Skip to content
Home » [Update] ความหมายและการใช้ Degree Adverbs | just ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

[Update] ความหมายและการใช้ Degree Adverbs | just ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

just ใช้ยังไง: คุณกำลังดูกระทู้

Degree adverb (ดีกรี แอ็ดเวิบ) เป็นชนิดของกริยาวิเศษณ์ที่บอกระดับความเข้มข้นของการกระทำ (action) คุณศัพท์ (adjective) หรือกริยาวิเศษณ์อีกคำหนึ่ง (another adverb) หรือกริยาวิเศษณ์อีกคำหนึ่ง (another adverb) สำหรับ Degree adverbs ที่พบบ่อย ได้แก่ almost, nearly, quite, just, too, enough, hardly, scarcely, rarely, completely, very (much), fairly, rather และ extremely
ตำแหน่งของ Degree adverbs
1. วางไว้หน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ ที่มันขยาย ดังโครงสราง Degree adverb + Adjective/Adverb
ตัวอย่าง
The water was extremely cold.
น้ำหนาวเย็นมาก
(extremely “มาก” เป็น degree adverb ขยายคุณศัพท์ cold)
I am too tired to go out tonight.
ผมเหนื่อยเกินไปที่จะออกไปข้างนอกคืนนี้
(too “เกินไป” เป็น degree adverb ขยายคุณศัพท์ tired)
He worked very quickly.
เขาทำงานเร็วมาก
(very “มาก” เป็น degree adverb ขยายกริยาวิเศษณ์ quickly)
You did it quite well.
คุณทำมันได้ค่อนข้างดี
(quite “ค่อนข้าง” เป็น degree adverb ขยายกริยาวิเศษณ์ well)
2. วางไว้หน้ากริยาหลัก (main verb) ดังโครงสร้าง
Degree adverb + Main verb
ตัวอย่าง
He was just leaving.
เขาเพิ่งจะออกไป
(just “เพิ่งจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก leaving)
She has almost finished it.
เธอทำมันเกือบจะเสร็จแล้ว
(almost “เกือบจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก finished) She doesn’t quite know what she’ll do after graduating from the university.
เธอแทบจะไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยหลังจากจบจากมหาวิทยาลัย
(quite “แทบจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก know)
ความหมายและการใช้
1. almost & nearly
almost และ nearly มีความหมายเดียวกันคือ not completely/not quite แปลว่า “เกือบ, เกือบจะ” ใช้วางหน้าคุณศัพท์ (adjectives) หรือกลุ่มนาม (noun groups) ดังโครงสร้าง almost/nearly + adjective/noun groups
ตัวอย่าง
We’re nearly ready now.
พวกเราเกือบพร้อมแล้วตอนนี้
(nearly วางหน้าคุณศัพท์ ready)
I spent almost a month in China.
ผมใช้ชีวิตเกือบหนึ่งเดือนในประเทศจีน
(almost วางหน้ากลุ่มนาม a month in China)
The hay was almost ready for cutting.
ฟางข้าวเกือบพร้อมแล้วสำหรับการตัด
(almost วางหน้าคุณศัทพ์ ready)
She liked doing nearly all the things.
เธอชอบทำเกือบจะทุกสิ่ง
(nearly วางหน้ากลุ่มนาม all the things)
วาง almost/nearly หน้ากริยาหลัก (main verb) หากว่าในประโยคมี กริยาช่วยหนึ่งคำ (one auxiliary) และกริยาหลัก ให้วางไว้หลังกริยาช่วย แต่ถ้าหากมีกริยาช่วยมากกว่าหนึ่งคำ และกริยาหลัก ให้วางไว้หลังกริยาช่วยตัวที่หนึ่ง ดังโครงสร้าง
(1) almost/nearly + main verb
(2) auxiliary + almost / nearly + main verb
(3) auxiliary 1 + almost / nearly + auxiliary 2 + main verb
ตัวอย่าง
Dad nearly died after being bitten by a snake.
พ่อเกือบตายหลังจากถูกงูกัด
Douglas had almost run out of food.
ดักลาสเกือบไม่มีอาหารเหลือเลย
I have nearly been drowned three times.
ผมเกือบจะจมน้ำตายมาสามครั้งแล้ว
วาง almost/nearly ไว้หน้า Time adverbs (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา) เช่น every morning, every day หรือ Place adverbs (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่) เช่น there, here เป็นต้น
ตัวอย่าง
I used to ride nearly every day.
ผมเคยขับรถเกือบทุกวัน
We went out almost every evening.
พวกเราออกไปข้างนอกเกือบจะทุกเย็น
We are almost there.
พวกเราเกือบจะถึงที่นั่นแล้ว
2. just
เราใช้คำว่า just เมื่อกล่าวถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ฉะนั้น just จึงมีความหมายว่า a very short time ago แปลว่า “เพิ่งจะ” ปกตินิยมใช้ใน Present Perfect Tense สำหรับ tense อื่น ก็สามารถใช้ just ได้ โดยมักวางไว้หน้ากริยาหลัก (main verb) ดังโครงสร้าง
just + main verb
ตัวอย่าง
He just died.
เขาเพิ่งจะตาย
I’ve just arrived here.
ผมเพิ่งจะมาถึงที่นี่
3. quite
เราใช้คำว่า quite เพื่อชี้แสดงว่าเหตุการณ์หรือการกระทำนั้นค่อนข้างจะถึงขีดสุด ฉะนั้น quite จึงมีความหมายว่า to a fairly great extent แปลว่า “ค่อนบ้างจะ” ใช้วางหน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ดังโครงสร้าง
quite + adjective / another adverb
ตัวอย่าง
He was quite young.
เขาค่อนข้างจะหนุ่ม
Nid was standing quite close to the manager.
นิดยืนค่อนข้างจะใกล้กับผู้จัดการ
4. enough, very, & too
enough เมื่อทำทน้าที่กริยาวิเศษณ์ หมายถึง to the necessary degree แปลว่า “เพียงพอ, พอดิบพอดี, กำลังดี, พอเหมาะพอเจาะ” วางไว้หลังคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ ดังโครงสร้าง
adjective/ adverb + enough
ตัวอย่าง
Is your coffee hot enough?
กาแฟของคุณร้อนพอดีไหม
He didn’t work hard enough.
เขาไม่ได้ทำงานหนักเพียงพอ
too เมื่อทำหน้าที่กริยาวิเศษณ์ หมายถึง more than necessary or useful แปลว่า “มากเกินจำเป็น, มากเกินใช้สอย” วางไว้หน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์
ดังโครงสร้าง too + adjective / adverb
ตัวอย่าง
This coffee is too hot.
กาแฟนี้ร้อนเกินไป
He works too hard.
เขาทำงานหนักเกินไป
ทั้ง enough และ too เมื่อใช้กับคำคุณศัพท์ สามารถตามด้วยวลี “for someone/something” ได้ด้วย ดังโครงสร้าง
adjective/adverb + enough + for someone/something
too + adjective/adverb + for someone/something
ตัวอย่าง
The shirt was big enough for me.
เสื้อเชิ้ตใหญ่พอดีสำหรับผม
The shirt was too big for me.
เสื้อเชิ้ตใหญ่เกินไปสำหรับผม
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วลี “to + infinitive” หลัง enough และ too กับคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ได้ด้วย
ตัวอย่าง
The coffee was too hot to drink.
กาแฟร้อนเกินไปที่จะดื่ม
ประโยคนี้ได้มาจากการรวมกันของ 2 ประโยคคือ
1. The coffee was very hot.
2. I can’t drink it.
He didn’t work hard enough to pass the exam.
เขาไม่ขยันพอที่จะสามารถสอบผ่านได้
ประโยคนี้ได้มาจากการรวมกันของ 2 ประโยคคือ
1. He didn’t work very hard.
2. He couldn’t pass the exam.
very หมายถึง “มาก” วางไว้หน้าคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ เพื่อเพิ่มน้ำหนักความหมายของคำคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์นั้นให้มากขึ้น ดังโครงสร้าง
very + adjective / adverb
ตัวอย่าง
That girl was very beautiful.
เด็กหญิงคนนั้นสวยมาก
He worked very quickly.
เขาทำงานเร็วมาก
หากต้องการสื่อความหมายในเชิงปฏิเสธ หรือตรงข้ามกัน ใช้ not very
ตัวอย่าง
That girl was not very beautiful.
เด็กหญิงคนนั้น ไม่สวยมาก
He didn’t work very quickly.
เขาไม่ได้ทำงานเร็วมาก
ข้อควรระวัง ระหว่าง too กับ very มีความแตกต่างกันอยู่มาก กล่าวคือ too บ่งบอกถึงปัญหา (problem) แต่ very บ่งบอกถึงข้อเท็จจริง (fact)
ตัวอย่าง
He speaks English too quickly.
เขาพูดภาษาอังกฤษเร็วเกินไป (ทำให้คนฟังไม่รู้เรื่อง)
He speaks English very quickly.
เขาพูดภาษาอังกฤษเร็วมาก (คนฟังรู้เรื่อง)
ยังมี Degree adverbs อื่นๆ อีกที่มีความหมายและการใช้คล้ายคลึงกับ very และ not very ดังรายการคำเหล่านี้เรียงตามลำดับความแรง (strengthe) ของความหมายจากเชิงบวก (positive) ไปยังเชิงลบ (negative) ดังนี้
POSITIVE→→→→→→→→→→→→→→→→→→→→→NEGATIVE
extremely especially particularly pretly quite fairly rather not especially not particularly
หมายเหตุ นักเรียนต่างชาติที่มิใช่เจ้าของภาษาอังกฤษ มักใช้คำว่า fairly กับ rather ผิดอยู่บ่อยๆ เนื่องจากทั้งสองคำมีความหมายใกล้เคียงกัน ฉะนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าทั้งสองคำที่ใช้ต่างกันอย่างไรบ้าง
fairly เป็นกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เมื่อผู้พูดหรือผู้เขียนปรารถนาจะยืนยันความคิดที่รื่นรมย์เป็นไปในทางบวก (positive or pleasant idea) ส่วน rather นั้นใช้ในทางตรงข้าม กล่าวคือ ใช้เมื่อความคิดนั้นๆ ไม่รื่นรมย์เป็นไปในทางลบ (negative or unpleasant idea) หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เมื่อใช้คำว่า fairly จะพุ่งเป้าไปยังอุดมคติ (ideal) ที่เราเห็นชอบ แต่หากใช้คำว่า rather จะเบี่ยงเบนออกจากอุดมคติ คือไม่เห็นชอบกับสิ่งนั้น
ตัวอย่าง
The film was rather disappointing.
ภาพยนตร์เรื่องนั้นค่อนข้างจะน่าผิดหวัง(ไม่ค่อยดี)
The information was fairly accurate.
ข้อมูลค่อนข้างจะเที่ยงตรง (ดีพอใช้)
Mary is rather tall for her age.
แมรี่ค่อนข้างสูงเกินอายุ (สูงมากไป)
The room looks fairly clean.
ห้องค่อนข้างจะสะอาด (สะอาดพอใช้)
He found his host rather irritating.
เขาพบว่าเจ้าของบ้านค่อนข้างจะน่ารำคาญ
5. hardly, rarely, & scarcely
Degree adverbs ทั้งสามคำนี้ มีความหมาย “แทบจะไม่” ซึ่งบ่ง บอกความหมายในเชิงปฏิเสธ โดยปกติภายในประโยค จะวาง hardly, rarely, scarcely ไว้หน้า main verb หรือวางไว้หลัง verb to be หรือกริยาช่วยอื่น (other auxiliary) ดังโครงสร้าง
hardly/rarely/scarcely + main verb
verb to be/ other auxiliary + hardly / rarely / scarcely
ตัวอย่าง
I hardly knew him.
ผมแทบจะไม่รู้จักเขาเลย
We could hardly move.
พวกเราแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
He rarely comes here.
เขาแทบจะไม่มาที่นี่เลย
I can scarcely remember what we ate.
ผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่าพวกเราได้รับประทานอะไร
There could scarcely be a promising environment.
แทบจะไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเลย
โครงสร้างที่เห็นดังตัวอย่างเหล่านี้เป็นโครงสร้างปกติ (regular structure) ของการวางตำแหน่งของ Degree adverbs ทั้ง 3 คำนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกโครงสร้างหนึ่งเรียกว่า Negative inversion ซึ่งใช้ได้เฉพาะกับข้อความในประโยคที่มี Degree adverbs ที่เป็น negative meaning เมื่อวางไว้ตอนเริ่มต้นประโยค (placed at the beginning of the sentence) ในที่นี้คือ hardly, rarely และ scarcely โครงสร้างจะเป็นดังนี้
Hardly/Rarely/Scarcely + auxiliary + subject + main verb + remaining part
หมายเหตุ     1. remaining part = ส่วนที่เหลือ
2. การใช้ auxiliary มีหลักอยู่ว่า ถ้าหากในประโยคเดิมมีกริยาช่วยแสดงอยู่แล้ว ให้ใช้กริยาช่วยตัวนั้นเลย แต่หากในประโยคเดิมมีเฉพาะกริยาหลัก ก็ให้ใช้ verb to do ซึ่งต้องดูว่า กริยาหลักนั้นเป็นรูปกาล (tense) ใด กล่าวคือ หากเป็น Past Simple ให้ใช้ did หากเป็น Present Simple ก็ใช้ do/does ทั้งนี้ แล้วแต่ว่า subject (ประธาน) เป็นอะไร หากเป็นประธานบุรุษที่ 1 หรือ 2 หรือบุรุษที่ 3 พหูพจน์คือ they หรือนามพหูพจน์ให้ใช้ do แต่หากเป็นประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ he, she, it หรือ นามเอกพจน์ให้ใช้ does
ตัวอย่าง
I hardly knew him.
=Hardly did I know him.
ผมแทบจะไม่รู้จักเขา
We could hardly move.
=Hardly could we move.
พวกเราแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
He rarely comes here.
=Rarely does he come here.
เขาแทบจะไม่มาที่นี่เลย
I can scarcely remember what we ate.
= Scarcely can I remember what we ate.
ผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่าพวกเราได้รับประทานอะไร
There could scarcely be a promising environment.
= Scarcely could there be a promising environment.
แทนจะไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเลย
นอกจาก hardly, rarely และ scarcely จะสามารถใช้ตามโครงสร้างนี้ได้แล้ว ยังมี adverbs และ adverbial expressions อื่นอีก ที่ใช้โครงสร้างประโยคตามนี้ ได้แก่ seldom, not only … but also, no sooner … than, not until, under no circumstances, hardly ever และ never
โปรดดูตัวอย่างเพิ่มเติม
It selsom rains here.
Seldom does it rain here.
ฝนแทบจะไม่ตกที่นี่เลย
I no sooner reached the surface than I was pulled back again. =No sooner did I reach the surface than I was pulled back again.
ผมยังไม่ทันจะขึ้นถึงผิวน้ำเลยก็ถูกดึงกลับไปอีก
หมายเหตุ โครงสร้างแบบ Negative inversion นี้ไม่เป็นที่นิยมใช้ในภาษาทูต มีใช้กันในภาษาเขียนเป็นส่วนใหญ่
6. completely
completely มีความหมายว่า “อย่างสมบูรณ์หรือโดยสมบูรณ์” วางไว้หน้าหรือหลัง main verb หรือหลัง auxiliary ดังโครงสร้าง
หรือ
completely + main verb หรือ sentence + completely
auxiliary + completely
ตัวอย่าง
I completely disagree with you.
I disagree with you completely.
ผมไม่เห็นด้วยกับคุณเลยแม้แต่น้อย
What you said are completely right.
สิ่งที่คุณได้พูดมาถูกต้องไม่มีที่ติเลย
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 14,825 times, 1 visits today)

[NEW] รู้ไว้!! 25 วิธีใช้คำว่า shit ในหลายความหมาย | just ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

กลับมาพบกับ

English Issues

 เช่นเคยนะคะ วันนี้เราจะมาเรียนเรื่องที่ผู้ปกครองอาจจะต้องให้คำแนะนำในการรับชมค่ะ นั่นคือวิธีใช้คำว่า shit นั่นเอง อย่าเพิ่งตกใจค่ะ

พี่พิซซ่า

ไม่ได้จะให้น้องๆ เป็นคนหยาบคาย แต่ยุคนี้เราก็ต้องรู้ไว้บ้างว่าคำนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ทำใจดีๆ แล้วไปดูกันเลย (ใครยังไม่ได้อ่านเรื่อง fuck คราวก่อนก็คลิกเลย)

     คำว่า shit เป็นคำที่หยาบคายมากคำหนึ่งในภาษาอังกฤษค่ะ โดยทั่วไปแล้วไม่ควรพูดใส่คนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่สนิทกันนะคะ อาจจะมีเรื่องกันได้ค่ะ แต่ก็มีการใช้ shit ในความหมายดีๆ ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องขอย้ำก่อนเลยนะคะว่า

อย่านำความหมายในแง่ลบไปฝึกใช้จริง

ค่ะ เพราะคำนี้

ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าใช้ได้มั้ย

ในเมื่อเราไม่ใช่เจ้าของภาษาก็อาจจะมองสถานการณ์ที่เหมาะสมไม่ออก หลีกเลี่ยงการใช้เลยจะดีกว่าค่ะ ให้รู้ไว้เพื่อให้เข้าใจเวลาดูหนังฟังเพลงก็พอ

     ส่วนความหมายปกติของ shit นั้นคือขี้ค่ะ เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา คำที่ฟังดูโอเคหน่อยก็คือ

poop

ที่หมายถึงอึค่ะ เป็นได้ทั้งคำนามและกริยาเช่นกัน หรือ

poo

ที่เป็นคำนาม หรือจะทางการก็

feces

อุจจาระค่ะ สังเกตว่าระดับความรุนแรงของแต่ละคำต่างกัน ถ้าจะใช้ shit ในความหมายปกติจริงๆ ควรใช้กับสัตว์มากกว่าคนค่ะ จะมีใช้กับคนได้ก็ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ จริงๆ

1. shit

หมายถึงแย่มากๆ, ห่วยแตก, เลวร้าย
That song was shit. เพลงนั้นห่วยมาก

2. the shit

หมายถึงดีโคตรๆ, อย่างเจ๋ง, ยอดเยี่ยมสุดๆ เพียงเติม the ไปข้างหน้าก็ได้ความหมายตรงข้ามกันแล้ว
That song was the shit. เพลงนั้นโคตรเจ๋งเลย

3. Holy shit! หรือ Shit!

ใช้เป็นคำอุทาน แสดงความตกใจในเรื่องหรือสิ่งที่ไม่คาดคิด
Holy shit! Did he really eat that? เหยดดดดด เขากินนั่นจริงๆ หรอ

4. a piece of shit

ใช้พูดถึงคนที่นิสัยเลวมาก หรือของที่ไม่ได้มาตรฐาน เอามาใช้ได้ไม่สมกับที่คิดไว้
My new car is a piece of shit. รอคันใหม่ของฉันไม่ได้เรื่องเลย
Someone stop that piece of shit! He stole my money. ใครก็ได้หยุดไอเลวนั่นที มันขโมยเงินฉัน

5. my shit

ใช้พูดถึงข้าวของของตัวเอง เปลี่ยน my เป็น your, his หรืออื่นๆ ก็ได้
Don’t move my shit. อย่าเคลื่อนที่ของของฉัน

6. good shit

หมายถึงของดีๆ มักใช้กับของกินหรือยาเสพติด เพื่อบอกว่าเป็นของชั้นดี คุณภาพเยี่ยม
Have you tried this dish? This is good shit. คุณลองทานเมนูนี้รึยัง นี่เป็นของดีมากๆ เลย

7. No shit.

ใช้พูดเมื่อรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมา แต่เดี๋ยวนี้มักใช้ในเชิงประชดมากกว่า เมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมาและทำเหมือนเป็นข่าวใหญ่นั้น จริงๆ เขารู้กันหมดแล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นด้วยเลย
A: Did you know that Brad Pitt is married? เธอรู้ยังว่าแบรด พิตต์แต่งงานแล้ว
B: No shit. จริงดิ (แบบประชด เพราะคนรู้กันหมดตั้งนานแล้ว)

8. know your shit (about ……….)

มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดีมากๆ สามารถเปลี่ยน your เป็น her, his หรืออื่นๆ ได้ขึ้นกับว่ากำลังพูดถึงใคร
She really knows her shit about cars. เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับรถเป็นอย่างดีสุดๆ

9. full of shit

ใช้พูดถึงคนที่ชอบโกหก หรือเล่าแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องโม้ๆ มโนเวอร์ที่หาสาระไม่ได้
A: I can buy a house with cash. ฉันสามารถซื้อบ้านด้วยเงินสดได้
B: You’re so full of shit. You don’t have that much money. แกมันขี้โม้ แกไม่มีเงินมากขนาดนั้นซะหน่อย
ส่วนอีกคำที่คล้ายกันคือ a load of shit หมายถึงเรื่องโกหกล้วนๆ หรือคำโกหก อันนี้หมายถึงตัวเรื่องนะคะ ส่วนคำแรกหมายถึงตัวคน
Everything he says is a load of shit. ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นแต่คำโกหก

10. a shit stirrer

หมายถึงคนที่ชอบทำให้คนอื่นต้องทะเลาะกันหรือมีเรื่องกัน
Stop talking about my ex, you’re such a shit stirrer! หยุดพูดถึงแฟนเก่าฉันได้แล้ว เธอนี่มันช่างหาเรื่องให้คนอื่นจริงๆ เลย

11. shitfaced

เป็นคำคุณศัพท์ หมายถึงเมาปลิ้น, เมาเละ, เมาหนักมาก สามารถเขียนเป็น shit faced หรือ shit-faced ก็ได้เช่นกัน
I’m sorry. I was shitfaced last night. ผมขอโทษ ผมเมาเละเลยเมื่อคืน
แต่ถ้าอยากใช้ว่าไปเมาเละ ให้ใช้กับกริยา get ค่ะ
Let’s get shitfaced tonight! คืนนี้ไปเมาให้เละกันเถอะ

12. Tough shit


ใช้พูดเมื่ออีกฝ่ายมาบ่นให้ฟัง แล้วไม่รู้จะปลอบอะไรแต่ก็อยากบอกว่าปลงซะเถอะ เพราะยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะมาบ่นเรื่องสอบตก ตกงาน แฟนทิ้ง หรือแม้แต่ลืมกินข้าวก็ตาม
A: She told me she was going to call me this morning but she forgot about me. เธอบอกว่าเธอจะโทรหาฉันเช้านี้แต่เธอกลับลืมไปแล้ว
B: Tough shit. อืม ก็นะ

13. be in deep shit

หมายถึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เจอปัญหาใหญ่
He is in deep shit because his girlfriend knew about Lindsey. เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้วเพราะแฟนเขารู้เรื่องลินด์ซี่ย์แล้ว

14. shit out of ใคร/อะไร

ใช้เพื่อบอกว่าจะทำอะไรบางอย่างแบบเต็มที่สุดๆ ประมาณว่าคนทั่วไปเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก
I’ll beat the shit out of you. ฉันจะอัดแกให้น่วม (ประมาณว่าปกติจะอัดในระดับหนึ่งแต่กับคนนี้อาจมีความแค้นเป็นพิเศษจนจะทำหนักกว่าปกติ)

15. scare the shit out of me

ทำให้ฉันกลัวจนขี้หดตดหาย เปลี่ยน me เป็น you, him, her หรืออื่นๆ ได้ ขึ้นกับว่าทำให้ใครกลัว
Geez! You scared the shit out of me. เฮ้ย เธอทำฉันกลัวสุดๆ ไปเลย
แต่ถ้าจะเอาคนที่รู้สึกกลัวขี้หดตดหายขึ้นเป็นประธานของประโยคว่าเขารู้สึกกลัว (ไม่ได้บอกว่าใครทำ) สามารถใช้ be scare shitless ได้ค่ะ
I was scared shitless when I was on a roller coaster.
ฉันกลัวเป็นบ้าเลยตอนอยู่บนรถไฟเหาะ

16. get your shit together

หมายถึงให้จัดการชีวิตตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง หรือทำอะไรให้เรียบร้อย มักเป็นคำแนะนำของคนที่เป็นห่วง หรือเป็นคำสั่งจากคนที่สูงกว่า
He’s getting his shit together. He’s back in school. เขากำลังจัดการชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น เขากลับมาเรียนแล้ว

17. not give a shit

ใช้บอกว่าไม่สนใจ, ไม่แคร์ในเรื่องนั้นๆ เลยซักนิด
Just do you want. I don’t give a shit. จะทำอะไรก็ทำไปเลย ฉันไม่แคร์

18. a shit list

ลิสต์ในหัวที่เต็มไปด้วยชื่อคนที่เราไม่ชอบ มักเป็นคนนิสัยไม่ดีที่ชอบทำอะไรไม่ดีใส่เรา หรือเป็นคนที่เรารำคาญ
I don’t want to see his face. He’s on my shit list. ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาอยู่ในชิทลิสต์ของฉัน

19. shit happens

สื่อว่าเข้าใจดีว่าชีวิตคนเราย่อมมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ออกแนวยอมรับชะตากรรมหรือปลง
A: Where’s your wallet? กระเป๋าสตางค์เธอไปไหนล่ะ
B: It was stolen this morning. Shit happens. มันโดนขโมยไปเมื่อเช้า ช่างเหอะ

20. shoot the shit

คุยกับเพื่อนในเรื่องทั่วๆ ไปในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง
We’re looking for a nice bakery to shoot the shit. เรากำลังมองหาร้านขนมสวยๆ เพื่อไปนั่งเม้ามอย

21. Does a bear shit in the woods?

เป็นคำถามแบบไม่ต้องการคำตอบ มักใช้เวลาอีกฝ่ายถามอะไรมา และเป็นคำถามที่ยังไงก็รู้คำตอบกันอยู่แล้ว เหมือนถามกวนว่าจะถามทำไม
A: Are you going to the party tonight? เธอจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้มั้ย
B: Does a bear shit in the woods? Of course I’m going! ถามอะไรเนี่ย ฉันไปอยู่แล้วสิ (B คงเป็นคนที่ชอบปาร์ตี้และไปทุกงานไม่เคยพลาด จึงไม่ควรถามเลยว่าจะไปมั้ย)

22. when the shit hits the fan

หมายถึงสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงหรือเละเทะไปหมดจนเกินควบคุม จากที่ตอนแรกเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เรื่องเดียว มักใช้กับความลับที่เก็บไว้ถูกเปิดเผย แล้วส่งผลให้เป็นเรื่องโกลาหลใหญ่โต
If Mom finds out how much you spent on this car, the shit will really hit the fan. ถ้าแม่รู้ว่าเธอใช้เงินไปกับรถคันนี้เท่าไหร่นะ ความซวยบังเกิดแหง

23. Shit just got real
ใช้เมื่ออยู่ๆ จากสถานการณ์ธรรมดาๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่เข้มข้นขึ้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ หรือจากเรื่องง่ายๆ อยู่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาซะงั้น หรือจากที่หัวเราะกันอยู่ดีๆ ก็บรรยากาศมาคุOh! Shit just got real. โอ้ เริ่มจริงจังกันแล้วสินะ

24. shit out of luck

ใช้พูดเมื่อดวงซวย หรือดวงดีๆ ที่มีมาหมดไปแล้ว
A: The tickets have all sold out. ตั๋วหมดเกลี้ยงแล้วอ่ะ
B: It looks like you’re shit out of luck. ดูเหมือนว่าเธอจะอับโชคนะ

25. Eat shit!

เป็นคำหยาบคายมากๆ ของ No ใช้ปฏิเสธการทำอะไรบางอย่างหรือไล่อีกคนให้ไปไกลๆ
A: Excuse me, would you mind …? ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะ…
B: Eat shit! ไปกินขี้ซะ (ไล่ไปตั้งแต่เขายังพูดไม่ทันจบประโยค)

     นี่แค่เล็กๆ น้อยๆ กับ 25 วิธีใช้ที่พี่พิซซ่าเอามาฝากนะคะ ความจริงมีการใช้ได้อีกมากมายหลายแบบเลย ทั้งการพลิกแพลงจากใน 25 ข้อนี้ และวิธีอื่นๆ ที่ไม่ได้นำเสนอค่ะ แต่พี่คิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอสำหรับหนังและซีรี่ส์ที่เราดูกันทั่วไปแล้วนะคะ ย้ำอีกทีว่าเรื่องนี้ไม่ต้องฝึกใช้ในชีวิตจริงนะคะ เพราะพี่ไม่รับรองความปลอดภัยค่ะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านวิธีใช้อีกคำที่หยาบกว่าอย่าง fuck สามารถคลิกตามไปอ่านได้ที่นี่เลยนะคะ

 


When กับ While ใช้อย่างไร


เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

When กับ While ใช้อย่างไร

24ชม. บอสสควิดเกมถูกตุ๊กตายองฮีเลี้ยง – Twilight Daycare Squid Game3 [vaha555]


😘💕ซื้อเสื้อพี่เอกตรงนี้จ้า อิอิ
https://www.roblox.com/catalog/5031142933/vaha555ShirtV2

🌼 ดีจ้า ยินดีต้อนรับทุกคนจ้า พี่เอกมีคลิปใหม่ๆ ทุกวัน 7 โมงเช้า และจะมีคลิปพิเศษๆ 5 โมงเย็น ด้วยน้า.. เพื่อนๆดูคลิปพี่เอกแล้วสนุก ก็ช่วยกดไลค์ ⭐️กดแชร์ ⭐️กดซับสไคร ⭐️กดกระดิ่งแจ้งเตือน เพื่อเป็นกำลังใจให้พี่เอกด้วยนะครับ 💕 และที่สำคัญ.. อย่าลืมคอมเม้นน้า… กำลังใจอย่างดีเลยจ้า
🌼 Hello, everyone! You are welcome to visit \”vaha555\” . Let’ s have fun with us! If you enjoy , Please support us ‘Like , Share, ⭐️SUBSCRIBE , and hit the notification bell’ .Well, don’t forget commment. Thank you for watching 💕
🎮 Game Link: https://www.roblox.com/games/6507422231/TwilightDaycareNewCostumes
🎵Music
🎵Track :
TwilightDaycare vaha555 พี่เอกโรบอก
Squidgame พี่เอกพี่ฝน
เกมมือถือ robloxckkid

24ชม. บอสสควิดเกมถูกตุ๊กตายองฮีเลี้ยง - Twilight Daycare Squid Game3 [vaha555]

การใช้ already, yet, just, since, for ใน present perfect


การใช้ already, yet, just, since, for ใน present perfect

หาปลากับพ่อ EP.9 ลงข่าย จับปลา ปิ้งปลากินสดๆ ปลายปี2021 !! l ครัวป่าไผ่ SAN CE


สมัครเป็นสมาชิก เพื่อสนับสนุนพ่อกับผม และเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ
https://www.youtube.com/channel/UCuRLkzeOlY6IcUy3PVLZG6w/join
ติดต่องาน หรือสปอนเซอร์
ID Line. sanceshop
โทร. 0820356276
สนใจสินค้าหนังปอง น้ำพริกกากหมู สูตรครัวป่าไผ่
สั่งซื้อได้ที่…Line ► @sance :: https://line.me/R/ti/p/%40175tyukl
พ่อเป็นคนชอบ ทำอาหาร อาหารที่พ่อทำ จะเป็นแนวอาหารป่า เครื่องปรุงน้อย เรียกได้ว่าเป็นเมนูง่ายๆ แต่รสชาติก็อร่อยเอาเรื่องอยู่ครับ อี้ก่าเหมาะขนาด!!

I just show you, how to cook for my daily food.
Please Subscribe Thanks. ► https://www.youtube.com/sance
Facebook ► https://www.facebook.com/sance.fc
Instagram ► https://www.instagram.com/sance.official
sance แสนซีอี ครัวป่าไผ่

หาปลากับพ่อ EP.9 ลงข่าย จับปลา ปิ้งปลากินสดๆ ปลายปี2021 !! l ครัวป่าไผ่ SAN CE

Remember, Realize กับ Recognize ใช้ยังไง


เว็บอดัม: http://www.ajarnadam.com
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

Remember, Realize กับ Recognize ใช้ยังไง

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ just ใช้ยังไง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *