Skip to content
Home » [NEW] [Grammar Tips] หลักการใช้ Relative Clause แบบจัดเต็ม | การใช้คอมม่า – NATAVIGUIDES

[NEW] [Grammar Tips] หลักการใช้ Relative Clause แบบจัดเต็ม | การใช้คอมม่า – NATAVIGUIDES

การใช้คอมม่า: คุณกำลังดูกระทู้

มีน้องๆอยากให้อธิบายเกี่ยวกับ Relative clause และวิธีการใช้ที่ถูกต้อง น้องคนใดที่กำลังงงๆกับเรื่องนี้ แวะเข้ามาก่อนนะคะ

Relative Clause

Relative clause คืออะไร?

Relative clause คือ อนุประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนกับ Adjective นั่นคือขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า, relative clause จะช่วยให้เรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอยู่ คือ สิ่งใด หรือ ใครกันแน่ ทั้งนี้ Relative Clause เวลาใช้จะตามหลัง Relative Pronoun (who, whom, which, that, whose) และสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ

  1. Defining Relative Clause

  2. Non-defining Relative Clause

วิธีสร้างประโยคในรูปแบบ Relative Clause

ลองสมมุติว่า มีชายคนหนึ่งกำลังพูดกับเจนนี่ ถ้าน้องๆอยากรู้ว่าใครที่กำลังพูดกับเจนนี่ หากจะลองถามเพื่อน น้องๆอาจจะถามว่า

A man is talking to Jenny. Do you know the man?

ผู้ชายกำลังคุยกับเจนนี่ คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นไหม?

ฟังดูแปลกไหมคะ? งานนี้ relative clause จะมาเป็นพระเอกช่วยให้ประโยคฟังดูราบรื่นขึ้นค่ะ โดยปกติเวลาจะเปลี่ยนประโยค 2 ประโยคให้เป็น Relative Clause เราจะดึงเอาส่วนที่เป็นประโยคหลักมาก่อนในที่นี้ก็คือ เราอยากรู้ว่าผู้ชายคือใคร ดังนั้น ประโยคหลักคือ :

Do you know the man…

จากประโยคข้างต้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าผู้ชายที่พูดถึงเป็นใคร ดังนั้นเราจึงต้องใส่ข้อมูลเพิ่มเติม A man is talking to Jenny ใช้ A man เฉพาะในส่วนประโยคแรก และในส่วนที่สองเราแทนที่ด้วย relative pronoun (ใช้ who ในกรณีอ้างถึงบุคคล) ดังนั้นประโยคจะเปลี่ยนเป็น

Do you know the man who is talking to Jenny?

คุณรู้จักผู้ชายที่กำลังคุยกับเจนนี่ไหม?

พอเห็นภาพของการใช้งาน Relative Clause แล้วใช่ไหมคะ? ทีนี้ลองมาดูว่า Relative Clause ทั้งสองประเภท ใช้ต่างกันอย่างไรกันดีกว่าค่ะ

 

Defining and non defining

Defining และ Non-defining

เราใช้ defining relative clause เพื่อบอกถึงสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (หากขาดไปก็จะไม่สามารถทราบได้ว่าพูดถึงอะไร) เช่น

  • I like the woman who lives next door.

    (ถ้าเราไม่บอกว่า

    ‘who lives next door’

    ก็จะไม่ทราบเลยว่าหมายถึงผู้หญิงคนไหน).

 

เราใช้ non-defining relative clause บอกถึงข้อมูลเพิ่มเติมของสิ่งที่เรากำลังพูดถึง (เราไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลนี้เพื่อที่จะเข้าใจว่าพูดถึงอะไร) เช่น

  • I live in London, which has some fantastic parks.

    (ทุกคนทราบดีว่าลอนดอนอยู่ที่ไหน ดังนั้น

    ‘which has some fantastic parks’

    ถือเป็นข้อมูลเพิ่มเติม จะมีหรือไม่มีก็ได้).

 

ลองมาดูรูปแบบการใช้ Defining relative clauses กันค่ะ
Defining Relative Clause โดยปกติแล้วจะมีลักษณะดังนี้
1. ทำหน้าที่คล้ายคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อไปขยายนามที่อยู่ข้างหน้า ให้ได้ใจความสมบูรณ์และชัดเจนว่า หมายถึง ใคร สิ่งไหน หรือ ของใคร เป็นต้น
2. ไม่มีเครื่องหมาย comma (,) คั่นระหว่างนามกับ Defining Relative Clause
3. จะขึ้นต้นด้วยคำสรรพนาม (Relative Pronoun) ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนามที่ขยาย เช่น ถ้าขยายนามที่เป็นคน Relative Pronoun ก็ต้องเป็นคำที่ใช้แทนคน ฯลฯ

 หน้าที่ของ Relative Pronoun จะมีหน้าที่อยู่ 3 ประการหลัก คือ

  1. ทำหน้าที่เป็นประธาน มี 2 แบบ คือ

1.1  ถ้าเป็นคนใช้ who เช่น

  • I’m looking for a secretary who can use a computer well.

ฉันกำลังมองหาเสมียนที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ดี

  • She has a son who is a doctor.

เธอมีลูกชายคนหนึ่งที่เป็นหมอ

1.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของใช้ which หรือ that เช่น

  • We bought a house which / that is 200 years old.

เราซื้อบ้านซึ่งอายุ 200 ปี

  • The iPad which / that is on the table is from America.

ไอแพด ตัวที่อยู่บนโต๊ะ มาจากอเมริกา

2 ทำหน้าที่เป็นกรรม มี 2 แบบ คือ

2.1 ถ้าเป็นคนใช้ whom เช่น

  • The woman whom I talked to yesterday is our new boss.

ผู้หญิงที่ฉันคุยด้วยเมื่อวานคือเจ้านายใหม่ของเรา

 

2.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ใช้ which หรือ that เช่น

  •  

    I like the puppy which Gabriel bought last week.

ฉันชอบลูกสุนัขที่กาเบรียลซื้อมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

3 ทำหน้าที่เป็นเจ้าของ มี 2 แบบ คือ

3.1 เป็นคน ใช้ whose เช่น

  • The man whose car is blue is Mark.

ผู้ชายที่รถของเขาสีน้ำเงินคือ มาร์ค

 

3.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของให้ใช้ of which เช่น

  • The cabinet of which drawer is broken has already been repaired.

ตู้ที่ลิ้นชักเสียมีคนมาซ่อมแล้ว

 

คราวนี้มาดู Relative อีกตัวที่เหลือ ก็คือ Non-defining relative Clause มีลักษณะที่สำคัญ อยู่ 3 ประการนะคะ
    1. เป็น clause ที่เพิ่มเข้ามา ไม่มีความจำเป็น แก่ใจความในประโยค เพียงแต่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้ความละเอียดมากขึ้น
    2. ต้องมีเครื่องหมาย comma ข้างหน้าและข้างหลัง clause เสมอ
    3. ต้องใช้ relative pronouns ซึ่งไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น who, whom ,whose หรือ which เท่านั้น จะใช้ that ไม่ได้เลย

ตัวอย่างเช่น 

  • My boss, who is very nice, lives in Manchester.

  • My sister, who I live with, knows a lot about cars.

  • My bicycle, which I’ve had for more than ten years, is falling apart.

 

ตัวอย่างและรูปแบบการใช้งาน Relative Pronouns

relative pronoun
use
example

who
subject or object pronoun for people
I told you about the woman who lives next door.

which
subject or object pronoun for animals and things
Do you see the cat which is lying on the roof?

which
referring to a whole sentence
He couldn’t read which surprised me.

whose
possession for people animals and things
Do you know the boy whose mother is a nurse?

whom
object pronoun for people, especially in non-defining relative clauses (in defining relative clauses we colloquially prefer who)
I was invited by the professor whom I met at the conference.

that
subject or object pronoun for people, animals and things in defining relative clauses (who or which are also possible)
I don’t like the table that stands in the kitchen.

ตัวอย่างและรูปแบบการใช้งาน Relative Adverbs 

Relative adverb (where/when/why) จะถูกใช้แทนที่ Relative Pronoun และ Preposition ลองดูประโยคตัวอย่างจะเห็นภาพชัดขึ้นนะคะ

That’s the restaurant in which we had dinner last night.
→ That’s the restaurant where we had dinner last night. 

relative adverb
meaning
use
example

when
in/on which
refers to a time expression
the day when we met him

where
in/at which
refers to a place
the place where we met him

why
for which
refers to a reason
the reason why we met him

OXBRIDGE

Institute

[NEW] การใช้ Such as, E.g., I.e., For example, For instance และ Ex เพื่อยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ | การใช้คอมม่า – NATAVIGUIDES

การเขียนบทความ เรื่องราว จดหมาย ข้อความ หรือเรื่องประเภทอื่น ๆ  หลายครั้งที่เราต้องยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบ เพื่อให้เข้าใจความหมายได้ดียิ่งขึ้น ในภาษาอังกฤษ มีคำที่ใช้เพื่อบอกว่าตัวอย่างของสิ่งที่เรากล่าวไปแล้วข้างต้นนั้น มีตัวอย่างอะไรบ้าง ความหมายของคำเหล่านี้จะหมายถึง ตัวอย่างเช่น เช่น ได้แก่ นั่นคือ กล่าวคือ บทความนี้จะกล่าวถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ใช้เพื่อในประโยคที่ต้องการยกตัวอย่างมาประกอบ ได้แก่คำว่า

  • Such as
  • E.g
  • I.e.
  • For example
  • For instance
  • Ex.

Such as

  • Such as หมายถึง ได้แก่ หรือ ตัวอย่างเช่น
  • ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษ เมื่อต้องการยกตัวอย่าง

ตัวอย่างเช่น

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก่วยเตี๋ยวและแกงกะหรี่ เป็นอาหารที่ฉันชื่นชอบ

Countries such as Sweden have a long record of welcoming refugees from all over the world.
ประเทศ เช่น สวีเดน มีประวัติอันยาวนานในการรับผู้ลี้ภัยจากทั่วโลก

I like tropical fruits, such as durians, jackfruits and mangoes
ฉันชอบผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน ขนุน และมะม่วง

รูปแบบการใช้

1. ใช้ในประโยคภาษาอังกฤษเมื่อต้องการยกตัวอย่าง
2. Such as + noun (Such as ตามด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. หลังคำว่า such as ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่า
4. ก่อนหน้าคำว่า such as ในบางประโยคต้องมีเครื่องหมายคอมม่า บางประโยคไม่ต้องมี เป็นเรื่องของ Restrictive Clause

4.1 ประโยคที่ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as
ถ้า such as ใช้อธิบายคำนาม หรือสรรพนาม ซึ่งมักจะเป็นคำเดี่ยว ๆ กรณีนี้ไม่ต้องมี คอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

ตัวอย่างประโยค

Foods such as noodles and curry are my favorite meals.
อาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว และแกงกระหรี่ เป็นมื้อโปรดของฉัน

จากตัวอย่าง such as noodle and curry are my favorite meals. ใช้เพื่ออธิบายคำว่า “foods” ซึ่งเป็นคำนามเพียงคำเดียว ในกรณีนี้ไม่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าก่อนหน้าคำว่า such as

4.2 ประโยคที่ต้องมีเครื่องหมายคอมม่าอยู่หน้า such as
การใช้ such as ในรูปแบบนี้เป็นการใช้ sush as เพื่อยกตัวอย่างประกอบประโยคที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ใช่ คำนามเดี่ยว ๆ

ตัวอย่างประโยค

English is spoken in many countries, such as England, Australia and Canada.
ภาษาอังกฤษใช้พูดกันในหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น ประเทศอังกฤษ ออสเตรเรีย และแคนาดา

จากตัวอย่าง such as England, Australia and Canada ใช้ยกตัวอย่างประกอบ ประโยคที่กล่าวไปข้างต้นคือ English is spoken in many countries

ป.ล. ควรศึกษาเรื่อง Restrictive Clause เพิ่มเติม

E.g.

  • E.g. หมายถึง เช่น หรือ ตัวอย่างเช่น
  • E.g. เป็นตัวย่อจากภาษาละตินของคำว่า ‘exempli gratia’ ซึ่งความหมายตรงกับภาษาอังกฤษกับคำว่า “for example”
  • ใช้เพื่อยกตัวอย่าง สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นว่ามีอะไรบ้าง

ตัวอย่างเช่น

I love to eat vegetables, e.g., carrots, morning glory, and broccoli.
ฉันชอบกินผัก ตัวอย่างเช่น แครอท ผักบุ้ง และบล็อกโคลี่

In this building, you’re allowed to have pets, e.g. cats and dogs.
ในตึกนี้ คุณได้รับอนุญาติให้เลี้ยงสัตว์ได้ เช่น แมว และ หมา

You should eat more food that contains a lot of fiber, e.g., vegetables, fruit, and whole grains
คุณควรทานอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะ ๆ ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช

รูปแบบการใช้

  1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
  2. E.g. + noun (e.g. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
  3. ก่อน e.g. ต้องมีเครื่องหมาย , คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
  4. หลัง e.g. ถ้าใช้เป็น e.g., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
    – They sell computer components, e.g., motherboards, graphic cards, CPUs.
  5. หลัง e.g. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม ใช้เป็น e.g. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
    – They sell computer components, e.g. motherboards, graphic cards, CPUs.

I.e.

  • i.e. หมายถึง นั่นคือ กล่าวคือ ซึ่งก็คือ หรือ เรียกอีกอย่างว่า
  • i.e. เป็นคำย่อจากภาษาละติน id est หรือมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า “in other word” (เรียกอีกอย่างว่า) หรือ “that is” (นั่นคือ)
  • ใช้เมื่อต้องการอธิบายประโยคที่กล่าวไปแล้วเพิ่มเติม โดยใช้คำว่า นั่นคือ กล่าวคือ หรือ ซึ่งก็คือ ในการเชื่อมประโยค

ตัวอย่างเช่น

I am a vegetarian, i.e., I don’t eat meat.
ฉันเป็นคนกินอาหารมังสวิรัติ นั่นคือ ฉันไม่กินเนื้อ

The hotel is closed during low season, i.e., from April to October.
โรงแรมปิดทำการในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว ซึ่งก็คือ จากเดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม

I like Japanese food, i.e., sushi.
ฉันชอบกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ ซูชิ

Consistent exercise is necessary to maintain health, i.e., three to four times per week.
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมีความจำเป็น เพื่อบำรุงรักษาสุขภาพ นั่นคือ สามถึงสี่ครั้งต่อสัปดาห์

รูปแบบการใช้

1. วางอยู่ตรงกลางประโยค เพื่อใช้เชื่อมประโยค
2. i.e. + noun (i.e. ตามหลังด้วยคำนาม หรือกลุ่มคำ(วลี))
3. ก่อน i.e. ต้องเครื่องหมายคอมม่า คั่นหลังจบประโยคก่อนหน้า
4. หลัง i.e. ถ้าใช้เป็น i.e., (มีเครื่องหมายคอมม่าตาม) เป็นการเขียนแบบอเมริกัน
– I like Japanese food, i.e., sushi.
5. หลัง i.e. ถ้าไม่มีเครื่องหมายคอมม่าตาม เขียนเป็น i.e. เป็นการเขียนแบบอังกฤษ
– I like Japanese food, i.e. sushi.

For example

  • For example หมายถึง ตัวอย่างเช่น
  • มีความหมายที่มีความชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เมื่อต้องการยกตัวอย่าง ก็คือการใช้คำว่า for example
  • โดยมากมักใช้ในการขึ้นต้นประโยค แต่ก็สามารถใช้วางอยู่กลางประโยคเพื่อเชื่อมประโยคได้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น

Children should eat less fast food. For example, they should avoid eating burgers and chips.
เด็ก ๆ ควรกินอาหารฟาสฟูดส์น้อยลง ตัวอย่างเช่น พวกเขาควรหลีกเลี่ยงการกินเบอเกอร์และมันฝรั่งทอด

Our app has several features you will love. For example, you can use voice commands.
แอพของเรามีฟีเจอร์หลายอย่างที่คุณจะต้องชอบ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสั่งงานด้วยเสียงได้

Calcium is in green leafy vegetables, for example, broccoli, kale and spinach.
แคลเซียมมีอยู่ในผักใบเขียว ตัวอย่างเช่น บล็อกโคลี่ คะน้าใบหยิก และผักโขม

I like water sports, for example, swimming, scuba diving, and jet skiing.
ฉันชอบกีฬาทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ และเจ็ตสกี

วิธีใช้

1. For example + subject + verb (For example + ประธาน + กริยา)
2. For example + noun (For example + คำนาม)
3. สามารถใช้ได้ทั้ง ขึ้นต้นประโยค และวางอยู่ตรงกลางเพื่อเชื่อมประโยคได้
4. ถ้าใช้ขึ้นต้นประโยค ต้องมีคอมม่า คั่นอยู่ข้างหลัง For example
5. ถ้าวางอยู่ตรงกลางประโยค ประโยคก่อนหน้าต้องมีเครื่องหมายคอมม่าคั่นเมื่อจบประโยค และหลังคำว่า for example ต้องมีคอมม่าคั่นอีกที

For instance

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

มีวิธีการใช้เหมือน for example สามารถใช้แทน For example ได้เลย

Ex.

  • Ex. ไม่ใช่ตัวย่อของคำว่า example แต่พบเห็นการใช้ ex. ในการยกตัวอย่างได้บ่อยครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้
  • Ex. หลายคนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคำย่อของคำว่า example  แต่ที่จริงแล้ว เป็นคำย่อของคำว่า excercise ซึ่งแปลว่าแบบฝึกหัด

ตัวอย่างเช่น

See ex. 2.
ดูที่แบบฝึกหัดที่ 2

Please refer to ex. 3.
กรุณาอ้างอิงแบบฝึกหัดที่ 3


Comma Splices Explained


This video reviews what comma splices are, how to identify them, and three quick \”fixits\” for remedying this common grammatical error.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Comma Splices Explained

คอมเม้นต่างชาติ ฝรั่งเล่า 5 คำโกหกเกี่ยวกับประเทศไทย ที่คุณไม่ควรเชื่อ Hello Hello


คอมเม้นต่างชาติ ฝรั่งเล่า 5 คำโกหกเกี่ยวกับประเทศไทย ที่คุณไม่ควรเชื่อ Hello Hello
มาดูความคิดเห็นของชาวต่างชาติ เมื่อได้ฟังคำพูดนี้
แหล่งที่มา : https://youtu.be/KAkbdpGcyRY
ฝรั่ง คอมเม้นต่างชาติ ความคิดเห็น commentต่างชาติ Hello

คอมเม้นต่างชาติ ฝรั่งเล่า 5 คำโกหกเกี่ยวกับประเทศไทย ที่คุณไม่ควรเชื่อ Hello Hello

การใช้ “คอมม่า” ด้วยเทคนิคสุดแปลก กระจ่างใน 5 นาที!!


สับสนมาตั้งนาน ไม่รู้จะเอา “คอมม่า” ไปใส่ตรงไหนในประโยคดี…
ครูพี่แอนอธิบายแปปเดียวในชั่วพริบตา กระจ่างเลยจ้า !!!

ติดตามครูพี่แอนได้ที่ช่องทาง
Perfect English : https://www.facebook.com/englishforfunbyann
IG : https://www.instagram.com/krupann.english/
twitter : https://twitter.com/englishbykruann
Tiktok : https://www.tiktok.com/@krupann.english

https://www.learnovate.co.th/
http://krupannenglish.com/
ครูพี่แอน KruPAnn ภาษาอังกฤษ OnlineEnglish คอร์สเรียนออนไลน์ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

การใช้  “คอมม่า” ด้วยเทคนิคสุดแปลก กระจ่างใน 5 นาที!!

ออกซฟอร์ด คอมมา การแบ่งแยกทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ – TED-Ed


ถ้าคุณอ่าน \”Bob, a DJ and a clown\” ในรายชื่อแขก คุณคิดว่ามีคนมาสามคน หรือคนเดียว? นี่ขึ้นอยู่กับว่าคุณสนับสนุนการใช้ Oxford comma หรือไม่ เครื่องหมายวรรคตอนที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดที่สุดตลอดกาล เราควรใช้เครื่องหมายนี้เมื่อไหร่? เลือกใช้ได้ หรือ มีกฎที่แน่นอน? TEDEd จะนำเสนอข้อโต้แย้งทั้งสองข้างของ comma นี้
สอนโดย TEDEd, แอนนิเมชั่นโดย Zedem Media.
รับชมบทเรียนเต็มๆ: https://ed.ted.com/lessons/grammarsgreatdividetheoxfordcommateded

ออกซฟอร์ด คอมมา การแบ่งแยกทางไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ - TED-Ed

ใช้ Comma พื้นฐาน 1/3


บทเรียนราคาแพงของ comma
ครูนีมมาแนะนำหลักการใช้ เครื่องหมายภาษาอังกฤษที่มักใช้ผิด วางสลับที่กันเสมอ มี 3 คลิป
Subscribe ครูนีม English Upgrade ทาง YouTube
และติดตาม @kruneemupgrade ทาง Facebook
https://www.facebook.com/kruneemupgrade/

ใช้ Comma พื้นฐาน 1/3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การใช้คอมม่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *