Skip to content
Home » [NEW] Infinitive คืออะไร มีการใช้อย่างไร | verbคือ – NATAVIGUIDES

[NEW] Infinitive คืออะไร มีการใช้อย่างไร | verbคือ – NATAVIGUIDES

verbคือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เรื่อง infinitive กัน โดยชิววี่จะตอบข้อสงสัยของหลายๆคนว่า infinitive คืออะไร มีวิธีใช้ยังไง รวมไปถึงรายละเอียดการใช้ของ infinitive แต่ละแบบ ทั้ง infinitive with to และ without to

เอาล่ะ ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

Infinitive คืออะไร

Infinitive คือ verb ช่อง 1 (เช่น go, come, eat) ที่ใช้หลัง to หรือ verb อื่นๆ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

I want to stay home.
ฉันอยากอยู่บ้าน
(คำว่า stay เป็น infinitive)

I can swim.
ฉันว่ายน้ำเป็น
(คำว่า swim เป็น infinitive)

หรืออธิบายอีกแบบหนึ่งก็คือ ในภาษาอังกฤษจะมีเงื่อนไขว่า verb ที่ตามหลัง to, ตามหลัง modal verb (เช่น can, could, may, might) หรือตามหลัง verb ทั่วไปบางตัว จะต้องเป็น verb ช่อง 1 ซึ่งเราจะเรียก verb ช่อง 1 นี้ว่า infinitive นั่นเอง

รูปแบบของ infinitive

หลักๆแล้ว เราจะแบ่ง infinitive ได้เป็น 2 แบบ คือ

1. Infinitive with to (หรือ to-infinitive)

คือ infinitive ที่ตามหลัง to อย่างเช่น

We come to celebrate.
พวกเรามาเพื่อฉลอง

Anne called to ask me about math yesterday.
แอนโทรมาถามฉันเรื่องคณิตศาสตร์เมื่อวานนี้

2. Infinitive without to (หรือ zero infinitive)

คือ infinitive ที่ไม่ได้ตามหลัง to อย่างเช่น

Joe can dance very well.
โจสามารถเต้นได้เก่งมาก

My cat always makes me smile.
แมวของฉันมักจะทำให้ฉันยิ้มเสมอ

หลักการใช้ infinitive with to

Infinitive with to (หรือ to-infinitive) ซึ่งก็คือ infinitive ที่ตามหลัง to จะมีหลักการใช้ดังนี้

1. ใช้ infinitive with to ได้กับ verb บางตัวเท่านั้น

เราจะใช้ infinitive with to ได้หรือไม่ verb ข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนด ซึ่งเราสามารถใช้ infinitive with to ได้กับ verb บางตัวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น

I want to be a teacher.
ฉันอยากเป็นครู
(คำว่า want ใช้กับ infinitive with to ได้)

I enjoy swimming.
ฉันสนุกกับการว่ายน้ำ
(คำว่า enjoy ใช้กับ infinitive with to ไม่ได้ เราจะไม่ใช้ I enjoy to swim. แต่จะต้องใช้ verb รูป -ing หรือที่เรียกว่า gerund แทน)

ตัวอย่าง verb ที่ใช้กับ infinitive with to ได้

Verb ที่ใช้กับ to-infinitive ได้ความหมายตัวอย่างประโยคAdviseแนะนำMy father advised me to leave the company.
พ่อฉันได้แนะนำให้ฉันลาออกจากบริษัทAgreeตกลง, เห็นด้วยI agree to pay you 500 baht.
ฉันตกลงที่จะจ่ายเงินคุณ 500 บาทAimเล็ง, ตั้งเป้าMy kid aims to be a doctor.
ลูกฉันตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็นหมอArrangeจัดเตรียม, จัดการBuyers can arrange to have their vehicles delivered to their homes.
ผู้ซื้อสามารถจัดการให้รถที่ซื้อถูกส่งไปที่บ้านได้Askถาม, ชวนTim asked me to go to the movies with him.
ทิมได้ชวนฉันไปดูหนังด้วยกันกับเขาBeginเริ่มThe prince begins to fall in love with the little mermaid.
เจ้าชายเริ่มตกหลุมรักในตัวนางเงือกน้อยChooseเลือกI choose to stay home.
ฉันเลือกที่จะอยู่บ้านClaimอ้าง, เรียกร้องHe claimed to be a police officer.
เขาอ้างว่าเป็นตำรวจContinueดำเนินต่อไปWe will continue to say what we believe.
พวกเราจะพูดในสิ่งที่พวกเราเชื่อต่อไปDecideตัดสินใจAnne decided to go to the gym.
แอนได้ตัดสินใจว่าจะไปยิมDemandต้องการ, เรียกร้องI demand to see the manager.
ฉันขอเจอผู้จัดการExpectคาดว่าThey didn’t expect to see me.
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอฉันFailล้มเหลวMy friend failed to win the prize last year.
เพื่อนฉันล้มเหลวในการเอาชนะรางวัลเมื่อปีที่แล้วForgetลืมI forgot to lock my car.
ฉันลืมล็อครถHateเกลียดEveryone hates to wake up early in the morning.
ทุกคนเกลียดการตื่นเช้าHelpช่วยShe had helped to prepare the party.
เธอได้ช่วยเตรียมงานปาร์ตี้HopeหวังI hope to travel to France next year.
ฉันหวังว่าจะได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศสปีหน้าIntendตั้งใจMy family intends to go to Japan next month.
ครอบครัวของฉันตั้งใจว่าจะไปญี่ปุ่นในเดือนถัดไปInviteเชิญThey invited me to have dinner with them.
พวกเขาได้ชวนฉันไปกินอาหารมื้อเย็นด้วยกันLearnเรียนรู้Linda learned to dance when she was 8.
ลินดาได้เรียนเต้นเมื่อเธออายุ 8 ขวบLikeชอบMy cat likes to sit on my laptop.
แมวของฉันชอบมานั่งบนโน้ตบุ๊คLongปรารถนาJohn longs to see her again.
จอห์นปรารถนาที่จะได้เจอเธออีกครั้งLoveรักI love to dance.
ฉันรักที่จะเต้นManageจัดการAt least we managed to finish the project on time.
อย่างน้อยพวกเราก็จัดการโปรเจคให้เสร็จตรงเวลาได้Meanหมายความว่า, มุ่งหมายI didn’t mean to be late.
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะNeedต้องการ, ต้องHe needs to be more careful.
เขาต้องระมัดระวังมากกว่านี้OfferเสนอMy uncle offered to take me to the zoo.
ลุงของฉันเสนอตัวว่าจะพาฉันไปสวนสัตว์PlanวางแผนThe thieves planned to rob the shop at midnight.
พวกโจรได้วางแผนจะปล้นร้านค้าตอนเที่ยงคืนPreferชอบมากกว่าSome people prefer to use Android phones.
บางคนชอบใช้มือถือแอนดรอย์มากกว่าPrepareเตรียมMany students are preparing to take the IELTS to study abroad.
นักเรียนหลายคนกำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะสอบ IELTS เพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศPretendเสแสร้ง, แกล้งทำHe pretended to forget what he had promised you.
เขาแกล้งลืมในสิ่งที่ได้สัญญากับคุณไปPromiseสัญญาI promise to do all I can to help.
ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่สามารถช่วยได้ProposeเสนอThe government proposes to change the environment policy.
รัฐบาลเสนอที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมRefuseปฏิเสธWe refuse to leave.
พวกเราปฏิเสธที่จะไปจากที่นี่RememberจำDid you remember to lock the door?
คุณได้ล็อคประตูรึเปล่าTellบอกMy teacher told me to be quiet.
ครูฉันบอกให้ฉันเงียบThreatenขู่Trump threatened to ban TikTok in the U.S.
ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะแบนติ๊กต็อกในสหรัฐอเมริกาTryลอง, พยายามI am trying not to cry.
ฉันกำลังพยายามที่จะไม่ร้องไห้WantอยากAdam wants to be a teacher.
อดัมอยากเป็นครูWishปรารถนาI wish to speak to Mr. Fernandes, please.
ฉันขอคุยกับคุณเฟอร์นันเดสหน่อยได้มั้ยครับ/คะ

ทั้งนี้ verb เหล่านี้บางคำก็สามารถใช้ infinitive แบบมี to หรือไม่มีก็ได้ อย่างเช่นคำว่า help เราจะใช้ได้ทั้ง I helped to fix the radio. และ I helped fix the radio.

และ verb บางคำก็ใช้ได้กับทั้ง infinitive with to และ verb รูป -ing (gerund) เช่นคำว่า continue เราสามารถใช้ได้ทั้ง I continued to walk. และ I continued walking.

แต่ก็มี verb บางคำที่ถึงแม้จะใช้ได้กับทั้ง infinitive with to และ verb รูป -ing (gerund) แต่ความหมายที่ได้นั้นจะต่างกัน เช่นคำว่า stop

  • ถ้าเป็น I stopped smoking the cigarettes. จะแปลว่า ฉันหยุดสูบบุหรี่
  • แต่ถ้าเป็น I stopped to smoke the cigarettes. จะแปลว่า ฉันหยุดเพื่อที่จะสูบบุหรี่ (หยุดทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพื่อที่จะสูบบุหรี่)

2. ใช้ infinitive with to ตามหลัง noun หรือ pronoun

ในบางประโยค เราสามารถแทรก noun หรือ pronoun (คำสรรพนาม) เป็นกรรมไว้ระหว่าง verb และ infinitive with to ได้ ยกตัวอย่างเช่น

We need a place to stay.
พวกเราต้องการที่อาศัย

I don’t have anything to eat.
ฉันไม่มีอะไรกินเลย

3. ใช้ infinitive with to ตามหลัง adjective

เราสามารถใช้ infinitive with to ตามหลัง adjective ได้ด้วย โดยจะใช้โครงสร้าง “verb to be + adjective + infinitive with to” อย่างเช่น

It is good to talk to you.
มันก็ดีนะที่ได้คุยกับคุณ

I am happy to be with you
ฉันมีความสุขนะที่ได้อยู่กับคุณ

4. ใช้ infinitive with to กับ adverb

เรามักจะใช้ infinitive with to กับ adverb บางคำ อย่างเช่น too ซึ่ง too + adjective จะแปลว่า “…เกินไป” เช่น too heavy หนักเกินไป, too good ดีเกินไป

These books are too heavy to carry.
หนังสือเหล่านี้มันหนักเกินไปที่จะแบกได้

It is too expensive to live in London.
มันแพงเกินไปที่จะอยู่ในลอนดอน

หรือใช้กับ adverb คำว่า enough ซึ่งแปลว่า “มากพอ, เพียงพอ”

We have enough food to eat.
พวกเรามีอาหารเพียงพอที่จะกิน

My kid is old enough to find a job.
ลูกฉันอายุมากพอที่จะหางานได้แล้ว

5. ใช้ infinitive with to ตามหลัง question word

เราสามารถใช้ question word อย่างเช่น what, who, where, when, how กับ infinitive with to ได้ อย่างเช่น

I don’t know what to do.
ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอะไร

Can you teach me how to cook?
คุณสอนวิธีทำอาหารให้ฉันหน่อยได้มั้ย

6. ใช้ infinitive with to ขึ้นต้นประโยค

เรายังสามารถใช้ infinitive with to ขึ้นต้นประโยคได้อีกด้วย โดยมักจะใช้ในการเล่นคำ หรือในภาษาทางการ อย่างเช่น

To love is to give.
การรักก็คือการให้

To be successful, you need ambition.
การจะประสบความสำเร็จได้ คุณต้องมีความทะเยอทะยาน

หลักการใช้ infinitive without to

Infinitive without to (หรือ zero infinitive) ซึ่งก็คือ infinitive ที่ไม่ได้ตามหลัง to จะมีหลักการใช้ดังนี้

1. ใช้ infinitive without to หลัง modal verb

Modal verb ก็อย่างเช่นคำว่า can, could, may, might, will, would, shall, should ซึ่งคำเหล่านี้จะต้องตามด้วย verb รูปปกติ ซึ่งก็คือ infinitive without to นั่นเอง อย่างเช่น

I will call you later.
ฉันจะโทรหาคุณในภายหลัง

You should finish your homework today.
คุณควรทำการบ้านให้เสร็จในวันนี้

2. ใช้ infinitive without to หลัง verb of perception

Verb of perception หรือคำกริยาที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้ ก็อย่างเช่นคำว่า see, hear, feel, smell, taste ซึ่งคำเหล่านี้จะต้องใช้กับ infinitive without to อย่างเช่น

I saw him walk with Anne.
ฉันเห็นเขาเดินอยู่กับแอน

Jo heard the car honk.
โจได้ยินเสียงรถบีบแตร

3. ใช้ infinitive without to กับคำว่า make และ let

เราจะใช้ infinitive without to กับคำว่า make และ let อย่างเช่น

He made my kid cry.
เขาทำลูกฉันร้องไห้

My friends let me stay with them this week.
เพื่อนๆฉันให้ฉันอาศัยอยู่ด้วยในอาทิตย์นี้

4. ใช้ infinitive without to หลังคำว่า why

เราสามารถใช้ infinitive without to ตามหลังคำว่า why ซึ่งมักจะใช้ในภาษาพูด อย่างเช่น

Why ask me about Tim?
ทำไมถึงถามเรื่องทิมกับฉันล่ะ

Why look at me like that?
ทำไมมองฉันอย่างงั้นล่ะ

จบแล้วนะครับกับนิยามและการใช้ infinitive ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจ และสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[Update] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | verbคือ – NATAVIGUIDES

Adjective คืออะไร – adjective หรือคำคุณศัพท์มีหน้าที่ขยายความหมายคำนาม ให้เราเห็นภาพ เข้าใจละเอียดคำนามนั้นๆ มากขึ้น เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในประโยคต่างๆ วันนี้เราจะมาเเนะนำประเภคของ adjective พร้อมวิธีการใช้งานด้วยกันดังต่อไปนี้

คําคุณศัพท์ adjective คืออะไร ??

ในประโยคต่างๆ เราจะเห็นหน้าที่ของ adjective หรือคำคุณศัพท์คือขยายความหมายให้คำนาม

  • เช่นในภาษาไทยเราก็มีคำนามเช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เพื่อบอกให้รูว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร เช่น สูง ต่ำ ดำ ขาว เป็นต้น ในภาษาอังกฤษ adjective ก็มีหน้าที่เช่นกัน
  • ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชาย ตัวเล็ก เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า  The boy is small ในนั้น small จะเป็นคำคุณศัพท์ ส่วน boy เป็นคำนามในประโยคนี้
  • เช่นอยากบอกว่า แมว มีสีดำและขาว เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า A cat is black and white ในนั้น black  กับ white เป็นคำคุณศัพท์เกี่ยวกับสีเพื่อจะอธิบายเพิ่มเติมให้สำหรับคำนาม cat  นั้น

ตำแหน่งของคำคุณศัพท์

ปกติเเล้วคุณจะเห็นว่า adjective บรรจุอยู่สามตำแหน่งหลักๆดังนี้

  1. วางหน้าคำนาม
  2. หลัง Verb to be
  3. หลัง Linking verb

เเล้วในเเต่ละตำแหน่งนั้น  adjective ได้ใช้งานอย่างไร รายละเอียดจะมีดังนี้

1. Adjective วางหน้าคำนาม:

เป็นวิธีการพูดเเบบธรรมชาติ ให้ไม่ซ้ำกัน ดูจากประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษนี้จะได้เข้าใจง่ายขึ้น

เช่น
— The black dog is running. เเปลว่า หมา สีดำ กำลังวิ่ง
— The beautiful girl is in the room. เเปลว่า สาว สวย อยู่ ใน ห้อง
— I can’t see the green bird. เเปลว่า ฉัน ไม่สามารถ มองเห็น นก สีเขียว

2. Adjective ตามหลัง Verb to be:

คือ Adjective  จะได้วางไว้หลัง verb to be (be, is, am, are, was, were, been) 

เช่น
— It will be good for you. เเปลว่า มัน จ ะดี สำหรับ คุณ
— The girl is lovely. เเปลว่า  เด็กหญิง น่ารัก
— She was happy yesterday. เเปลว่า เมื่อวาน หล่อน มีความสุข

3. Adjective ตามหลัง Linking verb:

หมายถึง Adjective วางไว้หลัง Linking verb (กริยาเชื่อม)

เช่น
— You look good today. เเปลว่า วันนี้ คุณ ดู ดี
— That sounds nice. เเปลว่า นั่น ฟังดู ดีจัง
— I feel sorry for that boy. เเปลว่า ฉัน รู้สึก สงสาร เด็ก คนนั้น

ไม่ได้ยากใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ Adjective เเละการวางตำแหน่งของคำคุณศัพท์ในประโยค มัจะเป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษส่วนหนึ่งที่เราควรจดไว้ เพราะในคำพูดคุยสื่อสารทั่วไปมักจะใช้กันบ่อยมาก 

เมื่อคุณอยากชมใครคนหนึ่งหรืออยากเเสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งการที่เราใช้  Adjective  จะช่วยคุณพูดได้ง่าย เเละคำพูดฟังราบรืนมากขึ้น

ระดับของ Adjective

คุณรู้ไหมว่า Adjective แบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ

  • A positive adjective หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน
  • Comparative Adjective หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า
  • Superlative adjective หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด

เพื่อขยายความหมายเเละลักษณะให้สำหรับคำนามให้อย่างเหมาะสมเพราะบ้างที่เราจะใช้ Adjective เพื่อเทียบระกว่างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อมีการเน้นย่้ำหรือบ้างที่เราใช้ Adjective เพื่อไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน เป็นต้น คือขึ้นอยู่กับเป้าหมายในคำพูดของเรา เราจะใช้ ระดับของ Adjective ให้อย่างเหมาะสมนะคะ

ยกตัวอย่างกับ A positive adjective

หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน ให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นเช่น A cat is big. เเปลว่า แมวตัวหนึ่ง ใหญ่, A man is tall.  เเปลว่า ชายคนหนึ่ง ตัวสูง ้เราจะเห็นว่าในสองประโยคนั้นเราตั้งใจใช้คำคุณศัพท์บรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน 

ยกตัวอย่างกับ Comparative Adjective

หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า เช่น A man is taller than a woman. ผู้ชาย สูงกว่า ผู้หญิง เราจะเห็นเลยว่าคนพูดอยากเน้นย่้ำเรื่องผู้ชายคนนั้น สูงกว่าผู้หญิงคนนั้น ในนั้นคำว่า สูง “taller”เป็น การเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง ว่าสิ่งไหนสูงกว่ากัน 

ยกตัวอย่างกับ  Superlative adjective

หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด เป็นการใช้ Adjective เพื่อการเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป แล้วปรากฏว่า มีสิ่งหนึ่งที่ สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่….กว่าเพื่อนเลย เช่น Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงที่สุดให้ห้อง (เฉพาะห้องนี้นะครับ) เราจะเห็นว่าคนพูดอยากเน้นย้ำเรื่องความสูงระกว่างหลายคนในห้องเรียนนั้น เเละนำนามคือ คุณ Somchai เป็นคนที่สูงสุดเเล้ว

คุณสามารถลองตั้งประโยคที่มีใช้ Adjective  ในทั้งสาม ระดับขั้นปกติ, ขั้นกว่า, ขั้นที่สุด เพื่อคุ้นกับวิธีการใช้งาน ใช้ได้คล่องมากขึ้นะคะ

Adjective คือคำที่ปรับเปลี่ยนคำนาม

ชนิดของ Adjective     

คุณสงสัยไหมว่าปกติเเล้ว Adjective ได้เเบ่งเป็นชนิดอะไรบ้าง ??? จริิงๆ เเล้วเรามีถึง 11 ชนิด Adjective ที่เราควรทราบเพื่อเเยกให้ออกเเละเอามาใช้งานได้ถูกต้องดังนี้     

Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       

  1. Descriptive Adjective (คุณศัพท์บอกลักษณะ)        
  2. Proper Adjective (คุณศัพท์บอกสัญชาติ)         
  3. Quantitative Adjective (คุณศัพท์บอกปริมาณ)         
  4. Numeral Adjective (คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน)         
  5. Demonstrative Adjective (คุณศัพท์ชี้เฉพาะ)         
  6. Interrogative Adjective (คุณศัพท์บอกคำถาม)         
  7. Possessive Adjective (คุณศัพท์บอกเจ้าของ)         
  8. Distributive Adjective (คุณศัพท์แบ่งแยก)         
  9. Emphasizing Adjective (คุณศัพท์เน้นความ)         
  10. Exclamatory Adjective (คุณศัพท์บอกอุทาน)         
  11. Relative Adjective (คุณศัพท์สัมพันธ์)

ขอยกตัวอย่างประโยคสั้นๆ ในเเต่ละชนติของ Adjective ให้คุณได้เห็นภาพง่ายขึ้นเช่น

1. Descriptive Adjective 

คือ “คำคุณศัพท์บอกลักษณะ” ที่เจอบ่อยประกอบด้วย: good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, angry, happy, sorry, etc.

  • ตัวอย่างเช่น 
    A clever pupil can answer the difficult problem. เเปลว่า นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้ ในประโยคนี้คำ Adjective ที่บอกลักษณะคือคำว่า “clever” (ฉลาด)

2. Proper Adjective 

คือ “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หรือ Proper noun  (เป็นนามเฉพาะ)

  • นั่นเอง เช่น
    Thailand  คือ  Proper noun เเละ  Thai คือ Proper Adjective  (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ) คำแปล คือ  ไทย, คนไทย
  • หรืออีกตัวอย่างเช่น The English language is used by every nation. เเปลว่า ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ ในนั้น  English เป็นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ

3. Quantitative Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกปริมาณ” ได้แก่ much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficient, etc.    

  • Linda did not give any money to her younger brother. เเปลว่า 
    ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน ในนั้นคำว่า any เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ

4. Numeral Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ

  • 4.1 Cardinal Adjectives ได้แก่  one, two, three, four, five, six, seven, etc. 
  • 4.2 Ordinal Adjectives คือ “คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก่ first, second, third, fifth, sixth, seventh, etc.  
  • 4.3 Multiplicative Adjectives คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, triple, fourfold   

First, Second, Third and so on are also ordinal adjectives

5. Demonstrative adjective

คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์ ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these, those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same     

  • เช่น I invited that man to come in. เเปลว่า ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน ในนั้นคำว่า that เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม

6. Interrogative adjective

คือ คุณศัพท์บอกคําถามได้แก่ what, which, whose 

  • เช่น Whose shoes are these? เเปลว่า รองเท้านี้เป็นของใคร ในนั้น whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค

7. Possessive adjective

คือ คุณศัพท์บอกเจ้าของได้แก่ my, our, your, his, her, its และ their

  • เช่น: This is my table. เเปลว่า นี่คือโต๊ะของฉัน
    ในนั้น my เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม 

8. Distributive

คือ คุณศัพท์แบ่งแยก ได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)

  • เช่น Every soldier is punctually in his place. เเปลว่า ทหารทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลาดี ในนั้น every เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม

9. Emphasizing Adjective 

คือ คุณศัพท์เน้นความได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)

  • เช่น He is the very man who stole my wrist watch last night.เเปลว่า เขาคือชายผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนนี้ ในนั้น very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนักขึ้น

10. Exclamatory Adjective 

คือ คุณศัพท์บอกอุทานได้แก่ what เช่น

  • What an idea it is! เเปลว่า มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ! 

11. Relative Adjective 

คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ ได้แก่ what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้) 

เช่น He will read what book he wishes. เเปลว่า แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา (จะอ่าน) ในนั้นคำว่า what ป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย

ใน 11 ชนิดของ Adjective นั้นมี 7 ชนิดที่ใช้บ่อยมาก ควรจดจำไว้ได้เเก่ Descriptive, Quantitative, Demonstrative, Possessive,  Interrogative,  Distributive, Articles ต้องไม่พลาดนะคะ

Adjectives describe nouns or pronouns

คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย 70 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล

1absentแอ๊บเซินทขาด (เรียน, งาน)2afraidอะเฟรดกลัว3backแบ๊คหลัง4badแบดเลว5beautifulบิ๊วทิฟุลสวย6betterเบ็ทเทอะดีกว่า7bigบิกใหญ่8blackแบล็คดำ9boringบ๊อริงน่าเบื่อ10brightไบร๊ทสว่าง, ฉลาด11broadบรอดกว้าง12brokenโบร๊เคินแตก13cloudyคล๊าวดิมีเมฆมาก14coldโคลดหนาว15coolคูลเย็น16crazyเคร๊สิบ้าคลั่ง17curlyเค๊อลิหยิก18gentleเจ็นเทิลอ่อนโยน19gladแกลดดีใจ20goodกุดดี21grayเกรสีเทา22greatเกรทเยี่ยม23happyแฮ๊พพิมีความสุข24hardฮาดแข็ง, ยาก25easyอี๊สิง่าย26emptyเอ็มทิว่างเปล่า27excellentเอ็กซะเลินทยอดเยี่ยม28excitedอิกไซ๊เท็ดตื่นเต้น29expensiveอิกซเป็นซิฝแพง30famousเฟ็เมิสมีชื่อเสียง31fastฟาสทเร็ว32fatแฟ็ทอ้วน33faultฟ๊อลทเท็จ34finalไฟ๊เนิลสุดท้าย35fineไฟนดี36firstเฟิสทลำดับแรก37freeฟรีอิสระ, เปล่า38freshเฟร็ชสดชื่น39friendlyเฟร็นลิเป็นมิตร40fullฟุลเต็ม41funnyฟั๊นนิตลก

and more…

42noisyน๊อยสิมีเสียงดัง43oldโอลดแก่44perfectเพ๊อเฟ็คทสมบูรณ์แบบ45poorพอจน46prettyพริททิสวย47quickควิกเร็ว48quietไคว๊เยิทเงียบ49largeลาจกว้าง50lastลาสทสุดท้าย, ..ทีแล้ว51lateเลทสาย52lazyเล๊สิขี้เกียจ53leftเล็ฟทซ้าย54lightไลทสว่าง55littleลิ๊ทเทิลเล็ก56longลองยาว57looseลูสหลวม58loudลาดเสียงดัง59lowโลต่ำ60luckyลัคคิโชคดี61sadแซดเศร้า62safeเซฟปลอดภัย63shortชอทสั้น64slowสโลช้า65smallสมอลเล็ก66tallทอลสูง67thickธิคหนา68thinธินบาง, ผอม69tightไททแน่น70tinyไท๊นิเล็ก

ว่ายังไงบ้างคะคุณ กับบทความ Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z หวังว่าคุณจะได้เห็นประโยชน์ของบทความนี้และอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบด้วยเพื่อเรียนรู้ไปซึ่งกันละกัน ช่วยการเรียนภาษาอังกฤษได้สนุกและมีคุณภาพที่ดีที่สุดนะคะ


การใช้ is am are be was were been หรือ verb to be – English Tips EP.6


is am are be was were been หรือที่ภาษาแกรมม่าร์เรียกว่า verb to be เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับประโยคในภาษาอังกฤษ คนที่เพิ่งเริ่มเรียนอาจจะยังใช้ถูกผิด สลับกันไปมา และยังไม่เข้าใจว่าบางคำนั้นใช้ยังไงกันแน่
อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h
กลุ่มเฟสบุค https://www.facebook.com/groups/unfoxenglishcommunity/
ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

การใช้ is am are be was were been หรือ verb to be - English Tips EP.6

ติว TOEIC Grammar : Subject-Verb Agreement คืออะไร? จำยังไงไม่ให้ลืม!


✿ ติวสอบ TOEIC® เริ่มจากพื้นฐาน เทคนิคแกรมม่า แนวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด! ✿
👉 ทดลองติวฟรี! ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
แกรมม่า TOEIC เรื่อง SubjectVerb Agreement นี้ หลายคนสับสนมาก จะเติม หรือไม่เติม s ดี?
คลิปนี้ครูดิวมีคำตอบ พร้อมเทคนิคจำง่ายๆ มาให้ค่าาา (เต้นตามครูดิวไปด้วยนะคะ ^^)
✿ คอร์สครูดิว ติวสอบ TOEIC® มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅ติวเทคนิคสอบ TOEIC® รวม Grammar ที่ใช้สอบ ครบถ้วน สอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เก็งศัพท์สอบ TOEIC® ออกข้อสอบบ่อย ๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ ติวข้อสอบ TOEIC® ล่าสุด ทั้ง Reading และ Listening
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

ติว TOEIC Grammar : Subject-Verb Agreement คืออะไร? จำยังไงไม่ให้ลืม!

What is a Verb? (Verbs for Kindergarten/First Grade)


Watch this video to learn about verbs. A verb is an action word! To purchase the lesson, please visit my TpT store by following the link: https://www.teacherspayteachers.com/Product/VerbsForGoogleSlidesDistanceLearningKindergartenFirstGrade6055517
If you would like to purchase this story for classroom use, please click the link:
https://www.teacherspayteachers.com/Product/NounsVerbsandAdjectivesPartsofSpeechDigitalGrammarStories6705441

What is a Verb? (Verbs for Kindergarten/First Grade)

is am are


งานอนิเมชั่น 2D MV is am are
ผลิตโดย Mushroom TV ที่มี น้านิต ภัทรจารีย์ อัยศิริ (สโมสรผึ้งน้อย) เป็นหัวเรือใหญ่ในตอนนั้น
เนื้อร้องและทำนอง โดยน้านิต เป็นคนแต่ง เพลงออกมาน่ารักและสดใส สมกับเป็นลงานของน้านิตครับ
ส่วนดนตรี น่าจะเป็นคุณ พีรสันติ จวบสมัย เป็นคนเรียบเรียงครับ
Animator \u0026 Editor สฤกษ์ชัย กางธนทรัพย์

is am are

Action Songs for kids | The Singing Walrus


Watch all of our videos ad free with our app (desktop, apple, or android):
https://www.thesingingwalrus.tv/
Only $4.99 USD per month and $44.99 USD for a year!
Our \”Action Song for Kids\” is a funky and bouncy dance tune that introduces the action verbs \”clap\”, \”stomp\”, \”swing\”, \”dance\”, \”sing\”, jump\”, \”touch\”, and \”shake\”. In the video, our robot and the little chicks present a funky choreography on the dance floor, while Mother Hen and the band are singing their hearts out!
This song can be used in the classroom or at home to encourage learning through music and body movement. The rhythm, musical arrangement, lyrics, and animation all work together to teach action verbs in the most effective way possible!
Young learners of English will also love this video, as it is easy to sing along (lots of lines are short and repeated often) and the words are written and acted out on the screen.
Buy the song from iTunes:
https://itunes.apple.com/ca/album/actionsongsingle/id1065144081
Buy this video from Sellfy:
https://sellfy.com/thesingingwalrus
Here are the lyrics to our Action Song:
(Chorus)
Naa, naa, naa
I’m so happy
Oh, so happy
Dance/Sing with me
(2x)
(Verse 1)
Clap, clap, clap your hands (kids repeat)
Stomp, stomp, stomp your feet (kids repeat)
Swing, swing, swing your arms (kids repeat)
dance everybody and sing with me! (kids repeat)
(Chorus)
Naa, naa, naa
I’m so happy
Oh, so happy
Dance/Sing with me
(2x)
(Verse 2)
Jump, jump, jump around (kids repeat)
Touch the sky and touch the ground (kids repeat)
Shake, shake, shake your hips (kids repeat)
I know a song, and it goes like this! (kids repeat)
(Chorus)
Naa, naa, naa
I’m so happy
Oh, so happy
Dance/Sing with me
(2x)
(Breakdown)
Clap, clap, clap your hands
Stomp, stomp, stomp your feet
Swing, swing, swing your arms
dance everybody and sing with me!
Jump, jump, jump around
Touch the sky and touch the ground
Shake, shake, shake your hips
I know a song, and it goes like this!
(Chorus)
Naa, naa, naa
I’m so happy
Oh, so happy
Dance/Sing with me
(4x)
Watch our \”Good Morning Song\” next:
https://www.youtube.com/watch?v=CuI_p7a9VGs
Special thanks to the following Patreon contributors:
Mayu Sasaki
The Singing Walrus creates fun teaching materials, such as kids songs, educational games, nursery rhymes, and kindergarten worksheets (e.g. handwriting worksheets) for parents and teachers. Come and join our community on Facebook, or subscribe to our Youtube Channel!
Facebook: http://www.facebook.com/TheSingingWalrus
Twitter: http://twitter.com/InfoWalrus
Website: http://thesingingwalrus.com

All illustration, animation, music, and voice work produced by The Singing Walrus

Action Songs for kids | The Singing Walrus

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ verbคือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *