Skip to content
Home » [Update] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | การ เปลี่ยน ประโยค บอก เล่า เป็น ประโยค คํา ถาม – NATAVIGUIDES

[Update] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | การ เปลี่ยน ประโยค บอก เล่า เป็น ประโยค คํา ถาม – NATAVIGUIDES

การ เปลี่ยน ประโยค บอก เล่า เป็น ประโยค คํา ถาม: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นคำถามโดยตรง (Direct Question) คือทั้งประโยคที่พูดนั้นเป็นคำถามทั้งหมด เป็นคำถามจริงๆ แต่มีคำถามอีกชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบของประโยคอื่น คือมีคำพูดเป็นส่วนนำก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ซึ่งอยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คำถามชนิดนี้ เรียกว่า Indirect Quest. (คำถามโดยอ้อม) คำถามชนิดนี้นิยมใช้พูดคุยสนทนามากเช่นกัน ผู้พูดอาจจะขอโอกาส ขอร้องหรือแสดงความรู้สึกก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ประโยคกล่าวนำนั้นอาจจะเป็นรูปประโยคอย่างใดก็ได้ อยู่ที่ผู้พูดว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างใดเพื่อนำไปสู่คำถามนั้นๆ เปรียบเทียบคำถามโดยตรงและคำถามโดยอ้อม ดังต่อไปนี้

Direct Question

Indirect Question

What is your name?

คุณชื่ออะไร

 

I want to know what your name is

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชื่ออะไร

 

Where are you from?

คุณมาจากไหน

I don’t know where you are from.

ฉันไม่ทราบว่า คุณมาจากไหน

 

Is she married?

เธอแต่งงานหรือยัง

 

I wonder if she is married.

ฉันไม่ทราบว่าเธอแต่งงานหรือยัง

Do you like boxing or football?

คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

I’d like to know whether you like boxing or football.

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

He can play Chinese music, can’t he?

เขาเล่นดนตรีจีนได้ มิใช่หรือ

 

Do you know whether he can play Chinese music or not?

คุณทราบไหมว่า เขาเล่นดนตรีจีนได้ไหม

 

ประโยคคำถามโดยอ้อมนี้ก็คือประโยค Complex นั้นเอง คือส่วนที่เป็นความหมายคำถามนั้นเป็นอนุประโยคทำหน้าที่เป็นนาม (Noun Clause) ซึ่งส่วนมากทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของประโยคหลัก (Main Clause) จากตัวอย่างข้างบนนั้น จะเห็นว่าประโยคนำหรือประโยคหลักมีรูปประโยคเป็นไปได้ต่างๆ กัน
ปลี่ยน Direct Question เป็น Indirect Question
การเปลี่ยนคำถามโดยตรงเป็นคำถามโดยอ้อม ก็คือการเปลี่ยน Direct Speech เป็น Indirect speech นั้นเอง แต่ในที่นี่ประโยคตามเป็นประโยคคำถามทั้งหมด ประโยคคำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมานั้น สามารถเปลี่ยนเป็นคำถามโดยอ้อมได้ทุกชนิด ฉะนั้นการเปลี่ยนรูปประโยคในที่นี่จึงจำแนกออกตามชนิดของคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เปลี่ยน Yes/No Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้เป็น คำถามโดยอ้อม นอกจากเปลี่ยนรูปประโยคเป็นบอกเล่าแล้วใช้ whether or not หรือ if (หรือไม่) เป็นคำเชื่อม
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Is he a doctor?

เขาเป็นหมอใช่ไหม

I don’t know if he is a doctor.

ฉันไม่ทราบว่า เขาเป็นหมอหรือไม่

Can you speak thai?

คุณพูดไทยได้ไหม

I wonder whether you can speak Thai (or not).

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูดไทยได้หรือไม่

Did she come last week?

อาทิตย์ที่แล้ว เธอมาหรือไม่

Do you know whether (or not) she came last week?

คุณทราบไหมว่า อาทิตย์ที่แล้วเธอมาหรือไม่

Could you open the door?

คุณกรุณาเปิดประตูได้ไหม

I wonder if you could open the door.

ฉันไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาเปิดประตูได้หรือเปล่า

whether มาคู่กับ or not หรือมาโดยลำพังก็ได้ or no อาจจะวางติด whether หรือวางท้ายประโยคก็ได้ ถ้าประโยคไม่ยาวเกินไป ใช้ if แทนได้แต่ตามด้วย or not ไม่ได้
2. เปลี่ยน Wh-Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เพียงแต่ เปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่าเท่านั้น ไม่ต้องเติมคำเชื่อมใดๆ เพราะมี Question Words เป็นคำเชื่อมอยู่แล้ว
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Who is she?

เธอเป็นใคร

Do you know who she is?

คุณทราบไหมว่า เธอเป็นใคร

Whom do you want to see?

คุณต้องการพบใคร

 

I want to know whom you want to see.

ฉันอยากทราบว่า คุณต้องการพบใคร

What time is it?

เวลาเท่าไร

Please tell me what time it is.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เวลาเท่าไร

Where is the National Museum?

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอยู่ที่ไหน

I don’t know where the National Museum is.

ฉันไม่ทราบว่า พิพิธภัณฑ์สถานฯ อยู่ที่ไหน

When will the train leave?

รถไฟจะออกเวลาเท่าไร (เมื่อไร)

Do you know when the train will leave.

คุณทราบไหมว่า รถไฟจะออกเมื่อไร

Why did she say like that?

ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

I don’t understand why she said like that.

ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

How can we get there?

เราจะไปที่นั้นกันอย่างไร

Please tell me how we can get there.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เราจะไปที่นั่นกันอย่างไร

How many brothers and sisters do you have?

คุณมีพี่น้องกี่คน

My question is how many brothers and sisters you have.

คำถามของฉันก็คือว่า คุณมีพี่น้องกี่คน

3. เปลี่ยน Alternative question คำถามชนิดนี้เปลี่ยนโดยเติม whether เป็นคำเชื่อม โดยให้เป็นตัวเลือกคู่กับ or ซึ่งมีอยู่แล้ว และเปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่า
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Do you speak English or French?       

คุณพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส

I wonder whether you speak English or French

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูภาษาอังกฤษ หรือฝรั่งเศส

Are they Thai or Chinese?

พวกเขาเป็นคนไทยหรือจีน           

Do you know whether they are

Thaior Chinese?

คุณทราบไหมว่า พวกเขาเป็น คนไทยหรือจีน

Will Vichian or Tawee come to see me?

วิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

I want to know whether Vichian or Tawee will come to see me.

ฉันอยากจะทราบว่าวิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

Did you stay at home or go somewhere last Sunday?

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว คุณพักอยู่ที่บ้านหรือไปเที่ยวบางแห่ง

Can you tell me whether you stayed at home or went somewhere last Sunday?

คุณบอกฉันได้ไหมว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนั้น คุณพักอยู่บ้านหรือ

ไปเที่ยวบางแห่ง

4. เปลี่ยน Tag Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เหมือนกันกับ Yes/No Question เพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน ใช้ whether or not เป็นคำเชื่อมอาจใช้ whether เฉยๆ หรือ if ก็ได้ แต่ใช้ whether or not จะได้ความตรงและเน้นกว่า
ตัวอยาง

Direct Question

Indirect Question

You know him very well, don’t you?

คุณรู้จักเขาดี มิใช่หรือ

I wonder whether you know him very well or not.

ฉันไม่ทราบว่า คุณรู้จักเขาดีหรือไม่

He will come, won’t he?

เขาจะมามิใช่หรือ

Do you know whether he will come or not?

คุณทราบไหมว่า เขาจะมาหรือไม่

The airport is far from the NationalStadium? isn’t it?

สนามบินอยู่ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติมิใช่หรือ

I’d like to knowwhether or not the airport is far from the National Stadium.

ฉันต้องการจะทราบว่า สนามบินอยู่ ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติหรือไม่

The express train doesn’t stop at this station, does it?

รถด่วนไม่หยุดที่สถานีนี้ใช่ไหม

Do you know whether or not the express train stops at this station?

คุณทราบไหมว่า รถด่วนหยุดที่สถานีนี่หรือไม่

He didn’t attend the meeting, did he?

เขาไม่เข้าประชุมใช่ไหม

I want to knowwhether or not he attended the meeting.

ฉันอยากจะทราบว่า เขาเข้าร่วมประชุมหรือไม่

การตอบคำถาม Indirect Question
คำถามประเภทนี้ แม้จะเป็นคำถามโดยอ้อม แต่ก็สามารถตอบได้ เช่นเดียวกับคำถามทั่วๆ ไป คือสามารถจะตอบได้ตามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้น การตอบคำถามชนิดนี้จึงมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
คำถาม
I want to know if he will come.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาจะมาหรือไม่
คำตอบ
Yes, he will.
มา, เขาจะมา
No, he won’t,
ไม่มา, เขาจะไม่มา
คำถาม
I wonder if you can open the box.
ฉันไม่ทราบว่า คุณสามารถเปิดกล่องนี้ได้ไหม
คำตอบ
Yes, I can.
ได้, ฉันเปิดได้
No, I can’t.
ไม่ได้,ฉันเปิดไม่ได้
คำถาม
I’d like to know whether she is married or not.
ฉันอยากจะทราบว่า เธอแต่งงานหรือยัง
คำตอบ
Yes, she is.
แต่งแล้ว
No, she isn’t.
ยัง, เธอยังไม่แต่งงาน
คำถาม
The question is whether the train will arrive on time (or not).
คำถามก็คือว่า รถไฟจะมาถึงตรงเวลาหรือไม่
คำตอบ
Yes, it will.
ตรง, มาตรงเวลา
No, it won’t.
เปล่า, ไม่ตรงเวลา
คำถาม
I want to know whether he or his son was punished.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาหรือลูกของเขาถูกทำโทษ
คำตอบ
His son was.
ลูกของเขา
คำถาม
Please tell me whether she passed or failed in the test.
ช่วยบอกฉันด้วยว่า เธอสอบได้หรือสอบตก
คำตอบ
She passed the test.
เธอสอบได้
คำถาม
I don’t know who she is.
ฉันไม่ทราบว่า เธอเป็นใคร
คำตอบ
She is our teacher.
เธอเป็นครูของพวกเรา
คำถาม
I’d like to know what you are talking about.
ฉันอยากจะทราบว่า คุณกำลังพูดเกี่ยวกับอะไร
คำตอบ
I’m talking about the plan to take a picnic.
คำถาม
Do you know where they are from?
คุณทราบไหมว่า พวกเขามาจากไหน
คำตอบ
They are from Australia.
พวกเขามาจากออสเตรเลีย
คำถาม
I don’t know when the show will start and finish.
ฉันไม่ทราบว่า การแสดงจะเริ่มเมื่อไรและสิ้นสุดเมื่อไร
คำตอบ
It will start at three and finish at six.
การแสดงจะเริ่มบ่าย 3 โมง และสิ้นสุดบ่าย 6 โมง
คำถาม
I want to ask you why we should visit that place.
ฉันอยากจะถามคุณว่า ทำไมเราจึงควรไปชมที่นั่น
คำตอบ
Because it is worth studying.
เพราะมันสมควรแก่การศึกษา
คำถาม
Can you tell me how I can contact him?
คุณสามารถจะบอกได้ไหมว่า ฉันสามารถติดต่อเขาได้อย่างไร
คำตอบ
You can contact Mm by phone.
คุณสามารถติดต่อกับเขาได้ทางโทรศัพท์
คำถาม
Could you tell me how much you have got?
คุณจะกรุณาบอกได้ไหมว่า คุณมีรายได้เท่าไร

คำตอบ
30,000 baht a month.
สามหมื่นบาทต่อเดือน
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามโดยอ้อม (Indirect Question)
ตัวอย่าง
Do you like tea?
= I want to know if you like tea.
What are you doing?
= I want to know what you are doing.
Do you like tea or coffee?
= I want to know whether you like tea or coffee.
You like tea, don’t you?
= I want to know whether you like tea or not.
1.     Are you ready to go?
= I want to know…………………………………….
2.     Did he come to the party last night?
= Do you know……………………………………?
3.    Will she leave for London tomorrow?
= I wonde………………………………………….
4.    Can we go there by train or by bus?
= Can you tell me………………………………..?
5.    Was Daeng or Dam punished yesterday?
= Tell me………………………………………….
6.    You wrote this work, didn’t you?
= I don’t know……………………………………
7.    He doesn’t like smoking, does he?
=    Do you know……………………………….?
8.    Is the National Museum open today?
=    Can you tell me……………………………?
9.    What do you want to order first?
=    I want to know………………………………
10.    Where does she live?
=    I don’t know…………………………………
11.    How old is your father?
=    Please tell me……………………………….
12.    When did you finish high school?
=    Do you remember…………………………?
13.    How can we start this machine?
=    Do you know……………………………….?
14.    Whom would you like to speak to?
=    I don’t know…………………………………
15.    Which one are you going to select?
=    I want to know………………………………
16.    Who is she?
=    Do you know……………………………….?
17.    Why do you speak like that?
=    I don’t understand…………………………
18.    How many people are there in your family?
=    I want to know………………………………
19.    Where will the party be held next week?
=    Do you know……………………………….?
20.    What course did he take last term?
=    Please tell me………………………………
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา 

(Visited 67,126 times, 1 visits today)

[NEW] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | การ เปลี่ยน ประโยค บอก เล่า เป็น ประโยค คํา ถาม – NATAVIGUIDES

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษที่สามารถพูดคุยกันได้ง่าย ๆ นั้นก็คือ ประโยคที่ต้องการคำถามแบบยอมรับ หรือปฏิเสธ หรือที่เรียกว่า Yes/No Question ซึ่งเราจะได้เรียนรู้กันในวันนี้ค่ะ

Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ

ประโยคคำถาม (Interrogative Sentences)
ในการพบปะพูดคุยกันในตอนแรกๆ หรือเมื่อพบกันใหม่ๆ นั้น ส่วนมากมักจะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน หรือถามเกี่ยวกับเรื่องราว หรือเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้น จึงใช้ประโยคคำถามคำตอบกันเป็นส่วนมาก จึงมีคำถามว่า เมื่อเราพบกันใหม่ๆ มักจะพูดใช้เสียงสระอะไรมากที่สุด คำตอบก็คือเสียงสระไอ ซึ่งก็คือคำถามนั้นเอง เช่นถามว่ามาเมื่อไร สบายดีไหม อยู่ที่ไหน มากับใคร จะเห็นว่าการเริ่มต้นในการพูดคุยสนทนานั้น มักจะเป็นการถามตอบกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคคำถาม เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การสนทนาในรายละเอียด ฉะนั้นในที่นี้จึงเริ่มต้นศึกษากันด้วยประโยคคำถาม และเพราะประโยคคำถามนำไปใช้ในความหมายอื่นๆ ได้ด้วย ผู้ศึกษาจึงควรทำความเข้าใจให้ดี และใช้ให้ถูกต้อง
ประโยคคำถามมีหลายประเภท มีโครงสร้างและมีจุดมุ่งหมายใน การถามต่างกัน ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
1. Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ
2. Wh- question        คำถามแบบใช้คำถาม
3. Alternative Question     คำถามแบบให้เลือกเอา
4. Tag Question        คำถามในท่อนหลัง
5. Indirect Question         คำถามโดยอ้อมหรือคำถามปลอม ประโยคคำถามต่างๆ เหล่านี้ มีโครงสร้างต่างกัน ซึ่งจะกล่าวใน
รายละเอียดเป็นลำดับไป
Yes/No Question
ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถามเพื่อให้ได้ความแน่ใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ลักษณะโครงสร้างที่สำคัญของคำถามชนิดนี้ก็คือ วางกริยาไว้ต้นประโยค การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้อาจจำแนกออกตามประเภทของกริยาที่ช่วยในการสร้างประโยค ดังนั้น ในที่นี้จึงแยกออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to be ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาหลัก เป็น to be เมื่อสร้างเป็นประโยคคำถาม วางกริยา to be ไว้ต้นประโยคได้เลย เช่น
Are you hungry?
คุณหิวไหม
Is it very hot today?
วันนี้ร้อนมากใช่ไหม
Is your name Sharda?
คุณชื่อชาร์ดาใช่ไหม
Was the show interesting for you?
การแสดงน่าสนใจสำหรับคุณหรือไม่
Are you going to do exercises today?
วันนี้คุณจะทำแบบฝึกหัดหรือไม่
ประโยคเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You are hungry.
It is very hot today.
Your name is Sharda.
The show was interesting for you.
You are going to do exercises today.
2. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to do ถ้าประโยคนั้นมีกริยาหลักไม่ใช่ to be ฌอสร้างเป็นประโยคคำถามต้องใช้กริยา to do มาช่วย และวางไว้ต้นประโยค โดยมีพจน์ (number) และกาล (tense) เช่นเดียวกันกับกริยาหลัก และเปลี่ยนกริยาหลักนั้นเป็นรูป infinitive คือรูปดั้งเดิมของกริยานั้น เช่น
Do you know his address?
คุณรู้ที่อยู่ของเขาไหม
Does she teach at your school?
เธอสอนอยู่ที่โรงเรียนคุณใช่ไหม
Does this bus go to the airport?
รถเมล์คันนี้ไปสนามบินใช่ไหม
Did you meet him at the party last night?
คุณพบเขาที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ไหม
Did he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาเข้าเรียนไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้เปลี่ยนมาจากประโยคบอกเล่าดังนี้
You knows his address.
She teaches at your school.
This bus goes to the airport.
You met him at the party last night.
He attended class yesterday.
3. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยาช่วย (helping verb) อื่นๆ ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาช่วยอยู่ด้วย เช่น will, can, may, would เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม วางกริยาช่วยไว้ต้นประโยคได้เลย ถ้ามีกริยาช่วยหลายตัว นำเฉพาะกริยาช่วยตัวแรกไปวางต้นประโยค เช่น
Can you speak Thai?
คุณพูดไทยได้ไหม
May I help you?
ฉันจะช่วยเอาไหม
Shall we go shopping after class?
เลิกเรียนแล้วไปหาซื้อของกันไหม
Will she come back here next week?
เธอจะกลับมาที่นี่สัปดาห์หน้าใช่ไหม
Could you lend me this book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันได้ไหม
Have you been to Chiang Mai?
คุ    ณเคยไปเชียงใหม่หรือไม่
Should he be informed of the news?
ควรจะแจ้งข่าวให้เขาทราบไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You can speak Thai.
I may help you.
We shall go shopping after class.
She will come back here next week.
You could lend me this book for two days.
You have been to Chiang Mai.
He should be informed of the news.
ประโยคคำถามเหล่านี้สามารถสร้างเป็นรูปปฏิเสธได้ เรียกว่า คำถามปฏิเสธ (Interrogative Negative หรือ Negative Question) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแยกกล่าวไว้เป็นอีกชนิดหนึ่งต่างหาก เพื่อจะได้ศึกษาอย่างละเอียด แต่ในที่นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยคที่มีโครงสร้างอย่างเดียวกัน เพียงเติม not เข้ามาเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ ดังนั้น จึงนำมากล่าวไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ฉะนั้นประโยคคำถามต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้วนั้น สามารถสร้างเป็นคำถามปฏิเสธได้ดังนี้
Aren’t you hungry? (Are you not hungry?)
คุณไม่หิวใช่ไหม
Isn’t it very hot today? (Is it not very hot today?)
วันนี้ไม่ร้อนมากใช่ไหม
Wasn’t the show interesting for you?
การแสดงไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคุณใช่ไหม
Don’t you know his address?
คุณไม่รู้ที่อยู่เขาใช่ไหม
Didn’t he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่เข้าเรียนใช่ไหม
Can’t you speak Thai?
คุณพูดภาษาไทยไม่ได้ใช่ไหม
Won’t she came back here next week?
สัปดาห์หน้าเธอจะไม่กลับมาที่นี่ใช่ไหม
Haven’t you been to Chiang Mai?
คุณไม่เคยไปเชียงใหม่ใช่ไหม
Shouldn’t he be informed of the news?
ไม่ควรแจ้งข่าวให้เขาทราบใช่ไหม
Couldn’t you lend me this book for two days?
คุณจะไม่ให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันใช่ไหม
การตอบคำถามแบบ Yes/No Question
ดังได้กล่าวแล้วคือ คำถามประเภทนี้ต้องการคำตอบรับ (yes) หรือปฏิเสธ (no) การตอบคำถามชนิดนี้อาจจำแนกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ตามชนิดของลักษณะคำถาม คือ คำถามแบบธรรมดาและคำถามแบบปฏิเสธ ดังนี้
1. ตอบคำถามแบบธรรมดา เป็นคำถามแบบประโยคบอกเล่า ซึ่งถือเป็นคำถามธรรมดา ไม่ต้องการการตอบรับหรือปฏิเสธอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ฉะนั้น ผู้ถามจึงคาดว่าจะได้คำตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะหวังการตอบรับมากกว่าปฏิเสธก็ตาม ดังนั้น ในการตอบจึงอาจจะเป็นการรับหรือปฏิเสธ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้
-ถ้าตอบรับ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย Yes แล้วตามด้วยประโยค บอกเล่า ซึ่งใช้คำสรรพนาม (pronoun) เป็นประธาน แล้วตามด้วยกริยาช่วย ที่ใช้ในประโยคคำถาม
-ถ้าตอบปฏิเสธ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย No แล้วตามด้วยประโยค ปฏิเสธ ซึ่งมีประธานและกริยาอย่างเดียวกันกับประโยคบอกเล่า เพียงแต่เติม not เข้ามาหลังกริยาซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Are you hungry?

คุณหิวไหม        

Yes, I am.

หิว,ฉันหิว

No, I am not.

ไม่, ฉันไม่หิว

Is your name Virat?

คุณชื่อวิรัตน์ใช่ไหม

Yes, it is.

ใช่., ฉันชื่อวิรัตน์

No, it is not.

เปล่า, ไม่ใช่

Does this bus go to the zoo?

รถเมล์คันนี้ไปสวนสัตว์ใช่ไหม

Yes, it does.

ใช่,มันไปสวนสัตว์

No, it doesn’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Did Vichai and Suda come last night?

เมื่อคืนนี้ วิชัยและสุดามาไหม

Yes, they did.

มา,เขามา

No, they didn’t.

เปล่า,เขาไม่มา

Can you speak Chinese?

คุณพูดภาษาจีนได้ไหม

Yes, I can.

ได้,ฉันพูดได้

No, I can’t.

เปล่า,พูดไม่ได้

Will your mother arrive tomorrow?

คุณแม่ของคุณจะมาถึงพรุ่งนี้ใช่ไหม

Yes, she will.

ใช่, จะถึงพรุ่งนี้

No, she won’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Have you finished your homework?

คุณทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหม

Yes,I have.

ใช่, เสร็จแล้ว

No, I haven’t.

เปล่า, ยังไม่เสร็จ

 

2. ตอบคำถามที่เป็นปฏิเสธ ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่า คือผู้ถามมีความมั่นใจว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าตอบรับผู้ถาม คงแปลกใจ เพราะตรงข้ามกับที่คิด แต่ในความเป็นจริง สามารถเป็นได้ทั้งตอบรับและตอบปฏิเสธ การตอบคำถามชนิดนี้อาจทำให้เกิดความสับสนในความหมายภาษาไทย คือตอบรับในภาษาอังกฤษมีความหมายเป็นปฏิเสธในภาษาไทย และปฏิเสธมีความหมายเป็นตอบรับ ฉะนั้น จึงทำให้ได้คำตอบที่ผิดในภาษาอังกฤษ คือตอบรับแล้วตามด้วยประโยคปฏิเสธ และตอบปฏิเสธตามด้วยประโยคบอกเล่า การตอบในภาษาอังกฤษเป็นไปตามกฎทั่วไป คือถ้า ตอบรับต้องตามด้วยประโยคบอกเล่า และถ้าตอบปฏิเสธต้องตามด้วยประโยคปฏิเสธ แต่ความหมายจริงๆ ในภาษาไทยแล้วก็เหมือนกัน ดังนั้น จึงได้ให้คำตอบภาษาไทยไว้ทั้งสองแบบ เพื่อให้เห็นความหมายที่เหมือนกัน
ตัวอย่าง
Are you not well today?
วันนี้คุณไม่สบายใช่ไหม
Yes, I am.
เปล่า, ฉันสบาย / สบาย, ฉันสบาย
No, I am not.
ใช่, ฉันไม่สบาย / ไม่สบาย, ฉันไม่สบาย
Isn’t it too difficult for you?
มันไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม
Yes, it is.
เปล่า, มันยากเกินไป / ยาก, มันยากเกินไป
No, it isn’t.
ใช่, มันไม่ยากเกินไป / ไม่ยาก, มันไม่ยากเกินไป
Didn’t he tell you the news yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่ได้บอกข่าวคุณใช่ไหม
Yes, he did.
เปล่า, เขาบอก / บอก, เขาบอก
No, he didn’t.
ใช่, เขาไม่บอก / ไม่บอก, เขาไม่บอก
Can’t your wife speak Thai?
ภรรยาของคุณพูดไทยไม่ได้ใช่ไหม
Yes, she can.
เปล่า, เธอพูดได้ / ได้, เธอพูดได้
ใช่, เธอพูดไม่ได้ / ไม่ได้, เธอพูดไม่ได้
Haven’t you been to Japan?
คุณไม่เคยไปญี่ปุ่นใช่ไหม
Yes, I have.
เปล่า, ฉันเคยไป / เคย, ฉันเคยไป
No, I haven’t.
ใช่, ฉันไม่เคยไป / ไม่เคย, ฉันไม่เคยไป
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามแบบ Yes/No Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He speaks English very fast.
= Does he speak English very fast?
Yes, he does. / No, he doesn’t.
1. She sings very beautifully.
………………………………………………………………………………………….
2. This work is very hard for him.
………………………………………………………………………………………….

3. They practise speaking English every day.
………………………………………………………………………………………….

4. He got educated from B.H.U.
………………………………………………………………………………………….
5. He has been to Australia many times.
………………………………………………………………………………………….
6. We should go to take part in a party.
………………………………………………………………………………………….
7. You can tell me the way to the zoo.
………………………………………………………………………………………….

8. This car isn’t very expensive.
………………………………………………………………………………………….
9. She didn’t meet him yesterday.
………………………………………………………………………………………….
10. There are not many students in the class today.
………………………………………………………………………………………….

11. It is not far from the station to your house.
………………………………………………………………………………………….
12. You came back home in rain last night.
………………………………………………………………………………………….
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 163,071 times, 9 visits today)


การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม ในภาษาอังกฤษ


การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม สำหรับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะพูด ในภาษาอังกฤษ
ใช้การสลับที่ประธานกับ Verb to be
ประโยคบอกเล่า S + is / am / are + คำกริยาที่มีingต่อท้าย
ประโยคคำถาม Whhat + is / am / are ก่อน+ S ประธาน + คำกริยาที่มีingต่อท้าย?

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม  ในภาษาอังกฤษ

ประโยคชนิดต่างๆ ตอนที่ 2 – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาเรียนรู้ ประโยคชนิดต่างๆ ต่อน่ะครับ ในตอนที่ 2
หลักการสร้างประโยค
มาเรียนรุ้เรื่อง ประโยคคำสั่ง, ประโยคแสดงความต้องการ และ ประโยคขอร้อง
ตัวอย่างคำศัพท์ และตัวอย่างประโยค
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

ประโยคชนิดต่างๆ ตอนที่ 2 - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

เกม ทายอาชีพภาษาอังกฤษ 10 ข้อ


เกม ทายอาชีพภาษาอังกฤษ 10 ข้อ
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe VGameKids กันด้วยนะครับ

เกม ทายอาชีพภาษาอังกฤษ 10 ข้อ

ประโยคบอกเล่าเป็นคำถาม อังกฤษ


เรียนอังกฤษแกรมม่า ออนไลน์ ติวเข้มอังกฤษออนไลน์ admission onet anet สอบเข้ามหาวิทยาลัย
จบก่อนเพื่อน www.geniusteen.com

ประโยคบอกเล่าเป็นคำถาม อังกฤษ

การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม


การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นคำถาม

การเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การ เปลี่ยน ประโยค บอก เล่า เป็น ประโยค คํา ถาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *