Skip to content
Home » [NEW] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา นาม คือ อะไร – NATAVIGUIDES

[NEW] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา นาม คือ อะไร – NATAVIGUIDES

คํา นาม คือ อะไร: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Adjective คืออะไร – adjective หรือคำคุณศัพท์มีหน้าที่ขยายความหมายคำนาม ให้เราเห็นภาพ เข้าใจละเอียดคำนามนั้นๆ มากขึ้น เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในประโยคต่างๆ วันนี้เราจะมาเเนะนำประเภคของ adjective พร้อมวิธีการใช้งานด้วยกันดังต่อไปนี้

Table of Contents

คําคุณศัพท์ adjective คืออะไร ??

ในประโยคต่างๆ เราจะเห็นหน้าที่ของ adjective หรือคำคุณศัพท์คือขยายความหมายให้คำนาม

  • เช่นในภาษาไทยเราก็มีคำนามเช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เพื่อบอกให้รูว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร เช่น สูง ต่ำ ดำ ขาว เป็นต้น ในภาษาอังกฤษ adjective ก็มีหน้าที่เช่นกัน
  • ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชาย ตัวเล็ก เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า  The boy is small ในนั้น small จะเป็นคำคุณศัพท์ ส่วน boy เป็นคำนามในประโยคนี้
  • เช่นอยากบอกว่า แมว มีสีดำและขาว เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า A cat is black and white ในนั้น black  กับ white เป็นคำคุณศัพท์เกี่ยวกับสีเพื่อจะอธิบายเพิ่มเติมให้สำหรับคำนาม cat  นั้น

ตำแหน่งของคำคุณศัพท์

ปกติเเล้วคุณจะเห็นว่า adjective บรรจุอยู่สามตำแหน่งหลักๆดังนี้

  1. วางหน้าคำนาม
  2. หลัง Verb to be
  3. หลัง Linking verb

เเล้วในเเต่ละตำแหน่งนั้น  adjective ได้ใช้งานอย่างไร รายละเอียดจะมีดังนี้

1. Adjective วางหน้าคำนาม:

เป็นวิธีการพูดเเบบธรรมชาติ ให้ไม่ซ้ำกัน ดูจากประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษนี้จะได้เข้าใจง่ายขึ้น

เช่น
— The black dog is running. เเปลว่า หมา สีดำ กำลังวิ่ง
— The beautiful girl is in the room. เเปลว่า สาว สวย อยู่ ใน ห้อง
— I can’t see the green bird. เเปลว่า ฉัน ไม่สามารถ มองเห็น นก สีเขียว

2. Adjective ตามหลัง Verb to be:

คือ Adjective  จะได้วางไว้หลัง verb to be (be, is, am, are, was, were, been) 

เช่น
— It will be good for you. เเปลว่า มัน จ ะดี สำหรับ คุณ
— The girl is lovely. เเปลว่า  เด็กหญิง น่ารัก
— She was happy yesterday. เเปลว่า เมื่อวาน หล่อน มีความสุข

3. Adjective ตามหลัง Linking verb:

หมายถึง Adjective วางไว้หลัง Linking verb (กริยาเชื่อม)

เช่น
— You look good today. เเปลว่า วันนี้ คุณ ดู ดี
— That sounds nice. เเปลว่า นั่น ฟังดู ดีจัง
— I feel sorry for that boy. เเปลว่า ฉัน รู้สึก สงสาร เด็ก คนนั้น

ไม่ได้ยากใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ Adjective เเละการวางตำแหน่งของคำคุณศัพท์ในประโยค มัจะเป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษส่วนหนึ่งที่เราควรจดไว้ เพราะในคำพูดคุยสื่อสารทั่วไปมักจะใช้กันบ่อยมาก 

เมื่อคุณอยากชมใครคนหนึ่งหรืออยากเเสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งการที่เราใช้  Adjective  จะช่วยคุณพูดได้ง่าย เเละคำพูดฟังราบรืนมากขึ้น

ระดับของ Adjective

คุณรู้ไหมว่า Adjective แบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ

  • A positive adjective หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน
  • Comparative Adjective หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า
  • Superlative adjective หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด

เพื่อขยายความหมายเเละลักษณะให้สำหรับคำนามให้อย่างเหมาะสมเพราะบ้างที่เราจะใช้ Adjective เพื่อเทียบระกว่างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อมีการเน้นย่้ำหรือบ้างที่เราใช้ Adjective เพื่อไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน เป็นต้น คือขึ้นอยู่กับเป้าหมายในคำพูดของเรา เราจะใช้ ระดับของ Adjective ให้อย่างเหมาะสมนะคะ

ยกตัวอย่างกับ A positive adjective

หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน ให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นเช่น A cat is big. เเปลว่า แมวตัวหนึ่ง ใหญ่, A man is tall.  เเปลว่า ชายคนหนึ่ง ตัวสูง ้เราจะเห็นว่าในสองประโยคนั้นเราตั้งใจใช้คำคุณศัพท์บรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน 

ยกตัวอย่างกับ Comparative Adjective

หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า เช่น A man is taller than a woman. ผู้ชาย สูงกว่า ผู้หญิง เราจะเห็นเลยว่าคนพูดอยากเน้นย่้ำเรื่องผู้ชายคนนั้น สูงกว่าผู้หญิงคนนั้น ในนั้นคำว่า สูง “taller”เป็น การเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง ว่าสิ่งไหนสูงกว่ากัน 

ยกตัวอย่างกับ  Superlative adjective

หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด เป็นการใช้ Adjective เพื่อการเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป แล้วปรากฏว่า มีสิ่งหนึ่งที่ สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่….กว่าเพื่อนเลย เช่น Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงที่สุดให้ห้อง (เฉพาะห้องนี้นะครับ) เราจะเห็นว่าคนพูดอยากเน้นย้ำเรื่องความสูงระกว่างหลายคนในห้องเรียนนั้น เเละนำนามคือ คุณ Somchai เป็นคนที่สูงสุดเเล้ว

คุณสามารถลองตั้งประโยคที่มีใช้ Adjective  ในทั้งสาม ระดับขั้นปกติ, ขั้นกว่า, ขั้นที่สุด เพื่อคุ้นกับวิธีการใช้งาน ใช้ได้คล่องมากขึ้นะคะ

Adjective คือคำที่ปรับเปลี่ยนคำนาม

ชนิดของ Adjective     

คุณสงสัยไหมว่าปกติเเล้ว Adjective ได้เเบ่งเป็นชนิดอะไรบ้าง ??? จริิงๆ เเล้วเรามีถึง 11 ชนิด Adjective ที่เราควรทราบเพื่อเเยกให้ออกเเละเอามาใช้งานได้ถูกต้องดังนี้     

Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       

  1. Descriptive Adjective (คุณศัพท์บอกลักษณะ)        
  2. Proper Adjective (คุณศัพท์บอกสัญชาติ)         
  3. Quantitative Adjective (คุณศัพท์บอกปริมาณ)         
  4. Numeral Adjective (คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน)         
  5. Demonstrative Adjective (คุณศัพท์ชี้เฉพาะ)         
  6. Interrogative Adjective (คุณศัพท์บอกคำถาม)         
  7. Possessive Adjective (คุณศัพท์บอกเจ้าของ)         
  8. Distributive Adjective (คุณศัพท์แบ่งแยก)         
  9. Emphasizing Adjective (คุณศัพท์เน้นความ)         
  10. Exclamatory Adjective (คุณศัพท์บอกอุทาน)         
  11. Relative Adjective (คุณศัพท์สัมพันธ์)

ขอยกตัวอย่างประโยคสั้นๆ ในเเต่ละชนติของ Adjective ให้คุณได้เห็นภาพง่ายขึ้นเช่น

1. Descriptive Adjective 

คือ “คำคุณศัพท์บอกลักษณะ” ที่เจอบ่อยประกอบด้วย: good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, angry, happy, sorry, etc.

  • ตัวอย่างเช่น 
    A clever pupil can answer the difficult problem. เเปลว่า นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้ ในประโยคนี้คำ Adjective ที่บอกลักษณะคือคำว่า “clever” (ฉลาด)

2. Proper Adjective 

คือ “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หรือ Proper noun  (เป็นนามเฉพาะ)

  • นั่นเอง เช่น
    Thailand  คือ  Proper noun เเละ  Thai คือ Proper Adjective  (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ) คำแปล คือ  ไทย, คนไทย
  • หรืออีกตัวอย่างเช่น The English language is used by every nation. เเปลว่า ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ ในนั้น  English เป็นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ

3. Quantitative Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกปริมาณ” ได้แก่ much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficient, etc.    

  • Linda did not give any money to her younger brother. เเปลว่า 
    ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน ในนั้นคำว่า any เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ

4. Numeral Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ

  • 4.1 Cardinal Adjectives ได้แก่  one, two, three, four, five, six, seven, etc. 
  • 4.2 Ordinal Adjectives คือ “คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก่ first, second, third, fifth, sixth, seventh, etc.  
  • 4.3 Multiplicative Adjectives คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, triple, fourfold   

First, Second, Third and so on are also ordinal adjectives

5. Demonstrative adjective

คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์ ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these, those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same     

  • เช่น I invited that man to come in. เเปลว่า ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน ในนั้นคำว่า that เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม

6. Interrogative adjective

คือ คุณศัพท์บอกคําถามได้แก่ what, which, whose 

  • เช่น Whose shoes are these? เเปลว่า รองเท้านี้เป็นของใคร ในนั้น whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค

7. Possessive adjective

คือ คุณศัพท์บอกเจ้าของได้แก่ my, our, your, his, her, its และ their

  • เช่น: This is my table. เเปลว่า นี่คือโต๊ะของฉัน
    ในนั้น my เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม 

8. Distributive

คือ คุณศัพท์แบ่งแยก ได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)

  • เช่น Every soldier is punctually in his place. เเปลว่า ทหารทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลาดี ในนั้น every เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม

9. Emphasizing Adjective 

คือ คุณศัพท์เน้นความได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)

  • เช่น He is the very man who stole my wrist watch last night.เเปลว่า เขาคือชายผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนนี้ ในนั้น very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนักขึ้น

10. Exclamatory Adjective 

คือ คุณศัพท์บอกอุทานได้แก่ what เช่น

  • What an idea it is! เเปลว่า มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ! 

11. Relative Adjective 

คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ ได้แก่ what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้) 

เช่น He will read what book he wishes. เเปลว่า แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา (จะอ่าน) ในนั้นคำว่า what ป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย

ใน 11 ชนิดของ Adjective นั้นมี 7 ชนิดที่ใช้บ่อยมาก ควรจดจำไว้ได้เเก่ Descriptive, Quantitative, Demonstrative, Possessive,  Interrogative,  Distributive, Articles ต้องไม่พลาดนะคะ

Adjectives describe nouns or pronouns

คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย 70 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล

1absentแอ๊บเซินทขาด (เรียน, งาน)2afraidอะเฟรดกลัว3backแบ๊คหลัง4badแบดเลว5beautifulบิ๊วทิฟุลสวย6betterเบ็ทเทอะดีกว่า7bigบิกใหญ่8blackแบล็คดำ9boringบ๊อริงน่าเบื่อ10brightไบร๊ทสว่าง, ฉลาด11broadบรอดกว้าง12brokenโบร๊เคินแตก13cloudyคล๊าวดิมีเมฆมาก14coldโคลดหนาว15coolคูลเย็น16crazyเคร๊สิบ้าคลั่ง17curlyเค๊อลิหยิก18gentleเจ็นเทิลอ่อนโยน19gladแกลดดีใจ20goodกุดดี21grayเกรสีเทา22greatเกรทเยี่ยม23happyแฮ๊พพิมีความสุข24hardฮาดแข็ง, ยาก25easyอี๊สิง่าย26emptyเอ็มทิว่างเปล่า27excellentเอ็กซะเลินทยอดเยี่ยม28excitedอิกไซ๊เท็ดตื่นเต้น29expensiveอิกซเป็นซิฝแพง30famousเฟ็เมิสมีชื่อเสียง31fastฟาสทเร็ว32fatแฟ็ทอ้วน33faultฟ๊อลทเท็จ34finalไฟ๊เนิลสุดท้าย35fineไฟนดี36firstเฟิสทลำดับแรก37freeฟรีอิสระ, เปล่า38freshเฟร็ชสดชื่น39friendlyเฟร็นลิเป็นมิตร40fullฟุลเต็ม41funnyฟั๊นนิตลก

and more…

42noisyน๊อยสิมีเสียงดัง43oldโอลดแก่44perfectเพ๊อเฟ็คทสมบูรณ์แบบ45poorพอจน46prettyพริททิสวย47quickควิกเร็ว48quietไคว๊เยิทเงียบ49largeลาจกว้าง50lastลาสทสุดท้าย, ..ทีแล้ว51lateเลทสาย52lazyเล๊สิขี้เกียจ53leftเล็ฟทซ้าย54lightไลทสว่าง55littleลิ๊ทเทิลเล็ก56longลองยาว57looseลูสหลวม58loudลาดเสียงดัง59lowโลต่ำ60luckyลัคคิโชคดี61sadแซดเศร้า62safeเซฟปลอดภัย63shortชอทสั้น64slowสโลช้า65smallสมอลเล็ก66tallทอลสูง67thickธิคหนา68thinธินบาง, ผอม69tightไททแน่น70tinyไท๊นิเล็ก

ว่ายังไงบ้างคะคุณ กับบทความ Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z หวังว่าคุณจะได้เห็นประโยชน์ของบทความนี้และอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบด้วยเพื่อเรียนรู้ไปซึ่งกันละกัน ช่วยการเรียนภาษาอังกฤษได้สนุกและมีคุณภาพที่ดีที่สุดนะคะ

[NEW] Article คืออะไร มีอะไรบ้าง และหลักการใช้ No article (นามที่ไม่ต้องใช้ a an the) | คํา นาม คือ อะไร – NATAVIGUIDES

3

SHARES

Facebook

Twitter

Article คืออะไร มีอะไรบ้าง มีหลักการใช้อย่างไรบ้าง ครับ..วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่อง Article กันให้หูตาสว่างนะครับว่ามันคืออะไร และหลักการใช้มันยุ่งยากซับซ้อนจนปวดเศียรเวียนเกล้าดังเขาว่ากันหรือเปล่า

article คือ

หลักการใช้ Article

ขึ้นชื่อว่าหลักการใช้แล้ว แน่นอนว่ามันต้องมีกฎกติกาให้ต้องจดจำแน่นอน เพราะหากใช้ผิดหลักการแล้วละก้อ มันก็จะผิดเพี้ยนทางภาษาได้ ดังนี้ผู้เรียนต้องหมั่นทบทวนศึกษาให้เข้าใจ และจำหลักการที่สำคัญให้ได้นะครับว่ามันมีวิธีการใช้อย่างไร

  • Article คืออะไร
  • Article มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
  • No article คืออะไร 
  • คำนามที่ไม่ต้องใช้ article

Article คืออะไร

Article ในทางหลักไวยากรณ์ หมายถึง “คำนำหน้าคำนาม” ในภาษาอังกฤษมีอยู่ด้วยกันสามตัวคือ a, an และ the ส่วนภาษาอื่นๆเช่น ฝรั่งเศษ สเปน ฯลฯ จะมีเยอะกว่านี้

ถามว่าทำไมต้องมีคำนำหน้านาม อันนี้คงต้องตอบว่า เพราะเป็นหลักภาษาของเขา

แล้วมันมีหน้าที่อะไร หน้าที่ของ a, an เพื่อบ่งบอกว่ามันมีจำนวนแค่ คนเดียว ตัวเดียว อันเดียวนะ เช่น a cat แมวหนึ่งตัว a boy เด็กชายหนึ่งคน เป็นต้น

ส่วนคำว่า the ก็เป็นการบอกให้รู้ว่าคำนามนั้นรู้กันดีนะว่าหมายถึงอันไหน

Article มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ในภาษาอังกฤษ Article แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

 1. Indefinite Article ได้แก่ a และ an คือ คำนำหน้านามที่ไม่ระบุเจาะจง กล่าวถึงคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ทั่วๆไป ไม่ระบุแน่ชัด เช่น แมวตัวหนึ่ง (ไม่รู้ว่าตัวไหน) ชายคนหนึ่ง (ไม่รู้ว่าคนไหน) โรงเรียนแห่งหนึ่ง (ไม่รู้โรงเรียนไหน)

 มีอีกนะยังไม่จบ 

มีอีกนะยังไม่จบ

 2. Definite Article ได้แก่ the  คือ คำนำหน้านามที่ระบุชัดเจนว่าหมายถึง ใคร ตัวไหน อันไหน และสถานที่ไหน เช่น the tall boy เด็กชายตัวสูงๆ The black cat แมวตัวดำ   หรือเป็นสิ่งที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก เช่น the White House ทำเนียบขาว the Great Wall of China กำแพงเมืองจีน

 ยังมีอะไรอีกเยอะไปต่อที่นี่

No article คืออะไร

ยังมีอะไรอีกเยอะไปต่อที่นี่

No article ณ ที่นี้หมายถึง คำนามที่ไม่ต้องใช้ a, an และ The นำหน้า อันนี้ก็เป็นอีกหลักการหนึ่งที่ควรเรียนรู้ไว้ เผื่อว่าเวลาอ่านบทความจะได้รู้ว่าเขาไม่ใช้ article นำหน้านะคำนามเหล่านี้ มีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลยครับ

คำนามที่ไม่ต้องใช้ article

♦ นามนับไม่ได้

Tea is popular in China. ชาเป็นที่นิยมในจีน
I like beef and fish. ฉันชอบเนื้อวัวและปลา (ปลาในที่นี้คือเนื้อนะครับ ไม่ใช่ปลาเป็นตัวๆ)
Water is clean and fresh. น้ำสะอาดและสดชื่น
Sugar is sweet. น้ำตาลหวาน

ศึกษาคำนามนับไม่ได้

แต่ถ้าเป็นการระบุเจาะจง ให้ใช้ The เช่น

The tea in this pot is cold. ชาในหม้อนี้เย็นแล้ว (เฉพาะที่อยู่ในหม้อนี้เท่านั้น)
Don’t eat the fish in this bowl. It’s mine. อย่ากินปลาในชามใบนี้ มันเป็นของฉัน (ฉันหวงเฉพาะปลาในถ้วยใบนี้)
The water from that company is very dirty. น้ำจากบริษัทนั้น สกปรกมาก (เฉพาะจากบริษัทนั้น)
The sugar in this jar is so sweet. น้ำตาลในโถใบนี้หวานมาก (ในโถนี้เท่านั้น)

♦ ชื่อเฉพาะต่างๆ เช่น

ชื่อบ้าน ตำบล อำเภอ เมือง รัฐ ประเทศ  ทวีปเช่น
Ta Chui Village หมู่บ้านตาฉุย
Hope Town เมืองโฮพ
Bangkok กรุงเทพ
California รัฐแคลิฟอเนีย
Thailand ประเทศไทย China ประเทศจีน
Asia เอเชีย Europe ยุโรป
Tokyo โตเกียว
New York นิวยอร์ก

ยกเว้นบางประเทศที่ใช้ The
The United State สหรัฐอเมริกา
The United Kingdom สหราชอาณาจักร
The Philippines ประเทศฟิลิปปินส์
The Netherlands ประเทศเนเธอร์แลนด์

ชื่อวัด โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย

Ban Daeng School โรงเรียนบ้านแดง
Santa Monica College วิทยาลัยแซนตามอนิกา
Thammasat University มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ชื่อสัญชาติ

Thai สัญชาติไทย
Lao สัญชาติลาว
Chinese สัญชาติจีน
English สัญชาติอังกฤษ

ชื่อภาษา

Thai ภาษาไทย
Japanese ภาษาญี่ปุ่น
Korean ภาษาเกาหลี
French ภาษาฝรั่งเศษ

ชื่อวิชา

Math วิชาคณิตศาสตร์
Art วิชาศิลปะ
Computer วิชาคอมพิวเตอร์
Science วิชาวิทยศาสตร์

ชื่อกีฬา

Volleyball วอลเลย์บอล
Tennis เทนนิส
Golf กอล์ฟ
Football ฟุตบอล

ชื่อถนน ตรอก ซอก ซอย

London Street ถนนลอนดอน
Rajdamnern Road ถนนราชดำเนิน
Sukhumvit Soi 1 สุขุมวิท ซอย1

ชื่อ ทะเลสาบ เกาะ ภูเขา

Nong Han Lake ทะเลสาบหนองหาน
Chang Island เกาะช้าง
Month Everest เขาเอเวอเรสต์

ชื่อวัน 

Sunday วันอาทิตย์
Monday วันจันทร์
Tuesday วันอังคาร
Wednesday วันพุธ
Thursday วันพฤหัสบดี
Friday วันศุกร์
Saturday วันเสาร์

ชื่อเดือน

January เดือนมกราคม
February เดือนกุมภาพันธ์
March เดือนมีนาคม
April เดือนเมษายน
May เดือนพฤษภาคม
June เดือนมิถุนายน
July เดือนกรกฎาคม
August เดือนสิงหาคม
September เดือนกันยายน
October เดือนตุลาคม
November เดือนพฤศจิกายน
December เดือนธันวาคม

ชื่อเทศกาล งานประเพณี

Christmas คริสต์มาส
Halloween ฮาโลวีน
Songkran Day วันสงกรานต์
Loykratong Day วันลอยกระทอง

ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ

Sam แซม
Jane เจน
Anna แอนนา
Toop เจ้าตูบ
Simba ซิมบา

เป็นต้น………

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.6 / 5. Vote count: 131

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….


คำนามและความหมาย – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาศึกษา การใช้ คำนาม และความหมาย ของคำนาม
คำนาม หมายถึง

บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

คำนามและความหมาย - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

บทที่1 คำนามคืออะไร


ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับความหมายของคำนาม ทบทวนโครงสร้างของประโยค ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหน้าที่ของคำนาม

บทที่1 คำนามคืออะไร

คำนาม ep.5 #ครูแป๋ม UnityThai channel#ติวภาษาไทย by ครูแป๋ม


คำนาม
คือ คำที่ใช้เรียก คน ,สัตว์,สิ่งของ,สถานที่
แบ่งออกเป็น ๕ ชนิด
๑. คำสามานยนาม
๒. คำวิสามานยนาม
๓. คำลักษณนาม
๔. คำสมุหนาม
๕. คำอาการนาม
คำนามป.๖ สรุปคำนาม ไว้สอบครูผู้ช่วย
Unitythai channel
KruPompamติวภาษาไทย
ติวภาษาไทย by. ครูแป๋ม
ภาษาไทยเข้าใจง่าย^^

คำนาม ep.5  #ครูแป๋ม UnityThai channel#ติวภาษาไทย by ครูแป๋ม

คำนาม ๕ ชนิด


สามานยนาม วิสามานยนาม อาการนาม ลักษณนาม สมุหนาม

คำนาม ๕ ชนิด

คำนาม(สามานยนาม,วิสามานยนาม) | ภาษาไทย By ครูเฟิร์น


คำนาม \r(สามานยนาม,\rวิสามานยนาม) | ภาษาไทย By ครูเฟิร์น
คำนาม สามานยนาม วิสามานยนาม ภาษาไทย ครูเฟิร์น

คำนาม(สามานยนาม,วิสามานยนาม) | ภาษาไทย By ครูเฟิร์น

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ คํา นาม คือ อะไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *