Skip to content
Home » [Update] หลักการใช้คำ ADVERBS อย่างละเอียด | คำ adv – NATAVIGUIDES

[Update] หลักการใช้คำ ADVERBS อย่างละเอียด | คำ adv – NATAVIGUIDES

คำ adv: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

adverb คือคำวิเศษณ์ เป็นคำขยาย (modifier) ประเภทหนึ่ง

*adverb ทำหน้าที่ขยายหรือให้รายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมกับคำประเภทต่างๆ ดังนี้
1. ขยายคำกริยา (verb)
Send us the goods immediately.
จงส่งสินค้าให้เราโดยทันที
She cried like a child.
เธอร้องไห้เหมือนเด็ก
She came to work here.
เธอมาทำงานที่นี่
2. ขยายคำคุณศัพท์ (adjective)
My father is very tall.
คุณพ่อของผมตัวสูงมาก
That house is too big to rent.
บ้านหลังนั้นใหญ่เกินไปที่จะเช่า
That fruit is always sour.
ผลไม้นั้นมีรสเปรี้ยว
3. ขยายวิเศษณ์ (adverb)
He walks very fast.
เขาเดินเร็วมาก
They studied English quite hard.
พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษค่อนข้างหนัก
We met her quite frequently.
พวกเราพบเธอค่อนข้างบ่อย
นอกเหนือจาก adverbs จะมีหน้าที่ดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว คำประเภทนี้ส่วนใหญ่ยังมีลักษณะพิเศษบางอย่างที่เป็นข้อสังเกตถึงความแตกต่างไปจากคำประเภทอื่น นั่นคือ ส่วนใหญ่ adverbs จะเกิดจากการเติม -ly ท้ายคำคุณศัพท์ (ซึ่งมิได้เป็นเช่นนี้ทุกคำไป) ดังนี้
รูปของคำวิเศษณ์
1. Adjective + ly → Adverb
adverb ส่วนใหญ่เกิดจาก adjective เติม -ly ท้ายคำ ฉะนั้นบางคนจึงมักจะเรียกว่า the -ly adverbs หรือ adverbs of manner (กริยาวิเศษณ์ที่เกี่ยวข้องกับลักษณะอาการ) โดยมากจะให้ความหมายว่า “อย่าง…” เช่น beautiful (adj) = สวยงาม, ไพเราะ beautifully (adv) = อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะ เช่น

Adjectives     

Adverbs

Adjectives     

Adverbs

slow (ช้า)

slowly

quick (เร็ว)

quickly

soft (นุ่มนวล)

softly

pretty (สวยงาม)

prettily

gradual (ค่อยเป็นค่อยไป)

gradually

complete (สมบูรณ์)

completely

sudden (ทันใด)

suddenly

proud (ภาคภูมิใจ)

proudly

easy (ง่าย)

easily

loud (เสียงดัง)

loudly

effective (มีประสิทธิภาพ)

effectively

frequent (บ่อยครั้ง)

frequently

recent (เร็วๆ นี้)

recently

bad (เลว, แย่)

badly

angry (โกรธ)

angrily

slight (เล็กน้อย)

slightly

real (แท้จริง)

really

careful (ระมัดระวัง)

carefully

ตัวอย่าง
He is an effective worker, (effective > ADJECTIVE)
เขาเป็นคนงานที่มีประสิทธิภาพ
He always works effectively, (effectively > ADVERB)
เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเสมอ
The children made a loud noise, (loud > ADJECTIVE)
เด็กๆ ส่งเสียงดัง
The children shouted loudly, (loudly > ADVERB)
เด็กๆ ร้องตะโกนเสียงดัง
ทบทวนความจำ Adjectives : ขยายคำนาม หรือวางหลัง linking verbs
Adverbs : ขยายคำกริยา ขยายคำคุณศัพท์หรือขยายคำกริยาวิเศษณ์
แต่ก็มีคำภาษาอังกฤษบางคำที่แม้ว่าจะลงท้ายด้วย -ly ก็มิใช่ adverbs แต่กลับเป็น adjectives ข้อสังเกตของคำประเภทนี้คือส่วนใหญ่เกิดจากคำนาม ทั้งนี้ บางทีความหมายอาจจะต่างไปจากเมื่อเป็นคำนามค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่เสมอไป เช่น

Nouns

Adjectives

Nouns

Adjectives

time (เวลา)

timely (เหมาะเจาะ)

month (เดือน)

monthly (รายเดือน)

friend (มิตร)

friendly (เป็นมิตร)

kind (ใจดี)

kindly (มีเมตตา)

man (ชาย)

manly (เป็นอย่างชาย)

life (ชีวิต)

lively (มีชีวิตชีวา)

cost (ราคา)

costly (แพง)

week (สัปดาห์)

weekly (รายสัปดาห์)

year (ปี)

yearly (รายปี)

day (วัน)

daily (รายวัน)

love (ความรัก)

lovely (น่ารัก)

lone (ตัวคนเดียว)

lonely (ว้าเหว่)

 

2. Adverbs & Adjectives ะ the same form
มีคำภาษาอังกฤษบางคำที่มีรูปเดียวกันทั้งกรณที่เป็น adverbs และ adjectives สำหรับความหมายของคำนั้นๆ ก็มิได้แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น adjectives หรือ adverbs ได้แก่
Adverbs/ Adjectives             Adverbs/Adjectives
early (เช้าตรู่, แต่เนิ่นๆ)                    late (สาย, ช้าไป)
straight (ตรง)                                   hard (ยาก, หนัก)
short (สั้น)                                         long (ยาว)
fast (เร็ว)                                             better (ดีกว่า)
far (ไกล)                                            near (ใกล้)
east (ตะวันออก)                               west (ตะวันตก)
north (เหนือ)                                    south (ใต้)
left (ซ้าย)                                           right (ขวา)
just (เพียง, เพิ่งจะ)                           opposite (ตรงข้าม)
pretty (ค่อนข้าง, สวย)                   well (ดี, สบายดี)
backward (adj.)/backwards (adv.) (ถอยหลัง)
forward (adj.)/forwards (adv.) (เดินหน้า)
4. มีคำวิเศษณ์หลายคำที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับคำคุณศัพท์เลย ได้แก่

Adverbs                Adverbs
so (มากมาย)            too (เกินไป)
there (ที่นั่น, นั่น)    here (ที่นี่, นี่)
as (เมื่อ)                    quite (ค่อนข้าง)
very (มาก)              now (เดี๋ยวนี้)
ข้อควรจำ บางทีนักเรียนอาจจะเกิดความสับสนกับคำกริยาวิเศษณ์บางคำต่อไปนี้ก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความหมายเมื่อมีรูปต่างกันบ้างเล็กน้อย คือ เติมและไม่เติม -ly ท้ายคำ ได้แก่
Adverbs                 Adverbs
late (สาย, ช้า)            lately (เมื่อเร็วๆ นี้)
hard (ยาก, หนัก)       hardly (แทบจะไม่)
last (ท้ายสุด)             lastly (ลำดับสุดท้าย)
high (สูง)                    highly (ให้เกิยรติอย่างสูง)
just (เพิ่งจะ)                justly (อย่างยุติธรรม)
near (ใกล้)            nearly (เกือบจะ)
และต้องระวัง คำว่า fastly * ในภาษาอังกฤษไม่มี อย่าเผลอพูดหรือเขียนโดยเด็ดขาด
ตัวอย่าง
He is a fast runner, (fast > ADJECTIVE)
เขาเป็นนักวิ่งเร็ว
He runs fast, (fast > ADVERB)
เขาวิ่งเร็ว
He enjoys a hard job. (hard > ADJECTIVE)
เขาชอบงานหนัก
He works hard, (hard > ADVERB)
เขาทำงานอย่างหนัก
I’ll catch the early train, (early > ADJECTIVE)
ผมจะขึ้นรถไฟเที่ยวเข้า
I awoke early this morning, (early > ADVERB)
ผมตื่นนอนเช้าตรู่เมื่อเช้านี้
He is a better swimmer than me. (better > ADJECTIVE)
เขาเป็นนักว่ายน้ำที่ดีกว่าผม
He swims better than me. (better > ADVERB)
3. Adjectives ending in –ic + ally → Adverbs
คำคุณศัพท์ที่ลงท้ายด้วย -ic     เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็น adverbs ให้เติม -ally ท้ายคำคุณศัพท์นั้นเช่น
Adjectives                             Adverbs
dramatic (มากมาย)                 dramatically
historic (ทางประวัติศาสตร์)    historically
systematic (เป็นระบบ)            systematically
realistic (เป็นจริง)                     realistically
symbolic (เป็นสัญลักษณ์)      symbolically
ยกเว้น public (สาธารณะ)        publicly
ชนิดของคำวิเศษณ์
1. Adverb of manner
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกลักษณะกิริยาอาการของผู้กระทำ เช่น well    ดี, สบายดี
hard    หนัก, ขยัน
fast    อย่างเร็ว
slowly  อย่างช้าๆ
politely อย่างสุภาพ
clearly อย่างชัดเจน
ตัวอย่าง
Our new neighbour greeted us politely.
เพื่อนบ้านคนใหม่ของเรากล่าวต้อนรับเราอย่างสุภาพ
She works very hard.
หล่อนทำงานหนักมาก
Manita dances very gracefully.
มานิต้าเต้นรำอย่างสวยงามมาก
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย How …? เพื่อให้ได้คำตอบที่แสดงลักษณะกิริยาอาการ
ตัวอย่าง
Our new neighbour greeted us politely.
ถาม How did our new neighbour greet us?
ตอบ Our new neighbour greeted us politely.
Manita dances very gracefully.
ถาม How does Manita dance?
ตอบ Manita dances very gracefully.
2. Adverb of place
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกตำแหน่ง หรือสถานที่ที่บุคคล
หรือสิ่งนั้นๆ อยู่ เช่น
above อยู่เหนือขึ้นไป         here    ที่นี่
there ที่นั้น                           upstairs  อยู่ชั้นบน
home ที่บ้าน                        up  อยู่ข้างบน
ตัวอย่าง
I have lived here for 5 years.
ผมอาศัยอยู่ที่นี่ 5 ปีแล้ว
Shall I drive you home?
ให้ผมขับรถพาคุณกลับบ้านดีไหม
We can learn everywhere.
เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกหนแห่ง
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย
Where … ? เพื่อให้ได้คำตอบที่บ่งบอกตำแหน่งหรือสถานที่
ตัวอย่าง
I have lived here for 5 years.
ถาม Where have you lived for 5 years?
ตอบ I have lived here for 5 years.
We can learn everywhere.
ถาม Where can we learn?
ตอบ We can learn everywhere.
3. Adverb of time
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกเวลาหรือช่วงที่เกิดเหตุการณ์ เช่น
now    เดี๋ยวนี้            soon     ในไม่ช้า
yesterday เมื่อวานนี้         recently เมื่อเร็วๆ นี้
afterwards หลังจากนั้น    tomorrow พรุ่งนี้
ตัวอย่าง
We arrived yesterday.
พวกเรามาถึงเมื่อวานนี้
Aree will go to Bangkok tomorrow.
อารีจะไปกรุงเทพฯ พรุ่งนี้
She will come back soon.
เธอจะกลับมาในไม่ช้า
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย
When …? เพื่อให้ได้คำตอบที่บอกเวลา
ตัวอย่าง
We arrived yesterday.
ถาม When did we arrive?
ตอบ We arrived yesterday.
She will come back soon.
ถาม When will she come back?
ตอบ She will come back soon.
4. Adverb of frequency
คำวิเศษณ์ชนิดนี้ใช้เพื่อบ่งบอกความถี่ของการกระทำนั้นๆ เช่น
always เสมอๆ        never  ไม่เคย
often      บ่อยๆ        generally โดยปกติ
sometimes บางครั้ง     on Sundays ทุกวันอาทิตย์
frequently บ่อยครั้ง     everyday ทุกวัน
ตัวอย่าง
We met her frequently.
พวกเราได้พบเธอบ่อยครั้ง
They often fished in that lake.
พวกเขาได้ตกปลาในทะเลสาบนั้นบ่อยๆ
Occasionally John missed the lessons.
บางครั้งจอห์นก็ไม่ได้เข้าชั้นเรียน
หมายเหตุ คำวิเศษณ์ชนิดนี้สามารถทำการตรวจสอบได้ด้วยการตั้งคำถามด้วย How often… ? เพื่อให้ได้คำตอบที่บอกความถี่
ตัวอย่าง
We met her frequently
ถาม How often did we meet her?
ตอบ We met her frequently.
Occasionally John missed the lessons.
ถาม How often did John miss the lessons?
ตอบ John missed the lessons occasionally.
ตำแหน่งของคำวิเศษณ์
โดยปกติคำวิเศษณ์มีการวางได้ 3 จุดคือ
1. ตำแหน่งกลาง (mid-position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่หน้าคำกริยาหรือส่วนของกริยา
ตัวอย่าง
He suddenly drove off.
เขาได้ขับรถออกไปทันที
We have never been searched by the customs.
พวกเราไม่เคยถูกด่านศุลกากรตรวจค้นเลย
หมายเหตุ มีคำวิเศษณ์บางชนิดไม่สามารถวางไว้ในตำแหน่งกลาง(mid-position) ดังที่กล่าวมาข้างต้น ได้แก่
1.1 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกสถานที่ (adverb of place) วิเศษณ์ชนิดนี้วางไว้เฉพาะในตำแหน่งท้ายประโยค มีบ้างบางครั้งที่วางอยู่ต้นประโยค
ตัวอย่าง
X She is outside sitting.
She is sitting outside.
หล่อนนั่งอยู่ข้างนอก
X We northwards drove.
We drove northwards.
พวกเราได้ขับรถไปทางเหนือ
1.2 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกเวลา (adverb of time) ที่ระบุเวลาที่จะเกิดเหตุ การณ์นั้นๆ คำวิเศษณ์ชนิดนี้จะวางไว้ในตำแหน่งต้นหรือท้ายประโยคเท่านั้น
ตัวอย่าง
X I yesterday met her.
I met her yesterday.
Yesterday I met her.
ผมได้พบกับเธอเมื่อวานนี้
X We are tomorrow leaving for Belgium.
We are ieaving for Belgium tomorrow.
Tomorrow we are leaving for Belgium.
พวกเราจะออกเดินทางไปเบลเยียมพรุ่งนี้
1.3 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกความถี่ (adverb of frequency) ที่ระบุความที่ ของการกระทำแน่นอน คำวิเศษณ์ชนิดนี้มักจะวางไว้ท้ายประโยค
ตัวอย่าง
X Milk is daily delivered.
Milk is delivered daily.
นมถูกจัดส่งมาทุกวัน
X We monthly have meetings.
We have meetings monthly.
พวกเรามีการประชุมทุกเดือน
ยกเว้น คำวิเศษณ์บอกเวลาหรือความถี่ที่มิได้มีการระบุเวลาหรือความถี่ที่แน่นอน สามารถวางอยู่ตำแหน่งกลาง (mid-position) ได้
ตัวอย่าง
I’ve recently become interested in gardening.
ผมสนใจการทำสวนเมื่อเร็วๆ นี้
We often play bridge on Sunday nights.
พวกเราเล่นไพ่บริดจ์กันบ่อยในทุกคืนวันอาทิตย์
1.4 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกกิริยาอาการว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรจะปรากฏท้ายประโยค ไม่ปรากฏในตำแหน่งกลาง
ตัวอย่าง
You’ve well organized that.
You’ve organized that well.
คุณจัดระบบสิ่งนั้นได้ดี
She badly sings.
She sings badly.
หล่อนร้องเพลงไม่ไพเราะเลย
ยกเว้น กรณีที่มีกริยาช่อง 3 (past participle) ในรูปโครงสร้าง passive (be + V3) ก็สามารถวางคำวิเศษณ์ชนิดนี้หน้ากริยาช่อง 3 ได้
ตัวอย่าง
It’s been well designed.
It’s been designed well.
มัน ได้ถูกออกแบบไว้อย่างดี
That wall was badly built.
That wall was built badly.
กำแพงนั้นได้ถูกสว้างไว้ไม่ดี
1.5 คำวิเศษณ์ที่บ่งบอกกิริยาอาการ (adverb of manner) สามารถวางไว้ในตำแหน่งกลาง (mid-position) หรือตำแหน่งท้าย (end-position) ของประโยคได้
ตัวอย่าง
He was happily playing with his toys.
He was playing with his toys happily.
เขากำลังเล่นกับของเล่นของเขาอย่างมีความสุข
2. ตำแหน่งท้าย (end-position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่ท้ายประโยค
ตัวอย่าง
He drove off suddenly.
เขา ได้ขับรถออก ไปทันที
Andrew arrived late.
แอนดรูมาถึงสาย
หมายเหตุ มีคำวิเศษณ์บางชนิดไม่สามารถวางในตำแหน่งท้ายประโยคดังกล่าวมาข้างต้นได้ ได้แก่
2.1 คำวิเศษณ์อาทิ probably (อาจจะ) certainly (แน่นอน), definitely (แน่นอน) วางได้ในตำแหน่งกลางเท่านั้น
ตัวอย่าง
X They’ve forgotten the time probably.
They’ve probably forgotten the time.
พวกเขาอาจจะลืมเวลา
X I saw a flash of lightning definitely.
I definitely saw a flash of lightning.
ผมได้แลเห็นแสงฟ้าแลบแน่นอน
X I believe he came here alone certainly.
I certainly believe he came here alone.
ผมเชื่อแน่นอนว่าเขาได้มาที่นี่คนเดียว
2.2 คำวิเศษณ์แสดงระดับ (adverb of degree) อาทิ nearly (เกือบจะ), almost (เกือบจะ), quite (ค่อนข้างจะ), hardly (แทบจะไม่), scarcely (แทบจะไม่) วางได้เฉพาะตำแหน่งกลาง ไม่สามารถวางในตำแหน่งท้ายประโยคได้
ตัวอย่าง
X I stopped and asked what he wanted nearly.
I nearly stopped and asked what he wanted.
ผมเกือบจะหยุดและซักถามว่าเขาต้องการอะไร
X You can expect her to smile at you hardly.
You can hardly expect her to smile at you.
คุณแทบจะไม่สามารถคาดหวังให้เธอยิ้มให้คุณ
2.3 คำวิเศษณ์ อาทิ perhaps (บางที) และ surely (แน่นอน) วางไว้ต้น ประโยศเท่านั้น
ตัวอย่าง
X We’re going to have a storm perhaps.
Perhaps we’re going to have a storm.
บางทีเราอาจจะเผชิญกับพายุ
X You don’t think she’s beautiful surely.
Surely you don’t think she’s beautiful.
แน่นอนว่าคุณคงไม่คิดว่าเธอสวย
2.4 คำวิเศษณ์ อาทิ too, either และ as well จะวางไว้ที่ตำแหน่งท้าย ประโยค
ตัวอย่าง
John wants a bath too.
จอห์นต้องการอาบน้ำด้วยเช่นกัน
I don’t like him either.
ผมก็ไม่ชอบเขาด้วยเช่นกัน
We’d better get some butter as well.
พวกเราควรจะหาซื้อเนยด้วยเช่นกัน
2.5 กรณีมีคำวิเศษณ์หลายชนิดภายในประโยคเดียวกัน เราจะวาง adverb of manner ไว้ก่อน adverb of place ส่วน adverb of time วางไว้ท้ายสุด
ตัวอย่าง
Come to my office at four o’clock.
Adv. of place   —   Adv. o’ time
จงมาที่สำนักงานของผมเวลาบ่าย 4 โมง
She sang perfectly in the town hall last night.
Adv. of manner –Adv. of place –Adv. of time
หล่อนร้องเพลงได้ดีเยี่ยมในศาลาประชาคมเมื่อคืน
3. ตำแหน่งต้น (initial position)
กรณีนี้คำวิเศษณ์จะวางอยู่ต้นประโยค
ตัวอย่าง
Suddenly he drove off.
เขาได้ขับรถออกไปทันที
Yesterday I had a bad headache.
เมื่อวานนี้ผมปวดศีรษะอย่างหนัก
หมายเหตุ  มีคำวิเศษณ์หลายชนิดที่สามารถวางไว้ต้นประโยคได้ ได้แก่
3.1 คำวิเศษณ์บอกเวลา (adverb of time)
ตัวอย่าง
Yesterday I got up late.
เมื่อวานนี้ผมตื่นนอนสาย
In January it rained all the time.
ในเดือนมกราคมฝนตกตลอดเวลา
Once I wanted to be a doctor.
ครั้งหนึ่งผมอยากเป็นแพทย์
3.2 คำวิเศษณ์บอกความถี่ (adverb of frequency) บางตัว
ตัวอย่าง
Occasionally I try to write poems.
บางโอกาสผมพยายามเขียนบทกวี
Sometimes we have parties in the garden.
บางครั้งเราจัดงานเลี้ยงในสวน
แต่ คำวิเศษณ์ เช่น always และ never ไม่อาจจะวางหน้าประโยคได้ ยกเว้น ประโยคคำสั่ง (imperative sentences) วางหน้าประโยคได้
ตัวอย่าง
I will never understand this.
ผมจะไม่มีทางเข้าใจสิ่งนี้ได้
Never wash your clothes in the river.
อย่าซักผ้าในแม่น้ำ
You always make the same mistake.
คุณทำความผิดซ้ำแบบเดิมอยู่เสมอ
Always come to class early.
จงมาเรียนแต่เช้าตรู่เสมอๆ
3.3 คำวิเศษณ์บอกสถานที่ (adverb of place) สามารถวางไว้ต้นประโยคได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อเขียนเชิงพรรณนา
ตัวอย่าง
I opened the box. Inside was another box.
ผมได้เปิดกล่อง ภายในยังมีอีกกล่องหนึ่งอยู่ด้วย
สำหรับคำวิเศษณ์บอกสถานที่ เช่น Here, There .และบุพบทที่มาทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์ เช่น Down, Up ก็วางไว้ต้นประโยคได้
ตัวอย่าง
Here comes your bus.
นี่ไงรถประจำทางของคุณมาแล้ว
There goes Mr. Brown.
นั่นไง นายบราวน์ไปแล้ว
Down comes the rain.
ฝนตกลงมาแล้ว
3.4 คำวิเศษณ์บอกลักษณะกิริยาอาการ (adverb of manner) บางตัว
ตัวอย่าง
Slowly we ran downstairs.
เราได้วิ่งลงไปชั้นล่างอย่างช้าๆ
Gently she examined the child’s leg.
เธอ ได้ตรวจดูขาของเด็กอย่างนิ่มนวล
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 91,825 times, 1 visits today)

[NEW] หลักการใช้ adverb of frequency พร้อมตัวอย่างประโยค | คำ adv – NATAVIGUIDES

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราต้องการบอกว่าเราทำอะไรบ่อยขนาดไหน เราก็จะใช้คำอย่างเช่น always, usually, often, sometimes ซึ่งคำเหล่านี้จะถูกเรียกรวมๆว่า adverb of frequency

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง adverb of frequency ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Adverb of frequency คืออะไร

Adverb of frequency คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ่อยมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่างเช่นคำว่า always, usually, often, sometimes, never

(คำว่า adverb แปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์” ส่วนคำว่า frequency แปลว่า “ความถี่” เมื่อใช้รวมกัน คำว่า adverb of frequency จึงแปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกความถี่” นั่นเอง )

ทบทวนความรู้
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้ขยาย verb, adjective, adverb หรือประโยค ซึ่งมักจะเป็นคำที่ลงท้ายด้วย -ly อย่างเช่น quickly, slowly, happily, sadly แต่ก็มี adverb บางคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่นกัน อย่างเช่นคำว่า always, never, very, fast

Adverb of frequency มีคำว่าอะไรบ้าง

Adverb of frequency จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่ไม่ชี้ชัด (adverb of indefinite frequency) ซึ่งก็คือกลุ่มคำที่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าถี่ขนาดไหน แต่จะบอกความถี่แค่คร่าวๆเท่านั้น

ตัวอย่าง adverb of frequency ที่ใช้บ่อยในกลุ่มนี้เรียงตามความถี่จากมากไปน้อยก็อย่างเช่น

ความถี่Adverb of frequencyความหมายตัวอย่างประโยคบ่อยมาก (100%)Alwaysเป็นประจำ, เสมอI always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนหกโมงเป็นประจำUsuallyมักจะTim usually goes to school by bus.
ทิมมักจะไปโรงเรียนด้วยรถประจำทางNormally
GenerallyโดยปกติWe normally/generally have lunch at the canteen.
โดยปกติแล้ว พวกเราจะกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารOften
Frequentlyบ่อยครั้งAnne often/frequently does yoga.
แอนเล่นโยคะบ่อยSometimesบางครั้งI sometimes go swimming with my friends.
บางครั้งฉันก็ไปว่ายน้ำกับเพื่อนๆOccasionallyเป็นครั้งคราวMy aunt occasionally comes to visit us.
ป้าของฉันมาเยี่ยมพวกฉันบ้างเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยHe seldom goes to the gym.
เขาไม่ค่อยไปฟิตเนสRarely
Hardly everนานๆครั้งI rarely/hardly ever eat spicy food.
นานๆครั้งฉันถึงจะกินอาหารเผ็ดไม่เคยเลย (0%)Neverไม่เคยShe never wears high heels.
เธอไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูง

นอกจากในตารางแล้ว ยังมี adverb of frequency อีกกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด (adverb of definite frequency) โดยจะเป็นตัวที่ระบุชัดเจนเลยว่าถี่ขนาดไหน อย่างเช่น

  • Hourly – ทุกชั่วโมง
  • Every day – ทุกวัน
  • Daily – ทุกวัน
  • Every week – ทุกสัปดาห์
  • Weekly – ทุกสัปดาห์
  • Every month – ทุกเดือน
  • Monthly – ทุกเดือน
  • Every year – ทุกปี
  • Yearly – ทุกปี
  • Annually – ทุกปี
  • Once a day – วันละครั้ง
  • Twice a week – สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • Three times a month – เดือนละ 3 ครั้ง

ทั้งนี้ adverb of frequency ในกลุ่มนี้หลายๆคำสามารถทำหน้าที่เป็น adjective (คำที่ใช้ขยายคำนาม) ได้ด้วย อย่างเช่นในคำว่า weekly meeting ตัว weekly นี้ทำหน้าที่เป็น adjective ขยายคำว่า meeting ซึ่งจะแปลว่า “การประชุมประจำสัปดาห์”

หลักการใช้ adverb of frequency

การใช้ adverb of frequency นอกจากเราจะต้องดูความหมายของคำแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงตำแหน่งในประโยคด้วย

ตำแหน่งในประโยค

เราจะแบ่งตำแหน่งการใช้ adverb of frequency ในประโยคได้หลักๆ 3 แบบ คือกลางประโยค ต้นประโยค และท้ายประโยค

กลางประโยค

ตำแหน่งกลางประโยคเป็นเหมือนตำแหน่งมาตรฐานของ adverb of frequency นั่นก็คือทุกตัวจะสามารถใช้ตำแหน่งนี้ได้หมด (ยกเว้นกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, daily, weekly) โดยจะแบ่งได้เป็น 3 กรณี

1. กรณีที่มีแค่ verb หลัก

ถ้าประโยคมีแค่ verb หลัก โดยที่ verb หลักนั้นไม่ใช่ verb to be (เช่น is, am, are, was, were) เราสามารถใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb หลักได้เลย

I always drink coffee in the morning.
ฉันดื่มกาแฟตอนเช้าเป็นประจำ
(drink เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ always หน้า drink ได้เลย)

We rarely see each other now.
เดี๋ยวนี้พวกเรานานๆจะได้เจอกันที
(see เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ rarely หน้า see ได้เลย)

2. กรณีที่มี verb หลักเป็น verb to be

ถ้าประโยคมี verb หลักเป็น verb to be (เช่น is, am, are, was, were) โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้ adverb of frequency ไว้หลัง verb to be

I am usually busy with work.
ฉันมักจะยุ่งอยู่กับงาน

He isn’t often late.
เขาไม่ได้สายบ่อยๆ

แต่เราอาจใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb to be เมื่อเราต้องการยืนยันในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด หรือเมื่อเราต้องการเน้น verb to be นั้น

Jack: Is he usually late?
แจ็ค: เขามักจะมาสายใช่มั้ย
Anne: Yes, he usually is.
แอน: ใช่ เขามักจะมาสาย

She was not as cheerful as she normally is.
เธอไม่ร่าเริงเหมือนปกติที่เธอเป็น

3. กรณีที่มี verb ช่วย

ถ้าประโยคมี verb ช่วย (เช่น can, could, may, might, will, would, verb to be ใน continuous tense, verb to have ใน perfect tense) เราจะใช้ adverb of frequency ไว้ระหว่าง verb ช่วยและ verb หลัก (verb ช่วย + adverb of frequency + verb หลัก)

People can sometimes make mistakes.
คนเราบางทีก็สามารถทำอะไรผิดพลาดได้

He has never been to Russia.
เขาไม่เคยไปประเทศรัสเซีย

ต้นประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำขึ้นต้นประโยคได้ เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

Frequently, social media is used to socialize.
บ่อยครั้ง สื่อโซเชียลก็ถูกใช้ในการเข้าสังคม

Sometimes I miss her.
บางครั้งฉันก็คิดถึงเธอ

แต่ถ้าเป็นคำบางคำอย่าง seldom, rarely, hardly ever, never ถ้าจะใช้ขึ้นต้นประโยค เราจะต้องกลับประธานและ verb (รูป inversion) ซึ่งจะถือเป็นภาษาที่เป็นทางการ ไม่ใช่ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป

Hardly ever did he study hard.
เขาแทบจะไม่เคยตั้งใจเรียนเลย

Never have I felt so sad.
ไม่เคยเลยที่ฉันจะรู้สึกเศร้ามากๆ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ขึ้นต้นประโยคได้เช่นกัน

Every day I walk my dog in the park.
ทุกๆวันฉันจะพาสุนัขไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ
(แม้จะใช้ขึ้นต้นประโยคได้ แต่เรานิยมใช้ every day ไว้ท้ายประโยคมากกว่า)

Once a month, we eat out together at our favorite restaurant.
เดือนละครั้ง พวกเราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านที่ร้านโปรด

ทั้งนี้ เมื่อ adverb ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยคที่ตามหลัง เราจะนิยมใช้คอมม่า (,) คั่นหลัง adverb แต่ถ้ามันขยายแค่ verb หรือคำบางคำ เราจะเลือกที่จะใช้คอมม่าหรือไม่ก็ได้ (ส่วนมาก adverb of frequency มักจะขยายแค่ verb มากกว่าขยายทั้งประโยค)

ท้ายประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำไว้ท้ายประโยคก็ได้เช่นกัน เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

I don’t watch movies often.
ฉันไม่ได้ดูหนังบ่อย

We can hang out sometimes.
พวกเราไปเที่ยวด้วยกันบ้างบางครั้งก็ได้นะ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ท้ายประโยคได้เช่นกัน

I exercise every day.
ฉันออกกำลังกายทุกวัน

My son comes to visit me every year.
ลูกชายฉันมาเยี่ยมฉันทุกปี

รูปปฏิเสธ

Adverb of frequency บางคำจะมีความหมายเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว เช่นคำว่า seldom, rarely, hardly ever, never การใช้คำเหล่านี้ในประโยค เราจะไม่ใช้คำปฏิเสธอื่นๆเข้ามาให้มันทับซ้อนกันอีก

เราจะใช้ I rarely eat spicy food. (ฉันไม่ค่อยได้กินอาหารเผ็ด)
แต่จะไม่ใช้ I doesn’t rarely eat spicy food.

เราจะใช้ I have never been to Japan. (ฉันไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่น)
แต่จะไม่ใช้ I haven’t never been to Japan.

การใช้ tense

หลายคนมักจะสับสนว่าเราต้องใช้ tense อะไรเวลามี adverb of frequency ในประโยค

ปกติแล้ว adverb ไม่ได้เป็นตัวกำหนด tense ให้กับประโยค แต่สิ่งที่เป็นตัวกำหนด tense จะเป็นใจความของประโยคนั้นๆ ดังนั้น การใช้ adverb of frequency เราจึงสามารถใช้กับ tense อะไรก็ได้ ขอแค่ให้มีความหมายเหมาะสมก็พอ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

ถ้าพูดถึงข้อเท็จจริง หรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรทั่วไป เราจะใช้ present simple tense

I always wake up at 5 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำ

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว เราจะใช้ past simple tense

I always woke up at 5 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(สมัยนู้นฉันตื่นตีห้าเป็นประจำ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งส่งผลมาถึงปัจจุบัน เราจะใช้ present perfect tense

I have always loved you since the first day we met.
ฉันรักคุณเสมอมาตั้งแต่ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก
(เริ่มรักตอนนั้น และปัจจุบันก็ยังรักอยู่)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต เราจะใช้ future simple tense

I will always love you no matter what happens.
ฉันจะรักคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

จบแล้วนะครับกับหลักการใช้ adverb of frequency ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


ชอบที่เธอเป็นเธอ – วงแทมมะริน [4K MusicVideo]


ฟังเพลงของวงแทมมะรินได้ที่ JOOX
https://open.joox.com/s/rd?k=myh4L
และ
iTunes Store \u0026 Apple Music : https://apple.co/3oXpfWZ
ํYoutubeMusic : https://music.youtube.com/watch?v=t_5ddzvmr6w\u0026feature=share
Spotify : https://spoti.fi/3BFtrhn
Tidal : https://bit.ly/3p1IFKk
Amazon Music : https://amzn.to/3n9k0kz
ชื่อเพลง ชอบที่เธอเป็นเธอ
ศิลปิน วงแทมมะริน
คำร้อง/ทำนอง พนัชกร แท่นประมูล
เรียบเรียง ศุภกาญจน์ พรหมเกิด
ติดต่องานแสดง 0847505241
งานโฆษณา , ริวิวสินค้า 0840678537
Facebook : วงแทมมะริน
เพลงใหม่ ชอบที่เธอเป็นเธอ วงแทมมะริน TMR

Mix \u0026 Mastered : อ.สัญญา อิทธิสัน
Vocal Recording : My Home studio
Bass Recording : ธงชัย ถาวรโชติ

Executive Producer : วุฒินนท์ รอดเนียม : เฉลิมพล มากละเอียด

: MUSIC VIDEO : BT Media Studio
: Editor : เฉลิมพล มากละเอียด
: Director : ศรัญญู เนียมหะ
: Assistant Video : นพรัตน์ เนียมหะ
Musician
Vocals : พนัชกร แท่นประมูล (นิล)
Guitar : ณัฐวุฒิ ศรีเอียด (ต้น)
Guitar : อรรถโกวิท แสงใส (ยิม)
Bass : สัตตะ ดำแก้ว (บาส)
Drum : ศรายุทธ ไพยรัตน์ (อาร์)

Special Thanks
COCO CAPE LANTA RESORT
KHAO YAI FARM \u0026 RESTAURENT
แสงจันทร์ เรดิโอ

เนื้อเพลง ชอบที่เธอเป็นเธอ
มีคนเคยบอกกับเธอหรือยังว่าเธอน่ารัก ว่าเธอสวยเกินใครทั้งหมดเลย ช่างถูกใจฉันเหลือเกิน
ช่างน่ามอง บอกได้ไหมบ้านอยู่หนแห่งใด
หรือว่าเจ้าเป็นดาวจากเมืองเหนือ หรืออีหล่าคำแพงแดนอีสาน
คนสวยของเมืองภาคกลาง หรือสาวงามของเมืองใต้
ยอมรับตรงๆเลยว่าชอบเธอคนนี้ ชอบที่เธอเป็นเธอ ชอบเวลาเธอยิ้ม
รู้ไหมเวลาที่เธอจ้องตา ฉันเขินจริงๆ เธอทำให้ใครคนนึงหลงรักเธอ
ขอถามตรงๆเลยขอจีบเธอได้ไหม ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ก็ยิ้มให้กันสักนิดนึง
ได้โปรดอย่าเพิ่งมองผ่าน ไปสนคนอื่น เพราะใจทั้งใจของคนๆนี้มันยกให้เธอเป็นที่หนึ่ง
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ
Solo
(ซ้ำ )
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ
ชอบจริงๆเจ้าเอย รักจริงๆหล่าเอ้ย จะอู้จะอี้จะเว้าเช่นไร
ชอบจริงๆเธอเอ้ย รักจริงๆสาวเห้อ ต้องพูดพันพรือเธอจึงเข้าใจ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ชอบที่เธอเป็นเธอ - วงแทมมะริน [4K MusicVideo]

สรุป Pasts of speech – Adverb คำกริยาวิเศษณ์ คือ อะไร | TUENONG ( PART 5/7)


เนื้อหาบท Pasts of speech ในคลิปนี้จะพูดถึงหัวข้อ adverb คำกริยาวิเศษณ์ คือ คำที่โดยหลักแล้วจะทำหน้าที่ขยายคำกริยา แต่ยังมีหน้าที่อื่นๆ อีก หน้าที่ทั้งหมด ได้แก่
1.ขยายคำกริยา
2.ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง
ประเภทของคำกริยาวิเศษณ์
1. Time Adverb “เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นมานานแค่ไหน หรือ เกิดขึ้นหรือยัง”
2. Place Adverb “เกิดขึ้นที่ไหน”
3. Manner Adverb “เกิดขึ้นอย่างไร”
4. Frequency Adverb “เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน”
5. Degree Adverb and Focusing Adverb “แค่ไหน เฉพาะเรื่องอะไร หรือ ระดับไหน ”
รับน้องโมจิไปเลี้ยง ซื้อเลย !
https://line.me/S/sticker/14546743
ดูเนื้อหา สรุป adverb แบบละเอียดได้เลยที่
https://tuenong.com/adverb/
อ่านเนื้อหาอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่
www.tuenong.com
หรือ ติดตามข่าวสารอัพเดทล่าสุดได้ที่
Facebook Page : Tuenong

สรุป Pasts of speech - Adverb คำกริยาวิเศษณ์ คือ อะไร | TUENONG ( PART 5/7)

คำสาปแห่งเกาะลังกาวี Langkawi | หลอนดูดิ EP.73


ตำนานคำสาปของพระนางมะสุหรี เจ้าหญิงแห่งเกาะลังกาวี เธอสาปเกาะนี้เอาไว้ยาวนานเกือบ 200 ปี จนพบทายาทรุ่นที่ 7 จากภูเก็ต ประเทศไทย มาแก้คำสาปนี้ จนทำให้เกาะลังกาวีเจริญรุ่งเรื่องขึ้นอย่างรวดเร็ว
✨ติดต่องานหรือสนับสนุน✨
Email : [email protected]
Facebook : https://www.facebook.com/vrdodi/​
IG : https://www.instagram.com/nickdodi/
Tiktok : @vrdodi
สมัครเป็นสมาชิกของช่องนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กัน
https://www.youtube.com/channel/UCUUC2D3NCgWcrwzj6gIPS7A/join
แหล่งอ้างอิง
https://news.muslimthaipost.com/news/29097
http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=399698
https://today.line.me/th/v2/article/DzarkX
https://en.wikipedia.org/wiki/Langkawi
เกาะลังกาวี พระนางเลือดขาว คำสาป ดูดิ หลอนดูดิ

คำสาปแห่งเกาะลังกาวี Langkawi | หลอนดูดิ EP.73

ภาษาเกมวันละคำ – quite (adv.)


ติดตามรายการ: http://bit.ly/pg_dailyword
รายการ ภาษาเกมวันละคำ รีวิว และนำเสนอ ภาษาอังกฤษจากเกม ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือสำนวนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเกม แล้วเรียนภาษาอังกฤษจากเกมนั้น
chaisiam (พี่นล) ทำหน้าที่ให้ความรู้และความสนุกจากการเล่นเกม ซึ่งจะนำบทเรียนและข้อคิดที่ได้รับจากเกมมาพูดคุยกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประโยชน์จากเกมส์ก็มีนะ นั่นคือ เล่นเกม เรียนรู้จากเกม และ เพลินกับเกมส์ นั่นเอง จึงเกิดรายการ ภาษาเกมส์วันละคำ ขึ้นมาด้วย
วิดีโอที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอนี้: http://bit.ly/pg_portal2
สามารถติ ชม หรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้โดย comment ไว้ใต้วิดีโอ หรือโพสต์ไว้ที่ Facebook ของ PlearnGaming ได้ที่: http://www.facebook.com/plearngaming

ออกแบบตัวละคร: SnellSnail (https://www.facebook.com/SnailPage)

ภาษาเกมวันละคำ - quite (adv.)

Adverbs ep1/4 : Adverbs คืออะไร มีกี่ประเภท


จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

Adverbs ep1/4 : Adverbs คืออะไร มีกี่ประเภท

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ คำ adv

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *