Skip to content
Home » [NEW] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | he แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] Adverb ฉบับสมบูรณ์และเข้าใจง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอื่น ๆ | he แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

he แปล-ว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

บทความนี้จะตอบคำถามของคุณเกี่ยวกับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ คืออะไร พร้อมอธิบายหลักการใช้ Adverb ละเอียดแจ่มแจ้งสุดๆ ที่ต้องไม่พลาด

Table of Contents

Adverb คืออะไร?

Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์คือคำที่ขยายคำกริยา และคำคุณศัพท์ ที่มีลักษณะคล้ายๆ กับคำวิเศษณ์ในภาษาไทย แต่ในภาษาอังกฤษนั้น คำวิเศษณ์จะเป็น กริยาวิเศษณ์ เท่านั้นไม่มีการแยกย่อยได้เยอะแยะเหมือนภาษาไทยบ้านเราเลยรับรองว่าเรียนได้ง่ายๆ จำได้นาน ไม่ยากนะคะ

โดยปกติแล้วคำกริยาวิเศษณ์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. Simple Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์ทั่วไป
2. Interrogative Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์คำถาม
3. Relative(Conjunction) Adverbs = คำกริยาวิเศษณ์เชื่อมประโยค Simple Adverb คือ กริยาวิเศษณ์ที่ใช้ขยายกริยา ขยาย รายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้

เรียนรู้ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

Adverb ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่สำคุญต้องไม่พลาด

ตำแหน่งของ Adverb ที่มักเจอในข้อสอบ TOEIC

1. หน้า V. = [S + Adv + V] 
ยกตัวอย่างเช่น
Jim suddenly realized that he forgot to bring the financial report.

2. ระหว่าง V. = [S + V + Adv + V]
ยกตัวอย่างเช่น 
– will surely finish (Future Simple)
– had greatly improved (Past Perfect)

3. หลัง V. = [S + V + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Employment levels are unlikely to rise significantly before the end of next year.

4. หลัง O. = [S + V + O + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
 She reads quickly.
 She reads (the contract) quickly.

5. หน้า Adj. = [Adv + Adj + N]
ยกตัวอย่างเช่น
Ben is an extremely responsible employee.

6. ระหว่าง BE กับ Adj. = [BE + Adv + Adj]
ยกตัวอย่างเช่น
Online sales are relatively easy to track.

7. หน้า Adv. = [V + Adv + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
Helen screamed extremely loudly when she fell down the stairs.

8. ใน Passive = [S + V + V.3 + Adv]
ยกตัวอย่างเช่น
The product should be checked thoroughly before being sent.

9. ใน To-Infinitive = [To + Adv + V.infinitive]
ยกตัวอย่างเช่น
Rita planned to quickly finish the task by tomorrow.

หน้าที่ของกริยาวิเศษณ์คืออะไร?

1. ขยายคำกริยา

บอกให้รู้ว่า ทำที่ไหน ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร ทำบ่อยแค่ไหน  เช่น

  • He came here yesterday. เขา มา ที่นี่ เมื่อวานนี้
    here เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา ที่ไหน
    yesterday เป็น adverb บอกให้รู้ว่า มา เมื่อไหร่
  • He walks slowly. เขา เดิน อย่างช้าๆ
    slowly เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน อย่างไร
  • He always walk to school. เขา เดิน ไปโรงเรียน เสมอ
    always เป็น  adverb บอกให้รู้ว่า เดิน บ่อยแค่ไหน

2. ขยายคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์เอง

บอกให้รู้ว่าอยู่ใน ระดับไหน หรือเน้นย้ำว่าแค่ไหน เช่น

  • The fire is very hot. ไฟ ร้อน มาก
    hot เแปลว่า ร้อน เป็นคำคุณศัพท์ขยาย fire
    ส่วน very เป็น Adverb ขยายคำว่า hot บอกให้รู้ว่า ร้อนแค่ไหน
  • I like it very much. ผม ชอบ มัน มาก มาก
    much เแปลว่า มาก เป็นคำกริยาวิเศษณ์   
    ส่วน very ก็เป็น Adverb ขยายคำว่า much บอกให้รู้ว่า มากแค่ไหน

เรียนรู้ กริยาวิเศษณ์ ในภาษาอังกฤษ

หน้าที่ของ Adverb ในภาษาอังกฤษ

ประเภทของคำกริยาวิเศษณ์ (Kinds of Adverb)

Simple adverb แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. Adverb of Time

คือ กริยาวิเศษณ์บอกเวลาใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นเมื่อไหร หรือ เกิดขึ้นหรือยัง” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกเวลา (Adverb of Time)ความหมายNow /nau/ตอนนี้So far /səu faː/จนบัดนี้Yesterday /ˈjestədi/เมื่อวานToday /təˈdei/วันนี้Tomorrow /təˈmorəu/พรุ่งนี้Already /oːlˈredi/แล้วLately  /ˈleɪt.li/ไม่นานมานี้During /ˈdjuəriŋ/ในช่วงFinally  /ˈfaɪ.nəl.i/ท้ายทีสุดEarly /ˈəːli/แต่เช้าJust /dʒast/เพิ่งจะRecently  /ˈriː.sənt.li/ไม่นานมานี้Still /stil/ยังคงAfter /ˈaːftə/หลัง

ยกตัวอย่างเช่น:
I saw him yesterday. แปลว่า ฉันเห็นเขาเมื่อวาน เราจะเห็นว่าในคำถามมีคำภามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ เมื่อวาน
I will go shopping tomorrow. แปลว่า  ฉัน จะ ไป ชอปปิ้ง พรุ่งนี้ ก็เช่นกับตัวอย่างที่หนึ่งนะคะ ในคำถามมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และได้คำตอบคือ พรุ่งนี้
I’ve already done my home work. แปลว่า  ฉันทำการบ้านของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ เกิดแล้ว
I haven’t done my homework yet.  แปลว่า  ฉันยังไม่ได้ทำการบ้าน ของฉันแล้ว เราจะเห็นได้ว่า เรื่องเกิดขึ้นหรือยัง ตอบ ยัง

ว่ายังไงบ้างคะ ง่ายๆ เลยใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ กริยาวิเศษณ์บอกเวลา Adverb of Time ต่อไปนี้จะเป็นวิธีการใช้งานและตัวอย่างประโยคเกี่ยวกับ Adverb of Place นะคะ

2. Adverb of Place

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นที่ไหน”  คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่ (Adverb of Place)ความหมายHere /hiə/ที่นี่There /ðeə, ðə/ที่นั่นBehind /biˈhaind/ข้างหลังNear /niə/ใกล้Far /faː/ไกลAway /əˈwei/ห่างBack /bӕk/กลับNowhere /ˈnəuweə/ไม่มีที่ใดEverywhere /ˈev.ri.weər/ทุกที่Above /əˈbav/เหนือBelow /bəˈləu/ใต้Into /ˈintu/ไปในInside /inˈsaid/ข้างในOutside /ˈautsaid/ข้างนอกOut /aut/นอกIn /in/ใน

ยกตัวอย่างเช่น:
Please come here. แปลว่า กรุณามาที่นี่ ในนั้นคำถามคือที่ไหน ได้คำตอบคือ ที่นี่
Go there please. แปลว่ากรุณาไปที่นั่น คำถามคือ ที่ไหน ได้คำตอบ ที่นี่
Please come inside. แปลว่ากรุณา มา ข้างใน คำถามคือ ที่ไหนได้คำตอบ ข้างไน

3. Adverb of Frequency

คือกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ห่าง  (Adverb of Frequency)ความหมายAlways /ˈoːlweiz/เสมอUsually  /ˈjuː.ʒu.ə.li/โดยปกติOften /ˈofn/บ่อยๆNormally  /ˈnɔː.mə.li/ เป็นปกติOccasionally  /əˈkeɪ.ʒən.əl.i/เป็นบางโอกาสSometimes  /ˈsʌm.taɪmz/บางครั้งRarely  /ˈreə.li/มักจะไม่Never /ˈnevə/ไม่เคยDaily /ˈdeili/ทุกวันWeekly  /ˈwiː.kli/ทุกเดือนMonthly  /ˈmʌn.θli/ทุกเดือนYearly  /ˈjɪə.li/ทุกปี

ยกตัวอย่างเช่น:
He always runs in the morning. แปลว่า เขาวิ่งตอนเช้าเสมอ ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ เสมอ
The bill is paid monthly. แปลว่า บิลถูกจ่ายทุกเดือน ในนั้นคำถามคือ
บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ ทุกเดือน
I sometimes read grammar books. แปลว่า บางครั้งผมอ่านหนังสือไวยากรณ์
ในนั้นคำถามคือ บ่อยแค่ไหน ได้คำตอบคือ บางครั้ง

กริยาวิเศษณ์ความถี่จะบอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ่อยเพียงใด

วิธีใช้ “adverbs of frequency”

4. Adverb of Manner

คือกริยาวิเศษณ์บอกอาการ  ใช้บอกการกระทำว่า “เกิดขึ้นอย่างไร” คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกอาการ (Adverb of Manner)ความหมายFast /faːst/อย่างเร็วQuickly /ˈkwɪk.li/อย่างเร็วBeautifully  /ˈbjuː.tɪ.fəl.i/อย่างสวยงาม, อย่างไพเราะCarefully  /ˈkeə.fəl.i/อย่างระมัดระวังWell /wel/อย่างดีNeatly  /ˈniːt.li/อย่างประณีตSlowly  /ˈsləʊ.li/อย่างช้Calmly  /ˈkɑːm.li/ อย่างสุขุมPolitely /pəˈlaɪt.li/อย่างสุภาพKindly /ˈkaɪnd.li/อย่างมีเมตตาBadly  /ˈbæd.li/อย่างแย่Quietly  /ˈkwaɪət.li/ อย่างเงียบๆ

ยกตัวอย่างเช่น:
He runs very  fast. แปลว่า เขาวิ่งอย่างเร็วมาก ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเร็ว
She sings beautifully.  แปลว่า หล่อน ร้องเพลง อย่างไพเราะ ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างไพเราะ
We speak louldly. แปลว่า พวกเรา พูด อย่างดัง ในนั้นคำถามคืออย่างไร ตอบ อย่างดัง
They cry quietly. แปลว่า พวกเขา ร้องให้  อย่างเงียบๆ ในนั้นคำถามคือ อย่างไร ตอบ อย่างเงียบ

5. Adverb of Quantity

คือ กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกปริมาณมากน้อย (Adverb of Quantity)ความหมายMany /ˈmeni/มากมายVery /ˈveri/มากToo /tuː/เกินไปQuite /kwait/ค่อนข้างRather /ˈraːθə/ค่อนข้างNearly /ˈnɪə.li/เกือบAlmost /ˈoːlməust/เกือบEnough /iˈnaf/พอExtremely  /ɪkˈstriːm.li/อย่างยิ่งCompletely  /kəmˈpliːt.li/ อย่างสมบูรณ์

ยกตัวอย่างเช่น:
He has too much money to give me. แปลว่า เขามีเงินมากเหลือเกินที่จะให้ผม ในนั้น too เป็น Adverb ไปขยาย much จึงวางไว้หน้า much
I had almost finished my meal when he came in. แปลว่า ผมเกือบจะทานอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเอาเข้ามาข้างใน ในนั้น almost เป็น Adverb ไปขยายกริยา finished
He walked very quickly to school yesterday. แปลว่า เขาเดินเร็วมากไปโรงเรียนเมื่อวานนี้ ในนั้น Very เป็น Adverb ไปขยายคำกิริยาวิเศษณ์ คือ Quickly

6. Adverb of Affirmation or Negation

คือ กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ คำกริยาวิเศษณ์ที่มักจะเจอบ่อยได้แก่

กริยาวิเศษณ์บอกการรับหรือปฏิเสธ (Adverb of Affirmation or Negation)ความหมายYes /jes/ใช่No /nəu/ไม่Not /not/ไม่not at allไม่ใช่เลยSurely   /ˈʃɔː.li/แน่นอนCertainly /ˈsɜː.tən.li/ แน่นอนPerhaps /pəˈhaps/บางทีProbably  /ˈprɒb.ə.bli/ อาจIndeed /inˈdiːd/แน่นอนDefinitely  /ˈdef.ɪ.nət.li/อย่างแน่นอนObviously /ˈɒb.vi.əs.li/เห็นได้ชัด

ยกตัวอย่างเช่น:
He did not come here. แปลว่า เขายังไม่มาที่นี่เลย
Surely you are mistaken. แปลว่า แน่นอนคุณเป็นฝ่ายผิด
Perhaps she will tell you the truth. แปลว่า บางทีหล่อนจะบอกความจริงให้คุณทราบ
It is, indeed, a hard case.แปลว่า มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

Interrogative Adverb  กริยาวิเศษณ์คำถาม

Interrogative Adverb  แบ่งเป็นหมวดเล็ก ๆ ได้ 6 หมวด คือ

1. บอกเวลา (Time) แปลว่า “กริยาวิเศษณ์ถามเวลา” หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาขยายกริยา เพื่อถามถึงเวลาว่า “นานเท่าไร” หรือ “เมื่อไร”

Interrogative Adverb กริยาวิเศษณ์ บอกเวลาความหมายWhenเมื่อไรHow longนานเท่าไรHow soonนานไหม

ยกตัวอย่างเช่น:
When will he come here again? Next Year . แปลว่า เมื่อไหร่เขาจะมาที่นี่อีก? ปีหน้า
How long have you been here? For five years . แปลว่า คุณได้มาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เป็นเวลา 5 ปีแล้ว

2.  บอกสถานที่ (Place) กริยาวิเศษณ์ถามสถานที่ หมายถึง คำกริยาวิเศษณ์ที่นำมาใช้ขยายกริยา เพื่อถามสถานที่ เท่าที่ปรากฏเห็นและใช้กันบ่อยก็ได้แก่ where ที่ไหนและจะวางไว้ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
Where does he live? แปลว่า เ ขาอยู่ที่ไหน?
He lives in Bangkok. แปลว่า  เขาอยู่ในกรุงเทพฯ

3. บอกจำนวน (Frequency ) กริยาวิเศษณ์ถามถึงความถี่หรือจำนวนครั้ง หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกริยาถามถึงระยะเวลาหรือจำนวนครั้ง และตำแหน่งวางจะอยู่ต้นประโยคเสมอ ได้แก่ คำต่อไปนี้ คือ How often
ยกตัวอย่างเช่น:
How often does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครั้ง)
How many books has he? Ten. แปลว่า เขามีหนังสือมากเท่าไร? 10 เล่ม

4. บอกกริยาอาการ (Manner) กริยาวิเศษณ์ถามถึงกริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปขยายกริยา เพื่อถามถึงอาการของการกระทำหรือพฤติกรรมนั้น ๆ ว่า เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ได้แก่คำว่า How อย่างไร และตำแหน่งอาจจะอยู่ต้นประโยคเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น:
How do you do this? แปลว่า คุณทำสิ่งนี้ได้อย่างไร
How does she come here? แปลว่า หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร

5. บอกปริมาณ (Adverb of Quantity) กริยาวิเศษณ์ถามถึงปริมาณหรือความมากน้อย หมายถึงคำหรือกลุ่มคำที่ไปขยายกิริยาในประโยค เพื่อถามถึงจำนวนหรือปริมาณของสิ่งนั้น ได้แก่คำว่า How much มากเท่าไร How far ไกลเท่าไร และก็เช่นกันตำแหน่งก็อยู่ต้นประโยคเสมอ 
ยกตัวอย่างเช่น:
How much do you pay? แปลว่า คุณจ่ายมากเท่าไร
How much is it? แปลว่า ราคาเท่าไร?

6. บอกเหตุผล (Reason)
กริยาวิเศษณ์ถามถึงเหตุผล หมายถึง คำที่ไปขยายกริยาเพื่อถามถึงเหตุผลของการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร ได้แก่ Why ทำไม และวิธีใช้วางไว้ต้นประโยคอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น:
Why do they go to Hong Kong every day? แปลว่า ทำไมพวกเขาจึงไปฮ่องกงทุก ๆ วัน?
Why doesn’t she love you? แปลว่า ทำไมหล่อนจึงไม่รักคุณ?

Conjunctive Adverb  กริยาวิเศษณ์ที่ใช้เป็นคำเชื่อม 

Conjunctive Adverb แบ่งออกเป็นชนิดย่อย ๆ ได้ 6 ชนิด คือ

1. Conjunctive Adverb of Time เป็นสันธานวิเศษณ์ บอกเวลา หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกเวลา ได้แก่ when เมื่อไร
ยกตัวอย่างเช่น: 
Can you tell me when he will arrive here? แปลว่า คุณบอกผมได้ไหมว่าเมื่อไรเขาจะมาถึงที่นี่

2. Conjunctive Adverb of Place  สันธานวิเศษณ์ บอกสถานที่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกสถานที่ ได้แก่คำว่า where ที่ไหน ที่ ที่
ยกตัวอย่างเช่น:
This is where is stayed last year. แปลว่า นี้คือสถานที่ที่ผมมาพักอยู่เมื่อปีกลายนี้

3. Conjunctive Adverb of Frequency สันธานวิเศษณ์ บอกความถี่ หมายถึง คำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกความถี่หรือจำนวนครั้ง ได้แก่คำว่า How often บ่อยไหม กี่ครั้ง 
ยกตัวอย่างเช่น:
I asked him how often he had gone there. แปลว่า ผมถามเขาว่า เขาไปที่นั้นบ่อยไหม

4. Conjunctive Adverb of Manner สันธานวิเศษณ์ บอกกิริยาอาการ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่ทั้งเชื่อมประโยคและขยายกริยาเพื่อบอกอาการของพฤติกรรม หรือการกระทำอันนั้น ๆ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้แก่ How อย่างไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
My father knows how I shot the tiger แปลว่า คุณพ่อของผมรู้ดีว่า ผมยิงเสือตัวนี้ได้อย่างไร

5. Conjunctive Adverb of Reason สันธานวิเศษณ์ บอกปริมาณ หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยค และขยายกริยาเพื่อบอกปริมาณมากน้อยได้แก่ คำว่า How long นานเท่าไร How far ไกลเท่าไร 
ยกตัวอย่างเช่น:
No one knows how long she will live with him. แปลว่า ไม่มีใครทราบหรอกว่า หล่อนจะอยู่กับเขานานเท่าไร

6. Conjunctive Adverb of Time สันธานวิเศษณ์ บอกเหตุผล หมายถึงคำที่ไปทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าหลังให้กลมกลืนกัน และขยายกริยาในประโยค
ยกตัวอย่างเช่น:
Panya did not know why she cried. แปลว่า ปัญญาไม่ทราบเลยว่า ทำไมหล่อนจึงร้องไห้

ความผิดพลาดที่มักจะเจอบ่อยเมื่อใช้ Adverb

สับสนในการใช้ Adjective กับ Adverb วิธีการจดจำก็คือ

Adj. = Adjective  คำคุณศัพท์ หรือคำวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำนาม
Adv. = Adverb  คำกริยาวิเศษณ์ ใช้สำหรับขยายคำกริยา หรือคำคุณศัพท์
คำ adjective ส่วนมากทำให้กลายเป็น adverb โดยการเติม –ly ต่อท้าย แต่ก็ไม่เสมอไป

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้
[slow] (adj.) / [slowly] (adv.) ช้า / อย่างช้า

  • He is a slow walker. เขาเป็นคนเดินที่ช้า
    [slow] เป็น adj. เพราะขยาย walker (n.)
  • He’s a person who walks slowly. เขาเป็นคนเดินช้า
    [slowly] เป็น adv. เพราะขยาย walks (v.)

กลุ่มกริยาวิเศษณ์ที่มีความหมายเหมือนกัน

  1. โดยสิ้นเชิง: totally, entirely.
  2. อีกต่อไป: anymore.
  3. ค่อนข้าง: quite, rather, pretty.
  4. ดังนี้: thus
  5. เลย: at all.
  6. แทบจะไม่: seldom, hardly, rarely, barely, scarcely.
  7. ระมัดระวัง: carefully, cautiously, thoroughly, meticulously, elaborately
  8. รวดเร็วทันใจ: immediately, promptly, urgently, quickly, swiftly, rapidly.
  9. อย่างเพียงพอ: adequately, sufficiently
  10. ค่อนข้างมาก: relatively, quite
  11. มาก/ที่สุด: highly, extremely, very, really
  12. สมบูรณ์: fully (+verb), absolutely (+adj), completely (+adj), extensively (+ verb/adj)
  13. ทันใดนั้นไม่คาดคิด: dramatically, suddenly, unexpectedly
  14. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง: Especially, specifically
  15. เร็ว หรือทันที: shortly, soon, right after/before, briefly
  16. ปัจจุบัน: currently, recently, lately, already, still
  17. บ้าฃที่: occasionally, sometimes
  18. ขั้นตอนแรก: firstly, initially, primarily, originally
  19. โดยปกติ/สม่ำเสมอ: frequently, regularly, usually, often, consistently
  20. อย่างแน่นอน: surely, definitely, absolutely, by all means.

ตัวอย่างประโยค

  • Surely I will come back.แปลว่า ฉันจะกลับมาแน่นอน
  • You will win definitely. แปลว่า คุณจะต้องชนะแน่นอน
  • It’s absolutely possible. แปลว่า มันเป็นไปได้แน่นอน
  • If you want to use the telephone,by all means do. แปลว่า ถ้าคุณอยากใช้โทรศัพท์แน่นอนคุณใช้ได้

สรูปว่าอย่างไรคะคุณ ฉบับ Adverb หรือ กริยาวิเศษณ์ สมบูรณ์นี้หวังว่าจะมีประโยคต่อคุณ การจดจำ Adverb นี้ไม่ยากเลยค่ะ เราสามารถเขียนมาเป็นประโยคเพื่อจำได้ง่ายขึ้น อย่าลืมติดตามเราเพื่อแชร์กันประสบการณ์เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

[NEW] Pronoun คืออะไร พร้อมตัวอย่างประโยค | he แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

Pronoun เป็นหัวข้อหนึ่งในภาษาอังกฤษที่สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ใช้บ่อยและเป็นพื้นฐานในการเรียนแกรมม่าเรื่องอื่นๆ

ในบทความนี้ ชิววี่จะมาอธิบายเกี่ยวกับ pronoun ว่ามันคืออะไร มีการใช้อย่างไร และมีตัวอย่างประโยคอะไรบ้าง ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Pronoun คืออะไร

Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำที่ใช้แทนคำนาม เพื่อความสะดวกและความกระชับในการใช้ภาษา อย่างเช่นคำว่า I, you, he, she, it, we, they, everyone, someone เป็นต้น

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

John is my friend. He lives in the same town with me.
จอห์นเป็นเพื่อนฉัน เขาอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันกับฉัน

สังเกตว่า เราจะไม่ใช้ John ซ้ำในประโยคที่ 2 แต่จะเปลี่ยนไปใช้ he แทน คำว่า he ในที่นี้ก็คือ pronoun ซึ่งเป็นคำที่ใช้แทนคำนาม John นั่นเอง

ในภาษาอังกฤษ เมื่อเรากล่าวซ้ำถึงคำนามใด หรือเมื่อเรากล่าวถึงสิ่งที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงสิ่งไหน เราจะเปลี่ยนไปใช้ pronoun แทน

ตัวอย่างคำ pronoun มีอะไรบ้าง

Pronoun พื้นฐาน 7 ตัว

Pronoun พื้นฐานจะมีอยู่ 7 ตัวคือ I, you, he, she, it, we, they โดยทั้ง 7 ตัวนี้จะมีความพิเศษตรงที่ว่ามันมีหลายรูป เราจะต้องเลือกใช้รูปให้ตรงกับหน้าที่ในประโยค

Pronoun
ทำหน้าที่
เป็นประธานPronoun
ทำหน้าที่
เป็นกรรมPronoun
แสดงความเป็นเจ้าของPronoun สะท้อนIMeMineMyselfYouYouYoursYourself/YourselvesHeHimHisHimselfSheHerHersHerselfItItItsItselfWeUsOursOurselvesTheyThemTheirsThemselves

สำหรับ pronoun พื้นฐาน 7 ตัวนี้ ถ้าใช้เป็นประธานในประโยค เราจะต้องใช้รูปประธาน ซึ่งก็คือ I, you, he, she, it, we, they

She called me yesterday.
เธอโทรหาฉันเมื่อวาน

ถ้าใช้เป็นกรรม (ผู้ถูกกระทำ) ในประโยค เราจะต้องใช้รูปกรรม ซึ่งก็คือ me, you, him, her, it, us, them

I called her yesterday.
ฉันโทรหาเธอเมื่อวาน

ถ้าใช้บอกความเป็นเจ้าของ เราจะต้องใช้รูปแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งก็คือ mine, yours, his, hers, its, ours, theirs

This bag is hers.
กระเป๋าใบนี้เป็นของเธอ

ถ้าประธานและกรรมเป็นบุคคลหรือสิ่งเดียวกัน การใช้ pronoun เป็นกรรม เราจะต้องใช้รูปสะท้อน ซึ่งก็คือ myself, yourself, yourselves, himself, herself, itself, ourselves, themselves

She can take care of herself.
เธอสามารถดูแลตัวเองได้

Pronoun ชนิดอื่นๆ

นอกจาก pronoun พื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมี pronoun ชนิดอื่นๆอีก อย่างเช่น

Interrogative pronoun (คำสรรพนามที่ใช้ในคำถาม) เช่น what, which, who, whom, whose

Indefinite pronoun (คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ) เช่น everybody, everyone, everything, somebody, someone, something, some, anybody, anyone, anything, any, nobody, no one, nothing, neither, none

Relative pronoun (คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคหรือขยายคำนาม/คำสรรพนาม) เช่น who, whom, whose, which, that, where, when, why

Pronoun เหล่านี้แต่ละตัวก็จะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เราควรเรียนรู้วิธีการใช้เสียก่อน เพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

คำสรรพนามบุรุษที่ 1, 2, 3

เราสามารถแบ่งประเภท pronoun เป็นสรรพนามบุรุษต่างๆได้ 3 ประเภท คือ

สรรพนามบุรุษที่ 1 (first-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนผู้พูด อย่างเช่นคำว่า

I – ฉัน
We – พวกเรา

สรรพนามบุรุษที่ 2 (second-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนผู้ฟัง อย่างเช่นคำว่า

You – คุณ, พวกคุณ

สรรพนามบุรุษที่ 3 (third-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลอื่น (ผู้ที่อยู่นอกวงสนทนา) อย่างเช่นคำว่า

He – เขา
She – เธอ
It – มัน
They – พวกเขา

คำบุรุษสรรพนามกับแกรมม่า

ในภาษาอังกฤษ การใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ที่เป็นเอกพจน์ (มีจำนวนหนึ่งหน่วย) อย่างเช่น he, she, it เราจะต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์ เมื่อใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น is, does, has, คำกริยาที่เติม s/es)

She eats spicy food regularly.
เธอกินอาหารเผ็ดเป็นประจำ

It is cute.
มันน่ารักจัง

แต่ถ้าเป็นคำสรรพนามพหูพจน์ หรือคำสรรพนามบุรุษอื่น เราจะต้องใช้คำกริยารูปพหูพจน์ (เช่น are, do, have, คำกริยาที่ไม่เติม s/es)

I eat spicy food regularly.
ฉันกินอาหารเผ็ดเป็นประจำ

You are cute.
คุณน่ารักจัง

ตัวอย่าง pronoun ในประโยค

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างประโยคการใช้ pronoun พื้นฐานทั้ง 7 ตัวกัน

1. I

I แปลว่า “ฉัน, ผม, ดิฉัน” ใช้เป็นประธานในประโยค

I want to be a lawyer.
ฉันอยากเป็นทนาย

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ me

My mom want me to be a lawyer.
แม่อยากให้ฉันเป็นทนาย

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของฉัน” เราจะใช้ mine

This pen is mine.
ปากกาด้ามนี้เป็นของฉัน

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “ฉัน” เราจะใช้กรรมเป็น myself

I believe in myself.
ฉันเชื่อในตัวฉันเอง

2. You

You แปลว่า “คุณ, พวกคุณ” ใช้เป็นประธานในประโยค

You are a good student.
คุณเป็นนักเรียนที่ดี

You are good students.
พวกคุณเป็นนักเรียนที่ดี

การใช้เป็นกรรม เราจะใช้รูปเดียวกับประธาน เพราะคำว่า you มีรูปประธานและรูปกรรมเหมือนกัน

I don’t want you to be sad.
ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของคุณ/พวกคุณ” เราจะใช้ yours

My umbrella is broken. Can I borrow yours?
ร่มฉันพัง ขอฉันยืมของคุณได้มั้ย

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “คุณ/พวกคุณ” เราจะใช้กรรมเป็น yourself/yourselves

You should be proud of yourself.
คุณควรภูมิใจในตัวเอง

3. He

He แปลว่า “เขา” (ใช้กับบุคคลอื่นที่เป็นเพศชาย) ใช้เป็นประธานในประโยค

Tim lives together with me. He is my roommate.
ทิมอาศัยอยู่ด้วยกันกับฉัน เขาเป็นรูมเมทของฉัน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ him

Tim is my roommate. I live together with him.
ทิมเป็นรูมเมทของฉัน ฉันอาศัยอยู่ด้วยกันกับเขา

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของเขา” เราจะใช้ his

The black bag is mine, and the green one is his.
กระเป๋าใบสีดำเป็นของฉัน และใบสีเขียวเป็นของเขา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “เขา” เราจะใช้กรรมเป็น himself

He called himself a clever man.
เขาเรียกตัวเองว่าคนฉลาด

4. She

She แปลว่า “เธอ” (ใช้กับบุคคลอื่นที่เป็นเพศหญิง) ใช้เป็นประธานในประโยค

She told me her secret.
เธอบอกความลับของเธอแก่ฉัน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ her

I told her my secret.
ฉันบอกความลับของฉันแก่เธอ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของเธอ” เราจะใช้ hers

This book isn’t hers.
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของเธอ

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “เธอ” เราจะใช้กรรมเป็น herself

She looks at herself in the mirror every morning.
เธอมองตัวเองในกระจกทุกเช้า

5. It

It แปลว่า “มัน” (ใช้กับสัตว์หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต) ใช้เป็นประธานในประโยค

This book is amazing. It was written by my uncle.
หนังสือเล่มนี้เยี่ยมมาก มันถูกเขียนโดยคุณลุงของฉันเอง

การใช้เป็นกรรม เราจะใช้รูปเดียวกับประธาน เพราะคำว่า it มีรูปประธานและรูปกรรมเหมือนกัน

This book is amazing. I just bought it yesterday.
หนังสือเล่มนี้เยี่ยมมาก ฉันเพิ่งซื้อมันมาเมื่อวาน

คำว่า it แม้จะมีรูปสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของเป็น its แต่เราจะไม่นิยมใช้กัน ถ้าจะใช้ ให้เราเลี่ยงไปใช้คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของแทน ซึ่งจะเขียนว่า its เหมือนกัน แต่เวลาใช้ต้องมีคำนามตามหลัง

This milk is past its expiration date.
นมอันนี้เลยวันหมดอายุแล้ว
(Its ในที่นี้เป็นคำคุณศัพท์ เวลาใช้ต้องมีคำนามตามหลัง เราจะไม่นิยมใช้คำว่า its เป็นคำสรรพนาม)

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “มัน” เราจะใช้กรรมเป็น itself

The cat is licking itself.
แมวกำลังเลียตัวมันเอง

6. We

We แปลว่า “พวกเรา” ใช้เป็นประธานในประโยค

We have been married for nearly three years.
พวกเราแต่งงานกันเกือบ 3 ปีแล้ว

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ us

The teacher told us to be quiet.
ครูบอกให้พวกเราเงียบ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของพวกเรา” เราจะใช้ ours

This land is ours.
ดินแดนแห่งนี้เป็นของพวกเรา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “พวกเรา” เราจะใช้กรรมเป็น ourselves

We have rights to protect ourselves.
พวกเรามีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง

7. They

They แปลว่า “พวกเขา” ใช้เป็นประธานในประโยค

They went on a trip to France last week.
พวกเขาไปเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ก่อน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ them

I had lunch with them yesterday.
ฉันกินข้าวเที่ยงกับพวกเขาเมื่อวาน

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของพวกเขา” เราจะใช้ theirs

This land isn’t theirs.
ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่ของพวกเขา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “พวกเรา” เราจะใช้กรรมเป็น themselves

Many children have to look after themselves.
เด็กหลายๆคนต้องดูแลตัวเอง

เป็นยังไงบ้างครับกับ pronoun ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะรู้จักและพอจะใช้ pronoun กันเป็นแล้ว ถ้ายังไงก็อย่าลืมหมั่นทบทวนและฝึกใช้บ่อยๆด้วยนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


วิธีการใช้ I, You, We, They, He, She, It แบบเข้าใจง่าย | BONUS THE BOSS


ประธาน ภาษาอังกฤษง่ายๆ วิธีการใช้ประธานของโยค ภาษาอังกฤษพื้นฐาน I You We They He She It
สรรพนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยคมีทั้งหมด 7 ตัว
1. I ใช้แทน ตัวเราเอง (แปลว่า ฉัน, ผม)
2. You ใช้แทน บุคคลที่ 2 ที่เรากำลังสนทนาด้วย (แปลว่า คุณ, เธอ)
3. He ใช้แทน บุคคลที่ 3 ที่เรากำลังพูดถึง (แปลว่า เขาผู้ชาย)
4. She ใช้แทน บุคคลที่ 3 ที่เรากำลังพูดถึง (แปลว่า เขาผู้หญิง)
5. It เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 (ใช้แทน สัตว์, สิ่งของ, สถานที่) ที่มีจำนวนเพียงหนึ่งเดียว (เป็นเอกพจน์)
6. We ใช้แทน บุคคลที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มหลายคน โดยมีเราอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย (เป็นพหูพจน์)
7. They ใช้แทน บุคคลที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มหลายคน แต่เราไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น (เป็นพหูพจน์) ใช้ได้ทั้งคน, สัตว์, สิ่งของ และสถานที่

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

วิธีการใช้ I, You, We, They, He, She, It แบบเข้าใจง่าย | BONUS THE BOSS

\”He calls the shots\” สำนวนที่ใช้กันบ่อยๆ แปลว่าอะไรกันแน่ ?


สอบถามเรื่องคอร์สได้ที่ไลน์ https://lin.ee/uVp0whL (@ajarnadam) หรือโทร 02 612 9300
รายละเอียดคอร์ส https://www.ajarnadam.tv/
FB: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
IG: https://www.instagram.com/ajarnadam
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
ภาษาอังกฤษ อาจารย์อดัม AjarnAdam

\

[EP:14] What is he like? แปลว่าอะไร


What is he like? แปลเหมือน
What is his personality like? บุคลิกภาพของเขามีลักษณะอย่างไร
และ What is his personality? อะไรคือบุคลิกของเขา
ทั้ง 3 ประโยคนี้ เป็นการถามถึงนิสัยทั้งหมดค่ะ
ส่วนการถามลักษณะภายนอก จะใช้ look like (v) และได้คำถามว่า
What does he look like?
อาจเจอคำตอบเช่น He is tall and slim. เขาสูงและหุ่นดี
he has short hair and fair skin. เขามีผมสั้นและผิวขาว
He has dark skin with wavy hair. เขามีผิวค่อนข้างคล้ำและผมเป็นลอน
Facebook Page: https://www.facebook.com/KruFyi.EasyEnglish/
ID LINE: Khunfyi

[EP:14] What is he like? แปลว่าอะไร

[MV] DAVICHI(다비치) – This Love(이 사랑) l 태양의 후예 OST Part.3


드라마 ‘태양의 후예(Descendants of The Sun‬)’ OST Part.3 이 사랑 (다비치(DAVICHI))
실력파 여성 듀오 다비치가 참여한 ‘태양의 후예 OST Part.3 이 사랑’은 아름다운 피아노 선율과 20인조 오케스트라의 웅장한 연주가 돋보이는 발라드이다. 헤어진 연인에 대한 그리움을 노래하는 곡으로 잘해주지 못한 미안한 마음과 사랑 받았음에 고마워하는 마음을 담았다. 담담한 듯 이야기하는 가사가 지닌 애절한 감성을 호소력 짙은 다비치의 목소리로 더욱 극대화시켰다.
김보경의 ‘혼자라고 생각 말기’, 에일리의 ‘눈물이 맘을 훔쳐서’ 등을 작곡한 음악감독 겸 작곡가 개미(강동윤)와 OST계의 흥행보증수표 프로듀서 송동운의 협업으로 탄생했으며, 슈퍼주니어, 버즈 민경훈, 김보경과 호흡을 맞춘 바 있는 작곡가 한승택과 ROZ가 공동으로 작곡을 맡았다.
드라마 ‘태양의 후예’에서 두 주인공 서대영(진구 분)과 윤명주(김지원 분), 일명 ‘구원커플’의 테마곡으로 시청자들에게 애잔한 감동을 선사한다.
[lyrics]
If I turn back time
Will the memories get erased too?
I know I’m saying things
That I can’t even do

I’m just saying this out of guilt
For making things hard for you
For making you live in tears

But for me
I can’t live outside of you

For me, only times that are colored by you
Are passing by

I love you, I thank you
For holding me so warmly
I can live because of this love

I guess love is like that
No matter what you say
It doesn’t feel like it’s filling up

Even if I think it’s just my greed
These feelings won’t go away easily

You know, for me
I can’t live outside of you

For me, only times that are colored by you
Are passing by

I love you, I thank you
For holding me so warmly
I can live because of this love

If I go back, will I be able to endure it?
All those hard times?

When I see you, who isn’t shaking
My lips tremble

You know, for me
I can’t live outside of you

For me, only times that are colored by you
Are passing by

I love you, I thank you
For holding me so warmly
I can live because of this love
I can live because of this love
시간을 되돌리면
기억도 지워질까
해볼 수도 없는 말들을
내뱉는 걸 알아

널 힘들게 했고
눈물로 살게 했던
미안한 마음에 그런 거야

하지만 난 말야
너의 밖에선 살 수 없어
내겐 너 하나로
물든 시간만이 흘러갈 뿐이야

사랑해요 고마워요
따뜻하게 나를 안아줘
이 사랑 때매 나는 살 수 있어

사랑은 그런가봐
무슨 말을 해봐도
채워지지 않은 것 같은
마음이 드나봐

내 욕심이라고
다시 생각을 해봐도
그 마음 쉽게 사라지지 않아

알잖아 난 말야
너의 밖에선 살 수 없어
내겐 너 하나로
물든 시간만이 흘러갈 뿐이야

사랑해요 고마워요
따뜻하게 나를 안아줘
이 사랑 때매 나는 살 수 있어

돌아가도 다시 견딜 수 있을까
너무 힘들던 시간들
흔들리지 않은 너를 볼 때면
떨리는 내 입술이

두루루 두루루

알잖아 난 말야
너의 밖에선 살 수 없어
내겐 너 하나로
물든 시간만이 흘러갈 뿐이야

사랑해요 고마워요
따뜻하게 나를 안아줘
이 사랑 때매 나는 살 수 있어
사랑 때매 나는 살 수 있어

[MV] DAVICHI(다비치) - This Love(이 사랑) l 태양의 후예 OST Part.3

Old MacDonald Had A Farm


Old McDonald had a farm, E I E I O,
And on his farm he had a cow, E I E I O.
moo moo here a moo moo there,
Here a moo, there a moo, everywhere a moo moo.
Old McDonald had a farm, E I E I O.
Old McDonald had a farm, E I E I O,
And on his farm he had a dog, E I E I O.
woof woof here a woof woof there,
Here a woof, there a woof, everywhere a woof woof.
Old McDonald had a farm, E I E I O.
Old Macdonald had a farm, EIEIO
And on his farm he had a sheep , EIEIO
\”baa baa\” here a \”baa baa\” there
Here a \”baa \” there a \”baa\”
Everywhere a \”baa baa\”
Old Macdonald had a farm, EIEIO
Old MacDonald had a farm, E I E I O,
And on his farm he had a duck, E I E I O.
quack quack here a quack quack there,
Here a quack, there a quack, everywhere a quack quack.
Old McDonald had a farm, E I E I O.
Old McDonald had a farm, E I E I O,
And on his farm he had a cat, E I E I O.
meow meow here a meow meow there,
Here a meow, there a meow, everywhere a meow meow .
Old McDonald had a farm, E I E I O.
ช่องเกี่ยวกับเพลงเด็กจากน้องนะโมเป็นเพลงเด็กในตำนานและเพลงเด็กอนุบาล เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของลูกเรามาร่วมอนุรักษ์เพลงเด็กไปด้วยกันนะคะ คลิปใหม่ๆ กดตรงนี้เลย ►► http://bit.ly/เพลงเด็กน้องนะโม
เพลงยอดนิมสำหรับเด็ก เพลงเด็กอื่น ๆ
เพลงเด็กอนุบาล ➡ https://youtu.be/WZAZX23e2n4
เพลงช้าง ➡ https://youtu.be/LGUymTkY98I
เพลงเป็ด ➡ https://youtu.be/JPjFE8mZx74
เพลงกบ ➡ https://youtu.be/WR6GXFO7o
เพลงแมงมุม ➡ https://youtu.be/1em8l8Gh7as
ร่วมอนุรักษ์เพลงเด็กในตำนานไปด้วยกันนะคะ
Facebook เพลงเด็ก ►► http://bit.ly/เพจเฟสบุ๊คเพลงเด็ก
กดติดตามเพลงเด็ก ►► https://bit.ly/2NrKw5f
Google + เพลงเด็ก ►► https://bit.ly/2owHt0Q
IG เพลงเด็ก ►► https://www.instagram.com/kidsplay_namo
Twitter เพลงเด็ก ►► https://twitter.com/namokidsong
ติดต่อสอบถามทางธุรกิจได้ที่ email : [email protected]
เพลงเด็ก เพลงเด็กในตำนาน เพลงเด็กอนุบาล เพลงเด็กน้องนะโม น้องนะโม

Old MacDonald Had A Farm

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ he แปล-ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *