Skip to content
Home » [Update] คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (Conjunctions): คำและวลีที่พบบ่อยที่สุด | การเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (Conjunctions): คำและวลีที่พบบ่อยที่สุด | การเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

การเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) หรือคําสันธานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม เพราะคำเชื่อมจะทำให้ทั้งคำพูด คำอ่าน คำเขียนได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

Table of Contents

ทำความเข้าใจกับคําเชื่อมภาษาอังกฤษ

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction) มีผลประโยคคือเชื่อมต่อระหว่างคำศัพท์กับคำศัพท์หรือระหว่างประโยคทำให้เข้าใจได้ง่าย วันนี้ Eng Breaking จะแนะนำถึงคุณประเภทของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษพร้อมเผยเคล็ดลับในการใช้งานของคำเชื่อม อ่านเข้าใจง่าย เอามาใช้งานได้ดี ใครๆ ก็ทำได้แน่นอน

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ (conjunction)  คืออะไร นำมาใช้ยังไง?

ก่อนที่จะดูว่าคำเชื่อมมีกี่ประเภทแล้วใช้งานได้อย่างไรบางเราลองดูประโยคของคำเชื่อมตอนที่มีคำเชื่อมกับตอนที่ไม่ใช้คำเชื่อมแตกต่างกันอย่างไรดังนี้

ยกตัวอย่างประโยคที่ง่ายๆ เช่น ฉันชอบแมว.  ฉันชอบหมา. ฉันชอบลิง. มันเป็นประโยคเดียวแต่คนอ่าน คนฟังจะไม่เห็นความเกี่ยวกัน ดูเหมือนเป็นสามประโยคสั้นๆ มากกว่าใช่ไหมคะ?! แล้วถ้าตอนนี้เราลองใส่คำเชื่อมเช่น คำว่า “และ” (and) ประโยคจะกลายเป็น ฉันชอบแมว และ หมาและ ลิง ความหมายไม่เปลี่ยนไปแต่ประโยคดูดีขึ้น ไม่ต้องใช้คำซ้ำๆ กันด้วย ง่ายๆ แต่มีประโยคช์ดีมากๆ เพราะว่าในประโยคนั้นมีคำเชื่อม

หรือแทนคำว่า ฉันชอบแมว. ฉันชอบหมา. ฉันไม่ชอบลิง เราก็สามารถพูดสั้นลงและไม่ต้องพูดซ้ำคำว่า ฉันถ้าเราใช้คำเชื่อมดังนี้

ฉันชอบแมวและหมาแต่ไม่ชอบลิง เป็นอย่างไรบางคะผู้เรียน คำเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดีขึ้นมาทันที ต่อไปนี้เราจะไปค้นค้วาให้ลึกๆ ประเภทต่างๆ ของคําเชื่อมภาษาอังกฤษ และวิธีการใช้งานของแต่ละแบบพร้อมตัวอย่างให้เห็นง่าย ชัดเจนดังต่อไปนี้

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมเผยวิธีการใช้อย่างถูกต้อง

คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง

คําเชื่อมภาษาอังกฤษ conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
1. Coordinating conjunctions
2. Subordinating Conjunctions
3. Correlative Conjunctions

เราจะไปเฉาะลึกแต่ละประเภทของคำเชื่อมและการใช้งานดังนี้

1. หลักการใช้ Coordinating conjunctions 

หลักการใช้ Coordinating conjunctions  คือผู้เรียนแค่คำคำศัพท์ FAN BOYS ก็สามารถเอามาใช้งานได้แล้วเพราะมันเป็นตังอักษรย่อจากพวกคำเชื่อมอยู่ในประเภทหนึ่งที่ได้เรียกว่า Coordinating conjunctions คำว่า FAN BOYS ประกอบด้วยคำเชื่อม For, And, Nor, But, Or, Yet, So. ในนั้นแต่ละคำเชื่อมก็จะมีความหมายที่แตกต่างกัน ต้องขึ้นอยู่กับกรณีต่างๆ เราจะใช้ให้ประโยคได้สมบูรณ์แบบและอย่างเหมาะสม

คําเชื่อมภาษาอังกฤษความหมายภาษาไทยยกตัวอย่างForเพราะว่าI stopped exercising, for I was tired.
แปลว่า ฉันหยุดออกกำลังกายเพราะว่าฉันเหนื่อยAndและ (ใช้ในกรณีเชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน)She does not like cats and dogs.
แปลว่า โหลดไม่ชอบแมวและสุนัขNorไม่ทั้งสองI am not hungry, nor thirsty.
แปลว่า ฉันไม่หิวข้าว และก็ไม่กระหายน้ำด้วยButแต่We love

English

, but don’t like math.
แปลว่า พวกเรารักภาษาอังกฤษ แต่ไม่ชอบคณิตศาสตร์OrหรือThey chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์Yetแต่She was very sad, yet she did not give up.
แปลว่า หล่อนเศร้าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้Soดังนั้น/ ก็They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์

2.หลักการใช้ Subordinating Conjunctions

คำเชื่อม Subordinating Conjunctions เป็นคำเชื่อมที่มักจะเจอบ่อยมากเมื่อเรียนภาษาอังกฤษเพราะคำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้อยู่ในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำเพื่อเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน จากตารางดังนี้เราจะบ่งบอกหมู่คำเชื่อม Subordinating Conjunctions พร้อมแปลความหมายให้เห็นอย่างชัดเจน

คำเชื่อม Subordinating Conjunctionsความหมายภาษาไทยafterหลังจากalthoughแม้ว่าasเพราะว่าas far asเท่าที่as ifราวกับว่าas long asตราบใดที่as soon asทันทีที่as thoughราวกับว่าbecauseเพราะว่าbeforeก่อนeven if/ even thoughแม้ว่าifถ้าin order thatเพื่อว่าsinceตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่าso thatเพื่อว่าthanกว่าthoughแม้ว่าunlessเว้นเสียแต่ว่าuntilจนกระทั่งwhenเมื่อwheneverเมื่อใดก็ตามwhereที่ซึ่งwhereasขณะที่whereverที่ใดก็ตามwhichที่whoผู้ที่whileในขณะที่

Note: สำหรับคำเชื่อมว่า  since: ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า จะมีโครงสร้างภาษาอังกฤษขั้นอยู่กับสถานการณ์เละความหมายที่อยากสื่อเช่น ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs) กับ Past Simple Subject + V2 เติม ed บ้าง,ผันบ้าง เช่น

He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้

  • “after”: I went for a swim after breakfast. แปลว่า ฉันไปว่ายน้ำหลังอาหารเช้า
  • “because” : My sister she didn’t go to school yesterday because of fever. แปลว่า พี่สาวฉัน เธอไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้เนื่องมาจากการเป็นไข้
  • “before” : Before going to Bangkok, you should read the guide book.
    แปลว่า ก่อนการเดินทางไป Bangkok คุณควรอ่านหนังสือนำเที่ยว
  • “so that” : I study hard so that I can pass the exam.แปลว่า ฉันเรียนหนักเพื่อที่ฉันจะได้ผ่านการสอบ

เรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างสนุกสนาน

3.หลักการใช้ Correlative Conjunctions

เมื่อคุณอ่านหนังสือหรือดูหนังคงเจอหมู่คําเชื่อมภาษาอังกฤษแบบที่สามคือ Correlative Conjunctions ที่มีหน้าที่เชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน เยอะเหมือนกัน เช่นพวกคำว่า 

  • Both … and … แปลว่า ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น ประโยคอังกฤษดังนี้  I enjoy both singing and dancing. แปลว่า ฉันมีความสุขกับการร้องเพลงและการเต้นดังนั้นคำเชื่อม Both … and …นี้จะใช้ในกรณีเชื่อมต่อประธานของประโยคเข้าด้วยกัน (เมื่อมีจำนวนเท่ากับ 2)
  • Neither … nor … แปลว่า ไม่ทั้ง … และ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Neither Namthip nor I want to go there.
    แปลว่า ทั้ง Namthip และฉันไม่ต้องการไปที่นั่น จากนั้นจะเห็นได้เลยว่าคำเชื่อม Neither … nor … ใช้ในประโยคและมีความหมายคือ ไม่ใช่ทั้งสิ่งแรกและสิ่งที่สอง
  • Either

    … or … แปลว่า ถ้าไม่ … ก็ …ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น I can’t remember. It’s either Yellow or Orange. แปลว่า ฉันจำไม่ได้ ถ้าไม่สีเหลืองหรือสีส้ม ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อต้องการสื่อความหมายว่า ไม่อันใดก็อันหนึ่ง 

  • Not only … but also … แปลว่า ไม่เพียงแค่ … แต่ … ด้วย ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น Namthip is not only Beatiful, but also a great teacher. แปลว่า Namthip ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นเป็นครูที่สุดยอดอีกด้วย ดังนั้นผู้เรียนสามารถใช้คำเชื่อมนี้ เมื่อสื่อความหมายว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นอกเหนือจากสิ่งที่กล่าวในตอนแรก มักนิยมใช้ในภาษาอังกฤษสำหรับการเน้นย้ำ
  • as…as แปลว่า ….เท่ากับ….. ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่น  She is as tall as me แปลว่า เธอสูงเท่ากับฉัน/ She runs as fast as I do. แปลว่า เธอวิ่งเร็วเท่าฉัน  
  • just as…so  แปลว่า …..เหมือนกับที่….. just as I thought.  แปลว่า เหมือนกับที่ฉันคิด
  • no sooner…than   ยังไม่ทันที่……ก็……หรือ เกือบทันทีที่ ยกตัวอย่างเช่น No sooner had I started mowing the lawn than it started raining แปลว่า เกือบทันทีที่ฉันได้เริ่มตัดหญ้าฝนก็เริ่มตก
  • rather…than …….ดีกว่า…. ยกตัวอย่างเช่น  She would rather live in Chonburi than in Bangkok. แปลว่า เธอชอบอาศัยอยู่ในชลบุรีมากกว่ากรุงเทพ
  • whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ…. ยกตัวอย่างเช่น   Whether you like it or not, you have to pay the fine. แปลว่า ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม คุณก็ต้องจ่ายค่าปรับอยู่ดี
  • the…the  แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง… ยกตัวอย่างเช่น    The sooner, the better. ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี (สำนวน)

คําเชื่อมภาษาอังกฤษพร้อมวิธีการใช้งานง่าย

เผยเคล็ดลับเด็ดช่วยคุณเรียนคำเชื่อมในภาษาอังกฤษกับไวยากรณ์ต่างๆ ในภาษาอังกฤษเร็วๆ คือต้องเอามาประยุกใช้บ่อย เริ่มจากการเขียนเป็นประโยคสั้นถึงยาว หรือเขียนเป็นบทความไปด้วย แล้วฝึกพูดออกมา พูดกับตัวเองในกระจกหรือแชร์ในเฟสและให้เพื่อนๆ เข้ามาช่วยอ่านช่วยเช็คให้ด้วย แก้คำที่ผิดพลาด ถ้ามีส่วนไหนเนื้อหายากจำยากไปเราก็เขียนเป็น note ติดบนโต้หรือกำแพง ที่ไหนเรามักจะเห็นบ่อยๆ รับรองวิธีนี้ได้ผลดีจริงๆ

เป็นอย่างไรบางคะ จะเห็นว่าการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คุณคิดแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งทองเก่ง 100% ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ แต่เราใช้บ่อย พูดบ่อยไวยากรณ์ที่หลักๆ สำคัญรับรองว่าสอบอะไรก็ผ่านได้ และมีความมั่นใจนการใช้ภาษาอังกฤษของตัวเอง

P/s: เรียนภาษาอังกฤษวันละนิด สร้างสรรกับการเรียน อย่ายอมแพ้ คุณจะเป็นคนต่อไปที่ชนะความกลัวในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและสำเร็จได้อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเว็บของเราเพื่อรับความรู้เพิ่มเติมพร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้ภาษาอังกฤษดีๆ ช่วยพัฒนาทั้งสี่ทักษะในภาษาอังกฤษไปด้วยกัน

คุณรู้ไหมว่า การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ก็เหมือนการฝึกขี่จักรยานคือการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงเราต้องกล้าทำ เราถึงจะเก่งได้ แตกต่างจากแพ็กเกจเรียนทั่วไป สำหรับการเรียนกับ Eng Breaking ผู้เรียนจะมีโอกาสสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไหลลื่น หลังจากการเรียนด้วยตัวเองเพียง 3 เดือน
เรามีมากกว่า 167,300 นักเรียนทั่วไทยที่สำเร็จเเล้ว ถ้าคุณอยากเป็นผู้เรียนที่สำเร็จต่อไปอย่าพลาดกับการเรียนกับ Eng Breaking วันนี้.

ไม่พลาดกับบทความนี้:

ความคิดเห็น 635 รายการ

 

[Update] รวมศัพท์วัน เดือน ปี ภาษาอังกฤษ พร้อมวิธีใช้ | การเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

เวลาเราเรียนภาษาใหม่ สิ่งพื้นฐานอย่างหนึ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ก็คือ การเขียนและการอ่านวันเดือนปีของภาษานั้น

ในบทความนี้ ชิววี่ได้รวบรวมคำศัพท์วัน เดือน ปี พร้อมทั้งวิธีการใช้ ให้เพื่อนๆได้เรียนรู้และเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

คำศัพท์วัน 7 วัน

วันภาษาอังกฤษตัวย่อวันอาทิตย์SundaySunวันจันทร์MondayMonวันอังคารTuesdayTueวันพุธWednesdayWedวันพฤหัสบดีThursdayThuวันศุกร์FridayFriวันเสาร์SaturdaySat

คำศัพท์เดือน 12 เดือน

เดือนที่เดือนภาษาอังกฤษตัวย่อ1มกราคมJanuaryJan2กุมภาพันธ์FebruaryFeb3มีนาคมMarchMar4เมษายนAprilApr5พฤษภาคมMayMay6มิถุนายนJuneJun7กรกฎาคมJulyJul8สิงหาคมAugustAug9กันยายนSeptemberSept10ตุลาคมOctoberOct11พฤศจิกายนNovemberNov12ธันวาคมDecemberDec

การใช้ปีในภาษาอังกฤษ

เราจะใช้ปี ค.ศ. (คริสต์ศักราช) เป็นมาตรฐานสากล
ส่วนปี พ.ศ. (พุทธศักราช) จะใช้แค่ในบางประเทศ เช่น ไทย พม่า ศรีลังกา

ด้วยเหตุนี้ เวลาเราติดต่อกับชาวต่างชาติ หรือกรอกข้อมูลลงเอกสารที่เป็นสากล เราควรจะใช้ปี ค.ศ. (วิธีแปลงปี พ.ศ. ให้เป็น ค.ศ. ทำได้ด้วยการนำปี พ.ศ. มาลบ 543 เช่น ปี พ.ศ. 2563 = 2563 – 543 = ปี ค.ศ. 2020)

สำหรับวิธีอ่านปีในภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่เราจะอ่านทีละสองหลัก
1961 อ่านว่า nineteen sixty-one
2019 อ่านว่า twenty nineteen

แต่สำหรับก่อนปี 2000 ปีที่เป็นเลขกลมๆ เราจะอ่านสองหลักแรกแล้วต่อด้วย hundred
1400 อ่านว่า fourteen hundred
1900 อ่านว่า nineteen hundred

ปี 2000 เราจะอ่านเหมือนเลขปกติ
2000 อ่านว่า two thousand

ถ้าเป็นปีระหว่าง 2001 – 2010 เราจะอ่านเหมือนเลขปกติเช่นกัน
2001 อ่านว่า two thousand and one
2010 อ่านว่า two thousand and ten

ปีถัดๆมาที่อยู่ใกล้กับปี 2010 เราสามารถอ่านได้ทั้ง 2 แบบ
2012 อ่านว่า two thousand and twelve
2012 อ่านว่า twenty twelve

ปีที่ลงท้ายด้วยเลข 01 – 09 เราจะอ่าน 0 ว่า oh (โอ)
1602 อ่านว่า sixteen oh two
1906 อ่านว่า nineteen oh six

การใช้วันที่ในภาษาอังกฤษ

วันที่ในภาษาอังกฤษไม่ได้อ่านว่า one, two, three, … เหมือนจำนวนเลขทั่วๆไป แต่จะใช้ first, second, third, … เหมือนการระบุลำดับ (ordinal number)

วันที่ภาษาอังกฤษ1First2Second3Third4Fourth5Fifth6Sixth7Seventh8Eighth9Ninth10Tenth11Eleventh12Twelfth13Thirteenth14Fourteenth15Fifteenth16Sixteenth17Seventeenth18Eighteenth19Nineteenth20Twentieth21Twenty-first22Twenty-second23Twenty-third24Twenty-fourth25Twenty-fifth26Twenty-sixth27Twenty-seventh28Twenty-eighth29Twenty-ninth30Thirtieth31Thirty-first

การเขียนวัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ

ถ้าเป็น American
English
เราจะใช้ month-day-year โดยใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันที่และปี เช่น

Ann was born on April 21, 2003.
(อ่านว่า April twenty-first, two thousand and three)

Ann was born on Monday, April 21, 2003.
(อ่านว่า Monday, April twenty-first, two thousand and three)

Ann’s birthday is April 21.
(อ่านว่า April twenty-first)

เวลาเขียนวันที่ใน American English เราจะไม่เขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ (เช่น 21st, 22nd, 25th) แต่มักจะอ่านเหมือนเขียน

ถ้าเป็น British
English
เรามักจะใช้ day-month-year เช่น

Ann was born on 21 April 2003.
(อ่านว่า the twenty-first of April two-thousand and three)

Ann was born on Monday, 21 April 2003.
(อ่านว่า Monday, the twenty-first of April two-thousand and three)

Ann’s birthday is 21 April.
(อ่านว่า the twenty-first of April)

ใน British English เมื่อก่อนจะนิยมเขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ (เช่น 21st, 22nd, 25th) แต่ในระยะหลัง ความนิยมในการใช้ได้ลดลง

แม้ว่าชาว British บางคนจะยังเขียน suffix เหล่านี้ต่อท้ายตัวเลขวันที่อยู่ แต่ style guide ส่วนใหญ่ อย่างเช่น University of Oxford Style Guide, BBC News Style Guide และ The Government Digital Service Style Guide ต่างก็ระบุว่าไม่ต้องใช้แล้ว

สำหรับ British English แม้จะเขียนหรือไม่เขียน st, nd, rd, th ต่อท้ายตัวเลขวันที่ แต่เวลาอ่านเรามักจะอ่านเหมือนเขียน และเวลาอ่าน เราต้องใช้ the และ of กำกับด้วย เช่น 21 April 2003 จะอ่านว่า the twenty-first of April two thousand and three

ตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับวัน เดือน ปี

What day is it today?
วันนี้วันอะไร
(คำตอบที่ได้อาจเป็นวันในสัปดาห์ เช่น วันจันทร์ วันอังคาร หรือวันพิเศษ อย่างวันสงกรานต์ วันคริสต์มาส ฯลฯ)

What is the date today?
วันนี้วันที่เท่าไหร่

When is your birthday?
วันเกิดของคุณคือวันไหน

When is Halloween day?
วันฮาโลวีนคือวันไหน

What month is it now?
เดือนนี้เดือนอะไร

Which month does your school begin?
โรงเรียนเปิดเทอมเดือนไหน

What year were you born?
คุณเกิดปีไหน

What year did you graduate from college?
คุณจบจากมหาวิทยาลัยในปีไหน

What year did you start working here?
คุณเริ่มทำงานที่นี่ในปีไหน

คำถามที่พบบ่อย

1. วันแรกของสัปดาห์คือวันอาทิตย์หรือวันจันทร์

คำตอบของคำถามนี้จะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ละประเทศ

ถ้ายึดตามหลักมาตรฐานสากล ISO
8601 วันจันทร์จะถือเป็นวันแรกของสัปดาห์
ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปและบางประเทศในเอเชียจะใช้ปฏิทินที่เริ่มด้วยวันจันทร์

แต่หลายๆประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา
ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฯลฯ จะใช้วันอาทิตย์เป็นวันแรกของสัปดาห์

สำหรับไทย ปฏิทินที่เราใช้มักจะเริ่มด้วยวันอาทิตย์ แต่ก็มีบางคนที่ถือวันจันทร์เป็นวันแรก ขึ้นอยู่กับความเห็นและความเคยชินของแต่ละคน

2. ถ้าเราเห็นตัวเลขวันที่ 4/5/2020 เราจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเลขนี้หมายถึง วันที่ 4 เดือน 5 ปี 2020 หรือวันที่ 5 เดือน 4 ปี 2020

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ควรแสดงข้อมูลวันเดือนปีเป็นตัวเลขล้วน โดยเฉพาะในระดับสากล เพราะอาจก่อให้เกิดความสับสน

ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะแสดงข้อมูลตามลำดับ
เดือน-วัน-ปี แต่ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นส่วนใหญ่จะใช้ วัน-เดือน-ปี

วิธีหนึ่งที่อาจจะช่วยให้เราแยกได้ก็คือ ให้เราสังเกตว่าผู้เขียน หรือองค์กรของผู้เขียนมาจากชาติใด

ถ้าตัวเลขนี้มาจากองค์กรในสหรัฐอเมริกา ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นวันที่ 5 เดือน 4 ปี 2020 หรือถ้ามาจากองค์กรในประเทศอังกฤษ ตัวเลขนี้ก็น่าจะหมายถึงวันที่ 4 เดือน 5 ปี 2020

สำหรับประเทศไทย เรามักจะนิยมใช้ลำดับ วัน-เดือน-ปี ในการแสดงข้อมูลวันที่

จบแล้วสำหรับการใช้วันเดือนปีในภาษาอังกฤษ ชิววี่หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆสื่อสารข้อมูลวันเดือนปีด้วยภาษาอังกฤษได้ถูกต้องมากขึ้นนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


Date American format การเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษรูปแบบอเมริกันEP.2


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Date American format การเขียนวันที่เป็นภาษาอังกฤษรูปแบบอเมริกันEP.2

คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 3 – ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน!


เรียนรู้คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ บทที่ 3: ในวิดีโอนี้คุณจะได้เรียนรู้ 100 คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์และพบได้บ่อยที่สุดในการสนทนาภาษาอังกฤษประจำวัน เพียงแค่ฟังและพูดตามให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทักษะการพูดภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากภายในเวลาอันรวดเร็วค่ะ
ชุดวิดีโอคำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ: https://bit.ly/3dx8ZTI
เมื่อเราเป็นเด็ก เราทุกคนเรียนรู้ที่จะพูดภาษาแม่ของเราโดยการฟังครอบครัวของเราพูดคุยกับเรา ในที่สุดเราก็จะสามารถพูดตามเพื่อสื่อสารกับพวกเขาได้ การเรียนรู้ภาษาใหม่นั้นไม่ได้แตกต่างกัน ยิ่งคุณฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยการฟังและพูดตามคำศัพท์ใหม่ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่ๆ เหล่านั้นเข้ากับภาษาของคุณได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
วิดีโอการเรียนรู้ภาษาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพสำหรับการสอนให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วที่สุด หากคุณพบว่าวิดีโอนี้มีประโยชน์ โปรดกดสมัครสมาชิก เนื่องจากจะมีการโพสต์วิดีโอใหม่ๆ เป็นประจำค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ!

\”Autumn Day\”
Kevin MacLeod (incompetech.com)
Licensed under Creative Commons: By Attribution 3.0
http://creativecommons.org/licenses/by/3.0/

\”Wallpaper\”
Kevin MacLeod (incompetech.com)
Licensed under Creative Commons: By Attribution 3.0
http://creativecommons.org/licenses/by/3.0/

คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 3 – ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน!

เรียนภาษาอังกฤษ | รวมศัพท์ วัน เดือน ปี และวันต่างๆ | พร้อมตัวอย่างประโยค


การเขียนวัน เดือน ปี ในภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับวัน เดือน ปี
การอ่านปี (พ.ศ.) ในภาษาอังกฤษ ให้อ่านแยกทีละ 2 หลัก แล้วเติมคำว่า BE (Buddhist Era) ต่อท้าย
พ.ศ. 2500 อ่านว่า twentyfive hundred B E
พ.ศ. 2516 อ่านว่า twentyfive sixteen B E
ภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี! อื่นๆๆ
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…​
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv…​
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1…​
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5s…​
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot…​
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK…​
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnAT…​
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKY…​

เรียนภาษาอังกฤษ | รวมศัพท์ วัน เดือน ปี  และวันต่างๆ | พร้อมตัวอย่างประโยค

ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เลขลำดับที่ | Ordinal numbers | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


เรียนภาษาอังกฤษ เรียนง่ายภาษาอังกฤษ
ช่องบรีแอนน่าภาษาอังกฤษเป็นช่องที่คุณทำขึ้นมาสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษนะคะสอบหรือผู้ที่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับภาษาอังกฤษน้อยหรือผู้ที่อยากจะเรียนภาษาอังกฤษในวัยผู้ใหญ่นะคะจะสอนแบบช้าๆเข้าใจง่ายนะคะ ก็คลิปนี้ก็จะสอนเกี่ยวกับอ่านเลขลำดับที่นะคะภาษาอังกฤษจะมีตัวเลข 2 แบบคือเลขจำนวนนับแล้วก็เลขลำดับที่นะคะถ้าอยากรู้ว่าเลขลำดับที่เป็นยังไงก็เข้าไปดูได้นะคะในคลิปนี้แล้วก็กดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ

ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เลขลำดับที่ | Ordinal numbers | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

Days of the Week Song | The Singing Walrus


Watch all of our videos ad free with our app (desktop, apple, or android):
https://www.thesingingwalrus.tv/
Only $4.99 USD per month and $44.99 USD for a year!
Our \”Days of the week song\” is an interactive reggaestyle tune that helps children remember all the days of the week in a fun way. Mother Hen leads the children to sing the days of the week in various styles quiet, loud, and fast.
As the song starts, Mr. Crabby greets the children and asks them to listen to Mother Hen sing the first verse. When the second verse starts, Bear, Cat, Pig, and Dog appear to sing along. Mr. Crabby encourages the audience to repeat after Mother Hen.
The third and fourth verse is sung quietly and loud. Last but not least, Bear, Cat, Pig and Dog appear with their instruments, and the whole song is sung really fast!
Enjoy this song in the classroom or at home with your kids! They will have memorized the days of the week in no time!
If you like this video, don’t forget to click the LIKE button 🙂
Buy \u0026 Download this Song (mp3):
iTunes: https://itunes.apple.com/ca/artist/thesingingwalrus/id992755520
Google Play: https://play.google.com/store/music/artist/The_Singing_Walrus?id=Acadfghn7zw3q5i2c6bfr3gmcnu\u0026hl=en
Buy \u0026 Download this video (mp4):
https://sellfy.com/thesingingwalrus
The Singing Walrus creates fun teaching materials, such as kids songs, educational games, nursery rhymes, and kindergarten worksheets (e.g. handwriting worksheets) for parents and teachers. Come and join our community on Facebook, or subscribe to our Youtube Channel!
Facebook: http://www.facebook.com/TheSingingWalrus
Twitter: http://twitter.com/InfoWalrus
Website: http://thesingingwalrus.com
All illustration, animation, music, and voice work produced by The Singing Walrus

Days of the Week Song | The Singing Walrus

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การเขียนวันที่ในภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *