อนุประโยค: คุณกำลังดูกระทู้
Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำที่มีไว้สำหรับ(พูด,เขียน)แทนชื่อของคน,สัตว์,สิ่งของ,และสถานที่เพื่อป้องกันมิให้กล่าวชื่อนั้นซ้ำๆซากๆ ซึ่งเป็นการฟังไม่ไพเราะ
Pronoun มีอยู่ 8 ชนิดด้วยกันคือ
- Personal Pronoun บุรุษสรรพนาม
- Possessive Pronoun สามีสรรพนาม
- Definite Pronoun นิยมสรรพนาม
- Indefinite Pronoun อนิยมสรรพนาม
- Interrogative Pronoun ปฤจฉาสรรพนาม
- Relative Pronoun ประพันธ์สรรพนาม
- Reflexive Pronoun สรรพนามสะท้อนหรือเน้น
- Distributive Pronoun วิภาคสรรพนาม
- 1. Personal Pronounบุรุษสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนชื่อของผู้พูด, ผู้ฟัง, และผู้ที่ถูกกล่าวถึง ซึ่งมีอยู่ 2 พจน์ 3 บุรุษ คือ
เอกพจน์
พหูพจน์
บุรุษที่ 1
I
we
บุรุษที่ 2
you
you
บุรุษที่ 3
he, she, it
the
Personal Pronoun แบ่งได้ 5 รูป คือ
รูปที่ 1
รูปที่ 2
รูปที่ 3
รูปที่ 4
รูปที่ 5
I
Me
My
mine
myself
We
us
Our
ours
ourselves
You
you
Your
yours
yourself
He
him
his
his
himself
she
her
Her
hers
herself
It
It
its
its
itself
they
them
there
theirs
themselves
- Possessive Pronoun สามีสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งก็คือบุรุษสรรพนามรูปที่ 4 นั่นเอง เวลาใช้ไม่ต้องมีนามตามหลัง มีหน้าที่ 3 อย่างคือ
2.1 เป็นประธานของกิริยาในประโยค เช่น Your book is green, mine is red.
2.2 เป็นส่วนสมบูรณ์ของกิริยา เช่น this pencil is mine, that one is your.
2.3 ใช้เรียงตามหลังบุรพบท(คำเชื่อมคำ) เพื่อเน้นความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนขึ้นได้เช่น A friend of yours was killed last night.
- 3. Definite Pronounนิยมสรรพนาม คือสรรพนามที่ชี้เฉพาะและใช้แทนนามได้ ที่นิยมใช้แพร่หลายมีอยู่ 6 ตัวคือ (รวมทั้ง which ด้วย)
this, that, one 3 ตัวนี้ใช้แทนนามที่เป็นเอกพจน์.
These, those, ones 3 ตัวนี้ใช้แทนนามที่เป็นพหูพจน์.
*นิยมสรรพนามนี้ ทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของกิริยาในประโยคได้ตามแต่ จะ ใช้งาน.
- 4. Indefinite pronounอนิยมสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนนามได้ทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าแทนคนนั้นคนนี้โดยตรง (ตรงข้ามกับ Definite Pronoun) ได้แก่คำว่า some, any, all, someone, somebody, anybody, few, everyone, many, nobody, everybody, other……etc.
*ข้อสังเกต ทั้งนิยมสรรพนามและอนิยมสรรพนาม ถ้าใช้โดยมีคำนามอื่นตามหลังจะกลายเป็นคำคุณศัพท์ไป แต่ถ้าใช้โดยไม่มีคำนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นนิยมสรรพนามหรืออนิยมสรรพนาม.
- 5. Interrogative pronounปฤจฉาสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้เป็นคำถาม และต้องไม่มีนามตามหลังด้วยจึงจะเรียกว่าเป็นปฤจฉาสรรพนาม ได้แก่ Who , whom, whose , what, which ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้.
- Who (ใคร) ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นประธานของกิริยาในประโยคได้ บางครั้งก็เป็นกรรมได้ เช่น. Who is standing there ? ใครกำลังยืนอยู่ที่นั่น?.
- Whom (ใคร) ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นกรรมของกิริยาหรือบุรพบท (บางครั้งใช้ Who แทน).เช่น Whom do you love ? คุณรักใคร ?.
- Whose (ของใคร) ใช้ถามถึงเจ้าของ และต้องเป็นบุคคลเท่านั้น เช่น. Whose is the car ? รถคันนี้เป็นของใคร
- What (อะไร) ใช้ถามถึงสิ่งของเป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น:-
– ถ้าเป็นประธานต้องไม่ใช้กริยาอะไรมาช่วยทั้งสิ้น เช่น What delayed you ?
อะไรทำให้คุณล่าช้า.
– ถ้าเป็นกรรมต้องมีกริยาช่วยตัวอื่นมาร่วมด้วย และวางไว้หลัง What เช่น What
do you want ?
- Which (สิ่งไหน อันไหน) ใช้ถามถึงสัตว์, สิ่งของ, เป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น ถ้าเป็นประธานไม่ต้องใช้กริยาอื่นมาช่วย Which is the best? อันไหนดีที่สุด ?.(อนึ่งปฤจฉาสรรพนาม Whose ,which, what นี้ ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังก็เป็นคุณศัพท์ไป ถ้าไม่มีนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นปฤจฉาสรรพนาม)
- 6. Relative Pronounประพันธ์สรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนที่อยู่ข้างหน้า และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยค ซึ่งอาจเป็นประธานของประโยคหลังได้ด้วย ได้แก่ Who, Whom, Whose, Which, Where, what, when, why, that .
- Who (ผู้ซึ่ง) ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้กระทำด้วย เช่น The man who came here last week is my cousin. ชายผู้ซึ่งมาที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน.
- Whom (ผู้ซึ่ง) ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นต้องเป็นผู้ถูกกระทำด้วย เช่น The boy whom you saw yesterday is my brother. เด็กชายผู้ซึ่งคุณพบเมื่อวานนี้เป็นน้องชายของผม.
- Whose(ผู้ซึ่ง…..ของเขา) ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของนามที่ตามหลัง ดังนั้นเมื่อมี Whose ก็ต้องมีนามตามหลัง Whose เสมอ เช่น The girl whose father is a teacher goes to school every day. เด็กหญิงผู้ซึ่งพ่อของเขาเป็นครูนั้นไปโรงเรียนทุกวัน.(เป็นคำแสดง ความ เป็นเจ้าของ Father).
- Which (ที่,ซึ่ง) ใช้แทนนามที่เป็นสัตว์ สิ่งของ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม The animal which has wing is a bird. สัตว์ที่มีปีกนั้นคือนก(เป็นประธานของอนุประโยค has wings) The kitten which I gave to my aunt is very naughty. ลูกแมวซึ่งฉันให้แก่คุณป้าของฉันไปนั้นซุกซนมาก.(เป็นกรรมของกริยา gave ในอนุประโยค I gave to my aunt).
- Where (อันเป็นที่) ใช้แทนนามที่เป็นสถานที่ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น The night club is the place where is not suitable for children. ไนท์คลับเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ(เป็นประธานของอนุประโยค is not suitable for children ) The hotel is the place where I like best . โรงแรมเป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุด.(เป็นกรรมของ like).
- What (อะไร,สิ่งที่) ใช้แทนนามที่เป็นสิ่งของ นามที่ What ไปแทนทำหน้าที่เป็นประพันธ์สรรพนามนั้นไม่ต้องปรากฏให้เห็นอยู่ข่างหน้าเหมือนประพันธ์สรรพนามตัวอื่น ทั้งนี้เพราะถูกละไว้ในฐานะที่เข้าใจแล้ว เช่น I know what is in the box. ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องใบนี้.
- When (เมื่อ,ที่) ใช้แทนนามที่เกี่ยวกับเวลา ,วัน, เดือน,ปี เช่น Sunday is the day when we don’t work. วันอาทิตย์คือวันที่เราไม่ทำงาน.
- Why (ทำไม) ใช้แทนนามที่เป็นเหตุผล (ส่วนมากใช้แทน reason ) เช่น This is the reason why I go to Hong Kong. นี้คือเหตุผลที่ว่า ทำไมผมจึงไปฮ่องกง.
- That (ที่,ซึ่ง) ใช้แทนคน, สัตว์, สิ่งของ, และสถานที่ได้ แต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ 4 ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง อันได้แก่ :-
- เป็นนามที่มีคุณสมบัติสูงสุดมาขยายอยู่ข้างหลัง เช่น He is the tallest man that I have ever seen. เขาเป็นคนสูงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา.
- เป็นนามที่มีเลขจำนวนนับที่มาขยายอยู่ข้างหน้า เช่น China is the first country that I am going to visit. จีนเป็นประเทศแรกที่ข้าพเจ้าจะไปเที่ยว.
- เป็นนามที่มีคุณศัพท์บอกปริมาณมาขยายอยู่ข้างหน้า เช่น She has much money that she give me. หล่อนมีเงินอยู่มากที่หล่อนจะให้ผม.
- เป็นสรรพนามผสมต่อไปนี้ตัวใดตัวหนึ่งปรากฏอยู่แล้ว คือsomeone, somebody, something, anyone, anything, anybody, anyone, everything, no one, nothing, etc. เช่น There is nothing that I can do for you. ไม่มีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้.
- 7. Reflexive Pronounสรรพนามสะท้อนหรือเน้น ได้แก่บุรุษสรรพนามที่ 5 นั่นเอง อันได้แก่ myself, yourself, ……. Themselves. เวลาใช้มีวิธีใช้ 4 อย่างคือ :-
- เรียงไว้หลังประธาน เมื่อต้องการเน้นว่าประธานเป็นผู้กระทำกิจนั้นด้วยตนเอง เช่น I myself study English. ผมเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง.
- เรียงไว้หลังกริยา เมื่อบอกว่าผลการกระทำนั้นเกิดจากผู้กระทำเองเช่น I will punish myself if I do mistakes ผมจะลงโทษตัวเอง หากผมทำผิด.
- เรียงไว้หลังกรรม เมื่อต้องการเน้นกรรมนั้นเช่น I spoke to the President himself . ผมได้พูดกับตัวท่านประธานาธิบดีเอง.
- เรียงไว้หลังบุรพบท by วางไว้สุดประโยคทุกครั้งไป เมื่อต้องการแสดงว่าประธานผู้นั้นกระทำกิจนั้นโดยลำพังคนเดียว เช่น Pranee makes her dress by herself.
- 8. Distributive Pronounวิภาคสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามในการแบ่งหรือจำแนกออกเป็นครึ่งหนึ่ง, สิ่งหนึ่ง, หรือตัวหนึ่ง วิภาคสรรพนามที่นิยมใช้กันมากคือ
each แต่ละ, either คนใดคนหนึ่ง, neither ไม่ใช่ทั้งสอง หรือไม่ใช่ทั้งสอง เช่น
There are ten boy each has one hundred bath. มีเด็กอยู่ 10 คน แต่ละคนมีเงินอยู่คนละ 100 บาท.
* ข้อสังเกต วิภาคสรรพนามถ้าใช้ลอยๆเป็นสรรพนาม แต่ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังจะเป็นคุณศัพท์
Article
Article คือ คำที่ใช้นำหน้านาม คือคำนามในภาษาอังกฤษทุกตัว เวลาพูด-เขียนจะต้องมี Article นำหน้าทั้งสิ้น(ยกเว้นบางตัวที่จะกล่าวต่อไป)
Article มีอยู่ 2 ชนิดคือ
- Indefinite Article คือคำนำหน้านามแล้วมีความหมายทั่วไป อันได้แก่ A , An.
- Definite Article คือคำนำหน้านามแล้วมีความหมายชี้เฉพาะ ได้แก่ The .
หลักทั่วไปของการใช้ A
คือเมื่อ A นำหน้านามใดนามนั้นต้องมีลักษณะครบ 4 ประการ อันได้แก่
- เป็นนามเอกพจน์
- เป็นนามนับได้
- เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ
- เป็นนามที่มีความหมายทั่วไป เช่นa book, a man, a bus, a pen
* ข้อยกเว้น ห้ามใช้ A นำหน้า คือนามบางตัวที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่อ่านออกเสียงสระที่อยู่ถัดไป นามตัวนั้นให้ใช้ AN นำหน้าแทน (มี H เท่านั้น)
หลักทั่วไปของการใช้ AN
คือเมื่อ AN นำหน้านามใด นามนั้นจะต้องมีลักษณะครบ 4 ประการ คือ
- เป็นนามเอกพจน์
- เป็นนามนับได้
- เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ คือ A , E , I , O , U.
- เป็นนามที่มีความหมายทั่วไป
* ข้อยกเว้น ห้ามใช้ AN นำหน้าคือ นามบางตัวที่ขึ้นต้นด้วยสระ แต่อ่านออกเสียงเป็นพยัญชนะ”ย” นามตัวนั้นให้ใช้ A นำหน้าแทน (มี U และ E เท่านั้น).
นามต่อไปนี้ห้ามใช้ทั้ง A และ AN นำหน้าเด็ดขาด
- นามที่นับไม่ได้ทุกชนิด
- นามพหูพจน์ทุกชนิด
หลักทั่วไปของการใช้ THE
คำว่า The แปลว่า นั้น,นี้ คือเป็นการชี้เฉพาะถึงสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว ซึ่ง The ใช้นำหน้านามได้ทุกชนิด ทุกประเภท นั่นคือ
- เป็นนามเอกพจน์ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- เป็นนามพหูพจน์ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ ก็ใช้ The นำหน้าได้ (แต่ให้อ่านว่า ดิ )
- เป็นนามที่นับได้ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- เป็นนามที่นับไม่ได้ ก็ใช้ The นำหน้าได้
- แต่นามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะต้องมีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เช่น.
The water in the bottle is very poor. น้ำที่อยู่ในขวดนี้เย็นมาก.
นามต่อไปนี้ห้ามใช้ the นำหน้า
- นามที่กล่าวขึ้นมาลอยๆ
- นามที่ระบุไว้ในหัวข้อว่าห้ามใช้ the นำหน้า (ซึ่งมีข้อห้ามมากมายแต่จะไม่กล่าวถึง เช่น อาการนาม,ชื่อเฉพาะของคน,ชื่อถนน ,ชื่อวัน, เดือน, ปี, ลัทธิ,ศาสนา เป็นต้นซึ่ง ห้ามใช้ ทั้ง a, an,และthe นำหน้า)
* อนึ่งแม้ลักษณะของประโยคจะไม่มีคำบ่งชี้เฉพาะเอาไว้ แต่ถ้านามนั้นเป็นที่รู้จักกันดีระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง ก็ให้ใช้ the นำหน้าได้ เช่น
When you go out, don’t forget to close a door. เมื่อคุณออกไปข้างนอก อย่าลืมปิดประตู(บานไหนก็ได้)นะ.
When you go out, don’t forget to close the door. เมื่อคุณไปข้างนอก อย่าลืมปิดประตู(บานนั้น)นะ.
การใช้ a, an, the แบบระคน
– ถ้านามนั้นไม่มีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมาขยายอยู่ข้างหลังให้ใช้ a, an ทันที เช่น
A boy like to see monkey. เด็กชอบดูลิง.
– ถ้านามนั้นมีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมา ขยายอยู่ข้างหลัง ให้ใช้ the ทันที เช่น
The man in this room is our teacher. ผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้เป็นครูของเรา.
* มีหลักพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ นามใดก็ตามที่เป็นเอกพจน์นับได้ ที่กล่าวขึ้นมาลอยๆ ให้เติม a , an ทันที แต่ถ้านามนั้นถูกยกขึ้นมากล่าวอีกเป็นครั้งที่ 2 ให้เติม the ทันทีเช่น
A black cat, the cat is fat. แมวตัวหนึ่งสีดำ แมวตัวนั้นอ้วน
* อนึ่งยังมีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับคำนามบางตัวว่านามตัวใดใช้เฉพาะ a, an และนามตัวใดใช้เฉพาะ the ซึ่งเป็นคำนามพิเศษ แต่ในที่นี้จะไม่กล่าวถึง
Table of Contents
[NEW] อนุประโยค Relative Clause ใช้อย่างไรในภาษาอังกฤษ | อนุประโยค – NATAVIGUIDES
Relative Clause คืออะไร?
สวัสดีค่ะนักเรียนม. 3 ที่รักทุกคน วันนี้เราจะไปดู Relative clause หรือ อนุประโยคในภาษาอังกฤษ ที่ทำหน้าที่เหมือนกันกับคำคุณศัพท์ (Adjective) ซึ่งมีหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า และจะใช้ตามหลัง Relative Pronoun เช่น who, whom, which, that, และ whose แต่สงสัยมั้ยคะว่าทำไมต้องเรียนเรื่องนี้ ลองดูตัวอย่างประโยคด้านล่างแล้วจะร้องอ๋อ
ตัวอย่างประโยค
A girl is talking to Daniel. Do you know the girl?
ผู้หญิงกำลังคุยกับแดเนียล คุณรู้จักผู้หญิงมั้ย หากถามแบบนี้จะดูยาวและทะแม่งๆ ไม่คุ้นหูฝรั่งสักเท่าไหร่ โดยปกติเวลาเราจะเปลี่ยนประโยค 2 ประโยคให้เป็น Relative Clause โดยการดึงเอาส่วนที่เป็นประโยคหลักมาก่อนในที่นี้ก็คือ เราอยากรู้ว่าผู้ชายคือใคร คุณแดเนียลนั่นน่ะ
ขั้นตอนที่1 คือ แยกประโยคหลัก Do you know the girl? จากประโยคข้างต้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าผู้หญิงที่พูดถึงเป็นใคร ดังนั้นเราจึงต้องใส่ข้อมูลเพิ่มเติม A girl is talking to Daniel. ใช้ A girl is talking to Daniel. เฉพาะในส่วนประโยคแรก และในส่วนที่สองเราแทนที่ด้วย relative pronoun
(ใช้ who ในกรณีอ้างถึงบุคคล) ดังนั้นประโยคจะเปลี่ยนเป็น
” Do you know the girl who is talking to Daniel? “
คุณรู้จักผู้หญิงที่กำลังคุยกับแดเนียลมั้ย เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะเห็นภาพของการใช้งาน Relative Clause แล้วใช่มั้ยคะ? อย่าพึ่งท้อนะคะ ไปลุยกันต่อกับประเภทของ Relative Clause เห็นข้อดีของการใช้ Relative pronoun หรือยังล่ะทีนี้ วันนี้ยังเหลืออีกเพียบไปดูกันเลยค่ะ
ประเภทของ Relative Clause
Relative Clause สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ Defining Relative Clause และ Non-defining Relative Clause ขอเกริ่นก่อนว่าเราจะใช้ defining relative clause เพื่อบอกถึงสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (หากขาดไปก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพูดถึงอะไร)
เช่น I like the handsome man who sits next to me.
(ถ้าเราไม่บอกว่า “who sits next to me” ก็จะไม่ทราบเลยว่าหมายถึงผู้ชายคนไหน)
เราใช้ non-defining relative clause บอกถึงข้อมูลเพิ่มเติมของสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (เราไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลนี้เพื่อที่จะเข้าใจว่าพูดถึงอะไร) เช่น
I live in Thailand, which has beautiful tourist attractions.
(ประเทศไทยมีหลายสิ่งหลายอย่างน่าสนใจดังนั้น “which has beautiful tourist attractions.” ถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติม จะมีหรือไม่มีก็ได้)
สรุปการใช้ Defining Relative Clauses
1. ทำหน้าที่คล้ายคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อไปขยายนามที่อยู่ข้างหน้า ให้ได้ใจความสมบูรณ์และชัดเจนว่า หมายถึง ใคร สิ่งไหน หรือ ของใคร เป็นต้น
2. ไม่มีเครื่องหมาย comma (,) คั่นระหว่างนามกับ Defining Relative Clause
3. จะขึ้นต้นด้วยคำสรรพนาม (Relative Pronoun) ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนามที่ขยาย เช่น ถ้าขยายนามที่เป็นคน Relative Pronoun ก็ต้องเป็นคำที่ใช้แทนคน ฯลฯ
หน้าที่ของ Relative Pronoun จะมีหน้าที่อยู่ 3 ประการหลัก คือ
ทำหน้าที่เป็นประธาน มี 2 แบบ คือ
1.1 ถ้าเป็นคนใช้ who เช่น
I’m looking for a teacher who can teach me well.
ฉันกำลังมองหาครูที่สามารถสอนได้ดี
1.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของใช้ which หรือ that เช่น
The mobile phone which / that is on the yellow shelf is mine.
มือถือที่วางอยู่บนชั้นวางของสีเหลืองเป็นของฉัน
- ทำหน้าที่เป็นกรรม มี 2 แบบ ได้แก่
2.1 ถ้าเป็นคนใช้ whom เช่น
The woman whom I talked to yesterday is Liza from Black Pink band.
ผู้หญิงที่ผมคุยด้วยเมื่อวานคือลิซ่าจากวงแบล็คพิงค์
2.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ใช้ which หรือ that เช่น
I like the notebook that Jenny used yesterday.
ฉันชอบสมุดจดบันทึกที่เจนนี่ใช้เมื่อวานนี้
- 3. ทำหน้าที่เป็น “เจ้าของ” มี 2 แบบ คือ
3.1 เป็นคน ใช้ whose เช่น
The beautiful girl whose wallet is made from leather is Angelina.
ผู้หญิงคนสวยที่ถือกระเป๋าหนังใบนั้นชื่อแองเจลลิน่า
3.2 หากเป็นสัตว์หรือ สิ่งของให้ใช้ of which เช่น
The motorbike of which hand-break is broken has already been fixed last week.
รถมอเตอร์ไซค์คันที่เบรกมันเสียถูกซ่อมแล้วนะตั้งแต่อาทิตย์ก่อน
การใช้ Non-defining Relative Clauses
เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคนสำหรับการใช้ Defining relative clauses ซึ่งจะต่างจาก Non-defining relative Clause ลองไปดูลักษณะที่สำคัญ อยู่ 3 ประการกันค่ะ
1. ลักษณะจะเป็น clause ที่เพิ่มเข้ามา ไม่มีความจำเป็นกับใจความหลักในประโยคแค่เราเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้ความละเอียดมากขึ้นเฉยๆ
2. ต้องมีเครื่องหมาย Comma ข้างหน้าและข้างหลัง clause เสมอนะคะ ย้ำว่าเสมอ
3. ใช้กับ Relative pronouns ซึ่งไม่ชี้เฉพาะเจาะจง ได้แก่ who, whom, whose หรือ which เท่านั้น จะใช้ that ไม่ได้เลย
ตัวอย่างเช่น
My boyfriend, who is very handsome, lives in Korea.
แฟนของฉัน คนที่หล่อๆนั่นน่ะ อยู่ที่เกาหลี
Relative pronouns:
Relative pronoun ได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why เราจะใช้ relative pronoun ในการเชื่อมประโยคหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใดๆ
ถาม: ถ้าตัด relative clause ทิ้งไป แล้วประโยคหลักไม่ได้มีใจความสำคัญเปลี่ยนไปมั้ยคะ
ตอบ: ไม่จำเป็นค่ะ เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลักแค่นั้น
Relative pronoun ส่วนใหญ่จะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ยกเว้น whom ที่จะเป็นได้แค่กรรมเท่านั้นนะคะ ส่วนการใช้ relative pronoun เป็นกรรม เราสามารถละ relative pronoun ได้ เช่น The person (who/whom/that) I met yesterday is Tim.
ถามอีก: การใช้ relative pronoun แทนสิ่งต่างๆ จะมีข้อกำหนดว่าเราจะใช้ตัวไหนแทนสิ่งใดได้กันบ้างล่ะ
ตอบ: ใช้กับสิ่งต่างๆเหล่านี้ค่ะ
คน – who, whom (กรรม), whose, that
สัตว์ – who (สัตว์เลี้ยง), whose, which, that
สิ่งของ, สิ่งไม่มีชีวิต, สิ่งที่เป็นนามธรรม – whose, which, that
ถาม: แล้วการใช้ Where, when, why
ตอบ: เราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล
เมื่อใช้เชื่อม relative pronoun เป็นกรรม การใช้ preposition ใน relative clause กับ whose และ which นั้นเราสามารถนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whose กับ which ได้ แต่ส่วนใหญ่เราจะเจอในการเขียนที่เป็นทางการ academic writing และเมื่อใช้ whom การใช้ preposition ใน relative clause เราจะนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whom
ตัวอย่างและรูปแบบการใช้งาน Relative Adverbs
Relative adverb คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมคำ กับอนุประโยค หรือ ประโยครองเพื่อขยายความเพิ่มเติมให้รู้ว่า เมื่อไหร่ ที่ไหน ทำไม ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 คำ ได้แก่ when where และ why
1) Relative Adverb ที่ใช้แทนสถานที่
where ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า สถานที่ซึ่ง ที่
The house where adopted children live is very far.
บ้านหลังที่เด็กกำพร้าอาศัยอยู่ อยู่ไกลมาก
2) Relative Adverb ที่ใช้แทนเวลา
when ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า ที่
The time when I was ten years old, my mother passed away.
ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ แม่ก็ได้จากไปแล้ว
3) Relative Adverb ที่ใช้แทนเหตุผล
why ใช้เป็นกรรมของประโยค แปลว่า ที่
I have no idea why Tina dumped Adwerd.
ฉันไม่รู้เหตุผลที่ตีน่าทิ้งแอดเวิร์ดเลย
เป็นยังไงกันบ้างคะอย่าลืมฝึกเขียนกันเยอะๆนะคะ เพื่อที่เราจะได้ฝึกแต่ง Relative Clause ให้เจ๋งๆ ถ้าเกิดว่าเรายังไม่เข้าใจจุดไหนสามารถโพสต์ถามได้ที่ด้านล่างเลยนะคะ ครูยินดีตอบเสมอ อย่าลืมทบทวนบทเรียนผ่านวีดีโอด้านล่างเด้อ เลิฟๆ
+1
Unit 10 A | Relative clauses and noun clauses | Passages 1
Online grammar resources for students; Unit 10 \”The art of complaining\” Relative clauses and noun clauses; Page 81. Passages 1 by Jack C. Richards and Chuck Sandy.
Instagram
👉 [ abcenglish.tv ]
👉 https://www.instagram.com/abcenglish.tv/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
นะฮุ ตอนที่ 7 ประโยคและอนุประโยค
ประโยคความรวม – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6
สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.6 ชุดนี้
เรื่อง ประโยคความรวม
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สื่อการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ป.1 ม.3 ที่
ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
Tự Học Tiếng Thái Bài.91 – Bài.92 – Learn 50 Languages
Tự Học Tiếng Thái Bài.91 Bài.92 Learn 50 Languages
91 Chín mươi mốt
91 เก้าสิบเอ็ด
Mệnh đề phụ với rằng 1
อนุประโยค รองลงมาที่ 1
Thời tiết ngày mai có thể tốt hơn.
พรุ่งนี้อากาศอาจจะดีขึ้น
Tại sao bạn biết?
คุณไปรู้มาจากไหน
Tôi hy vọng rằng sẽ tốt hơn.
ผม / ดิฉัน หวังว่ามันจะดีขึ้น
Anh ấy chắc chắn tới.
เขาต้องมาแน่
Chắc chắn không?
แน่หรือ?
Tôi biết rằng anh ấy tới.
ผม / ดิฉันรู้ว่าเขาจะมา
Anh ấy chắc chắn gọi điện thoại.
เขาโทร.มาแน่
Thật à?
จริงหรือ?
Tôi tin rằng anh ấy gọi điện thoại.
ผม / ดิฉันเชื่อว่าเขาจะโทร.มา
Rượu vang này chắc cũ rồi.
ไวน์นี่เก่าแน่ๆ
Bạn biết chắc không?
คุณรู้แน่หรือ?
Tôi đoán rằng nó cũ rồi.
ผม / ดิฉัน คิดว่ามันเก่า
Ông chủ chúng tôi trông đẹp trai.
หัวหน้าของเราดูดีมาก
Bạn thấy vậy sao?
คุณคิดอย่างนั้นไหม?
Tôi thấy rằng ông ấy quả thật rất đẹp trai.
ผม / ดิฉัน ว่าเขาหล่อมากทีเดียว
Ông chủ này chắc chắn có bạn gái.
หัวหน้ามีแฟนแล้วแน่ ๆ
Bạn thật nghĩ vậy sao?
คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆหรือ?
Rất có thể rằng ông ấy có bạn gái.
เป็นไปได้อย่างมาก ว่าเขามีแฟนแล้ว
92 Chín mươi hai
92 เก้าสิบสอง
Mệnh đề phụ với rằng 2
อนุประโยค รองลงมาที่ 2
Tôi bực mình vì bạn ngáy.
ผม / ดิฉัน โมโหที่ คุณ นอนกรน
Tôi bực mình vì bạn uống nhiều bia quá.
ผม / ดิฉัน โมโหที่ คุณ ดื่มเบียร์เยอะ
Tôi bực mình vì bạn đến muộn.
ผม / ดิฉัน โมโหที่ คุณ มาช้า
Tôi nghĩ rằng anh ấy cần bác sĩ.
ผม / ดิฉัน คิดว่าเขาต้องการหมอ
Tôi nghĩ rằng anh ấy bị ốm.
ผม / ดิฉัน คิดว่าเขาไม่สบาย
Tôi nghĩ rằng anh ấy đang ngủ.
ผม / ดิฉัน คิดว่าตอนนี้เขาหลับอยู่
Chúng tôi hy vọng rằng anh ấy kết hôn với con gái của chúng tôi.
เราหวังว่า เขาจะแต่งงานกับลูกสาวของเรา
Chúng tôi hy vọng rằng anh ấy có nhiều tiền.
เราหวังว่า เขามีเงินมาก
Chúng tôi hy vọng rằng anh ấy là triệu phú.
เราหวังว่า เขาเป็นเศรษฐีเงินล้าน
Tôi đã nghe nói rằng vợ của bạn đã gặp tai nạn.
ผม / ดิฉัน ได้ข่าวว่า ภรรยาของคุณประสบอุบัติเหตุ
Tôi đã nghe nói rằng chị ấy nằm ở bệnh viện.
ผม / ดิฉัน ได้ข่าวว่า เธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
Tôi nghe nói rằng xe hơi của bạn bị hỏng hoàn toàn.
ผม / ดิฉัน ได้ข่าวว่า รถของคุณพังทั้งคัน
Tôi rất vui, vì bạn đã đến.
ผม / ดิฉัน ดีใจที่คุณมา
Tôi rất vui, vì bạn quan tâm.
ผม / ดิฉัน ดีใจที่คุณสนใจ
Tôi rất vui, vì bạn muốn mua căn nhà.
ผม / ดิฉัน ดีใจที่คุณอยากจะซื้อบ้านหลังนั้น
Tôi sợ rằng chuyến xe buýt cuối cùng chạy mất rồi.
ผม / ดิฉัน เกรงว่ารถประจำทางคันสุดท้ายไปแล้ว
Tôi sợ rằng chúng tôi phải lấy tắc xi.
ผม / ดิฉัน เกรงว่าเราจะต้องไปโดยรถแท็กซี่
Tôi sợ rằng tôi không mang theo tiền.
ผม / ดิฉัน เกรงว่า ผม / ดิฉัน ไม่มีเงินติดตัวมา
►Thank you so much for watching our video, Please click subscribe for get new videos every day: https://bit.ly/2mkGhju
►Channel Youtue Learn 50 languages: https://bit.ly/2mkGhju
สุดแต่กรรมจะนำไป อนาลโยวาทกัณฑ์ที่4 พระธรรมคำสอน หลวงปู่ขาว อนาลโย
ถ้าดูคลิปแล้วอย่าลืมกดติดตามเพื่อ ถ้ามีคลิปใหม่มาจะได้ดูได้ทันนะครับ \r
ขอบคุณสำหรับผู้ติดตาม กดติดตามช่อง ปลดล็อค ฟังธรรม ได้ที่ลิ้งนี้\r
https://www.youtube.com/channel/UCksA8_qZsu_MSa8QdKhTbGw\r
\r
ขอเชิญร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุพุทธวงศ์โพธิญาณ\r
เพื่อค่อมองค์เดิมซึ่งชำรุด สถานที่บ้านหนองตาโฮม ต.ขี้เหล็ก อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด โดยท่านสามารถโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิพุทธภูมิโพธิยาลัย(ทิพย์บูรพา) ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 0488201484 ท่านสามรถส่งหลักฐานการโอนเงินเพื่อขอรับใบอนุโมทนาบัตรได้ที่เพจ มูลนิธิพุทธภูมิโพธิยาลัยทิพย์บูรพา ตามลิ้งค์นี้ ติดต่อสอบถามผ่านเพจได้เลย https://www.facebook.com/Bhuddhaphumi/\r
\r
Buddhism is the world’s fourthlargest religion with over 520 million followers, or over 7% of the global population, known as Buddhists. Buddhism encompasses a variety of traditions, beliefs and spiritual practices largely based on original teachings attributed to the Buddha and resulting interpreted philosophies. Buddhism originated in ancient India as a Sramana tradition sometime between the 6th and 4th centuries BCE, spreading through much of Asia. Two major extant branches of Buddhism are generally recognized by scholars: Theravada (Pali: \”The School of the Elders\”) and Mahayana (Sanskrit: \”The Great Vehicle\”).\r
\r
Most Buddhist traditions share the goal of overcoming suffering and the cycle of death and rebirth, either by the attainment of Nirvana or through the path of Buddhahood. Buddhist schools vary in their interpretation of the path to liberation, the relative importance and canonicity assigned to the various Buddhist texts, and their specific teachings and practices.[9][10] Widely observed practices include taking refuge in the Buddha, the Dharma and the Sangha, observance of moral precepts, monasticism, meditation, and the cultivation of the Paramitas (virtues).\r
\r
Theravada Buddhism has a widespread following in Sri Lanka and Southeast Asia such as Myanmar and Thailand. Mahayana, which includes the traditions of Pure Land, Zen, Nichiren Buddhism, Shingon and Tiantai (Tendai), is found throughout East Asia.\r
\r
Vajrayana, a body of teachings attributed to Indian adepts, may be viewed as a separate branch or as an aspect of Mahayana Buddhism. Tibetan Buddhism, which preserves the Vajrayana teachings of eighthcentury India, is practiced in the countries of the Himalayan region, Mongolia, and Kalmykia.
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ อนุประโยค