Skip to content
Home » [Update] การใช้โปรแกรม NETSTAT | determine คือ – NATAVIGUIDES

[Update] การใช้โปรแกรม NETSTAT | determine คือ – NATAVIGUIDES

determine คือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

การใช้โปรแกรม NETSTAT

อัปเดท : 19 สิงหาคม พ.ศ.2551 , แสดง : 58,196 , ความคิดเห็น : 13

19 สิงหาคม พ.ศ.2551 ,58,196 ,

NETSTAT เป็นคำสั่งที่ใช้ตรวจสอบ Network เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Port ในเครื่องเรากับเครื่องอื่นใน Network

จากการใช้คำสั่งจาก DOS Prompt ในรูปข้างบน เป็นการเรียกดูวิธีการใช้ของโปรแกรม netstat โดยการใส่เครื่องหมาย /? ต่อท้ายคำสั่งนั้น สามารถใช้ได้กับโปรแกรมอย่างอื่นในดอสได้ด้วย) เพื่อขอดูการใช้งาน ผมจะอธิบายที่ละบรรทัดอย่างคร่าวๆ

และการใช้คำสั่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Opiton หรือใดๆก็ตาม จะไม่เป็นอันตรายต่อเครื่อง รวมทั้งระบบ Network ซึ่งในการใช้ สามารถใช้ได้ในขณะที่ต่อ Internet หรือไม่ก็ตาม

-a

 

 Displays all connections and listening ports.

Opiton นี้จะเป็นการดูการเชื่อมต่อ Port ทั้งหมดที่ (เครื่องนั้นๆ=เครื่องคุณ) ที่ใช้คำสั่งนี้ได้เปิดรอการเข้ามาติดต่อ  แต่ผลที่แสดงจะเป็นรายชื่อ Service ที่ติดต่อกับเครื่อง (เครื่องนั้นๆ=เครื่องคุณ)  เช่นชื่อเว็บไซด์หรือชื่อเครื่อง  ไม่แสดงเป็นตัวเลข IP

-e

 

Displays Ethernet statistics. This may be combined with the -s option.

Opiton นี้จะเป็นการดูเหมือนกับสถิติต่างๆในการรับ/ส่งข้อมูลต่างๆ  ต้องใช้ร่วมกับ Opiton -s  เป็นการดูสถานะการรับส่งข้อมูลต่างๆ  ซึ่งลองใช้ดูได้
 

-n

 

Displays addresses and port numbers in numerical form.

Opiton นี้จะเหมือนกับ -a  แต่การแสดงผลจะเป็นเลข IP กับ Port แทนชื่อเครื่องหรือชื่อเว็บไซด์ต่างๆที่ได้มีการติดต่อหรือเชื่อมการติดต่อ
 

ด้วยความที่ผมไม่ว่าง ขออธิบายข้อหลักๆในการใช้เพียงเท่านี้ครับ ส่วน Opiton อื่นๆที่เหลือ อยากให้คุณลองไปเรียนรู้และประยุกต์ใช้เอาเองนะครับ เพราะตอนที่ผมเขียนอยู่นี้ เครื่องไม่ได้ต่อ Internet อยู่ ซึ่งจะทำให้ลำบากแก่การเข้าใจ

การใช้งาน netstat (แบบดอส)

สังเกตว่า 2 ภาพด้านล่างเป็นการใช้ 2 option การแสดงผลก็ต่างกันนิดหน่อย แต่ความหมายแต่ละบรรทัดมีค่าเท่ากัน เพียงแต่การแสดงแตกต่างเป็นชื่อกับตัวเลข (เลข IP/Prot) นั่นเอง

(ตอนที่ยังไม่ต่อ Internet)

สังเกตเฉพาะบรรทัดที่ผมได้ทำเป็นแถบสีขาวก่อน (รูปด้านบน 2 รูปที่ผมได้ทำ)

1. Proto   TCP ~~ คือโปรโตคอลที่เครื่องกำลังเชื่อมต่ออยู่
2. Local Address   qillip:telnet ~~ [ชื่อเครื่อง qillip] : [telnet Service (port ที่เครื่องได้เปิด)]  ซึ่งตอนนี้เป็นหรือบริการที่เปิด และเราจะรู้ได้ตรงนี้เอง เช่นพวกโทรจัน Trojan หรือโปรแกรมบางโปรแกรมมักจะเปิด Service หรือบริการที่เปิดรอ เพื่อจะเข้ามาควบคุมเครื่องหรือมีการแชร์เครื่อง เพื่อใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างเครื่องในระบบ Network
3. Foreign Address   qillip:0 ~~ ชื่อเครื่อง [qillip] : [เครื่องที่เชื่อมต่อกับเครื่องที่คุณได้ใช้อยู่] ที่เป็นเลข 0 เพราะว่าผมยังไม่ได้ต่อเน็ต
4. State   LISTENING ~~ สถานะการติดต่อ ซึ่งจะมีอยู่หลายแบบคือ ตรงนี้ขอข้ามไปก่อนครับว่าหมายถึงอะไร

และต่อจากนี้  เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ผมจะขอยกตัวอย่างข้ามขั้นตอน เพราะปรกติแล้ว การใช้งานทั่วไป มักจะใช้คำสั่ง C:\>netstat -an หรือ C:\>netstat -a เวลาใช้ พิมพ์แค่ netstat -a หรือ netstat -an ที่ Dos Prompt เพราะว่าจะทำให้มีการดูเป็นรูปแบบที่ง่ายขึ้น ส่วน Option อื่นลองไปใช้เองดู ซึ่งใช้เดี่ยวๆหรือคู่กันไปก็ได้ ที่ผมได้แนะนำมาแบบนี้ คำสั่งทั้ง 2 ตัวที่ผมได้ยกขึ้นมานี้ได้ครอบคลุมการดูเกือบทั้งหมดแล้ว เพียงแต่คุณต้องไปศึกษาว่า Port แต่ละหมายเลขเป็นบริการของอะไร เป็นโทรจันหรือไม่ อาจเป็นโปรแกรม Remote ก็ได้ ซึ่งโปรแกรม Remote จะสามารถหลบการแสกนจากโปรแกรม Anti Virus / Trojan Scan

จากตัวอย่างที่ผมได้ทำเป็นแถบสีขาวให้ดูจาก 2 รูปด้านบน ที่บริการที่ผมได้เปิด Local Address=qillip:telnet ตรง telnet คุณต้องรู้ว่า telnet คือ port 23 หรืออาจพิมพ์คำสั่ง netstat -an เพื่อตรวจดูหมายเลข port ซึ่งจะอยู่บรรทัดเดียวกันดัง 2 รูปข้างต้น (ถ้าใช้ในเวลาเดียวกัน 2 Option ทั้ง -a และ -an และ -n คุณลองใช้ดูครับ การแสดงผลจะได้ค่าที่เหมือนกัน แต่แตกต่างที่จะเป็นชื่อบริการที่คุณได้เปิดหรือเป็นแบบตัวเลข IP)

(ตอนนี้ผมได้ต่อ Internet) ดังรูปด้านล่าง

สีเหลือง เป็นสถานะ ESTABLISHED

Local Address ซึ่ง IP ผมคือ 203.118.74.149 ได้เปิด port 135 เอาไว้และเข้ามาที่เครื่องทาง port นี้
Foreign Address เป็น IP ของเครื่องที่มา hack เครื่องผมคือ 203.118.82.158
State เป็นสถานะ ESTABLISHED  หมายความว่า เป็นการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง 2 เครื่องได้แล้ว พูดอีกแบบคือ มีเครื่องอื่นได้เข้ามาในเครื่องผมแล้ว

สีฟ้า เป็นสถานะ LISTENING

Local Address ซึ่ง IP ผมคือ 203.118.74.149 ได้เปิด port 139
Foreign Address ยังไม่มีเครื่องใดมาทำการติดต่อ
State เป็นสถานะ LISTENING  คือรอการติดต่อ ซึ่งเครื่องอื่นสามารถเข้าได้ทางนี้

** ให้สังเกตเครื่องคุณ ถ้าได้มีตัวนี้อยู่บรรทัดไหน ให้สังเกตที่บรรทัดเดียวกันว่า เครื่องคุณได้เปิด Port ไหนเอาไว้บ้าง **

สีม่วง เป็นสถานะ TIME_WAIT

Local Address ซึ่ง IP ผมคือ 203.118.74.149 ได้เปิด port 139
Foreign Address เครื่องที่มี IP 203.118.74.110 ได้กำลังแสกนเครื่องผมอยู่  เพื่อหาช่องโหว่
State เป็นสถานะ TIME_WAIT คือเค้ากำลังแสกนเครื่องผมโดยผ่าน port 139  กำลังแสกน หรืออีกความหมายคือ เครื่องนั้นอาจกำลังถอด password เครื่องคุณอยู่ก็ได้

TIP :  ซึ่งตอนนี้คุณคงอ่าน และคงสามารถที่จะเดาได้ว่าแต่ละบรรทัดที่โปรแกรมแสดงหมายความว่าอะไรบ้าง แต่ถ้าใช้ Option ดังรูปข้างบน (ต่อ Internet) ให้พิมพ์คำสั่ง netstat -a  เพื่อจะแสดงเป็นชื่อ ซึ่งบางทีในสถานะ ESTABLISHED หมายความว่า มีเครื่องอื่นได้เข้ามาในเครื่องผมแล้วนั้น อาจเป็นเว็บไซด์ที่คุณกำลังดาว์นโหลดอยู่ก็ได้ คำสั่ง netstat -a จะแสดงเป็นชื่อเว็บต่างๆ ซึ่งถ้าใช้คำสั่ง netstat -an จะแสดงเป็นตัวเลข IP ยากต่อการเดา และการดูจริงๆคุณต้องสังเกตที่ port ที่เครื่องคุณด้วยว่าเป็น port ที่ใช้ทำอะไร

HACK :  ถ้าคุณกำลัง chat อยู่ ไม่ว่าจะเป็น icq , msn , yahoo ect.. ก็ตาม และได้มีการรับ/ส่งไฟล์ระหว่างเครื่องเกิดขึ้น ให้พิมพ์คำสั่ง netstat -an หรือ netstat -a หรือ netstat -n ก็ได้ โปรแกรมนี้จะมีการแสดงเลข IP ต่างๆที่คุณได้ติดต่ออยู่ และคุณรู้ IP เครื่องเป้าหมายแล้ว อิอิ ถ้ามีความรู้ในเรื่องอื่น ก็นำมาใช้ได้เลย
   
นี่คือการทำงานโดยใช้ดอสแบบทั่วไป ให้คุณลองดูว่าเครื่องคุณได้เปิด Port อะไรไว้บ้าง ถ้ามีการเปิดที่เยอะมาก คุณต้องรู้ว่าแต่ละ Port ไหนโปรแกรมอะไรเป็นตัวเปิด โดยทำการค้นหาได้จากโปรแกรมที่คุณใช้ได้ถนัด ซึ่งแล้วแต่คนจะถนัดทางไหน และหัวข้อต่อไป ผมจะอธิบายการใช้โปรแกรมอีกตัว ซึ่งใช้ได้ดีมากสำหรับการหาโปรแกรมตัวแสบ ที่แอบมาเปิด port  และยังสามารถใช้งานได้อีกหลายอย่าง แทนโปรแกรม NETSTAT ได้ดีอีกด้วย แถมยังมีโปรแกรมให้ HACK เครื่องแถมมาด้วย

** การกระทำใดๆที่ละเมิดสิทธิผู้อื่นโดยเจตนา มันไม่ดีเลยนะครับ และถ้าคุณคิดที่จะทำ ผมขอแนะว่า ต้องมีสติรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร ผลที่คุณจะได้จะคุ้มค่าหรือไม่ **

ที่ผมชอบใช้แบบ dos เพราะว่าชีวิตจริงคุณไม่ได้เล่นแค่เครื่องคุณเองเครื่องเดียว แต่คุณต้องไปทำอะไรต่างๆที่เครื่องอื่น และโปรแกรมนี้มีอยู่ในเครื่องทุกเครื่องอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าเครื่องไหนที่เป็นระบบ Window คุณก็ใช้คำสั่งนี้ได้ เพราะไม่งั้นคุณต้องหอบโปรแกรมไปติดตั้ง ยุ่งยาก ผมจึงอยากให้ใช้เป็นพวกโปรแกรมในดอสนี่แหละ พระเอกตัวจริงเวลาเครื่องมีปัญหา

PORT

WINDOWS นั้น เปิด Port ไหนเป็นมาตรฐาน?

98 + ME จะเปิด port 139 , 445
2000 Pro จะเปิด port 139 , 445
2000 Advance Server จะเปิด port 53 , 88 , 139 , 445

TROJAN PORT

31 : Master Paradise
121 : BO jammer[kill]ahV
456 : HackersParadise
555 : Phase Zero
666 : Attack FTP
1001 : Silencer
1001 : Silencer
1001 : WebEx
1010 : Doly Trojan 1.30 (Subm.Cronco)
1011 : Doly Trojan 1.1+1.2
1015 : Doly Trojan 1.5 (Subm.Cronco)
1033 : Netspy
1042 : Bla1.1
1170 : Streaming Audio Trojan
1207 : SoftWar
1243 : SubSeven
1245 : Vodoo
1269 : Maverick’s Matrix
1492 : FTP99CMP
1509 : PsyberStreamingServer Nikhil G.
1600 : Shiva Burka
1807 : SpySender
1981 : ShockRave
1999 : Backdoor
1999 : Transcout 1.1 + 1.2
2001 : DerSpaeher 3
2001 : TrojanCow
2023 : Pass Ripper
2140 : The Invasor Nikhil G.
2283 : HVL Rat5
2565 : Striker
2583 : Wincrash2
2801 : Phineas Nikhil G.
3791 : Total Eclypse (FTP)
4567 : FileNail Danny
4950 : IcqTrojan
4950 : IcqTrojen
5000 : Socket23
5011 : OOTLT
5031 : NetMetro1.0
5400 : BladeRunner
5400 : BackConstruction1.2
5521 : IllusionMailer
5550 : XTCP 2.0 + 2.01
5569 : RoboHack
5742 : Wincrash
6400 : The tHing
6669 : Vampire 1.0
6670 : Deep Throat
6883 : DeltaSource (DarkStar)
6912 : Shitheep
6939 : Indoctrination
7306 : NetMonitor
7789 : iC[kill]er
9872 : PortalOfDoom
9875 : Portal of Doom
9989 : iNi-[kill]er
9989 : InI[kill]er
10607 : Coma Danny
11000 : SennaSpyTrojans
11223 : ProgenicTrojan
12076 : Gjamer
12223 : Hackด99 KeyLogger
12346 : NetBus 1.x (avoiding Netbuster)
12701 : Eclipse 2000
16969 : Priotrity
20000 : Millenium
20034 : NetBus Pro
20203 : Logged!
20203 : Chupacabra
20331 : Bla
21544 : GirlFriend
21554 : GirlFriend
22222 : Prosiak 0.47
23456 : EvilFtp
27374 : Sub-7 2.1
29891 : The Unexplained
30029 : AOLTrojan1.1
30100 : NetSphere
30303 : Socket25
30999 : Kuang
31787 : Hack’a’tack
33911 : Trojan Spirit 2001 a
34324 : Tiny Telnet Server
34324 : BigGluck TN
40412 : TheSpy
40423 : Master Paradise
50766 : Fore
53001 : RemoteWindowsShutdown
54320 : Back Orifice 2000 (default port)
54321 : Schoolbus 1.6+2.0
61466 : Telecommando
65000 : Devil 1.03
 

การใช้งานโปรแกรม Essential NetTools

หา download ได้ที่ http://www.web-hack.ru/download/info.php?go=4

1. เมื่อเรียกโปรแกรมมา ให้กดที่วงกลมเลข 1 เพื่อเป็นการเรียกโปรแกรม netstat การแสดงผลจะเหมือนโปรแกรม netstat
2. เลข IP เครื่องที่กำลังรันโปรแกรมนี้ ก็คือเครื่องคุณเอง
3. Port ที่เครื่องนี้ได้เปิดอยู่
4. เลข IP เครื่องอื่นๆที่เข้ามาติดต่อกับเครื่องที่กำลังรันโปรแกรมนี้ คือเครื่องที่มา hack คุณ หรือเป็น IP เว็บต่างๆที่คุณได้เข้าชมอยู่
5. port ที่เครื่องอื่นๆเปิด เพื่อจะมาติดต่อกับเครื่องผม หรือเครื่องที่กำลังรันโปรแกรมนี้
6. เป็นสถานะการติดต่อ
7. เหมือนกับข้อ 4 แต่อันนี้จะเป็นชื่อเครื่องนั้นหรือเว็บที่เราเปิดอยู่ โดยชื่อนี้จะแทน IP ก็ได้เหมือนเวลาพิมพ์เข้าเว็บต่างๆ (ผมพยายามพูดแบบพื้นๆนะ)

ขอข้ามขั้นตอนก่อน ต่อจากข้างบน (เครื่องโดน hack)  ถ้ามีเครื่องอื่นที่เข้ามา คุณสามารถยกเลิกการติดต่อได้โดยคลิกขวาที่บรรทัดที่คุณสงสัยว่า IP นั้นเข้ามาละเมิดเครื่องคุณ และทำตามรูปข้างล่างนี้ ซึ่งการที่คุณจะสามารถเอาเครื่องที่เชื่อมต่อกับคุณ (hack คุณอยู่) ซึ่งสงสัยว่าใช่แน่ๆ จากรูปด้านล่างนี้ มีเครื่องที่มี IP 203.18.74.110 ได้กำลังแสกนเครื่องผมที่ Port 139 หรือ netbios-ssn อยู่ ผมรู้ได้เราะว่าสถานะที่ State = TIME_WAIT

แต่ถ้าสถานะที่ State = ESTABLISHED  หมายถึงได้มีการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แล้ว คืออาจมีการรับ/ส่งไฟล์ หรือโดน hack อยู่ก็เป็นได้ คุณสามารถที่จะคลิกขวาที่บรรทัดนั้น แล้วเลือก Terminate Conneciton Del เพื่อเป็นการยกเลิกการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคุณกับเครื่องนั้นๆ แต่ตัวอย่างที่ผมทำให้ดูนั้นเป็น Port การเชื่อมต่อของ MSN (การยกเลิกเชื่อมต่อนั้น สถานะที่ State = ESTABLISHED เท่านั้นถึงจะทำได้)

การหาโปรแกรมที่เปิด Port

เมื่อคุณทราบว่าเครื่องได้มีการเปิด Port ที่คุณไม่ต้องการให้เปิด อาจเป็นพวกโปรแกรมโทรจันต่างๆที่แอบเข้ามาเปิด ซึ่งคุณสามารถหาที่อยู่โปรแกรมได้โดย คลิกขวาที่บรรทัดที่มีการเปิด Port ที่คุณคิดว่าเป็นโทรจัน หรือคุณต้องการที่จะปิด Port นั้นๆ และเลือก File Properties หรืออาจเลื่อน Tab ด้านล่างของหน้าต่างบนไปทางขวา แล้วดูตรงช่องขวาสุด (ดูจากรูปบนนี้นะคับ แต่เลือกอีกอัน) โปรแกรมจะบอกว่า ไฟล์อะไรและอยู่ที่ไหนที่ทำให้เปิด Port นั้นๆแล้วตามไปลบได้เลยครับ

แต่ถ้าจะให้ดี คุณต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้ regedit เพื่อที่คุณจะต้องไปหา KEY-VALUE-DATA ใน regedit เป็นการถอนรากถอนโคนโปรแกรมที่มาเปิด Port เครื่องของคุณ ซึ่งผมจะขอเอาข้อความใน Pantip ที่เคยได้โพสในกระทู้ แต่ถ้าแค่เอาออกเฉยๆ    

start >> run  พิมพ์ regedit  กด enter

โปรแกรมโทรจันส่วนใหญ่มันจะอยู่ที่ Registry ตามข้างล่างนี้ครับ ให้ลองไปหาดูที่นี่ก็ได้

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run

HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Runonce

มันจะมีตัวแปร Value ทางด้านขวามือเพื่อที่จะเรียกโปรแกรมโทรจัน ลบได้เลยครับ แต่ถ้าคุณอยากที่จะหาแบบละเอียด เอาให้หมดจด ก็วิธีด้านล่างนี่เลยครับ

ไปที่เมนู edit >> find จะมีหน้าต่างค้นหาขึ้นมา ติ๊กเครื่องหมายถูกให้หมดนะคับ จากนั้นพิมพ์ “ชื่อไฟล์ที่ได้เปิด Port” (ไม่ต้องใส่ฟันหนูนะ) แล้วกดปุ่ม find เมื่อเจอคุณสามารถที่จะลบได้เลย แต่ส่วนใหญ่จะอยู่หน้าต่างด้านขวาของโปรแกรม regedit  ซึ่งเป็นตัว data ใช้ในการรันโปรแกรม (ถ้าคุณแน่ใจว่าเป็นโทรจันจริงๆลบได้เลย) จากนั้นให้คุณไป search/find ในไดรว์ C, D ของคุณต่อไปว่าไฟล์ที่ว่านั้นได้เก็บอยู่ที่ไหน ให้ตามไปลบอีกที

แต่ยังอยากเก็บโปรแกรมที่ว่าอยู่ ให้ไปที่ start >> run  พิมพ์ msconfig แล้วคุณหาเมนู Tab StartUp และหาโปรแกรมที่ว่าในนั้น พอเจอแล้วเอาเครื่องหมายถูกหน้าโปรแกรมที่ว่าออก

คำเตือน  ในการที่จะลบ คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่า ตรงที่ๆคุณได้เจอนั้นลบไปแล้ว จะไม่เกิดปัญหาที่จะตามมาทีหลัง เพราะบางทีอาจทำให้เครื่องมีปัญหาตามมาทีหลัง คุณอาจปล่อยทิ้งไว้ก็ได้ ต้องแน่ใจจริงๆว่าที่คุณได้ลบไป เป็นโปรแกรมที่คุณไม่ต้องการให้รันมาทุกครั้ง (โทรจัน) เมื่อตอนคุณบูทเครื่อง

เมื่อได้ลบใน REGISTRY ไปแล้ว ค่อยตามไปลบในไดรว์ที่คุณเจอตามปรกติ ซึ่งโปรแกรมได้บอกที่อยู่ของไฟล์มาแล้ว จากที่อธิบายมาข้างบน หรือคุณอาจไปปิด Service ที่เครื่องคุณได้เปิด โดยการไปที่ Start >> Run  พิมพ์ Services.msc ; ใช้ได้กับ Win200/XP จะมีหน้าต่างขึ้นมาดังรูปข้างล่างนี้ ส่วน Win 98/ME คุณแค่ตามไปลบที่อยู่ของไฟล์กับที่ REGISTRY

ทางหน้าต่างด้านขวานั้น เป็นตัวที่เปิด/ปิด Service ต่างๆ และมีคำอธิบายต่างๆอยู่แล้ว พร้อมทั้งมีการบอกสถานะต่างๆด้วยว่า ได้ทำงานแบบใด (Auto-Manual-Disadle) กำลังทำอยู่หรือไม่ (Start-หรือเป็นช่องว่างๆ) สามารถที่จะกำหนดได้ว่าจะให้เป็นแบบไหน แต่ผมแนะว่าถ้าไม่แน่ใจใน Service นั้นๆที่คุณสงสัย ให้กำหนดการทำงาน Service เป็นแบบ Manual จะดีกว่า

และคุณต้องเข้าไปดูในแต่ละ Service เองแต่ละตัว ก็คือพวกโปรแกรมที่เปิด Port  ซึ่งต้องดับเบิ้ลคลิกเข้าไปว่า มีโปรแกรมไหนเปิดบริการแชร์ต่างๆที่ไม่จำเป็น ให้เอาออกได้ แต่คุณต้องระวังให้ดี บางอย่างถ้าคุณเอาออกไป เครื่องอาจมีอาการแปลกๆก็ได้ครับ ทางที่ดีควรจดไว้ทุกครั้งว่า ค่าเดิมเป็นอย่างไร และเปลี่ยนอะไรไปบ้าง และทุก Service ที่เห็นในนั้น เมื่อคุณเบิ้ลคลิกเข้าไป จะมีหน้าต่างขึ้นมา มันจะบอกว่าเป็นไฟล์อะไรที่รัน Service รวมทั้ง Option ด้วย ดังรูป

ตรงเลข 1 จะบอกไฟล์ที่รัน Service ตัวนั้นๆ พร้อมทั้ง Option ต่างๆที่ได้รันขึ้นมาเมื่อคุณบูทเครื่อง ตรงนี้อยากให้ทุกท่านได้เปิดดูโปรแกรม Essential NetTools ไปด้วยว่าตรงกับ Port ไหน

ตรงเลข 2 จะเป็นการกำหนดให้ Service ตัวนั้นๆทำงานแบบไหน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Port ไม่ควรให้เป็นแบบ Auto ควรจะตั้งให้เป็นแบบ Manual จะดีกว่า คือคุณสามารถที่จะเรียกขึ้นมาก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่เรียก Service นั้นก็ไม่ทำงาน และคุณสามารถยกเลิกได้ด้วยเมื่อเลือก Disable

ตรงเลข 3 ต่อจากเลข 2 นิดๆ ก่อนที่คุณจะเลือก Disable Service ตัวนั้นๆที่คุณไม่ต้องการให้มันรันขึ้นมาตอนบูทเครื่อง (เปิด Port) ให้คุณลองกดปุ่ม Stop เพื่อเป็นการทดสอบดูก่อน ว่ามีผลกระทบแบบไหน เมื่อเราได้ปิด Service ตัวนั้นๆ ถ้าไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ค่อยไป Disable Service ตัวนั้นๆตามหมายเลข2 ที่ได้ชี้

โดยปรกติแล้ว ถ้าคุณใช้โปรแกรมในดอส netstat -an เพื่อดูการเชื่อมต่อใน Internet ระหว่างเครื่องคุณกับเครื่องอื่นๆ คุณจะต้องคอยพิมพ์ไปเรื่อยๆด้วยคำสั่งเดิมซ้ำ เพื่อดูการเชื่อมต่อที่ [update] ตลอดเวลา แต่โปรแกรม netstat ในโปรแกรม Essential NetTools จะมีการ [update] ทุกๆ 5 วินาที ซึ่งเป็นข้อดีของโปรแกรมนี้ เป็นค่า Default ของโปรแกรมอยู่แล้ว สามารถที่จะเปลี่ยนเวลาให้เร็ว/ช้าได้ เป็นวินาทีตามที่คุณต้องการ และการเซ็ทค่าอื่นๆในโปรแกรม เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ดังรูปด้านล่างนี้ ก่อนอื่นให้ทำตามนี้ก่อน (ไปที่เมนู Settings >> Option…)

การใช้งาน NBScan

เป็นโปรแกรมอีกตัวที่ผมชอบใช้ ซึ่งโปรแกรมนี้อยู่ใน Essential NetTools โปรแกรมจะบอกรายละเอียดชื่อเครื่องต่างในวงแลน อินเตอร์เน็ตที่คุณใช้อยู่ จากรูปด้านล่างนี้ ผมได้ Copy IP เครื่องผมไว้ตรงโปรแกรม Netstat เพื่อที่จะทำการแสกนวง Network จาก Internet ที่ผมใช้อยู่ โดยการคลิ๊กขวาที่ IP ของเครื่องผมเอง (ขออธิบายแบบผ่านๆ เพราะไม่ต้องเข้าใจมาก คุณก็ทำได้)

การ Copy Local IP Address คือการ Copy IP ของเครื่องเรานั่นเอง แต่ถ้าคุณเลือก Copy Remote IP Address จะเป็นการ Copy IP เครื่องที่ได้มีการเชื่อมต่อกับคุณอยู่ ซึ่งอาจเป็น WebSite หรือเครื่องอื่นๆ คุณจะรู้ได้จากการสังเกตที่ Rem. Port ครับ แต่จากรูปด้านบน ผมได้ Copy IP เครื่องของผมเองครับ เพื่อจะนำไปใช้ในโปรแกรม NBScan เมื่อได้ Copy IP เครื่องของผมเองแล้ว ให้เรียกโปรแกรม NBScan ดังรูปด้านล่าง

Hack ในวง Network ของวงที่คุณใช้อยู่ จะง่ายกว่าการไป Hack วงอื่นๆ เช่นคุณใช้ KSC แต่จะไป Hack TA จะต้องใช้เทคนิคเพิ่มขึ้นอีก แต่หลักการเดียวกันครับ จะทำให้ยาก และวิธีการดูวง Network ให้สังเกตที่ IP ก็พอครับ แต่ถ้าอยากรู้ลึก ลองไปหาอ่านเอาเอง ผมจะอธิบายคร่าวๆ อย่างตอนนี้ผมมี IP = 203.152.4.42 วงของผมก็จะมีเครื่องที่มี IP ตั้งแต่ 203.152.4.1 ถึง IP 203.152.4.255

1. เป็นการเรียกโปรแกรม NBScan

2. ให้นำ IP ที่คุณได้ Copy มาวางในช่องนี้ จะเห็นว่า IP ของผมได้เป็น 203.152.4.42 การที่จะแสกน วง Network จาก Internet ที่ผมใช้อยู่ต้องเปลี่ยนช่วง โดยเปลี่ยนแค่ตัวเลขชุดท้ายสุดเท่านั้น เป็น 1-255 เพราะไม่ว่าคุณจะมี IP ใดๆก็ตาม เปลี่ยนแค่ชุด IP ตัวท้ายสุดเท่านั้น

3. ผลจากการแสกนวง Network จาก Internet ที่ผมใช้ เครื่องที่อยู่ในวงเดียวกับผม และผมได้คลิ๊กเครื่องที่ชื่อ VPN_JB ซึ่งมี IP = 203.152.4.52

4. ความหมายของ NetBIOS Service Code ซึ่งต้องสังเกตตัวที่อยู่หน้าโค้ดเครื่องหมายนี้

<00> ~~ คือจะเป็นตัวบอกถึงชื่อเครื่องและชื่อบริการ
<03> ~~ คือชื่อเครื่องและบางเป็นชื่อของ Admin ที่ได้ Login (อันนี้สำคัญ ถ้าเจอเข้า คุณอาจ Hack เพื่อเอา Password โดยใช้ชื่อที่อยู่ข้างหน้าโค้ดอันนี้)
<20> ~~ คือ Server Service และอาจเป็นชื่อผู้ใช้ทั่วไปในเครื่อง
<1D> ~~ คือ Master Browser
<1E> ~~ คือ Browser Service Election
<1B> ~~ คือ Domain Master Browser

ที่ผมอธิบายไปนั้น เอาแบบที่สำคัญเท่านั้น (เป็นภาษาไทย) ตรงที่เราจะต้องเน้นมีอยู่ 2 โค้ด ได้แก่ <00> , <03> ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญการรวมข้อมูลก่อนการ Hack ซึ่งหลักๆเราจะสังเกตุ <03> เพราะเป็นชื่อของ Admin ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าเราถอดรหัส Password ได้แล้ว เราก็จะสามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยเราจะไม่สนใจ <20> เลย เพราะเป็นแค่ชื่อบัญชีผู้ใช้ธรรมดาก็ได้ ถึงถอดรหัสได้ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เราสนแต่ Admin ลองคิดดูว่าถ้าคุณกลัวโดน Hack ก็พยายามอย่าใช้ชื่อบัญชี Admin ล็อกอินเข้าอินเตอร์เน็ตนะครับ (ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับชื่อ Admin ที่ได้มาจากโปรแกรมนี้นั้น อาจไม่ใช่ 100% เสมอไป) แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงครับ

ทีนี้จากเครื่อง VPN_JB ซึ่งมี IP = 203.152.4.52 ที่ผมได้คลิ๊กเลือกมา ทำให้ได้รู้ว่า Admin เครื่องนี้คือชื่อ VPN_JB  ซึ่งดูได้จากชื่อที่อยู่หน้าโค้ด <03> จะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากในการถอดรหัสโดยการใช้โปรแกรม NetAudit ที่มีมาในโปรแกรมนี้ ซึ่งจะทำให้รู้ถึงชื่อ Admin ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการถอด Password นั้น เราต้องรู้ชื่อ Admin ที่ใช้เครื่องนั้นๆพร้อมกับไฟล์ Password ซึ่งหาได้ทั่วไป และในโปรแกรมนี้ก็มีแถมมาให้ด้วย ลงมือกันเลย

1. เป็นการเรียกโปรแกรม NetAudit

2. ใส่ IP Address เครื่องที่ต้องการจะ Hack ซึ่งผมได้เอาเครื่องตัวอย่างจากข้างบน

3. เป็นการดึงเอาคำต่างๆมาจากไฟล์ในโปรแกรมนี้ ซึ่งอยู่ในโฟล์เดอร์ C:\Program Files\EssNetTools3 เพื่อที่จะนำมาถอดรหัส ซึ่งไฟล์ที่ว่านี้ชื่อ userlist.txt จะเป็นไฟล์ที่ใช้เก็บชื่อ User ต่างๆ กับ passlist.txt เป็นไฟล์เก็บคำที่เป็น Passwords แต่ในการใช้งานจริงๆ คุณไม่สามารถเปลี่ยนชื่อไฟล์ 2 ตัวนี้ได้ แต่คุณสามารถเพิ่มชื่อและ Passwords เข้าไปในทั้ง 2 ไฟล์นี้ได้ โดยการกดที่ปุ่มหรือคุณจะเอาคำที่เป็น Passwords มาจากไฟล์อื่นๆมาใส่ในไฟล์ passlist.txt เลยก็ได้

** ขอแนะว่า  ไฟล์ userlist.txt ต้องลบชื่อ Users ที่มีอยู่ให้น้อยที่สุด เพราะว่าคุณจะไปเสียเวลากับการที่โปรแกรมยิง Pass ไปที่เครื่องเป้าหมายในชื่อ User ที่ไม่มีในเครื่องนั้น ทางที่ดีควรใช้แต่ชื่อ User ที่มีอยู่ในเครื่องเป้าหมายเท่านั้น

4. กดเพื่อเริ่มถอดรหัส Password เครื่องเป้าหมาย

และเมื่อคุณสามารถถอดรหัสได้แล้ว คุณสามารถที่จะ Map Drive เครื่องฝ่ายตรงข้ามได้ สามารถดูโฟล์เดอร์ต่างๆในเครื่อง ซึ่งการ Map Drive ทำได้โดยการเปิด Window Explorer แล้วไปที่เมนู Tools >> Map Network Drive

1. จะเป็นการเลือกไดรว์ที่เราต้องการให้โปรแกรมนั้นสร้างมาในเครื่องของเราครับ แต่ภายในไดร์วนี้ จะมีแต่ข้อมูลของเครื่องที่เราไป Map มาได้ คือเราจะเห็นโฟล์เดอร์ต่างๆจากเครื่องเป้าหมายที่เราได้ ชื่อคนใช้ที่เป็น Admin กับ Password มาแล้วจากข้างต้น

2. ให้ใส่ IP และ Share ของเครื่องเป้าหมาย เช่น \\203.152.4.52\IPC$ หรือ \\203.152.4.52\C$

ผู้เขียน/อ้างอิง : http://www.justusers.net/articles/internet/netstat/netstat.htm

http://www.justusers.net/articles/internet/netstat/netstat.htm

[NEW] คู่มือเบื้องต้น: วิธีเขียนอีเมลถึงเพื่อน เพื่อนร่วมงาน และคนที่เพิ่งรู้จักเป็นภาษาอังกฤษ | determine คือ – NATAVIGUIDES

เราเท็กซ์ (text; ส่งข้อความ) หากันตลอดเวลา

แต่ก็โทรหากันบ้างบางที (ประหลาดดีนะ!)

แต่แล้วทุกทีคุณก็ต้องนั่งลงแล้วเขียนอีเมล

เพราะอีเมลไม่เหมือนจดหมาย ข้อความ หรือโทรศัพท์  ซ้ำร้ายอีเมลถึงเพื่อนธรรมดากับอีเมลถึงเพื่อนที่ทำงานก็ยังใช้ภาษาไม่เหมือนกันอีกต่างหาก

เพื่อให้ได้ข้อความที่ชัดเจนโดยไม่สร้างความขุ่นเคืองให้กับใคร คุณจำเป็นต้องรู้ว่าเขียนอีเมลภาษาอังกฤษอย่างไรให้มันเวิร์ค และนั่นคือเหตุผลที่เราสร้างคู่มือฉบับนี้ให้กับคุณ

และเมื่อจบบทความนี้ คุณจะรู้จักคำศัพท์ที่จำเป็นสำหรับการส่งอีเมล วิธีเขียนอีเมลถึงเพื่อนร่วมงาน เพื่อนทั่วไป และคนรู้จัก (acquaintance; คนที่เคยเจอกันครั้งสองครั้ง) เป็นภาษาอังกฤษกันล่ะ

คัมภีร์เทวดาสำหรับเขียนอีเมลภาษาอังกฤษ

ต้อง-รู้ คำศัพท์สำหรับการส่งอีเมลภาษาอังกฤษ

หากบัญชีอีเมลของคุณมีการตั้งค่าเป็นภาษาท้องถิ่น เปลี่ยนมันให้เป็นภาษาอังกฤษเพื่อไปเรียนรู้คำใหม่ ๆ กันค่ะ คุณรู้วิธีดีอยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะข้ามเรื่องการตั้งค่าแล้วไปรู้จักกับความหมายของคำกันเลย

ตัวอย่างต่อไปนี้มีสี่คำที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ แค่เปลี่ยนภาษาในบัญชีอีเมลเป็นภาษาอังกฤษ–คุณจะพบกับ

  • Subject: คือหัวข้อของอีเมล หรือเรื่องที่อีเมลจะพูดถึง
  • Recipient: คือคนที่จะได้รับ (receive; get) อีเมลของคุณ
  • Composeหมายถึงการสร้างหรือเขียนอีเมล  คำว่า “compose” โดยปกติเราจะใช้กับเรื่องของดนตรี  และ composer ก็คือคีตกวีหรือนักแต่งเพลงนั่นเองค่ะ
  • Attachment: นี่คือไฟล์ใด ๆ ที่คุณแนบ (attach; add-เพิ่ม) ไปกับอีเมลด้วย

เห็นมั้ยคะ?–ง่าย ง่าย! ตอนนี้คุณรู้จักคำใหม่สี่คำแล้ว แค่แป๊บเดียวเอง!

มีบางส่วนของอีเมลที่บางคน (แม้แต่เจ้าของภาษา) ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ช่อง CC กับ BCC  เมื่อเราใส่ที่อยู่อีเมลของใครลงในช่อง CC คนคนนั้นก็จะได้รับอีเมลของเราด้วย และเมื่อใส่ลงในช่อง BCC ไปอีกสักคน เขาก็จะได้รับอีเมลของเราด้วยเหมือนกัน แต่คนอื่นจะไม่รู้เลยว่าเขาได้รับอีเมลของเรา

แล้วความหมายจริง ๆ ของเจ้า CC กับ BCC มันคืออะไรล่ะ? –ไปดูกันค่ะ!  คำว่า acronyms หมายถึงชื่อย่อหรืออักษรย่อที่ตัดมาจากตัวอักษรตัวแรกของคำหรือวลี และในกรณีนี้ก็คือ “carbon copy” (สำเนาคาร์บอน) และ “blind carbon copy.” (สำเนาคาร์บอนลับ) นั่นเอง

CC: Carbon copy (สำเนาคาร์บอน)

เท้าความกันนิดนึงนะคะ–ก่อนจะมีอีเมลสำเนาคาร์บอน จะถูกหมายถึงสำเนาของเอกสารที่ถูกเขียนหรือถูกพิมพ์เท่านั้น ซึ่งคุณจะเห็นมันได้ในที่ทำงานหรือแม้แต่ในสมุดเช็คของคุณ  เราเริ่มจากกระดาษสีเทาบาง ๆ ที่เคลือบหมึกเอาไว้หนึ่งด้านเรียกว่ากระดาษคาร์บอนค่ะ แล้วเราก็เอามันไปวางไว้บนกระดาษเปล่า

จากนั้นก็เอากระดาษที่จะใช้เป็นแผ่นต้นฉบับวางทับลงบนกระดาษคาร์บอนอีกที และเมื่อคุณเขียนลงบนแผ่นต้นฉบับ หมึกบนกระดาษคาร์บอนก็จะไปติดกับกระดาษด้านล่าง กลายเป็นสำเนาของเอกสารที่เรียกว่า สำเนาคาร์บอน คุณสามารถดูวิธีใช้กระดาษคาร์บอนได้จากวิดีโอนี้ค่ะ

ชื่อนั้นสำคัญไฉนก็คงเห็นภาพกันแล้วนะคะ! เพราะการใช้ CC ตอนส่งอีเมลมันก็คือการส่งสำเนาของต้นฉบับไปให้ผู้รับนั่นเอง

BCC: Blind carbon copy (สำเนาคาร์บอนลับ/สำเนาลับ)

แล้วสำเนาคาร์บอนลับล่ะ? –งั้นเราย้อนกลับไปยุคพิมพ์ดีดกันอีกที เมื่อเลขานุการทำสำเนาคาร์บอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเธอจึงค่อยมาใส่ชื่อผู้รับลงในสำเนาที่ทำเสร็จ ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครรู้ว่ายังมีคนอื่นอีกที่ได้รับสำเนาของเอกสารฉบับนั้นไป  อะไรก็ตามที่ blind ก็แสดงว่ามองไม่เห็น และนี่คืออีกครั้งที่ชื่อทำให้เราได้เห็นภาพ

คุณจะใช้ช่อง BCC เมื่อคุณทำการส่งอีเมลให้กับคนหลาย ๆ คนพร้อม ๆ กัน แต่คุณไม่ต้องการแชร์ที่อยู่อีเมลในช่อง BCC ให้กับใคร  และอีกกรณีหนึ่งคือ คุณต้องการให้ใครบางคนเห็นว่าคุณได้ส่งอีเมลไปให้คนอื่น ๆ หรือคุณต้องการให้เขาเห็นข้อมูลในอีเมลนั้น แต่ไม่ต้องการให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสนทนา

เอาล่ะ! เรารู้จักส่วนหลัก ๆ ของอีเมลกันไปแล้ว แล้ววิธีเขียนอีเมลภาษาอังกฤษจริง ๆ ล่ะ?–ไปต่อกันค่ะ!

พื้นฐานการเขียนอีเมลภาษาอังกฤษ

นี่คือพื้นฐานเบื้องต้นของการเขียนอีเมล

  • อีเมลจะสั้นกว่าจดหมายแต่ยาวกว่าข้อความทางโทรศัพท์
  • อีเมลจะไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน (urgent; important – สิ่งสำคัญที่ต้องให้ความสนใจทันที) มากเท่ากับการคุยเป็นการส่วนตัวหรือการโทรศัพท์ไปหาโดยตรง
  • ภาษาของอีเมลจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังเขียนถึงใคร เหมือนตอนที่คุณคุยกันค่ะ!  ผู้รับคนละคนภาษาของอีเมลก็คนละแบบเหมือนกัน

ฉะนั้นก่อนเขียนอีเมลลองถามตัวเองดูก่อน ทำไมถึงใช้อีเมลแทนที่จะโทรไปหา หรือส่งจดหมายจริง ๆ ไปให้เลย  บางทีคุณอาจพบว่าการเท็กซ์ไปหรือโทรไปมันดูสมเหตุสมผลกว่าก็ได้นะคะ

หรือเอาแบบนี้–อ่านต่อไปค่ะแล้วคุณจะพบว่าทำไมต้องเขียนอีเมลถึงเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก และถ้าต้องเขียนจะเขียนอย่างไร

การเขียนอีเมลภาษาอังกฤษถึงเพื่อนร่วมงาน/เจ้านาย

อีเมลในที่ทำงานมักถูกใช้บ่อยเพื่อจัดการประชุม เพราะมันง่ายที่จะเห็นข้อมูลทั้งหมดในคราวเดียว อีกทั้งยังทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและตอบสนองได้ดีกว่าการเดินไปบอกเองด้วยล่ะ

อีเมลยังมีประโยชน์เมื่อคุณมีคำถามที่ไม่จำเป็นต้องตอบในทันทีหรือมีโน้ตถึงคนที่กำลังยุ่งอยู่  และเพื่อให้พวกเขาสามารถกลับมาดูทีหลังและเข้าใจมันได้ มันจึงต้องเป็นอีเมลที่ชัดเจนและกระชับ (concise; short) เสมอ

องค์ประกอบที่ควรจะมี

อีเมลที่ทำงานคือจดหมายธุรกิจที่เปลี่ยนโฉมหน้าไปเล็กน้อย

สิ่งที่ควรมีในอีเมล

  • คำทักทาย: กล่าวคำทักทายแล้วตามด้วยชื่อของคนที่คุณกำลังเขียนถึง
  • บทนำ: หากคนที่คุณกำลังเขียนถึงไม่รู้ว่าคุณคือใคร คุณก็เกริ่นไปสั้น ๆ ค่ะ
  • วัตถุประสงค์ของอีเมล: เข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว แล้วอธิบายถึงเหตุผลที่คุณเขียนอีเมลมาหา
  • รายละเอียด: ควรมีแค่รายละเอียดที่ผู้รับจำเป็นต้องรู้ว่าเหตุผลของอีเมลคืออะไร หากผู้รับจะต้องกระทำการใด ๆ หลังจากอ่านอีเมลให้ระบุมันลงไปในส่วนนี้เลยนะคะ
  • ลงนาม: ลงชื่อของคุณในส่วนท้ายของอีเมล

วลีที่ใช้บ่อย

  • “I hope you’re doing well.” — หลังจากทักทายคุณสามารถใช้ประโยคนี้เพื่อเริ่มต้นอีเมลล่ะ
  • “I hope this email finds you well.” — ประโยคนี้คล้ายกับประโยคด้านบน แต่มีความเป็นทางการมากกว่า
  • “I just wanted to update you on…” หรือ “I just wanted to let you know that…” — สองประโยคนี้ใช้เริ่มต้นอีเมลได้อย่างยอดเยี่ยมหากคุณกำลังส่งโน้ตเพื่ออัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้รับ
  • “Thank you for your time.” — นี่คือไอเดียที่ดีเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับเวลาและความช่วยเหลือในตอนท้ายของอีเมล ก่อนคุณจะลงชื่อกำกับ
  • “Sincerely,” — นี่เป็นคำที่ถูกใช้บ่อยมากก่อนจะลงชื่อ ซึ่งมักใช้กันในจดหมายที่เป็นทางการเท่านั้น (เช่น เขียนถึงเจ้านาย) คำว่า sincere (จริงใจ) แสดงให้เห็นว่าคุณหมายความตามที่พูดจริง ๆ

ตัวอย่างอีเมลที่ทำงาน

นี่คือหน้าตาของอีเมลถึงเพื่อนร่วมงาน

Subject: Friday Lunch Meeting Time Changed to 11:30 a.m.

Hello Sally,

I hope you’re doing well today. This is [ชื่อของคุณ], from the marketing department. I wanted to update you on the lunch meeting we are having on Friday. The Friday lunch meeting has been moved from 11:00 a.m. to 11:30 a.m.

Please let me know if you will be able to attend the meeting at this new time.

Thank you for your time and I hope to see you there.

Sincerely,

[ชื่อของคุณ]

การเขียนอีเมลภาษาอังกฤษถึงคนรู้จัก

Acquaintance หมายถึงใครบางคนที่คุณรู้จักเพียงผิวเผิน ยังไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าเหมือนกัน

อีเมลเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับติดต่อกับคนรู้จัก เพราะมันไม่เป็นส่วนตัวเหมือนโทรศัพท์หรือส่งข้อความ และมันยังดีสำหรับการติดต่อกับคนที่ห่างหายกันไปเป็นเวลานาน หรือติดต่อกับคนที่คุณได้รู้จักในงานต่าง ๆ ด้วย

องค์ประกอบที่ควรจะมี

การเขียนอีเมลถึงคนรู้จักจะมีความเป็นทางการน้อยกว่าการเขียนถึงเพื่อนร่วมงาน คุยเรื่องส่วนตัวกันได้มากขึ้น ซึ่งคุณสามารถ(และในบางกรณีควรจะ)ใส่รายละเอียดให้มากขึ้นว่าคุณเป็นใครและเมลมาทำไม

เมื่อคุณกำลังเขียนอีเมลถึงคนที่ยังไม่สนิทสนมกันมากนัก คุณจะต้องมั่นใจว่ามันมี

  • การทักทาย: เช่นเคยค่ะ–ต้องทักทายกันก่อน! ความสนิทสนมของคุณจะทำให้คุณตัดสินใจได้ว่าหลังคำทักทายคุณควรใช้ชื่อหรือนามสกุลมากกว่ากัน
  • เตือนความจำว่ารู้จักกันที่ไหน: พูดถึงสถานที่ที่คุณได้รู้จักกันหรือเจอกันครั้งล่าสุด เพื่อให้เขานึกออกว่าคุณเป็นใคร
  • รายละเอียดเชิงบวกเกี่ยวกับผู้รับ: คุณอาจจะพูดถึงการสนทนาที่ยอดเยี่ยมตอนเจอกันครั้งล่าสุด หรือแสดงความยินดีที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้งานใหม่  รวมทั้งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บอกให้รู้ว่าคุณใส่ใจในตัวเขามาก
  • เหตุผลที่เขียน: ทำไมคุณจึงเขียนอีเมลฉบับนี้ มันอาจเป็นแค่การถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หรือเพื่อขอความช่วยเหลืออะไรบางอย่าง ฉะนั้นชี้แจงเหตุผลให้ชัดเจนค่ะ
  •  ลงชื่อของคุณ: ความสุภาพจะทำให้ผู้อ่านรู้ว่าคุณกำลังรอการตอบกลับ จากนั้นก็เขียนชื่อกำกับไปเลยค่ะ

วลีที่ใช้บ่อย

  • “Long time no see.” — หากคุณไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว ประโยคที่ดูเป็นกันเองประโยคนี้สามารถนำไปใช้เริ่มต้นอีเมลของคุณได้
  • “I’d love to catch up.” — “catch up” หมายถึง การพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน นี่เป็นวลีที่ดีมาก ๆ หากคุณกำลังเขียนถึงคนที่ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว
  • “Keep in touch.” — วลีนี้หมายถึงคุณอยากให้มีโอกาสได้คุยกันบ่อย ๆ–อย่าห่างหายไปนะ!  ประโยคนี้ใช้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ดีมาก ๆ เลยล่ะ
  • “I look forward to hearing from you.” — ก่อนคุณจะลงชื่อ คุณสามารถใช้วลีนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณต้องการให้ตอบกลับ หรือคุณจะทำให้มันดูเป็นกันเองขึ้นอีกหน่อยด้วยการเปลี่ยนเป็น “Looking forward to hearing from you.”
  • “Best wishes,” — ในอีเมลถึงคนรู้จักการพูดว่า “sincerely” มันดูเป็นทางการเกินไปค่ะ คุณสามารถใช้วลีนี้เป็นคำลงท้ายแทนได้ หรือใช้แค่ “Best,” แล้วตามด้วยชื่อของคุณในบรรทัดต่อไปก็ได้ค่ะ

ตัวอย่างอีเมลถึงคนรู้จัก

นี่คือหน้าตาของอีเมลถึงคนรู้จักค่ะ

Hi Simon,

This is [ชื่อของคุณ]—we met at the New Year’s party at Sally’s last year. Long time no see! Congratulations on your recent promotion, you deserved it for all the hard work you do.

I’m emailing to see if you’d like to meet up sometime to catch up. I’m in your city for a few weeks and I would love to chat with you.

I look forward to hearing from you.

Best wishes,

[ชื่อของคุณ]

การเขียนอีเมลภาษาอังกฤษถึงเพื่อนของคุณ

ทุกวันนี้เรามักคุยกับเพื่อน ๆ ด้วยการส่งเท็กซ์ ใช้แอป หรือไม่ก็เจอกันไปเลย  แต่บางทีอีเมลก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

You would send an email to your friend if the content is too long to fit into a text, if you want to include more than one link or attachment, or if you and your friend are far away from each other.

คุณจะส่งอีเมลให้เพื่อนหากเนื้อหามันยาวจนล้นข้อความ หรือคุณต้องการส่งลิงก์หรือแนบไฟล์ หรือคุณกับเพื่อนอยู่ไกลกันมาก–อารมณ์เหมือนเขียนจดหมายคุยกันเลย

องค์ประกอบที่ควรจะมี

อีเมลถึงเพื่อนเป็นอะไรที่เป็นกันเองมาก ไม่ต้องจัดองค์ประกอบให้ยุ่งยากด้วย แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่คุณต้องมั่นใจว่าเพื่อนของคุณจะเข้าใจมัน

  • คำทักทาย: ทักทายกันก่อนแล้วค่อยเข้าเรื่องนะคะ
  • สาเหตุที่ต้องเมลถึง: คุณสามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงตัดสินใจใช้อีเมลแทนที่จะส่งข้อความเหมือนทุกที หรือคุณจะเขียนเรื่องที่อยากแชร์ไปเลยก็ได้ค่ะ–ง่ายดี!
  • ลงชื่อ: ลงชื่อทำไมเหรอ! นี่เพื่อนนะ–แต่แทนที่จะสะบัด…ไปเฉย ๆ คุณอาจพูดว่า “talk to you later” ก็ดีค่ะ

วลีที่ใช้บ่อย

  • “How’s it going?” — นี่เป็นวิธีง่าย ๆ ในการเซย์ hello พร้อมกับถามเพื่อนว่าสบายดีมั้ย
  • “Just wanted to tell you…” — นี่เป็นวิธีเริ่มอีเมลที่ดีมาก สังเกตว่าประโยคนี้ไม่มี “I,” ตรงต้นประโยค นั่นเพราะว่า คุณพูดกับเพื่อนแบบไหนคุณก็เขียนไปตามสบายเลยค่ะ
  • “Talk to you later.” — คุณจะเขียนแค่ตัวย่อ TTYL แบบนี้ก็ได้ค่ะ

ตัวย่อบนโลกออนไลน์ก็เหมือนกับ CC หรือ BCC นั่นแหละค่ะ คือมันจะย่อคำหรือวลีให้เหลือแค่ตัวอักษรตัวแรก และนี่คือตัวย่อของคำบางคำที่ป็อปมาก ๆ เมื่อคุยออนไลน์ แต่บางทีคุณอาจจะใช้มันอยู่แล้วก็ได้นะ เช่น ตอนที่คุณพูดอะไรฮา ๆ คุณอาจเขียนว่า “lol” ซึ่งย่อมาจาก “laughing out loud” หรือคุณอาจเขียนว่า “omg” แทน “oh my god,” ตอนที่คุณทึ่งกับอะไรบางอย่าง เอาที่สบายใจได้เลยค่ะ คุณอาจคิดถึงอีเมลแบบมีข้อความยาว ๆ ก็ไม่ว่ากันค่ะ

ตัวอย่างอีเมลถึงเพื่อน

หน้าตาของอีเมลถึงเพื่อนเป็นแบบนี้ค่ะ

Hey Sam,

How’s it going? I was going to text you, but then I realized I had too much to say!

Sorry I didn’t answer your text right away earlier, I was at a lunch meeting. It was soooo boring lol. After the meeting we had pizza and soda though, so everyone was happy.

You know that I’m visiting New York atm*, right? Well I’m meeting with an old friend tomorrow and I wanted to get your thoughts on it. He’s the guy I met last year at that awesome New Year’s party. The one with the really nice shoes, remember?

And guess what. I have no idea how I should dress. Help!

[ชื่อของคุณ]

*Note: atm คือตัวย่อของ “at the moment” หมายถึง “now” ค่ะ

ด้วยวลีและส่วนประกอบของอีเมลทั้งหมดนี้ คุณก็พร้อมที่จะเขียนอีเมลของคุณเองแล้วล่ะ–ลองเลยค่ะ! เพื่อน คนรู้จัก และเพื่อนร่วมงาน คนละฉบับ

If you liked this post, something tells me that you’ll love FluentU, the best way to learn English with real-world videos.

Experience English immersion online!


ติว TOEIC : สรุปเทคนิคแกรมม่า Participle คืออะไร?


✿ ติวสอบ TOEIC® เริ่มจากพื้นฐาน เทคนิคแกรมม่า แนวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด! ✿
👉ทดลองติวฟรี! ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu

สอบ TOEIC ต้องรู้จัก Participle ว่ามันคืออะไร? ครูดิวจะมาติวเทคนิคเรื่องนี้กันค่า เจอในข้อสอบแยกได้ง่ายๆ เลยว่าต้องตอบ Present Participle (V.ing) หรือ Past Participle (V.ed/V.3)
ดูคลิปนี้จบ \”ติว TOEIC : สรุปเทคนิคแกรมม่า Participle คืออะไร?\” รับรองเก่งขึ้นชัวร์ เจอข้อสอบนี้เมื่อไหร่ ได้เต็มแน่นอน

✿ คอร์สครูดิว ติว TOEIC® มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิคสอบ TOEIC® รวม Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์สอบ TOEIC® ออกข้อสอบบ่อย ๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด ทั้ง Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ติว TOEIC : สรุปเทคนิคแกรมม่า Participle คืออะไร?

Six Sigma In 9 Minutes | What Is Six Sigma? | Six Sigma Explained | Six Sigma Training | Simplilearn


🔥 Enrol for FREE Six Sigma Course \u0026 Get your Completion Certificate: https://www.simplilearn.com/sixsigmagreenbeltbasicsskillup?utm_campaign=SkillupSixSigma\u0026utm_medium=DescriptionFirstFold\u0026utm_source=youtube
Six Sigma gives you the tools and techniques to determine what’s making the manufacturing process slow down, how you can eliminate the delays, improve the process, and fix further issues along the way. It is a methodology that has seen worldwide adoption. This video also provides detailed examples on how each of the two Six Sigma methodologies work. The example we’ll be considering is how a car manufacturing company is able to achieve its goals with the help of the Six Sigma methodologies, DMAIC and DMADV.
Don’t forget to take the quiz at 07:25!
We’ll be covering the below topics in this Six Sigma video:
1) What is Six Sigma? 00:33
2) History of Six Sigma 00:47
3) Six Sigma methodologies and examples 01:26
4) Quiz 07:23
To learn more about Six Sigma, subscribe to our YouTube channel: https://www.youtube.com/user/Simplilearn?sub_confirmation=1
Watch more videos on Six Sigma: https://www.youtube.com/watch?v=4oJhV0al6HQ\u0026list=PLEiEAq2VkUUIPW1oBXy5PNbdeV1frCQkT
SixSigma SixSigmaExplained WhatIsSixSigma SixSigmaImplementation IntroductionToSixSigma DMAICSixSigma SixSigmaTrainingVideos SixSigmaGreenBeltTraining SixSigmaExplained SixSigmaCourse Simplilearn
Learn to develop your organizational projects with the Lean Six Sigma Green Belt certification online program. Aligned to the IASSC exam, this online six sigma certification integrates lean and the DMAIC methodology with case studies to provide you the skills required for an organization’s growth.
About Simplilearn SIx Sigma green belt course:
This Lean Six Sigma Green Belt course provides an overview of Six Sigma and the DMAIC methodology and is aligned to the leading Green Belt certifications at ASQ and IASSC. In this Lean Six Sigma Green Belt course, you will learn how to measure current performance to identify process issues and how to formulate solutions.
Six Sigma Green Belt Training Key Features:
56 hours of highquality blended learning
33 PDUs offered
4 simulation test papers, 4 reallife projects
Aligned to ASQ and IASSC
Eligibility:
Lean Six Sigma professionals are in high demand due to their ability to use problemsolving techniques to reach business solutions and assuring quality control throughout the process. The Lean Six Sigma Green Belt certification is ideal for Quality system managers, Quality engineers, Quality supervisors, Quality analysts and managers, Quality auditors, and any individual wishing to improve quality and process within an organization.
Learn more at: https://www.simplilearn.com/qualitymanagement/leansixsigmagreenbelttraining?utm_campaign=SixSigmaIn9Minutes4EDYfSlfmc\u0026utm_medium=Tutorials\u0026utm_source=youtube
For more information about Simplilearn courses, visit:
Facebook: https://www.facebook.com/Simplilearn
Twitter: https://twitter.com/simplilearn
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/simplilearn/
Website: https://www.simplilearn.com
Get the Android app: http://bit.ly/1WlVo4u
Get the iOS app: http://apple.co/1HIO5J0

Six Sigma In 9 Minutes | What Is Six Sigma? | Six Sigma Explained | Six Sigma Training | Simplilearn

Pain Tolerance, Pro Athlete Fueling, Cyclocross and More – Ask a Cycling Coach 339


How much of your “race fitness” is due to improvements in capacity and how much of it comes from pain tolerance? We’ll cover this and how should average athletes and pro athletes fuel differently, get into cyclocross season and much more in Episode 339 of the Ask a Cycling Coach Podcast!

TOPICS COVERED IN THIS EPISODE
Welcome! 0:00
Intro 0:09
What has Ivy learned during her CX season so far? 03:16
Deep dive on pain tolerance and endurance training 19:17
Rapid fire questions 53:26
Physical vs. psychological benefits of drafting 1:14:19
Examining how a specific pro athlete should manage their nutrition 1:19:59
How average athletes should manage their nutrition 1:30:21

TRY TRAINERROAD RISK FREE FOR 30 DAYS!
TrainerRoad makes cyclists faster. Athletes get structured indoor workouts, sciencebacked training plans, and easytouse performance analysis tools to reach their goals.
Get Started: https://bit.ly/3unoSnx
Adaptive Training: What it is, how to use it: https://bit.ly/3dIRClW
Build Your Custom Plan: https://bit.ly/3oR8sme
Train Together with Group Workouts: https://bit.ly/3fkaYyd

LEARN MORE ABOUT ADAPTIVE TRAINING
Adaptive Training Video: https://youtu.be/gE2yPYZ15ew
Adaptive Training: What it is, how to use it: https://bit.ly/3dIRClW
How Adaptive Training Makes You Faster: https://bit.ly/2ZNfWLq

SUCCESSFUL ATHLETES PODCAST
Listen to the Successful Athletes Podcast now!: https://www.TrainerRoad.com/SAP

SCIENCE OF GETTING FASTER PODCAST
Listen to the Science of Getting Faster Podcast now!: https://www.TrainerRoad.com/SOGF

STAY IN TOUCH
Facebook: https://www.facebook.com/TrainerRd
Instagram: https://www.instagram.com/trainerroad/
Twitter: https://twitter.com/TrainerRoad
Strava Club: https://www.strava.com/clubs/trainerroad

Pain Tolerance, Pro Athlete Fueling, Cyclocross and More  – Ask a Cycling Coach 339

Idiot Questions Flerfs ask – Episode 3: Is that EInsteinian or Newtonian gravity?


This video discusses and explains the relationship between the Newtonian theory of gravity and General Relativity. In terrestrial and nearterrestrial systems there is no observable distinction when either theory is used to derive particle motion under the influence of gravity.
Intro music courtesy of the extraordinarily talented Jessica G:
https://www.youtube.com/channel/UC1ug​​​…
Channel graphics courtesy of:the wonderfully generous Doctor Who Designs:
https://www.youtube.com/channel/UC4u​​​…
doi references for papers:
Newtonian limit of General Relativity
10.1007/BF00766139
10.1103/PhysRevD.28.2363
10.1007/BF02112314
10.1088/02649381/14/1A/010
10.1103/PhysRevD.73.064029
10.1103/PhysRevD.78.123505
10.1088/02649381/26/8/085019
10.1007/s1071400908551
10.1007/s107140101052y
10.1103/PhysRevD.83.123505
10.1007/s1071401926240
10.1016/j.shpsb.2019.04.005
Basic General Relativity:
10.1002/andp.19163540702
10.1002/andp.19113401005
10.1098/rsta.1920.0009
PostNewtonian Formalism
10.4153/CJM19490208
10.2307/1969015
10.2307/1968714
10.1086/148432
10.1086/150170
10.1086/150804
10.1093/mnras/242.3.289
10.1103/PhysRevD.76.124038
10.1016/j.nuclphysb.2021.115352
10.1103/PhysRevD.101.024005
10.1088/13616382/abc441
10.1007/JHEP02(2021)165
10.1016/j.physletb.2021.136260
Time Dilation:
10.1103/PhysRevLett.4.337
10.1103/PhysRev.140.B788
10.1103/PhysRevLett.45.2081
10.1088/00261394/40/2/311
10.1038/nature08776
10.1126/science.1192720
NewtonCartan Theory
10.24033/asens.751
10.24033/asens.753
10.1007/BF00769624
10.1088/02649381/30/20/205005
10.1140/epjp/i2014141681
10.1088/02649381/30/20/205005

Idiot Questions Flerfs ask -  Episode 3: Is that EInsteinian or Newtonian gravity?

เหรียญ Polkadot (DOT) คืออะไร? สำคัญยังไง? มารู้จักได้ครบจบในคลิปนี้


👉polkadot parachain_auction dot kusama parachain relaychain
เหรียญ Polkadot (DOT) คืออะไร? สำคัญยังไง? มารู้จักได้ครบจบในคลิปนี้
00:43 ทีมงาน Polkadot ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนา
00:51 Dr. Gavin Wood ผู้พัฒนา Polkadot
01:46 Robert Habermeier ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cryptography
02:01 Peter Czaban ผู้เชี่ยวชาญด้าน Machine Learning, Data Analytics
02:38 Polkadot คืออะไร ทำไมถึงต้องมี Polkadot
03:29 Relay Chain กับ Parachain คืออะไร มันต่างกันยังไง ทำหน้าที่อะไรกันบ้าง
04:27 Relay Chain กับ Node ทำงานยังไง สัมพันธ์กันยังไง
05:49 เปรียบเทียบ Concept ให้เห็นภาพกับโมเดล HubSpoke
07:28 ข้อดีของ Polkadot สำหรับนักพัฒนา
07:55 คุณสมบัติอื่นๆ Kusama Test Net ของ Polkadot แต่ราคาไม่ธรรมดา ข้อมูลนี้ผิดนะครับ ผมทำแก้ไว้ที่นี่แล้วครับ https://youtu.be/7iqMuY4xBPI
08:56 Treasury system เงินกองกลางเอาไว้ให้นักพัฒนา
09:21 การประมูล Parachain โดยเลียนแบบการประมูลแบบโบราณ
10:25 EVM vs NonEVM EVM คือ Ethereum Virtual Machine
👉 Credit: research by admin Aof
เยี่ยมชม 🛍 ร้านค้า 👉👉👉 https://thaibitcast.com/shop/
ติดต่อโทร 📞 097 991 6988 email ✉️ : [email protected]
คอร์สอบรมกระเป๋าคริปโตสำหรับมือใหม่ 👉👉👉https://thaibitcast.com/courses/cryptowallet101/
เยี่ยมชมเว็บไซต์ 👉👉👉
http://www.thaibitcast.com
Youtube 📺 : https://www.youtube.com/c/thaibitcast
Facebook: https://www.facebook.com/thaibitcast
Twitter: https://twitter.com/thaibitcast
Apple Podcast 🎙 : https://apple.co/368Qpgj
Spotify 🎙 : https://spoti.fi/38oWLcS
Blockdit: http://bit.ly/3nObiX4
Line: @bitcast
Line Sticker https://store.line.me/stickershop/product/16076699/en
ท่านสามารถร่วม Join Membership ได้แล้ววันนี้ ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนช่อง Bitcast: https://bit.ly/32t0sxO
ระดับ Membership
1) ระดับกุ้งฝอย 🦐 จะมีสิทธิ์ได้ใช้ emoji และมี Badge ติดอยู่ที่ข้างชื่อ
2) ระดับเต่า 🐢 จะมีสิทธิ์ได้ใช้ emoji และมี Badge ติดอยู่ที่ข้างชื่อและผมจะประกาศรายชื่อขอบคุณในหลาย ๆ ช่องทาง
3) ระดับวาฬ 🐳 จะมีสิทธิ์ได้ใช้ emoji และมี Badge ติดอยู่ที่ข้างชื่อ ประกาศรายชื่อขอบคุณในหลาย ๆ ช่องทาง และมีสิทธิ์ร้องขอให้ทำ VDO ที่อยากรู้

เหรียญ Polkadot (DOT) คืออะไร? สำคัญยังไง? มารู้จักได้ครบจบในคลิปนี้

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ determine คือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *