Skip to content
Home » [Update] ประโยคสำหรับขอร้อง (Request) คำพูดสำคัญในภาษาอังกฤษ | ช่วยแต่งประโยคภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] ประโยคสำหรับขอร้อง (Request) คำพูดสำคัญในภาษาอังกฤษ | ช่วยแต่งประโยคภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ช่วยแต่งประโยคภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

การขอร้องให้คนอื่นทำอะไรหรือช่วยอะไรนั้น ควรพูดให้สุภาพเข้าไว้ มิฉะนั้นแล้วอาจจะได้รับการปฏิเสธได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามการขอร้องมีหลายระดับ คือ ระดับธรรมดา สุภาพและสุภาพที่สุด หรือในเรื่องที่ยากง่ายต่างกัน ฉะนั้น จะขอร้องให้ทำหรือช่วยอะไรนั้น ควรใช้คำให้เหมาะสมกับระดับเหตุการณ์นั้นๆ ในการขอร้องใช้คำได้หลายวิธี หลายประโยค ในที่นี่อาจจำแนกประโยคต่างๆ ที่ใช้ในการขอร้องได้ดังต่อไปนี้
1. ประโยคคำสั่ง (Command) ประโยคคำสั่งเป็นประโยคที่ขึ้นต้น ด้วยคำกริยาไม่มีประธาน เช่น Sit down. นั่งลง Open the window. เปิดหน้าต่างด้วย Don’t disturb her. อย่ารบกวนเธอ ประโยคชนิดนี้สร้างเป็นการขอร้องโดยการเติม Please (โปรด กรุณา) เข้าไป อาจจะวางต้นประโยค หรือท้ายประโยคก็ได้ การขอร้องด้วยประโยคชนิดนี้ ถือเป็นการขอร้องโดยตรง นิยมใช้โดยทั่วไป โดยมีรูปประโยคดังนี้
Please…………..         กรุณา / โปรด……………..
…………………….please.
ตัวอย่าง
Please sit down.
กรุณานั่งลง
Open the window, please.
กรุณาเปิดหน้าต่างด้วย
Please don’t disturb her.
กรุณาอย่ารบกวนเธอ
Please give me your name.
กรุณาบอกชื่อคุณด้วย
Don’t park in front of the office, please.
กรุณาอย่าจอดรถหน้าสำนักงาน
Please get me a chair.
กรุณาหาเก้าอี้ให้ฉันสักตัวด้วย
2. ประโยคบอกเล่า (Statement) การขอร้องอาจจะใช้เป็นรูปประโยคบอกเล่าธรรมดาก็ได้ แม้จะถือว่าเป็นการแสดงความต้องการของผู้พูดเองขึ้นมาลอยๆ โดยใช้กริยาที่แสดงออกถึงความต้องการ คือ want หรือ would like โดยการเติม Please เข้าท้ายประโยค ใช้ would like เป็นการสุภาพกว่า มีรูปประโยคดังนี้
I want …………, please.
ฉันต้องการ………………..
I would like …………….., please.
ฉันต้องการ……………………………
ตัวอย่าง
I want some water, please.
ฉันต้องการนํ้าบ้าง
I want a pen, please.
ฉันต้องการปากกาด้ามหนึ่ง
I want some drinks, please.
ฉันต้องการเครื่องดื่มสักอย่าง
I would like a cup of coffee, please.
ฉันต้องการกาแฟสักถ้วย
I would like the red one, please.
ฉันต้องการอันสีแดง
เพื่อให้มีความหมายเป็นการขอร้องโดยตรง ในรูปประโยคบอกเล่า ใช้กริยา ask หรือ request (ขอร้อง) ได้เลย หรือแสดงความต้องการจะขอร้อง โดยนำด้วย want หรือ would like และตามด้วย infinitive ดังโครงสร้างต่อไปนี้
I ask you to
ฉันขอร้องคุณให้ช่วย
I request you to
ฉันขอร้องคุณให้ช่วย
I want to ask you to
ฉันต้องการขอร้องคุณช่วย
I want to request you to
ฉันต้องการที่จะขอร้องคุณให้ช่วย
ตัวอย่าง
I ask you to open the window.
ฉันขอร้องให้คุณช่วยเปิดหน้าต่าง
I ask you to help me with this.
ฉันขอร้องคุณช่วยทำสิ่งนี้ด้วย
I request you to post these letters for me.
ฉันขอร้องคุณช่วยส่ง จ.ม.เหล่านี้ให้ด้วย
I would like to ask you to call him for me.
ฉันอยากขอร้องคุณช่วยโทรศัพท์ไปหาเขาให้ด้วย
I want to ask you to find his address.
ฉันต้องการให้คุณหาที่อยู่ของเขาให้ด้วย
I want you to sit down.
ฉันอยากจะให้คุณนั่งลง
I would like you to get me a pen.
ฉันอยากขอร้องให้คุณหาปากกาให้สักด้ามด้วย
3. ประโยคคำถาม (Question) การใช้รูปประโยคคำถามในการ ขอร้องนั้น ถือเป็นการขอร้องโดยอ้อมเป็นการถามกลายๆ ว่า จะทำอย่างนั้น ได้ไหม เป็นการแสดงความเกรงใจในการขอร้องนั้นๆ ซึ่งนิยมใช้กันมาก รูปคำถามที่ใช้มากคือ Yes/No Question แต่อย่างไรก็ตาม คำถามประเภทอื่นก็ใช้ในการขอร้องได้เช่นกัน ประโยคคำถามต่างๆ ที่ใช้ในการขอร้องมีโครงสร้างดังนี้
Yes/No Question :     Can / Will you…….., please?
Could / Would you please……., (please)?
Could / Would you kindly………..?
Would you be so kind as to……..?
Do / Would you mind………?
Tag Question :         ………,will you?
………,won’t you?
Wh- Question :         What……., please?
Who………, please?
(ect.)
Indirect Question :     I wonder if you……
I wonder if you’d mind…….
การใช้ประโยคคำถามชนิดต่างๆ ในการขอร้องนั้น มีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
-ประโยค Yes/No Question ใช้มากที่สุด เป็นทั้งการถามและ ขอร้องในตัวเสร็จว่าจะทำได้หรือไม่ จากโครงสร้างข้างบนนั้น มีตัวอย่าง ดังต่อไปนี้
Can you sit down, please?
กรุณานั่งลงได้ไหม
Will you make me a cup of coffee, please?
ชงกาแฟให้ฉันสักถ้วยได้ไหม
Could you please tell me the way to the airport?
คุณจะกรุณาบอกหนทางไปสนามบินให้ฉันหน่อยได้ไหม
Would you kindly lend me the book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันจะได้ไหม
Would you be so kind as to post these letters for me?
คุณจะกรุณาส่งจดหมายเหล่านี้ให้ฉันด้วยได้ไหม
Do you mind washing this glass?
คุณล้างแก้วนี้ด้วยได้ไหม
Would you mind closing the door?
คุณจะกรุณาปิดประตูหน่อยได้ไหม
Would you please translate this sentence for them?
คุณจะกรุณาแปลประโยคนี้ให้พวกเขาหน่อยได้ไหม
Can you help me with this exercise?
คุณช่วยฉันทำแบบฝึกหัดนี้ได้ไหม
Will you find the meaning of the word for me?
คุณจะหาความหมายคำนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม
Would you mind giving me her name?
คุณจะบอกชื่อเธอให้ฉันหน่อยได้ไหม
-ประโยค Tag Question ตามปกติใช้เฉพาะชนิดที่ท่อนแรกเป็นรูปคำสั่งเท่านั้น บางครั้งอาจจะถือว่ายังเป็นคำสั่งอยู่นั้นเอง แต่ในที่นี่จัดเป็นการขอร้องอีกระดับหนึ่งไม่ค่อยนิยมใช้กันมากนัก จากโครงสร้างข้างบนนั้น มีตัวอย่างดังต่อไปนี้
Come in, will you?
เข้ามาข้างใน ได้ไหม
Close the window, won’t you?
ปิดหน้าต่างด้วย ได้ไหม
Sit down, won’t you?
นั่งลงได้ไหม
Speak slowly, will you?
พูดช้าๆ ได้ไหม
ประโยคเช่นนี้ถือว่าเป็นคำสั่งโดยอ้อม ซึ่งมีความหมายสุภาพกว่า คำสั่งโดยตรง
-ประโยค Wh-Question เป็นรูปคำถามธรรมดา แล้วเติม please เข้าท้ายประโยค ถือว่าเป็นการขอร้องโดยอ้อมอีกแบบหนึ่ง เป็นการขอร้องระดับธรรมดา ดังตัวอย่างต่อไปนี้
What’s your name, please?
คุณชื่ออะไรครับ
Where are you from, please?
คุณมาจากไหนครับ
When were you born, please?
คุณเกิดเมื่อไรครับ
How old are you, please?
คุณอายุเท่าไรครับ
การขอร้องวิธีนี นิยมใช้กับเหตุการณ์หรือสถานการณไม่มากนัก
-ประโยค Indirect Question นิยมใช้ในการขอร้องเช่นกัน เป็น การขอร้องโดยอ้อมเช่นเดียวกับ Yes/No Question ที่จริงแล้วประโยคชนิดนี้ก็คือประโยคบอกเล่านั้นเอง กริยาที่นิยมใช้สำหรับประโยคชนิดนี้ ก็คือกริยาที่แสดงถึงความสงสัย ไม่แน่ใจ ได้แก่ wonder (สงสัย) ดังตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
I wonder if you’d lend me the typewriter.
ไม่ทราบว่า คุณจะให้ฉันยืมเครื่องพิมพ์ดีดได้ไหม
I wonder if you could help me with this?
ไม่ทราบว่า คุณจะช่วยฉันทำสิ่งนี้ได้ไหม
I wonder if you would mind checking this work.
ไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาตรวจงานนี้หน่อยได้ไหม
I wonder if you would mind explaining this sentence.
ไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาอธิบายประโยคนี้หน่อยได้ไหม
ตอบรับ (Accepting) การตอบรับการขอร้อง คือสามารถกระทำได้ตามที่ขอร้องนั้น ใช้คำพูดได้หลายอย่างหลายระดับเช่นเดียวกับการขอร้องดังนี้
Yes, of course
ตกลง, ได้เลย, แน่นอน
Certainly
ตกลง, ได้เลย, แน่นอน
All right ตกลง
Not at all
ได้เลย, ไม่เป็นไร
O.K.
ตกลง, ได้เลย
Sure ได้เลย
With pleasure
ยินดี, ด้วยความยินดี
I’d be glad to
ด้วยความยินดี
No, of course not
ไม่เป็นไร, ไม่รังเกียจ
Certainly not
ไม่เป็นไร ไม่รังเกียจ
ตอบปฏิเสธ (Refusing) อาจใช้ได้หลายคำเช่นกัน ควรปฏิเสธอย่างสุภาพ และให้เหตุผลที่ไม่อาจสนองความต้องการตามที่ขอร้องได้ ดังนี้
I’m sorry…..
ขอโทษ……..
I’m afraid….
ฉันเกรงว่า……
I wish I could but……
ฉันอยากจะทำให้ แต่ว่า….
ตัวอย่าง
I’m sorry I don’t know.
ขอโทษด้วย, ฉันไม่ทราบ
I’m afraid I am not free at that time.
ฉันเข้าใจว่า ฉันคงไม่ว่างในเวลานั้น
I wish I could but I have to hurry back home.
อยากจะทำให้เหมือนกัน แต่ว่าฉันต้องรีบกลับบ้าน
ข้อสังเกต
-การใช้กริยารูปอดีต (past) คือ could, would ไม่มีความหมาย เป็นอดีต แต่แสดงถึงความสุภาพหรือเกรงใจว่า can และ will และใช้ would like สุภาพกว่า want
-การขอร้องรูปคำถาม Yes/No นั้นแตกต่างจากคำถามธรรมดา โดยเติม Please เข้าไปเพื่อแสดงการขอร้อง และตอบแตกต่างกัน โดยคำถามธรรมดาตอบ Yes/No แต่การขอร้องตอบ Yes, of course หรือ I’m sorry … ดังตัวอย่างต่อไปนี้

คำถาม

ขอร้อง

Can you open the window?

Yes, I can. / No, I can’t.

คุณสามารถเปิดหน้าต่างได้ไหม

เปิดได้ / เปิดไม่ได้

Can you open the window, please?

Yes, of course. / I’m sorry …

คุณจะกรุณาเปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหม      

ได้เลย / ขอโทษ เพราะว่า …

Can you speak Thai?

Yes, I can. / No, I can’t

คุณพูดภาษาไทยได้ไหม

ได้ พูดได้ / เปล่า พูดไม่ได้

Can you speak Thai, please?

All right. / Sorry, I don’t knowThai.

คุณกรุณาพูดภาษาไทยได้ไหม

ตกลง / ขอโทษ ฉันไม่รู้ภาษาไทย

Will you come tomorrow?

Yes, I will. / No, I won’t.

พรุ่งนี้ คุณจะมาใช่ไหม

ใช่, ฉันจะมา / เปล่า, ฉันจะไม่มา

Will you come tomorrow, please?

Sure. / I’m afraid I can’t.

พรุ่งนี้คุณมาได้ไหม

มาได้ / ฉันเกรงว่า คงมาไม่ได้

-การขอร้องที่ใช้ Do / Would you mind + v-ing เมื่อตอบรับ ใช้รูปเป็นปฏิเสธ คือ Of course not / Certainly not ซึ่งความหมายจริงๆ
ของการขอร้องชนิดนี้ ก็คือ คุณจะรังเกียจไหมที่จะ….คำตอบ ก็คือ เปล่า, ไม่รังเกียจ
ตัวอย่าง
Do you mind opening the window?    No, of courses not.
คุณจะรังเกียจไหมที่จะเปิดหน้าต่าง    ไม่เลย ไม่รังเกียจ
Would you mind helping me with this?    Certainly not.
คุณจะรังเกียจไหมที่จะกรุณาช่วยฉันทำสิ่งนี้   ไม่, ไม่รังเกียจ
แบบฝึกหัด
จงสร้างข้อความต่อไปนี้ให้เป็นประโยคขอร้อง
1. Take a seat
2. Turn off the fan
3. Show how to use it
4. Clean the room
5. Tell the way to somewhere
6. Type the letter
7. Not to be late
8. Pronounce this word
9. Send the letter by post
10. Not smoke in the room
ตัวอย่าง
Take a seat, please.
I want you to take a seat.
I would like you to take a seat.
Can you take a seat, please?
Could you please take a seat?
Do you mind taking a seat?
Take a seat, won’t you?
I wonder if you would take a seat.
โครงสร้างประโยคสำหรับขอร้อง มีดังนี้
Please…………….
………………., please.
I want …………., please.
I would like ……………, please.
Can/Could you ………….., please?
Will/Would
Could/Would you kindly ……………?
Would you be so kind as to …………?
Do/Would you mind ……………?
…………, will you?
…………, won’t you?
What/Who/etc…………, please?
I wonder if you…………….
I wonder if you would mind……………..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา    

(Visited 257,713 times, 13 visits today)

[Update] ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม Present Simple Tense ม.3 | ช่วยแต่งประโยคภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense

ในเบื้องต้นขอยกตัวอย่าง ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และการแต่งประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านะครับ เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่างการแต่งประโยคง่ายๆ ขอให้จดจำไว้ว่า ในการสร้างประโยคคำถามจากประโยคบอกเล่านั้น ถ้าประโยคดังกล่าวมี กริยาช่วย  อยู่ในประโยค ให้เอากริยาช่วยขึ้นต้นได้เลย แต่มีไม่กี่ตัวนะครับ ดูจากตัวอย่างเอาแล้วกัน

กริยาแท้ Verb to be ( is,  am,  are)

is am are ที่ยกตัวอย่างนี้ เป็นกริยาแท้นะครับ (เพราะมีตัวเดียวในประโยค ไม่ได้ไปเสริมกับกริยาตัวอื่น)

บอกเล่า She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
ปฏิเสธ  She is not a doctor. หรือ She isn’t a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
คำถาม  Is she a doctor?  หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
คำตอบ Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่

บอกเล่า I am a student. ฉันเป็นนักเีรียน
ปฏิเสธ  I am not a student.. หรือ I’m not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
คำถาม  Are you a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, I am. / No, I’m not. หรือ No, I am not. ใช่ ไม่ใช่

บอกเล่า You are  a tiger. คุณเป็นเสือ
ปฏิเสธ  You are not a tiger. หรือ You aren’t  a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
คำถาม  Am I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
คำตอบ Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาแท้ Verb to have (Have, Has)

กริยาตัวนี้ ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้ว

การสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้ครับ (เดี๋ยวค่อยเรียนรู้ให้ละเอียดในหัวข้อ การใช้ have has)

บอกเล่า  He has a car. เขามีรถ
ปฏิเสธ  He does not have a car. หรือ He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
คำถาม  Does he have a car? เขามีรถใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, he does. / No, he does not. หรือ No, he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They have a cat. พวกเขามีแมว
ปฏิเสธ  They do not have a cat. หรือ They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
คำถาม  Do they have a car? พวกเขามีแมวใ่ช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

กริยาช่วย can, should, must

บอกเล่า  A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
ปฏิเสธ  A dog cannot swim. หรือ A dog can’t swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
คำถาม Can a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, a dog can. / No, a dog cannot. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  Somchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
ปฏิเสธ  Somchai should not go to school now. หรือ Somchai shouldn’t go to school now. สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
คำถาม  Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
คำตอบ Yes, Somchai should. / No, Somchai should not. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She must go. หล่อนต้องไป
ปฏิเสธ She must not go. หรือ She mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป
คำถาม Must she  go? หลอ่นต้องไปใช่ไหม
คำตอบ Yes, She must. / No, she must not. หรือ No, she mustn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

บอกเล่า  I eat a banana. ฉันกินกล้วย
ปฏิเสธ  I do not eat a banana. หรือ I don’t eat a banana. ฉันกินกล้วย
คำถาม  Do I eat a banana? ฉันกินกล้วย
คำตอบ Yes, I do. / No, I do not. หรือ No,I  don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  She eats a banana. หล่อนกินกล้วย
ปฏิเสธ  She does not eat a banana. หรือ She doesn’t eat a banana. หล่อนไม่กินกล้วย
คำถาม  Dose she eat a banana? หล่อนไม่กินกล้วยใช่ไหม
คำตอบ Yes, she does. / No, she does not. หรือ No, she doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
ปฏิเสธ  They do not go to school by bus. หรือ They don’t go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส
คำถาม  Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม
คำตอบ Yes, they do. / No, they do not. หรือ No,they don’t. ใช่/ ไม่ใช่

บอกเล่า  He goes to school. เขาไปโรงเรียน
ปฏิเสธ  He does not go to school . หรือ He doesn’t go to school. เขาไม่ไปโรงเรียน
คำถาม  Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
คำตอบ Yes, he do. / No, he does not. หรือ No,he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่

ประโยคคำถามด้านบนเรียกว่า yes – no question เพราะคำตอบจะเป็น yes กับ no ส่วนด้านล่างเรียกว่า wh-question

 การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question

(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย เช่น

Is she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม

  • Who is she?  หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)
  • She is a doctor.  หล่อนเป็นหมอ

Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม

  •  What do they have?  พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)
  • They have a car. พวกเขามีรถ

Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม

  • Where does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)
  • He goes to school. เขาไปโรงเรียน

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  •  When should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่ (ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)
  • Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้

Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม

  • Why should Somchai go to school now? ทำไม สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)
  • Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย

Do they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัสใช่ไหม

  • How do they go to school? พวกเขาไปโรงเรียนอย่างไร (ตัดโดยรถบัสออก เพราะคำตอบต้องการวิธีการ)
  • They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…


500 คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 1-5 พูดภาษาอังกฤษ!


เรียนรู้คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ บทที่ 15: ในวิดีโอนี้คุณจะได้เรียนรู้ 500 คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์และพบได้บ่อยที่สุดในการสนทนาภาษาอังกฤษประจำวัน เพียงแค่ฟังและพูดตามให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทักษะการพูดภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากภายในเวลาอันรวดเร็วค่ะ
ชุดวิดีโอคำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ: https://bit.ly/3dx8ZTI
เมื่อเราเป็นเด็ก เราทุกคนเรียนรู้ที่จะพูดภาษาแม่ของเราโดยการฟังครอบครัวของเราพูดคุยกับเรา ในที่สุดเราก็จะสามารถพูดตามเพื่อสื่อสารกับพวกเขาได้ การเรียนรู้ภาษาใหม่นั้นไม่ได้แตกต่างกัน ยิ่งคุณฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยการฟังและพูดตามคำศัพท์ใหม่ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่ๆ เหล่านั้นเข้ากับภาษาของคุณได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
วิดีโอการเรียนรู้ภาษาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพสำหรับการสอนให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วที่สุด หากคุณพบว่าวิดีโอนี้มีประโยชน์ โปรดกดสมัครสมาชิก เนื่องจากจะมีการโพสต์วิดีโอใหม่ๆ เป็นประจำค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ!

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

500 คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 1-5 พูดภาษาอังกฤษ!

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษสุดปังง! (เริ่มเรียนนาทีที่ 5 )


ตามไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูหวานต่อที่
Facebook: https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
Instagram: https://www.instagram.com/english_kruwhan

ฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษสุดปังง! (เริ่มเรียนนาทีที่ 5 )

5000 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดย English by Chris


สมัครเป็นสมาชิกช่องนี้!!
กดปุ่ม \”สมัคร\” ข้างล่างวีดีโอใน Youtube หรือกดลิงค์นี้ได้เลยนะครับ https://www.youtube.com/channel/UC93A91EZTtZW55WEKCz_jYA/join
สั่งซื้อหนังสือได้จากแอดมิน
@LINE ID = @EnglishbyChris
รับสอนตัวต่อตัว ติดต่อผมได้ที่
@LINE ID = @TeacherChris
WEBSITE
http://www.EnglishbyChris.com
Facebook
ค้นหา = EnglishbyChris
L1 S1 = 00:01:56
L1 S2 = 00:¬¬10:33
L1 S3 = 00:19:27
L1 S4 = 00:25:53
L1 S5 = 00:32:22
L1 S6 = 00:38:48
L1 S7 = 00:45:11
L1 S8 = 00:51:52
L1 S9 = 00:58:02
L1 S10 = 01:04:33
L1 S11 = 01:11:05
L1 S12 = 01:17:48
L1 S13 = 01:24:38
L1 S14 = 01:32:20
L1 S15 = 01:40:12
L2 S1 = 01:48:07
L2 S2 = 01:53:58
L2 S3 = 02:01:23
L2 S4 = 02:07:07
L2 S5 = 02:14:02
L2 S6 = 02:20:20
L2 S7 = 02:25:20
L2 S8 = 02:30:00
L2 S9 = 02:34:57
L2 S10 = 02:39:45
L2 S11 = 02:45:03
L2 S12 = 02:49:09
L2 S13 = 02:55:00
L2 S14 = 02:59:29
L2 S15 = 03:03:30
L3 S1 = 03:10:00
L3 S2 = 03:25:43
L3 S3 = 03:34:20
L3 S4 = 03:40:45
L3 S5 = 03:49:19
L3 S6 = 03:56:30
L3 S7 = 04:10:30
L3 S8 = 04:22:21
L3 S9 = 04:33:24
L3 S10 = 04:41:40
L3 S11 = 04:53:23
L3 S12 = 05:05:53
L3 S13 = 05:18:31
L3 S14 = 05:23:49
L3 S15 = 05:33:57

5000 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดย English by Chris

สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals


สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals
ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ สัตว์

สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals

50 ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense


50 ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense
คลิปนี้แยกออกมาจาก คลิป หลักการใช้ Present Simple Tense เพื่อให้สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาและฝึกเฉพาะตัวอย่างประโยค โดยไม่ต้องดูคลิปเต็มยาวๆค่ะ

50 ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ช่วยแต่งประโยคภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *