Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้ Past Simple Tense ง่ายมากๆ ใช้กริยาเดียวกันหมดเลย – NSRU BLOG | past simple โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้ Past Simple Tense ง่ายมากๆ ใช้กริยาเดียวกันหมดเลย – NSRU BLOG | past simple โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

past simple โครงสร้าง: คุณกำลังดูกระทู้

Past Simple Tense คืออะไร มีหลักการใช้อย่างไร และโครงสร้างของประโยคเป็นอย่างไร : Past Simple Tense คือ อดีตกาลธรรมดา เอาไว้เล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต โครงสร้างของประโยคก็ง่ายๆคือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 ไม่ว่าประธานตัวใดก็ตาม

past simple tense

Table of Contents

past simple tense คืออะไร

  • Past  พาสท แปลว่า อดีต
  • Simple  ซิ๊มเพิล  แปลว่า ธรรมดา
  • Tense เท็นส์ แปลว่า กาล
  • Past Simple Tense  คือ อดีตกาลธรรมดา  บ้างก็เรียก Simple Past

โครงสร้าง past simple tense

  • S + V 2 (Subject + Verb ช่อง 2)
  • ประธาน + กริยาช่อง 2

SubjectVerb (2)I, You, He, She, It, We,theyatewentdrank

หลักการใช้ past simple tense

Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะการเล่าเรื่องในอดีต ภาษาอังกฤษนั้น ประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น was ใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน

1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีต

1.1 เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่

– yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน
– last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น

  • last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว
  • last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว
  • last Monday ลาสท มันเด จันทร์ที่แล้ว  last Tuesday อังคารที่แล้ว……
  • last month ลาสท มันธ เดือนที่แล้ว
  • last Christmas ลาสท คริสมัส คริสต์มาสที่แล้ว
  • last Summer ลาสท ซัมเมอะ หน้าร้อนที่แล้ว Last winter ลาสท วินเทอะ หน้าหนาวที่แล้ว
  • last year ลาสท เยีย ปีที่แล้ว

– วินาที / นาที/ ชั่วโมง/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ ปี + ago เช่น

  • ten seconds ago เท็น เซเคินส อะโก สิบวินาทีที่แล้ว
  • Five minutes ago ไฟฟ มินนิทส อะโก ห้านาทีที่แล้ว
  • Three day ago ธรีเดส อะโก สามวันที่แล้ว
  • Two weeks ago สองสัปดาห์ที่แล้ว
  • one month ago หนึ่งเดือนที่แล้ว (เท่ากับ last month)
  • four years agoฟอเยียส อะโก สี่ปีที่แล้ว

ตัวอย่างประโยค past simple tense

ประโยคบอกเล่า

ประโยคบอกเล่าใน past simple tense คือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 กับประธานทุกตัว

saw Jane at the bank yesterday. ฉันพบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

went to Jim’s party lastnight. ฉันไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He bought a radio last month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She came to my house last year. หล่อนมาบ้านฉันปีที่แล้ว

It rained two days ago. ฝนตกสองวันที่แล้วThey ate dinner two hours ago.

พวกเขากินอาหารเย็นสองชั่วโมงที่แล้วJane met Jo ten days ago. เจนพบโจสิบวันที่แล้ว

The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว

cleaned my room two weeks ago. ผมทำความสะอาดห้องสองสัปสัปดาห์ที่แล้ว

My dog died two years ago. หมาฉันตายสองปีที่แล้ว

was at school yesterday. ฉันอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวาน

They were at home last weekend. พวกเขาอยู่บ้านเมื่อวันอยุดสุดสัปดาที่แล้ว

We had two cups of coffee this morning. พวกเราดื่มกาแฟสองถ้วยเมื่อเช้านี้

ประโยคปฏิเสธ

ประโยคปฏิเสธใน past simple tense ให้เอา did not  หรือ didn’t นำหน้ากริยาหลัก และกริยาหลักให้เปลี่ยเป็นช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

din’t see Jane at the bank yesterday. ฉันไม่ได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวาน

didn’t go to Jim’s party lastnight. ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้ว

We did not study math last Friday. พวกเราไม่ได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว

He did not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว

She didn’t come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้ว

ประโยคคำถาม

ประโยคคำถามใน past simple tense ให้เอา Did  น้ำหน้าประโยค หรือ Didn’t ถ้าเป็นคำถามแบบปฏิเสธ และกริยาหลักให้ใช้ช่องที่ 1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es

Did you see Jane at the bank yesterday. คุณได้พบเจนที่ธนาคารเมื่อวานไหม
Yes, I did. ใช่่ ฉันได้พบ

Did you go to Jim’s party lastnight. คุณได้ไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้วไหม
No, I didn’t. ไม่ ฉันไม่ได้ไป

Did they study math last Friday. พวกเราได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วไหม
Yes, they did. ใช่ พวกเขาเรียน

Didn’t he not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้วใช่ไหม
Yes, he did. ใช่ เขาซื้อ

Didn’t she come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้วใช่ไหม
No, she didn’t. ไม่หล่อนไม่ได้มา

1.2 เล่าเหตุการณ์ที่ไม่มีเวลากำกับก็ได้แต่รู้กันดีว่าพูดถึงเรื่องในอดีต เช่น

Sam : Did you go to the party lastnight. คุณไปงานปาร์ตี้ใช่ไหมคืนที่แล้ว (มีคำว่า last อดีตแน่นอน)

Sim: Yes. It was the great party. I saw Jim and Jo. I drank a lot of cola and ate  lots of pizza.
ใช่ มันเป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยม ฉันเห็นจิมและโจ ฉันดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก และฉันกินพิซซ่าเยอะมาก

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าซิมไม่ได้ใช้เวลาระบุเหตุการณ์ในอดีตเลย ทั้งนี้คนถามได้ระบุแล้วเรียบร้อยนั่นเอง

คำบ่งบอกความถี่ เช่น always,  sometimes, never เป็นต้น

  • She always went to school late last month.
    หล่อน ไป โรงเรียน สาย เสมอ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ไม่มาสายแล้ว)
  • We sometimes watched movies at home last year.
    เรา ดู หนัง ที่ บ้าน เป็นบางครั้ง เมื่อปี ที่แล้ว (ปีนี้ไปดูที่โรงหนังอย่างเดียว)
  • I never read books in the evening last month.
    ฉัน ไม่เคย อ่าน หนังสือ ใน ตอนค่ำ เมื่อเดือน ที่แล้ว (เดือนนี้ต้องอ่านเพราะใกล้สอบแล้ว)

3. ใช้เล่านิทาน ส่วนใหญ่จะมีคำว่า Long time ago หรือ Once upon a time (นานมาแล้ว)

ตัวอย่างการใช้ Past Simple Tense ในนิทาน

THE LITTLE MERMAID ตำนานรักธิดาสมุทร

The sea king lived in under the sea.

ราชาแห่งท้องทะเลอาศัยอยู่ในทะเล

His palace was made of shells and sparkling stones.

ปราสาทของเขาทำจากเปลือกหอยและที่ที่เปล่งประกายแวววับ

His mother and six daughters also lived with him.

แม่และลูกสาวของเขาก็อาศัยอยู่กับเขาด้วย

All his daughters were beautiful but his young daughter was the most beautiful.

ลูกสาวทุกคนของเขาสวย แต่ลูกสาวคนเล็กสวยที่สุด

She was not like the others. Her sisters liked to play.

เธอไม่เหมือนคนอื่น พี่ๆของเธอชอบเล่น

But she liked to listen to stories.

JACK AND THE BEANSTALK แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์

Once upon a time there was a boy called Jack.

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มี เด็กชาย คนหนึ่ง ชื่อว่า แจ๊ค

He lived with his mother.

เขา อาศัยอยู่ กับ แม่ ของเขา

They were very poor.

พวกเขา จน มาก

All they had was a cow.

สิ่งที่ พวกเขา มี คือ วัว หนึ่งตัว

One morning, Jack’s mother told Jack to take their cow to market and sell her.

เช้าวันหนึ่ง แม่ของแจ็ค บอก แจ็ค ให้ เอา วัว ไปตลาด และขาย มัน

On the way, Jack met a man. He gave Jack some magic beans for the cow.

ขณะเดินทาง แจ็ค พบ ชาย คนหนึ่ง เขา ให้ เมล็ดถั่ว วิเศษ แก่แจ็ค เพื่อแลก วัว

Jack took the beans and went back home.

Time Line เส้นเวลา ใน Past Simple Tense

มาดูไทม์ไลน์กันเลยครับ ที่บอกว่า present simple tense ใช้ “บอกกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึนในอดีต” นั้นเป็นเช่นไร

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์
  • จุดสีแดงคือ เวลาในอดีต  สังเกตจุดสีแดงให้ดีนะครับ มันมีแค่จุดเดียว และมันจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ขอให้เป็นอดีต นับตั้งแต่เสี้ยววินาทีที่แล้วเป็นต้นไป และไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบันแล้วเด็ดขาด

สรุปว่าถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มันเป็น “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต” ให้ใช้ Past Siple Tense อดีตกาลธรรมดา

ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก: https://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/หลักการใช้-past-simple-tense/

[NEW] สรุป ! โครงสร้าง Present simple tense พร้อมตัวอย่าง | past simple โครงสร้าง – NATAVIGUIDES

โครงสร้าง Present simple tense

ในเนื้อหาบทนี้เราจพูดถึง โครงสร้าง Present simple tense โดยมีโครงสร้างที่เราควรรู้ได้แก่

บอกเล่า

S + V.1

S + is/am/are

S + Aux.* + V.inf **

 
They play.
They are fun.
They can play.

ปฏิเสธ

S + do/does + not + V.inf

S + is/am/are + not

S + Aux. + not + V.inf

 
They do not play.
They are not fun.
They cannot*** play.

คำถามทั่วไป

Do/Does + S + V.inf + ?

Is/Am/Are + S + V.inf + ?

Aux. + S + V.inf + ?

 
Do they play?
Are they fun?
Can they play?

Wh- Question

นำคำมาไว้ด้านหน้าคำถาม

How are they?
How can they play?

 
Where do they play?
How is it?
How can you do it?

 

* Aux. = Auxiliary Verb หรือ Helping Verb คือกริยาที่วางด้านหน้ากริยาหลักเพื่อช่วยทำให้ประโยคสมบูรณ์

** V.inf = Verb infinitive คือกริยาที่เป็น base form (รากหรือต้นฉบับของกริยา) ห้ามเติมแต่ง

ไม่เหมือนกับ V.1 เพราะกริยาช่องที่หนึ่งจะมีการเติม s/es หลังคำกริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์

*** cannot ห้ามเว้นวรรคระหว่างคำ

สถานการณ์ที่ใช้ Present Simple Tense

1) ใช้กับเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง, กฎธรรมชาติ, กฎทางวิทยาศาสตร์, ข้อมูลข่าวสาร คือ ต้องเป็นจริงเสมอ 

• Light travels faster than sound.  (แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง)

• Dinosaurs are extinct. (ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว)

• Water boils at 100 degrees Celsius. (น้ำเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเซลเซียส)

• I am fifteen years old girl. (ฉันเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปี)

 

2) ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลต่าง ๆ

• We celebrate Christmas on December 25. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I wash my hair every other day. (ฉันสระผมวันเว้นวัน)

• They go to London once a year. (พวกเขาไปลอนดอนปีละครั้ง)

** ให้ดู adverb of frequency ประกอบด้วย เพื่อดูความถี่ของเหตุการณ์ (เรียนเพิ่มเติมในบท adverb)

แถม! everyday VS every day แตกต่างกันยังไง?

everyday (adj.) ต้องการคำนามตามหลังเสมอ

ex. He wants to wear an everyday outfit to the ceremony.

every day (adj. + n.) ไม่ต้องมีคำนามตามหลังแล้ว

ex. He wears the same outfit every day.

 

3) ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมความชอบส่วนตัว

• She likes cats. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I am not a morning person. (ฉันไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า)

• We hate homework. (พวกเราเกลียดการบ้าน)

 

4) ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย หรือคำคมต่าง ๆ

Don’t bite the hand that feeds you. (อย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา)

Don’t count your chickens before they are hatched. (สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร)

• As you sow, so you reap. (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)

• Actions speak louder than words. (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)

 

5) ใช้กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มักวางแผนไว้แล้ว ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว (มักเป็นเรื่องการเดินทาง)

• The bus leaves tonight at 8:30 pm. (รถเมล์ออกเดินทางคืนนี้สองทุ่มครึ่ง)

• The movie starts in 20 minutes. (หนังเริ่มอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า)

• What time does the conference start tomorrow? (พรุ่งนี้การประชุมเริ่มกี่โมง)

 

การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และ ประโยคคำถาม

กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no

ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is,  am,  are หรือ was, were)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น

– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น

– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.

 

ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้

S + verb to have + never… ในปฏิเสธ

verb to have + S + ever + …? ในคำถาม

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.

 

ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น

– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly.  **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not

– I should go outside. 🡪 I should not go outside.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น

– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?

– I should go outside. 🡪 Should I go outside?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.

 

ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– I love you. 🡪 Do you love me?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.

 

กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no

ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย

  • What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่

    เช่น

What is your favorite animal?

What time is it?

  • Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่

    เช่น

Where do we meet?

Where are you?

  • When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา

    เช่น

When is Christmas?

When will they sleep?

  • Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล

    เช่น

Why are you so cute?

Why did you do that?

  • Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน

    เช่น

Who does he like?

Who is she?

  • Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร)

    เช่น

Whose pen is it?

Whose are these?

  • Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม

    เช่น

Whom are you waiting for?

Whom do you serve?

  • Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    เช่น

Which dress do you like?

Which is nicer?

  • How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ

    เช่น

How much is this?

How many pets do you have?

How do you do? หรือ How are you?

How old are you?

How often do you exercise?

How do you go to work?

 


Learn English Tenses: PAST PERFECT


Do you ever use the PAST PERFECT TENSE (“I had worked”)? Do you know this advanced tense can help you talk about the past in a special way? In this English grammar class, I’ll teach you when to use this tense, how to use it, and what mistakes to avoid. You will learn: structure, usage, pronunciation, spelling, contractions, questions, short answers, past participles, and irregular verbs. We’ll go forward systematically and practice together, so you understand fully. This class is part of the engVid program on ALL the English verb tenses, designed to take your English to a higher level for career growth or academic success on English exams like the IELTS or TOEFL. The next class in this series compares the past simple and past perfect tenses.
Take the quiz: https://www.engvid.com/pastperfect/
In this lesson:
Past Perfect: Overview 0:00
When to use the Past Perfect tense 4:07
How to use the Past Perfect tense 8:51
Past Perfect: Common Expressions 16:44
Past Perfect: Contractions 22:35
Past Perfect: Short Answers 27:51
Past Perfect: Spelling \u0026 Pronunciation 30:56
Past Perfect: Practice 36:50
Past Perfect: Common Errors 40:43
Past Perfect: Conclusion 45:40

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Learn English Tenses: PAST PERFECT

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ


สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ
คลิปนี้แยกมาจากคลิป \”Past Simple Tense ใช้ตอนไหน \u0026 แบบฝึกหัดท้ายบท\” เพื่อให้สะดวกแก่ผู้ชมที่ต้องการแยกศึกษาเฉพาะหลักการใช้ในคลิปเดียวค่ะ

สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ

Past simple VS Past continuous ใช้กับอดีตทั้งคู่ แต่ใช้ต่างกันยังไง | Eng ลั่น [by We Mahidol]


Past simple กับ Past continuous ใช้กับอดีตทั้งคู่ แต่ใช้ต่างกันยังไง?
หลายคนมักสับสนกับ 2 tense นี้
Past simple ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น I studied for exams.
Past Continuous ใช้เฉพาะเจาะจงเวลา เน้นความต่อเนื่องของเหตุหารณ์ เช่น I was studying for exams.
วันนี้พี่คะน้า รุ่นพี่วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล จะมาสรุปความแตกต่างให้ทุกคนฟังแบบเข้าใจง่าย ไปดูกัน
WeMahidol Mahido Engลั่น PastSimple PastContinuous
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
TikTok : https://www.tiktok.com/@wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

Past simple VS Past continuous ใช้กับอดีตทั้งคู่ แต่ใช้ต่างกันยังไง | Eng ลั่น [by We Mahidol]

วิทยาการคำนวณ EP5 การแสดงลำดับขั้นตอน อัลกอริทึม Algorithms(Computational thinking)หลงทางในสวนสัตว์


เรื่องย่อ : เกิดปัญหาขึ้นสะแล้ว ลิปดาและโพล่าไปเที่ยวสวนสัตว์กับคุณแม่แต่เกิดหลงทางขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่ประกาศให้ลิปดากับโพล่าไปเจอคุณแม่ที่ทางออกของสวนสัตว์ ลิปดาก็ดันจำไม่ได้ว่าทางออกไปทางไหน ส่วนโพล่าใช้วิธีการแสดงลำดับขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกของสวนสัตว์ให้ได้ ลิปดาและโพล่าจะหาทางออกจากสวนสัตว์เจอมั๊ยน้า

สื่อการเรียนการสอน วิชาวิทยาการคำนวณ ตามหลักสูตรวิทยาศาสตร์ ฉบับปรับปรุง 2560
สาระเทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2
เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม
แนวคิดเชิงคำนวณ (computational thinking)
หารูปแบบของปัญหา (pattern recognition)
แบ่งแยกปัญหา (decomposition)
หาความสำคัญของปัญหา(abstraction)
วางแผนออกแบบลำดับขั้นตอนการแก้ไขปัญหา(algorithms) คือการแสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
เรียนผู้ชมทุกท่าน จุดประสงค์ของผู้ผลิตเพื่อใช้เป็นการ์ตูนเพื่อให้ความรู้และความสนุกสนานเพื่อให้เด็กๆอยากเรียนรู้วิทยาศาสตร์รอบตัว ขอบคุณสำหรับการรับชม หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย ทางผู้ผลิต พร้อมรับข้อผิดพลาดเพื่อปรับปรุงและแก้ไขต่อไป ขอบคุณครับ
ทีมงานผู้ผลิตการ์ตูน Lipda Pola
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม/สั่งซื้อหนังสือแบบเรียน/สื่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์/Day camp/จัดห้องเรียน/เทรนนิ่ง/สั่งซื้อหุ่นยนต์ mBot
Facebook : Imagineering
https://www.facebook.com/Imagineering706643252724082/?ref=page_internal
Makeblock Imagineering
https://www.facebook.com/MakeblockimagineeringThailand569716430051724/
Website : www.imagineering.co.th
https://imagineering.co.th/
Email : [email protected]
เบอร์โทรศัพท์ : 02331272930/0864151759 ครูเหน่ง/0933646914 ครูติ๊ก

วิทยาการคำนวณ EP5 การแสดงลำดับขั้นตอน อัลกอริทึม Algorithms(Computational thinking)หลงทางในสวนสัตว์

Past Simple (โครงสร้างและหลักการใช้) EP.1


Past Simple (โครงสร้างและหลักการใช้) EP.1

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ past simple โครงสร้าง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *