Skip to content
Home » [Update] ก็ไม่ได้จะด่าว่าโง่: มาดูสำนวนภาษาอังกฤษที่เรียกคนไม่ค่อยฉลาด | ไม่ค่อย พูด ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[Update] ก็ไม่ได้จะด่าว่าโง่: มาดูสำนวนภาษาอังกฤษที่เรียกคนไม่ค่อยฉลาด | ไม่ค่อย พูด ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ไม่ค่อย พูด ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Not much between the ears สำนวนนี้หากแปลตรงๆ จะได้ความหมายว่า ไม่ค่อยมีอะไรอยู่ระหว่างใบหู เนื่องจากบริเวณระหว่างหูสองข้างนั้นที่อยู่ของสมอง ดังนั้น สิ่งที่สำนวนนี้กำลังสื่อก็คือ มีสมองอยู่น้อยนิด แทบจะไม่มีสมองอยู่ในหัวเลย

เชื่อว่าตั้งแต่เกิดมา ทุกคนน่าจะต้องเคยพบคนที่คุยด้วยแล้วทำให้เราทึ่งในความฉลาด  มีไหวพริบปฏิภาณ รู้สึกว่าความคิดในหัวของเขาแล่นแปลบเหมือนกระแสไฟฟ้า

ในทางตรงกันข้าม ทุกคนก็น่าจะได้พบเจอคนที่คุยด้วยแล้วชวนหงุดหงิด เพราะพูดอะไรก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจ มีความเฉลียวใจต่ำ เรื่องที่ใครๆ ก็น่าจะรู้หรือคิดได้กลับดูเป็นเรื่องท้าทาย แม้ไม่อยากดูถูกสติปัญญา แต่ครั้นจะให้เรียก โง่ ก็ดูรุนแรงเหลือเกิน

สัปดาห์นี้ เราจะไปดูกันว่า ภาษาอังกฤษมีสำนวนถนอมน้ำใจอะไรบ้างที่คนนำมาใช้เวลาที่จำเป็นต้องพูดถึงสติปัญญาของคนอื่นในเชิงลบ แต่ไม่อยากพูดตรงๆ ว่า โง่

 

Not the sharpest knife in the drawer

สำนวนนี้หากแปลตรงๆ ก็จะหมายความว่า ไม่ใช่มีดที่คมที่สุดในลิ้นชัก แต่เมื่อนำมาใช้พูดถึงคน จะหมายความว่า ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ เปรียบเป็นมีดก็ทื่อกว่าชาวบ้าน ตัวอย่างเช่น Although he’s not the sharpest knife in the drawer, Jim is always willing to help others. หมายถึง แม้จิมจะไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ แต่ก็ยินดีช่วยเหลือคนอื่นเสมอ

นอกจากสำนวน not the sharpest knife in the drawer แล้ว บางครั้งก็อาจเจอสำนวนใกล้เคียงกัน คือ not the sharpest tool in the box/shed หมายถึง ไม่ใช่เครื่องมือที่คมที่สุดในกล่องเครื่องมือหรือในโรงเก็บของ ใช้ในความหมายเดียวกัน คือ ไม่ค่อยฉลาดนั่นเอง

ที่มีดและเครื่องมือมีคมมาโผล่ในสำนวนที่พูดถึงสติปัญญา ก็เพราะในภาษาอังกฤษมีมโนทัศน์ว่า ความฉลาดมีลักษณะคม หากไม่ฉลาดก็คือมีลักษณะทื่อนั่นเอง วิธีการมองโลกแบบนี้ยังสะท้อนในคำศัพท์พื้นฐานด้วย เช่น sharp ที่มีความหมายทั้งแหลมคมและหลักแหลม และ dull ที่แปลว่าทื่อ ซึ่งสมัยก่อนเคยใช้แปลว่า ไม่ค่อยฉลาด ด้วย

 

Not the brightest bulb on the Christmas tree

สำนวนนี้แปลตรงตัวได้ว่า ไม่ใช่ไฟดวงที่สว่างที่สุดบนต้นคริสต์มาส แต่ในทำนองเดียวกับสำนวนก่อนหน้านี้ หากนำไปใช้กับคนจะหมายถึง ไม่ค่อยฉลาด 

ตัวอย่างเช่น It was Dan who solved the riddle? I’m genuinely surprised. He’s normally not the brightest bulb on the Christmas tree. หมายถึง แดนเป็นคนไขปริศนาออกเหรอ นี่ตกใจจริงๆ ปกติมันไม่ค่อยฉลาดนะ

สำนวนนี้ทำให้เห็นว่า ในภาษาอังกฤษนอกจากจะนำความฉลาดไปเปรียบเทียบกับความคมแล้ว ยังนำไปโยงกับความสว่างและความมืดด้วย นั่นคือ มองความสว่างเป็นความฉลาดหรือความรู้ ยิ่งมีแสงสาดส่องถึงก็จะทำให้มองเห็นและเข้าใจสิ่งต่างๆ ส่วนความมืดคือความโง่เขลาหรือความไม่รู้ เพราะเมื่อไม่มีแสง เราก็จะมองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ทำให้ไม่รู้จักหรือเข้าใจสิ่งที่อยู่ในความมืดมิด การเปรียบเทียบแบบนี้เห็นได้คำต่างๆ เช่น bright ที่หมายถึง สว่าง ก็ได้ หรือจะหมายถึง ฉลาด ก็ได้ หรือ enlightened แปลว่า เข้าใจปรุโปร่ง ตรัสรู้แล้ว ตรงข้ามกับ dim ที่แปลว่า สลัว หรือ ไม่ค่อยฉลาด และ benighted ที่แปลว่า โง่เขลา อวิชชาบังตา นั่นเอง

 

Not much between the ears

สำนวนนี้หากแปลตรงๆ จะได้ความหมายว่า ไม่ค่อยมีอะไรอยู่ระหว่างใบหู เนื่องจากบริเวณระหว่างหูสองข้างนั้นที่อยู่ของสมอง ดังนั้น สิ่งที่สำนวนนี้กำลังสื่อก็คือ มีสมองอยู่น้อยนิด แทบจะไม่มีสมองอยู่ในหัวเลย พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ค่อยฉลาด ไม่ได้เป็นคนมีความคิดความอ่านลึกซึ้งอะไร ถ้าสติปัญญาเป็นบ่อน้ำ เด็กตกลงไปก็ไม่จม ชวนให้คิดถึงสำนวน มีสมองไว้คั่นใบหู ในภาษาไทย

ตัวอย่างเช่น Jake is basically a Greek god, but from what I can tell, there doesn’t seem to be much between the ears. ก็จะหมายถึง เจคงานดีอย่างกับเทพเจ้ากรีก แต่แลดูไร้สมองเบาๆ นะ

นอกจาก not much between the ears จะพูดว่า have nothing between the ears หรือ have cotton between your ears ก็ได้เช่นกัน ได้ความหมายแบบเดียวกันก็คือ ไร้สมอง

ในภาษาอังกฤษ อวัยวะที่มักถูกนำมาโยงกับความฉลาดก็คือ สมอง เช่นเดียวกับในภาษาไทย ดังนั้น คำว่า brain จึงใช้ในความหมาย คนฉลาด ได้ด้วย เช่น brain drain หมายถึง ภาวะสมองไหลหรือภาวะที่คนเก่งหนีออกไปทำงานที่อื่น

นอกจากนั้นยังมีคุณศัพท์ brainy หมายถึง ฉลาด ได้อีกด้วย ในทางตรงกันข้าม หากพูดว่า brainless ก็จะหมายถึง ไร้สมอง โง่เขลา หรือหากพูดว่า airhead ก็จะหมายถึงคนโง่ นัยว่าในหัวแทนที่จะมีสมอง กลับมีแต่อากาศนั่นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คำว่า no brainer ไม่ได้หมายถึง คนไร้สมอง แต่อย่างใด แต่หมายถึงอะไรที่ง่ายมากจนไม่ต้องใช้สมอง ตัดสินใจเลือกหรือทำได้ทันที

The lights are on, but nobody’s home

สำนวนนี้แปลตรงตัวได้ว่า ไฟเปิดสว่างโร่ แต่ไม่มีคนอยู่บ้าน ความหมายก็คือ แม้ภายนอกดูปกติดี แต่ในหัวไม่มีส่วนสั่งการ สมองไม่อยู่ในกะโหลกแล้ว ใช้ได้ทั้งในกรณีที่จะบอกว่าคนคนนั้นไม่ค่อยฉลาดและกรณีที่อีกฝ่ายแลดูไม่ตอบสนองกับคำถามหรืออะไรที่เกิดขึ้นรอบตัว เหมือนได้ถอดจิตออกจากร่างแล้วทิ้งไว้แต่กายหยาบ

ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนเราเพิ่งอกหักแล้วนั่งเหม่อลอย เราถามอะไรไปก็ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง ก็อาจบอกว่า The lights are on, but nobody’s home.

A few cards shy of a full deck

สำนวนนี้หากแปลตรงตัวจะหมายถึง ขาดไพ่ไม่กี่ใบก็จะครบสำรับ เมื่อเอามาใช้พูดถึงคน หมายถึง ไม่ค่อยฉลาด ต้นทุนทางสติปัญญาด้อยกว่าคนอื่น ทำนองว่าคนอื่นเป็นสำรับไพ่ที่มีไพ่ครบทุกใบ แต่เรากลับเป็นสำรับที่ไม่สมบูรณ์เพราะขาดไพ่ไป จะเอาไปเล่นอะไรก็ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น Sam’s a nice guy. Too bad he’s a few cards shy of a full deck. หมายถึง แซมเป็นคนดีนะ เสียดายที่พร่องความฉลาดไปหน่อย

สำนวนนี้นอกจากจะใช้หมายถึง ไม่ค่อยฉลาด แล้ว ยังใช้ในความหมาย สติไม่ค่อยดี คล้ายสำนวน ไม่เต็มบาท หรือ ไม่เต็มเต็ง ในภาษาไทยได้ด้วย

นอกจาก a few cards shy of a full deck แล้ว จะพูดว่า not playing with a full deck ก็ได้ มีความหมายอย่างเดียวกันก็คือ ไม่ค่อยฉลาด สติปัญญาไม่สมบูรณ์

ยังมีสำนวนอื่นที่สื่อถึงความไม่ครบถ้วน เช่น a couple of sandwiches short of a picnic (ขาดแซนด์วิชไปอีกแค่ 2 ชิ้นก็จะเป็นปิกนิกอยู่แล้วเนี่ย) a few cents short of a nickel (นิกเกิลคือเหรียญห้าเซนต์ แต่ว่ามีไม่ครบห้าเซนต์ เลยยังไม่เป็นเหรียญนิกเกิล)

หรือสำนวนที่หมายถึงการทำงานได้ไม่สมบูรณ์ เช่น sb’s elevator doesn’t go all the way to the top (ลิฟต์ขึ้นไปไม่ถึงชั้นบนสุด) ตัวอย่างเช่น

He thought buffalo wings were made of buffalos. Damn, his elevator doesn’t go all the way to the top.

หมายถึง มันคิดว่าปีกไก่บัฟฟาโลทำจากควายเว้ย นี่ไม่ค่อยเต็มนะ

บรรณานุกรม

  • Ayto, John.

    . OUP: Oxford, 2009.

  • Brenner, Gail.

    . Wiley Publishing: Indianapolis, 2003.

  • Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David.

    . Penguin Books: London, 2002.

  • Oxford Advanced Learners’ Dictionary

Tags:

Tags:

[NEW] “เขาทำตัวของเขาเอง”: สำนวนว่าด้วยการพูดไม่ค่อยคิด | ไม่ค่อย พูด ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

Every time he opens his mouth, he

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือคว่ำที่ภูเก็ต เป็นเหตุให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เจ้าของนาฬิกา 20 กว่าเรือน ก็ได้ออกมากล่าววาทะเด็ดว่า “เขาทำตัวของเขาเอง” ซึ่งอาจเป็นคำพูดที่ไม่ทันไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อนและสร้างความไม่พอใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนจนเกิดกระแสต่อต้านและเรียกร้องให้บอยคอตต์ประเทศไทย

สัปดาห์นี้ เราไปดูกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีสำนวนอะไรในภาษาอังกฤษที่เรานำมาใช้บรรยายได้บ้าง

 

Put your foot in your mouth

สำนวนนี้ถ้าแปลตรงตัวจะหมายถึงว่า ยัดเท้าเข้าปากตัวเอง แต่ความหมายจริงๆ ก็คือ พูดโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนจนสร้างความไม่พอใจให้คนอื่น เรียกอีกอย่างคือ พูดพล่อยๆ นั่นเอง ตัวอย่างเช่น He really put his foot in his mouth when he said that the Chinese tourists had only themselves to blame. ก็จะหมายถึง พลาดแล้วล่ะที่ปากพล่อยว่านักท่องเที่ยวชาวจีนทำตัวเอง

สำนวนนี้ บางทีฝั่งบริติชก็จะพูดแค่ put your foot in it เช่น Every time he opens his mouth, he puts his foot in it. ก็จะหมายถึง เปิดปากทีไรก็พูดแต่อะไรไม่เข้าท่าทุกครั้ง

อีกสำนวนที่โยงกันก็คือ foot-in-mouth disease ซึ่งไม่ใช่โรคมือเท้าปาก แต่เป็นสแลงหมายถึง อาการแกว่งปากหาเสี้ยน พูดอะไรไม่ยั้งคิดออกมา เช่น Poor him. His foot-in-mouth disease strikes again. ก็จะหมายถึง โถ โรคแกว่งปากหาเท้าเล่นงานอีกแล้วสินะ

 

Speak out of turn

คำว่า turn ในสำนวนนี้ไม่ได้แปลว่า หมุน หรือ เลี้ยว แต่อย่างใด แต่หมายถึง ลำดับในการพูด เช่นเวลาที่คนสนทนาโต้ตอบกัน อีกฝ่ายหนึ่งถามแล้วอีกฝ่ายหนึ่งตอบ (แบบที่พบในคำว่า turn-taking ที่หมายถึง การผลัดกันพูด)

ดังนั้น สำนวนนี้ถ้าแปลตรงๆ คือพูดตอนยังไม่ถึงทีตัวเอง พอเป็นสำนวนจึงหมายถึง พูดผิดกาลเทศะ โพล่งอะไรที่ไม่น่าพูดออกมา ตัวอย่างเช่น I apologize if I’ve spoken out of turn. หมายถึง ขอโทษด้วยถ้าพูดอะไรผิดกาลเทศะไป

 

Add insult to injury

ญาติผู้เสียชีวิตหรือผู้สูญหายที่บอบช้ำจากเหตุการณ์อาจจะรู้สึกว่า คำพูดของรมต. ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ยิ่งช้ำใจขึ้นไปอีก สำนวนหนึ่งที่บรรยายเหตุการณ์นี้ได้ดี ก็คือ add insult to injury หมายถึง ซ้ำเติม หรือ ทำอะไรให้คนที่เจ็บช้ำอยู่แล้วต้องเจ็บช้ำยิ่งขึ้นไปอีก

ว่ากันว่าสำนวนนี้มีที่มาจากเรื่องเล่าสมัยโรมัน ในเรื่องชายคนหนึ่งพยายามตีแมลงวันที่บินรบกวน พอแมลงวันบินมาเกาะที่หัวจึงตบเข้าที่หัวของตัวเอง แต่แมลงวันดันหนีไปได้ ซ้ำยังพูดเยาะเย้ยทิ้งท้ายอีก ชายคนนี้จึงแค่เจ็บตัวไม่พอ แต่ยังถูกหยามให้อับอายเป็นการซ้ำเติมด้วย

สำนวน add insult to injury นี้จะใช้กับคำพูดก็ได้ เช่น For the relatives of the victims, the thoughtless remarks only added insult to injury. หมายถึง สำหรับญาติของเหยื่อแล้ว คำพูดสิ้นคิดยิ่งเป็นการซ้ำเติม หรือจะใช้บรรยายสถานการณ์ก็ได้ เช่น Her boyfriend broke up with her, and to add insult to injury, it was her archenemy that he left her for. ก็คือ แค่แฟนบอกเลิกก็เจ็บพออยู่แล้ว ที่แย่กว่านั้นคือแฟนเลิกไปคบกับคู่ปรับตัวฉกาจของตัวเอง

อีกสำนวนที่ใกล้กันคือ rub salt into the wound แปลตรงๆ ก็คือ ขยี้เกลือใส่แผล ทำให้ยิ่งแสบขึ้นไปอีก มีความหมายเปรียบเปรยว่า ซ้ำเติม เช่นเดียวกัน

 

Shoot yourself in the foot

คำพูดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในนัยหนึ่งก็นับเป็นการ “ทำตัวเอง” เช่นกัน เพราะเป็นเหตุให้ชาวจีนโกรธแค้นจนหลายคนยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยแล้ว ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทย ซึ่งท้ายที่สุดก็ยิ่งทำให้คนไทยเดือดร้อนและไม่พอใจรัฐบาลยิ่งเข้าไปใหญ่

ในภาษาอังกฤษ เราอาจบรรยายการทำตัวเองแบบนี้ว่า shoot yourself in the foot ซึ่งหากแปลตรงๆ จะหมายถึง ยิงเท้าตัวเอง ว่ากันว่ามีที่มาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทหารที่ไม่อยากออกรบก็อาจเลือกยิงเท้าตัวเองเพื่อจะได้ถูกส่งไปพยาบาล

สำนวนนี้หมายถึง สร้างความเดือดร้อนหรือนำพาความซวยมาสู่ตัวเอง เช่น He shot himself in the foot by getting into a fight with the company’s biggest client. หมายถึง เขาทำเอาตัวเองซวยเพราะดันไปทะเลาะกับลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัท

 

Silence is golden.

บางครั้งการใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวก็สร้างความฉิบหายน้อยกว่าการปริปากพูดอะไร เหมือนกับสำนวนไทย พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

ในภาษาอังกฤษ สุภาษิตที่มีความหมายคล้ายกันก็คือ Silence is golden. เป็นคำที่แปลมาจากสุภาษิตละตินอีกที ทำนองว่าความเงียบมีค่าประดุจทอง ใช้เพื่อสื่อว่าบางครั้งไม่ต้องพูดอะไรนี่แหละดีที่สุด ตัวอย่าง เช่น He knew that silence is golden, so he kept his mouth shut. ก็จะหมายถึง เขารู้ว่านิ่งไว้น่าจะดีกว่า จึงไม่พูดอะไร

 

บรรณานุกรม

  • Ayto, John.

    . OUP: Oxford, 2009.

  • Brenner, Gail.

    . Wiley Publishing: Indianapolis, 2003.

  • Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David.

    . Penguin Books: London, 2002.

  • Speake, Jennifer.

    . Oxford University Press: Oxford, 2008.

Tags: , , ,

Tags:


ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ฉันพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

เพราะอะไรเราถึงไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ | Case study by PEACHII #สตีเฟ่นโอปป้า | The Supporter


stayhome withme
อยากเก่งภาษาอังกฤษ
อยากพูดได้ พูดเก่ง แกรมม่าเป๊ะ
อาจจะเพราะอยากพัฒนา หรืออยากเปลี่ยนไปใช้ชีวิตในต่างแดน
แต่ทำไมยังทำไม่ได้
ซึ่งปัจจัยแรกเราอาจมองว่าคือ ความยาก
แต่ถ้าเราลองประเมินดีๆ แล้ว เรากลัวภาษาอังกฤษเพราะอะไร เพราะมันยาก หรือจริงๆ เรากำลังกลัวคนรอบตัวเรา ตัดสินว่าเราพูดผิด จนไม่กล้าพูดอยู่หรือเปล่า
Case study โดย PEACHII สตีเฟ่นโอปป้า Youtuber ที่เปิดโลกของการใช้ชีวิตในต่างแดน และ COFounder ของ GoUni
จะมาแชร์มุมมองผ่านประสบการณ์ชีวิตของพีชให้ได้ฟังกันว่า
ปัญหาที่แท้จริงของการใช้ภาษา มันจะถูกแก้ไขไปได้อย่างไร
เพื่อให้คุณมั่นใจในสิ่งๆนี้มากขึ้น
thesupporter thesupporterthailand ทุกองค์ประกอบล้วนสำคัญ
ช่องทางของเรา
Youtube : https://www.youtube.com/thesupporterth
instagram : https://www.instagram.com/thesupporterth/
Facebook : https://www.facebook.com/pg/Thesupporterthailand

เพราะอะไรเราถึงไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ | Case study by PEACHII #สตีเฟ่นโอปป้า | The Supporter

LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง #โปรดฟังเพลงนี้ #ไม่มีโฆษณา


LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โปรดฟังเพลงนี้ ไม่มีโฆษณา
ขอบคุณที่รับชม
ถ้าชอบก็กดติดตาม กดกระดิ่งให้ด้วยน๊าา..
THANKS FOR 🔔 SUBSCRIBE
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ขอขอบคุณเจ้าของบทเพลง สตรีมนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง และโปรโมทเพลงของศิลปินเพียงเท่านั้น มิได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ..
หากต้องการให้นำเพลงออก โปรดติดต่อเรา!! ขอบคุณครับ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
☑️ช่องทางติดต่อ
@Line ID. vmusiclive
Live Stream By : VMUSICLIVE STUDIO
ไลฟ์สดเพลง ฟังเพลงออนไลน์ เพลงที่วัยรุ่นชอบฟัง
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

LIVE 🛑 สด ฟังเพลงออนไลน์ เพลงเพราะ ฟังชิวๆ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง #โปรดฟังเพลงนี้ #ไม่มีโฆษณา

ทำไมคนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ | Brand Inside TALK


คนไทยเรียนภาษาอังกฤษมาหลายสิบปี แต่ทำไมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เสียที 🤔
.
Brand Inside มีคำตอบ และมีทางออกที่เป็นกรณีศึกษาให้ด้วย
.
[Advertorial]
ดูเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/2ERDvYN
Globish English 21stSkill BrandInsideTALK
\r
\r
เกี่ยวกับพวกเรา Brand Inside 🙂\r
\r
Brand Inside เกิดมาในยุคที่ภาคธุรกิจในประเทศไทยเริ่มมาถึงทางตัน เมื่อเศรษฐกิจที่อิงกับการส่งออกเริ่มไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจนเป็นภาวะ new normal และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและวิถีชีวิต เข้ามา disrupt โมเดลธุรกิจแบบที่ทำเหมือนเดิมมาหลายสิบปี จนการทำซ้ำแบบเดิมเริ่มไม่เวิร์คอีกต่อไป\r
\r
ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ภาคธุรกิจไทยจำเป็นต้องปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ระดับของวิธีคิด ไปจนถึงการนำไอเดีย ความสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจตั้งแต่ระดับพื้นฐาน\r
\r
Brand Inside มุ่งเป้าเป็นเว็บข่าวธุรกิจ ที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่คือการนำเสนอพลังของ New Economy เศรษฐกิจยุคใหม่ สู่กลุ่มผู้อ่านชาวไทยที่กำลังต้องการข้อมูลเหล่านี้ ภายใต้สโลแกน “ธุรกิจ คิดใหม่” ที่ต้องการสะท้อนจุดมุ่งหมายของเว็บไซต์\r
\r
โฟกัสของ Brand Inside จะมีเพียงแค่ 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ การปรับตัวของธุรกิจเดิม และแนวคิดของธุรกิจใหม่ แต่จะครอบคลุมทุกวงการ ทุกอุตสาหกรรม รวมถึงนำเสนอแง่มุมของธุรกิจในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ การตลาด การเงิน การลงทุน ฯลฯ\r
\r
\r
❎ติดตามพวกเราเเละทีมงานของเราได้ที่นี่เลย❎\r
\r
✅ ติดตาม Brandinside : https://www.youtube.com/c/brandinside?sub_confirmation=1\r
\r
✅ ติดตามคลิปสาระดีๆจาก blognone ได้เช่นกัน https://www.youtube.com/user/blognone\r
\r
✅ ติดตามคลิปสนุกเเละมีสาระดีๆจาก Wongnai ได้เช่นกัน\r
https://www.youtube.com/user/WongnaiTV\r
\r
\r
\r
ติดต่อพวกเราทีม brandinside 😀\r
\r
ติดต่อกองบรรณาธิการ [email protected]\r
\r
ติดต่อโฆษณา [email protected]

ทำไมคนไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ | Brand Inside TALK

เคย ไม่เคย ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

เคย ไม่เคย ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ไม่ค่อย พูด ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *