ประโยค verb to do: คุณกำลังดูกระทู้
36
SHARES
Verb คืออะไร Verb มีอะไรบ้าง และหลักการใช้ Verb มีอะไรบ้าง: สรุปคร่าวๆ Verb แปลว่า คำกริยา แบ่งแยกออกเป็นหลายชนิดหลายประเภท แล้วแต่ตำราว่าจะแบ่งโดยใช้หลักเกณฑ์ใด ส่วนหลักการใช้นั้น ประเด็นที่สำคัญจะอยู่ที่ Tense ทั้ง 12 ครับ
Table of Contents
หัวข้อในการเรียนรู้ Verb (คำกริยา)
- Verb คืออะไร
- Verb มีอะไรบ้าง
- หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง
- ตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย
♦ Verb คืออะไร
Verb is a word or phrase that describes an action, condition, or experience
Verb อ่านว่า เวิบ คือ คำหรือกลุ่มคำที่บรรยาย การกระทำ สถานะ หรือประสบการณ์
กล่าวคือ เป็นคำที่บอกให้รู้ว่าประธานของประโยค ทำอะไร หรือมีสถานะเป็นอย่างไรนั่นเอง เช่น
A man eats a mango. ผู้ชาย กิน มะม่วง – คำว่า eat บอกการกระทำ
The sun is hot. พระอาทิตย์ (คือ) ร้อน – คำว่า is บอกสถานะของพระอาทิตย์ว่าเป็นอย่างไร แต่คำว่า is am are บางทีจะไม่แปลกัน
I feel cold. ฉัน รู้สึก หนาว – คำว่า feel บอกประสบการณ์ของตัวฉันให้รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร
♦ Verb มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท
การแบ่งประเภทของ Verb ขึ้นอยู่กับว่า จะแบ่งกันอย่างไรนะครับ ไม่กำหนดหลักเกณฑ์ตายตัวแน่นอน
1. สกรรมกริยา (Transitive Verb) และ อกรรมกริยา (Intransitive Verb)
– สกรรมกริยา (Transitive Verb) คือกริยาที่ต้องมากรรมมารับ มิฉะนั้นจะไม่สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ คำกริยาชนิดนี้ ได้แก่ love, like, eat, hit, clean, buy, cut, do, have, make, meet เป็นต้น ถ้าไม่มีกรรมมารับจะไม่สามารถสื่อความกันได้เป็นที่เข้าใจกัน เช่น
I love. ผมรัก…. อ้าวแล้วรักอะไรล่ะ ..ดังนั้นจึงต้องมีกรรมมารองรับ
We eat. พวกเรากิน…. อ้าวแล้วกินอะไรล่ะ ..ดังนั้นจึงต้องมีกรรมมารองรับ
ตัวอย่างเช่น
• I love you.
ผมรักคุณ (คุณเป็นกรรมของประโยค)
• You like a cat.
คุณชอบแมว (แมวเป็นกรรมของประโยค)
• We eat rice.
พวกเรากินข้าว (ข้าวเป็นกรรมของประโยค)
• They buy a car.
พวกเขาซื้อรถยนต์ (รถยนต์เป็นกรรมของประโยค)
– อกรรมกริยา (Transitive Verb) คือกริยาที่ไม่ต้องมากรรมมารับ ก็สามารถสื่อความหมายได้สมบูรณ์ คำกริยาชนิดนี้ ได้แก่ sit, stand, swim, walk, sleep, fly, run, sing, dance เป็นต้น
• I sit.
ผมนั่ง
• You stand.
คุณยืน
• We walk.
พวกเราเดิน
• They sleep.
พวกเขานอนหลับ
จะเห็นได้ว่าแค่มีประธาน กับกริยา ก็สามารถสื่อความได้แล้วว่า ใครทำอะไร
2. กริยาแท้ (Main Verb) และ กริยาช่วย (Helping Verb)
– กริยาแท้ (Main Verb) หรือกริยาหลักของประโยค ถ้าในประโยคนั้นๆมีคำกริยาตัวเดียว จะไม่ใช่ปัญหาใดๆ เพราะคำกริยาที่ปรากฎ มันก็คือกริยาหลักของประโยคนั้นเอง เช่น
• I walk to school.
ฉันเดินไปโรงเรียน ( walk เป็นกริยาแท้)
• You are a doctor.
คุณเป็นหมอ (are เป็นกริยาแท้)
• They sing beautifully.
พวกเขาร้องเพลงอย่างไพเราะ (sing เป็นกริยาแท้)
• They eat rice.
พวกเขากินข้าว (eat เป็นกริยาแท้)
กริยาช่วย (Helping Verb) บ้างก็เรียกว่า auxiliary verb หมายถึง คำกริยาที่เป็นตัวเสริมเข้าไปร่วมกับกริยาแท้ ให้ถูกต้องตามโครงสร้างของประโยค โดยที่ไม่มีความหมายใดๆ
เรียนรู้เพิ่มเติม ⇒ กริยาช่วย 24 ตัว ⇐
• I am walking to school.
ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน ( am เป็นกริยาช่วย ส่วน walk เติม ing เป็นกริยาแท้)
• You are a doctor.
คุณเป็นหมอ (are เป็นกริยาแท้)
• They are singing beautifully.
พวกเขากำลังร้องเพลงอย่างไพเราะ (are เป็นกริยาช่วย ส่วน sing เติม ing เป็นกริยาแท้)
• They have eaten rice.
พวกเขากินข้าวแล้ว (have เป็นกริยาช่วย ส่วน eaten เป็นกริยาแท้)
ปล. คำว่า is am are และ have has ถ้าปรากฎลำพังในประโยคจะเป็นกริยาแท้ แต่ถ้าไปเสริมเข้ากับกริยาตัวอื่นจะเป็นกริยาช่วย เช่น
I am a doctor. ผมเป็นหมอ (am เป็นกริยาแท้)
I am singing. ผมกำลังร้องเพลง (am เป็นกริยาช่วย)
I have a dog. ผมมีหมาหนึ่งตัว (have เป็นกริยาแท้)
I have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (have เป็นกริยาช่วย)
2. กริยาปกติ (Regular Verb) และ กริยาอปกติ (Irregular Verb)
เรียนรู้ตารางคำกริยาที่ใช้บ่อย ⇒ กริยา 3 ช่อง ⇐
กริยาปกติ (Regular Verb) คือ คำกริยาที่เติม ed ต่อท้าย ในช่อง 2 และ 3 ซึ่งเป็นการง่ายสำหรับผู้เรียน ถ้าจะผันกริยา เพราะแค่เติม ed ต่อท้ายแค่นั้นเอง เช่น
1
answer
answered
answered
ตอบ (คำถาม) รับ (โทรศัพท)
2
arrive
arrived
arrived
มาถึง ไปถึง
3
attend อะเท็นด
attended อะเท็นเด็ด
attended
(เข้าร่วม) ประชุม
4
beg เบก
begged เบกด
begged
ขอ
5
call คอล
called คอลด
called
เรียก โทรหา
6
change เชนจึ
changed เชนจดึ
changed
เปลี่ยน
7
clean คลีน
cleaned คลีนด
cleaned
ทำความสะอาด
กริยาอปกติ (Regular Verb) จะเรียกมันว่า กริยาผิดปกติก็ได้นะ เพราะกริยากลุ่มนี้ จะแปลงร่างตัวเอง ในช่อง 2 และ 3 ซึ่ง ทำให้ผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่า มันแปลงร่างไปยังไง และบางคำก็คงรูปเดิมไว้ซะอย่างนั้น เช่น
1
be = is, am, are
was, were
been
เป็น อยู่ คือ
2
become (บิคั๊ม)
became (บิเค๊ม)
become
กลายเป็น
3
begin (บิกิ๊น)
began (บิแก๊น)
begun (บิกั๊น)
เริ่มต้น
4
cut คัท
cut
cut
ตัด
5
do ดู
did ดิด
done ดัน
ทำ
6
go โก
went เว็นท
gone กอน
ไป
♦ หลักการใช้ Verb ใช้ยังไง
หลักการใช้ verb จะว่าไปแล้วมันก็คือ Verb Tense หรือ Tense 12 นั่นแหละครับ คำกริยาคำเดียวเดียวกัน สามารถสื่อความได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
I eat. ฉันกิน
I am eating. ฉันกำลังกิน
I have eaten. ฉันกินเสร็จแล้ว
I ate. ฉันกินมาแล้ว
I will eat. ฉันจะกิน
เรียนรู้หลักการใช้ Verb ⇒ Tense 12 ⇐
♦ ตัวอย่าง Verb ที่ใช้บ่อย
ตัวอย่างของ Verb ที่ใช้บ่อยๆมีอะไรบ้าง คลิกตรงนี้เลยครับ ⇒ กริยา 3 ช่องที่ใช้บ่อย ⇐
ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…
คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…
[NEW] Verb to be, Verb to have, Verb to do | ประโยค verb to do – NATAVIGUIDES
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาต่างประเทศ
( ภาษาอังกฤษ )
บทเรียนที่ 4
LESSON 4
Verb to be
Verb to be ได้แก่ is, am, are แปลว่า เป็น, อยู่, คือ
ประโยคบอกเล่าประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I amI am notAm I ….. ?
You are
We are
They areYou are not
We are not
They are notAre you ….. ?
Are we ….. ?
Are they …. ?
He is
She is
It isHe is not
She is not
It is notIs he ….. ?
Is she ….. ?
Is it ….. ?
ยกตัวอย่าง I am a teacher. แปลว่า ฉันเป็นครู
You are a soldier. แปลว่า คุณเป็นทหาร
He is a policeman. แปลว่า เขาเป็นตำรวจ
Verb to be ได้แก่ is, am, are แปลว่า เป็น, อยู่, คือยกตัวอย่าง I am a teacher. แปลว่า ฉันเป็นครูYou are a soldier. แปลว่า คุณเป็นทหารHe is a policeman. แปลว่า เขาเป็นตำรวจ
Verb to have
Verb to have ได้แก่ has, have แปลว่า มี
ประโยคบอกเล่าประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I have
You have
We have
They haveI have not
You have not
We have not
They have notHave I ….. ?
Have you ….. ?
Have we ….. ?
Have they ….. ?
He has
She has
It hasHe has not
She has not
It has notHas he ….. ?
Has she ….. ?
Has it ….. ?
ยกตัวอย่าง They have pencil. แปลว่า เขาทั้งหลายมีดินสอหลายแท่ง
She has a white cat. แปลว่า เธอมีแมวสีขาว
Verb to have ได้แก่ has, have แปลว่า มียกตัวอย่าง They have pencil. แปลว่า เขาทั้งหลายมีดินสอหลายแท่งShe has a white cat. แปลว่า เธอมีแมวสีขาว
Verb to do
Verb to do ได้แก่ do, does
ประโยคปฏิเสธประโยคคำถาม
I do not (don’t)
You do not (dont’t)
We do not (don’t)
They do not (don’t)Do I ….. ?
Do you ….. ?
Do we ….. ?
Do they ….. ?
He does not (doesn’t)
She does not (doesn’t)
It does not (doesn’t)Does he ….. ?
Does she ….. ?
Does it ….. ?
ยกตัวอย่าง We don’t go to school on Sunday. แปลว่า พวกเราไม่ไปโรงเรียนในวันอาทิตย์
She doestn’t wear a hat today. แปลว่า เธอไม่ได้สวมหมวกวันนี้
Verb to do ได้แก่ do, doesยกตัวอย่าง We don’t go to school on Sunday. แปลว่า พวกเราไม่ไปโรงเรียนในวันอาทิตย์She doestn’t wear a hat today. แปลว่า เธอไม่ได้สวมหมวกวันนี้
เรียนอังกฤษ: การใช้ Do กับ Does ในการแต่งประโยคคำถามและประโยคปฏิเสธ
วันนี้มาเรียนการใช้คำว่า do กับ does กันนะคะ
Do กับ Does คือ Verb ช่วยนะคะ เอาไว้ใช้ในประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถามของ Present Simple Tense ค่ะ
รูปแบบประโยคของ Present Simple Tense ก็คือ ประธาน + V. ช่อง 1
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ กริยาไม่ต้องเติม s
เวลาแต่งประโยคปฏิเสธ ต้องเอา do หรือ does มาช่วยค่ะ
ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ หรือ I/You/We/They ให้ใช้ do
ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ หรือ He/She/It ให้ใช้ does
เมื่อมีคำว่า do หรือ does นำหน้าในประโยคแล้ว กริยาตัวถัดไปไม่ต้องเติม s แล้วนะคะ
ยกตัวอย่าง
He likes to play games. เค้าผู้ชาย ชอบเล่นเกมส์
He does not like to play games. เค้าผู้ชาย ไม่ชอบเล่นเกมส์ (เห็นมั้ยคะว่าคำว่า like ไม่เติม s แล้วนะคะ เพราะมีคำว่า does นำหน้าแล้วค่ะ)
Does he like to play games? เค้าชอบเล่นเกมส์มั้ย? (เห็นมั้ยคะว่า พอเอาว่าคำ does มาขึ้นหน้าประโยค ประโยคเหล่านั้นจะกลายเป็นคำถามทันทีค่ะ แล้วกริยาหลังจากนั้นก็ไม่ต้องเติม s แล้วนะคะ)
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
การใช้ Verb to do / do, does, did, done เข้าใจใน 10 นาที : เรียนภาษาอังกฤษฟรี
หลักการใช้ Verb to do การสร้างประโยคคำถาม และปฏิเส
เรียนภาษาอังกฤษฟรี แต่งประโยคภาษาอังกฤษ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี
เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟาง, ฝึกภาษาอังกฤษ, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, ติวสอบภาษาอังกฤษ, ติวภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน, ประโยคภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, คำศัพท์อังกฤษ, English lesson, แกรมม่าภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ
Verb to do กับ Verb to be เลือกใช้ตัวไหนดีในการสร้างประโยค???
ติดตาม ครูเชอรี่ English Bright\r
https://www.facebook.com/cherry.englishbright
Cooking Verbs
Learn the main verbs (vocabulary) related to cooking in English.This ESL vocabulary is ideal for a beginner or intermediate level student.
ฝึกพูดให้เป็นประโยค จากคำหลักเพียง2 คำ II should และ shouldn’t
should = ควรทำ
should not = ไม่ควรทำ
ใช้พูดสื่อสารยังไงให้ถูกต้อง
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประโยค verb to do