Skip to content
Home » [Update] มาดู 10 คำด่าภาษาอังกฤษ ถึงไม่ได้ใช้ก็ควรรู้เอาไว้ | อย่า เยอะ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] มาดู 10 คำด่าภาษาอังกฤษ ถึงไม่ได้ใช้ก็ควรรู้เอาไว้ | อย่า เยอะ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

อย่า เยอะ ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ออกตัวก่อนเลยว่าหัวข้อที่เราจะนำเสนอในวันนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เอาไปด่าฝรั่ง หรือพูดจาดูถูกใครๆเค้านะคะ แต่อย่างว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้ดี มันไม่ใช่แค่เรื่องไวยากรณ์ถูกต้องแล้วจบ แต่เราต้องเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรม และบริบททั่วไปด้วยเพื่อเข้าใจภาษาอังกฤษและใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่ง “คำด่าภาษาอังกฤษ” ก็เป็นหนึ่งในนั้น

Table of Contents

หลายคนอาจจะถามว่า ทำไมคำด่าถึงมีส่วนช่วยในการเรียนและเข้าใจวัฒนธรรมของฝรั่งล่ะ?

ลองนึกถึงตอนเราดูหนังหรือซีรี่ย์ฝรั่งดูนะคะ ลองนึกตามว่าในหนังเรื่องนั้นตัวละครทุกตัวเค้าพูดจาไพเราะเพราะพริ้งกันตลอดเวลาเลยหรือเปล่า แล้วลองนึกถึงตัวเราเองว่าโดยปกติเราพูดใช้คำสุภาพตลอดเลยหรือเปล่าแม้แต่ตอนอยู่กับเพื่อน พอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยคะ บางครั้งในการพูดปกติของคนเราก็ต้องมีการด่า การสบถบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อเพิ่มอรรถรสในบทสนทนา

งั้นไม่ต้องรอช้า มาเริ่มจากคำเนื้อหาเบาๆใสๆ ไม่มีอะไรมาก แล้วค่อยเพิ่มระดับกันขึ้นไปเรื่อยๆกันดีกว่านะคะ

swear words

คำด่าภาษาอังกฤษ

Damn (แดม) 

คำนี้ได้ยินบ่อยกันเลยใช่มั้ยคะ เอะอะก็ damn เอะอะก็ damn กันอยู่นั่นแหละ เจอหลายที่ด้วย ในพจนานุกรมจะบอกว่าคำนี้เทียบเท่าคำว่า “ให้ตายเถอะ” แต่ในหลายบริบทคำนี้ก็ให้ความหมายที่ต่างออกไป สรุปมันแปลว่าอะไรกันแน่นะ

1) คำสบถที่แสดงความเจ็บปวด ความเศร้า หรือความโกรธ

เช่น God dammit / damn / dammit  (ประมาณว่า โอ้ย! โธ่เว้ย! ให้ตายสิ! อันนี้พอพูดแล้วจะเหมือนเจ้าของภาษาเพิ่มขึ้นอีกนิด)

2) แสดงความผิดหวัง หรือหัวเสียกับการกระทำของคนอื่น

เช่น A: Hey man, I lost your phone. ( แกชั้นทำมือถือแกหายอ่ะ)
B: Damn you!  (โธ่ไอ้บ้าเอ๊ย! หรือ ให้ตายสิ)

3) ใช้แสดงความรู้สึกว่าบางสิ่งสุดยอด ตื่นตาตื่นใจ

เช่น A: Whoa, check out the sunrise! (ว้าว ดูพระอาทิตย์ขึ้นนั่นสิ)
B: Damn! (ถ้าเทียบกับภาษาไทยคงเหมือนคำว่า โอ้วจอร์ช มันยอดมากกก)

4) ใช้แสดงความผิดหวังหรือท้อใจ

เช่น A: I can’t find my key ( ฉันหากุญแจฉันไม่เจออ่ะแก)
B: Damn… (ความหมายในบริบทนี้จะประมาณว่า โธ่เอ้ย แล้วตามด้วยเสียงถอนหายใจพรืดอย่างหนักใจ เอาอีกแล้วแกทำหายอีกแล้ว!)

5) ใช้แสดงความรู้สึกว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเท่าไหร่

เช่น A: Hey, what do you want for dinner? (นี่ เย็นนี้แกอยากกินอะไรอ่ะ)
B: I don’t give a damn. (ความหมายในที่นี้จะเหมือนคำว่า อะไรก็ได้ หามาเหอะ กินหมด)

6) ใช้เพื่อให้ความรู้สึกเชิงลบกับบางสิ่ง

เช่น That damn teacher gave us a ton of homework. (ไอ้ครูคนนั้นนี่สั่งการบ้านเยอะเกินไปแล้วนะ!)

Hell (เฮล)

ถ้าเปิดพจนานุกรมความหมายตรงตัวคำนี้คือ นรก แดนอเวจีที่ร้อนระอุ มีต้นงิ้ว มีคนทำผิดโดนลงโทษอยู่ แหม คำอะไรช่างเหมาะแก่การนำมาสาปแช่งซะเหลือเกิน ลองมาดูกันนะคะว่าคำนี้เค้าสามารถมีความหมายในเชิงไหนได้บ้า

1) ใช้สื่อความหมายว่าเหตุการณ์บางอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

เช่น A: Hey man, do you think Yaya will go out with me?
(เฮ้ย แกว่าน้องญาญ่าเค้าจะยอมไปเที่ยวกับฉันป่ะวะ)
B: Yeah, when hell freezes over.
(แปลตรงตัวคือ น้องเค้าไปแน่ ตอนนรกจะกลายเป็นน้ำแข็งอะนะ หรือพูดง่ายๆคือ ฝันไปเหอะเอ็ง โอกาสเป็นศูนย์ถึงติดลบ)

2) ใช้แสดงความโกรธ

เช่น A: I want to break up with you. (ฉันเลิกกับเธอ)
B: Go to hell. (ค่ะ ตรงตัวเลยก็คือ ไปลงนรกซะ หรือไปตายซะนั่นเอง )

3) ใช้บอกว่าไม่ใช่สิ่งสำคัญ

เช่น A: I can’t find a condom. (ฉันหาถุงยางไม่เจอ)
B: To hell with it! (จากบริบทนี้ก็เหมือนกับคำว่า ช่างแ-่งเถอะน่า ในภาษาไทย เหตุการณ์คับขันแบบนี้ก็ช่างมันเหอะ)

4) ใช้ในการตอบคำถามพวก Yes/No question

เช่น A: Do you want to come to Yoga class on Sunday? (เธอๆ มาเรียนโยคะวันอาทิตย์ด้วยกันปะ)
B: Hell yeah! (จัดไป!) / Hell no! (ไม่อ๊าววว!)

Ass (แอสฺ)

ความหมายตรงตัวคือ ก้น พบเห็นบ่อยๆก็ asshole มักจะใช้อธิบายคนๆหนึ่งในทางไม่ดีเท่าไหร่ (แหงล่ะ)

1) ใช้ด่าคนว่าโง่

เช่น A: Did you see Johnny pick his nose on TV? (นายเห็นที่จอนนี่แคะขี้มูกตอนออกทีวีมั้ย)
B: Yeah, he made an ass out of himself. (เออสิ เขาทำให้ตัวเองให้ดูโง่ไปเลย)

2) ใช้บอกว่าคนๆหนึ่งมีนิสัยแย่ หรือเลวร้ายมาก

เช่น A: That dude just knocked my paper out of my hands and didn’t stop to help or even apologize. (ไอ้หมอนั่นชนฉันจนงานหล่นหมด และไม่ช่วยเก็บหรือขอโทษด้วยซ้ำ)
B: What an ass(hole).  (ประมาณว่า ไอ้บ้านี่! / โคตรเลว! หรืออาจหยาบกว่านั้นอีกหนึ่งสเต็ป)

3) ใช้บอกจำนวนที่มาก หรือเยอะ มีค่าเท่ากับคำว่า โคตรเยอะ

เช่น There was an ass load of parent there last night. (เมื่อคืนมีผู้ปกครองมาที่นั่นโคตรเยอะ)

4) อีกวิธีในการชมว่าเจ๋ง

เช่น That movie was bad ass. (หนังเรื่องนั้นโคตรเจ๋งเลย)

5) ใช้ตอบโต้คนที่อยากได้บางสิ่งจากเราแต่เราไม่อยากให้

เช่น A: Hey you! Get back here. (เฮ้ยแก! กลับมานี่นะ)
B: Kiss my ass (ไม่ได้แปลว่าให้ “มาจูบก้นฉันสิ” นะคะ แต่เป็นลักษณะของการท้าทายมากกว่า อารมณ์เหมือน “ไม่เว้ย” หรือ “ไม่มีวันซะหรอก”)

6) ใช้เพื่อขยายคำวิเศษณ์ (Adjective) ต่างๆ ให้ดูรุนแรงหรือให้ความรู้สึกมากขึ้น

เช่น Dude, check out those hot ass bitches!” (เฮ้พวก ดูสาวๆสุดฮอตพวกนั้นสิ)
Damn, look at those ugly ass teeth! (ให้ตายเถอะ ดูฟันมันสิ โคตรน่าเกลียดเลย)
Get ready for this hard ass test! (เตรียมพร้อมทำข้อสอบบรมโคตรยากนี้ซะ)

Piss (พิซฺ)

เป็นคำหยาบของคำว่า ฉี่ (Pee / Urine)

1) ใช้แสดงความโกรธ

เช่น I’m pissed off! (ฉันโกรธแล้วนะเว้ยยย)

2) ใช้แทนคำว่าเมา (drunk) แต่นิยมใช้กันในอังกฤษ อเมริกาไม่ใช้คำนี้

เช่น He was pissed last night. (เมื่อคืนเขาโคตรเมาเลย)

3) ใช้สำหรับการขับไล่ไสส่งเมื่ออยากอยู่คนเดียวอย่างหยาบ

เช่น A: Hey, you want some help? (เฮ้ยแก มีอะไรให้ช่วยมั้ย)
B: Piss off. (ไปไกลๆเลยปะ หรืออย่างหยาบก็คือไสหัวไปเลย)

4) เป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อบอกว่าฝนตกขนาดไหน

เช่น It’s pissing down rain. (ฝนตกหนักมาก)

Bitch (บิทชฺ)

คำนี้มักเป็นคำด่าที่ใช้กับเพศหญิงเป็นส่วนใหญ่ อาจบอกว่าเทียบเท่าคำว่า อี แบบ อีนั่น อีนี่ ความหยาบระดับสูงพอสมควรเลยค่ะ

1) ไว้ด่า

เช่น A: These pants are too big, mosquitoes keep biting me. I don’t like this place. (กางเกงตัวนี้ใหญ่ไป ยุงก็คอยแต่จะกัดฉัน ฉันไม่ชอบที่นี่เลย)
B: Hey, stop your bitching  (นี่ หยุดบ่นได้แล้วดีออก!)

2) อาจหมายถึงการบ่น

เช่น My wife just bitched me out over the phone. (เมียฉัยเพิ่งจะบ่นฉันผ่านโทรศัพท์เมื่อกี้นี้เอง)

3) ใช้บอกว่าเจ๋ง หรือ สนุก

เช่น Dude, the party was bitching last night! (งานปาร์ตี้เมื่อคืนโคตรมันส์เลย!)

4) เอาไว้ใช้ตอบกลับความเห็นโง่ๆ

เช่น A: Give me $20. (เอาเงินมาให้ฉัน 20 ดอลลาร์หน่อย)
B: Bitch please. (บริบทนี้ก็จะเป็นเชิงบอกว่า จะบ้าเหรอ ฝันไปเถอะแก)

5) หมายถึงที่นั่งตรงกลางของเบาะรถ

เช่น Hey Jim, you’ve got to ride bitch because you’re the smallest.  (จิม แกต้องนั่งตรงกลางนะเพราะแกตัวเล็กสุด)

6) หมายถึงการตบด้วยหลังมือ

เช่น Did you see that? She just got bitch slapped! (แกเห็นมั้ย ยัยนั่นเพิ่งโดนตบด้วยหลังมือไปน่ะ)

Cock (ค็อก) / Dick (ดิ้กคฺ) 

คำว่า cock มีอีกความหมายคือไก่ตัวผู้ แต่ที่แน่ๆส่วนใหญ่คนทั่วไปเค้าไม่ได้เข้าใจกันอย่างนั้นหรอกค่ะ เมื่อได้ยินสองคำนี้ ความหมายตรงๆคืออวัยวะเพศชายค่ะ คือถ้าโดนด่าคำนี้ก็คงไม่น่าอภิรมย์แน่ๆ แต่ที่เอามาใช้ก็มีในหลายบริบทเหมือนกัน

1) ใช้ในกรณีที่ผู้ชายถูกฝ่ายหญิงปฏิเสธหรือตัดโอกาสในการที่จะไปเที่ยวด้วยกัน

เช่น A: Dude, that girl just grabbed her friend and took her away. (เฮ้ยเพื่อน ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะมาดึงมือเพื่อนเธอแล้วพาออกเอง)
B: What a cock block. (ในบริบทนี้จะหมายถึงว่า อดแอ้มแล้วล่ะแก)

2) ใช้อธิบายคนนิสัยเสีย หรือเห็นแก่ตัว

เช่น That dick took up two parking spots. (ไอ้บ้านั่นเอาที่จอดรถไปสองที่เลย ดูมันสิ อันนี้คือระดับความหยาบแบบน่ารัก ของจริงมันหยาบมากกว่านี้อีกนะคะ)

Moron (โมรอน)

คำนี้ถ้าแปลตรงตัวคือคนโง่หรือ stupid นั่นแหละ แต่เราจะเอาไว้ใช้ด่าพวกไม่รู้จักกาลเทศะ ชอบทำอะไรงี่เง่าในเวลาที่ไม่เหมาะสมก็ได้ค่ะ

เช่น A: Did you see that guy talking on the phone? This is a funeral for God’s sake! (เห็นไอ้หมอนั่นคุยโทรศัพท์เปล่า กลางงานศพนะเนี่ยให้ตายเถอะ)
B: Yeah…he’s a moron! (เออจริง โคตรงี่เง่าเลยว่ะ)

Shit (ชิทฺ)

ความหมายตรงตัวเลยก็คือ อุจจาระ หรือมูลเสียต่างๆ เป็นอีกหนึ่งคำที่ใช้กันบ่อยและมีความหมายที่หลากหลาย ประกอบกับคำหลายๆคำให้อารมณ์ได้ดี

1) อาจใช้อธิบายได้ทั้งแย่มาก และเยี่ยมมาก

เช่น That movie was shit. (หนังเรื่องนั้นโคตรห่วยเลย)
That movie was the shit (หนังเรื่องนั้นโคตรดี)

เพียงแค่เติม the ความหมายก็กลายเป็นคนละเรื่อง ชีวิตเปลี่ยนเลย

2) เป็นคำอุทานในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หรือ ไม่อยากให้เกิดขึ้น

เช่น Holy shit! (เฮ้ยยย!)

3) หมายถึงการเมาหัวราน้ำ

เช่น A: You seemed pretty drunk last night… (แกดูเมามากเลยนะเมื่อคืนนี้)
B: Yeah, I was totally shit-faced. (ก็ใช่ เมื่อคืนฉันโคตรเมาเลย)

4) ใช้แทนคำว่า ไม่ ในแบบที่ค่อนข้างหยาบคาย

เช่น A: Excuse me sir, would you mind filling out a quick survey? (ขอโทษทีครับ คุณช่วยกรุณาตอบแบบสอบถามของเราหน่อยได้ไหมครับ)
B: Eat shit!  (อันนี้ไม่ได้ไล่ให้ไปทานอุจจาระใคร แต่เป็นลักษณะของการบอกว่าไม่เว้ย แบบหยาบสุดๆ)

5) ใช้พูดถึงความซวย

เช่น A: Oh no, my cell phone died! (โอไม่นะ มือถือฉันพัง)
B: Damn, you’re shit out of luck!  (ให้ตายสิ แกนี่โคตรซวยจริงๆ)

6) ใช้ด่าคนที่โง่

เช่น Hey dumb shit / Shit brains! (โดยรวมคือหมายถึงด่าว่าไอ้โง่ หรือไอ้หน้าโง่)

7) อาจหมายถึงการใจเย็นและพยายามมองข้ามปัญหาให้ได้

เช่น Stop crying, man. Get your shit together. (หยุดร้องไห้ได้แล้วเพื่อน ปล่อยๆมันไปเถอะ)

8) ใช้พูดแทนบางสิ่งบางอย่าง

เช่น I ain’t got time for this shit! (ฉันไม่มีเวลากับอะไรพวกนี้หรอกนะ)

9) ใช้แสดงออกว่าไม่น่าเชื่อถือ หรือไร้สาระ

เช่น A: I have three girlfriends. (ฉันมีแฟนสามคนเชียวนะ)
B:Bullshit! (ไร้สาระน่า อย่ามาโกหก)

10) ใช้แทนเรื่องทั่วๆไป หรือสิ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไร

เช่น A: What were you guys talking about? (เมื่อกี้พวกนายพูดเรื่องอะไรกันน่ะ)
B: Oh, we were just shooting the shit. (อ๋อ เราก็พูดอะไรกันเรื่อยเปื่อยน่ะ)

11) หมายถึง ปัญหาใหญ่

เช่น A: The cops are coming! (เฮ้ย ตำรวจมา)
B: Damn, we’re in deep shit. (ให้ตายเหอะ เรากำลังจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว ซวยแล้วอย่านี้ก็สามารถแปลได้)

12) มีความหมายว่าเลวร้ายมาก

เช่น A: Have you tried my cake? (เธอลองกินเค้กของฉันหรือยัง)
B: Yeah, it tastes like shit. (ลองแล้ว รสชาติแย่มากก)

13) ใช้เน้นคำว่า มากมาย

เช่น I got a shit ton of work done today. (วันนี้ฉันทำงานเสร็จไปเยอะมาก คำว่า ton นี่ก็มีความหมายว่าเยอะอยู่แล้ว พอเติมคำว่า shit เข้าไปก็จะดูมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยค่ะ)

Cunt (คันทฺ) / Pussy (พุซซี่)

สองคำนี้เป็นคำหยาบ มีความหมายเกี่ยวกับอวัยวะเพศหญิง และนอกจากนี้แล้วคำว่า pussy ยังแปลว่า คนปอดแหก หรือ คนขี้กลัวได้อีกด้วยนะ

เช่น He screamed like a girl when he saw that snake. What a pussy. (พอเห็นงูปุ๊บไอ้นี่ร้องเสียงหลงเลย โคตรขี้ป๊อดอะ)

แต่ใน Australia จะเป็นคนละเรื่องกัน เพราะคำนี้ก็สามารถเอามาอธิบายสิ่งที่มีขนฟูและอ่อนนุ่มได้
เช่น pussy cat ก็จะแปลว่าเจ้าแมวขนฟู

และแล้วก็มาถึงคำสุดท้าย…

Fuck (ฟัคฺ)

คำนี้ความหมายตามพจนานุกรมคือการมีเพศสัมพันธ์ แต่มักนำมาใช้ในคำอุทานทั่วไป  หรือเอามาขยาย หรืออธิบายแทบจะทุกสิ่ง มักจะเจอคำนี้เป็นทั้งคำขยาย หรือทำตัวมันเองให้เป็น adjective, adverb, adverb ที่ขยาย adjective, คำนาม, เป็นส่วนหนึ่งของคำๆหนึ่ง พูดง่ายๆคือเป็นได้ทุกอย่างที่เราต้องการในประโยค โห คำบ้าอะไรสารพัดนึกจริงๆ

เพียงเติมคำว่า fuck เข้าไปทุกอย่างจะดูมีอารมณ์ ความรู้สึกรุนแรง ทั้งในทางดีและเลวขึ้นมาทันที

เช่น I fucking hate you. (ฉันโคตรจะเกลียดเธอเลย)
I fucking love you. (ฉันโคตรจะรักเธอเลย)
I don’t give a fuck about your problem (ฉันไม่แยแสเกี่ยวกับปัญหาของแกทั้งสิ้น เรื่องของแกป่ะวะ)
What the fuck? (อะไรวะเนี่ย)
I guess I’m totally fucked now. (ฉันคิดว่าฉันเจอปัญหาใหญ่แล้วว่ะ)

ประโยคพวกนี้ความหมายต่างกันสุดขั้ว แต่ล้วนแล้วแต่เอาคำว่า fuck เข้ามาเป็นส่วนประกอบให้รูสึกถึงความรู้สึกสุดโต่งทั้งชอบ เกลียด เป็นปัญหา ห่วงใย กังวล หรืออะไรก็ตาม

การเรียน “คำด่าภาษาอังกฤษ” ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องว่าเรียนเพื่อนำไปใช้ด่าใคร แต่เพื่อทำให้การพูดของเราดูธรรมชาติหรือเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น เหมือนที่เราเห็นในซีรีย์ฝรั่งที่เค้ามักจะใช้คำเหล่านี้เสมอในการพูดคุยกัน และเรียนเพื่อรู้ไว้ว่าไอ้ที่เราได้ยินเนี่ย เค้าด่าเราจริงๆ หรือมันมีความหมายบางอย่างที่เราไม่รู้แฝงอยู่ อย่างที่บอก ทุกอย่างต้องดูบริบทโดยรวมด้วยนะคะ

การเรียนรู้คำเหล่า จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพูดภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่คำพวกนี้ไม่ใช่ว่าเอาไว้ใช้ได้ทั่วไป คงไม่มีใครพูดคำหยาบกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก หรือเวลานำเสนองานในที่ประชุมหรอก รู้ไว้เอาไปใช้ได้บ้างแต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย เพราะใช้ไปนานๆก็จะพูดกันติดปาก สร้างบุคลิกที่ไม่ดีต่อสายตาคนอื่นที่มองเรานะคะ ทางที่ดีเก็บไว้พูดกับเพื่อนสนิทจริงๆก็พอเนาะ ^ ^

[NEW] เทคนิคเขียนภาษาอังกฤษ ให้เป๊ะเหมือนฝรั่งเขียนเอง!(ไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ทำได้) | อย่า เยอะ ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

พูดถึงการเขียน แม้จะเป็นภาษาไทย ก็ยากแล้วสำหรับหลายๆ คน และถ้าอยู่ดันในสถานการณ์ที่ต้อง เขียนภาษาอังกฤษ ล่ะ เราจะทำยังไงดีนะ? 

ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์นี้และรู้สึกไม่มั่นใจกับการเขียน วันนี้เรามีตัวช่วยดีๆ มาฝากกันค่ะ

ไม่ว่าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เขียน Essay เขียนเรียงความ เขียนบทความ เขียนอีเมล เขียนจดหมาย เขียน Landing Page เขียนขายของ เรามี Tips ดีๆ มาฝากที่สามารถประยุกต์ได้หลากหลายค่ะ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวซักนิดนึงนะคะ ตัวเรานั้นเรียนโรงเรียนไทยมาทั้งชีวิต และยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเรียนหรือใช้ชีวิตในต่างประเทศนานๆ มาก่อน แต่เพราะมีสิ่งที่อยากทำหลายอย่าง ที่ผ่านมาเคยทำโปรเจกต์ร่วมกับชาวต่างชาติ เขียนข่าว เขียนบทความภาษาอังกฤษ และล่าสุดก็ได้ร่วมก่อตั้ง Justoneclub.com เป็นเว็บไซต์ที่ขายสินค้าสำหรับคนที่รักการพัฒนาตัวเอง และตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าในหลากหลายประเทศทั่วโลก

ที่สำคัญคือไม่ยากอย่างที่คิด เพราะสมัยนี้มีเครื่องมือและเทคโนโลยีมากมาย ส่วนใหญ่เริ่มต้นใช้งานได้ฟรีด้วยค่ะ บทความนี้จะเน้นแนะนำเครื่องมือสำคัญๆ ที่มีประโยชน์ น่าเชื่อถือ ใช้แล้วช่วยเราได้เยอะมากๆ

แนะนำเครื่องมือช่วยเขียนภาษาอังกฤษ

เครื่องมือช่วยตรวจเช็คแกรมม่าและการสะกดคำ

Grammar หรือ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คนไทยเรียนมากันเยอะที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเขียนได้อย่าง Perfect หมดจดไม่มีที่ติ บางครั้งเราทราบแต่ก็อาจจะเผลอสะกดผิดบ้าง เช่น ลืมเติม s ต่อท้าย verb

Grammarly ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีเวอร์ชันใช้งานฟรี และรองรับการใช้งานบนหลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชัน..

  • Native app บนเครื่อง Mac

  • Add-in สำหรับโปรแกรม Microsoft Office บน Windows

  • Web application สามารถใช้งานได้เลยบนเว็บบราวเซอร์ ไม่จำกัด OS

หน้าตาของโปรแกรมจะเป็นดังภาพนี้

เขียนภาษาอังกฤษ เช็คแกรมมาร์ grammarly

Grammarly มันสามารถช่วยเช็คแกรมมาร์ให้เรา พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขให้ เราสามารถเขียนเอกสารในโปรแกรม หรือจะ Import ไฟล์ Word (.docx) เข้าไปก็ได้ แล้วมันก็จะช่วยเช็คให้ว่าเราพลาดตรงไหนบ้าง พร้อมบอกเราว่าต้องปรับยังไง รูปด้านล่างคือตัวอย่างผลลัพธ์หลังจากที่เราอัปโหลดไฟล์ Press Release ที่เราเคยเขียนใน Microsoft Word เข้าไป

use-grammarly-for-techsauce-press-release

ตามรูปคือ มันช่วยบอกเราว่าเรามีจุดที่ลืมเติม s อยู่ และมีจุดที่ลืมเติมคำนำหน้า ในที่นี้โปรแกรมช่วยแนะนำให้ด้วยว่า ควรใช้คำว่า the

นอกจากการแปะข้อความ หรืออัปโหลดไฟล์แล้ว อีกเรื่องสำคัญที่อยากชี้คือ Grammarly ยังมีเวอร์ชัน Google Chrome Extension และ Firefox Add-on ด้วยนะ ซึ่งความหมายคือ มันจะช่วยเช็คแกรมมาร์ให้ทุกๆ การพิมพ์ของเราเวลาเราเล่นอินเทอร์เน็ตเลย!

ตัวอย่างนี้คือการติดตั้งบน Chrome และกำลังเปิดหน้าอีเมลเอาไว้อยู่ มันจะถามเราว่าอยากให้เช็คข้อความในอีเมลไหม? นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเหมือน Dictionary อังกฤษ-อังกฤษ ช่วยแสดงผล Definition และ Synonym ในตัวได้อีกด้วย

grammarly-on-browser

 

Shifu แนะนำ

การติดตั้งบน Browser นั้นสะดวกมากๆ เพราะแปลว่าไม่ว่าจะเป็นอีเมล เขียนสเตตัสเฟซบุ๊ก

เขียนบล็อก

บน

WordPress

มันก็จะตามอ่านและให้คำแนะนำกับเรา แน่นอนว่ามันสะดวกมาก แต่ก็อาจจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวของข้อมูลไปบ้าง แม้ใน Policy จะระบุว่าเขาจะไม่แชร์ข้อมูลให้ปาร์ตี้ที่สามก็ตาม แต่ตัวโปรแกรมเอง ก็มีการเก็บข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ เพื่อการปรับปรุง Product อันนี้ก็แล้วแต่ทางผู้ใช้จะลองพิจารณาดูค่ะ

เครื่องมือช่วยเช็คความอ่านง่ายของการเขียน

บางทีเรื่องที่คนกังวลอาจจะไม่ใช่เรื่องของ Grammar แต่อาจจะเป็นเรื่องการสื่อสารให้ตรงประเด็น ถ้าคุณเขียนแล้วประโยคออกมางงๆ เช่น รูปประโยคซับซ้อนเกินไป เครื่องมืออีกตัวที่คุณใช้ช่วยได้คือ Hemingway สามารถใช้งานได้เลยในเว็บไซต์ หรือจะโหลด Desktop App ก็ได้

ภาพด้านล่างนี้สาธิตการใช้งาน Hemingway มันสามารถไฮไลท์บอกได้ว่าการเรียบเรียงให้ง่ายต่อการอ่าน (Readability) ของข้อความของเรานั้น ทำได้ดีแค่ไหน รวมถึงช่วยไฮไลท์จุดที่คุณควรลองดูเพื่อปรับให้มันง่ายขึ้น โดยเฉพาะประโยคที่ได้รับไฮไลต์สีเหลืองและสีแดง คือประโยคที่ค่อนข้างเป็นรูปประโยคที่ซับซ้อน 

เครื่องมือนี้จึงค่อนข้างเหมาะกับงานเขียนบทความออนไลน์ในภาษาอังกฤษทั่วๆ ไป ซึ่งความง่ายในการอ่านเป็นเรื่องสำคัญ มากกว่าความสวยหรูของประโยค แต่เราอยากบอกว่า ไม่ต้องถึงกับยึดตามคำแนะนำมากก็ได้ เพราะมันจะแนะนำให้เราไม่ใส่ Adverb หรือ Passive voice เยอะเกินไป (ซึ่งเขาถือว่ามันทำให้ประโยคซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วสองอย่างนี้ก็มีประโยชน์มากในการแต่งประโยค) โดยส่วนตัวเรามองว่าเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับใช้ช่วยเช็คคร่าวๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

คิดชื่อเรื่องบทความภาษาอังกฤษดีๆ ไม่ออก

“ชื่อดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” พวกเราได้เคยเขียนแนะนำการตั้งชื่อบทความไปตั้งแต่บล็อกแรกๆ การตั้งชื่อสำคัญมากเพราะมันเป็นสิ่งแรกที่คนเห็น แต่ก็ยากไม่ใช่เล่นเลย แล้วทีนี้ถ้าเราต้องเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษล่ะ ถามว่ามีอะไรที่พอเข้ามาช่วยเราได้บ้างไหม ข่าวดีคือมีค่ะ และลิงก์เหล่านี้คือเครื่องมือที่สามารถใช้ช่วยได้

Shifu แนะนำ

อันที่จริงแล้วเครื่องมือเหล่านี้ทำขึ้นเพื่อช่วยนักเขียนที่เริ่มคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรดี ไว้ใช้หาไอเดียในการเขียนบล็อกได้ ซึ่งคุณผู้อ่านเองก็สามารถใช้ในการหาไอเดียได้เช่นกัน แถมเมื่อได้ไอเดียแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังช่วยให้ได้เห็นไกด์ไลน์ หรือสไตล์การตั้งชื่อบทความ ที่นักเขียนสากลนิยมใช้อีกด้วย

บทความภาษาอังกฤษ

ภาพด้านบนนี้แสดงตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จาก HubSpot‘s Blog Topic Generator เมื่อขอไอเดียในการเขียนเรื่อง Inbound Marketing หรือ Blogging ก็จะเห็นสไตล์การตั้งชื่อบทความภาษาอังกฤษ ว่านิยมเขียน Copywriting กันในรูปแบบไหน

ช่วยเขียน Rewrite หรือ Paraphrase เพื่อให้สละสลวยขึ้น

หลายๆ ครั้ง ความยากในการสื่อสารไม่ใช่เรื่องความถูกผิดของภาษา แต่เป็นเรื่องระดับภาษา ว่าที่เขียนมามันสละสลวยไหม ภาษาออกมาเป็นโทนที่เราต้องการสื่อสารหรือเปล่า โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ถูก หรือ ผิด เยอะเลยค่ะ

โชคดีที่ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยี AI ช่วยเขียนคอนเทนต์ภาษาอังกฤษ ออกมาเป็น Products ให้เราเลือกใช้ ซึ่งเจ้า AI เหล่านี้สามารถช่วยแนะนำการเขียนให้กับเราได้ค่ะโดยตัวที่อยากจะขอแนะนำ มีชื่อว่า Quillbot เป็นอีกตัวที่สามารถเริ่มต้นใช้ได้เลยฟรี

จากหน้าจอเมนู Paraphraser นี้ จะเห็นว่าเราสามารถเลือก Mode การเขียนได้แบบ เช่น โหมดแบบครีเอทีฟ โหมด Formal (เป็นทางการ) โหมดเขียนให้สั้นเอง (เดิมเขียนยาวไป อยากย่อ) โหมดเขียนยาวๆ (เดิมเขียนสั้นไป อยากขยาย) เป็นต้น

ช่วยแนะนำการเขียนตามวัตถุประสงค์

อีกหนึ่งความโหดของ AI Content Writer ในปัจจุบัน คือการพัฒนาให้ช่วยแนะนำการเขียนตามวัตถุประสงค์ได้ ซึ่งเดี๋ยวเราจะนำมารีวิวให้ดู พร้อมๆ กับแชร์เทคนิคการเขียนตามวัตถุประสงค์ต่างๆ ในหัวข้อถัดไปให้ด้วยค่ะ

แชร์เทคนิคการเขียนภาษาอังกฤษ

เครื่องมือส่วนใหญ่ที่ได้แนะนำไป สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลายรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็มีเครื่องมือแบบเฉพาะกิจด้วย  และนอกจากเรื่องเครื่องมือแล้ว ความจริงการรู้จักและเข้าใจ “หลักการสื่อสาร” ที่เหมาะสมกับรูปแบบนั้นๆ คืออีกหัวใจที่สำคัญไม่แพ้เรื่องทักษะด้านภาษาโดยตรงค่ะ

เขียนเมลภาษาอังกฤษ

ปัจจุบัน Email provider ต่างๆ เริ่มมีฟังก์ชัน Quick reply หรือฟังก์ชันแนะนำการเขียนมาให้ใช้งาน ถ้าใครใช้ Gmail อยู่ จะพบว่าเมื่อเราเริ่มพิมพ์ลงไป มันจะสามารถแนะนำคำหรือประโยคที่เป็นที่นิยมเขียนมาให้ด้วย (เรียกว่า Smart compose feedback) หลังจากที่ลองใช้มาสักระยะ คิดว่า AI นี้ของ Gmail เก่งใช้ได้เลยค่ะ แนะนำภาษามาได้ตรงกับรูปแบบภาษาที่นิยมใช้เขียนในอีเมลกัน

อย่างเช่นช่วงที่ขึ้นต้นประโยคแรกๆ ในอีเมล คนนิยมเขียนเพื่อตอบรับอีกฝ่าย เช่น ในที่นี้เขาแนะนำมาเป็น It’s good to hear from you.

หรือช่วงปิดท้ายอีเมล เมื่อมีคำว่า Look ขึ้นประโยคมา Gmail ก็เดาทางต่อว่าเราน่าจะอยากเขียนประโยคนี้

โดยรวมแล้วจึงทำให้การเขียนอีเมลง่ายและเร็วขึ้นค่ะ โดยปกติจะเราเองก็จะเขียนใน Gmail ลงไปเลย และตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย Grammarly ต่ออีกหน่อย

Shifu แนะนำ

ความจริง Gmail มีฟีเจอร์ Check spelling ด้วยค่ะ ถ้าเข้าบน Desktop จะอยู่ในเมนูสามจุดด้านซ้ายล่าง ได้ลองใช้แล้ว พบว่าสามารถตรวจสอบการเขียนผิดได้เบื้องต้น แต่ยังตรวจได้ละเอียดไม่เท่า Grammarly เช่น การเช็คว่าคำนามนี้ ต้องต่อท้ายด้วย s หรือไม่ต้อง ด้วย ed หรือไม่ต้อง

อีกเรื่องที่อยากแนะนำเพิ่มเติมคือ แม้โปรแกรมต่างๆ จะช่วยเช็คและแนะนำได้เบื้องต้น แต่การเขียน Effective email นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เขียนจะต้องเรียนรู้ตัวอย่างดีๆ เพิ่มเติมกันต่อด้วยนะคะ โดยปกติแล้วอีเมลควรเขียนด้วยรูปประโยคที่อ่านเข้าใจง่าย ไม่ต้องใช้ Complex sentence (ซึ่งใช้ Hemingway ช่วยดูได้ค่ะว่า Complex เกินไปหรือเปล่า) อีเมลควรชัดเจนว่าอยากบอกอะไร Next step คืออะไร เป็นต้น

การเขียนบทความภาษาอังกฤษ

จริงอยู่ที่ AI Content Writer เหล่านี้รองรับความสามารถในการเขียนบทความแล้ว โดยสามารถนำเสนอได้ถึงระดับไอเดียหัวข้อบทความ รวมไปถึง Outline ก็ทำได้โอเคเลย อย่างในเคสนี้คือเราแค่ใส่ประเด็นลงไปว่า ‘English Writing’ โปรแกรมก็แนะนำชื่อบทความและ Outline มาเสร็จสรรพ

ทั้งนี้ เราไม่แนะนำวิธีนี้เท่าไรนะคะ เราคิดว่าดูเป็นไอเดียได้ แต่คนเขียนควรจะเป็น Leader ที่กำหนดทิศทางด้วยตัวเอง โดยปกติเราจะเขียนบทความขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้วใช้โปรแกรมในการช่วยตรวจสอบ ช่วย Paraphrase บางประโยค

อีกเรื่องคือ บางคนชอบเขียนบทความเป็นภาษาไทยแล้วเอาไปแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย Google Translate จากนั้นก็อาจจะใช้โปรแกรม Paraphrase ต่อ วิธีนี้ก็ทำได้ แต่โดยส่วนตัวยังเชียร์ให้คิดและเขียนด้วยตัวเองเป็นภาษาอังกฤษเลยแต่แรก จะดีที่สุดค่ะ

Shifu แนะนำ

ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในเรื่องการเขียนบทความ อาจเริ่มต้นฝึกเขียนบทความในภาษาที่ตัวเองถนัดก่อน และถ้าอยากเรียนรู้วิธีการและเทคนิคการเขียนบทความตั้งแต่มือใหม่จนฝึกเป็นมืออาชีพ ขอแนะนำ คอร์สเรียน Content Writing for Beginners คอร์สนี้ และ คอร์ส Digital Copywriting สำหรับการเขียนก็อปปี้ค่ะ

การเขียน Essay หรือเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ

สำหรับการเขียน Essay หรือ เรียงความ คำแนะนำจะไม่ต่างกับการเขียนบทความมากนัก แต่ขอให้บริบทเพิ่มเติมคือ ในการเขียนบทความเพื่อลงในบล็อกต่างๆ ความง่ายในการอ่านจะมีความสำคัญ ในขณะที่เรียงความหรือ Essay มักจะใช้ในเชิงวิชาการ เช่น เพื่อการสมัครเรียนต่อ อาจต้องการรูปประโยคที่สละสลวยและโชว์ความ Advanced English มากกว่า

ในบริบทที่เราเคยเขียน Essay จริงจังเพื่อสอบชิงทุน เราจะไม่ได้ใช้เพียงแค่ตัวเอง+AI Tools แต่จะขอรับ Feedback จากเพื่อนๆ คนอ่านและผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมด้วย

เขียน Copywriting หรือข้อความเพื่อการตลาด

ในบรรดา Use Case ทั้งหมด โดยส่วนตัวคิดว่าอันนี้ยากที่สุดสำหรับคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา เพราะ Copywriting เป็นเรื่องของการกระตุ้นความสนใจ ซึ่งความถูกต้องของภาษาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นคือความน่าสนใจ เรายังคงใช้หลักการเดียวกันกับการเขียน Digital Copywriting ภาษาไทย ตามที่เราเองก็เคยทำคอร์สเรียนสอน แต่สิ่งที่ทำเพิ่มก็คือมีการใช้ AI Writer ช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยเฉพาะใน Use Case ที่ต้องการนำไปใช้งานจริง

Shifu แนะนำ

โปรแกรมที่ชื่อ Writesonic เป็นตัวที่เราพบว่ามีฟีเจอร์เพื่อการเขียนขายของและเขียนเพื่อการตลาดเยอะดีค่ะ เลือกได้ว่าต้องการเขียนสำหรับ Channel ไหน เลือกได้ทั้ง Facebook Ads, Google Ads, LinkedIn Ads, Ecommerce Copy, YouTube Copy เป็นต้น

นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้คือการศึกษาดูงานต่างๆ เพราะก็อปปี้เป็นเรื่องของความครีเอทีฟ เราไม่ได้เชื่อใจโปรแกรมอย่างเดียว 100% แต่ Research ดูคนอื่นๆ ที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันว่าเขาเขียนกันประมาณไหน กลุ่มเป้าหมายของเราใกล้เคียงกันกับใคร เป็นต้น

เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม

ใจเย็นๆ ค่อยๆ ฝึกที่ละสไตล์

แม้ว่าเราจะเคยมีประสบการณ์เขียนบทความสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษก่อนหน้ามาบ้างแล้ว แต่เราก็ยังคงใช้เวลาปรับตัวไม่น้อยตอนเราเริ่มต้นเขียนบทสัมภาษณ์สไตล์แบบไม่เป็นทางการ เรายังไม่ชินกับแนว Lifestyle (สำหรับภาษาอังกฤษ) เพราะเดิมทีที่ประสบการณ์จากรั้วมหาวิทยาลัย จะเน้นสาย Acedemic writing มากกว่า ตอนนั้นเราจึงต้องปรับตัวนิดนึง อ่านบล็อกแนวไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ตอนที่ต้องเขียนแนว PR ก็เช่นกัน เราต้องเรียนรู้ใหม่เยอะมาก มันจะใช้เวลาหน่อย แต่ถ้าฝึกเรื่อยๆ คุณจะเก่งขึ้นจริงๆ นะ

ฝึกให้ครบ ฟัง พูด อ่าน เขียน ในชีวิตประจำวัน

ถึงแม้งานของเราจะเน้นที่การเขียนเป็นหลัก แต่เราก็ยังพบว่าการฝึกฟังและพูดนั้นมีส่วนช่วยด้วย หลักๆ แล้วมันช่วยให้เรา “คิดเป็นภาษาอังกฤษ” มากขึ้น นั่นเอง คอนเทนต์ที่ทำมาเพื่อการฟัง เพื่อการพูด การอ่าน การเขียน ก็มีความแตกต่างกันไป เพิ่มความหลากหลายของสไตล์เข้าไปในสมองมากยิ่งขึ้น

เริ่มต้นที่ไดอารี่สั้นๆ

จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนของเรา อันที่จริงแล้วมันคือสเตตัสบน Facebook นั่นเอง ซึ่งเราเขียนแบบกึ่งไดอารี่ เมื่อเราเปรียบเทียบสเตตัสเก่าๆ กับสเตตัสใหม่ๆ เราก็เห็นว่าตัวเองเขียนดีขึ้นจริงๆ  หากอยากฝึกภาษาอังกฤษก็สามารถลองเริ่มจากสเตตัสภาษาอังกฤษก็ได้นะ หรือจะเขียนเก็บไว้ดูเอง เป็นไดอารี่สั้นๆ ก็ได้ค่ะ Seth Godin ก็เป็นคนนึงที่เขียนบล็อกแล้วมีคนติดตามเยอะมาก แม้ว่าบล็อกของเขาจะเป็นสไตล์ไดอารี่สั้นๆ ก็ตาม

หาคนช่วยตรวจ

วิธีการจัดการกับความไม่มั่นใจที่ดีที่สุด คือการหาคนช่วยตรวจ ถ้าให้ดี ควรเป็นคนที่สามารถแลกเปลี่ยนกันและกันได้ คือ คุณขอเขาช่วยเล็กๆ น้อยๆ  และเขาก็ขอคุณช่วยบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ เช่นกัน

แต่ก่อนจะหาคนตรวจ ให้อากู๋ Google ช่วยตรวจให้ด้วยก็ได้ แทบทุกครั้งที่เขียน เรามักจะมีคำที่ไม่แน่ใจเรื่องวิธีการใช้ ซึ่งเราก็สามารถศึกษาการใช้คำเหล่านี้ก่อน โดยการเซิร์จอ่านเอาได้ อย่างเรื่อง Preposition มักจะเป็นเรื่องที่คนไทยใช้ผิดบ่อย เช่น Interested ต้องใช้คู่กับ in; I am interested in marketing ไม่ใช่ I am interested about marketing เป็นต้น

ทดสอบภาษาอังกฤษ

สำคัญคือต้อง ‘รู้’ ว่าตัวเอง ‘ไม่รู้’ อะไร

สำคัญสุดคือตัวคอนเทนต์

ภาษา คือเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสาร และเครื่องมือน้ันมีไว้ให้ใช้งาน ไม่ได้มีไว้ให้กลัว

ภาษาเป็นเครื่องมือนึง แต่สาระจริงๆ คือตัวคอนเทนต์ ครั้งหนึ่งเราจะเขียนบทความเกี่ยวกับซอฟแวร์สัญชาติญี่ปุ่นตัวหนึ่ง เราหาข้อมูลภาษาอังกฤษไม่ได้เลย จึงตัดสินใจหาเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วใช้ Google Translate ช่วยแปลเอา ผลลัพธ์การแปลอาจจะยังไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์เพอร์เฟกต์ แต่เมื่อเราได้อ่านแล้ว เราก็พึงพอใจกับเนื้อหา และพบว่าบทความนี้มีคุณค่ากับเรา ในการทำงานเองก็เหมือนกัน ถ้าเชื่อว่าตัวเองมีเนื้อหาที่ดี ก็ลงมือเลย ภาษาเดี๋ยวค่อยๆ พัฒนากันไปได้

สรุป

บทความนี้เราเขียนโดยแบ่งเป็นเคสการใช้งานหลักๆ ที่หลายๆ คนต้องเจอในการเขียนภาษาอังกฤษ โดยเน้นการแนะนำโปรแกรมต่างๆ รวมถึงแนะนำความคิดเห็นเพิ่มเติมจากประสบการณ์ส่วนตัว ยังไงก็ตาม การเรียนภาษาอังกฤษและฝึกเขียนฝึกใช้บ่อยๆ ยังคงเป็นพื้นฐานความรู้ที่สำคัญมากๆ ที่เราไม่อยากให้ละเลยกัน

หวังว่าบทความจะมีประโยชน์เพื่อให้คุณพร้อมลุยตลาด International ไปด้วยกันนะคะ 🙂

ตาคุณแล้ว

หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ขอให้คุณลองเริ่มต้นเขียนภาษาอังกฤษ เริ่มจาก Caption สเตตัสต่างๆ ไล่ไปสู่ไดอารี่ จนกระทั่งเขียนบทความภาษาอังกฤษได้ และอย่าลืมเข้าไปดูเครื่องมือต่างๆ ที่เราแนะนำและลองใช้ดูนะคะ

ใครที่ได้ลองเล่น ลองใช้ ลองทำตามแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ? นำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้หรือได้ลอง มาแชร์ความรู้ด้วยกันได้ที่คอมเมนต์ใต้บทความนี้เลยค่ะ 🙂

New call-to-action


อย่ามโน กุเรื่อง คิดไปเอง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

อย่ามโน กุเรื่อง คิดไปเอง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

เพลงเป็ด รวมเพลงเด็กฟัง ก้าบ ก้าบ ก้าบ – Thai Duck Song by KidsMeSong


ขอบคุณมากค่ะสำหรับการดูวิดีโอนี้และสำหรับการแชร์วิดีโอของช่องหนู
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่อง kids me songs |Please subscribe for new videos https://goo.gl/RXpPFZ
Mail ►► [email protected]
Facebook ►► https://www.facebook.com/KidsMeSong/
Instagram►► https://www.instagram.com/kidssongth/
twitter ►► https://twitter.com/KidssongTHAI
Line ►► kidssongth
รวมเพลง ก ไก่ ►► https://goo.gl/wIx4DS
เพลงเด็กพร้อมท่าเต้น ►► https://goo.gl/UqGBeq
รวมเพลงช้าง ►► https://goo.gl/QaP0lD
รวมเพลงเป็ด ►► https://goo.gl/dpFpuE
รวมเพลงลิง ►► https://goo.gl/CrzAt6
รวมเพลงเต่า ►► https://goo.gl/VCFjMj
รวมเพลงไก่ ►► https://goo.gl/4NLqaN
เรียนรู้ตัวเลข ►► https://goo.gl/G9LvY4
เพลงสูตรคูณ ►► https://goo.gl/LhJRqd
รวมเพลงเด็กอนุบาล ►► https://goo.gl/LTQauf
เพลงภาษาอังกฤษ ►► https://goo.gl/AOQ6RH
ปั้นแป้งโดว์ สนุกเสริมการเรียนรู้ ►► https://goo.gl/5rDSwm
เรียนรู้สี ►►https://goo.gl/f5osFA
ติดตามช่องอื่นๆของเรา
The kids song ►►https://goo.gl/mwQXzu
Happy kids thailand ►►https://goo.gl/tzlrAo
เพลงเป็ดอาบน้ำ
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอยปลาปู
ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดูเพราะในคูมี หอยปูปลา

เพลงเป็ด รวมเพลงเด็กฟัง ก้าบ ก้าบ ก้าบ -  Thai Duck Song by KidsMeSong

ฝึกแต่งประโยคสนุกๆกันค่า


มาทดสอบความรู้พื้นฐานไวยากรณ์กันจ้า

ฝึกแต่งประโยคสนุกๆกันค่า

ออกเสียงภาษาอังกฤษ: FILM อย่าลืม L ง่ายมากกว่าที่คิด


http://www.facebook.com/AlifSilpachai
http://www.twitter.com/AlifSilpachai

ออกเสียงภาษาอังกฤษ: FILM อย่าลืม L ง่ายมากกว่าที่คิด

SS61 – make sure ทำให้แน่ใจ / อย่าลืม – โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ


61. make sure ทำให้แน่ใจ / อย่าลืม…
โครงสร้างประโยค
Please + make sure + sub + verb1 + obj
ตัวอย่างประโยค 1
Please make sure you turn off the light.
อย่าลืมปิดไฟด้วยนะ
ตัวอย่างประโยค 2
Please make sure you tidy up your room.
อย่าลืมทำความสะอาดห้องด้วยนะ
สั่งซื้อหนังสือได้จากแอดมิน
@LINE ID = @EnglishbyChris
รับสอนตัวต่อตัว ติดต่อผมได้ที่
@LINE ID = @TeacherChris
WEBSITE
http://www.englishbychris.com/portfolioitems/ss61/
Facebook
ค้นหา = EnglishbyChris

SS61 - make sure ทำให้แน่ใจ / อย่าลืม - โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ อย่า เยอะ ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *