Skip to content
Home » [Update] มาดู 10 คำด่าภาษาอังกฤษ ถึงไม่ได้ใช้ก็ควรรู้เอาไว้ | เสียงถอนหายใจ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] มาดู 10 คำด่าภาษาอังกฤษ ถึงไม่ได้ใช้ก็ควรรู้เอาไว้ | เสียงถอนหายใจ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

เสียงถอนหายใจ ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ออกตัวก่อนเลยว่าหัวข้อที่เราจะนำเสนอในวันนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เอาไปด่าฝรั่ง หรือพูดจาดูถูกใครๆเค้านะคะ แต่อย่างว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้ดี มันไม่ใช่แค่เรื่องไวยากรณ์ถูกต้องแล้วจบ แต่เราต้องเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรม และบริบททั่วไปด้วยเพื่อเข้าใจภาษาอังกฤษและใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่ง “คำด่าภาษาอังกฤษ” ก็เป็นหนึ่งในนั้น

Table of Contents

หลายคนอาจจะถามว่า ทำไมคำด่าถึงมีส่วนช่วยในการเรียนและเข้าใจวัฒนธรรมของฝรั่งล่ะ?

ลองนึกถึงตอนเราดูหนังหรือซีรี่ย์ฝรั่งดูนะคะ ลองนึกตามว่าในหนังเรื่องนั้นตัวละครทุกตัวเค้าพูดจาไพเราะเพราะพริ้งกันตลอดเวลาเลยหรือเปล่า แล้วลองนึกถึงตัวเราเองว่าโดยปกติเราพูดใช้คำสุภาพตลอดเลยหรือเปล่าแม้แต่ตอนอยู่กับเพื่อน พอจะเข้าใจกันแล้วใช่มั้ยคะ บางครั้งในการพูดปกติของคนเราก็ต้องมีการด่า การสบถบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อเพิ่มอรรถรสในบทสนทนา

งั้นไม่ต้องรอช้า มาเริ่มจากคำเนื้อหาเบาๆใสๆ ไม่มีอะไรมาก แล้วค่อยเพิ่มระดับกันขึ้นไปเรื่อยๆกันดีกว่านะคะ

swear words

คำด่าภาษาอังกฤษ

Damn (แดม) 

คำนี้ได้ยินบ่อยกันเลยใช่มั้ยคะ เอะอะก็ damn เอะอะก็ damn กันอยู่นั่นแหละ เจอหลายที่ด้วย ในพจนานุกรมจะบอกว่าคำนี้เทียบเท่าคำว่า “ให้ตายเถอะ” แต่ในหลายบริบทคำนี้ก็ให้ความหมายที่ต่างออกไป สรุปมันแปลว่าอะไรกันแน่นะ

1) คำสบถที่แสดงความเจ็บปวด ความเศร้า หรือความโกรธ

เช่น God dammit / damn / dammit  (ประมาณว่า โอ้ย! โธ่เว้ย! ให้ตายสิ! อันนี้พอพูดแล้วจะเหมือนเจ้าของภาษาเพิ่มขึ้นอีกนิด)

2) แสดงความผิดหวัง หรือหัวเสียกับการกระทำของคนอื่น

เช่น A: Hey man, I lost your phone. ( แกชั้นทำมือถือแกหายอ่ะ)
B: Damn you!  (โธ่ไอ้บ้าเอ๊ย! หรือ ให้ตายสิ)

3) ใช้แสดงความรู้สึกว่าบางสิ่งสุดยอด ตื่นตาตื่นใจ

เช่น A: Whoa, check out the sunrise! (ว้าว ดูพระอาทิตย์ขึ้นนั่นสิ)
B: Damn! (ถ้าเทียบกับภาษาไทยคงเหมือนคำว่า โอ้วจอร์ช มันยอดมากกก)

4) ใช้แสดงความผิดหวังหรือท้อใจ

เช่น A: I can’t find my key ( ฉันหากุญแจฉันไม่เจออ่ะแก)
B: Damn… (ความหมายในบริบทนี้จะประมาณว่า โธ่เอ้ย แล้วตามด้วยเสียงถอนหายใจพรืดอย่างหนักใจ เอาอีกแล้วแกทำหายอีกแล้ว!)

5) ใช้แสดงความรู้สึกว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเท่าไหร่

เช่น A: Hey, what do you want for dinner? (นี่ เย็นนี้แกอยากกินอะไรอ่ะ)
B: I don’t give a damn. (ความหมายในที่นี้จะเหมือนคำว่า อะไรก็ได้ หามาเหอะ กินหมด)

6) ใช้เพื่อให้ความรู้สึกเชิงลบกับบางสิ่ง

เช่น That damn teacher gave us a ton of homework. (ไอ้ครูคนนั้นนี่สั่งการบ้านเยอะเกินไปแล้วนะ!)

Hell (เฮล)

ถ้าเปิดพจนานุกรมความหมายตรงตัวคำนี้คือ นรก แดนอเวจีที่ร้อนระอุ มีต้นงิ้ว มีคนทำผิดโดนลงโทษอยู่ แหม คำอะไรช่างเหมาะแก่การนำมาสาปแช่งซะเหลือเกิน ลองมาดูกันนะคะว่าคำนี้เค้าสามารถมีความหมายในเชิงไหนได้บ้า

1) ใช้สื่อความหมายว่าเหตุการณ์บางอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นได้

เช่น A: Hey man, do you think Yaya will go out with me?
(เฮ้ย แกว่าน้องญาญ่าเค้าจะยอมไปเที่ยวกับฉันป่ะวะ)
B: Yeah, when hell freezes over.
(แปลตรงตัวคือ น้องเค้าไปแน่ ตอนนรกจะกลายเป็นน้ำแข็งอะนะ หรือพูดง่ายๆคือ ฝันไปเหอะเอ็ง โอกาสเป็นศูนย์ถึงติดลบ)

2) ใช้แสดงความโกรธ

เช่น A: I want to break up with you. (ฉันเลิกกับเธอ)
B: Go to hell. (ค่ะ ตรงตัวเลยก็คือ ไปลงนรกซะ หรือไปตายซะนั่นเอง )

3) ใช้บอกว่าไม่ใช่สิ่งสำคัญ

เช่น A: I can’t find a condom. (ฉันหาถุงยางไม่เจอ)
B: To hell with it! (จากบริบทนี้ก็เหมือนกับคำว่า ช่างแ-่งเถอะน่า ในภาษาไทย เหตุการณ์คับขันแบบนี้ก็ช่างมันเหอะ)

4) ใช้ในการตอบคำถามพวก Yes/No question

เช่น A: Do you want to come to Yoga class on Sunday? (เธอๆ มาเรียนโยคะวันอาทิตย์ด้วยกันปะ)
B: Hell yeah! (จัดไป!) / Hell no! (ไม่อ๊าววว!)

Ass (แอสฺ)

ความหมายตรงตัวคือ ก้น พบเห็นบ่อยๆก็ asshole มักจะใช้อธิบายคนๆหนึ่งในทางไม่ดีเท่าไหร่ (แหงล่ะ)

1) ใช้ด่าคนว่าโง่

เช่น A: Did you see Johnny pick his nose on TV? (นายเห็นที่จอนนี่แคะขี้มูกตอนออกทีวีมั้ย)
B: Yeah, he made an ass out of himself. (เออสิ เขาทำให้ตัวเองให้ดูโง่ไปเลย)

2) ใช้บอกว่าคนๆหนึ่งมีนิสัยแย่ หรือเลวร้ายมาก

เช่น A: That dude just knocked my paper out of my hands and didn’t stop to help or even apologize. (ไอ้หมอนั่นชนฉันจนงานหล่นหมด และไม่ช่วยเก็บหรือขอโทษด้วยซ้ำ)
B: What an ass(hole).  (ประมาณว่า ไอ้บ้านี่! / โคตรเลว! หรืออาจหยาบกว่านั้นอีกหนึ่งสเต็ป)

3) ใช้บอกจำนวนที่มาก หรือเยอะ มีค่าเท่ากับคำว่า โคตรเยอะ

เช่น There was an ass load of parent there last night. (เมื่อคืนมีผู้ปกครองมาที่นั่นโคตรเยอะ)

4) อีกวิธีในการชมว่าเจ๋ง

เช่น That movie was bad ass. (หนังเรื่องนั้นโคตรเจ๋งเลย)

5) ใช้ตอบโต้คนที่อยากได้บางสิ่งจากเราแต่เราไม่อยากให้

เช่น A: Hey you! Get back here. (เฮ้ยแก! กลับมานี่นะ)
B: Kiss my ass (ไม่ได้แปลว่าให้ “มาจูบก้นฉันสิ” นะคะ แต่เป็นลักษณะของการท้าทายมากกว่า อารมณ์เหมือน “ไม่เว้ย” หรือ “ไม่มีวันซะหรอก”)

6) ใช้เพื่อขยายคำวิเศษณ์ (Adjective) ต่างๆ ให้ดูรุนแรงหรือให้ความรู้สึกมากขึ้น

เช่น Dude, check out those hot ass bitches!” (เฮ้พวก ดูสาวๆสุดฮอตพวกนั้นสิ)
Damn, look at those ugly ass teeth! (ให้ตายเถอะ ดูฟันมันสิ โคตรน่าเกลียดเลย)
Get ready for this hard ass test! (เตรียมพร้อมทำข้อสอบบรมโคตรยากนี้ซะ)

Piss (พิซฺ)

เป็นคำหยาบของคำว่า ฉี่ (Pee / Urine)

1) ใช้แสดงความโกรธ

เช่น I’m pissed off! (ฉันโกรธแล้วนะเว้ยยย)

2) ใช้แทนคำว่าเมา (drunk) แต่นิยมใช้กันในอังกฤษ อเมริกาไม่ใช้คำนี้

เช่น He was pissed last night. (เมื่อคืนเขาโคตรเมาเลย)

3) ใช้สำหรับการขับไล่ไสส่งเมื่ออยากอยู่คนเดียวอย่างหยาบ

เช่น A: Hey, you want some help? (เฮ้ยแก มีอะไรให้ช่วยมั้ย)
B: Piss off. (ไปไกลๆเลยปะ หรืออย่างหยาบก็คือไสหัวไปเลย)

4) เป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อบอกว่าฝนตกขนาดไหน

เช่น It’s pissing down rain. (ฝนตกหนักมาก)

Bitch (บิทชฺ)

คำนี้มักเป็นคำด่าที่ใช้กับเพศหญิงเป็นส่วนใหญ่ อาจบอกว่าเทียบเท่าคำว่า อี แบบ อีนั่น อีนี่ ความหยาบระดับสูงพอสมควรเลยค่ะ

1) ไว้ด่า

เช่น A: These pants are too big, mosquitoes keep biting me. I don’t like this place. (กางเกงตัวนี้ใหญ่ไป ยุงก็คอยแต่จะกัดฉัน ฉันไม่ชอบที่นี่เลย)
B: Hey, stop your bitching  (นี่ หยุดบ่นได้แล้วดีออก!)

2) อาจหมายถึงการบ่น

เช่น My wife just bitched me out over the phone. (เมียฉัยเพิ่งจะบ่นฉันผ่านโทรศัพท์เมื่อกี้นี้เอง)

3) ใช้บอกว่าเจ๋ง หรือ สนุก

เช่น Dude, the party was bitching last night! (งานปาร์ตี้เมื่อคืนโคตรมันส์เลย!)

4) เอาไว้ใช้ตอบกลับความเห็นโง่ๆ

เช่น A: Give me $20. (เอาเงินมาให้ฉัน 20 ดอลลาร์หน่อย)
B: Bitch please. (บริบทนี้ก็จะเป็นเชิงบอกว่า จะบ้าเหรอ ฝันไปเถอะแก)

5) หมายถึงที่นั่งตรงกลางของเบาะรถ

เช่น Hey Jim, you’ve got to ride bitch because you’re the smallest.  (จิม แกต้องนั่งตรงกลางนะเพราะแกตัวเล็กสุด)

6) หมายถึงการตบด้วยหลังมือ

เช่น Did you see that? She just got bitch slapped! (แกเห็นมั้ย ยัยนั่นเพิ่งโดนตบด้วยหลังมือไปน่ะ)

Cock (ค็อก) / Dick (ดิ้กคฺ) 

คำว่า cock มีอีกความหมายคือไก่ตัวผู้ แต่ที่แน่ๆส่วนใหญ่คนทั่วไปเค้าไม่ได้เข้าใจกันอย่างนั้นหรอกค่ะ เมื่อได้ยินสองคำนี้ ความหมายตรงๆคืออวัยวะเพศชายค่ะ คือถ้าโดนด่าคำนี้ก็คงไม่น่าอภิรมย์แน่ๆ แต่ที่เอามาใช้ก็มีในหลายบริบทเหมือนกัน

1) ใช้ในกรณีที่ผู้ชายถูกฝ่ายหญิงปฏิเสธหรือตัดโอกาสในการที่จะไปเที่ยวด้วยกัน

เช่น A: Dude, that girl just grabbed her friend and took her away. (เฮ้ยเพื่อน ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะมาดึงมือเพื่อนเธอแล้วพาออกเอง)
B: What a cock block. (ในบริบทนี้จะหมายถึงว่า อดแอ้มแล้วล่ะแก)

2) ใช้อธิบายคนนิสัยเสีย หรือเห็นแก่ตัว

เช่น That dick took up two parking spots. (ไอ้บ้านั่นเอาที่จอดรถไปสองที่เลย ดูมันสิ อันนี้คือระดับความหยาบแบบน่ารัก ของจริงมันหยาบมากกว่านี้อีกนะคะ)

Moron (โมรอน)

คำนี้ถ้าแปลตรงตัวคือคนโง่หรือ stupid นั่นแหละ แต่เราจะเอาไว้ใช้ด่าพวกไม่รู้จักกาลเทศะ ชอบทำอะไรงี่เง่าในเวลาที่ไม่เหมาะสมก็ได้ค่ะ

เช่น A: Did you see that guy talking on the phone? This is a funeral for God’s sake! (เห็นไอ้หมอนั่นคุยโทรศัพท์เปล่า กลางงานศพนะเนี่ยให้ตายเถอะ)
B: Yeah…he’s a moron! (เออจริง โคตรงี่เง่าเลยว่ะ)

Shit (ชิทฺ)

ความหมายตรงตัวเลยก็คือ อุจจาระ หรือมูลเสียต่างๆ เป็นอีกหนึ่งคำที่ใช้กันบ่อยและมีความหมายที่หลากหลาย ประกอบกับคำหลายๆคำให้อารมณ์ได้ดี

1) อาจใช้อธิบายได้ทั้งแย่มาก และเยี่ยมมาก

เช่น That movie was shit. (หนังเรื่องนั้นโคตรห่วยเลย)
That movie was the shit (หนังเรื่องนั้นโคตรดี)

เพียงแค่เติม the ความหมายก็กลายเป็นคนละเรื่อง ชีวิตเปลี่ยนเลย

2) เป็นคำอุทานในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง หรือ ไม่อยากให้เกิดขึ้น

เช่น Holy shit! (เฮ้ยยย!)

3) หมายถึงการเมาหัวราน้ำ

เช่น A: You seemed pretty drunk last night… (แกดูเมามากเลยนะเมื่อคืนนี้)
B: Yeah, I was totally shit-faced. (ก็ใช่ เมื่อคืนฉันโคตรเมาเลย)

4) ใช้แทนคำว่า ไม่ ในแบบที่ค่อนข้างหยาบคาย

เช่น A: Excuse me sir, would you mind filling out a quick survey? (ขอโทษทีครับ คุณช่วยกรุณาตอบแบบสอบถามของเราหน่อยได้ไหมครับ)
B: Eat shit!  (อันนี้ไม่ได้ไล่ให้ไปทานอุจจาระใคร แต่เป็นลักษณะของการบอกว่าไม่เว้ย แบบหยาบสุดๆ)

5) ใช้พูดถึงความซวย

เช่น A: Oh no, my cell phone died! (โอไม่นะ มือถือฉันพัง)
B: Damn, you’re shit out of luck!  (ให้ตายสิ แกนี่โคตรซวยจริงๆ)

6) ใช้ด่าคนที่โง่

เช่น Hey dumb shit / Shit brains! (โดยรวมคือหมายถึงด่าว่าไอ้โง่ หรือไอ้หน้าโง่)

7) อาจหมายถึงการใจเย็นและพยายามมองข้ามปัญหาให้ได้

เช่น Stop crying, man. Get your shit together. (หยุดร้องไห้ได้แล้วเพื่อน ปล่อยๆมันไปเถอะ)

8) ใช้พูดแทนบางสิ่งบางอย่าง

เช่น I ain’t got time for this shit! (ฉันไม่มีเวลากับอะไรพวกนี้หรอกนะ)

9) ใช้แสดงออกว่าไม่น่าเชื่อถือ หรือไร้สาระ

เช่น A: I have three girlfriends. (ฉันมีแฟนสามคนเชียวนะ)
B:Bullshit! (ไร้สาระน่า อย่ามาโกหก)

10) ใช้แทนเรื่องทั่วๆไป หรือสิ่งที่ไม่ได้สำคัญอะไร

เช่น A: What were you guys talking about? (เมื่อกี้พวกนายพูดเรื่องอะไรกันน่ะ)
B: Oh, we were just shooting the shit. (อ๋อ เราก็พูดอะไรกันเรื่อยเปื่อยน่ะ)

11) หมายถึง ปัญหาใหญ่

เช่น A: The cops are coming! (เฮ้ย ตำรวจมา)
B: Damn, we’re in deep shit. (ให้ตายเหอะ เรากำลังจะเจอปัญหาใหญ่แล้ว ซวยแล้วอย่านี้ก็สามารถแปลได้)

12) มีความหมายว่าเลวร้ายมาก

เช่น A: Have you tried my cake? (เธอลองกินเค้กของฉันหรือยัง)
B: Yeah, it tastes like shit. (ลองแล้ว รสชาติแย่มากก)

13) ใช้เน้นคำว่า มากมาย

เช่น I got a shit ton of work done today. (วันนี้ฉันทำงานเสร็จไปเยอะมาก คำว่า ton นี่ก็มีความหมายว่าเยอะอยู่แล้ว พอเติมคำว่า shit เข้าไปก็จะดูมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเลยค่ะ)

Cunt (คันทฺ) / Pussy (พุซซี่)

สองคำนี้เป็นคำหยาบ มีความหมายเกี่ยวกับอวัยวะเพศหญิง และนอกจากนี้แล้วคำว่า pussy ยังแปลว่า คนปอดแหก หรือ คนขี้กลัวได้อีกด้วยนะ

เช่น He screamed like a girl when he saw that snake. What a pussy. (พอเห็นงูปุ๊บไอ้นี่ร้องเสียงหลงเลย โคตรขี้ป๊อดอะ)

แต่ใน Australia จะเป็นคนละเรื่องกัน เพราะคำนี้ก็สามารถเอามาอธิบายสิ่งที่มีขนฟูและอ่อนนุ่มได้
เช่น pussy cat ก็จะแปลว่าเจ้าแมวขนฟู

และแล้วก็มาถึงคำสุดท้าย…

Fuck (ฟัคฺ)

คำนี้ความหมายตามพจนานุกรมคือการมีเพศสัมพันธ์ แต่มักนำมาใช้ในคำอุทานทั่วไป  หรือเอามาขยาย หรืออธิบายแทบจะทุกสิ่ง มักจะเจอคำนี้เป็นทั้งคำขยาย หรือทำตัวมันเองให้เป็น adjective, adverb, adverb ที่ขยาย adjective, คำนาม, เป็นส่วนหนึ่งของคำๆหนึ่ง พูดง่ายๆคือเป็นได้ทุกอย่างที่เราต้องการในประโยค โห คำบ้าอะไรสารพัดนึกจริงๆ

เพียงเติมคำว่า fuck เข้าไปทุกอย่างจะดูมีอารมณ์ ความรู้สึกรุนแรง ทั้งในทางดีและเลวขึ้นมาทันที

เช่น I fucking hate you. (ฉันโคตรจะเกลียดเธอเลย)
I fucking love you. (ฉันโคตรจะรักเธอเลย)
I don’t give a fuck about your problem (ฉันไม่แยแสเกี่ยวกับปัญหาของแกทั้งสิ้น เรื่องของแกป่ะวะ)
What the fuck? (อะไรวะเนี่ย)
I guess I’m totally fucked now. (ฉันคิดว่าฉันเจอปัญหาใหญ่แล้วว่ะ)

ประโยคพวกนี้ความหมายต่างกันสุดขั้ว แต่ล้วนแล้วแต่เอาคำว่า fuck เข้ามาเป็นส่วนประกอบให้รูสึกถึงความรู้สึกสุดโต่งทั้งชอบ เกลียด เป็นปัญหา ห่วงใย กังวล หรืออะไรก็ตาม

การเรียน “คำด่าภาษาอังกฤษ” ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องว่าเรียนเพื่อนำไปใช้ด่าใคร แต่เพื่อทำให้การพูดของเราดูธรรมชาติหรือเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น เหมือนที่เราเห็นในซีรีย์ฝรั่งที่เค้ามักจะใช้คำเหล่านี้เสมอในการพูดคุยกัน และเรียนเพื่อรู้ไว้ว่าไอ้ที่เราได้ยินเนี่ย เค้าด่าเราจริงๆ หรือมันมีความหมายบางอย่างที่เราไม่รู้แฝงอยู่ อย่างที่บอก ทุกอย่างต้องดูบริบทโดยรวมด้วยนะคะ

การเรียนรู้คำเหล่า จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจและพูดภาษาอังกฤษให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่คำพวกนี้ไม่ใช่ว่าเอาไว้ใช้ได้ทั่วไป คงไม่มีใครพูดคำหยาบกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก หรือเวลานำเสนองานในที่ประชุมหรอก รู้ไว้เอาไปใช้ได้บ้างแต่ไม่แนะนำให้ใช้บ่อย เพราะใช้ไปนานๆก็จะพูดกันติดปาก สร้างบุคลิกที่ไม่ดีต่อสายตาคนอื่นที่มองเรานะคะ ทางที่ดีเก็บไว้พูดกับเพื่อนสนิทจริงๆก็พอเนาะ ^ ^

[Update] อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติ ( Abnormal Sound During Breathing ) | เสียงถอนหายใจ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

การหายใจจะมีลักษณะของเสียงที่ต่างกัน

1.เสียงนอนกรน ( snoring ) คือ มีการเกิดอาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติจากการหายใจเข้าและหายใจออกในขณะนอนหลับ เป็นเสียงที่มีความถี่ต่ำและค่อนข้างหยาบ เกิดเนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณลำคอและช่องปากเกิดการหย่อนยาน ส่งผลให้เนื้อเยื่ออ่อนของทางเดินหายใจส่วนบนมีการสั่นสะเทือน ตั้งแต่ คอหอยหลังโพรงจมูก ( nasopharynx ), คอหอยส่วนปาก ( Oropharynx ) และคอหอยส่วนกล่องเสียง ( laryngopharynx ) หรือคอหอยหลังกล่องเสียง ( hypopharynx )

2.เสียงวี้ด ( wheezing ) คือ เสียงที่เกิดแทรกขึ้นมาจากเสียงหายใจปกติ ลักษณะของเสียงเป็นเสียงแหลมต่อเนื่อง คล้ายกับเสียงดนตรีที่เกิดจากเสียงของลมเคลื่อนที่ผ่านท่อหลอดลมที่แคบมากหรือเสียงของลมที่มีความเร็วสูงเคลื่อนที่ผ่านท่อตีบแคบกว่าปกติ สำหรับในระบบหายใจเกิดเนื่องจากเกิดผนังทางเดินหายใจที่ตีบแคบอย่างรุนแรงจนเกือบปิด เมื่อลมหายใจเคลื่อนที่ผ่านจึงเกิดการสั่นหรือแกว่งไปมา ( oscillation ) จึงทำให้เกิดเสียงวี้ดแทรกขึ้นมาในขณะที่หายใจ การตีบสามารถเกิดขึ้นกับทุกตำแหน่งตั้งแต่ทางเดินหายใจส่วนบนขนาดใหญ่นอกช่วงอกจนถึงทางเดินหายใจขนาดเล็กในทรวงอก อาจพบได้ทั้งระยะหายใจขึ้นและหายใจออกเช่นกัน เสียงวี้ดเป็นเสียงความถี่สูงคงที่หรือหลายระดับ

3.เสียงฮี้ด ( stridor ) คือ เสียงก้องคล้ายเสียงสุนัขเห่าหรือเสียงแหบขณะหายใจ เป็น monophonic wheezing ที่เกิดในหลอดลมใหญ่ ลักษณะของเสียงที่ออกมาจะมีลักษณะเหมือนกันทุกๆที่และมีความถี่สูง เกิดจากอากาศไหลผ่านทางเดินหายใจที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร ที่ถือว่าเกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจส่วนกลางในขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะบริเวณ กล่องเสียง ( larynx ) และ หลอดลมใหญ่ ( Trachea ) จะมีเสียงดังที่สุดที่บริเวณลำคอด้านหน้าและพบในหายใจเข้าได้มากกว่าการหายใจออก

เมื่อผู้ป่วยเข้ามารับการรักษา ต้องทำเริ่มทำการตรวจผู้ป่วยดังนี้

1.การซักประวัติ

การซักประวัติด้วยการสอบถามผู้ป่วยว่า อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติเพื่อหาตำแหน่งและสาเหตุของการอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.1ลักษณะของเสียง

ลักษณะของเสียงที่เกิดขึ้น สามารถบ่งบอกอาการและตำแหน่งทางเดินหายใจที่มีการปิดกั้นได้ ดังนี้

-เสียงหยาบ มีความถี่ต่ำ ทั้งระยะการหายใจเข้าและหายใจออก เกิดมากในช่วงที่ผู้ป่วยนอนหลับ การสอบถามต้องสอบถามผู้ที่อยู่ใกล้ชิด เพราะเสียงดังกล่าวน่าจะเป็น snoring ที่เกิดจากโรคหรือภาวะที่ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนตีบแถบ ได้แก่ obstructive sleep apnea ( OSA ), obesity, allergix rhinitis, tonsillar hypertrophy, craniofacial anomalies, hypothyroidism, acromegaly ฯลฯ

-เสียงความถี่สูงขณะหายใจเข้า ให้คิดถึง wheezing หรือ stridor ที่เกิดจากการปิดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนบนนอกทรวงอก คือ จมูก ปาก คอหอย larynx และ extrathoracic trachea เป็นต้น ซึ่งเกิดจากสาเหตุ เช่น ต่อมทอนซิลโต ( Tonsillar Hypertrophy ), คอพอก ( goiter ), upper airway cough syndrome, กล่องเสียงบวม ( laryngeal edema ) เนื่องจากแพ้แบบปฎิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง ( Anaphylaxis ), vocal cord edema หรือ vocal cord paralysis ของโรคทางระบบประสาท การบาดเจ็บของระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท การฉายรังสีหรือใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น

-เสียงที่มีความถี่สูงขณะหายใจออก ให้คิดถึง wheezing หรือ stridor จากการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนกลางในทรวง เช่น intrathoracic trachea ร่วมกับการที่หลอดลมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 2 มิลลิเมตร เกิดจากหลอดลมตีบ ( Tracheal stenosis ), เนื้องอกที่หลอดลม, เนื้องอกที่แพร่เข้าสู่ทรวงอก, ความผิดปกติของกระดูกอ่อนหลอดลม ( tracheobronchomalacia ), relapsing polychondritis, สาร อะมีลอยด์ ( Amyloid ) ที่เป็นโปรตีนที่มีความผิดปกติที่สร้างจากไขกระดูก เข้าไปสะสมที่หลอดลมใหญ่ ( Trachea ) หรือหลอดลมในทรวงอก, มีเสมหะเข้ามาปิดกั้นทางเดินหายใจ, ก้อนในทรวงอก ( Mediastinal mass ) เช่น เนื้องอกที่ต่อมไทมัส ( thymic tumor ), เนื้องอกเจิมเซลล์ ( Germ cell tumor ), มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ( Lymphoma ) ต่อมน้ำเหลืองโตหรือ substernal goiter

-เสียงความถี่สูงขณะหายใจออกและพบในขณะหายใจเข้าเล็กน้อย ให้คำนึกถึง wheezing ที่เกิดจากการปิดกั้นระบบทางเดินหายใจส่วนล่างในทรวงอก ร่วมกับการที่หลอดลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2 มิลลิเมตร มีสาเหตุจาก โรคหลอดลมพองหรือโรคมองคร่อ ( Bronchiectasis ), หลอดลมฝอยอักเสบ ( bronchiolitis obliterans ) จากการติดเชื้อไวรัสหรือสเต็มเซลล์ใหม่ต่อต้านร่างกาย ( Graft versus host disease ) จากการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด, ภาวะหัวใจวาย ( Heart Failure ), มะเร็งเน็ตชนิด carcinoid tumor

1.2 ลักษณะของการเกิดอาการ

ตัวอย่างเช่น กรณีที่ผู้ป่วยมีเสียงวี้ด ให้ทำการซักถามผู้ป่วยว่ามีเสียงวี้ด ( wheezing ) เกิดขึ้นทันทีหรือไม่ เพราะถ้าเกิดขึ้นทันทีอาจเกิดขึ้นจากสูดหรือการสำลักสิ่งแปลกปลอม แต่ถ้ามีการเกิดเสียงวี้ด ( wheezing ) เป็นระยะ ๆ อาจเกิดจากมีเสมหะเข้ามาปิดกั้นระบบทางเดินหาย เนื่องจากปอดเกิดการอักเสบจากโรคหลอดลมพอง ( Bronchiectasis ) หรือกล้ามเนื้อหลอดลมมีการหดเกร็งจากโรคบางชนิด เช่น โรคหืด ( Asthma ), โรคภูมิแพ้ ทางระบบทางเดินหายใจ ( allergic bronchopulmonary aspergillosis – ABPA ) แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ อาจมีสาเหตุจากต่อมไทรอยด์เข้ามากดเบียดหลอดลมหรือเกิดเนื้องงอกที่ระบบเกี่ยวกับหลอดลม ( Bronchial tumor )

1.3 ตำแหน่งของเสียงที่เกิดขึ้น

ถ้าผู้ป่วยมีเสียงวี้ด ( wheezing ) เกิดขึ้นแบบเฉพาะจุด สาเหตุมักเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอมหรือเนื้องงอกที่ระบบเกี่ยวกับหลอดลม ( bronchial tumor ) เข้าไปปิดกั้นหลอดลมหรือเกิดการกดหลอดลมจากภายนอก แต่ถ้าผู้ป่วยมีเสียงวี้ด ( wheezing ) เกิดขึ้นแบบกระจายทั่วไป สาเหตุเกิดจากการกำเริบของโรคหืด ( Asthma ) หรือภาวะหัวใจวาย ( Congestive Heart ) หรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาการคาร์ซินอยด์ ( Carcinoid syndrome ) ในผู้ป่วยเป็นเนื้องอกคาร์ซินอยด์และมีการแพร่กระจายของเนื้องอกไปสู่ตับ ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมน เช่น ซีโรโทนิน ( serotonin ) เข้าสู่กระแสเลือดนั่นเอง

1.4 ปัจจัยที่เข้ามากระตุ้น อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติ

ทำการซักประวัติว่าผู้ป่วยทำกิจกรรมหรือรับประทานอาหารประเภทใดแล้วจึงเกิดอาการขึ้น 

  • การดื่มแอลกอฮอล์
  • การสูบบุหรี่
  • การใช้ยา benzodiazepines ที่ก่อให้เกิดอาการหายใจแบบ snoring
  • การสูดดมสารที่สร้างการระคายเคืองในปริมาณสูง เช่น สารคลอรีน ไอโซไซยาเนต ( Isocyanate )
  • การโดนแมลงหรือสัตว์กัดต่อย ทำให้เกิดอาการทางหายใจมีปฏิกิริยาผิดปกติ ( Reactive airway dysfunction syndrome;RADS ) ที่ก่อให้เกิดการหายใจแบบมี wheezing
  • การรับประทานอาหารบางชนิด
  • การได้รับสารทึบรังสีหรือยาบางชนิด ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้แบบปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิดเฉียบพลันและรุนแรง ( Anaphylaxis ) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่มีความรุนแรงมากอาจส่งผลให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้นเมื่อผู้ป่วยเข้ามารับการักษาต้องทำการซักถามผู้ป่วยถึงสิ่งที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติ หรือให้สอบถามผู้ป่วยว่าก่อนที่จะเกิดอาการดังกล่าวผู้ป่วยได้สัมผัสหรือสูดดมสิ่งใดมาก่อน

1.5 ปัจจัยที่สามารถช่วยบรรเทาหรือทำให้อาการลดลงได้

สำหรับผู้ป่วยบางรายที่เคยเกิด อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติให้ทำการสอบถามว่าอาการดังกล่าวดีขึ้นได้อย่างไร เช่น

  • การใช้ยาขยายหลอดลมโดยการสูดหรือพ่น จะสามารถช่วยลดเสียง wheezing ได้ แสดงว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียง น่าจะเกิดจากโรคหืด การกำเริบของโรคปอดชนิดเรื้องรังที่มีการปิดกั้นหลอดลมหรือการอักเสบของหลอดลม
  • การได้รับยาขับปัสสาวะ ที่ส่งผลให้อาการหายใจแบบ wheezing ดีขึ้น แสดงว่าสาเหตุของเสียง wheezing เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว ( Congestive heart failure; CHF )
  • การได้รับยาขยายหลอดลม แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองเสียง wheezing ที่เกิดขึ้นไม่ลดลง และอาการของผู้ป่วยดีขึ้น หลังจากที่ทำการใส่ท่อช่วยหายใจ แสดงว่าผู้ป่วยมีการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจส่วนบน ตั้งแต่บริเวณจมูกไปจนถึงหลอดลมใหญ่ ( Trachea ) เป็นส่วนที่อยู่ต่อจากกล่องเสียงยาวลงไปจนถึงจุดที่แยกเข้าสู่ปอด 

1.6 อาการร่วมที่เกิดขึ้น

ซึ่งอาการร่วมที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยสามารถแบ่งตามลักษณะเสียงที่เกิดขึ้นในขณะที่หายใจดังนี้

1.6.1.อาการที่เกิดร่วมกับ snoring เช่น กระสับกระส่ายหรือมีการหยุดหายใจเป็นระยะ ๆเวลานอน ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจน ทำให้เวลาตื่นนอนในตอนเช้ารู้สึกไม่สดชื่น ปวดศีรษะตอนเช้า ขาดสมาธิและมีอาการง่วงนอนตอนกลางวัน และยังส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีความเข้มข้นสูงกว่าปกติ หรือเรียกว่าโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ( Obstructive Sleep Apnea: OSA ) ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย ขี้หนาว ท้องผูกและน้ำหนักตัวเพิ่ม ซึ่งบางครั้งผู้ป่วยอาจมีภาวะไฮโปไทรอยด์ ( Hypothyroidism ) หรือภาวะขาดไทรอยด์ ( Uneractive Thyroid ) ที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ ( Thyroid Gland ) ทำการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะส่งผลให้กระบวนการกระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกายทำงานช้าลง ทำให้ร่างกายไม่มีพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือมีอาการคัดจมูกเนื่องจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ( allergic rhinitis ) หรือไซนัสอักเสบ ( Sinusitis ) รวมถึงกรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับการผ่าตัดไซนัสมาก่อน แต่ถ้าผู้ป่วยทำการหายใจทางปากหรือรู้สึกมีอาการเจ็บคอบ่อยๆ แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะต่อมทอนซิลโต ( Tonsillar Hypertrophy ) เกิดขึ้น เป็นต้น

1.6.2.อาการแสดงที่เกิดร่วมกับ wheezing หรือ stridor

อาการที่เกิดขึ้นของผู้ป่วยสามารถช่วยในการวินิจฉัยถึงสาเหตุความผิดปกติในการหายใจได้ ดังนี้

  • ผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อยและไอ อาจเกิดจากการสูดดมสารก่อความระคายเคืองอาจเป็นระบบหายใจมีปฏิกิริยาผิดปกติ ( Reactive airway dysfunction syndrome;RADS )
  • ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อย ริมฝีปากบวมคัน เกิดผื่นลมพิษขึ้นทั่วตัวและมีความดันโลหิตต่ำ อาจเกิดจากการแพ้แบบปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง ( Anaphylaxis )
  • ถ้าผู้ป่วยมีเสมหะปริมาณมาก แสดงว่าเกิดจากโรคหลอดลมพอง ( bronchiectasis )
  • ถ้าผู้ป่วยมีเซลล์อีโอซิโนฟิล ( Eosinophil ) ที่เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดมีแกรนูลที่มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ในปริมาณที่สูงในเลือด อาจเกิดจากการติดเชื้อพยาธิของอวัยวะภายใน เช่น พยาธิไส้เดือน ( Ascaris lumbricoides ), พยาธิตัวกลมที่มีชื่อว่าสตรองจิลอยด์ สเตอร์โคราลิส ( Strongyloidiasis Stercoralis ) เป็นต้น
  • ผู้ป่วยที่มีอาการบวม แสดงว่าน่าจะเกิดจากโรคหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการร่วม เช่น ไอเป็นเลือด เสียงแหบ เจ็บคอ สำรอก เรอเปรี้ยว แสบร้อนหน้าอก การสูดสำลักสิ่งแปลกปลอม เป็นต้น   

1.7 การทำงานและสิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมหรืออาชีพของผู้ป่วยก็อาจที่จะช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุของเสียงการหายใจที่ผิดปกติได้ เช่น wheezing ในชาวนาอาจมีสาเหตุจากโรคหืดในผู้ที่ทำงานในบริเวณที่มีฝุ่นผงจากธัญพืช ( grain dust asthma )

อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติ ( Abnormal Sound During Breathing ) เกิดจากการปิดกั้นผนังทางเดินหายใจบวมกล้ามเนื้อบริเวณลำคอและช่องปากหย่อนตัว

2. การตรวจร่างกาย

1.ตรวจสัญญาณชีพ ( vital signs ) คือ ชีพจรที่แสดงถึงอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ อุณหภูมิภายในร่างกายและความดันโลหิต

2. ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจน ( Oxygen saturation ) จากการวัดค่าออกซิเจนในพัลส์ ( pulse oximetry หรือSpO2 ) ที่สมารถบ่งบอกระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนหรือระดับออกซิเจนในเลือด และแปลผลตรวจออกมาซึ่งจะสามารถระบุได้ว่าระบบการหายใจว่ามีเสียงหายใจผิดปกติหรือไม่

3.ลักษณะของเสียงหายใจผิดปกติ ( Adventitious Sounds ) ถ้ามีลักษณะเป็น wheezing หรือ stridor จะเกิดทางเดินหายใจถูกปิดกั้น ถ้าเป็นเสียงแบบ snoring สามารถตรวจพบขณะที่ผู้ป่วยนอนหลับ เกิดทั้งระยะหายใจเข้าหรือหายใจ ที่ตำแหน่งใด สามารถเกิดขึ้นแบบเฉพาะที่หรือกระจายทั่วไป การตรวจสอบถึงตำแหน่งรวมกับการซักประวัติของผู้ป่วย จะช่วยวินิจฉัยตำแหน่งที่ทางเดินหายใจเกิดการอุกตันได้ ซึ่งลักษณะเสียงสามารถแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ   

3.1 monophasic คือ เสียงที่มีระดับความถี่เดียว แสดงว่าการทางเดินหายใจเกิดการอุดกั้นที่ตำแหน่งใดตำแหน่งเดียว หรือการอุดกั้นหลอดลมขนาดใหญ่ที่ระบบทางเดินหายใจส่วนกลาง

3.2 polyphasic คือ เสียงที่มีระดับความถี่หลายความถี่ร่วมกัน ทั้งความถี่สูงและความถี่ต่ำ แสดงว่ามีการอุดกั้นที่บริเวณหลอดลมขนาดเล็กบริเวณระบบทางเดินหายใจส่วนปลายหลายแห่ง

4.ตรวจร่างกายระบบอื่นๆ

นอกจากการสังเกตลักษณะของเสียง การซักประวัติและอาการรวมอื่น ๆ แล้ว เพื่อช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงจึงจำเป็นต้องทำการตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย คือ

4.1 การตรวจพบ jugular venous pressure ที่เป็นการดูความดัน ( Pressure ) โดยตรงของหลอดเลือดดำมีค่าสูงขึ้นร่วมกับ S3 gallop จะช่วยยืนยันว่าผู้ป่วยมีภาวะหายใจมีเสียงผิดปกติเนื่องจากภาวะหัวใจวาย ( congestive heart failure )

4.2 การตรวจพบภาวะอ้วนอาจเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น ( Obstructive Sleep Apnea: OSA )

4.3 การตรวจพบอาการคอพอก ( goiter ) หรือ ต่อมทอนซิลโต ( Tonsillar Hypertrophy ) ซึ่งอาจเข้าไปอุดกั้นทางเดินหายใจ

4.4 การตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการปากและลิ้นบวม มีผื่นลมพิษขึ้นตามตัว อาจเกิดจากปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง ( Anaphylaxis )

4.5 การตรวจพบอาการนิ้วปุ้ม ( clubbing of fingers ) ผู้ป่วยอาจเป็นโรคหลอดลมพอง ( Bronchiectasis ) หรือโรคมะเร็งคลองหลอดลม 

3.การตรวจสืบค้นเพื่อการวินิจฉัย

หลังจากที่ได้รับข้อมูลเบื้องต้นเพื่อนำมาวินิจฉัยหาตำแหน่งที่เกิดจากการอุดกั้นในระบบทางเดินหายใจ ให้ทำการวินิจฉัยแยกโรคของสาเหตุโดยเน้นจากการซักประวัติและการตรวจร่างกายเป็นหลัก แล้วจึงทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยการตรวจpulmonary function test โดยเฉพาะการตรวจ spirometry with bronchodilator test และ flow-volume loop และถ้าผลการตรวจพบว่าอัตราการไหล ( flow ) มีค่าลดลงร่วมกับการหา  ( scooped-out ) ของ flow-volume loop แสดงว่ามีการอุดกั้นทางเดินหายใจ แต่ถ้าอัตราการไหล ( flow ) มีค่าไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ แสดงว่าผู้ป่วยไม่มีการตอบสนองต่อยาขยายหลอดลมที่ได้รับเข้าไป

สำหรับการตรวจ diffustng capacity of the lung for carbon monoxide ( DLCO ) แล้วพบว่ามีค่าต่ำกว่าปกติในผู้ป่วยที่เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจ แสดงว่าผู้ป่วยอาจมี emphysema ร่วมด้วย bronchoprovocation test แล้วพบว่าหลอดลมมีการหดตัวมากกว่าปกติ หลังจากที่ได้รับสารกระตุ้นการหดตัวของหลอดลม แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะหลอดลมที่ไวกว่าตัว chest radiograph ซึ่งผู้ป่วยอาจมีกะบังลมแบนราบและหัวใจมีขนาดเล็ก ( Hypertnflation ) ดังนั้นเมื่อมีการอุดกั้นทางเดินหายใจจะเกิดอย่างรุนแรง contrast-enhanced computed tomography ( CT ) of chest หรือ high resolution CT ( HRCT ) of chest ซึ่งอาจพบ signet ring sign หรือ tram-track sign ใน bronchiectasis ได้หรือสามารถพบ mosaic pattern ขณะที่ทำการหายใจออกใน small airway disease นอกจากนั้นอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นในทรวงอกได้อีก เช่น ต่อมน้ำเหลืองโตจากการติดเชื้อวัณโรคหรือเชื้อรา หรือโรคมะเร็งหลอดลม dynamic CT of chest และถ้าทางเดินหายใจในช่วงหายใจออกมีขนาดเล็กลงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของช่วงหายใจเข้า แสดงว่าผู้ป่วยมีผิดปกติของกระดูกอ่อนหลอดลม ( tracheobronchomalacia ) ซึ่งสามารถใช้การการใช้กล้องส่องตรวจ lar
yngoscopy เพื่อหาตำแหน่งที่มีการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจได้ ตั้งแต่คอหอยส่วนปาก ( Oropharynx ) ถึงสายเสียง ( Vocal cord )  หรือการส่องกล้องหลอดลม ( bronchoscopy ) ร่วมกับการทำการผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัย ( Biopsy ) ที่นอกจากจะช่วยหาสาเหตุของ อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติ ( Abnormal Sound During Breathing ) แล้วยังช่วยเกี่ยวข้องกับการอุดกั้นทางเดินหายใจ เช่น หากตรวจ complete blood count ( CBC ) พบเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด eosinophilia และการตรวจอุจจาระ ( Stool examination ) แล้วมีการตรวจพบตัวอ่อนพยาธิ ( larva ) แสดงว่าอาการป่วยเกิดจากโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิ strongyloidiasis หรือเมื่อทำการตรวจแบบ thyroid function tests ( TFT ) สามารถประเมินได้ว่าต่อมไทรอยด์ของผู้ป่วยมีการทำงานมากกว่าปกติหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งการพิจารณาและเลือกวิธีการตรวจเพื่อสืบค้นต้องให้สอดคล้องกับภาวะของผู้ป่วยแต่ละรายด้วย เพื่อช่วยให้ระบุตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจได้อย่างถูกต้อง

4.การประเมินและดูแลรักษา

การที่จะทำการรักษาและระบุวิธีการดูแลผู้ป่วยได้ แพทย์จะต้องสืบค้นให้ได้ว่าผู้ป่วยเกิดอาการ

หลักการสำคัญในการประเมินและดูแลรักษาผู้ป่วย คือ ต้องสามารถค้นหาผู้ป่วยที่อาจเกิดภาวะอาการหายใจไม่ออก ( Asphyxia ) จากการอุดกั้นที่กล่องเสียง ( larynx ) หรือหลอดลมใหญ่ ( Trachea ) เนื่องจากการเกิดภาวะดังกล่าว ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาเบื้องต้นอย่างเร่งด่วน เช่น การใส่ท่อช่วยหายใจ การผ่าเปิดหลอดลมคอ ( cricothyroidotomy ) หรือการเจาะคอ ( tracheostomy ) เป็นต้น ในกรณีที่ผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในภาวะเร่งด่วนสามารถทำการตรวจเพื่อสืบค้นตามขั้นตอนปกติได้ เมื่อทราบว่าถึงตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้นของระบบทางเดินหายใจที่แน่นอนแล้ว จึงสามารถทำการรักษาได้อย่างถูกต้องตามสาเหตุต่อไป

ผู้ป่วยที่มี อาการหายใจมีเสียงดังผิดปกติผู้ทำการวินิจฉัยต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญในการซักประวัติของผู้ป่วย รวมทั้งความรู้ทางพยาธิสรีรวิทยาที่สำคัญอย่างครบถ้วนและละเอียด เพื่อช่วยในประเมินตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้นและสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดกั้นที่ระบบทางเดินหายใจ เพื่อช่วยในการเลือกวิธีการสืบค้นเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม และนำมาซึ่งการเลือกแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและทันเวลา ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะรอดชีวิตสูงขึ้นด้วย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม


SPRITE – ไอ้ต้าว (Prod. By NINO) OFFICIAL MV


Prod. by NINO
Lyrics : SPRITE
Mix and Master : NINO
Studio : NINO TRAP HOUSE STUDIO

LYRICS
ไอ้ต้าวน่ารักเธออย่าเพิ่งทำเกินไป
น่ารักอย่างเธอเเละจะไปหาที่ไหน
ขอ IG ฟอลหน่อยฉันว่ามันคงไม่เกินใจ
ต้าวน้อนเเบบเธอฉันว่าไม่มีใครคล้าย
ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น
น่ารักเเบบเธอคงไม่มีใครคล้าย
ไม่มีใครคล้าย
น่ารักเเบบเธอจะหาที่ไหนล่ะ
เดินผ่านทีฉันนี่ใจหาย
ขาวหมวยเเบบเธอจะหาที่ไหนอีก
คลั่งรักเเบบว่าอยากทักเธอ
ขาวหมวยเหล็กดัดไม่เคยจะพบเจอ
หุ่นเธอนี่โอมาก
ทำฉันเเทบโคม่า
เธอน่ารักสดใสซะเหลือเกิน
ยอมให้เธอหลอกจนฉันไม่เหลือเงิน
เรื่องจีบสาวขอบอกว่าโชกโชน
เธอน่ารักจังไอต้าวโอ้น
ไอ้ต้าวน่ารักเธออย่าเพิ่งทำเกินไป
น่ารักอย่างเธอเเละจะไปหาที่ไหน
ขอ IG ฟอลหน่อยฉันว่ามันคงไม่เกินใจ
ต้าวน้อนเเบบเธอฉันว่าไม่มีใครคล้าย
ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น
น่ารักเเบบเธอคงไม่มีใครคล้าย
ฉันไม่เจ้าชู้หรอก
ชอบเธอตอนเต้น TikTok
ไม่อยากให้เรื่องเราพลิกล็อค
หรือฉันคิดไปเองเธออาจจะไม่คิดหรอก
เธอน่ารักไม่มีคำอธิบาย
ฉันไม่ต้องมัวมาอภิปราย
ถ้าต้าวเป็นเเผลจะทายา
เธอช่วยหลบหน่อยเพราะความสวยมันเเทงตา
เธออยู่ที่ไหนฉันไปหาก่อน
เธอไม่ต้องกลัวจะไม่ดูขาอ่อน
ถ้าผู้ชายมันเยอะเกิน
บอกมันไปเลยว่าลาก่อน
ไอ้ต้าวน่ารักเธออย่าเพิ่งทำเกินไป
น่ารักอย่างเธอเเละจะไปหาที่ไหน
ขอ IG ฟอลหน่อยฉันว่ามันคงไม่เกินใจ
ต้าวน้อนเเบบเธอฉันว่าไม่มีใครคล้าย
ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น ต้าวโอ้น
น่ารักเเบบเธอคงไม่มีใครคล้าย

HYPE TRAIN
Official Facebook : https://www.facebook.com/officialhypetrain
Official Instagram : https://www.instagram.com/hypetrain.official
Official TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJ1TWN9q/
SPRITE
Official Facebook : https://www.facebook.com/officialsprite
Official Instagram : https://www.instagram.com/spritezakup
Official TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSnohB78/
Apple Music : http://apple.co/3aGdjlo
Spotify : http://spoti.fi/3rscnXJ
JOOX : https://www.joox.com/th/artist/rKNClql9nwBS4FfzR4JN9g==

FOR WORK : 0812579651 (K.NAMFON)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

SPRITE  - ไอ้ต้าว (Prod. By NINO)   OFFICIAL MV

เริ่มพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคสั้นๆ | ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่านคำแปล


ฝึกพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคพื้นฐาน | สำหรับผู้เริ่มเรียน | สามารถจำนำไปใช้ได้เลย
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌ฝึกพูดภาษาอังกฤษ สำหรับผู้เริ่มต้น ในชีวิตประจำวัน ฝึกแบบนี้ได้แน่นอน
👉https://www.youtube.com/watch?v=kxZAU…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน วลีต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ
👉https://www.youtube.com/watch?v=AT2p…
📌 ฝึกพูด ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่าน EP.2
👉 https://www.youtube.com/watch?v=cZqpc…
📌 ฝึกพูด ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่าน EP.3
👉 https://www.youtube.com/watch?v=uQ3k…
📌 เรียนภาษาอังกฤษง่ายๆ การใช้ This, That, These, Those พร้อมประโยคตัวอย่าง
👉https://www.youtube.com/watch?v=qS1MH…
📌 คำศัพท์ ที่เราคิดว่าเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้เรียกว่าแบบนี้หรอ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=cAa9v…
📌สรุปการใช้ Verb to be ( is , am , are, was ,were) เข้าใจง่าย | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉https://www.youtube.com/watch?v=b9M76…
📌 50 คำย่อภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง
👉https://www.youtube.com/watch?v=19Two…

เริ่มพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคสั้นๆ | ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่านคำแปล

ฝึกฟังภาษาอังกฤษ | listening practice for toeic EP4


หากใครฟังไม่ทัน เลือก ตั้งค่า ความเร็ว ปรับลดความเร็วได้เลยค่ะ

ฝึกฟังภาษาอังกฤษ | listening practice for toeic EP4

รถไฟบ๊อบ | เพลง Phonics กับบ๊อบสำหรับเด็ก | เรียนรู้เพลง ABC


กระโดดบนรถไฟบ๊อบและเรียนการออกเสียง (Phonics) ในภาษาอังกฤษให้ชัดเจน หวังว่าเด็กๆชอบดูวิดีโอนี้และเรียนอักษรภาษาอังกฤษด้วย

รถไฟบ๊อบ | เพลง Phonics กับบ๊อบสำหรับเด็ก | เรียนรู้เพลง ABC

ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษยังไงให้เป๊ะชัดเวอร์


📍 ติดตาม คอร์สเรียนออนไลน์ (สอนสด) ได้ที่ https://www.englishlookup.com/elu/pages/courses/
📥 Download slide here http://adf.ly/1jHliV
มารู้จักกับอักษรพิเศษที่ช่วยให้เราออกเสียงภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง (Phonetic Alphabet) ฝึกออกเสียง \”R\”,\”L\”,\”TH\” การเน้นเสียงพยางค์ และฝึกออกเสียงไปด้วยกัน มาฝึกกันเลยครับ 🙂

ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษยังไงให้เป๊ะชัดเวอร์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เสียงถอนหายใจ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *