Skip to content
Home » [NEW] Eng Hero เรียนภาษาอังกฤษ ออนไลน์ ฟรี | watch กริยา 3 ช่อง – NATAVIGUIDES

[NEW] Eng Hero เรียนภาษาอังกฤษ ออนไลน์ ฟรี | watch กริยา 3 ช่อง – NATAVIGUIDES

watch กริยา 3 ช่อง: คุณกำลังดูกระทู้

Post on 16 / 02 / 20

by: English Hero

1.1K viewed

คำกริยา (verbs)
 

คำกริยา คือคำที่แสดงการกระทำหรือบอกสภาพของประธานของประโยค

3.1 ประเภทของคำกริยา  คำกริยาอาจแบ่งออกเป็น main verbs และ auxiliary verbs

3.1.1 Main verbs   คือคำกริยาแท้หรือคำกริยาหลักในประโยค  ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ intransitive verbs, transitive verbs และ linking verbs

            1) Intransitive verbs คือคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมมารองรับ  เช่น run, fly swim, shout เป็นต้น

            ตัวอย่าง

                        Jimmy ran in the field.

                                Some birds fly across the country.

                                John swims every morning.

                                Jane shouted for help.    

            2)Transitive verbs คือคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับ  เช่น eat, cut, give, produce, provide เป็นต้น

            ตัวอย่าง

                                Mary ate her dinner early today.  (ate เป็นกริยาแท้ dinner เป็นกรรม)

                                Mother cut the cake into eight pieces.  (cut เป็นกริยาแท้ cake เป็นกรรม)

                                Father gave John a watch. (gave เป็นกริยาแท้ John เป็นกรรมรอง watch เป็นกรรมตรง)

                        3) Linking verbs คือคำกริยาที่เชื่อมประธานกับคำนามหรือคำคุณศัพท์ที่ตามมา ได้แก่ รูปต่าง ๆ ของคำกริยา BE, seem, look, become, turn, smell, sound, taste, feel, etc. คำกริยาประเภทนี้จะต้องมีส่วนเสริมประธาน (subject complement) ส่วนเสริมประธานอาจเป็นคำนามหรือคุณศัพท์ก็ได้

                ตัวอย่าง

Peter is a businessman.  (is เป็น linking verb และ businessman เป็นคำนามที่ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมประธาน)

Mary looks happy today.  (looks เป็น linking verb และ happy เป็นคำคุณศัพท์ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมประธาน)

Jack became a famous politician. (became เป็น linking verb และ politician เป็นคำนามที่ทำหน้าที่เป็นส่วนเสริมประธาน  famous เป็นคำคุณศัพท์ที่ทำหน้าที่ขยาย politician)

3.1.2 Auxiliary verbs   แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ primary auxiliary verbs และ modal auxiliary  verbs

            1) Primary auxiliary verbs ได้แก่ รูปต่าง ๆ ของคำกริยา BE, DO และ HAVE  คำกริยาประเภทนี้อาจเป็นได้ทั้งกริยาแท้และกริยาช่วย

ตัวอย่าง

                She does her homework every night. (does เป็นกริยาแท้)

                She does not like to go out at night. (does เป็นกริยาช่วย)

                I am a computer engineer. (am เป็นกริยาแท้)

                I am going to Singapore next Saturday. (am เป็นกริยาช่วย going เป็นกริยาแท้)

                Susan has a beautiful house on the mountain. (has เป็นกริยาแท้)

                Nobody has seen Susan since Monday. (has เป็นกริยาช่วย  seen เป็นกริยาแท้)

2) Modal auxiliary verbs ได้แก่ can, could, shall, should, will, would, may, might, must, ought, to, need, dare  กริยาประเภทนี้จะใช้คู่กับกริยาแท้ของประโยค จะอยู่ตามลำพังไม่ได้ ยกเว้นในกรณีตอบคำถามแบบสั้นหรือใช้ในกรณีที่มีการละกริยาแท้เนื่องจากมีการกล่าวถึงมาแล้ว

                ตัวอย่าง

                        A:  We will fly Thai International.

                                B:  Wouldn’t you like to fly other airlines?

                                A:  No, I wouldn’t.

                                If John is going to the concert, I will, too.

3.2    ตำแหน่งของคำกริยาในประโยค  

คำกริยามักอยู่หลังประธานของประโยค ในประโยคที่มีกริยาช่วย กริยาช่วยจะอยู่หน้ากริยาแท้ ยกเว้น ในประโยคคำถาม ซึ่งกริยาช่วยจะอยู่หน้าประธาน

                ตัวอย่าง

                                John works at the ABC company.

                                Peter will leave for Hong Kong next week.

                                Students should spend more time studying.

                                Does John work at the ABC company?

                                Will Peter leave for Hong Kong next week?

                                Should students spend more time studying?

3.3    รูปของคำกริยา 

คำกริยาแท้โดยทั่วไปจะมี 5 รูปคือ

3.3.1           รูปที่ยังไม่ได้ผัน (base form) เช่น  walk, speak, hear, cut

3.3.2           รูปที่ลงท้ายด้วย s (-s form) เช่น walks, speaks, hears, cuts

3.3.3           รูปอดีต (past form) เช่น walked, spoke, heard, cut

3.3.4           รูป present participle  เช่น walking, speaking, hearing, cutting

3.3.5           รูป past participle เช่น walked, spoken, heard, cut

รูป past form และ past participle ตามปกติจะเกิดจากการเติม –ed ท้ายรูปที่ยังไม่ได้ผัน ยกเว้นคำกริยา irregular verbs ซึ่งจะมีวิธีผันเฉพาะตัว  การจดจำรูป past form และ past participle ของ irregular verbs เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

รูปของคำกริยาจะผันไปตาม tense และพจน์และบุรุษของประธาน

ตัวอย่าง

      Present Simple Tense

                        He/She/It sings.

                        I/You/We/They sing.

        Present Continuous Tense

                        He/She/It is singing.

                        You/We/They are singing.

                        I am singing.

        Present Perfect Tense

                        He/She/It has sung.

                        I/You/We/They have sung.

        Present Perfect Continuous Tense

                        He/She/It has been singing.

                        I/You/We/They have been singing.

        Past Simple Tense

                        He/She/It/I/You/We/They sang.

        Past Continuous Tense

                        I/He/She/It was singing.

                        You/We/They were singing.

Past Perfect Tense

                        He/She/It/I/You/We/They had sung.

        Past Perfect Continuous Tense

                        He/She/It/I/You/We/They had been singing.

        Future Simple Tense

                        He/She/It/I/You/We/They will sing.

        Future Continuous Tense

                        He/She/It/I/You/We/They will be singing.

        Future Perfect Tense

                        He/She/It/I/You/We/They will have sung.

        Future Perfect Continuous Tense

                        He/She/It/I/You/We/They will have been singing.

3.4    Prefixes และ Suffixes ที่ทำให้คำชนิดอื่นกลายเป็นคำกริยา

Prefix คือส่วนที่เติมหน้าคำ และ Suffix คือส่วนที่เติมท้ายคำ  

Prefix และ Suffix อาจทำให้คำเปลี่ยนจากชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่งหรืออาจทำให้คำมีความหมายเพิ่มเติมหรือแตกต่างออกไป

3.4.1 Prefixes ที่ทำให้คำชนิดอื่นกลายเป็นคำกริยา เช่น ac-, en- เป็นต้น

ตัวอย่าง

ac + company (n)               = accompany (v) (เป็นเพื่อน เช่น เป็นเพื่อนในการเดินทาง)

ac + knowledge (n)            = acknowledge (v) (แจ้ง, บอกกล่าว)

en + able (adj)                     = enable (v) (ทำให้สามารถ)

en + rich (adj)                      = enrich (v) (ทำให้รุ่งเรือง, ทำให้เจริญ)

3.4.2 Suffixes ที่ทำให้คำชนิดอื่นกลายเป็นคำกริยา เช่น -en, -ize, -ify เป็นต้น

ตัวอย่าง

                                short (adj) + en                    = shorten (v) (ทำให้สั้นลง)

                                real (adj) + ize                     = realize (v) (ตระหนัก)

                                pure (adj) + ify                     = purify (v) (ทำให้บริสุทธิ์)

 

ตัวอย่างการใช้คำเหล่านี้ในประโยค

        John accompanied Jane to her school.

        We must acknowledge receipt of his report.

      The bird’s large wings enable it to fly very fast.

        Music can enrich a person’s life.

        Helen’s skirt is too long, so she shortened it.

        Now I realize that life is not easy.

        We should purify the water before drinking it.

 

 

บทความนี้อาจจะยาวไปสักหน่อย แต่เรื่องคำกริยาเป็นอะไรที่เนื้อกาเยอะ อยากให้ใช้สมาธิและอ่านบทความนี้ซำ้ๆ และทาง enghero.com จะช่วยทำ short note มาให้อีกทีจ่ะ

 

ขอขอบคุณและดูต่อเพิ่มเติมได้ที่ http://www.stou.ac.th/schools/sla/englishwriting/cd-rom/Module4/Presentations/verbs.htm

 

กลับไปหน้า บทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[NEW] รูปแบบการใช้ Past Simple ในภาษาอังกฤษ | watch กริยา 3 ช่อง – NATAVIGUIDES

Past simple (พาสทฺ ซิมเพิล) หมายถึง “อดีตกาล” ใช้เพื่อกล่าวถึง เหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จำเพาะเจาะจง (definite time) เช่น เมื่อวานนี้ (yesterday เยสเทอะเดย์), ปีที่แล้ว (last year ลาสทฺ เยียร์), เมื่อคืนที่แล้ว (last night ลาสทฺ ไน้ทฺ), ในปี 1990 (in 1990) เป็นต้น

ในเรื่อง Past simple นี้เกี่ยวข้องกับคำกริยาช่องที่ 2 กล่าวคือถ้าเป็น คำกริยาปกติ (regular verbs เรกิวเลอะ เวิบสฺ) สามารถเปลี่ยนเป็นช่อง 2 ด้วยการเติม -ed ข้างท้าย แต่ถ้าเป็นกริยาอปกติ (irregular verbs เออเรกิวเลอะเวิบสฺ) ก็จำเป็นต้องท่องจำหรือใช้ให้บ่อยครั้ง เช่น
กริยาปกติ                                 กริยาอปกติ
work worked (เวคทฺ)                     go went (เว้นทฺ)
live lived (ลิฟดฺ)                              build built (บิ้ลทฺ)
play played (เพลดฺ)                        see saw (ซอ)
ตัวอย่าง
Tony lives in London now. He lived in Manchester last year. ตอนนี้โทนี่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ปีที่แล้วเขาอาศัยอยู่ใน-
แมนเซสเตอร์
Tony stayed at home last night. He didn’t go out with his friend. เมื่อคืนที่แล้วโทนี่อยู่บ้าน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนของเขา

สังเกตได้ว่า รูปของคำกริยาในตัวอย่างที่เป็นการกระทำในอดีต จะเป็นช่อง 2 ฉะนั้นจึงควรจะทราบถึงรูปแบบ (forms) ของ Past simple ดังนี้

รูปของ Past simple
(1) Statement form (สเตทเม้นทฺฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป บอกเล่า” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 2 +ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
อธิบาย กริยาแท้ช่อง 2 มีอยู่สองแบบที่นักเรียนต้องเรียนรู้ นั่นคือ
ก. กริยาแท้ปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก regular verbs (เรทิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้เมื่อเปลี่ยนให้เป็นช่องที่ 2 กระทำได้โดย

1. เติม -ed ข้างท้าย เช่น
work – worked            walk – walked
wash – washed             watch – watched

2. หากคำกริยาแท้ปกติใดลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d ต่อไปข้าง
ท้าย เช่น
type – typed                   operate – operated
change – changed         smoke – smoked

3. ส่วนคำกริยาแท้ใดลงท้ายด้วย y และมีอักษรพยัญชนะอยู่หน้าอักษร y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม -ed เช่น
play – played            spray – sprayed
employ – employed        delay – delayed

ข. กริยาแท้อปกติ หรือภาษาอังกฤษเรียก irregulat verbs (อิเรกิวเลอะ เวิบสฺ) คำกริยาแท้ประเภทนี้ต้องอาศัยการจดจำ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากคำกริยาแท้ปกติเมื่อเป็นช่อง 2 เช่น
go – went        set – set
ring – rang    break – broke

หมายเหตุ สามารกหาซื้อหนังสือ กริยา 3 ช่อง ซึ่งได้รวบรวมคำกริยาแท้ปกติทั้ง 3 ช่องได้ตามร้านจำหน่ายหนังสือ หนังสือเล่มดังกล่าวจัดพิมพ์ โดยสำนักพิมพ์พัฒนาศึกษา กรุงเททมหานคร
ตัวอย่าง
I bought a new car three days ago.
ผมซื้อรถยนต์คันใหม่มาเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำถ้วยหล่น กาแฟได้หกราดบนหน้าตักของผม
Last night I went to the cinema.
เมื่อคืนดิฉัน ได้ไปชมภาพยนตร์

(2) Negative form (เนเกอทิฟวฺ ฟอม) หรือในภาษาไทยเรียกว่า “รูป ปฏิเสธ” ประกอบด้วย
ภาคประธาน + did not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + was/were not + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กับ
ภาคประธาน + กริยาช่วยช่อง 2 + not + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม หรือส่วนขยาย
อธิบาย รูปย่อของ     did not = didn’t
was not = wasn’t
were not = weren’t
กริยาแท้ช่อง 1 หมายถึง กริยาแท้ที่ไม่มีการเติม -s, -es, -ed, -ing
ไม่ใช่กริยาแท้ช่อง 1     ใช่กริยาแท้ช่อง 1
works                work
broke                break
cleaning           clean
watches           watch

กริยาช่วยช่อง 2 หมายถึง กริยาช่วยอื่น นอกเหนือจาก did, was, were ได้แก่ could, might
รูปย่อของ could not = couldn’t ; might not = mightn’t
ตัวอย่าง
He wasn’t busy yesterday.
เขาไม่ได้มีธุระยุ่งเมื่อวานนี้
I didn’t sleep for eight hours last night.
ผมไม่ได้นอนหลับเป็นเวลาถึง 8 ชั่วโมงเมื่อคืนที่แล้ว
This year John can play badminton, but last year he couldn’t
(play it).
ปีนี้จอห์นเล่นแบดมินตันได้ แต่ปีที่แล้วเขาเล่นไม่ได้

(3) Yes-No question (เยส โน เควสเชิ่น) หรือในภาษาไทยคือ “คำถาม ที่ผู้ตอบจะตอบว่า Yes/No” ประกอบด้วย
กรณีที่ไม่มีกริยาช่วยอยู่ภายในประโยค
Did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่ไม่ใช่ was/were อยู่ภายในประโยค
กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยที่เป็น was/were
Was/Were + ภาคประธาน + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
Did you go to Bangkok yesterday?
เมื่อวานนี้คุณไปกรุงเทพฯ ใช่ไหม
Were you a student two years ago?
คุณเป็นนักเรียนใช่ไหมเมื่อสองปีที่แล้ว
Could you swim when you were five years old?
คุณว่ายน้ำได้ใช่ไหม เมื่อตอนที่คุณอายุห้าขวบ

(4) Wh-word question (ดับเบิลยู เอช เวิด เควสเชิ่น) หรือในภาษา ไทยคือ “คำถามที่ขึ้นต้นประโยคด้วย Wh-words ได้แก่ What, When, Where, Why, How long, … ฯลฯ” ประกอบด้วย
กรณีที่ต้องใช้กริยาช่วย did เพราะไม่มีกริยาช่วยอื่นใด
Wh-word + did + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วยช่อง 2 อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ was/were
Wh-word + กริยาช่วยช่อง 2 + ภาคประธาน + กริยาแท้ช่อง 1 + ภาคกรรม/ส่วนขยาย
กรณีมีกริยาช่วย was/were

Wh-word + was/were + ภาคกรรมหรือส่วนขยาย
ตัวอย่าง
How long was the film?
ภาพยนตร์มีความยาวเท่าไร
What did you do last night ?
เมื่อคืนที่แล้วคุณทำอะไร?
Where were you yesterday?
เมื่อวานนี้คุณอยู่ที่ไหน

การใช้ Past simple
1. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบสิ้นสมบูรณ์ในอดีต โดยปกติมักมีข้อความที่บ่งบอกเวลาที่เหตุการณ์นั้นๆ ได้เกิดขึ้นมาในอดีต อาทิ yesterday, last night, two days ago, in 1990, … ฯลฯ
ตัวอย่าง
I walked to school yesterday.
เมื่อวานนี้ผมเดินไปโรงเรียน
He bought a new car three days ago.
เขาซื้อรถยนต์คันใหม่เมื่อสามวันที่ผ่านมา

2. ใช้แสดงเหตการณ์หรือสถานการณ์ที่ยาวนาน หรือเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นและจบไปเรียบร้อยตั้งนานแล้วในอดีต
ตัวอย่าง
I spent all my childhood in Scotland.
ดิฉันใช้ชีวิตตลอดวัยเด็กในประเทศสกอตแลนด์
Regularly every summer, Jenny fell in love.
ทุกๆ ฤดูร้อน เจนนีตกอยู่ในความรัก

3. ถ้าในประโยคมีคำว่า when และมีรูปกริยาเป็นอดิต (past simple form) ทั้งสอง clauses จะถือว่าการกระทำใน when clause เกิดขึ้นก่อน
ตัวอย่าง
I Stood under a tree when it began to rain.
ผมยืนอยู่ใต้ต้นไม้เมื่อตอนฝนตก
When she heard a strange noise, she got up to investigate.
เมื่อเธอได้ยินเสียงแปลกๆ เธอได้ลุกขึ้นจากที่นอนไปตรวจดู
When I dropped my cup, the coffee spilled on my lap.
เมื่อผมทำแก้วหล่น กาแฟได้ราดลงบนหน้าตักของผม

4. ใช้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น เล่าเรื่องในอดีต
ตัวอย่าง
Once upon a time there was a beautiful princess who lived
with her father. One day the king decided
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าหญิงผู้เลอโฉมองค์หนึ่งอาศัยอยู่กับพระ ราชบิดา วันหนึ่งกษัตริย์ได้ตัดสินใจ…

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 35,746 times, 2 visits today)


Iiregular Verbs กริยา3ช่อง


ต้นฉบับ ครูเชอรี่ English Bright เรียนอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ขอบคุณครับ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Iiregular Verbs กริยา3ช่อง

เรียนกริยา 3 ช่อง แต่ละช่องเอาไว้ทำอะไร หน้าที่ by ดร.พี่นุ้ย


ดร.พี่นุ้ย สมิตา หมวดทอง
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ NuiEnglish
เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ นักเรียนทุน ก.พ. และทุนรัฐบาลอังกฤษ
พขส.2 สถาบันพระปกเกล้า
พคบ.10 กอ.รมน.
The Startup Ready Batch3
http://www.nuienglish.com
http://www.facebook.com/nuienglish

เรียนกริยา 3 ช่อง แต่ละช่องเอาไว้ทำอะไร หน้าที่ by ดร.พี่นุ้ย

100 Irregular Verbs/ often used in daily life/ American pronunciation – กริยา 3 ช่อง


In this video, you will learn 100 of the most important English irregular verbs that are often used in daily life.
You will see the words on the screen and hear their pronunciation. These words are pronounced by the American native speaker. Thank you, Mr. Jacob Gilbert.
You might notice some different ending sounds in the same spelling words. These are not mispronounced but they are pronounced in the natural way to make English really smooth that you might hear from the native speakers.
Hope this video is helpful. Please don’t forget to like, share, comment, and subscribe to my channel.
Thank you for watching.

100 Irregular Verbs/ often used in daily life/ American pronunciation - กริยา 3 ช่อง

เปิดสถิติย้อนหลัง 7 วัน ผู้ป่วยโควิดอาการหนัก-ใส่เครื่องช่วยหายใจ พบมีจำนวนลดลง


สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด19 วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 รวม 7,079 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 6,607 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 292 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 171 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 9 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,989,547 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 6,917 ราย หายป่วยสะสม 1,875,420 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 95,528 ราย เสียชีวิต 47 ราย
ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อเข้าข่าย/ATK มีจำนวน 1,350 ราย สะสม 308,684 ราย อาการหนัก 1,808 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 425 ราย
อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ : https://ch3plus.com/news/program/265822

รายการ เรื่องเล่าเสาร์ อาทิตย์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2564
ออกอากาศ ทุกวันเสาร์ อาทิตย์
ทางช่อง 33 HD เวลา 10.25 12.25 น.
ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่
ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/kro…
facebook : https://www.facebook.com/Ch3ThailandNews
Twitter : https://twitter.com/Ch3ThailandNews
YouTube : https://www.youtube.com/Ch3ThailandNews

เปิดสถิติย้อนหลัง 7 วัน ผู้ป่วยโควิดอาการหนัก-ใส่เครื่องช่วยหายใจ พบมีจำนวนลดลง

500 คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 1-5 พูดภาษาอังกฤษ!


เรียนรู้คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ บทที่ 15: ในวิดีโอนี้คุณจะได้เรียนรู้ 500 คำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์และพบได้บ่อยที่สุดในการสนทนาภาษาอังกฤษประจำวัน เพียงแค่ฟังและพูดตามให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทักษะการพูดภาษาอังกฤษของคุณจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากภายในเวลาอันรวดเร็วค่ะ
ชุดวิดีโอคำศัพท์และวลีภาษาอังกฤษ: https://bit.ly/3dx8ZTI
เมื่อเราเป็นเด็ก เราทุกคนเรียนรู้ที่จะพูดภาษาแม่ของเราโดยการฟังครอบครัวของเราพูดคุยกับเรา ในที่สุดเราก็จะสามารถพูดตามเพื่อสื่อสารกับพวกเขาได้ การเรียนรู้ภาษาใหม่นั้นไม่ได้แตกต่างกัน ยิ่งคุณฝึกฝนภาษาอังกฤษโดยการฟังและพูดตามคำศัพท์ใหม่ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์ใหม่ๆ เหล่านั้นเข้ากับภาษาของคุณได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
วิดีโอการเรียนรู้ภาษาเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพสำหรับการสอนให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างรวดเร็วที่สุด หากคุณพบว่าวิดีโอนี้มีประโยชน์ โปรดกดสมัครสมาชิก เนื่องจากจะมีการโพสต์วิดีโอใหม่ๆ เป็นประจำค่ะ
ขอบคุณที่รับชมค่ะ!

500 คำและวลีภาษาอังกฤษ: บทเรียนที่ 1-5 พูดภาษาอังกฤษ!

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ watch กริยา 3 ช่อง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *