Skip to content
Home » [Update] ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ พต 32005 Pages 1 – 25 – Flip PDF Download | การ เขียน จํา น วน เงิน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่อ พต 32005 Pages 1 – 25 – Flip PDF Download | การ เขียน จํา น วน เงิน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

การ เขียน จํา น วน เงิน ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

No Text Content!

คำอธิบายรายวชิ า พต32005 ภาษาองั กฤษเพื่อการศึกษาตอ่ จำนวน 3 หนว่ ยกิต สาระความรู้พื้นฐาน ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาท่าทาง การฟงั พูด อ่าน เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ ดว้ ยประโยคทซ่ี ับซอ้ นมากขึน้ ในชีวติ ประจำวนั และงาน อาชีพของตน ถูกตอ้ งตามหลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา ศึกษาและฝึกทกั ษะเกี่ยวกับเร่อื งต่อไปนี้ 1. โครงสร้างทางภาษา (Structure) 2. หนา้ ทีท่ างภาษา (Function) 3. คำศพั ท์ (Vocabulary) 4. การอ่านเพ่ือจับใจความ (Reading comprehension) 5. การอา่ นกราฟ การต์ ูน ตาราง สญั ลกั ษณ์ สถิติ ดัชนี (Reading:Graph Cartoon/Table/Sign/Statistic/Index) 6. การทำขอ้ สอบแบบเว้นชอ่ งว่างอยา่ งมีระบบ (Cloze Test) ภูมหิ ลงั เจ้าของภาษาวัฒนธรรม (Cultural Background ขา่ ว (News) เพลงและโคลง (Song and Poetry) การใช้พจนานกุ รม (Using dictionary) การตรวจจบั ท่ีผิด (Error Detection) การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ฝึกฟัง พดู อ่าน เขยี น คำศัพท์ กราฟ การต์ ูน ตาราง สญั ลกั ษณ์ สถิติ ดัชนี สารบัญ และการทำขอ้ สอบแบบเวน้ ช่องวา่ งอยา่ งมรี ะบบ อ่านขา่ ว รอ้ งเพลงและอา่ น โคลง ตลอดจนการใชพ้ จนานุกรมในการตรวจสอบคำผิด การวดั และประเมินผล 1. ทักษะในการปฏิบัติ 2. การทดสอบ 3. การมีสว่ นร่วม

2 ใบความรูท้ ี่ 1 เรื่อง โครงสรา้ งทางภาษา (Structure) Tense คือแบบของคำกริยา (verb) ซึ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำ (เหตุการณ์) กับเวลา หรือเงื่อนไขกับเวลา หรือความสัมพันธ์อื่นๆ ในทางหลัก ภาษา ในภาษาอังกฤษมี tense ใหญ่ 3 อย่าง ไดแ้ ก่ Present Tense, Past Tense และ Future Tense ซ่งึ แต่ละอย่างยังแบ่งหนา้ ทีไ่ ดอ้ กี 4 ชนิด ได้แก่ 1. Simple Tense หรือ Indefinite Tense 2. Progressive Tense หรือ Continuous Tense 3. Perfect Tense หรอื Perfect Simple Tense 4. Perfect Progressive Tense หรือ Perfect Continuous Tense ควรทำความเข้าใจเป็นเบื้องต้น ณ ที่นี้ว่า tense และ time มิใช่เป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน กริยาซึ่งมีรูปเป็น past tense อาจมีความหมายเป็น presense tense อาจมีความหมายเปน็ present time ได้ เชน่ I would like you to do this. ผมอยากจะให้คุณทำสิง่ นี้ Could you please open the window ? เปดิ หนา้ ตา่ งหนอ่ ยไดไ้ หมครับ กรยิ าทมี่ รี ูปเปน็ present tense อาจมคี วามหมายเป็น future time ได้ เชน่ They are to meet at the theatre. พวกเขากะจะพบกนั ที่โรงหนงั The ship is sailing tomorrow. เรือจะออกพรุ่งนี้ รปู กรยิ าใน tense ภาษาอังกฤษ ในท่ีน้ี กริยา ing หมายถึง กรยิ าท่เี ตมิ ing (รูป present participle) Is หมายความรวมถึง an และ are แล้วแตก่ รณี was หมายความรวมถึง were แลว้ แต่กรณี has หมายความรวมถึง have แลว้ แต่กรณี will หมายความรวมถึง shall แล้วแตก่ รณี

3 The Simple Tense 1. Present Simple รปู กริยา กรยิ าช่องท่ี 1 ถ้าเป็นเอกพจน์บรุ ษุ ทส่ี าม (คือประธานเอกพจน์ทัง้ หมด นอกจาก I, you) กริยาต้องมี S ประธานเอกพจน์ ประธานพหูพจน์ (รวม I, you) He comes. I come. (You come. They come.) The bird flies. Birds fly. กฎการเติม S ท่คี ำกรยิ า 1) เตมิ es เม่ือลงทา้ ยด้วย s, ss, sh, ch, x, o เชน่ pass-passes, brush-brushes, go-goes 2) เปลี่ยน y เป็น i ก่อนเติม es ถ้าหนา้ y เป็นพยัญชนะ เช่น cry-cries, fly-flies, (ถ้าหนา้ y เป็นสระเตมิ s ไดท้ นั ที เชน่ play-plays การใช้ อากาศหนาวในฤดหู นาว 1. ใช้ present simple tense กบั ความจรงิ ที่เป็นกฎตายตัว (general truth) โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย์ 1) It´s cold in winter ดวงอาทติ ยข์ ึ้นทางทศิ ตะวันออก 2) The earth moves round the sun. นกบิน การกระทำดงั กวา่ คำพดู (= ทำดกี วา่ พูด) 3) The sun rises in the east. ในฤดรู อ้ นคนสวมเสอื้ บางๆ เม่ือลงบันไดผู้ชายลงก่อนหญงิ 4) Birds fly. ลัดดากนิ นำ้ ชาเวลา 8 นาฬกิ า 5) Action speak louder than word. เจ้าหมอคนน้นั พูดภาษาอังกฤษราวกบั ภาษาของตนเอง 6) Men wear thin clothes in summer. แมน่ ำ้ โขงก้ันประเทศไทยกับลาว 7) Men precede women when going downstairs. 8) Ladda has a glass of tea at eight. 9) That fellow speaks Enlish as well as he speaks his own language. 10) The Mekong separetes Thailand and Laos.

4 2. ใช้ present simple กบั การกระทำซ่ึงเปน็ ประจำในปัจจบุ ัน (repeated or habitual) 1) He says hello every time he sees me. เขาทกั ฉันทกุ ครัง้ ที่พบกนั 2) He gets up early every day. เขาตนื่ แต่เชา้ ทกุ วัน 3) He comes to her place several times a week. เขามาหาหล่อนทบี่ ้านสัปดาห์ละหลายครัง้ 4) Ladda usually goes shopping on Sunday. ลัดดามักจะไปซือ้ ของวันอาทติ ย์ 5) I sometimes go to the movies with her. บางครง้ั ผมกไ็ ปดูหนงั กับหล่อน 3. ใช้ present simple กับสิ่งทกี่ ำหนดแน่นอนแล้ววา่ จะกระทำในอนาตต 1) I leave by the 6.20 train this evening. ผม (ตกลงใจ) จะออกเดนิ ทางโดยขบวนรถไฟ 18.20 น. เย็นวันน้ี 2) He sets sail tomorrow and comes back next week. เขา (ตกลงใจ) จะออกเรอื พร่งุ น้ี และจะกลบั (แนน่ อน) ในสัปดาหห์ นา้ 3) We attack at dawn. เรา (ตดั สินใจ) จะเขา้ โจมตเี วลาเข้าตรู่ 4. อาจใช้ present simple ในการสรปุ เรอื่ งนิยาย หรือละคร Bassanio wants to go to Belmont to woo Portia. He asks Anotonio to lend him money. Antonio says that he hasn’t any at the moment’until his ships come to port. บสั สานิโอตอ้ งการจะไปเบลมอตเ์ พ่อื เก้ยี วพาราศีนาง ปอร์เซีย เขาขอยืมเงินอนั โตนิโอ อันโตนโิ อบอกว่าขณะนี้เขา้ ไม่มีเงินเลย จนกว่าเรือจะเขา้ เทียบท่าแลว้ (เขาจงึ จะม)ี 2. Past Simple รูปกริยา กรยิ าช่องที่ 2 (กับประธานทุกชนิด) I came, he came, she came, it came, they came (กริยาชอ่ งที่ 2 ส่วนใหญ่เกิดจากการเตมิ ed ทีก่ ริยาช่องท่ี 1) กฎการเตมิ ed ทคี่ ำกรยิ า 1) เตมิ เฉพาะ d เมือ่ กรยิ านั้นลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว เช่น Love – loved, realize – realized, waste – wasted 2) เปลย่ี น y เปน็ i กอ่ นเติม ed ถา้ หนา้ y เป็นพยญั ชนะ เช่น Cry – cried, reply – reqlied, try – tried (ถ้าหน้า y เปน็ สระเติม ed ไดท้ นั ที เช่น play – played) 3) เติมตัวสะกดอีก 1 ตัว เป็นคำพยางคเ์ ดยี วมสี ระตวั เดยี วและพยัญชนะสะกดตวั เดยี ว เช่น Stop – stopped, plan – planned, zip – zipped

5 การออกเสียงพยางค์ที่เตมิ ed ออกเสยี ง อิด หรอื เอ็ด เมือ่ อยูห่ ลงั d หรอื t เช่น mended (เม็นดิด) ออกเสียง t เม่ืออยู่หลัง k, p, f, s, ss, sh, ch เข่น kissed (ดิสท) นอกจากนอี้ อกเสียง d เช่น played (พเลด), showed (โซด) การใช้ 1. ใช้ past simple กบั การกระทำซึ่งเกิดขึน้ และจบลงไปแลว้ ในอดีต ซง่ึ มกั จะมี คำแสดงอดีตรวมอยู่ดว้ ยเสมอ เช่น Yesterday ago in 1970 Last week during the war Last month once upon a time Last year 1) He arrived at four O’clock yesterday morning. เขามาถึงตอนตีส่ีเขา้ วานน้ี 2) I lived in Korat for three years. ผมอยูโ่ คราชเปน็ เวลา 3 ปี (เคยอยทู่ ีน่ ่ัน 3 ปี ปัจจบุ นั นีม้ ิไดอ้ ยู่ที่น้ัน) 3) She went to the movies last night. เมือ่ คนื นี้หลอ่ นไปดูหนงั เหตกุ ารณ์หลายเหตกุ ารณ์ที่เกิดติดตอ่ กันในอดตี ถา้ ประสงค์จะพดู ถึงเหตุการณ์เหล่านน้ั ดดยไมป่ ระสงค์จะแสดงความเก่ียวันกนั ก็ใช้ tense น้ีได้ตลอด เชน่ 4) She drove into the car-park, got out of the car, closed all the windows, locked the doors, and walked towards the cinema. หลอ่ นขับไปยงั ทจ่ี ดรถ, ลงจากรถ, ปดิ หน้าต่างทกุ บาน, ใส่กญุ แจประต,ู แลว้ ก็เดินยงั โรงหนงั 2. ใช้ past simple กับการกระทำซ่ึงเกิดขึ้นเปน็ ประจำในอดีต (ปัจจบุ นั ไมม่ กี ารกระทำนนั้ แลว้ ) ซงึ่ มักจะมี คำแสดงอดตี และ คำแสดงความบอ่ ยหรือความ เป็นประจำ รวมอยู่ด้วย เชน่ 1. He walked to school every day last year. ปกี ลายนเี้ ขาเดินไปโรงเรียนทกุ วัน (คำแสดงความบ่อย = every day, คำแสดงอดีต = last year) 2. He came to her place several times a week before he went to England. เขามาบ้านหล่อนสัปดาห์ละหลายครั้งก่อนที่เขาจะไปอังกฤษ (คำแสดงความบ่อย = several times a, week, คำแสดงอดตี = before ge went to England) 3. When I was young I used to get up early in the morning. เม่ือผมยงั เลก็ ผมเคยตืน่ แต่เขา้ 4. While her husband was in the Army, she wrote to him twice a week. ขณะที่สามีของหล่อนประจำการอยู่ในกองทัพ (บก) หล่อนเคย เขียนจดหมายถึงเขาสปั ดาหล์ ะ 2 ครั้ง

6 5. In olden times men were more chivalrous than they are now. สมัยกอ่ นผูช้ ายกลา้ หาญ. สุภาพและซ่อื สตั ยก์ ว่าสมยั นี้ (chivalrous=คณุ ลักษณะของพวกอัศวินสมยั โบราณ) 3. Future Simple รปู กริ ิยา Will (หรือ shall) + กริยาชอ่ งท่ี 1 ในแทบทกุ กรณี (โดยเฉพาะในภาษาองั กฤษแบบอเมริกนั ) * will ใชก้ ับประธานทกุ คำรวมท้งั I และ we ในประโยคสนทนาไมม่ ปี ญั หาในการใช้ shall หรอื will เนือ่ งจากทัง้ shall และ will ตา่ งกล็ ดเสยี งเป็น ‘ll เหมือนกนั We’ll be back. เดีย๋ วเราจะกลับมา ( = รออยนู่ ่ีแหละ) They’ll go home พวกเขาจะกลับบ้าน การใช้ ใชก้ บั การกระทำที่เจเกดิ มีข้ึนในอนาคต ซง่ึ โดยปกตจิ ะมี คำแสดงอนาคต กำกบั เช่น Soon tomorrow in a few minutes Shortly tonight a month from now next week on + (วนั ซึง่ เป็นอนาคต) next month in + (เดอื นหรือปซี ่งึ เป็นอนาคต) next year (คำเชือ่ ม) + (ประโยค present) Handout 1 : รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพ่อื การศกึ ษาตอ่ พต32005 Topic : เรื่องโครงสร้างทางภาษา (Structure) Directions : Chooose the morst appropriate answer. Nane : ………………………………… Date : ………………….. Exercise 1 : ใชค้ ำในวงเลบ็ ทำประโยคต่อไปนีใ้ ห้ถกู ตอ้ งตามหลักของ Present Continuous Tense. 1. I am studying English now. (not) 2. They are taking five science classes this semester. (How many) 3. We are going to Phu kra dueng next Friday. (Where) 4. They are getting married next year. (Yes) 5. She is leaving tomorrow. (No)

7 6. The seagull is flying in the sky. (Where) 7. Mary is talking on the phone. (What) 8. David is majoring in English. (Yes) 9. Latdawan is doing well in her English class. (not) 10. My friends are driving their cars to work now. (Why)

8 Exercise 2 : Fill in the blanks with will or to be going to. 1. A : Why are you holding a piece of paper? B : I (write) ………. a letter to my friends back home in Texas. 2. A : I’m about to fall asleep. I need to wake up! B : I (get) ………. you a cup of coffee. That will wake you up. 3. A : I can’t hear the television! B : I (turn) ………. it up so that you can hear it. 4. We are so excited about our trip next month to France. We (visit) ………. Paris. 5. Sarah (come) ………. to the party. Oliver (be) ………. there as well. 6. Ted : It is so hot in here! Sarah : I (turn) ………. the air-conditioning on. 7. I think she (be) ………. the next President of the United States. 8. After I graduate, I (attend) ………. medical school and become a doctor. I have wanted to be a doctor all my life. 9. A : Excuse me. I need to talk to someone about our hotel room. I am afraid it is simply too small for four people. B : That man at the service counter (help) ………. you. 10. As soon as the weather clears up, we (walk) ………. down to the beach and go swimming.

9 ใบความร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง หน้าท่ีทางภาษา (Function) การทกั ทาย (Greetings) ประโยคท่ใี ช้ในการทกั ทายภาษาอังกฤษ มดี ังนี้ 1. การทกั ทายอย่างเป็นทางการ (Formal Greetings) – Good morning (กดู๊ มอรน์ ิง่ ) ใช้ทักทายตัง้ แตต่ อนเชา้ ถงึ ก่อนเทย่ี ง – Good afternoon (กดู๊ อาฟเตอร์ นนู ) ใช้ทกั ทายในชว่ งบา่ ย – Good evening (ก๊ดู อีฟ นิ่ง) ใชท้ กั ทายในตอนเย็นจนถงึ กอ่ นเท่ียงคนื 2. การทกั ทายอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ (Informal Greetings) คำว่า Hi และ Hello เป็นคำทักทายอย่างไม่เป็นทางการ มีความหมายว่า สวัสดี ใช้ทักทายบุคคลได้ทุกโอกาสโดยไม่จำกัดเวลา ถ้าเป็นคนสนิทหรือคนกันเอง มักจะตามดว้ ยชื่อคนทเ่ี ราทักทาย ไดเ้ ลย เช่น – Hello, John. (เฮลโล จอห์น) – Hello, Anong. (เฮลโล อนงค์) – Hi, Julia. (ไฮ จูเลีย) – Hi, Manus. (ไฮ มนสั ) นอกจากนีย้ งั มีคำที่ใช้ตามหลังคำทักทายท่ีควรรอู้ ยอู่ ีก 2 คำ ได้แก่ คำวา่ sir (เซ๊อะร)์ และคำว่า ma’am (แม็ม) ซงึ่ ยอ่ มาจากคำว่า madam นิยมใช้กับบุคคลท่ี เราเคารพนบั ถือ รวมถึงเปน็ คำที่บริกร หรือผูใ้ หบ้ ริการใชก้ ับลูกค้า เพื่อเป็นการให้เกียรติ ยกยอ่ ง โดยท่วั ไปไมน่ ิยมใชค้ ำสองคำนีก้ ับคนทเ่ี พิง่ รูจ้ กั ประโยคทีใ่ ชใ้ นการทักทายเพ่ือสอบถามทุกข์-สขุ ว่าสบายดหี รือ – How are you? (ฮาว อาร์ ย)ู สบายดหี รือเปลา่ คะ – How are you today? (ฮาว อาร์ ยู ทูเดย)์ วันนสี้ บายดไี หมครับ – How are you doing? (ฮาว อาร์ ยู ดู อ้ิง) สบายดีหรอื เปลา่ คะ *ถ้าสบายดใี ห้ตอบวา่ * Fine. (ไฟน์) แลว้ ตามดว้ ยคำขอบคุณ Thanks. (แธ้งค์ส) I’ m fine. (แอม ไฟน)์ Thank you. (แธ็งค์ ควิ ) I’ m good. (แอม กดู้ ) I am all right. (ไอ แอม ออล ไร้ท)์ Well / Very well. (เวลล์ / เว ริ เวลล)์ *ถ้าไม่ค่อยสบายให้ตอบวา่ * I am not so well today. (ไอ แอม น็อต โซ เวลล์ ทเู ดย)์ วันน้ดี ิฉนั ไม่ค่อยสบายคะ่ Not very well. I have a headache. (น็อต เวริ เวลล์ ไอ แฮฟ เอ เฮดเอค) วันนีผ้ มไมค่ อ่ ยสบาย ผมปวดหัว

10 Not so well. I have a cold. (น็อต โซ เวลล์ ไอ แฮฟ เอ โคลด)์ วนั นี้ผมไม่ค่อยสบาย ผมเป็นหวัด *เมอื่ ค่สู นทนาบอกว่าไม่สบาย เราควรพูด ดังนี้ That’s too bad. (แธ็ท ทู แบด) แย่จังเลย Take care of yourself. (เทค แคร์ ออฟ ยวั ร์เซลฟ์) ดแู ลตัวเองหนอ่ ยนะ Take care of your health. (เทค แคร์ ออฟ ยวั ร์ เฮล็ ท์) ดูแลสขุ ภาพด้วยนะ ตวั อย่างท่ี Suda:Good morning, Jack. How are you today? (กู๊ด มอรน์ ่งิ แจ๊ค ฮาว อาร์ ยู ทู เดย์) สดุ า : สวัสดี(ตอนเช้า)คะ่ คุณแจ็ค วนั น้สี บายดีหรือเปล่าคะ Jack:Good morning, Suda. I’m fine. Thank you, and how are you? (กดู๊ มอรน์ ่งิ สดุ า แอม ไฟน์ แธ็งค์ ควิ แอนด์ ฮาว อาร์ ย)ู แจค็ :สวัสดี(ตอนเช้า)ครับคณุ สุดา ผมสบายดี ขอบคุณ แลว้ คุณสบายดีไหมครับ Suda:I’m fine. Thanks. (แอม ไฟน์ แธง็ ค์ส) สุดา:ดิฉันสบายดี ขอบคุณคะ่ การแนะนำตวั เอง (Self – Introduction) – สำนวนทนี่ ยิ มใช้ แนะนำตัวเอง เรม่ิ จาก 1. May I introduce myself ? ผม/ดิฉันขอแนะนำตวั เองครบั /คะ่ (เมย์ ไอ อนิ โทร ดวิ๊ ซ มาย เซ็ลฟ์) 2. My name is …..(name – surname)… ผม/ดฉิ นั ชอ่ื -นามสกุล …ครับ/คะ่ [มาย เนม อิส ………(เนม – เซอร์ เนม)………] 3. I am …..…..(nationality)…….… ผม/ดฉิ นั เป็นชาว.…(เชือ้ ชาต)ิ … [ไอ แอม……(แนช ชั่น แนล ลิทิ)……] 4. I come from / I am from …. city / country)… ผมมาจาก.…(เมือง/ประเทศ).… [ไอ คมั ฟรอม/ไอ แอม ฟรอม…(ซิทิ/คัน ทร)ิ …] 5. I am a ………..(career)…….…. ผม/ดฉิ ันเป็น..…(อาชีพ)……[ไอ แอม เอ………(แค เรีย)………]

11 ประโยคท่ีใช้ในการกล่าวอำลา การกลา่ วลา (Parting) มคี ำกลา่ วลาท่ีนิยมใช้อยู่มากมาย หลายคำ อาทิ – Bye (บาย) เปน็ คำกลา่ วลาอย่างเปน็ กนั เอง มกั ใชร้ ะหว่างเพอ่ื นสนทิ (ย่อมาจากคำว่า Good – bye) – Good-bye (กดู๊ บาย) ใช้เปน็ คำกลา่ วลาโดยทวั่ ไปในโอกาสธรรมดา – See you (ซี ย)ู เปน็ คำกล่าวลาอยา่ งเป็นกนั เอง มกั ใช้ระหวา่ งเพอื่ นสนิท – See you again (ซี ยู อะเกน) เปน็ คำกล่าวลาอย่างเป็นกันเอง มักใชร้ ะหว่างเพอื่ นสนิท – See you later (ซี ยู เลเท่อะ) เปน็ คำกลา่ วลาอย่างเปน็ กนั เอง มกั ใช้ระหว่างเพื่อนสนทิ – Good night (กู๊ด ไนท้ ์) ใชส้ าหรบั กล่าวลาก่อนจะเขา้ นอน มกั ใช้ในเวลากลางคนื

12 แบบประเมินหลังการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 2 เรื่อง หน้าทีท่ างภาษา (Function) คำแนะนำ นักศึกษาสามารถเรียนรู้จากหนงั สือเรียน เอกสารประกอบการสอน ใบความรู้ สอ่ื เทคโนโลยสี ารสนเทศ แหลง่ เรยี นรู้ ผู้รู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น ครูผ้สู อน หรอื สื่อ อนื่ ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้องกบั เน้ือหา/สาระการเรียนรู้ และทำแบบประเมนิ หลงั การเรียนร้ตู ามตวั ช้วี ัด ดังนี้ 1. ใหน้ ักศึกษายกตวั อย่างประโยคคำถามและประโยคคำตอบ (Question & Answer Formats) พร้อมคำแปลภาษาไทย โดยใช้รปู ประโยคตามหัวข้อ ดงั น้ี – Are you และ Are you + verb เติม ing – Is it – is there, are there, do, does – can, would you like, should – is there, are there, do, does – will, going to, did, was, were ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ช่ือ…………………………………………………………………………………………………. ระดบั ช้นั …………………………..วนั ท่ี ………………………………………………………

13 ใบความรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การทำข้อสอบแบบเว้นชอ่ งว่างอย่างมรี ะบบ (Cloze Test) ในการทำขอ้ สอบ Reading และ Cloze Test ทแ่ี น่นอนทสี่ ุดนักเรยี นต้องรู้ศัพท์ในระดับหนึง่ ที่ นกั เรียนควรทราบ ทสี่ ำคัญ คนอ่านเกง่ – นกั คาดการณ์ : กล้าคิด กล้าเดาโดยใช้เหตุผล / ตรรกศาสตร์ โดยทวั่ ไปธรรมชาติของนกั เรียนหรอื นักพูดที่ชำนาญการจะใช้ประโยคแรกในการจงู ใจให้ผอู้ ่านหรือผู้ฟงั ติดตามฉะนนั้ Paragraph แรก และประโยคแรก จงึ มกั เปน็ ประโยคกุญแจเปิดสูเ่ นอื้ หาตอ่ ไป อย่าแปลเปน็ ตัวๆ ระหว่างแปล พยายามวงคำท่ีเราคดิ วา่ เปน็ Key Word โดยสงั เกตไดจ้ ากเนอ้ื เรอ่ื งทีอ่ า่ นจะสนบั สนนุ คำๆ น้นั วิเคราะห์แนวคำถามข้อสอบ Reading Passages ใน Reading Passages แตล่ ะเร่อื งแมว้ ่าจะมีคำถามหลายขอ้ แต่สามารถจดั หมวดหมู่ท่ผี อู้ อกขอ้ สอบตอ้ งการประเมนิ ความรู้เราได้กวา้ งๆ 5 หัวข้อ 1. Main Idea : คำถามที่ถามถึงความคิดหลักของประโยคหรือบางทีถามถงึ ชือ่ เร่ือง Title ทุกครั้งที่อ่านเนื้อเรื่องจึงต้อง หมั่นหา key word หรือ คำ วลี หรือ ประโยคซ้ำๆ กรุณาอย่าลมื ความสำคญั ของ paragraph แรกโดยเฉพาะประโยคแรกซง่ึ มักจะ สือ่ ความคิดหลักของเนอื้ เรือ่ งใหก้ ับผอู้ ่าน 2. Reference : การอ้างอิง ข้อสอบมักจะถามว่า \”he\”, \”she\”, \”it\” (line 1) refers to… อ้างถึงอะไร วิธีการตอบคำถาม นี้คือให้เราถาม ตัวเองว่า Pronoun (สรรพนาม) นัน้ เป็นเอกพจนห์ รือพหูพจน์ ถ้าเป็นเอกพจนใ์ ห้นักเรียนกวาดสายตาไปประโยคขา้ งหน้าและหานามเอกพจน์ ที่ใกล้ Pronoun มากที่สุด ถ้ามี 2 ตัวใกล้ๆ กัน ใหน้ ำมาพจิ ารณาแปลดูวา่ คำใหป้ ระโยคมคี วามหมาย ดีกวา่ กันให้เลอื กคำนั้น 3. Inference : การสรุป ในการอ่านขัน้ วิเคราะหห์ รอื สรุปความน้ัน นักเรียนทีแ่ ปลศัพท์เก่งอย่างเดียวใช่ว่าจะแปลข้อความ นั้นๆ รู้เรื่อง แต่เรา ต้อง ฝึกคิดใช้ สามัญสำนกึ หรอื common sense ในการคาดเดา หดั อา่ น หัดแปล หดั เดา โดยฝกึ จากบทอา่ น ภาษาไทย เม่อื ฟงั ผู้ใดพดู อะไรก็ หดั คาด เดาวา่ ประโยค ต่อไปจะเป็นอะไร เมอื่ ฝึกอ่านเองกฝ็ ึกคิดว่าย่อหน้าต่อไปผเู้ ขยี นตอ้ งการ พดู อะไร คาดเดา ถูกบ้างผิดบ้างไม่ต้องหมด กำลงั ใจ แตเ่ รา จะค่อยๆ เรมิ่ เรียนรู้ มใิ ช่ เพราะเราขาดทักษะหรือการ ฝึกฝน เปรยี บเหมือนมดี เน้ือดีแตไ่ มห่ มั่นลับ พอซอื้ หนังสอื รวมเฉลยข้อสอบเอนทรานซ์มาอ่าน ทำถกู ก็ดใี จ แต่ไม่ทราบว่าอาจตอบ ถกู โดยบังเอิญกไ็ ด้ เพราะเรากำลังอ่าน เพื่อไป check choice อย่างเดียว ฉะนั้นในการสรุปความเราควรฝึกสรุป ทุกย่อหน้า แม้ว่า ข้อสอบไม่ได้ถาม ก็ตาม เช่นเดียวกัน Pronoun นักเรียนควรฝึกหาว่า Pronoun น้นั ๆ หมายถงึ คำไหน เมอื่ เราฝกึ จนเคยชนิ เราจะ อา่ นบทความ เข้าใจอยา่ งรู้จริง 4. Detail : รายละเอียด ข้อสอบส่วนใหญ่จะวดั ความจำกบั ความเขา้ ใจเชิงวิเคราะห์ตามหลักการออกขอ้ สอบ ข้อสอบวัด รายละเอียดเป็นข้อ- สอบที่จัดว่าง่าย เช่น คำถามจะวัดความเข้าใจในเนือ้ เรือ่ งว่า อะไร ทไี่ หน อยา่ งไร ใคร ข้อสอบวดั รายละเอยี ดเป็น ข้อสอบทย่ี ากเมอ่ื ถกู จำกัดดว้ ยเวลา จึงจำเปน็ อยา่ งยง่ิ ท่ีเราจะต้องฝึกทำ ขอ้ สอบ มากๆ วิธีทช่ี ว่ ยให้ เราประหยดั เวลาและอา่ นอย่างมีจดุ หมายได้ดีท่สี ุด คอื การอา่ น คำถามพร้อมขดี เสน้ ใตค้ ำท่ีสำคัญๆ กอ่ นอา่ นเนอ้ื เรอ่ื ง ขอ้ สำคัญ คอื ในการฝึก

14 อา่ นเบอ้ื งต้น เราไม่ควรจำกดั เวลาตัวเอง ควรรจู้ รงิ โดย การหาประธานหากรยิ าแทใ้ หไ้ ด้ หา Pronoun ได้ รู้จกั ใชค้ ำเช่ือม หรอื คำสันธานเป็นตัวชี้แนะ รู้จักสรุปในแต่ละ ย่อหน้า รู้จัก เชื่อมโยง ข้อสรุปในแต่ละย่อหน้า ควรฝึกจนชำนาญ แล้วจึงเริ่มจับเวลาในการอ่าน อย่าลืมว่าทำข้อสอบเก่งอย่างเดียวไม่ พอต้อง เร็วด้วย เราจึง ควรใช้ ปากกาหรอื ดนิ สอขีดเขียนในเนอื้ เรื่องเพอ่ื ง่ายต่อการยอ้ น กลับมาอา่ นใหม่ และควรใสเ่ ลขหน้าขอ้ คำถามลงใน เน้ือเร่อื งเพอื่ เป็นการรักษาเวลา 5. Vocabulary in context : คำศัพท์ที่ปรากฏในบริบทหรือข้อความข้างเคียง คำศัพท์ที่อยู่ในข้อสอบ ผู้ออกข้อสอบ มิได้เจตนา วัดความสามารถในการจำ คำศัพทข์ องเรา หากแตต่ อ้ งการดคู วามสามารถในการอา่ นวา่ เราสามารถใช้ข้อความขา้ งเคียง มาตัดสนิ ความหมายของคำนน้ั ๆ ไดไ้ หม เพราะนับเป็นความจำเป็นอยา่ งยิง่ ท่ี นกั เรยี นตอ้ งมที ักษะในการตีความของคำศพั ท์เม่อื เรา อ่าน ตำราภาษาอังกฤษ (text) ฉะน้ันจงึ เหน็ ว่าคนที่อาจเรยี นอังกฤษไม่เก่งแต่เวลาอ่านกลบั เขา้ ใจได้มากกว่า คนที่ แม่นทงั้ ไวยากรณ์และคำศพั ท์ เพราะคนผู้นน้ั มคี วามรู้เกา่ หรือภมู ิหลัง (background) ในเรื่องที่อา่ นนัน้ ๆ จึงคาดการณห์ รือคาดเดาได้งา่ ยดายกว่า ฉะน้นั อย่ามองวา่ ขอ้ สอบยาก เพียงแตเ่ ราต้องเรียนให้ถูกวิธตี ้งั แต่แรก การเรียนภาษาองั กฤษตอ้ งค่อยๆ สะสม ฝึกปรอื มีความสนใจใฝ่รมู้ ิใชจ่ ะสอบทก่ี ็มาน่ังอ่านที ภาษาองั กฤษก็จะกลายเป็นเร่ืองซับซอ้ นและมีกฎเกณฑม์ ากมาย ท้ังๆ ทใี่ นความเปน็ จริงเวลาเรา เรียนภาษาไทย เรารูภ้ าษาไทยได้โดยไมต่ ้องเรยี นไวยากรณก์ ่อน การเรยี น แบบธรรมชาติเช่นนีเ้ รยี กวา่ การเรยี นแบบคอ่ ยๆ รับเขา้ มาโดยโยงเข้ากับประสบการณ์จริง (Acquisition) มใิ ชเ่ ป็นการเรียนแบบในหอ้ งเรียน (learning) ทขี่ าดแรงจงู ใจให้ อยากใฝ่เรยี นใฝร่ ทู้ ันทที อ่ี อกนอกห้อง

15 เทคนิคการอ่านเพ่อื ทำข้อสอบในเวลาทกี่ ำหนด 1. อา่ นหวั เรือ่ งทีผ่ ู้เขียนใหม้ า และจดจำไวว้ า่ หวั เรอ่ื งทท่ี ำให้เราทราบว่าเรากำลังจะอ่านเรื่องอะไร 2. อา่ นคำถามและ choice แรกพรอ้ มขีดเส้นใตค้ ำท่ีเราคดิ วา่ สำคัญ โดยคำนึงถึงการรกั ษาเวลา ย่ิงเราจำคำถามไดแ้ ม่นยำเทา่ ไร เมือ่ นักเรียนอา่ นในเน้ือเร่ือง เราก็ จะพบคำท่ีปรากฏอยู่ในคำถามซึ่งทำให้เราสามารถกลับมาตอบคำถามได้ทันที คำถามขอ้ แรกๆ จะอยใู่ นยอ่ หน้าแรกๆ คำถามกลางๆ จะอยู่ในย่อหน้ากลางๆ ส่วนคำถาม ท้ายๆ จะอยู่ในย่อหนา้ ท้ายๆ การอ่าน คำถามและ choice แรกจะทำให้เราสรุปความคดิ กวา้ งๆ ได้ว่าเร่ืองนี้เกีย่ วกบั อะไร 3. เขียนเลขขอ้ คำถามลงในเนอ้ื เร่อื ง หรือหนา้ ย่อหน้าท่ีคำถามนัน้ ถามถึงเพอื่ เปน็ การทำขอ้ สอบให้ไดท้ นั เวลา 4. จำไว้วา่ ภาษามีความฟุ่มเฟือย ซ้ำๆ เราจงึ ไม่จำเปน็ จะตอ้ งแปลใหไ้ ด้ทุกคำ ในระหวา่ งอ่านควรนำความรู้พื้นฐานทั่วไปมาใช้ในการ พยากรณเ์ นื้อเรอ่ื งหรือฝึกสวม บทบาทวา่ ถา้ เราเปน็ ผูเ้ ขียนเราต้องการส่อื อะไรใหผ้ ู้อา่ นรับทราบ 5. ยอ่ หน้าแรกและประโยคแรกสำคญั มากและมกั จะเปน็ main idea หรือความคิดหลกั ของเรื่อง (แตไ่ มแ่ นเ่ สมอไป) เม่ืออา่ นเสรจ็ ใหล้ องฝกึ สวมบทบาทดูว่าถ้า เราเป็นผู้เขียนเราจะเขยี นหรือส่ืออะไรให้ผอู้ ่าน เรอ่ื งบางเร่อื งสามารถใช้สามัญสำนกึ ( Common sense ) แตง่ เรอื่ งเองได้ แต่เราถูกฝึกให้แปลมากกว่าให้วิเคราะห์จะทำ ใหเ้ ราสะดดุ อยู่ในข้ันพยายามแปลโดยไม่นำความรพู้ ้นื ฐาน ของเรามาใช้ 6. สรุปแต่ละยอ่ หนา้ และเชื่อมโยงแต่ละย่อหน้าเข้าด้วยกันจะเหน็ วา่ คำถามเก่ียวกับ main idea ( ความคิดหลักของเรื่อง) และ purpose ( วัตถุประสงค์ในการ เขียนเรือ่ ง ) จะหาไดถ้ ้านักเรียนสามารถเช่อื มโยงความสมั พนั ธ์ของความคิดหลกั ในแตล่ ะยอ่ หนา้ เขา้ ด้วยกัน 7. ทุกครั้งทีพ่ บคำสรรพนาม ( pronoun ) ต้องฝึกนิสยั คอยถามตัวเองว่าคำสรรพนามนี้หมายถึง ( refer to ) อะไรโดยตอบคำถาม ก่อนวา่ คำสรรพนามนั้นเป็น เอกพจน์หรอื พหูพจน์ ถ้าคำสรรพนามนีเ้ ป็นเอกพจน์ ใหก้ วาดสายตาไปประโยคที่นำหน้ามาก่อนและหา คำเอกพจน์ท่ใี กลค้ ำสรรพนามนน้ั มากที่สุด ถา้ มตี ัวเดยี วก็นำมาตัว เดียว ถ้ามี 2 ตัวใหน้ ำมาพจิ ารณาด้วยการแปลดวู า่ ตวั ไหน เหมาะสมมากกว่ากัน 8. คำใดปรากฏซ้ำๆ มกั จะมีความสำคญั หรอื ไม่กเ็ ป็น main idea ของยอ่ หนา้ น้ันๆ หรือของเร่อื งนนั้ ๆ แหลง่ ทม่ี า : http://อังกฤษเรยี นภาษา.blogspot.com/2012/08/cloze-test.html

16 ตัวอยา่ งข้อสอบแบบ Cloze Test Seeds of Reform Thailand’s farmers are (….a.) a new era in their relationship with the market and the government, (…b…) decades of crop-pledging and price-support programmes give way to a new regime that is expected to be fairer to everyone and far less costly to tax payers. The new price (…c…) scheme represents income support paid (…d…) to farmers. Payments will be based on the (…e…) between insured prices and benchmark prices, regardless of the (…f…) prices farmers receive when they sell their crop. Farmers are being (…g…) to participate in the programme based on their historical production. They will manage their own sales (…h…) in terms of when to capitalize on the spread between the insured prices and the benchmark prices. (…i…) will be transferred directly to farmers by the Bank of Agriculture and Agricultural Cooperatives once crop prices (…j…) below benchmarks. The government has (…k…) about 43 billion baht from Thai Khem Kaeng (…l…) budget to support this programme for three key crops which are paddy, maize and cassava. (Excerpted and adapted from the article on Agriculture & Food, Economic Review, Year-End 2009, Bangkok Post) Answers: (b) as (c) insurance (d) directly (e) difference (f) market (h) decisions (l) stimulus (a) entering (i) Compensation (j) fall (k) allocated (g) registered แหลง่ ทมี่ า : http://www.plan.doae.go.th/frsdoae/inforbase/userfiles/writing%20practice_cloze%20test.pdf

17 Handout 3 : รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพ่อื การศึกษาตอ่ พต32005 Topic : การทำข้อสอบแบบเวน้ ช่องวา่ งอย่างมรี ะบบ Cloze Test Nane : …………………….……………… Date : ………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. Volcano Eruption A huge ash cloud (…a…) an Icelandic volcano caused the (…b…) of airspace across Europe, leaving hundreds of thousands of passengers (…c…) . Most of the flights of various airlines between Asia and Europe were cancelled. Volcanic ash (…d…) tiny particles of glass and pulverized rock that limits (…e…) and can damage aircraft engines. In addition to travel problems, (…f…) officials said the volcanic ash could also prove harmful to those with breathing difficulties. Other (…g…) modes of travel, like Eurostar trains and London taxi were fully booked by clients. Not only did the (…h…) from the volcanic ash eruption in Iceland cost airline industry, but it also affected the export of (…i…) agricultural produce because of the (…j…) shipment to the countries destination in Europe. (Excerpted and adapted from the article in Bangkok Post) 1. delayed 2. contains 3. closure 4. fresh 5. from 6. disruption 7. health (c) stranded 8. optional 9. visibility ชื่อ………………………………………………………………………………………………… ระดบั ช้ัน…………………………..วนั ท่ี ……………………………………………………….

18 Handout 4 : รายวิชา ภาษาอังกฤษเพอ่ื การศึกษาต่อ พต32005 Topic : การทำข้อสอบแบบเวน้ ช่องวา่ งอยา่ งมีระบบ Cloze Test Directions : Chooose the morst appropriate answer. Nane : …………………………………… Date : ……………….. Late afternoon is the best time to wander through the ruins of Ayutthaya, Thailand’s ancient capital. ……1….. an artificial island in the Chao Phraya River in the mid-fourteenth century, Ayutthaya …..2….. the center of Thai power …..3….. four hundred years. It became perhaps …..4….. magnificent city in all of Southeast Asia, larger than either London or Paris of the time, …..5….. city walls that extended for …..6…..twelve kilometres, more than ninety gates, and fifty-six kilometres of man mad waterways. Its wealth was …..7…..trade, and trade brought a …..8….. cosmopolitan population-Malays, Cambodians, Burmese, and Laos from neighbouring …..9….. Chinese, Japanese, and Indians from …..10….. in Asia ; eventually the first Europeans from Portugal, Holland, Britain, and France. 1) 1. To found 2. Found 3. Finding out 4. Founded on 2) 1. Is 2. Will be 3. Has been 4. Was 3) 1. For 2. In 3. After 4. Since 4) 1. More 2. The most 3. Very 4. The rather 5) 1. With 2. And 3. Even 4. So 6) 1. Quite 2. Further 3. Some 4. Mostly 7) 1. Based on 2. Basis of 3. Basically for 4. Basic in 8) 1. High 2. Heightened 3. Highly 4. Higher 9) 1. Countries , 2. Countries ; 3. Countries . 4. Countries : 10) 1. Anywhere 2. Wherever 3. Elsewhere 4. whereabouts

19 ภาคผนวก

20 Handout 1 : รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อการศกึ ษาตอ่ พต32005 Topic : THE CORRECT ANSWER เรอ่ื งโครงสร้างทางภาษา (Structure) Nane : ………………………………… Date : ………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. Exercise : 1 1. I am not studying English now. 2. How many science classes are they are taking this semester? 3. Where are we going next Friday? 4. Are they getting married next year? Yes, they are. 5. Is she leaving tomorrow? No, she is not. 6. Where is the seagull flying? 7. What is Mary doing? 8. Is David majoring in English? Yes, he is. 9. Latdawan is not doing well in her English class. 10. Why are your friends driving their cars?

21 Handout 2 : รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพือ่ การศกึ ษาต่อ พต32005 Topic : THE CORRECT ANSWER เร่อื งโครงสร้างทางภาษา (Structure) Nane : ………………………………… Date : ………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. Exercise 2 1. A : Why are you holding a piece of paper? B : I am going to write a letter to my friends back home in Texas. 2. A : I’m about to fall asleep. I need to wake up! B : I will get you a cup of coffee. That will wake you up. 3. A : I can’t hear the television! B : I will turn it up so that you can hear it. 4. We are so excited about our trip next month to France. We are going to visit Paris. 5. Sarah is going to come to the party. Oliver is going to be there as well. 6. Ted : It is so hot in here! Sarah : I will turn the air-conditioning on. 7. I think she is going to be the next President of the United States. 8. After I graduate, I am going to attend medical school and become a doctor. I have wanted to be a doctor all my life. 9. A : Excuse me. I need to talk to someone about our hotel room. I am afraid it is simply too small for four people. B : That man at the service counter will help you. 10. As soon as the weather clears up, we are going to walk down to the beach and go swimming.

22 เฉลยแบบประเมนิ หลงั การเรียนรู้ท่ี 3 Handout 3 : รายวชิ า ภาษาอังกฤษเพื่อการศกึ ษาต่อ พต32005 Topic : การทำขอ้ สอบแบบเว้นชอ่ งวา่ งอยา่ งมรี ะบบ Cloze Test Nane : ……………………………… Date : …………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. Volcano Eruption A huge ash cloud (…a…) an Icelandic volcano caused the (…b…) of airspace across Europe, leaving hundreds of thousands of passengers (…c…) . Most of the flights of various airlines between Asia and Europe were cancelled. Volcanic ash (…d…) tiny particles of glass and pulverized rock that limits (…e…) and can damage aircraft engines. In addition to travel problems, (…f…) officials said the volcanic ash could also prove harmful to those with breathing difficulties. Other (…g…) modes of travel, like Eurostar trains and London taxi were fully booked by clients. Not only did the (…h…) from the volcanic ash eruption in Iceland cost airline industry, but it also affected the export of (…i…) agricultural produce because of the (…j…) shipment to the countries destination in Europe. (Excerpted and adapted from the article in Bangkok Post) Answers: (b) closure (c) stranded (d) contains (e) visibility (a) from (f) health (g) optional (h) disruption (i) fresh (j) delayed

23 เฉลยแบบประเมินหลังการเรียนรทู้ ่ี 4 Handout 4 : รายวิชา ภาษาองั กฤษเพ่อื การศึกษาตอ่ พต32005 Topic : การทำข้อสอบแบบเว้นชอ่ งวา่ งอย่างมรี ะบบ Cloze Test Nane : ……………………..…………… Date : ………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. 26. ข้อ 4 อธบิ าย : Ayutthaya (อยุธยา) เปน็ ชื่อเมอื งซึ่งเป็นสงิ่ ไม่มีชวี ิต จงึ ไม่สามารถก่อตง้ั ตวั เองได้ ตอ้ ง ถกู ก่อต้งั จงึ ใช้ Founded on ซงึ่ ลดรูปมาจาก which was founded on 27. ข้อ 4 อธิบาย : ขอ้ นี้ตอ้ งใช้ was ซ่งึ เป็นรปู อดีตกาล (past simple) เหตผุ ลกเ็ พราะมีข้อความที่แสดงอดีต คอื four hundred years และ mid-fourteenth century ระบอุ ยู่ 28. ขอ้ 1 อธิบาย : ขอ้ นตี้ อ้ งใช้ for เพราะเป็นการบอกระยะเวลาในช่วงทอี่ ยุธยาเรอื งอำนาจยาวนานถงึ 400 ปี (คำวา่ for + duration of time หรอื ความยาวของ เวลา) 29. ข้อ 2 อธิบาย : ข้อน้ีต้องใช้ superlative degree (ขั้นสดุ ) เพราะเปน็ การกล่าวถงึ ความเด่นสง่าของอยุธยา เทียบกบั เมืองใหญ่ ๆ ในแถบเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ลอนดอน หรือแม้แต่ปารสี ในยคุ สมัยนน้ั จึงเลอื ก the most magnificent city in all of Southeast Asia, … 30. ข้อ 1 อธบิ าย : เลือก with (พรอ้ มดว้ ย) เพราะมีการเอ่ยถึง กำแพงเมือง (city walls) ทที่ อดยาวเปน็ ระยะทางถงึ 12 กโิ ลเมตร 31. ข้อ 3 อธิบาย : ใช้ some twelve kilometres (ราว ๆ 12 กิโลเมตร) สำหรับตัวเลือกอาทิ quite และ mostly ไม่สามารถตามด้วยคำนามคือ twelve kilometres ได้ ส่วน further แปลว่า “ดำเนนิ ต่อไป” กไ็ ม่อาจนำมาใชใ้ นกรณีนีไ้ ด้เช่นกัน

24 เฉลยแบบประเมินหลงั การเรยี นรทู้ ่ี 4 (ต่อ) Handout 4 : รายวชิ า ภาษาองั กฤษเพ่อื การศึกษาตอ่ พต32005 Topic : การทำข้อสอบแบบเวน้ ชอ่ งว่างอย่างมีระบบ Cloze Test Nane : ………………………….………… Date : ………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. 32. ข้อ 1 อธบิ าย : ขอ้ น้ใี นโจทย์ Its wealth was… ตอ้ งตามด้วยกริยาแท้ชอ่ ง 3 เพราะเปน็ สว่ นของ verb รปู passive voice (verb to be + v3) ดังน้ันตัวเลือก ขอ้ 2, 3, 4, จงึ ผดิ หมด กลา่ วคือตัวเลือกท่ี 2 basis เปน็ moun ตัวเลือกที่ 3 basically เป็น adverb และตัวเลือกท่ี 4 basic เปน็ adjective จงึ เหลือตวั เลือกท่ีถูกตอ้ งทเี่ ปน็ verb คือ based (v.) on นนั่ เอง 33. ขอ้ 3 อธิบาย : ไวยากรณข์ องโครงสรา้ งในโจทยข์ ้อน้ตี อ้ งเปน็ ดงั นี้คือ “Adverb + Adjective + noum” ดงั นัน้ คำท่เี ป็นตัวเลอื กท่ถี ูกต้อง คือ highly (adverb) เพราะขยาย cosmopolitan (adjective) และมคี ำนาม คือ population สำหรบั ตวั เลือกท่ี 1 high เป็น Adjective แสดงขัน้ กวา่ (comparative form) 34. ข้อ 4 อธิบาย : ข้อนี้ทดสอบการใช้เครื่องหมายหลังคำว่า countries กรณีนี้ต้องเลือกเครื่องหมาย colon (:) เพราะมีการยกตัวอย่างของ neighbouring countries : (ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ชาวจีน ญป่ี นุ่ และอนิ เดยี ในแถบเอเชีย รวมถงึ ชาวยุโรป อาทจิ ากปอร์ตุเกส ฮอลแลนด์ อังกฤษ และฝรง่ั เศส 35. ข้อ 1 อธิบาย : ข้อนี้เลือก anywhere แปลว่า “ไม่ว่าจากแห่งหนใด” เพราะเนือ้ เรื่องกล่าวถึง ผู้คนไม่วา่ จากแห่งหนใด ต่างพากันเขา้ มาคา้ ขายในสมยั ที่อยธุ ยา กำลังเจริญรุ่งเรอื ง สำหรับ wherever = ไม่วา่ ท่ีใดก็ตาม, elsewhere = ทอี่ ื่นใด, whereabouts = สถานท่ซี ่งึ

25 เฉลยแบบประเมนิ หลังการเรียนรู้ที่ 4 (ต่อ) Handout 4 : รายวิชา ภาษาอังกฤษเพอื่ การศกึ ษาตอ่ พต32005 Topic : การทำขอ้ สอบแบบเวน้ ช่องวา่ งอย่างมรี ะบบ Cloze Test Nane : …………………….…………… Date : …………………….. Directions : Chooose the morst appropriate answer. ช่วงบ่ายเปน็ เวลาที่ดีที่สุดในการเตร็ดเตร่เที่ยวชมซากปรกั หักพังของอุทยาน เมืองหลวงโบราณของประเทศไทย เมืองท่ีถูกกอ่ ตัง้ (Founded on) อยู่บนเกาะที่ มนษุ ยส์ รา้ งขน้ึ มาในแม่น้ำเจา้ พระยาในช่วงกลาง ศตวรรษท่ี 14 อยุธยาเป็น (was) ศนู ย์กลางแห่งอำนาจของไทยนับเป็นเวลาถึง (for) 400 ปี อาจจะกลา่ วไดว้ า่ เปน็ เมอื ง ที่เด่นสง่าที่สุด ( the most magnificent city ) ในทุกเมืองในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเมืองที่ใหญก่ ว่ากรุงลอนดอน หรือปารีสในช่วงนั้น พร้อมด้วย (with) กำแพงเมอื งทที่ อดยาวเปน็ แนวยาวขาว ๆ (some) 12 กโิ ลเมตร มปี ระตูมากกว่า 90 ประตู และมีร่องน้ำทม่ี นษุ ย์สรา้ งข้ึนเป็นระยะทางถึง 56 กโิ ลเมตร ความม่ังค่ังของ อยธุ ยามีรากฐานมาจาก (based on) การคา้ จากเหตผุ ลการค้าได้ชักนำประชากรหลายชาตหิ ลายภาษา (hight cosmopolitan population) ไดแ้ ก่ ชาวมาเลย์, ชาว กมั พชู า, ชาวพม่า, และชาวลาว จากประเทศเพ่อื นบา้ น (neighbouring countries) ได้แก่ ชาวจนี ญป่ี นุ่ และอนิ เดยี ไม่ว่าจากแห่งหนใด (anywhere) ในเอเชยี และใน ทา้ ยทสี่ ดุ ก็มีชาวยุโรปจากประเทศโปรตเุ กส ฮอลแลนด์ อังกฤษ และฝรัง่ เศส ก็พากนั เข้ามามากมาย

Table of Contents

[Update] เคล็ดลับ : เขียนภาษาอังกฤษให้แจ่มเหมือนเจ้าของภาษา!! | การ เขียน จํา น วน เงิน ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com หลังจากที่พี่เป้และพี่ได้สำรวจความคิดเห็นจากน้องๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษพบว่าทักษะที่น้องๆ ไม่มั่นใจมากที่สุดคือการเขียน เพราะการฟังสามารถอาศัยสีหน้าท่าทางคนพูดเพื่อประกอบความเข้าใจได้ การพูดก็ยังพอใช้ภาษามือช่วยได้ ส่วนการอ่านก็ใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้เพื่อทำความเข้าใจไปทีละนิด แต่การเขียนกลับเป็นเรื่องที่ดูทางการที่สุด น้องๆ จะต้องกังวลทั้งเรื่องไวยากรณ์ คำศัพท์ และหลักการเขียนอื่นๆ อีกมากมาย พี่พิซซ่า เลยหาตัวช่วยให้น้องๆ ปรับปรุงการเขียนภาษาอังกฤษมาให้ค่ะ

 

     ก่อนที่จะไปดูวิธีแก้ไขและพัฒนาทักษะการเขียน เราต้องพิจารณาก่อนว่าอะไรคือจุดอ่อนที่ทำให้เราเขียนไม่ได้ซะที จะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุดค่ะ

การเรียงลำดับของคำ

     แม้ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษจะมีรูปแบบประธาน + กริยา + กรรม เหมือนกันอย่างฉันรักเธอกับ I love you. แต่เวลาใส่คำขยายต่างๆ เข้าไปในประโยค ลำดับจะต่างกันอย่างฉันมีกระเป๋าสีแดง ก็เป็น I have a red bag.

     นอกจากนี้เวลาทำเป็นประโยคคำถาม ภาษาอังกฤษก็จะย้ายคำกริยามาไว้หน้าประธาน ทั้งที่ภาษาไทยไม่มี เช่น นั่นคือแฟนเธอรึเปล่า กับ Is that your boyfriend? หรือเธอชื่ออะไร What is your name? (แปลตรงตัวได้ว่าอะไรคือชื่อเธอ)

     Did his dad tell him not to worry? ประโยคนี้ดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพราะคำศัพท์ก็แปลออกทุกตัว แต่ถ้าให้เขียนเองตั้งแต่แรก พี่เชื่อว่าหลายคนคงไม่แน่ใจว่าเรียงประโยคยังไงให้อ่านรู้เรื่อง (จงแปลประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษ “พ่อของเขาบอกเขารึเปล่าว่าไม่ต้องเป็นห่วง”)

 

เรื่องของเวลาและ Tense ต่างๆ

     ภาษาไทยไม่ต้องเปลี่ยนรูปตามกาล จะกินเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ ก็ยังคง “กิน” อยู่วันยังค่ำ แต่ภาษาอังกฤษกลับมีตั้ง 12 Tenses ทั้งอดีตของอดีต ทำแล้วจบแล้วในอดีต ทำแล้วแต่ยังไม่จบ จะทำแบบแน่นอน จะทำแบบยังไม่แน่นอน หรือแม้แต่กาลปัจจุบันอย่าง Present Simple Tense ที่กริยายังต้องเติม –s, -es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์อีก ตอนเด็กๆ พี่ก็เคยสงสัยค่ะว่ามันจะทำมาเยอะแยะทำไม แต่พอคิดได้ว่าคำตอบคงอยู่ที่คนคิดภาษาอังกฤษซึ่งไม่รู้ว่าจะไปเจอได้ที่ไหนแล้ว พี่เลยเปลี่ยนมาจำว่ามันมี Tense อะไรบ้าง แต่ไปสงสัยเรื่องการใช้แต่ละ Tense ให้ถูกต้องแทน (ต้องบอกว่าการสงสัยแบบหลังนี่เกิดประโยชน์มากกว่ากันเยอะ)

 

เครื่องหมายวรรคตอน

     ภาษาไทยใช้เครื่องหมายวรรคตอนไม่บ่อยมากนัก เมื่อจบประโยคก็ไม่ต้องใส่จุดด้วย (มหัพภาค) แต่ภาษาอังกฤษต้องจบประโยคด้วยจุด เพราะภาษาไทยใช้การเว้นวรรคแสดงการจบประโยคอยู่แล้ว แต่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เขียนเว้นวรรคทุกคำจึงต้องมีจุดแสดง ส่วนประโยคคำถาม ในภาษาไทยก็ไม่นิยมใช้เพราะแต่เดิมไทยไม่มีเครื่องหมายปรัศนี (?) จนกระทั่งรู้จักภาษาต่างประเทศ และถือว่ามีคำไทยที่รวมความเป็นเครื่องหมายคำถามเข้าไปในตัวอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแสดงเครื่องหมายคำถามอีก เช่น กี่, ใคร, อะไร

     นอกจากนี้ภาษาไทยยังมีไม้ยมก (ๆ), ไปยาลน้อย (ฯ), ไปยาลใหญ่ (ฯลฯ) ที่ภาษาอังกฤษไม่มีใช้  ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่จุกจิกเรื่องเครื่องหมายวรรคตอนเยอะมาก มีกฎเยอะแยะไปหมด แต่ภาษาไทยเน้นใช้ “วรรค” เป็นหลัก ซึ่งวรรคของภาษาไทยแทนเครื่องหมายวรรคตอนของภาษาอังกฤษได้หลายตัวมาก ทำให้เป็นอีกหนึ่งปัญหาการเขียน เพราะเดาไม่ถูกว่า “วรรค” ตรงนี้ควรเป็นเครื่องหมายไหนดี

 

สุภาษิต คำพังเพย สำนวน

     แต่ละภาษามีสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างกันตามวัฒนธรรมและลักษณะของประเทศนั้นๆ อย่างหนีเสือปะจระเข้ จะกลายเป็นหนีกระทะทอดไปเจอกองไฟทันที (Out of the frying pan and into the fire) หรือเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามก็เป็นเข้ากรุงโรมต้องทำตามชาวโรมัน (When in Rome do as the Romans do) ซึ่งเวลาจะใช้คนไทยคงนึกไม่ถึงกรุงโรมแน่ๆ ถ้าจะเปรียบเทียบก็น่าจะเลือกอาณาจักรที่ไทยเราคุ้นเคยมากกว่าอย่างกรุงอโยธยา

     ถึงสำนวนพวกนี้ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ แต่โชคดีที่ปัจจุบันมีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยให้เรารู้ว่าอันไหนเป็นอันไหน ทำให้ไม่ต้องพยายามแปลเองผิดๆ ถูกๆ อีกแล้วค่ะ (พี่พิซซ่า เคยรวบรวมสำนวนที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบไว้ ไปดูได้ที่นี่ค่ะ)

 

ไม่รู้คำศัพท์

     จริงๆ ปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากเพราะมีพจนานุกรมตั้งหลายประเภท แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ น่าจะเป็นการใช้ไม่เป็นมากกว่า ไม่รู้ว่าคำนี้ใช้ในประโยคนี้ได้หรือไม่ หรือว่าคำนี้มีความหมายด้านบวกหรือลบ หรือไม่แน่ใจว่ามันให้ความหมายตรงกับที่คิดไว้ในหัวรึเปล่า ฉะนั้นต้องมีพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษติดไว้ด้วยอีกเล่มหนึ่งค่ะ เลือกเล่มที่อธิบายความหมายเยอะๆ และยกตัวอย่างเยอะมากๆ จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่าคำที่เราเลือกจากพจนานุกรมไทย-อังกฤษไปใช้นั้น มันถูกต้องจริงๆ แล้วรึยัง

 

ไม่รู้จะเขียนอะไร/ไม่มีอะไรจะเขียน

     ข้อนี้จัดเป็นปัญหาการเขียนแบบไม่ขึ้นกับภาษา อย่างนี้แสดงว่าต่อให้เป็นภาษาไทยก็ยังไม่รู้จะเขียนอะไรอยู่ดี ซึ่งพี่ไม่สามารถช่วยได้ค่ะ 5555

 

     วิธีที่ดีที่สุดคือคิดเป็นภาษาอังกฤษไปเลยค่ะ ห้ามคิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลกลับเป็นภาษาอังกฤษ เพราะรายละเอียดหลายๆ อย่างอาจจะตกหล่นระหว่างการแปลได้ แต่พี่ก็เข้าใจค่ะว่ามันพูดง่ายแต่ทำยากสำหรับใครหลายๆ คน เพราะมันต้องอาศัยความคุ้นเคย ถึงจะทำให้คิดเป็นภาษาอังกฤษได้เลย แต่ทุกคนสามารถทำได้ด้วยการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการฟังหรืออ่านก็ได้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยในการใช้ภาษาค่ะ แต่ในระหว่างที่ยังไม่คุ้นกับการใช้ภาษาอังกฤษ ก็มีวิธีช่วยพัฒนาทักษะการเขียน ดังนี้

     การเขียนร่างหลายๆ ครั้งหรือเขียนแล้วทบทวนแก้ไขหลายรอบ อย่าเขียนครั้งเดียวส่งค่ะ ร่างเสร็จก็ตรวจทานใหม่ ถ้าเป็นการบ้านที่อีกนานกว่าจะส่งก็ให้รีบทำแต่เนิ่นๆ ตรวจรอบแรกแล้วทิ้งไว้ซัก 3 วันมาอ่านอีกที แก้ไขแล้วก็เว้นไว้อีก 5 วันมาแก้อีกรอบ ควรเว้นจังหวะระหว่างการแก้ไขแต่ละครั้งด้วย (เหมือนแต่งนิยาย) ครั้งหลังๆ มาอ่านก็จะรู้สึกว่า “วันนั้นฉันเขียนอะไรลงไปเนี่ย”

     จับอะไรรวมกันได้ก็รวมเข้าด้วยกัน ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าทำไมงานเขียนตัวเองมันดูพื้นๆ มากเลย มีแต่ I am. He is. They are. เต็มไปหมด เช่น He has beautiful eyes. They are green. He is looking right at me. ก็ลองรวมเป็น His beautiful green eyes are looking right at me. ซึ่งสามารถฝึกการแปลงรูปประโยคได้จากการอ่านและฟังเยอะๆ ดูหนังฟังเพลงจัดเต็มไปเลยค่ะ

     ลองอ่านออกเสียงเผื่อสะดุด การอ่านออกเสียงทำให้เราได้ใช้ประสาทสัมผัสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นก็เหมือนกับตัวช่วยตรวจสอบที่เพิ่มขึ้น บางทีพูดไปพูดมาน้องก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากับบางประโยค

     ขยันพิมพ์ภาษาอังกฤษในสเตตัส ใครจะว่าก็ช่าง แต่เราทำเพื่อพัฒนาทักษะตัวเอง เวลาอยากจะเม้าธ์หรือวิจารณ์หนังที่เพิ่งไปดูมา ก็ลองเปลี่ยนมาอัพสเตตัสเป็นภาษาอังกฤษแทน พยายามแสดงเหตุผลไปเยอะๆ พระเอกหล่อยังไง ตัวโกงดีเลวยังไง ดนตรีประกอบเพราะมั้ย เขียนไปตามใจชอบเลยค่ะ เพื่อนในเฟซบุ๊คที่เก่งภาษาอังกฤษผ่านมาเห็นก็จะช่วยแนะนำแก้ไขให้ และการแสดงความเห็นเป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ ก็จะทำให้ไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเวลาต้องเขียนงานค่ะ

     พิมพ์ลง Google เมื่อมีประโยคที่ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกมั้ย วางคำขยายถูกตำแหน่งหรือยัง ให้ลองพิมพ์ประโยคนั้นลง Google ดูค่ะ ผลลัพธ์ที่ขึ้นมาจะช่วยยืนยันได้ว่ามีคนเขียนแบบนี้หรือไม่ แต่ต้องอ่านทีละผลลัพธ์ดีๆ นะคะ ว่าเขาใช้ในสถานการณ์เดียวกันกับเรารึเปล่า

 

     น้องๆ หลายคนคงไม่อยากเขียนไปถามอาจารย์ว่าถูกมั้ย เพราะกลัวอะไรหลายๆ อย่าง (ถ้าผิดอายตายเลย) พี่พิซซ่า เลยมีเว็บไซต์ดีๆ ที่มีแบบฝึกหัดมาฝากค่ะ

     http://www.rong-chang.com/ex/contents.htm แบบฝึกหัดไวยากรณ์แบบปรนัย

     http://www.rong-chang.com/easyread/emx/contents.htm แบบฝึกหัดการเรียงประโยค คลิกทีละคำได้เลย ไม่ต้องพิมพ์ค่ะ

     http://www.rong-chang.com/writing/ แบบฝึกหัดเขียนประโยคตามรูปแบบหรือไวยากรณ์ที่กำหนดให้

     http://www.rong-chang.com/qa2/index.html รวมเรื่องสั้นพร้อมคลิปเสียง ที่จะทำให้เห็นรูปแบบการเขียนมากขึ้น

     http://www.common-mistakes.net/ เว็บรวบรวมคำผิดที่เจอบ่อยในการเขียนภาษาอังกฤษ อย่างคำที่ความหมายใกล้กัน

     http://oxforddictionaries.com/words/better-writing รวมข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่างทั้งไวยากรณ์ พจนานุกรม การสะกด เครื่องหมายวรรคตอน และอื่นๆ อีกมากมาย

 

     คำศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ละคำนอกจากจะมีความหมายตามพจนานุกรมแล้ว หลายคำยังสามารถให้อารมณ์ได้อีกด้วย นั่นคือแทนที่จะหมายถึงสิ่งหนึ่งเฉยๆ แล้ว ยังให้ความรู้สึกไปด้วยว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งนั้นในแง่บวกหรือลบ เรียกว่า Connotation ค่ะ เช่น Slim, Skinny, Slender, Thin ทั้งหมดแปลว่าผอม แต่ Skinny ให้ความรู้สึกแง่ลบ เพราะบอกเป็นนัยว่าผอมเกินไป ผอมแบบสุขภาพไม่ดี ส่วน Slim กับ Slender ให้ความหมายแง่บวกแบบตัวผอมหุ่นดี ในขณะที่ Thin คือผอมเฉยๆ ไม่ได้ใส่ความรู้สึกอะไรลงไป

     หรือ House กับ Home ที่ต่างก็แปลว่าบ้านเหมือนกัน แต่ Home ให้ความรู้สึกของบ้านทางใจ ที่ที่มีครอบครัว มีคนที่เรารักรออยู่ ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ไม่ใช่แค่อาคารที่อยู่อาศัยประเภทหนึ่งเท่านั้น การรู้จักพวก Connotative Word (คำที่เป็น connotation) จะช่วยทำให้เราสื่อสารได้ตรงกับความรู้สึกได้ดีขึ้นมากเลยค่ะ ลองไปดูตัวอย่างกัน

 

Positive Connotation

ความหมายแง่บวก

Denotation

ความหมายปกติ
ตามพจนานุกรม

Negative Connotation

ความหมายแง่ลบ

คำแปล

aroma

smell

stench

กลิ่น

thrifty

inexpensive

cheap

ไม่แพง, ถูก

cabin

hut

shack

กระท่อม

strong-willed

stubborn

pig-headed

หัวแข็ง

previously owned

second hand

used

ใช้แล้ว

unusual

strange

weird

แปลก

     ซึ่งการที่จะรู้ได้ว่าคำไหนมีความหมายตรงๆ คำไหนให้อารมณ์ร่วม แล้วเป็นความรู้สึกแง่บวกหรือลบนั้น ต้องอาศัยความคุ้นเคย ที่มาจากการอ่านหนังสือ ชมภาพยนตร์ หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษเยอะๆ ค่ะ ถึงจะเข้าใจได้ว่าเขาจัดคำนั้นๆ ไว้ในหมวดไหน ซึ่งการจัด connotation นี้ก็ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วสังคมที่ใช้ภาษาอังกฤษ เพราะในบางกลุ่มอาจจะบางคำในมุมที่ต่างออกไปก็ได้

 

 

     ถ้าน้องๆ มีข้อสงสัย ส่งคำถามมาให้ พี่พิซซ่า ได้เลยนะคะ ^^แล้วมาพบกับคอลัมน์ภาษาอังกฤษได้ในวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายนค่ะ ส่วนใครอยากอ่านเรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับการเรียนต่อนอก สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ www.dek-d.com/studyabroad

 

TWITTER: @PiZZaDekD

ข้อมูล
examples.yourdictionary.com, en.wikipedia.org/wiki/Connotation
www.elfwood.com/farp/thewriting/eslkathrel/eslkathrel.html
esl.about.com/library/lessons/blwritingplans.htm
www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=58509

อ่านเรื่องราวภาษาอังกฤษดีๆ ย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ

8 คู่ศัพท์ที่มีความหมายเกือบเหมือนกัน (และคนใช้ผิดบ่อย)

รู้ไหม? ภาษาอังกฤษก็มีสระเสียงสั้นเสียงยาวนะ

“ภาษาอังกฤษ” สำเนียงออสเตรเลีย รู้มั้ยเป็นยังไง?

รวมศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ยืมมาจากภาษาอื่น!!

10 คู่ศัพท์ENG ใช้ต่างกันในอังกฤษและอเมริกา (เคลียร์กันชัดๆ)

20 สำนวนภาษาอังกฤษที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบ


วิธีอ่าน หลักหมื่น ภาษาอังกฤษ l สอนนับเลขภาษาอังกฤษ หลักหมื่น l อ่านเลขอังกฤษ


สอนน้องๆ วิธีอ่าน หลักหมื่น ภาษาอังกฤษ พร้อมยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปเยี่ยมชมวิดีโออื่นๆ เกี่ยวกับการ สอนนับเลขภาษาอังกฤษ ได้ตาม link ด้านล่างนี้น่ะครับ วิธีนับเลขภาษาอังกฤษ: http://bit.ly/2nYNBAx

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิธีอ่าน หลักหมื่น ภาษาอังกฤษ l สอนนับเลขภาษาอังกฤษ หลักหมื่น l อ่านเลขอังกฤษ

คลิปสอนทำ function ที่แปลงตัวเลขเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ


มาละจ้า คลิปสอนทำ function ที่แปลงตัวเลขเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ
ลองหัดทำกันดูนะคะ เหมาะสำหรับ คนที่อยากศึกษาเอาไปปรับใช้ให้เหมาะกับงานของตัวเองนะคะ
ปล.มีcode vba นิดหน่อยนะคะ ไม่ยาก เอาที่ทางmicrosoft มีมาให้ปรับนิดหน่อยก็ใช้กับเราได้แล้ว

คลิปสอนทำ function ที่แปลงตัวเลขเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ

เพลงนับเลข 1-100 / นับเลขภาษาอังกฤษ / Count number song


นับเลข 1100 ภาษาอังกฤษ one hundred number/Count number song
เพลงindysong indysongKids นิทานก่อนนอนindysong
ติดตามช่อง Indysong Kids https://www.youtube.com/user/indysong
แฟนเพจ Facebook Fanpage https://www.facebook.com/IndysongKids
Playlist รวมผลงานของเราสำหรับน้องๆหนูๆ
🎼 เพลงและการ์ตูนความรู้สำหรับน้องๆ 🎼
เพลงเด็กอนุบาลดั้งเดิม ►► http://bit.ly/23Mlj6f
เพลงเด็กน่ารักแต่งใหม่ ►► http://goo.gl/ZrH7Xb
เพลงสอนลูกให้เป็นเด็กดี ►► https://goo.gl/cp2ovT
เพลงเด็กมีเนื้อเพลงคาราโอเกะ ►► https://goo.gl/RmQqoM
เพลงเด็กภาษาอังกฤษ ►► https://goo.gl/C91x14
รวมเพลง ก.ไก่ ►► http://bit.ly/1YpnUlf
รวมเพลงเป็ด ►► https://goo.gl/uWXeQo
รวมเพลงไก่กุ๊กๆ ►► https://goo.gl/TJ3vdB
รวมเพลง ABC คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ►► http://bit.ly/1Ta8ddX
สอนนับเลข คณิตศาตร์อนุบาล ►► https://goo.gl/pmmLNz
►►นิทานสำหรับเด็ก
นิทานสอนใจ https://goo.gl/Ni13Tj
นิทานอีสป นิทานสนุกๆ http://bit.ly/1VVlFrP
นิทานจากเพลงเด็ก https://goo.gl/FTYoCB
รวมนิทานน้องไข่เจียว https://goo.gl/LzChHu

เพลงนับเลข 1-100 / นับเลขภาษาอังกฤษ / Count number song

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยวาชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกม คณิตศาสตร์หรรษา ระดับประถมศึกษา (10 ข้อ) https://youtu.be/GhlHe6bjBCQ
เกม หาภาพตรงกับคำสั่ง หมวดวิทยาสาสตร์ https://youtu.be/nqoTcc0QV4
เกม ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ https://youtu.be/xcT9ntfaVk
วาดการ์ตูนปลาโลมา, เรือ, ผีเสือ, เห็ด | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สนุกกับการเรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/7_bjSKieC7c
วาดการ์ตูน ผีเสื้อ, ดอกไม้, บอลลูน, อ่างอาบน้ำ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/sfOUFKhNmwc
เกมหารูปภาพตามคำสั่ง หมวดคำราชาศัพท์ https://youtu.be/6yPm5YA2is
เกมหาอักษรที่หายไป หมวดภาษาอังกฤษ https://youtu.be/If5UsAS9ZYQ
เรียนรู้ผลไม้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เล่นไข่เซอร์ไพรส์และลุ้นถ้วยไอศครีม | wawa kids art https://youtu.be/m0b4bpQLBfY
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เกม ทายคำศัพท์ยานพาหนะ หมวดภาษาอังกฤษhttps://youtu.be/dc4ApC1qn_w
เกม หาสุภาษิตไทยจากรูปภาพ เรียนรู้ความหมายของสุภาพษิตไทย https://youtu.be/JhqtK1qae_s

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art

นับเลข 1-100 ภาษาอังกฤษ | Numbers 1-100 | Learn and song


มาฝึก นับเลข เรียนรู้ คณิตศาสตร์ กันค่ะ
นับเลข 110 อังกฤษ
https://youtu.be/ytxQIGiszoA
นับเลข 120 ไทยอังกฤษ
https://youtu.be/vF2w3ru0M78
นับเลข 150 อังกฤษ
https://youtu.be/yW_31qeFQQ
นับเลข 1100 ไทย
https://youtu.be/sIb2ufW4o04
นับเลข 1100 ไทยอังกฤษ
https://youtu.be/grJ6N2xMcG0
นับเลข 1100 อังกฤษ
https://youtu.be/F_SDkWc_smg

นับเลข 1-100 ภาษาอังกฤษ | Numbers 1-100 | Learn and song

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การ เขียน จํา น วน เงิน ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *