Skip to content
Home » [NEW] Verb คืออะไร / Verb มีอะไรบ้าง อธิบายละเอียด! | ประโยค verb to do – NATAVIGUIDES

[NEW] Verb คืออะไร / Verb มีอะไรบ้าง อธิบายละเอียด! | ประโยค verb to do – NATAVIGUIDES

ประโยค verb to do: คุณกำลังดูกระทู้

36

SHARES

Facebook

Twitter

Verb คืออะไร  Verb มีอะไรบ้าง และหลักการใช้ Verb มีอะไรบ้าง: สรุปคร่าวๆ Verb แปลว่า คำกริยา แบ่งแยกออกเป็นหลายชนิดหลายประเภท แล้วแต่ตำราว่าจะแบ่งโดยใช้หลักเกณฑ์ใด ส่วนหลักการใช้นั้น ประเด็นที่สำคัญจะอยู่ที่ Tense ทั้ง 12 ครับ

verb คืออะไร

Table of Contents

หัวข้อในการเรียนรู้ Verb (คำกริยา)

  • Verb  คืออะไร
  • Verb มีอะไรบ้าง
  • หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง
  • ตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย

♦ Verb คืออะไร

Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience

Verb อ่านว่า เวิบ คือ คำหรือกลุ่มคำที่บรรยาย การกระทำ สถานะ หรือประสบการณ์

กล่าวคือ เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง เช่น

A man eats a mango.  ผู้ชาย กิน มะม่วง – คำว่า eat บอกการกระทำ

The sun is hot. พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน – คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is am are บางทีจะไม่แปลกัน

I feel cold. ฉัน รู้สึก หนาว – คำว่า feel บอกประสบการณ์ของตัวฉันให้รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร

♦ Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท

การแบ่งประเภทของ Verb ขึ้นอยู่กับว่า จะแบ่งกันอย่างไรนะครับ ไม่กำหนดหลักเกณฑ์ตายตัวแน่นอน

1. สกรรมกริยา (Transitive Verb) และ อกรรมกริยา (Intransitive Verb)

– สกรรมกริยา (Transitive Verb) คือกริยาที่ต้องมากรรมมารับ มิฉะนั้นจะไม่สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ คำกริยาชนิดนี้ ได้แก่ love, like, eat, hit, clean, buy, cut, do, have, make, meet เป็นต้น ถ้าไม่มีกรรมมารับจะไม่สามารถสื่อความกันได้เป็นที่เข้าใจกัน เช่น

I love. ผมรัก…. อ้าวแล้วรักอะไรล่ะ ..ดังนั้นจึงต้องมีกรรมมารองรับ

We eat. พวกเรากิน…. อ้าวแล้วกินอะไรล่ะ ..ดังนั้นจึงต้องมีกรรมมารองรับ

ตัวอย่างเช่น

  • I love you.
ผมรักคุณ (คุณเป็นกรรมของประโยค)

  • You like a cat.
คุณชอบแมว (แมวเป็นกรรมของประโยค)

  • We eat rice.
พวกเรากินข้าว (ข้าวเป็นกรรมของประโยค)

• They buy a car.
พวกเขาซื้อรถยนต์ (รถยนต์เป็นกรรมของประโยค)

– อกรรมกริยา (Transitive Verb) คือกริยาที่ไม่ต้องมากรรมมารับ ก็สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ คำกริยาชนิดนี้ ได้แก่ sit, stand, swim, walk, sleep, fly, run, sing, dance เป็นต้น

• I sit.
ผมนั่ง

  • You stand.
คุณยืน

  • We walk.
พวกเราเดิน

• They sleep.
พวกเขานอนหลับ

จะเห็นได้ว่าแค่มีประธาน กับกริยา ก็สามารถสื่อความได้แล้วว่า ใครทำอะไร

2. กริยาแท้ (Main Verb) และ กริยาช่วย (Helping Verb)

– กริยาแท้ (Main Verb) หรือกริยาหลักของประโยค ถ้าในประโยคนั้นๆมีคำกริยาตัวเดียว จะไม่ใช่ปัญหาใดๆ เพราะคำกริยาที่ปรากฎ มันก็คือกริยาหลักของประโยคนั้นเอง เช่น

•  I walk to school.
ฉันเดินไปโรงเรียน  ( walk เป็นกริยาแท้)

  • You are a doctor. 
คุณเป็นหมอ  (are เป็นกริยาแท้)

• They sing beautifully.
พวกเขาร้องเพลงอย่างไพเราะ (sing เป็นกริยาแท้)

• They eat rice.  
พวกเขากินข้าว (eat เป็นกริยาแท้)

กริยาช่วย (Helping Verb) บ้างก็เรียกว่า auxiliary verb หมายถึง คำกริยาที่เป็นตัวเสริมเข้าไปร่วมกับกริยาแท้ ให้ถูกต้องตามโครงสร้างของประโยค โดยที่ไม่มีความหมายใดๆ

เรียนรู้เพิ่มเติม ⇒  กริยาช่วย 24 ตัว ⇐

•  I am walking to school.
ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน  ( am เป็นกริยาช่วย ส่วน walk เติม ing เป็นกริยาแท้)

•  You are a doctor.
คุณเป็นหมอ  (are เป็นกริยาแท้)

• They are singing beautifully.
พวกเขากำลังร้องเพลงอย่างไพเราะ (are เป็นกริยาช่วย ส่วน sing เติม ing เป็นกริยาแท้)

• They have eaten rice.
พวกเขากินข้าวแล้ว (have เป็นกริยาช่วย ส่วน eaten เป็นกริยาแท้)

ปล. คำว่า is am are และ have has ถ้าปรากฎลำพังในประโยคจะเป็นกริยาแท้ แต่ถ้าไปเสริมเข้ากับกริยาตัวอื่นจะเป็นกริยาช่วย เช่น

I am a doctor.  ผมเป็นหมอ (am เป็นกริยาแท้)

I am singing. ผมกำลังร้องเพลง (am เป็นกริยาช่วย)

I have a dog. ผมมีหมาหนึ่งตัว (have เป็นกริยาแท้)

I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (have เป็นกริยาช่วย)

2. กริยาปกติ (Regular Verb) และ กริยาอปกติ (Irregular Verb)

เรียนรู้ตารางคำกริยาที่ใช้บ่อย ⇒  กริยา 3 ช่อง ⇐

กริยาปกติ (Regular Verb) คือ คำกริยาที่เติม ed ต่อท้าย ในช่อง 2 และ 3 ซึ่งเป็นการง่ายสำหรับผู้เรียน ถ้าจะผันกริยา เพราะแค่เติม ed ต่อท้ายแค่นั้นเอง เช่น

1
answer
answered
answered
ตอบ (คำถาม) รับ (โทรศัพท)

2
arrive
arrived
arrived
มาถึง ไปถึง

3
attend อะเท็นด
attended อะเท็นเด็ด
attended
(เข้าร่วม) ประชุม

4
beg เบก
begged เบกด
begged
ขอ

5
call  คอล
called คอลด
called
เรียก โทรหา

6
change เชนจึ
changed เชนจดึ
changed
เปลี่ยน

7
clean คลีน
cleaned คลีนด
cleaned
 ทำความสะอาด

กริยาอปกติ (Regular Verb) จะเรียกมันว่า กริยาผิดปกติก็ได้นะ เพราะกริยากลุ่มนี้ จะแปลงร่างตัวเอง ในช่อง 2 และ 3 ซึ่ง ทำให้ผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่า มันแปลงร่างไปยังไง และบางคำก็คงรูปเดิมไว้ซะอย่างนั้น เช่น

1

be = is, am, are
was, were
been
เป็น อยู่ คือ

2

become (บิคั๊ม)
became  (บิเค๊ม)
become
กลายเป็น

3

begin (บิกิ๊น)
began  (บิแก๊น)
begun (บิกั๊น)
เริ่มต้น

4

cut คัท
cut
cut
ตัด

5

do ดู
did ดิด
done ดัน
ทำ

6

go โก
went เว็นท
gone กอน
ไป

♦  หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง

หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

eat.  ฉันกิน

am eating.  ฉันกำลังกิน

have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว

I ate. ฉันกินมาแล้ว

I will eat. ฉันจะกิน

เรียนรู้หลักการใช้  Verb  ⇒ Tense 12 ⇐

♦ ตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย

ตัวอย่างของ Verb ที่ใช้บ่อยๆมีอะไรบ้าง คลิกตรงนี้เลยครับ   ⇒ กริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย ⇐

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.5 / 5. Vote count: 320

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] Verb to be, Verb to have, Verb to do | ประโยค verb to do – NATAVIGUIDES

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ

( ภาษาอังกฤษ )

บทเรียนที่ 4

LESSON 4

Verb to be

Verb to be ได้แก่ is, am, are แปลว่า เป็น, อยู่, คือ

ประโยคบอกเล่าประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I amI am notAm I ….. ?
You are
We are
They areYou are not
We are not
They are notAre you ….. ?
Are we ….. ?
Are they …. ?
He is
She is
It isHe is not
She is not
It is notIs he ….. ?
Is she ….. ?
Is it ….. ?

ยกตัวอย่าง I am a teacher. แปลว่า ฉันเป็นครู

You are a soldier. แปลว่า คุณเป็นทหาร

He is a policeman. แปลว่า เขาเป็นตำรวจ

Verb to be ได้แก่ is, am, are แปลว่า เป็น, อยู่, คือยกตัวอย่าง I am a teacher. แปลว่า ฉันเป็นครูYou are a soldier. แปลว่า คุณเป็นทหารHe is a policeman. แปลว่า เขาเป็นตำรวจ

Verb to have

Verb to have ได้แก่ has, have แปลว่า มี

ประโยคบอกเล่าประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I have
You have
We have
They haveI have not
You have not
We have not
They have notHave I ….. ?
Have you ….. ?
Have we ….. ?
Have they ….. ?
He has
She has
It hasHe has not
She has not
It has notHas he ….. ?
Has she ….. ?
Has it ….. ?

ยกตัวอย่าง They have pencil. แปลว่า เขาทั้งหลายมีดินสอหลายแท่ง

She has a white cat. แปลว่า เธอมีแมวสีขาว

Verb to have ได้แก่ has, have แปลว่า มียกตัวอย่าง They have pencil. แปลว่า เขาทั้งหลายมีดินสอหลายแท่งShe has a white cat. แปลว่า เธอมีแมวสีขาว

Verb to do

Verb to do ได้แก่ do, does

ประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I do not (don’t)
You do not (dont’t)
We do not (don’t)
They do not (don’t)Do I ….. ?
Do you ….. ?
Do we ….. ?
Do they ….. ?
He does not (doesn’t)
She does not (doesn’t)
It does not (doesn’t)Does he ….. ?
Does she ….. ?
Does it ….. ?

ยกตัวอย่าง We don’t go to school on Sunday. แปลว่า พวกเราไม่ไปโรงเรียนในวันอาทิตย์

She doestn’t wear a hat today. แปลว่า เธอไม่ได้สวมหมวกวันนี้

Verb to do ได้แก่ do, doesยกตัวอย่าง We don’t go to school on Sunday. แปลว่า พวกเราไม่ไปโรงเรียนในวันอาทิตย์She doestn’t wear a hat today. แปลว่า เธอไม่ได้สวมหมวกวันนี้


เรียนอังกฤษ: การใช้ Do กับ Does ในการแต่งประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ


วันนี้มาเรียนการใช้คำว่า do กับ does กันนะคะ
Do กับ Does คือ Verb ช่วยนะคะ เอาไว้ใช้ในประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถามของ Present Simple Tense ค่ะ
รูปแบบประโยคของ Present Simple Tense ก็คือ ประธาน + V. ช่อง 1
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ กริยาไม่ต้องเติม s
เวลาแต่งประโยคปฏิเสธ ต้องเอา do หรือ does มาช่วยค่ะ
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ หรือ I/You/We/They ให้ใช้ do
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ หรือ He/She/It ให้ใช้ does
เมื่อมีคำว่า do หรือ does นำหน้าในประโยคแล้ว กริยาตัวถัดไปไม่ต้องเติม s แล้วนะคะ
ยกตัวอย่าง
He likes to play games. เค้าผู้ชาย ชอบเล่นเกมส์
He does not like to play games. เค้าผู้ชาย ไม่ชอบเล่นเกมส์ (เห็นมั้ยคะว่าคำว่า like ไม่เติม s แล้วนะคะ เพราะมีคำว่า does นำหน้าแล้วค่ะ)
Does he like to play games? เค้าชอบเล่นเกมส์มั้ย? (เห็นมั้ยคะว่า พอเอาว่าคำ does มาขึ้นหน้าประโยค ประโยคเหล่านั้นจะกลายเป็นคำถามทันทีค่ะ แล้วกริยาหลังจากนั้นก็ไม่ต้องเติม s แล้วนะคะ)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

เรียนอังกฤษ: การใช้ Do กับ Does ในการแต่งประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ

การใช้ Verb to do / do, does, did, done เข้าใจใน 10 นาที : เรียนภาษาอังกฤษฟรี


หลักการใช้ Verb to do การสร้างประโยคคำถาม และปฏิเส
เรียนภาษาอังกฤษฟรี แต่งประโยคภาษาอังกฤษ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี

เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟาง, ฝึกภาษาอังกฤษ, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, ติวสอบภาษาอังกฤษ, ติวภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน, ประโยคภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, คำศัพท์อังกฤษ, English lesson, แกรมม่าภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ

การใช้ Verb to do / do, does, did, done เข้าใจใน 10 นาที : เรียนภาษาอังกฤษฟรี

Verb to do กับ Verb to be เลือกใช้ตัวไหนดีในการสร้างประโยค???


ติดตาม ครูเชอรี่ English Bright\r
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

Verb to do กับ Verb to be เลือกใช้ตัวไหนดีในการสร้างประโยค???

Cooking Verbs


Learn the main verbs (vocabulary) related to cooking in English.This ESL vocabulary is ideal for a beginner or intermediate level student.

Cooking Verbs

ฝึกพูดให้เป็นประโยค จากคำหลักเพียง2 คำ II should และ shouldn’t


should = ควรทำ
should not = ไม่ควรทำ
ใช้พูดสื่อสารยังไงให้ถูกต้อง

ฝึกพูดให้เป็นประโยค จากคำหลักเพียง2 คำ II should และ shouldn't

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยค verb to do

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *