Skip to content
Home » [Update] จดเครื่องหมายการค้าด้วยตัวเอง ทำง่ายใน 3 ขั้นตอน | จดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง – NATAVIGUIDES

[Update] จดเครื่องหมายการค้าด้วยตัวเอง ทำง่ายใน 3 ขั้นตอน | จดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง – NATAVIGUIDES

จดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง: คุณกำลังดูกระทู้

“ทางเลือก” “ความยั่งยืน” และ “การปรับแต่งให้ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล” เป็น 3 สิ่งสำคัญที่จะเข้ามากำหนดแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารโลกในปัจจุบัน ที่ไม่เพียงแต่จะต้องมีความหลากหลาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครายบุคคลได้อย่างแท้จริงเท่านั้น ยังต้องมีการพัฒนาและนำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้ เพื่อทำให้ “อาหาร” แหล่งพลังงานสำคัญของการขับเคลื่อนชีวิตของมนุษย์ สามารถเติมเต็มช่องว่างของความต้องการของผู้บริโภคได้

Statista หน่วยงานที่รวบรวมสถิติและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดของอุตสาหกรรมต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2562 รายได้ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกจะอยู่ที่ 64,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 10.2% ส่งผลให้รายได้ของตลาดจะขยับขึ้นไปถึง 95,421 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566

เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการสูญเสียโอกาสที่จะเข้ามาช่วงชิงความได้เปรียบในอุตสาหกรรมนี้ไป มาดู 10 เทรนด์ที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมอาหารในมุมมองของบริษัทวิจัยตลาดอาหารและเครื่องดื่ม Innova Market Insights กัน

 

 

1. “ความแปลกใหม่” เอาใจผู้บริโภคชอบผจญภัย

การเปลี่ยนแปลงของโลก หรือ “โลกาภิวัฒน์” กระตุ้นให้ผู้คนออกไปแสวงหาอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ๆ ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ พยายามเพิ่มลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ กลิ่น รสชาติ สี หรือ เนื้อสัมผัสของอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ เช่น Kit Kat ได้เปิดตัวช็อกโกแลตรสชาติใหม่อย่าง Ruby Chocolate หรือช็อกโกแลตทับทิม ที่มาในสีชมพูสดใส และมีรสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เหมือนผสมเบอร์รี่ ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญและวิวัฒนาการของวงการช็อกโกแลต จากเดิมที่มีเพียงแค่ดาร์กช็อกโกแลต มิลค์ช็อกโกแลต และไวท์ช็อกโกแลต

 

2. อาณาจักรแห่ง “พืช”

กระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค บวกกับการคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืนและสวัสดิภาพของสัตว์ ส่งผลให้อาหารที่มีส่วนประกอบหรือทำจากพืชยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง คนจำนวนไม่น้อยหันมาเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์เองก็หันมาใช้พืชเป็นส่วนประกอบในอาหารเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นการใช้เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ทั้งหมด หรือเป็นการผสมผสานกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น เช่น Carrefour ได้นำเสนอ Le Palet Boeuf Et Vegetal ซึ่งเป็นการผสมผสานของเบอร์เกอร์ที่มีส่วนประกอบจากพืชและเนื้อวัว

 

 

3. “อาหารทางเลือก” มาแรง

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการบริโภคอาหารที่ทำมาจากพืชและอาหารมังสวิรัติ จำนวนของชาววีแกน ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการทางเลือกด้านอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือก อย่างเช่น เนื้อ นม โปรตีน สารให้ความหวาน และแม้กระทั่งปลา โดยกระแสโปรตีนทางเลือกจากพืชกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น และมีหลายแบรนด์ทำผลิตภัณฑ์ออกมาตอบโจทย์ความต้องการในจุดนี้ เช่น Likemeat ที่ทำไส้กรอกแฮมจากโปรตีนถั่ว หรือ Jimini’s ที่ทำธัญพืชอัดแท่งที่มีโปรตีนจากจิ้งหรีด เป็นต้น

 

4. “รักษ์โลก” แรงหนุนด้านความยั่งยืน

จากผลการสำรวจของ Innova Market Insights บอกไว้ว่า ผู้บริโภค 2 ใน 3 ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจีน กล่าวว่า บริษัทอาหารต่างๆ ควรมีการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งอาจจะเป็นด้านของการพัฒนา ตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือความรับผิดชอบในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า แบรนด์หรือบริษัทนั้นๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร

 

5. “ขนมขบเคี้ยว” ไม่ใช่แค่ของกินเล่น

ของกินเล่น หรือ ขนมขบเคี้ยว จะไม่ใช่แค่อาหารที่ทานเล่นอีกต่อไป เมื่อ 63% ของชาวมิลเลนเนียม (Millennials) เลือกบริโภคขนมแทนอาหารมื้อหลัก เนื่องจากไม่มีเวลาว่าง ซึ่งด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างอาหารมื้อหลักและของทานเล่นเริ่มจะถูกผสานเข้าด้วยกัน โดยขนมเพื่อสุขภาพมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ขนมที่ทำจากผักหรือเห็ด เป็นต้น

 

 

6. จับตา “อาหารส่วนบุคคล”

ความต้องการและความชอบส่วนบุคคล มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะเห็นได้ว่า อาหารสามารถปรับให้เข้ากับความชอบเฉพาะบุคคล หรือ Personalised ได้ เช่น EatLove แพลตฟอร์มโภชนาการส่วนบุคคลและบริการวางแผนอาหาร ได้จับมือร่วมกับ AmazonFresh เพื่อส่งมอบอาหารส่วนบุคคล โดยเป็นบริการที่จะทำการวิเคราะห์สูตรอาหารที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ พร้อมบอกรายการของที่ต้องใช้ในการทำอาหารในมื้อนั้นๆ ซึ่งสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ ได้ผ่านทาง AmazonFresh และรอรับที่หน้าบ้านได้เลย

 

7. การกลับมาของ “ไฟเบอร์”

ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยอาหาร กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในวงการอาหาร โดยผลการศึกษาของ Innova Market Insights บอกว่า 44% ของคนในอเมริกา และ 33% ของคนในสหราชอาณาจักรที่ตอบแบบสอบถามนั้น มีการบริโภคไฟเบอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อ้างถึงการใช้ไฟเบอร์เป็นส่วนผสมเติบโตขึ้นถึง 21% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งจะเห็นการใช้ไฟเบอร์ในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เป็นส่วนผสมของโภชนาการด้านกีฬา เช่น สปอร์ตบาร์ต่างๆ (Sports Bars) เป็นต้น

 

 

8. ทานแล้ว “รู้สึกดี”

ผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับสุขภาพ โดยไม่ได้มุ่งแค่เรื่องของโภชนาการอีกต่อไป เพราะพวกเขาต้องการทานอาหารที่จะทำให้รู้สึกดี ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย อารมณ์ หรือ จิตใจ โดยมีอาหารและเครื่องดื่มที่เปิดตัวโดยชูเรื่องทานแล้วรู้สึกดีให้เห็นมากขึ้น เช่น Oreo Joy Fills โอรีโอโฉมใหม่ที่ไม่ได้มาในแบบคุกกี้กลมๆ เหมือนเดิม ถึงรูปทรงจะเปลี่ยนไปแต่ความอร่อยยังถูกใจสาวกเช่นเดิม นอกจากนี้ 1 ใน 4 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจีน ยังกล่าวว่า “ความผ่อนคลาย” คือ สิ่งสำคัญในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

 

9. คนเลือกซื้อของจาก “แบรนด์เล็ก”

บริษัทสตาร์ทอัพยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการเข้ามาเขย่าวงการอาหารและเครื่องดื่ม โดย 2 ใน 5 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ชอบซื้อสินค้าจากผู้ผลิตแบรนด์เล็กๆ เนื่องจากมองว่า พวกเขามีความใส่ใจในเรื่องตัวผลิตภัณฑ์มากกว่า และมีเรื่องราวในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และเพื่อเป็นการแก้เกม แบรนด์ใหญ่จึงเริ่มหันมาจับมือร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพมากขึ้น อย่าง Beyond Meat ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเนื้อกระป๋องทดแทนจากพืช ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Tyson Foods, Humane Society, General Mills และนักแสดงอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ

 

 

10. “โซเชียลส่งเสียง” ร่วมสร้างสูตรอาหาร

โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับเทรนด์นี้ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคสามารถแชร์ว่า พวกเขาทานอะไรกันได้แล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารไปยังแบรนด์หรือบริษัท ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาอาหาร โดยผู้บริโภคชาวจีน (55%) อเมริกัน (43%) และอังกฤษ (24%) ที่มีอายุ 26 – 35 ปี กล่าวว่า พวกเขาถ่ายรูปอาหาร แล้วโพสต์บนออนไลน์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และด้วยเทรนด์นี้ ทาง โอรีโอ จึงสร้างแฮชแท็ก #myoreocreation ที่ให้แฟนๆ เลือกได้ว่า อยากได้รสชาติใหม่รสไหน ซึ่งรสเชอร์รี่โคล่า เป็นผู้ชนะไปและได้ผลิตออกสู่ตลาดจริง

 

“นวัตกรรม” ทางออก SME สร้างความต่าง ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่

ในขณะที่แบรนด์โลกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ผู้ประกอบการอาหารบ้านเราก็ไม่น้อยหน้า ต่างพากันนำเอานวัตกรรมมาประยุตก์ใช้สร้างสรรค์ให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาท้าสายตาของผู้บริโภคและนักชิม ยกตัวอย่าง ดร. ภูมิยศ พยัคฆวรรณ เจ้าของผลิตภัณฑ์ไก่แผ่นอบกรอบ Sexy Chick ที่นำเนื้ออกไก่มาพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยว ซึ่งผ่านกระบวนการขึ้นรูปใหม่และอบแห้ง ให้ทั้งโปรตีนสูงและพลังงานแก่ร่างกาย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการบริโภคขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

 

 

“เรามุ่งเจาะไปที่ตลาดนักกีฬา คนออกกำลังกาย คนเล่นกล้ามที่ต้องอาศัยการทานโปรตีน รวมถึงคนรักสุขภาพที่ไม่อยากทานพวกไขมันและแป้ง โดยทำการเปลี่ยนการบริโภคเนื้ออกไก่ในรูปแบบเดิมๆ มาเป็นขนมทานเล่นที่มีโปรตีนสูง เพื่อทำให้เกิดความแปลกใหม่ และไม่จำเจ โดยเฉพาะกับนักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายที่ต้องทานอกไก่อยู่เป็นประจำ แน่นอนว่า “นวัตกรรม” เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาสินค้าออกมาสักชิ้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่า จะนำมาใช้อย่างไร ซึ่งการจะมีผลิตภัณฑ์ที่ดี และเข้าไปอุดช่องว่างในตลาดได้ ก็ต้องอาศัยการใช้นวัตกรรม ที่จะมาช่วยทั้งในแง่ของการลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น”

 

 

ในขณะที่ตลาด Ready to Cook หรือ อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงนั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณอภัสนันท์ พงศ์ธนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Top THAI LED CO WORKER CO., LTD จึงไม่รอช้าที่จะนำนวัตกรรมการทำแห้งด้วยการแช่เยือกแข็ง (Freeze dehydration หรือ Lyophilisation) มาพัฒนาจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำแกงส้มทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง ภายใต้แบรนด์ AP Thailand

“ฟรีซดราย เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของต่างชาติ ช่วยรักษาคุณภาพ โดยคงสภาพความสดใหม่ของอาหารได้เป็นอย่างดี และเก็บได้นานถึง 1 ปี อีกทั้งยังตอบรับกับกระแส Ready to Cook ทั้งในแง่ของผู้บริโภครายเล็กและร้านอาหารในต่างประเทศที่ต้องการหาสมุนไพรและวัตถุดิบแบบไทยๆ ได้ง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ เมื่อสังคมผู้สูงวัยมีการเติบโตมากขึ้น ขณะที่ผู้มีปัญหาด้านการเคี้ยวและกลืนยังถูกมองข้าม จึงจุดประกายให้ คุณชวลิต ธนสหวรคุณ ผู้อำนวยการ บริษัท เบนส์เวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลุกขึ้นมาพัฒนาเยลลี่สูตรใหม่ ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มลื่น รับประทานง่าย รสชาติอร่อย และพกพาสะดวก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้

 

 

“เดิมทีเรามีผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย เป็นแบบผงชงแล้วดื่มอยู่แล้ว ทำให้เรามีวัตถุดิบอยู่ในมือ จึงมีความคิดที่จะต่อยอดและนำไปพัฒนาเป็นอาหารประเภทอื่น จนมาตกผลึกที่การเป็นเยลลี่สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวและการกลืนอาหาร ซึ่งในเมืองไทยยังไม่มี โดยร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 1 ปี ทดลองกันอยู่หลายสิบครั้งจึงสำเร็จออกมา โดยเป็นเยลลี่ที่กลืนง่าย มีความลื่นหรือหนืดที่เหมาะสม และมีการเพิ่มคุณค่าทางอาหารเข้าไปด้วย เช่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย โอเมก้า 3 (อีพีเอ/ EPA) โปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม และวิตามินแร่ธาตุสูง อีกทั้งยังปราศจากกลูเตน น้ำตาล และน้ำตาลแลคโตส”

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังตอบโจทย์กลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวและการกลืนอาหาร เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งในช่องปากและช่องคอ ผู้มีความบกพร่องของหลอดอาหาร รวมถึง ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งระบบประสาทสั่งงานด้านการเคี้ยวและกลืนไม่สัมพันธ์กัน

“การกลืนอาหารหรือน้ำไม่ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะสามารถส่งผลกระทบได้ทั้งทางร่ายกายและจิตใจ ซึ่งนอกจากจะต้องเจอกับปัญหาการขาดน้ำและสารอาหารแล้ว ยังทำให้มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมด้วย โดยผลิตภัณฑ์นี้จะเข้ามาทำให้ทั้งสุขภาพและชีวิตทางสังคมของคนเหล่านี้ดีขึ้นได้”

เห็นแล้วใช่ไหมว่า หากต้องการจะทำธุรกิจอาหารยุคใหม่ให้แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ ต้องไม่มองข้าม “นวัตกรรม” อย่างเด็ดขาด

 

Published on 22 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

 

 

[Update] จดเครื่องหมายการค้าด้วยตัวเอง ทำง่ายใน 3 ขั้นตอน | จดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง – NATAVIGUIDES

“ทางเลือก” “ความยั่งยืน” และ “การปรับแต่งให้ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล” เป็น 3 สิ่งสำคัญที่จะเข้ามากำหนดแนวโน้มของอุตสาหกรรมอาหารโลกในปัจจุบัน ที่ไม่เพียงแต่จะต้องมีความหลากหลาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครายบุคคลได้อย่างแท้จริงเท่านั้น ยังต้องมีการพัฒนาและนำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้ เพื่อทำให้ “อาหาร” แหล่งพลังงานสำคัญของการขับเคลื่อนชีวิตของมนุษย์ สามารถเติมเต็มช่องว่างของความต้องการของผู้บริโภคได้

Statista หน่วยงานที่รวบรวมสถิติและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดของอุตสาหกรรมต่างๆ ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2562 รายได้ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลกจะอยู่ที่ 64,650 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 10.2% ส่งผลให้รายได้ของตลาดจะขยับขึ้นไปถึง 95,421 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566

เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการสูญเสียโอกาสที่จะเข้ามาช่วงชิงความได้เปรียบในอุตสาหกรรมนี้ไป มาดู 10 เทรนด์ที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมอาหารในมุมมองของบริษัทวิจัยตลาดอาหารและเครื่องดื่ม Innova Market Insights กัน

 

 

1. “ความแปลกใหม่” เอาใจผู้บริโภคชอบผจญภัย

การเปลี่ยนแปลงของโลก หรือ “โลกาภิวัฒน์” กระตุ้นให้ผู้คนออกไปแสวงหาอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่ๆ ส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ พยายามเพิ่มลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ กลิ่น รสชาติ สี หรือ เนื้อสัมผัสของอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ เช่น Kit Kat ได้เปิดตัวช็อกโกแลตรสชาติใหม่อย่าง Ruby Chocolate หรือช็อกโกแลตทับทิม ที่มาในสีชมพูสดใส และมีรสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เหมือนผสมเบอร์รี่ ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญและวิวัฒนาการของวงการช็อกโกแลต จากเดิมที่มีเพียงแค่ดาร์กช็อกโกแลต มิลค์ช็อกโกแลต และไวท์ช็อกโกแลต

 

2. อาณาจักรแห่ง “พืช”

กระแสรักสุขภาพของผู้บริโภค บวกกับการคำนึงถึงเรื่องของความยั่งยืนและสวัสดิภาพของสัตว์ ส่งผลให้อาหารที่มีส่วนประกอบหรือทำจากพืชยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง คนจำนวนไม่น้อยหันมาเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์เองก็หันมาใช้พืชเป็นส่วนประกอบในอาหารเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจจะเป็นการใช้เพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ทั้งหมด หรือเป็นการผสมผสานกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น เช่น Carrefour ได้นำเสนอ Le Palet Boeuf Et Vegetal ซึ่งเป็นการผสมผสานของเบอร์เกอร์ที่มีส่วนประกอบจากพืชและเนื้อวัว

 

 

3. “อาหารทางเลือก” มาแรง

ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการบริโภคอาหารที่ทำมาจากพืชและอาหารมังสวิรัติ จำนวนของชาววีแกน ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการทางเลือกด้านอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือก อย่างเช่น เนื้อ นม โปรตีน สารให้ความหวาน และแม้กระทั่งปลา โดยกระแสโปรตีนทางเลือกจากพืชกำลังเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น และมีหลายแบรนด์ทำผลิตภัณฑ์ออกมาตอบโจทย์ความต้องการในจุดนี้ เช่น Likemeat ที่ทำไส้กรอกแฮมจากโปรตีนถั่ว หรือ Jimini’s ที่ทำธัญพืชอัดแท่งที่มีโปรตีนจากจิ้งหรีด เป็นต้น

 

4. “รักษ์โลก” แรงหนุนด้านความยั่งยืน

จากผลการสำรวจของ Innova Market Insights บอกไว้ว่า ผู้บริโภค 2 ใน 3 ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจีน กล่าวว่า บริษัทอาหารต่างๆ ควรมีการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งอาจจะเป็นด้านของการพัฒนา ตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หรือความรับผิดชอบในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่า แบรนด์หรือบริษัทนั้นๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร

 

5. “ขนมขบเคี้ยว” ไม่ใช่แค่ของกินเล่น

ของกินเล่น หรือ ขนมขบเคี้ยว จะไม่ใช่แค่อาหารที่ทานเล่นอีกต่อไป เมื่อ 63% ของชาวมิลเลนเนียม (Millennials) เลือกบริโภคขนมแทนอาหารมื้อหลัก เนื่องจากไม่มีเวลาว่าง ซึ่งด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างอาหารมื้อหลักและของทานเล่นเริ่มจะถูกผสานเข้าด้วยกัน โดยขนมเพื่อสุขภาพมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ขนมที่ทำจากผักหรือเห็ด เป็นต้น

 

 

6. จับตา “อาหารส่วนบุคคล”

ความต้องการและความชอบส่วนบุคคล มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะเห็นได้ว่า อาหารสามารถปรับให้เข้ากับความชอบเฉพาะบุคคล หรือ Personalised ได้ เช่น EatLove แพลตฟอร์มโภชนาการส่วนบุคคลและบริการวางแผนอาหาร ได้จับมือร่วมกับ AmazonFresh เพื่อส่งมอบอาหารส่วนบุคคล โดยเป็นบริการที่จะทำการวิเคราะห์สูตรอาหารที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ พร้อมบอกรายการของที่ต้องใช้ในการทำอาหารในมื้อนั้นๆ ซึ่งสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบต่างๆ ได้ผ่านทาง AmazonFresh และรอรับที่หน้าบ้านได้เลย

 

7. การกลับมาของ “ไฟเบอร์”

ไฟเบอร์ หรือ เส้นใยอาหาร กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งในวงการอาหาร โดยผลการศึกษาของ Innova Market Insights บอกว่า 44% ของคนในอเมริกา และ 33% ของคนในสหราชอาณาจักรที่ตอบแบบสอบถามนั้น มีการบริโภคไฟเบอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่อ้างถึงการใช้ไฟเบอร์เป็นส่วนผสมเติบโตขึ้นถึง 21% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งจะเห็นการใช้ไฟเบอร์ในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เป็นส่วนผสมของโภชนาการด้านกีฬา เช่น สปอร์ตบาร์ต่างๆ (Sports Bars) เป็นต้น

 

 

8. ทานแล้ว “รู้สึกดี”

ผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับสุขภาพ โดยไม่ได้มุ่งแค่เรื่องของโภชนาการอีกต่อไป เพราะพวกเขาต้องการทานอาหารที่จะทำให้รู้สึกดี ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย อารมณ์ หรือ จิตใจ โดยมีอาหารและเครื่องดื่มที่เปิดตัวโดยชูเรื่องทานแล้วรู้สึกดีให้เห็นมากขึ้น เช่น Oreo Joy Fills โอรีโอโฉมใหม่ที่ไม่ได้มาในแบบคุกกี้กลมๆ เหมือนเดิม ถึงรูปทรงจะเปลี่ยนไปแต่ความอร่อยยังถูกใจสาวกเช่นเดิม นอกจากนี้ 1 ใน 4 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจีน ยังกล่าวว่า “ความผ่อนคลาย” คือ สิ่งสำคัญในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

 

9. คนเลือกซื้อของจาก “แบรนด์เล็ก”

บริษัทสตาร์ทอัพยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการเข้ามาเขย่าวงการอาหารและเครื่องดื่ม โดย 2 ใน 5 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ชอบซื้อสินค้าจากผู้ผลิตแบรนด์เล็กๆ เนื่องจากมองว่า พวกเขามีความใส่ใจในเรื่องตัวผลิตภัณฑ์มากกว่า และมีเรื่องราวในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ และเพื่อเป็นการแก้เกม แบรนด์ใหญ่จึงเริ่มหันมาจับมือร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพมากขึ้น อย่าง Beyond Meat ฟู้ดเทคสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเนื้อกระป๋องทดแทนจากพืช ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นรายใหญ่ เช่น Tyson Foods, Humane Society, General Mills และนักแสดงอย่าง ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ

 

 

10. “โซเชียลส่งเสียง” ร่วมสร้างสูตรอาหาร

โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับเทรนด์นี้ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคสามารถแชร์ว่า พวกเขาทานอะไรกันได้แล้ว ยังเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารไปยังแบรนด์หรือบริษัท ไปจนถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาอาหาร โดยผู้บริโภคชาวจีน (55%) อเมริกัน (43%) และอังกฤษ (24%) ที่มีอายุ 26 – 35 ปี กล่าวว่า พวกเขาถ่ายรูปอาหาร แล้วโพสต์บนออนไลน์อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง และด้วยเทรนด์นี้ ทาง โอรีโอ จึงสร้างแฮชแท็ก #myoreocreation ที่ให้แฟนๆ เลือกได้ว่า อยากได้รสชาติใหม่รสไหน ซึ่งรสเชอร์รี่โคล่า เป็นผู้ชนะไปและได้ผลิตออกสู่ตลาดจริง

 

“นวัตกรรม” ทางออก SME สร้างความต่าง ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่

ในขณะที่แบรนด์โลกเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ผู้ประกอบการอาหารบ้านเราก็ไม่น้อยหน้า ต่างพากันนำเอานวัตกรรมมาประยุตก์ใช้สร้างสรรค์ให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาท้าสายตาของผู้บริโภคและนักชิม ยกตัวอย่าง ดร. ภูมิยศ พยัคฆวรรณ เจ้าของผลิตภัณฑ์ไก่แผ่นอบกรอบ Sexy Chick ที่นำเนื้ออกไก่มาพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยว ซึ่งผ่านกระบวนการขึ้นรูปใหม่และอบแห้ง ให้ทั้งโปรตีนสูงและพลังงานแก่ร่างกาย ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการบริโภคขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ

 

 

“เรามุ่งเจาะไปที่ตลาดนักกีฬา คนออกกำลังกาย คนเล่นกล้ามที่ต้องอาศัยการทานโปรตีน รวมถึงคนรักสุขภาพที่ไม่อยากทานพวกไขมันและแป้ง โดยทำการเปลี่ยนการบริโภคเนื้ออกไก่ในรูปแบบเดิมๆ มาเป็นขนมทานเล่นที่มีโปรตีนสูง เพื่อทำให้เกิดความแปลกใหม่ และไม่จำเจ โดยเฉพาะกับนักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายที่ต้องทานอกไก่อยู่เป็นประจำ แน่นอนว่า “นวัตกรรม” เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาสินค้าออกมาสักชิ้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่า จะนำมาใช้อย่างไร ซึ่งการจะมีผลิตภัณฑ์ที่ดี และเข้าไปอุดช่องว่างในตลาดได้ ก็ต้องอาศัยการใช้นวัตกรรม ที่จะมาช่วยทั้งในแง่ของการลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น”

 

 

ในขณะที่ตลาด Ready to Cook หรือ อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงนั้น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณอภัสนันท์ พงศ์ธนะนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Top THAI LED CO WORKER CO., LTD จึงไม่รอช้าที่จะนำนวัตกรรมการทำแห้งด้วยการแช่เยือกแข็ง (Freeze dehydration หรือ Lyophilisation) มาพัฒนาจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำแกงส้มทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง ภายใต้แบรนด์ AP Thailand

“ฟรีซดราย เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของต่างชาติ ช่วยรักษาคุณภาพ โดยคงสภาพความสดใหม่ของอาหารได้เป็นอย่างดี และเก็บได้นานถึง 1 ปี อีกทั้งยังตอบรับกับกระแส Ready to Cook ทั้งในแง่ของผู้บริโภครายเล็กและร้านอาหารในต่างประเทศที่ต้องการหาสมุนไพรและวัตถุดิบแบบไทยๆ ได้ง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ เมื่อสังคมผู้สูงวัยมีการเติบโตมากขึ้น ขณะที่ผู้มีปัญหาด้านการเคี้ยวและกลืนยังถูกมองข้าม จึงจุดประกายให้ คุณชวลิต ธนสหวรคุณ ผู้อำนวยการ บริษัท เบนส์เวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ลุกขึ้นมาพัฒนาเยลลี่สูตรใหม่ ที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มลื่น รับประทานง่าย รสชาติอร่อย และพกพาสะดวก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้

 

 

“เดิมทีเรามีผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย เป็นแบบผงชงแล้วดื่มอยู่แล้ว ทำให้เรามีวัตถุดิบอยู่ในมือ จึงมีความคิดที่จะต่อยอดและนำไปพัฒนาเป็นอาหารประเภทอื่น จนมาตกผลึกที่การเป็นเยลลี่สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวและการกลืนอาหาร ซึ่งในเมืองไทยยังไม่มี โดยร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 1 ปี ทดลองกันอยู่หลายสิบครั้งจึงสำเร็จออกมา โดยเป็นเยลลี่ที่กลืนง่าย มีความลื่นหรือหนืดที่เหมาะสม และมีการเพิ่มคุณค่าทางอาหารเข้าไปด้วย เช่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย โอเมก้า 3 (อีพีเอ/ EPA) โปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม และวิตามินแร่ธาตุสูง อีกทั้งยังปราศจากกลูเตน น้ำตาล และน้ำตาลแลคโตส”

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังตอบโจทย์กลุ่มผู้ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวและการกลืนอาหาร เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งในช่องปากและช่องคอ ผู้มีความบกพร่องของหลอดอาหาร รวมถึง ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งระบบประสาทสั่งงานด้านการเคี้ยวและกลืนไม่สัมพันธ์กัน

“การกลืนอาหารหรือน้ำไม่ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะสามารถส่งผลกระทบได้ทั้งทางร่ายกายและจิตใจ ซึ่งนอกจากจะต้องเจอกับปัญหาการขาดน้ำและสารอาหารแล้ว ยังทำให้มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมด้วย โดยผลิตภัณฑ์นี้จะเข้ามาทำให้ทั้งสุขภาพและชีวิตทางสังคมของคนเหล่านี้ดีขึ้นได้”

เห็นแล้วใช่ไหมว่า หากต้องการจะทำธุรกิจอาหารยุคใหม่ให้แตกต่างและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ ต้องไม่มองข้าม “นวัตกรรม” อย่างเด็ดขาด

 

Published on 22 September 2020
SMEONE เพิ่มโอกาสให้ SME ไทย

 

 


5 ขั้นตอนจดทะเบียนบริษัท มืออาชีพ ฉบับเตรียมพร้อมภายใน 3 นาที


การจดทะเบียนบริษัท สำหรับคนที่อยากจะลองจดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปจ้างเค้า ประหยัดทั้งเงิน ได้ทั้งประสบการณ์การจดทะเบียนบริษัท
ด้วยตัวเอง มืออาชีพ มีทั้งหมด 5 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่1 จองชื่อบริษัท
แนะนำให้คิดเผื่อๆไว้ 23 ชื่อเลย เมื่อ submit ไป ก็รอนายทะเบียนตรวจสอบ ปกติจะรู้ผลใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ค่ะ เมื่อนายทะเบียนคอนเฟิร์มมาแล้วว่าชื่อที่ขอไปใช้ได้ ก็ไปขั้นตอนต่อไปเลย
ชื่อที่จองนี้จะต้องนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลภายใน 30 วัน ไม่งั้นต้องจองใหม่ค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมข้อมูลต่างๆให้พร้อมเพื่อจดทะเบียนบริษัท
สำหรับข้อมูลที่เราต้องเตรียม มีดังนี้
ผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน
กรรมการอย่างน้อย 1 คน
พยานอย่างน้อย 2 คน
แผนที่ตั้งบริษัท
จำนวนหุ้น และมูลค่าหุ้น
ตราประทับบริษัท ถ้ามี ตราประทับนะคะ
ข้อบังคับบริษัท ถ้ามี ข้อบังคับนะคะ
วัตถุประสงค์บริษัทอย่างน้อย 2 ข้อ
ผู้สอบบัญชีอนุญาต 1 คน เฉพาะกรณี มอบอำนาจให้ผู้อื่นไปจดทะเบียนให้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 นายทะเบียนตรวจสอบ ถ้ามีส่วนที่ต้องแก้ไข นายทะเบียนจะบอกให้ว่าต้องแก้ตรงไหน
พิมพ์แบบฟอร์ม ทั้งหมด 15 แบบ ที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยมาให้บุคคลที่ระบุในแต่ละหน้าเซ็น และเตรียมเอกสารเพิ่มเติม
ถ้ามีส่วนที่ต้องแก้ไข นายทะเบียนจะบอกให้ว่าต้องแก้ตรงไหน สามารถแก้ได้เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 นำไปจดทะเบียนที่สำนักพัฒนาธุรกิจการค้าใกล้บ้าน
กรณี มอบอำนาจให้คนอื่นไปแทน ให้ทำหนังสือมอบอำนาจ พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนกรรมการด้วยนะคะ
เอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนไปจดจริง มีดังนี้
1. เอกสารแบบฟอร์มการจดทะเบียนบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเรียบร้อย ทั้ง 15 แบบ
2. เอกสารประกอบอื่นๆ เช่น ใบจองชื่อบริษัท, สำเนาบัตรประชาชนกรรมการ และผู้ถือหุ้น, สำเนาทะเบียนบ้านที่ตั้งบริษัท, แผนที่ตั้งบริษัท
3. ค่าธรรมเนียมราชการ 6,500 บาท ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท
ขั้นตอนที่ 5 คัดแบบจดทะเบียน
หลังจากจดทะเบียนบริษัท อย่าลืมคัดแบบจดทะเบียน ตามแบบฟอร์ม เช่น หนังสือรับรองพร้อมวัตถุประสงค์, หนังสือบริคณห์สนธิ, ใบทะเบียนพาณิชย์, บอจ.3, 5 และแบบฟอร์มที่เราต้องการได้เลยค่ะ
แค่นี้เราก็เปิดบริษัทได้แล้วค่ะ

โครงการทำดีเพื่อพ่อ สร้างธุรกิจให้ยั่งยืน
จัดกิจกรรม ฟรี จองชื่อจดทะเบียนบริษัทวันละ 9 บริษัท
ตลอดระยะเวลา 6 ก.ค. 60 26 ต.ค. 60
ติดต่อ Inbox ได้ที่เพจ จดทะเบียนบริษัท ด้วยตัวเอง
www.facebook.com/siam.company.registration/
Line: @companyregistr (มี @ นำหน้าด้วยครับ)
กด ไลค์ กด แชร์ เพจ จดทะเบียนบริษัท ด้วยตัวเอง ด้วยนะครับ
ปล. ขอบคุณแฟนเพจที่รักกันครับ
โครงการทำดีเพื่อพ่อ
จดทะเบียนบริษัท ด้วยตัวเอง
จดภาษีมูลค่าเพิ่ม
vat

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

5 ขั้นตอนจดทะเบียนบริษัท มืออาชีพ   ฉบับเตรียมพร้อมภายใน 3 นาที

สอนจดทะเบียนบริษัทแบบ e Registration ละเอียดทุกขั้นตอน Update 2564


ดูขั้นตอนการจดทะเบียนในรูปแบบรูปภาพประกอบคำบรรยายได้ที่ https://tanateauditor.com/onlineregister/
สำหรับท่านใดที่จดทะเบียนบริษัทเองแต่ไม่มีรายชื่อผู้สอบบัญชีใส่ในเอกสารประกอบการจดทะเบียน (รายงานการประชุมตั้งบริษัท) ติดต่อมาทางเราได้ คิดค่าใช้จ่ายเพียง 500 บาทพร้อมคำปรึกษาในการจดทะเบียน ดูรายละเอียดที่
https://tanateauditor.com/onlineregister/
ติดต่อ : คุณวิน 0876732884
Line ID : @618kssyt
Line QR code : https://lin.ee/ZQbOyKA
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
เลขที่บัญชี : 6591439247
ชื่อบัญชี : ธเณศ เฮงตระกูลสิน
ค่าบริการ : 500 บาท
ปล.สำหรับท่านใดที่ยังไม่มีความรู้ว่าหลังจากจดทะเบียนบริษัทต้องดำเนินการอย่างไรบ้างในด้านบัญชีและภาษี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://tanateauditor.com/courseforsme/

สอนจดทะเบียนบริษัทแบบ e Registration ละเอียดทุกขั้นตอน   Update 2564

จดทะเบียน บริษัท ด้วยตัวเอง – บอจ.1


ขั้นตอนจดทะเบียน บริษัท ด้วยตัวเอง
1. จองชื่อบริษัท
2. เตรียมข้อมูล และเอกสารส่วนตัวใช้กรอกในแบบฟอร์ม บอจ.1
3. กรอกแบบฟอร์ม
4. ยื่นแบบฟอร์ม และชำระค่าธรรมเนียมกับกรมพัฒนาธรุกิจการค้า
5. คัดเอกสารจดทะเบียน (ที่จำเป็นทั้งหมด)
ติดต่อวันนี้รับสิทธิ์พิเศษ
สอบถาม โทร 093 924 4539
หรือ Line ID: boonsan.p
หรือ แค่คลิก http://line.me/ti/p/~boonsan.p
Facebook: https://goo.gl/RkGIuQ

จดทะเบียน บริษัท ด้วยตัวเอง – บอจ.1

จดทะเบียน บริษัท ด้วยตัวเอง – ใบสำคัญ ชำระเงินลงหุ้น


1. จองชื่อบริษัท
2. เตรียมข้อมูล และเอกสารส่วนตัวใช้กรอกในแบบฟอร์ม ใบสำคัญ ชำระเงินลงหุ้น
3. กรอกแบบฟอร์ม
4. ยื่นแบบฟอร์ม และชำระค่าธรรมเนียมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
5. คัดเอกสารจดทะเบียน (ที่จำเป็นทั้งหมด)
ติดต่อวันนี้รับสิทธิ์พิเศษ
สอบถาม โทร 093 924 4539
หรือ Line ID: boonsan.p
หรือ แค่คลิก http://line.me/ti/p/~boonsan.p
https://aommybear072.wixsite.com/siamcompanyregistr
https://www.facebook.com/siam.company.registration/

จดทะเบียน บริษัท ด้วยตัวเอง – ใบสำคัญ ชำระเงินลงหุ้น

\”วิจิตร\” TRUE-DTAC จริงหรือปลอม ?


\”วิจิตร\” TRUEDTAC จริงหรือปลอม ?
_____________________________
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
1. “ทรู” รุกตลาดน้ำผสมวิตามินและแร่ธาตุ เปิดตัว “True Vitamin Water”
https://www.thansettakij.com/economy/503738
_____________________________
ติดตามข่าวได้ตามช่องทางอื่นๆ ทีนี่
website: https://www.thansettakij.com
facebook : https://www.facebook.com/thansettakij
twitter : https://twitter.com/Thansettakij
Line : https://lin.ee/AFtZiwI
Youtube Official : https://www.youtube.com/channel/UCcTiVmhW5zC6mn71vYbDvpQ
Instagram : https://www.instagram.com/thansettakij_official/
TIKTOK : https://www.tiktok.com/@thansettakij
blockdit : https://www.blockdit.com/thansettakij
ติดต่อโฆษณาได้ที่ 023383751
[email protected]
_____________________________
thansettakij ฐานเศรษฐกิจ

\

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ จดทะเบียนบริษัทด้วยตัวเอง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *