุณกำลังถามคือ…” นอกจากจะถ่วงเวลาได้แล้ว ยังเป็นการทวนให้มั่นใจอีกครั้งด้วยว่าเราฟังคำถามถูกและเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการถามจริง ๆ

 

3. ตั้งสติและหยุดคิด

ไม่ต้องพูดอะไร แต่ให้หายใจเข้าลึก ๆ พยักหน้า หยุดสักนิด เพื่อตั้งสติและคิดสิ่งที่เราอยากจะพูด แล้วค่อยพูดออกมา

 

การจะตอบคำถามให้ออกมาดีนั้นเราควรจะมีการวางโครงสร้างการตอบคำถามด้วย เพื่อเรียงลำดับเหตุการณ์หรือความสำคัญของสิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีเรียบเรียงคำตอบแบ่งให้ใจความที่ต้องการจะสื่อสารออกมาเป็น 3 ส่วน โดยใช้คำเชื่อมที่ทำให้ฟังดู Professional มากขึ้น โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า “Firstly” ที่แปลว่า “อย่างแรก” เพื่อเป็นการเริ่มต้นบทสนทนา จากนั้นเราค่อยอธิบายเพิ่มเติมโดยใช้คำว่า “Secondly” “อย่างที่สอง” มาเชื่อมเนื้อหาที่เราจะพูด และก่อนที่เราจะจบสิ่งที่ต้องการพูด ก็อาจใช้คำว่า “Above all” “เหนือสิ่งอื่นใด” เป็นขั้นสุดท้าย

เมื่อเราถูกถามคำถามที่ไม่ใช่แค่อธิบายคำตอบเท่านั้น แต่ต้องมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์หรือสถานการณ์ประกอบด้วย แทนที่เราจะพูดตัวอย่างเหล่านั้นเลย เราควรจะเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “A great example that comes to mind is…” “ตัวอย่างที่นึกออกคือ…” เพื่อไม่ให้คำตอบหรือตัวอย่างที่เรายกมานั้นฟังดูห้วนเกินไป เช่น ถ้าเรากำลังสัมภาษณ์งานอยู่ และถูกถามถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเราก็สามารถใช้ประโยคดังกล่าว ก่อนจะอธิบายงานที่เราเคยทำ ด้วยการพูดว่า “A great example that comes to mind is when I worked in jewellery company as a marketing officer.”

 

ในการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เราสามารถพูดให้น่าฟังและสุภาพมากขึ้นได้ ด้วยการใช้คำว่า Would และ Could ซึ่งสามารถใช้ขึ้นต้นประโยคต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ตัวอย่างเช่น

1. “Would you be able to print out the last meeting report?” “รบกวนช่วยปริ้นต์รายงานการประชุมครั้งก่อนให้หน่อยได้ไหมคะ?”

2. “Could you possibly help me with the new program?” “รบกวนช่วยดูโปรแกรมใหม่หน่อยได้ไหมคะ?”

 

ถ้าเราเห็นว่าเพื่อนร่วมงานกำลังยุ่งกับการทำงาน หรือกำลังดูเหมือนมีปัญหาอะไรบางอย่างที่เราน่าจะเข้าไปช่วยได้ เราสามารถพูดเพื่อเสนอตัวให้ความช่วยเหลือเขาได้ง่าย ๆ ด้วย 3 ประโยค ดังนี้

1. “Is there anything I can help?” “มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหม?”

2. “Can I give you a hand?” “ให้ฉันช่วยอะไรไหม?”

3. ถ้าถามแล้วแต่เขาตอบว่ายังไม่มีอะไรให้ช่วย เราก็ยังสามารถพูดได้อีกว่า “Give me a shout if you need anything.” “ถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกฉันได้เลยนะ” เพื่อให้เขารู้ว่าเรายังคงพร้อมจะช่วยเขาอยู่

 

หลายครั้งที่เกิดปัญหาในการทำงานเนื่องจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และไม่มีการคอนเฟิร์มข้อมูลต่าง ๆ ให้ชัดเจน และให้แน่ใจว่าทุกฝ่ายเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งการพูดเพื่อคอนเฟิร์มนั้น มี 2 ประโยคที่สามารถนำไปใช้ได้ คือ

1. “I just want to make sure that…”

2. “I just want to be absolutely clear that…”

 

โดยทั้ง 2 ประโยคนี้มีความหมายว่า “ฉันต้องการคอนเฟิร์มว่า…” ซึ่งหลังจากพูดแล้วเราสามารถพูดรายละเอียดเรื่องที่เราต้องการคอนเฟิร์มต่อได้เลย

 

คนทำงานแทบทุกคนต้องเคยผ่านการนำเสนอมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานหรือโปรเจกต์ต่าง ๆ และการเริ่มต้นการนำเสนอที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจจากคนที่กำลังฟังเราได้ โดยเฉพาะการบอกให้คนฟังรู้ตั้งแต่เริ่มว่าในการนำเสนอครั้งนี้ เรากำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งเราสามารถพูดตามสเต็ปได้ดังนี้

1. แนะนำตัวเองและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอด้วยประโยคที่ว่า “Today, I’m going to present…”

2. จากนั้นให้บอกผู้ฟังถึงประเด็นคร่าว ๆ ที่เราจะพูด ว่าเราจะเริ่มที่เรื่องอะไร ด้วยประโยค “I’ll start by…” และจะต่อด้วยเรื่องอะไร ด้วยประโยค “And then I’m going to move on to explain…”

3. อย่าลืมจบประเด็นสุดท้ายที่เราจะนำเสนอด้วยคำว่า “Finally”

 

ตัวอย่าง

Hello, my name is Lita from Cargo Express. I am very happy to be here. Today, I’m going to present our brand new tracking system. I’ll start by telling you a bit about Cargo Express and some services we provide at our company. And then I’m going to move on to explain how this new tracking system works. Finally, you will have a chance to try this system and ask questions.

 

เป็นยังไงบ้างกับการพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เราเอามาฝากกัน แต่นอกจากทั้งหมดในบทความนี้แล้ว เรายังมีภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงานอีกหลายบทความรอคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดตามสถานการณ์ต่าง ๆ หรือการใช้คำศัพท์ที่จะทำให้ดู Professional มากขึ้น คลิกที่บทความที่สนใจได้เลย

 

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

Public group · 200,000 members

Join Group

 

[Update] หางาน ต่างประเทศ สมัครงานต่างประเทศ | ทํา งาน ต่าง ประเทศ อังกฤษ – NATAVIGUIDES

responsible for recruiting and consulting students exchange programs to usa canada new zealand france japan and china while studying abroad provide advice to exchange students and their families communicate with oversea partners through telephone and…


อยากมาทำงานที่ต่างประเทศ ต้องทำยังไง? (นิวซีแลนด์)


💻 FB Page : จูนโกะเมาท์มอย https://www.facebook.com/junekotalkative
📷 IG : junekotalkative
🎥 Youtube : จูนโกะ​เมาท์มอย​ ichigojuneko

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

อยากมาทำงานที่ต่างประเทศ ต้องทำยังไง? (นิวซีแลนด์)

อยากไปทำงานต่างประเทศ (นิวซีแลนด์) // 3 อาชีพที่มาทำงานต่างประเทศได้โดยไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ


💻 FB Page : จูนโกะเมาท์มอย https://www.facebook.com/junekotalkative
📷 IG : junekotalkative
🎥 Youtube : จูนโกะ​เมาท์มอย​ ichigojuneko

อยากไปทำงานต่างประเทศ (นิวซีแลนด์) // 3 อาชีพที่มาทำงานต่างประเทศได้โดยไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ

[เจาะลึกวีซ่า post-study work visa] เรียนต่ออังกฤษจบแล้วทำงานที่อังกฤษได้นะ | Mango knows it all


เรียนจบแล้วทำงานต่อที่อังกฤษได้อีก2ปี PostStudyWorkVisa
อยากทำงานที่อังกฤษต้องทำยังไง? เงินเดือนดีมั้ย? หางานยังไง?
.
เจาะลึก poststudy work visa ที่จะทำให้น้องๆที่เรียนต่ออังกฤษปี 2021 นี้ สามารถอยู่และทำงานต่อได้อีก 2 ปี
.
Update (January 2021): รัฐบาลอังกฤษได้ประกาศเปลี่ยนแปลงวันที่เดินทางเข้าประเทศเป็นภายในวันที่ 27 September 2021
============
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เรียนต่ออังกฤษ จากพี่ๆ แมงโก้ได้เลย เพราะเราเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย ชั้นนำในประเทศอังกฤษ บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นนะค้า
โทร 021293313, 0851448808
FB : https://www.facebook.com/mangolearnin…
Twitter : https://twitter.com/mangostudyuk
Line : https://line.me/ti/p/~@mangolearning
Website : https://www.mangolearningexpress.com/
IG : https://www.instagram.com/mangolearni…
Podcast : https://soundcloud.com/user247928673

[เจาะลึกวีซ่า post-study work visa] เรียนต่ออังกฤษจบแล้วทำงานที่อังกฤษได้นะ | Mango knows it all

6 ช่องทาง ที่สามารถไปทำงานต่างประเทศได้I ไปได้ตั้งแต่ 15-35 ปี


การไปทำงานในต่างประเทศนั้นไม่อยากอีกต่อไป วันนี้เปียโนมีช่องทางที่สามารถเข้าไปทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย และอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
สำหรับใครที่มีคำถาม ถามได้เลยนะคะ และถ้าเราพูดอะไรผิดไปต้องขออภัยด้วยค่ะ อาจจะไม่ละเอียด
ขออนุญาติรูปภาพด้วยนะคะ

6 ช่องทาง ที่สามารถไปทำงานต่างประเทศได้I ไปได้ตั้งแต่ 15-35 ปี

Increase Brain Power, Enhance Intelligence, IQ to improve, Binaural Beats, Improve Memory


You can use this track as a background to help you study and improve learning process or to make your work more effective.
We used binaural tone patterns between 12 and 20 Hz (Alpha Beta range). This range frequency is the most dominant during times of high mental activity. Stimulating beta brainwaves can lead to higher levels of concentration, improving learning ability and attention.
You can buy this track with the title \”Increase Brain Power and Improve Memory\” here:
Amazon: https://amzn.to/2keEFXM
7 Digital: https://bit.ly/3kQG0iL
or listen to it on
Spotify: https://spoti.fi/2kJkq4F
Deezer: http://bit.ly/2keET14
YouTube Music: http://bit.ly/2TwfJZn
Napster: http://bit.ly/2TxKk8T
Akazoo: http://bit.ly/2VFv4tx
Tidal: http://bit.ly/39iFF1x
This track contains binaural frequencies, we recommend the use of earphones or headphones.
To test this track we have used these earphones https://www.sleepphones.com/?aff=105
They have a high audio quality and are very comfortable.

Activate notifications so you can stay up to date on the latest news. We publish on Monday and Wednesday.
“Music for Body and Spirit” channel includes also:
Reiki Music:
Here you can find the music for your Reiki treatments with bell every 3 minutes, or without bell. Tracks with bell change to every position with melodies and harmonies studied in detail to help the treatment.
Meditation and Yoga music:
For your short or long meditation or yoga sessions, to balance your body and spirit. Here you can find the music suitable for your taste.
Meditation Sounds
The music in this playlist has as common characteristic the absence of harmonic changes and very delicate melodies, which make these songs ideal for deep meditation.
Chakra meditation music with tibetan bowls
We have created a new playlist that collects chakra meditation tracks. Special feature of these tracks is that they were composed only with Tibetan bells. The sound is absolutely natural, you will feel them next to you.
We suggest you to listen to this track at low volume.
Relaxing Music:
These tracks can be used in any situation: as a background while you are working, in relaxation moments after a stressful day or just when you want.
Short meditation and relaxing track:
Short tracks from 4 to 10 minutes for short meditation or for relaxation. They can be listened in succession to get a long and varied track as desired.
Binaural beats:
This is definitely the most special playlist. Each track is composed for a specific purpose.
Sleep music:
Sleep is very important to a person’s health. These compositions are designed to accompany you for the duration of your sleep or just to fall asleep.
WE UNDERLINE THAT OUR MUSIC CANNOT CURE A HEALTH CONDITION NOR DOES IT WANT TO REPLACE THE ADVICE OF A DOCTOR OR HEALTH CARE PROVIDER. MOREOVER, NEVER LISTEN TO OUR MUSIC WHILST DRIVING OR OPERATING MACHINERY OF ANY KIND.
℗ 2020 Music for Body and Spirit – Meditation Music All rights reserved.
Buy our music:
Amazon: https://goo.gl/y9Dvag
iTunes: https://apple.co/31nqBy1
7 Digital: https://bit.ly/38qQFLh
Streaming music:
Spotify: https://goo.gl/3p2Rme
Deezer: https://goo.gl/FeJfXz
YouTube Music: http://bit.ly/37nR5zT
Napster: http://bit.ly/2GgexmN
Tidal: http://bit.ly/2RJBCUf
Find us with the name “Music Body and Spirit”
℗ 2020 Music Body and Spirit All rights reserved.
Our site: http://www.musicforbodyandspirit.com/
Follow Music for Body and Spirit social pages:
Facebook: https://www.facebook.com/musicforbodyandspirit/
Instagram: https://www.instagram.com/musicforbodyandspirit/?hl=it
Twitter: https://twitter.com/musicbodyspirit
Pinterest: https://www.pinterest.it/3ebaafd872bfd93/
For business enquiries: [email protected]

Increase Brain Power, Enhance Intelligence, IQ to improve, Binaural Beats, Improve Memory

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ทํา งาน ต่าง ประเทศ อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *