Skip to content
Home » [Update] ทำแบรนด์ให้คนพูดถึงไม่หยุด ด้วยวิธี “ธรรมดาแต่ดังมาก” | word of mouth แปลว่า – NATAVIGUIDES

[Update] ทำแบรนด์ให้คนพูดถึงไม่หยุด ด้วยวิธี “ธรรมดาแต่ดังมาก” | word of mouth แปลว่า – NATAVIGUIDES

word of mouth แปลว่า: คุณกำลังดูกระทู้

ทำแบรนด์ให้คนพูดถึงไม่หยุด ด้วยวิธี “ธรรมดาแต่ดังมาก”

Main Idea

 
 

  • ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกันอยู่ 2-3 วัน แล้วก็หายไป เพราะมีไวรัลดังๆ มาถล่มทับ แต่ Word of Mouth นั้นยั่งยืนกว่า เพราะแม้จะไม่ได้ดังเปรี้ยงป้างอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้คนพูดถึงสินค้าหรือบริการของเราไปได้อีกนาน

 

  • หนังสือ “ธรรมดาแต่ดังมาก” พูดถึงการทำให้สินค้า-บริการ หรือแบรนด์ของคุณกลายเป็นคำฮิตติดปาก หรือทำให้คนคิดถึงคุณมากขึ้น บ่อยขึ้น จนสามารถเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย โดยจะช่วยวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ใช่แค่จดจำได้ แต่ยังนึกถึง และพูดถึงคุณได้บ่อยขึ้น ได้รู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ

 

  • องค์ประกอบหลักที่จะทำให้คนพูดถึงเราไปอีกนาน นั่นคือ “STEPPS”  ซึ่งมาจาก “S” Social Currency หรือ ภาพลักษณ์ทางสังคม “T” Triggers ตัวกระตุ้น “E”  Emotion อารมณ์ความรู้สึก “P” Public ความเด่นชัด “P” Practical Value ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ และ “S”  Stories เรื่องเล่า หมายถึงข้อมูลหรือใจความสำคัญต้องถูกส่งต่อภายใต้เปลือกนอกของการพูดคุยเรื่อยเปื่อยได้ด้วย

     ชื่อเรื่อง : Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก

     ผู้เขียน :  Jonah Berger

     สำนักพิมพ์ : WeLearn
 
               

     สรุปหนังสือ Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก หน้าปกเขาบอกว่า..ยิงให้ตรงจุด แล้วคนจะหยุดพูดถึงคุณไม่ได้ ด้วยเคล็ดลับจากหลักสูตรการตลาดยอดนิยมของ Wharton School

     คนการตลาดหรือคนโฆษณาส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าของแบรนด์หรือร้านอาหารเล็กๆ ต่างก็พยายามหาทางคิดจนหัวแตกว่า ทำยังไงให้สินค้าหรือบริการของเราขายดีติดตลาด กลายเป็นคำพูดติดปากของใครๆ เหมือนเขาบ้าง
               

     แล้วเขาที่ว่าน่ะเขาไหน? ก็เขาที่เป็นเคสดังๆ Word of Mouth หรือ Viral ดังๆ กระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นไงล่ะ ถ้าคนพูดถึงเขากันมากขนาดนั้นยอดขายมันก็ต้องพุ่งขึ้นเอาๆ บ้างหละน่า..
               

     เหรอครับ? ไวรัลไฟลามทุ่งหรือ WOM ช่วยให้ขายดีได้ด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องถามว่าคุณวัดมันจากอะไร?
               

     ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน 2-3 วัน ที่ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกัน แต่แล้ววันที่ 4 ก็หายไป เพราะเดี๋ยวก็มีคลิปใหม่ๆ ไวรัลดังๆ มาถล่มทับของเก่าไปเรื่อยๆ เผลอแปบเดียวคนก็ลืมไวรัล 10 ล้านวิวของคุณไปแล้ว
               

     แต่ Word of Mouth นี่สิยั่งยืนกว่า แม้มันจะไม่ได้เป็นไวรัลเปรี้ยงป้างอะไรมากนักเหมือนไวรัล แต่ก็ทำให้คนพูดถึงไปได้อีกนานไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแบรนด์อะไรก็ตาม
               

     ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น “กินอะไร? กินอะไร? กินอะไรไปกิน MK” ทุกวันนี้หลายคนยังติดปากเมื่อเวลามีเพื่อนถามว่า “กินอะไร?” ก็ยังต่อประโยคกลายเป็นเพลงโฆษณา MK เมื่อหลายปีก่อนไปโดยไม่รู้ตัว
               

     นี่น่าจะเป็นหนึ่งตัวอย่างใกล้ตัวที่ทำให้ผมนึกถึงเมื่ออ่านเล่มนี้จบ เพราะพูดถึงการที่ทำอย่างไรให้สินค้า บริการ หรือแบรนด์ของคุณนั้นกลายเป็นคำติดปาก หรือทำให้คนคิดถึงคุณให้มากขึ้น บ่อยขึ้น จนสามารถเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย
               

     ถ้าคุณเคยอ่าน Made It Stick (ติดอะไรไม่เท่าติดหนึบ) คุณก็น่าจะอ่านเล่มนี้ต่อ ผมว่าเล่มนี้เหมือนภาคขยายของเล่มนั้นก็ได้ Made It Stick ว่าด้วยหลักการทำอย่างไรให้คนจำคุณได้ฝังใจไปจนตาย แต่เล่มนี้จะวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ใช่แค่จำ แต่ยังนึกถึง และพูดถึงคุณได้บ่อยขึ้นอีก นั่นหมายความว่านอกจากเจ้าตัวคนที่จำได้ แต่คนรอบข้างเขาก็ได้รู้จักสินค้า บริการ หรือแบรนด์คุณมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
               

     “Jonah Beger”  วิเคราะห์องค์ประกอบหลักของการทำให้คนพูดถึงคุณไปอีกนานได้เป็น 6 หัวข้อ ที่มีชื่อย่อว่า STEPPS ดังนี้
               

     S” ย่อมาจาก Social Currency หรือแปลเป็นไทยว่า ภาพลักษณ์ทางสังคม

     หมายถึง เราบอกต่อสิ่งต่างๆ ที่ช่วยให้ตัวเองดูดี ภาพลักษณ์ของผู้คนดูดีขึ้นหรือเปล่าเมื่อพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณให้เพื่อนฟัง มันมีความน่าทึ่งแฝงอยู่หรือไม่ คุณได้ทำให้มันมีลักษณะเหมือนเกมหรือเปล่า คุณทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเป็นคนวงในได้ไหม เช่น บาร์ลับหลังตู้โทรศัพท์ที่ชื่อว่า Please don’t tell ที่ไม่มีหน้าร้านชัดเจน ไม่มีป้ายบอก ไม่มีประตูเข้าทั่วไป
               

     แต่คุณต้องกดที่ตู้โทรศัพท์ที่อยู่ในร้านอาหารอีกทีถึงจะสามารถเข้าไปในบาร์นี้ได้ แล้วขอโทษทีบาร์นี้เปิดรับจำกัดเพียง 45 โต๊ะต่อวันเท่านั้น แต่กลายเป็นว่ามียอดจองโต๊ะเต็มทุกวันภายในไม่ถึง 30 นาทีที่เริ่มเปิดให้โทรเข้ามาจองในแต่ละวัน
               

     ความสำเร็จของเคสนี้ก็คือการที่คนที่ได้ไปร้านนี้คือคนที่พิเศษกว่าคนอื่นเพราะต้องใช้ความพยายามมากกว่า และต้องมีคนที่เคยไปมาบอกเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปในที่นี้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ลึกลับยากมากเกินไปจนเกินความพยายามที่จะเข้าไปได้
               

     T” ย่อมาจาก Triggers หรือแปลเป็นไทยว่า ตัวกระตุ้น เราจะบอกต่อสิ่งใดก็ตามที่เรานึกถึงบ่อยๆ

     เมื่อดูจากบริบทแวดล้อม (Context) ตัวกระตุ้นใดที่ทำให้ผู้คนนึกถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณ แล้วคุณจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เชื่อมโยงกับสินค้าหรือโฆษณาของคุณเพื่อทำให้คนคิดถึงคุณได้บ่อยขึ้นอย่างไร เช่น คิทแคททำโฆษณาชิ้นหนึ่งขึ้นมาโดยยังอยู่ภายใต้คอนเซปต์เดิมคือ “คิดจะพักคิดถึงคิทแคท” เพียงแต่คิทแคทค้นหาบริบทการพักขึ้นมาใหม่ของคนปัจจุบัน คือการกินกาแฟ
               

     คิทแคท เลยสร้างโฆษณาชิ้นใหม่ขึ้นมาแล้วบอกคนดูว่า ทุกครั้งที่คุณจะเบรกกินกาแฟ ก็อย่าลืมหาคิทแคทมากินคู่กัน กลายเป็นว่ายอดขายของคิทแคทพุ่งขึ้นอีกครั้งหลังจากติดลบปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ มายาวนานแถมยังเป็นการพุ่งขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักด้วย
               

     E” ย่อมาจาก Emotion หรือแปลเป็นไทยว่า อารมณ์ความรู้สึก เราจะแบ่งปันเรื่องราวที่เราสนใจ เราต้องพุ่งเป้าไปที่ความรู้สึก

     การพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณสามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกได้หรือเปล่า ที่สำคัญคุณต้องจุดไฟในตัวคนดูขึ้นมาให้ได้ เราอาจเคยได้ยินหลายๆ บทความเกี่ยวกับโฆษณาที่ดีต้องเล่นกับอารมณ์ของคนอยู่บ่อยๆ
               

     ต้องขำบ้าง เศร้าบ้าง รู้สึกดีบ้าง เพียงแต่ในอารมณ์ทั้งหลายนั้นก็ยังมีอารมณ์ที่ทำให้คนดูจบแล้วกดปิดและไม่พูดถึงมันอีก แต่ในบางอารมณ์นั้นก็สามารถกระตุ้นให้คนอยากที่จะกดแชร์ต่อ หรือเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังตอนนั่งกินข้าวกลางวันกันก็มี แล้วความลับของอารมณ์ที่ว่านั้นคืออะไรกันล่ะ
               

     อารมณ์ที่ดีที่นักการตลาดหรือคนโฆษณาควรใช้ถ่ายทอดออกไปควรเป็นอารมณ์ที่สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวสูง ไม่ใช่อารมณ์ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวต่ำ แล้วอารมณ์ที่ทำให้เราตื่นตัวต่ำมีอะไรบ้าง ก็มีความสบายใจ และความเศร้าใจ สังเกตง่ายๆ จากคนรอบตัวและตัวเราเองก็ได้ครับ เวลาที่เราสบายใจเรามักจะนั่งเอนหลัง ยิ้มมุมปาก มองท้องฟ้า แล้วก็ไม่ทำอะไรต่อเพราะเรารู้สึกสบายใจแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ต้องตื่นตัวใดๆ
               

     กับอารมณ์โศกเศร้าต่างกัน เพราะอารมณ์โศกเศร้านั้นจะทำให้เราหดหู่ อยากอยู่คนเดียว ขบคิดเรื่องราวต่างๆ ในหัวด้วยตัวคนเดียว คิดง่ายๆ ตอนเราเศร้าเรามักไม่อยากพูดอะไร อยากอยู่คนเดียวคุดคู้ในผ้าห่มปล่อยให้เวลามันผ่านไป นั่งดูฝนตกที่หน้าต่างแต่ไม่ได้เปิดเพลงของพี่เสกฟังคลอไปด้วยเท่านั้นเอง
               

     แล้วอารมณ์ที่กระตุ้นให้เรามีความตื่นตัวสูงล่ะมีอะไรบ้าง ก็มีความพิศวง ความตื่นเต้น ความตลกขบขัน ความโกรธ และความกังวล ถ้าสังเกตจากตัวเราเองก็ได้ครับเวลาที่เราอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเรานี้เรามักจะต้องทำอะไรบางอย่างเสมอ เช่น ถ้าตลกเราก็ต้องหัวเราะออกมา จะกลั้นหัวเราะยังยากเลยถ้ามันขำมากจริงๆ หรือถ้าเราโกรธเราก็มักจะต้องแสดงออกมาด้วยไม่ว่าจะการตะโกน โวยวาย กำมือ หน้าแดง หรือทุบโต๊ะ
               

     ดังนั้นถ้าคุณจะเล่นกับอารมณ์ในงานโฆษณาของคน ก็ควรเป็นอารมณ์ที่กระตุ้นให้คนต้องทำอะไรบางอย่างต่อไป เพราะนั่นจะหมายถึงการเพิ่มโอกาสที่คนจะบอกเล่นเรื่องราวของคุณต่อจนเป็น Word of Mouth ได้ง่ายๆ
           

     “P” ย่อมาจาก Public หมายถึง ความเด่นชัด สิ่งที่ถูกสร้างมาให้ผู้คนมองเห็นได้ชัดเจนจะกลายเป็นที่แพร่หลายได้ง่ายกว่าสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น

     สินค้าหรือโฆษณาของคุณโฆษณาตัวเองได้หรือเปล่า ผู้คนมองเห็นเวลาที่คนอื่นใช้มันไหม ถ้าไม่..คุณจะทำให้เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องที่คนหมู่มากรับรู้ได้อย่างไร คุณจะสร้างร่องรอยพฤติกรรมซึ่งยังคงอยู่หลังจากที่ผู้คนใช้สินค้าหรือดูโฆษณาของคุณไปแล้วได้ยังไง ยกตัวอย่าง iPod สิ่งหนึ่งที่ทำให้ iPod สำเร็จไม่ใช่แค่ตัวเครื่องที่ออกแบบมาดี หรือเทคโนโลยีที่มีความจุ 1,000 เพลงในสมัยนั้น แต่เป็นหูฟังครับ
               

     หูฟังสีขาวที่โดดเด่นมาแต่ไกลในยุคที่หูฟังไหนๆ ก็เป็นสีดำเหมือนกันหมด สิ่งนี้สะท้อนภาพของคนที่ฟัง iPod และต่อมาใน iPhone ว่าฉันไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วๆ ไป นี่คือยุคสมัยของคนหูขาว จากนั้นเป็นยังไงต่อไม่ต้องบอกใช่ไหมครับ คุณคงจำได้ว่าแม้แต่หูฟังจากจีนราคาถูกก็ยังเป็นสีขาวเพื่อช่วยโปรโมตให้ iPod เลย ใครๆ ก็อยากหูขาวแม้ไม่ได้ใช้ Apple ในยุคนั้น สารภาพผมคนหนึ่งก็เป็นเหมือนกัน
               

     หรืออีกเคสหนึ่งคือเคสของ Lance Armstrong นักปั่นจักรยานชื่อดังของโลกเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นดี ก่อนที่สายรัดใส่ข้อมือสีเหลือง Lance Armstrong ที่โด่งดังจนของก็อปเต็มไปหมด ครั้งแรกมันเกือบจะไม่ได้ถูกผลิตออกมาแล้วเพราะ Lance Armstrong กลัวว่าจะไม่มีคนซื้อใส่ ตอนที่ Mckinsy แนะนำว่าให้ผลิตออกมา 5 ล้านชิ้นเพื่อสนับสนุนเอาเงินเข้ามูลนิธิของเขา แต่ภายใน 6 เดือนกลับขายหมดเกลี้ยงจนผลิตไม่ทัน สาเหตุเพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะสายนี้ถูกออกแบบให้เป็นสีเหลือง
               

     สีเหลืองซึ่งเกี่ยวกับสีเสื้อที่แลนซ์ใส่ เป็นสีเสื้อที่ให้นักกีฬาตัวเต็งเท่านั้นใส่ และสีนี้เป็นสีที่ไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นพอใส่สายรัดข้อมือสีเหลืองนี้ก็เหมือนเป็นการโฆษณาแบบตะโกนไกลๆ อยู่กลายๆ ให้คนใครๆ ดู และที่สำคัญคือแม้การแข่งขันจะจบลง แต่สัญลักษณ์กลับอยู่ยาวเป็นปีเพื่อคอยพูดย้ำถึง Lance Armstrong และมูลนิธินี้ไปอีกนาน
               

     P” ย่อมาจาก Practical Value หมายความว่า ข้อมูลที่เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

     เพราะการพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ช่วนเหลือคนอื่นหรือไม่ คุณจะเน้นย้ำประโยชน์อันน่าทึ่งรวมถึงเรียบเรียงความรู้และความเชี่ยวชาญของตัวเองให้กลายเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งคนอื่นอยากนำไปบอกต่อได้อย่างไร เช่น คลิปหนึ่งครับ คลิปง่ายๆ เป็นคลิปที่คุณตาคนหนึ่งสอนหลานและคนในครอบครัวว่าทำอย่างไรถึงจะปอกข้าวโพดได้โดยที่ไม่เหลือไหมข้าวโพดติดอยู่ตามเมล็ดข้าวโพด
               

     ในคลิปนี้คุณตาสาธิตด้วยการเอาข้าวโพดทั้งฝักเข้าไมโครเวฟเป็นเวลา 4 นาที แล้วพอครบเวลาเอาออกมาก็ใช้มีดหั่นบริเวณฐานฝักข้าวโพดลึกเข้ามา 1 นิ้ว แล้วคุณตาก็หยิบข้าวโพดขึ้นมาเขย่าๆ นิดเดียวข้าวโพดทั้งฝักก็หลุดออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่เหลือไหมข้าวโพดให้ติดฟันอีกเลย
               

     สุดยอดครับคลิปง่ายๆ แค่นี้ถ่ายกันเองที่ตั้งใจแค่ส่งต่อให้คนในครอบครัวที่อยู่คนละประเทศและเพื่อนดู กลับมีคนร่วมดูเป็นล้านๆ ในเวลาไม่นาน คลิปนี้มีชื่อว่า “Clean Ears Everytime” อะไรที่มีประโยชน์เชื่อเถอะครับว่าเราจะชอบแชร์หรือพูดต่อให้คนอื่นฟัง เพราะใครๆ ก็อยากเป็นคนที่ดูดี ดูฉลาดในสายตาคนอื่นทั้งนั้น
               

     S” ย่อมาจาก Stories หมายความว่า ข้อมูลหรือใจความสำคัญต้องถูกส่งต่อภายใต้เปลือกนอกของการพูดคุยเรื่อยเปื่อยได้ด้วย

     เหมือนกับม้าไม้ของเมืองทรอย ที่ภายนอกดูเป็นม้าไม้ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม แต่ข้างในก็มีใจความสำคัญคือหน่วยทหารกรีกฝีมือดีที่จะเปิดประตูเมืองทรอยให้ตนชนะในศึกนั้นได้ ม้าไม้หรือพาหนะของเรื่องคุณคืออะไร สินค้าหรือโฆษณาของคุณแฝงอยู่ในเรื่องเล่าที่ผู้คนอยากบอกต่อกับคนอื่นหรือเปล่า เรื่องเล่าของคุณแพร่หลายออกไปโดยที่คุณยังได้รับประโยชน์หรือไม่ เรื่องนี้ก็เหมือนกับ “ไวรัลคลิป” ทั้งหลายที่นักการตลาดก็อยากได้และคนโฆษณาก็อยากทำ
               

     ไม่ว่าไวรัลนั้นจะไปกี่ล้านหรือสิบล้านวิว ใจความสำคัญที่ต้องการจะสื่อยังอยู่ไหมเมื่อเวลาผ่านไป หรือเหลือแค่ความสนุก ความขำ ความดังของผู้กำกับ แล้วเนื้อหาสำคัญของเรื่องก็ถูกกลบทับไปหมด เหมือนกับกรณีของชาวแคนาดาคนหนึ่งที่ชื่อ “รอน เบนซิมฮอน” ค่อยๆ ถอดกางเกงวอร์มแล้วก้าวขึ้นไปยืนตรงปลายแท่นกระโดดที่มีความสูง 3 เมตร ในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ เพื่อสร้างความแตกตื่นฮือฮาและเสียงหัวเราะ ทำเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยงงเป็นไก่ตาแตกว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร จนกลายเป็นคลิปดังที่ชื่อว่า “เจ้างั่งในสระว่ายน้ำ”
               

     คลิปนั้นกลายเป็นที่แพร่กระจายไปทั่วโลกถึงความตลกและเหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในการมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครพูดถึงเลยคือชื่อเว็บไซต์ที่อยู่บนหน้าอกของนายเบนคนนั้น “GoldenPalace.com” ครับ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ออกทุนจ้างนายเบนให้เข้าไปป่วนในงานให้กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก Traffic กลับไม่กระเตื้องเข้าเว็บเข้าเลยซักนิด
               

     นี่คือตัวอย่างของเรื่องเล่าที่ไม่มีใจความที่สำคัญติดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าการเล่าเรื่องของคุณสูญเปล่า หรือ ROI แทบจะเป็น 0 นั่นเอง
               

     สุดท้ายแล้วผมชอบเคสตัวอย่างเคสหนึ่งของเล่มนี้มาก

     คือร้านอาหารหรูร้านนึงที่ชื่อว่า “บาร์เคลย์ ไพรม์” เป็นหนึ่งในบรรดาหลายสิบร้านหรูในเมืองฟิลาเดลเฟียของอเมริกา สามารถโดดเด่นกลายเป็นที่พูดถึงและทำให้คนนึกถึงได้บ่อยกว่าร้านไหนๆ ก็ด้วยเมนูแสนธรรมดาอย่าง ชีสสเต็ก ซึ่งชีสสเต็กธรรมดาทั่วไปนั้นขายกันในราคาแค่ 4-5 ดอลลาร์ แต่ชีสสเต็กของร้านนี้กลับขายในราคาถึง 100 ดอลลาร์
               

     เห็นไหมครับแค่จุดนี้ก็เรียกความสนใจจากผู้คนได้แล้ว แล้วชีสสเต็กราคาสูงกว่าทั่วไปถึง 20-25 เท่านี้ไม่ใช่แค่ดีแต่แพงเท่านั้น แต่ยังทำไม่เหมือนร้านไหนๆ เพราะเขาใช้เนื้อโกเบแบบมีไขมันแทรกที่หั่นบางๆ และวัตถุดิบกรรมวิธีพิเศษอื่นๆ อีกมากมายให้คุ้มกับ 100 ดอลลาร์ ที่คุณต้องจ่ายไป รู้ไหมครับว่าเมนูนี้เป็นที่พูดถึงของคนเมืองนี้มากจนทำให้ร้านบาร์เคลย์ ไพรม์ ของเขานั้นแน่นขนัดตลอดเวลา
               

     จุดสำคัญยังไม่หมด เพราะทุกครั้งที่คนเห็นชีสสเต็กทั่วไปก็จะนึกถึงชีสสเต็กของร้านบาร์เคลย์ ไพรม์ ตลอดเวลาควบคู่กันไป ทำให้ใครที่ได้ไปลิ้มลองก็จะเอาเรื่องนี้ไปคุยโวกับเพื่อนฝูงไม่หยุดหย่อนไปอีกนานถึงความไม่ธรรมดากับเมนูชีสสเต็กในราคา 100 ดอลลาร์ เห็นไหมครับว่าแค่ชีสสเต็ก 100 ดอลลาร์นั้น สามารถสร้าง ROI กลับมาทั้งแบบวัดผลได้และวัดผลไม่ได้มากมายแค่ไหน
               

      ครั้งหน้าที่คุณต้องทำโฆษณาหรือแผนการตลาดเพื่อโปรโมตอะไรซักอย่าง ลองถามตัวเองดูว่าสิ่งนี้ที่กำลังจะทำนั้นมีอะไรให้คนอยากพูดต่อ บอกเพื่อน หรือแม้แต่คิดถึงเราได้บ่อยแม้จะไม่ได้เห็นเราแล้ว
          

     
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 
 

Contagious ธรรมดาแต่ดังมากJonah BergerWeLearnสรุปหนังสือ Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก หน้าปกเขาบอกว่า..ยิงให้ตรงจุด แล้วคนจะหยุดพูดถึงคุณไม่ได้ ด้วยเคล็ดลับจากหลักสูตรการตลาดยอดนิยมของ Wharton Schoolคนการตลาดหรือคนโฆษณาส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าของแบรนด์หรือร้านอาหารเล็กๆ ต่างก็พยายามหาทางคิดจนหัวแตกว่า ทำยังไงให้สินค้าหรือบริการของเราขายดีติดตลาด กลายเป็นคำพูดติดปากของใครๆ เหมือนเขาบ้างแล้วเขาที่ว่าน่ะเขาไหน? ก็เขาที่เป็นเคสดังๆ Word of Mouth หรือ Viral ดังๆ กระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นไงล่ะ ถ้าคนพูดถึงเขากันมากขนาดนั้นยอดขายมันก็ต้องพุ่งขึ้นเอาๆ บ้างหละน่า..เหรอครับ? ไวรัลไฟลามทุ่งหรือ WOM ช่วยให้ขายดีได้ด้วยเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมต้องถามว่าคุณวัดมันจากอะไร?ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน 2-3 วัน ที่ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกัน แต่แล้ววันที่ 4 ก็หายไป เพราะเดี๋ยวก็มีคลิปใหม่ๆ ไวรัลดังๆ มาถล่มทับของเก่าไปเรื่อยๆ เผลอแปบเดียวคนก็ลืมไวรัล 10 ล้านวิวของคุณไปแล้วแต่ Word of Mouth นี่สิยั่งยืนกว่า แม้มันจะไม่ได้เป็นไวรัลเปรี้ยงป้างอะไรมากนักเหมือนไวรัล แต่ก็ทำให้คนพูดถึงไปได้อีกนานไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือแบรนด์อะไรก็ตามยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น “กินอะไร? กินอะไร? กินอะไรไปกิน MK” ทุกวันนี้หลายคนยังติดปากเมื่อเวลามีเพื่อนถามว่า “กินอะไร?” ก็ยังต่อประโยคกลายเป็นเพลงโฆษณา MK เมื่อหลายปีก่อนไปโดยไม่รู้ตัวนี่น่าจะเป็นหนึ่งตัวอย่างใกล้ตัวที่ทำให้ผมนึกถึงเมื่ออ่านเล่มนี้จบ เพราะพูดถึงการที่ทำอย่างไรให้สินค้า บริการ หรือแบรนด์ของคุณนั้นกลายเป็นคำติดปาก หรือทำให้คนคิดถึงคุณให้มากขึ้น บ่อยขึ้น จนสามารถเพิ่มโอกาสในการขายให้มากขึ้นตามไปด้วยถ้าคุณเคยอ่าน Made It Stick (ติดอะไรไม่เท่าติดหนึบ) คุณก็น่าจะอ่านเล่มนี้ต่อ ผมว่าเล่มนี้เหมือนภาคขยายของเล่มนั้นก็ได้ Made It Stick ว่าด้วยหลักการทำอย่างไรให้คนจำคุณได้ฝังใจไปจนตาย แต่เล่มนี้จะวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ใช่แค่จำ แต่ยังนึกถึง และพูดถึงคุณได้บ่อยขึ้นอีก นั่นหมายความว่านอกจากเจ้าตัวคนที่จำได้ แต่คนรอบข้างเขาก็ได้รู้จักสินค้า บริการ หรือแบรนด์คุณมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย“Jonah Beger” วิเคราะห์องค์ประกอบหลักของการทำให้คนพูดถึงคุณไปอีกนานได้เป็น 6 หัวข้อ ที่มีชื่อย่อว่า STEPPS ดังนี้หมายถึง เราบอกต่อสิ่งต่างๆ ที่ช่วยให้ตัวเองดูดี ภาพลักษณ์ของผู้คนดูดีขึ้นหรือเปล่าเมื่อพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณให้เพื่อนฟัง มันมีความน่าทึ่งแฝงอยู่หรือไม่ คุณได้ทำให้มันมีลักษณะเหมือนเกมหรือเปล่า คุณทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเป็นคนวงในได้ไหม เช่น บาร์ลับหลังตู้โทรศัพท์ที่ชื่อว่า Please don’t tell ที่ไม่มีหน้าร้านชัดเจน ไม่มีป้ายบอก ไม่มีประตูเข้าทั่วไปแต่คุณต้องกดที่ตู้โทรศัพท์ที่อยู่ในร้านอาหารอีกทีถึงจะสามารถเข้าไปในบาร์นี้ได้ แล้วขอโทษทีบาร์นี้เปิดรับจำกัดเพียง 45 โต๊ะต่อวันเท่านั้น แต่กลายเป็นว่ามียอดจองโต๊ะเต็มทุกวันภายในไม่ถึง 30 นาทีที่เริ่มเปิดให้โทรเข้ามาจองในแต่ละวันความสำเร็จของเคสนี้ก็คือการที่คนที่ได้ไปร้านนี้คือคนที่พิเศษกว่าคนอื่นเพราะต้องใช้ความพยายามมากกว่า และต้องมีคนที่เคยไปมาบอกเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปในที่นี้ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ลึกลับยากมากเกินไปจนเกินความพยายามที่จะเข้าไปได้เมื่อดูจากบริบทแวดล้อม (Context) ตัวกระตุ้นใดที่ทำให้ผู้คนนึกถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณ แล้วคุณจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เชื่อมโยงกับสินค้าหรือโฆษณาของคุณเพื่อทำให้คนคิดถึงคุณได้บ่อยขึ้นอย่างไร เช่น คิทแคททำโฆษณาชิ้นหนึ่งขึ้นมาโดยยังอยู่ภายใต้คอนเซปต์เดิมคือ “คิดจะพักคิดถึงคิทแคท” เพียงแต่คิทแคทค้นหาบริบทการพักขึ้นมาใหม่ของคนปัจจุบัน คือการกินกาแฟคิทแคท เลยสร้างโฆษณาชิ้นใหม่ขึ้นมาแล้วบอกคนดูว่า ทุกครั้งที่คุณจะเบรกกินกาแฟ ก็อย่าลืมหาคิทแคทมากินคู่กัน กลายเป็นว่ายอดขายของคิทแคทพุ่งขึ้นอีกครั้งหลังจากติดลบปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ มายาวนานแถมยังเป็นการพุ่งขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักด้วยการพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณสามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกได้หรือเปล่า ที่สำคัญคุณต้องจุดไฟในตัวคนดูขึ้นมาให้ได้ เราอาจเคยได้ยินหลายๆ บทความเกี่ยวกับโฆษณาที่ดีต้องเล่นกับอารมณ์ของคนอยู่บ่อยๆต้องขำบ้าง เศร้าบ้าง รู้สึกดีบ้าง เพียงแต่ในอารมณ์ทั้งหลายนั้นก็ยังมีอารมณ์ที่ทำให้คนดูจบแล้วกดปิดและไม่พูดถึงมันอีก แต่ในบางอารมณ์นั้นก็สามารถกระตุ้นให้คนอยากที่จะกดแชร์ต่อ หรือเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังตอนนั่งกินข้าวกลางวันกันก็มี แล้วความลับของอารมณ์ที่ว่านั้นคืออะไรกันล่ะอารมณ์ที่ดีที่นักการตลาดหรือคนโฆษณาควรใช้ถ่ายทอดออกไปควรเป็นอารมณ์ที่สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวสูง ไม่ใช่อารมณ์ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวต่ำ แล้วอารมณ์ที่ทำให้เราตื่นตัวต่ำมีอะไรบ้าง ก็มีความสบายใจ และความเศร้าใจ สังเกตง่ายๆ จากคนรอบตัวและตัวเราเองก็ได้ครับ เวลาที่เราสบายใจเรามักจะนั่งเอนหลัง ยิ้มมุมปาก มองท้องฟ้า แล้วก็ไม่ทำอะไรต่อเพราะเรารู้สึกสบายใจแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ต้องตื่นตัวใดๆกับอารมณ์โศกเศร้าต่างกัน เพราะอารมณ์โศกเศร้านั้นจะทำให้เราหดหู่ อยากอยู่คนเดียว ขบคิดเรื่องราวต่างๆ ในหัวด้วยตัวคนเดียว คิดง่ายๆ ตอนเราเศร้าเรามักไม่อยากพูดอะไร อยากอยู่คนเดียวคุดคู้ในผ้าห่มปล่อยให้เวลามันผ่านไป นั่งดูฝนตกที่หน้าต่างแต่ไม่ได้เปิดเพลงของพี่เสกฟังคลอไปด้วยเท่านั้นเองแล้วอารมณ์ที่กระตุ้นให้เรามีความตื่นตัวสูงล่ะมีอะไรบ้าง ก็มีความพิศวง ความตื่นเต้น ความตลกขบขัน ความโกรธ และความกังวล ถ้าสังเกตจากตัวเราเองก็ได้ครับเวลาที่เราอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งเรานี้เรามักจะต้องทำอะไรบางอย่างเสมอ เช่น ถ้าตลกเราก็ต้องหัวเราะออกมา จะกลั้นหัวเราะยังยากเลยถ้ามันขำมากจริงๆ หรือถ้าเราโกรธเราก็มักจะต้องแสดงออกมาด้วยไม่ว่าจะการตะโกน โวยวาย กำมือ หน้าแดง หรือทุบโต๊ะดังนั้นถ้าคุณจะเล่นกับอารมณ์ในงานโฆษณาของคน ก็ควรเป็นอารมณ์ที่กระตุ้นให้คนต้องทำอะไรบางอย่างต่อไป เพราะนั่นจะหมายถึงการเพิ่มโอกาสที่คนจะบอกเล่นเรื่องราวของคุณต่อจนเป็น Word of Mouth ได้ง่ายๆสินค้าหรือโฆษณาของคุณโฆษณาตัวเองได้หรือเปล่า ผู้คนมองเห็นเวลาที่คนอื่นใช้มันไหม ถ้าไม่..คุณจะทำให้เรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องที่คนหมู่มากรับรู้ได้อย่างไร คุณจะสร้างร่องรอยพฤติกรรมซึ่งยังคงอยู่หลังจากที่ผู้คนใช้สินค้าหรือดูโฆษณาของคุณไปแล้วได้ยังไง ยกตัวอย่าง iPod สิ่งหนึ่งที่ทำให้ iPod สำเร็จไม่ใช่แค่ตัวเครื่องที่ออกแบบมาดี หรือเทคโนโลยีที่มีความจุ 1,000 เพลงในสมัยนั้น แต่เป็นหูฟังครับหูฟังสีขาวที่โดดเด่นมาแต่ไกลในยุคที่หูฟังไหนๆ ก็เป็นสีดำเหมือนกันหมด สิ่งนี้สะท้อนภาพของคนที่ฟัง iPod และต่อมาใน iPhone ว่าฉันไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วๆ ไป นี่คือยุคสมัยของคนหูขาว จากนั้นเป็นยังไงต่อไม่ต้องบอกใช่ไหมครับ คุณคงจำได้ว่าแม้แต่หูฟังจากจีนราคาถูกก็ยังเป็นสีขาวเพื่อช่วยโปรโมตให้ iPod เลย ใครๆ ก็อยากหูขาวแม้ไม่ได้ใช้ Apple ในยุคนั้น สารภาพผมคนหนึ่งก็เป็นเหมือนกันหรืออีกเคสหนึ่งคือเคสของ Lance Armstrong นักปั่นจักรยานชื่อดังของโลกเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นดี ก่อนที่สายรัดใส่ข้อมือสีเหลือง Lance Armstrong ที่โด่งดังจนของก็อปเต็มไปหมด ครั้งแรกมันเกือบจะไม่ได้ถูกผลิตออกมาแล้วเพราะ Lance Armstrong กลัวว่าจะไม่มีคนซื้อใส่ ตอนที่ Mckinsy แนะนำว่าให้ผลิตออกมา 5 ล้านชิ้นเพื่อสนับสนุนเอาเงินเข้ามูลนิธิของเขา แต่ภายใน 6 เดือนกลับขายหมดเกลี้ยงจนผลิตไม่ทัน สาเหตุเพราะอะไรน่ะหรือครับ เพราะสายนี้ถูกออกแบบให้เป็นสีเหลืองสีเหลืองซึ่งเกี่ยวกับสีเสื้อที่แลนซ์ใส่ เป็นสีเสื้อที่ให้นักกีฬาตัวเต็งเท่านั้นใส่ และสีนี้เป็นสีที่ไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นพอใส่สายรัดข้อมือสีเหลืองนี้ก็เหมือนเป็นการโฆษณาแบบตะโกนไกลๆ อยู่กลายๆ ให้คนใครๆ ดู และที่สำคัญคือแม้การแข่งขันจะจบลง แต่สัญลักษณ์กลับอยู่ยาวเป็นปีเพื่อคอยพูดย้ำถึง Lance Armstrong และมูลนิธินี้ไปอีกนานเพราะการพูดถึงสินค้าหรือโฆษณาของคุณเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ช่วนเหลือคนอื่นหรือไม่ คุณจะเน้นย้ำประโยชน์อันน่าทึ่งรวมถึงเรียบเรียงความรู้และความเชี่ยวชาญของตัวเองให้กลายเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ซึ่งคนอื่นอยากนำไปบอกต่อได้อย่างไร เช่น คลิปหนึ่งครับ คลิปง่ายๆ เป็นคลิปที่คุณตาคนหนึ่งสอนหลานและคนในครอบครัวว่าทำอย่างไรถึงจะปอกข้าวโพดได้โดยที่ไม่เหลือไหมข้าวโพดติดอยู่ตามเมล็ดข้าวโพดในคลิปนี้คุณตาสาธิตด้วยการเอาข้าวโพดทั้งฝักเข้าไมโครเวฟเป็นเวลา 4 นาที แล้วพอครบเวลาเอาออกมาก็ใช้มีดหั่นบริเวณฐานฝักข้าวโพดลึกเข้ามา 1 นิ้ว แล้วคุณตาก็หยิบข้าวโพดขึ้นมาเขย่าๆ นิดเดียวข้าวโพดทั้งฝักก็หลุดออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่เหลือไหมข้าวโพดให้ติดฟันอีกเลยสุดยอดครับคลิปง่ายๆ แค่นี้ถ่ายกันเองที่ตั้งใจแค่ส่งต่อให้คนในครอบครัวที่อยู่คนละประเทศและเพื่อนดู กลับมีคนร่วมดูเป็นล้านๆ ในเวลาไม่นาน คลิปนี้มีชื่อว่า “Clean Ears Everytime” อะไรที่มีประโยชน์เชื่อเถอะครับว่าเราจะชอบแชร์หรือพูดต่อให้คนอื่นฟัง เพราะใครๆ ก็อยากเป็นคนที่ดูดี ดูฉลาดในสายตาคนอื่นทั้งนั้นเหมือนกับม้าไม้ของเมืองทรอย ที่ภายนอกดูเป็นม้าไม้ที่ยิ่งใหญ่สวยงาม แต่ข้างในก็มีใจความสำคัญคือหน่วยทหารกรีกฝีมือดีที่จะเปิดประตูเมืองทรอยให้ตนชนะในศึกนั้นได้ ม้าไม้หรือพาหนะของเรื่องคุณคืออะไร สินค้าหรือโฆษณาของคุณแฝงอยู่ในเรื่องเล่าที่ผู้คนอยากบอกต่อกับคนอื่นหรือเปล่า เรื่องเล่าของคุณแพร่หลายออกไปโดยที่คุณยังได้รับประโยชน์หรือไม่ เรื่องนี้ก็เหมือนกับ “ไวรัลคลิป” ทั้งหลายที่นักการตลาดก็อยากได้และคนโฆษณาก็อยากทำไม่ว่าไวรัลนั้นจะไปกี่ล้านหรือสิบล้านวิว ใจความสำคัญที่ต้องการจะสื่อยังอยู่ไหมเมื่อเวลาผ่านไป หรือเหลือแค่ความสนุก ความขำ ความดังของผู้กำกับ แล้วเนื้อหาสำคัญของเรื่องก็ถูกกลบทับไปหมด เหมือนกับกรณีของชาวแคนาดาคนหนึ่งที่ชื่อ “รอน เบนซิมฮอน” ค่อยๆ ถอดกางเกงวอร์มแล้วก้าวขึ้นไปยืนตรงปลายแท่นกระโดดที่มีความสูง 3 เมตร ในการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ เพื่อสร้างความแตกตื่นฮือฮาและเสียงหัวเราะ ทำเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยงงเป็นไก่ตาแตกว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร จนกลายเป็นคลิปดังที่ชื่อว่า “เจ้างั่งในสระว่ายน้ำ”คลิปนั้นกลายเป็นที่แพร่กระจายไปทั่วโลกถึงความตลกและเหลือเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในการมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างโอลิมปิก เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครพูดถึงเลยคือชื่อเว็บไซต์ที่อยู่บนหน้าอกของนายเบนคนนั้น “GoldenPalace.com” ครับ ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ออกทุนจ้างนายเบนให้เข้าไปป่วนในงานให้กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก Traffic กลับไม่กระเตื้องเข้าเว็บเข้าเลยซักนิดนี่คือตัวอย่างของเรื่องเล่าที่ไม่มีใจความที่สำคัญติดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าการเล่าเรื่องของคุณสูญเปล่า หรือ ROI แทบจะเป็น 0 นั่นเองสุดท้ายแล้วผมชอบเคสตัวอย่างเคสหนึ่งของเล่มนี้มากคือร้านอาหารหรูร้านนึงที่ชื่อว่า “บาร์เคลย์ ไพรม์” เป็นหนึ่งในบรรดาหลายสิบร้านหรูในเมืองฟิลาเดลเฟียของอเมริกา สามารถโดดเด่นกลายเป็นที่พูดถึงและทำให้คนนึกถึงได้บ่อยกว่าร้านไหนๆ ก็ด้วยเมนูแสนธรรมดาอย่าง ชีสสเต็ก ซึ่งชีสสเต็กธรรมดาทั่วไปนั้นขายกันในราคาแค่ 4-5 ดอลลาร์ แต่ชีสสเต็กของร้านนี้กลับขายในราคาถึง 100 ดอลลาร์เห็นไหมครับแค่จุดนี้ก็เรียกความสนใจจากผู้คนได้แล้ว แล้วชีสสเต็กราคาสูงกว่าทั่วไปถึง 20-25 เท่านี้ไม่ใช่แค่ดีแต่แพงเท่านั้น แต่ยังทำไม่เหมือนร้านไหนๆ เพราะเขาใช้เนื้อโกเบแบบมีไขมันแทรกที่หั่นบางๆ และวัตถุดิบกรรมวิธีพิเศษอื่นๆ อีกมากมายให้คุ้มกับ 100 ดอลลาร์ ที่คุณต้องจ่ายไป รู้ไหมครับว่าเมนูนี้เป็นที่พูดถึงของคนเมืองนี้มากจนทำให้ร้านบาร์เคลย์ ไพรม์ ของเขานั้นแน่นขนัดตลอดเวลาจุดสำคัญยังไม่หมด เพราะทุกครั้งที่คนเห็นชีสสเต็กทั่วไปก็จะนึกถึงชีสสเต็กของร้านบาร์เคลย์ ไพรม์ ตลอดเวลาควบคู่กันไป ทำให้ใครที่ได้ไปลิ้มลองก็จะเอาเรื่องนี้ไปคุยโวกับเพื่อนฝูงไม่หยุดหย่อนไปอีกนานถึงความไม่ธรรมดากับเมนูชีสสเต็กในราคา 100 ดอลลาร์ เห็นไหมครับว่าแค่ชีสสเต็ก 100 ดอลลาร์นั้น สามารถสร้าง ROI กลับมาทั้งแบบวัดผลได้และวัดผลไม่ได้มากมายแค่ไหนครั้งหน้าที่คุณต้องทำโฆษณาหรือแผนการตลาดเพื่อโปรโมตอะไรซักอย่าง ลองถามตัวเองดูว่าสิ่งนี้ที่กำลังจะทำนั้นมีอะไรให้คนอยากพูดต่อ บอกเพื่อน หรือแม้แต่คิดถึงเราได้บ่อยแม้จะไม่ได้เห็นเราแล้ว

[NEW] mouth แปลว่าอะไร ดูความหมาย ตัวอย่างประโยค หมายความว่า พจนานุกรม Longdo Dictionary แปลภาษา คำศัพท์ | word of mouth แปลว่า – NATAVIGUIDES

From WordNet (r) 3.0 (2006) [wn]:

  mouth
      n 1: the opening through which food is taken in and
           vocalizations emerge; "he stuffed his mouth with candy"
           [syn: {mouth}, {oral cavity}, {oral fissure}, {rima oris}]
      2: the externally visible part of the oral cavity on the face
         and the system of organs surrounding the opening; "she wiped
         lipstick from her mouth"
      3: an opening that resembles a mouth (as of a cave or a gorge);
         "he rode into the mouth of the canyon"; "they built a fire at
         the mouth of the cave"
      4: the point where a stream issues into a larger body of water;
         "New York is at the mouth of the Hudson"
      5: a person conceived as a consumer of food; "he has four mouths
         to feed"
      6: a spokesperson (as a lawyer) [syn: {mouthpiece}, {mouth}]
      7: an impudent or insolent rejoinder; "don't give me any of your
         sass" [syn: {sass}, {sassing}, {backtalk}, {back talk},
         {lip}, {mouth}]
      8: the opening of a jar or bottle; "the jar had a wide mouth"
      v 1: express in speech; "She talks a lot of nonsense"; "This
           depressed patient does not verbalize" [syn: {talk},
           {speak}, {utter}, {mouth}, {verbalize}, {verbalise}]
      2: articulate silently; form words with the lips only; "She
         mouthed a swear word"
      3: touch with the mouth


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยวาชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกม คณิตศาสตร์หรรษา ระดับประถมศึกษา (10 ข้อ) https://youtu.be/GhlHe6bjBCQ
เกม หาภาพตรงกับคำสั่ง หมวดวิทยาสาสตร์ https://youtu.be/nqoTcc0QV4
เกม ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ https://youtu.be/xcT9ntfaVk
วาดการ์ตูนปลาโลมา, เรือ, ผีเสือ, เห็ด | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สนุกกับการเรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/7_bjSKieC7c
วาดการ์ตูน ผีเสื้อ, ดอกไม้, บอลลูน, อ่างอาบน้ำ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/sfOUFKhNmwc
เกมหารูปภาพตามคำสั่ง หมวดคำราชาศัพท์ https://youtu.be/6yPm5YA2is
เกมหาอักษรที่หายไป หมวดภาษาอังกฤษ https://youtu.be/If5UsAS9ZYQ
เรียนรู้ผลไม้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เล่นไข่เซอร์ไพรส์และลุ้นถ้วยไอศครีม | wawa kids art https://youtu.be/m0b4bpQLBfY
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เกม ทายคำศัพท์ยานพาหนะ หมวดภาษาอังกฤษhttps://youtu.be/dc4ApC1qn_w
เกม หาสุภาษิตไทยจากรูปภาพ เรียนรู้ความหมายของสุภาพษิตไทย https://youtu.be/JhqtK1qae_s

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art

Bruno Mars, Anderson .Paak, Silk Sonic – Leave the Door Open [Official Video]


The official music video for Bruno Mars, Anderson .Paak, Silk Sonic’s new single \”Leave the Door Open\”
‘An Evening with Silk Sonic’ available now: https://SilkSonic.lnk.to/AEWSSID
Directed by Bruno Mars and Florent Dechard
Phil Tayag creative consultant

🔔 Subscribe for the latest official music videos, live performances, lyric videos, official audio, and more: https://Atlantic.lnk.to/BMsubscribe

🎵 Listen to the Best of Bruno Mars playlist ➤ https://bit.ly/3bbslw8​
🎵 Watch Bruno Mars’ Official Music Videos ➤ https://bit.ly/2U7I3mi​
Get Bruno Mars merchandise! https://brunom.rs/brunomarsstore
Connect with Bruno:
http://www.brunomars.com​
http://www.instagram.com/brunomars​
http://www.twitter.com/brunomars​
http://www.facebook.com/brunomars
Connect with Anderson .Paak.:
https://www.facebook.com/AndersonPaak
https://www.instagram.com/anderson._paak/
https://twitter.com/AndersonPaak
Connect with Silk Sonic:
https://SilkSonic.lnk.to/Instagram
https://SilkSonic.lnk.to/Twitter
https://SilkSonic.lnk.to/Facebook
https://SilkSonic.lnk.to/Spotify
https://SilkSonic.lnk.to/AppleMusic
https://SilkSonic.lnk.to/TikTok
Lyrics:
Say baby, say baby, say baby
What you doin
(what you doin)

Where you at
(where you at)

Oh you got plans
(you got plans)

Don’t say that
(shut yo trap)

I’m sippin wine
(sip sip)

In a robe
(drip drip)

I look too good
(look too good)

To be alone
(wooohooo)

My house clean
(house clean)

My pool warm
(pool warm)

Just shaved
(smooth like a new born)

We should be dancing, romancing
In the east wing and the west wing
Of this mansion, what’s happenin

I aint playin no games
Every word that I say
Is coming straight from the heart
(so if you tryna lay in these arms)

Imma leave the door open
(imma leave the door open)
Imma leave the door open girl
(Imma leave the door open, hopin)

That you feel the way I feel
And you want me like I want you tonight baby
(tell me that you’re coming through)

You’re so sweet
(so sweet)

So tight
(so tight)

I won’t bite
(ahh ahh)

Unless you like
(unless you like)

If you smoke
(what you smoke)

I got that haze
(purple haze)

And if you’re hungry girl I got filets
(woohooo)

Ooh baby don’t keep me
(waiting)
There’s so much love we could be making
(Shamone)
I’m talking kissing, Cuddling
Rose petals in the bathtub
Girl lets jump in, It’s bubblin

I aint playin no games
Every word that I say
Is coming straight from the heart
So if you tryna lay in these arms
( if you tryna lay in these arms)

Imma leave the door open
(imma leave the door open)
Imma leave the door open girl
(Imma leave the door open, hopin)

That you feel the way I feel
And you want me like I want you tonight baby
(tell me that you’re coming through)

La la laaa la la la laaa
(I need you baby)

La la laaa la la la laaa
(I gotta see you baby)

La la laaa la la la laaa
(Girl I’m tryna give you this)
(aaaaahhhhhhhhhh)

Imma leave my door open, baby
(imma leave the door open)
Imma leave, imma leave my door open girl
(Imma leave the door open, hopin)
And I’m hopin

Hopin that you feel the way I feel
And you want me like I want you tonight baby
(tell me that you’re coming through)

La la laaa la la la laaa
Tell me
(Tell me that you’re coming through)

Woo, woowoo, woo, woowoo,woo
Woowoo
Woo, woowoo, woo, woowoo,woo
Woowoo

La la laaa la la la laaa
(Tell me that you’re coming through)

Girl, I’m here just waiting for you
Come on over, I’ll adore you
(I gotta know)
(La la laaa la la la laaa)
I’m waiting, waiting, waiting for you

(Tell me that you’re coming through)
Girl, I’m here just waiting for you
Come on over, I’ll adore you

The official YouTube channel of Atlantic Records artist Bruno Mars. 11x GRAMMY Award winner and 27x GRAMMY Award nominee Bruno Mars is a celebrated singer, songwriter, producer, and musician with iconic hits like \”The Lazy Song\”, \”That’s What I Like\”, \”Just The Way You Are\”, \”24K Magic\”, \”Locked Out Of Heaven\”, and \”When I Was Your Man\”. His legendary body of work also includes blockbuster albums such as DooWops \u0026 Hooligans, Unorthodox Jukebox, and 24K Magic, as well as eradefining collaborations like \”Uptown Funk\” with Mark Ronson, \”Finesse\” with Cardi B, and \”Nothin’ On You\” with B.o.B. Forever classic, yet supremely innovative, Bruno continues to redefine music, style, and popular culture, pushing the boundaries of pop, R\u0026B, funk, soul, hiphop, and dance, and remains as influential as ever.
BrunoMars AndersonPaak SilkSonic LeaveTheDoorOpen

Bruno Mars, Anderson .Paak, Silk Sonic - Leave the Door Open [Official Video]

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

Word Of Mouth – Mike \u0026 The Mechanics (lyrics)


Love this song by Mike \u0026 The Mechanics, from 1991.
No copyright infringement intended. I do not own music, text, or pictures in this video. All rights and possible revenues goes to the artists, and owners of the song.\r
\r
Inget upphovsrättsintrång är avsett. Jag äger varken musik, text, eller bilder i videon . Alla rättigheter och eventuella intäkter går till artisterna och ägarna av låten.

Word Of Mouth - Mike \u0026 The Mechanics (lyrics)

Word of Mouth


Stream and download this and dozens of films at https://odbfilms.com
Two girls are living on opposite ends of the social spectrum. One seems to have it all and one is reminded every day that she doesn’t. Then something happens that closes the gap between them.

Word of Mouth

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ word of mouth แปลว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *