Skip to content
Home » [NEW] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา นาม อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z | คํา นาม อังกฤษ – NATAVIGUIDES

คํา นาม อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Adjective คืออะไร – adjective หรือคำคุณศัพท์มีหน้าที่ขยายความหมายคำนาม ให้เราเห็นภาพ เข้าใจละเอียดคำนามนั้นๆ มากขึ้น เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในประโยคต่างๆ วันนี้เราจะมาเเนะนำประเภคของ adjective พร้อมวิธีการใช้งานด้วยกันดังต่อไปนี้

Table of Contents

คําคุณศัพท์ adjective คืออะไร ??

ในประโยคต่างๆ เราจะเห็นหน้าที่ของ adjective หรือคำคุณศัพท์คือขยายความหมายให้คำนาม

  • เช่นในภาษาไทยเราก็มีคำนามเช่น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ เพื่อบอกให้รูว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร เช่น สูง ต่ำ ดำ ขาว เป็นต้น ในภาษาอังกฤษ adjective ก็มีหน้าที่เช่นกัน
  • ยกตัวอย่างเช่น เด็กผู้ชาย ตัวเล็ก เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า  The boy is small ในนั้น small จะเป็นคำคุณศัพท์ ส่วน boy เป็นคำนามในประโยคนี้
  • เช่นอยากบอกว่า แมว มีสีดำและขาว เราจะพูดภาษาอังกฤษว่า A cat is black and white ในนั้น black  กับ white เป็นคำคุณศัพท์เกี่ยวกับสีเพื่อจะอธิบายเพิ่มเติมให้สำหรับคำนาม cat  นั้น

ตำแหน่งของคำคุณศัพท์

ปกติเเล้วคุณจะเห็นว่า adjective บรรจุอยู่สามตำแหน่งหลักๆดังนี้

  1. วางหน้าคำนาม
  2. หลัง Verb to be
  3. หลัง Linking verb

เเล้วในเเต่ละตำแหน่งนั้น  adjective ได้ใช้งานอย่างไร รายละเอียดจะมีดังนี้

1. Adjective วางหน้าคำนาม:

เป็นวิธีการพูดเเบบธรรมชาติ ให้ไม่ซ้ำกัน ดูจากประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษนี้จะได้เข้าใจง่ายขึ้น

เช่น
— The black dog is running. เเปลว่า หมา สีดำ กำลังวิ่ง
— The beautiful girl is in the room. เเปลว่า สาว สวย อยู่ ใน ห้อง
— I can’t see the green bird. เเปลว่า ฉัน ไม่สามารถ มองเห็น นก สีเขียว

2. Adjective ตามหลัง Verb to be:

คือ Adjective  จะได้วางไว้หลัง verb to be (be, is, am, are, was, were, been) 

เช่น
— It will be good for you. เเปลว่า มัน จ ะดี สำหรับ คุณ
— The girl is lovely. เเปลว่า  เด็กหญิง น่ารัก
— She was happy yesterday. เเปลว่า เมื่อวาน หล่อน มีความสุข

3. Adjective ตามหลัง Linking verb:

หมายถึง Adjective วางไว้หลัง Linking verb (กริยาเชื่อม)

เช่น
— You look good today. เเปลว่า วันนี้ คุณ ดู ดี
— That sounds nice. เเปลว่า นั่น ฟังดู ดีจัง
— I feel sorry for that boy. เเปลว่า ฉัน รู้สึก สงสาร เด็ก คนนั้น

ไม่ได้ยากใช่ไหมคะกับวิธีการใช้ Adjective เเละการวางตำแหน่งของคำคุณศัพท์ในประโยค มัจะเป็นไวยากรณ์ภาษาอังกฤษส่วนหนึ่งที่เราควรจดไว้ เพราะในคำพูดคุยสื่อสารทั่วไปมักจะใช้กันบ่อยมาก 

เมื่อคุณอยากชมใครคนหนึ่งหรืออยากเเสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่งการที่เราใช้  Adjective  จะช่วยคุณพูดได้ง่าย เเละคำพูดฟังราบรืนมากขึ้น

ระดับของ Adjective

คุณรู้ไหมว่า Adjective แบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ

  • A positive adjective หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน
  • Comparative Adjective หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า
  • Superlative adjective หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด

เพื่อขยายความหมายเเละลักษณะให้สำหรับคำนามให้อย่างเหมาะสมเพราะบ้างที่เราจะใช้ Adjective เพื่อเทียบระกว่างสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อมีการเน้นย่้ำหรือบ้างที่เราใช้ Adjective เพื่อไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน เป็นต้น คือขึ้นอยู่กับเป้าหมายในคำพูดของเรา เราจะใช้ ระดับของ Adjective ให้อย่างเหมาะสมนะคะ

ยกตัวอย่างกับ A positive adjective

หรือคุณศัพท์ขั้นปกติ/ ขั้นเท่ากัน ให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นเช่น A cat is big. เเปลว่า แมวตัวหนึ่ง ใหญ่, A man is tall.  เเปลว่า ชายคนหนึ่ง ตัวสูง ้เราจะเห็นว่าในสองประโยคนั้นเราตั้งใจใช้คำคุณศัพท์บรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่เปรียบเทียบกับใครที่ไหน 

ยกตัวอย่างกับ Comparative Adjective

หรือ คุณศัพท์ขั้นกว่า เช่น A man is taller than a woman. ผู้ชาย สูงกว่า ผู้หญิง เราจะเห็นเลยว่าคนพูดอยากเน้นย่้ำเรื่องผู้ชายคนนั้น สูงกว่าผู้หญิงคนนั้น ในนั้นคำว่า สูง “taller”เป็น การเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง ว่าสิ่งไหนสูงกว่ากัน 

ยกตัวอย่างกับ  Superlative adjective

หรือ คำคุณศัพท์ขั้นที่สุด เป็นการใช้ Adjective เพื่อการเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป แล้วปรากฏว่า มีสิ่งหนึ่งที่ สูง ต่ำ สั้น ยาว เล็ก ใหญ่….กว่าเพื่อนเลย เช่น Somchai is the tallest man in class. สมชายตัวสูงที่สุดให้ห้อง (เฉพาะห้องนี้นะครับ) เราจะเห็นว่าคนพูดอยากเน้นย้ำเรื่องความสูงระกว่างหลายคนในห้องเรียนนั้น เเละนำนามคือ คุณ Somchai เป็นคนที่สูงสุดเเล้ว

คุณสามารถลองตั้งประโยคที่มีใช้ Adjective  ในทั้งสาม ระดับขั้นปกติ, ขั้นกว่า, ขั้นที่สุด เพื่อคุ้นกับวิธีการใช้งาน ใช้ได้คล่องมากขึ้นะคะ

Adjective คือคำที่ปรับเปลี่ยนคำนาม

ชนิดของ Adjective     

คุณสงสัยไหมว่าปกติเเล้ว Adjective ได้เเบ่งเป็นชนิดอะไรบ้าง ??? จริิงๆ เเล้วเรามีถึง 11 ชนิด Adjective ที่เราควรทราบเพื่อเเยกให้ออกเเละเอามาใช้งานได้ถูกต้องดังนี้     

Adjective ในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 11 ชนิด คือ       

  1. Descriptive Adjective (คุณศัพท์บอกลักษณะ)        
  2. Proper Adjective (คุณศัพท์บอกสัญชาติ)         
  3. Quantitative Adjective (คุณศัพท์บอกปริมาณ)         
  4. Numeral Adjective (คุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน)         
  5. Demonstrative Adjective (คุณศัพท์ชี้เฉพาะ)         
  6. Interrogative Adjective (คุณศัพท์บอกคำถาม)         
  7. Possessive Adjective (คุณศัพท์บอกเจ้าของ)         
  8. Distributive Adjective (คุณศัพท์แบ่งแยก)         
  9. Emphasizing Adjective (คุณศัพท์เน้นความ)         
  10. Exclamatory Adjective (คุณศัพท์บอกอุทาน)         
  11. Relative Adjective (คุณศัพท์สัมพันธ์)

ขอยกตัวอย่างประโยคสั้นๆ ในเเต่ละชนติของ Adjective ให้คุณได้เห็นภาพง่ายขึ้นเช่น

1. Descriptive Adjective 

คือ “คำคุณศัพท์บอกลักษณะ” ที่เจอบ่อยประกอบด้วย: good, bad, tall, shot, black, fat, thin, fat, thin, clever, foolish, poor, rich, brave, cowardly, pretty, angry, happy, sorry, etc.

  • ตัวอย่างเช่น 
    A clever pupil can answer the difficult problem. เเปลว่า นักเรียนที่ฉลาดสามารถตอบปัญหายากได้ ในประโยคนี้คำ Adjective ที่บอกลักษณะคือคำว่า “clever” (ฉลาด)

2. Proper Adjective 

คือ “คุณศัพท์บอกสัญชาติ” หรือ Proper noun  (เป็นนามเฉพาะ)

  • นั่นเอง เช่น
    Thailand  คือ  Proper noun เเละ  Thai คือ Proper Adjective  (เป็นคุณศัพท์บอกสัญชาติ) คำแปล คือ  ไทย, คนไทย
  • หรืออีกตัวอย่างเช่น The English language is used by every nation. เเปลว่า ภาษาอังกฤษใช้ในทุกประเทศ ในนั้น  English เป็นคำคุณศัพท์บอกสัญชาติ

3. Quantitative Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกปริมาณ” ได้แก่ much, many, little, some, any, enough, half, great, all, whole, sufficient, etc.    

  • Linda did not give any money to her younger brother. เเปลว่า 
    ลินดาไม่ได้ให้เงินแก่น้องชายของหล่อน ในนั้นคำว่า any เป็นคำคุณศัพท์บอกปริมาณ

4. Numeral Adjective

คือ “คำคุณศัพท์บอกจำนวนแน่นอน” แบ่งเป็นชื่อย่อยได้ 3 ชนิด คือ

  • 4.1 Cardinal Adjectives ได้แก่  one, two, three, four, five, six, seven, etc. 
  • 4.2 Ordinal Adjectives คือ “คำคุณศัพท์ที่ใช้ขยายนามเพื่อบอกลำดับที่ของนามนั้นๆ ได้แก่ first, second, third, fifth, sixth, seventh, etc.  
  • 4.3 Multiplicative Adjectives คือ “คุณศัพท์บอกจำนวนทวีของนาม” ได้แก่ double, triple, fourfold   

First, Second, Third and so on are also ordinal adjectives

5. Demonstrative adjective

คือ คุณศัพท์ชี้เฉพาะหรือนิยมคุณศัพท์ ได้แก่ this, that (ใช้กับนามเอกพจน์), these, those (ใช้กับนามพหูพจน์) such, same     

  • เช่น I invited that man to come in. เเปลว่า ฉันได้เชิญผู้ชายคนนั้นให้เข้ามาข้างใน ในนั้นคำว่า that เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะวางไว้หน้านาม

6. Interrogative adjective

คือ คุณศัพท์บอกคําถามได้แก่ what, which, whose 

  • เช่น Whose shoes are these? เเปลว่า รองเท้านี้เป็นของใคร ในนั้น whose เป็นคุณศัพท์บอกคําถามอยู่หน้าประโยค

7. Possessive adjective

คือ คุณศัพท์บอกเจ้าของได้แก่ my, our, your, his, her, its และ their

  • เช่น: This is my table. เเปลว่า นี่คือโต๊ะของฉัน
    ในนั้น my เป็นคุณศัพท์บอกเจ้าของวางไว้หน้านาม 

8. Distributive

คือ คุณศัพท์แบ่งแยก ได้แก่ each(แต่ละ), every(ทุกๆ), either(ไม่อันใดก็อันหนึ่ง), neither(ไม่ทั้งสอง)

  • เช่น Every soldier is punctually in his place. เเปลว่า ทหารทุกคนเข้าประจําที่ของตัวตรงเวลาดี ในนั้น every เป็นคุณศัพท์แบ่งแยกมาขยายนาม

9. Emphasizing Adjective 

คือ คุณศัพท์เน้นความได้แก่ own(เอง),very(ที่แปลว่า นั้น,นั้นเอง,นั้นจริงๆ)

  • เช่น He is the very man who stole my wrist watch last night.เเปลว่า เขาคือชายผู้ซึ่งได้ขโมยนาฬิกาข้อมือของฉันไปเมื่อคืนนี้ ในนั้น very เป็นคุณศัพท์เน้นความขยายนามที่ตามหลังให้มีนําหนักขึ้น

10. Exclamatory Adjective 

คือ คุณศัพท์บอกอุทานได้แก่ what เช่น

  • What an idea it is! เเปลว่า มันเป็นความคิดอะไรกันหนอ! 

11. Relative Adjective 

คือ คุณศัพท์สัมพันธ์ ได้แก่ what(อะไรก็ได้),whichever(อันไหนก็ได้) 

เช่น He will read what book he wishes. เเปลว่า แซมจะอ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่เขาปราถนา (จะอ่าน) ในนั้นคำว่า what ป็นคุณศัพท์สัมพันธ์ ไปขยายนามที่ตามหลัง และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยคหน้าและประโยคหลังให้กลมกลืนกันอีกด้วย

ใน 11 ชนิดของ Adjective นั้นมี 7 ชนิดที่ใช้บ่อยมาก ควรจดจำไว้ได้เเก่ Descriptive, Quantitative, Demonstrative, Possessive,  Interrogative,  Distributive, Articles ต้องไม่พลาดนะคะ

Adjectives describe nouns or pronouns

คำคุณศัพท์ที่ใช้บ่อย 70 คำ พร้อมคำอ่าน คำแปล

1absentแอ๊บเซินทขาด (เรียน, งาน)2afraidอะเฟรดกลัว3backแบ๊คหลัง4badแบดเลว5beautifulบิ๊วทิฟุลสวย6betterเบ็ทเทอะดีกว่า7bigบิกใหญ่8blackแบล็คดำ9boringบ๊อริงน่าเบื่อ10brightไบร๊ทสว่าง, ฉลาด11broadบรอดกว้าง12brokenโบร๊เคินแตก13cloudyคล๊าวดิมีเมฆมาก14coldโคลดหนาว15coolคูลเย็น16crazyเคร๊สิบ้าคลั่ง17curlyเค๊อลิหยิก18gentleเจ็นเทิลอ่อนโยน19gladแกลดดีใจ20goodกุดดี21grayเกรสีเทา22greatเกรทเยี่ยม23happyแฮ๊พพิมีความสุข24hardฮาดแข็ง, ยาก25easyอี๊สิง่าย26emptyเอ็มทิว่างเปล่า27excellentเอ็กซะเลินทยอดเยี่ยม28excitedอิกไซ๊เท็ดตื่นเต้น29expensiveอิกซเป็นซิฝแพง30famousเฟ็เมิสมีชื่อเสียง31fastฟาสทเร็ว32fatแฟ็ทอ้วน33faultฟ๊อลทเท็จ34finalไฟ๊เนิลสุดท้าย35fineไฟนดี36firstเฟิสทลำดับแรก37freeฟรีอิสระ, เปล่า38freshเฟร็ชสดชื่น39friendlyเฟร็นลิเป็นมิตร40fullฟุลเต็ม41funnyฟั๊นนิตลก

and more…

42noisyน๊อยสิมีเสียงดัง43oldโอลดแก่44perfectเพ๊อเฟ็คทสมบูรณ์แบบ45poorพอจน46prettyพริททิสวย47quickควิกเร็ว48quietไคว๊เยิทเงียบ49largeลาจกว้าง50lastลาสทสุดท้าย, ..ทีแล้ว51lateเลทสาย52lazyเล๊สิขี้เกียจ53leftเล็ฟทซ้าย54lightไลทสว่าง55littleลิ๊ทเทิลเล็ก56longลองยาว57looseลูสหลวม58loudลาดเสียงดัง59lowโลต่ำ60luckyลัคคิโชคดี61sadแซดเศร้า62safeเซฟปลอดภัย63shortชอทสั้น64slowสโลช้า65smallสมอลเล็ก66tallทอลสูง67thickธิคหนา68thinธินบาง, ผอม69tightไททแน่น70tinyไท๊นิเล็ก

ว่ายังไงบ้างคะคุณ กับบทความ Adjective คืออะไร พร้อมวิธีการใช้งาน A-Z หวังว่าคุณจะได้เห็นประโยชน์ของบทความนี้และอย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ทราบด้วยเพื่อเรียนรู้ไปซึ่งกันละกัน ช่วยการเรียนภาษาอังกฤษได้สนุกและมีคุณภาพที่ดีที่สุดนะคะ

[Update] คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ (Conjunctions) | คํา นาม อังกฤษ – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นม.4 ที่รักทุกคนวันนี้เราจะไปเรียนรู้กันเรื่อง คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ หรือ Conjunctions” กันนะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลด

ความหมาย

Conjunctions คือ คำที่ใช้เชื่อมระหว่างประโยคต่อประโยค คำต่อคำ หรือระหว่างกริยาต่อกริยา และอื่นๆ ดังตัวอย่างด้านล่างเลยจ้า

ตัวอย่างเช่น

  • เชื่อมนามกับนาม

Time and tide wait for no man.
เวลาและวารีไม่เคยรอใคร

A boy and a girl are studying English online.
เด็กชายและเด็กหญิงกำลังเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

Jenny and Lisa like studying Korean.
เจนนี่และลิซ่าชอบเรียนภาษาเกาหลี

They will visit Tom and Jennifer in England next year.
พวกเขาจะไปเยี่ยมทอมและเจนนิเฟอร์ในอังกฤษปีหน้า

 

  • เชื่อมนามกับสรรพนาม

James and I go school every day.
ฉันกับเจมส์ไปโรงเรียนทุกวัน

  • เชื่อมสรรพนามกับสรรพนาม

You and she are right about flooding.
คุณและเธอพูดถูกเรื่องน้ำท่วม

  • เชื่อมคุณศัพท์กับคุณศัพท์

Daniel has a red and black Lamborghini car at his garage.
แดเนียลมีรถแลมโบกินี่สีแดงและสีดำอยู่ที่โรงรถของเขา

 

  • เชื่อมกริยาวิเศษณ์กับกริยาวิเศษณ์

Tom is jogging silently and quickly.
ทอมวิ่งจ๊อกกิ้งอย่างเงียบ ๆ และรวดเร็ว

 

  • เชื่อมประโยคกับประโยค

Jane likes reading a novel, and Tom likes reading a book.
เจนชอบอ่านนวนิยาย ส่วนทอมชอบอ่านหนังสือ

I major in English, but Lisa majors in Arts.
ฉันเรียนเอกภาษาอังกฤษ แต่ลิซ่าเรียนเอกศิลปะ

John broke up with Tina, so he moved to New York City.
จอห์นเลิกกับทีน่า เขาจึงย้ายไปนิวยอร์กซิตี้

 

 

  • เชื่อมคำกริยากับคำกริยา

John learns and writes Thai language with me.
จอห์นเรียนและเขียนภาษาไทยกับฉัน

They eat and sleep here at my house.
พวกเขากินและนอนที่นี่ที่บ้านของฉัน
She comes and goes as always.
หล่อนไปๆมาๆเหมือนทุกครั้ง

ประเภทของ Conjunctions

Conjunction สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

Coordinating conjunctions

 

ที่จริงนั้น Coordinating conjunction มีหลายตัวอยู่เหมือนกัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นคำสันธานเชื่อมประโยค 2 ประโยค ที่มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไปในทิศทางเหมือน หรือขัดแย้ง สรุป อื่นๆ อีก ขอยกตัวอย่างบางตัวที่สำคัญๆ เช่น

And : และ ใช้เชื่อมประโยคที่มีความหมายไปในทางเดียวกัน (คล้อยตามกัน)

เช่น
I like studying English and Jane likes studying History.
ฉันชอบเรียนภาษาอังกฤษและเจนชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์

yet / but : แต่ ใช้เชื่อมประโยคที่มีความหมายขัดแย้งกัน

เช่น

Jane loves Tom, but Tom loves Tina.
เจนรักทอม แต่ทอมรักทีน่า

Medline goes swimming, yet her boyfriend goes fishing.
เมดิลีนไปว่ายน้ำ แต่แฟนของเธอไปตกปลา

 

or : หรือ ใช้กับประโยคให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

เช่น

Would you like coffee or me?
รับเป็นกาแฟหรือฉันดีคะเอ้ย ต้องเป็น
Would you like coffee or tea? สิถึงจะถูก (อิอิ)
รับเป็นกาแฟหรือชาดีคะ

You can call me Tom or Tommy.
คุณสามารถเรียกฉันว่าทอมหรือทอมมี่

Subordinating conjunctions

Subordinating conjunction  คือคำสันธานใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก เช่น

  • Because : เพราะ + S. +V.

เช่น

It’s flooded because it was raining heavily last night.
น้ำท่วมเพราะว่าฝนตกหนักมากเมื่อคืน

 

  • Although/Though/Even though : ถึงแม้ว่า + S. +V.

ตัวอย่างเช่น

แบบมี (,): Although his English grammar is good, he cannot speak English well.
แบบไม่มี (,): Jane has an ice cream even though she got a fever.

 

  • Since : แปลว่า เพราะว่า ใช้แสดงเหตุ-ผล

The road got wet since it was raining last night.
ถนนเปียกเพราะฝนตกเมื่อคืนนี้

Since you want to go, so I have to let you go.
ในเมื่อคุณต้องการไป ฉันก็เลยต้องปล่อยคุณไป

Dominic broke up with Lisa since she cheated on him.
โดมินิคเลิกกับลิซ่าเพราะว่าเธอนอกใจเขา

 

 

 

Correlative conjunctions

Correlative conjunction คือ คำสันธานที่ต้องใช้คู่กันเสมอ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • Not only…but also : ไม่เท่านั้น…แต่อีกด้วย

เช่น

 Not only my friends but also my sister is a big fan of Black Pink girl group.
ไม่ใช่แค่เพื่อนของฉันแต่น้องสาวของฉันก็เป็นแฟนตัวยงของวง Black Pink

  • Both…and… : ทั้ง… และ…

เช่น

Both you and her are beautiful.
คุณและเธอสวยทั้งคู่

They like both swimming and fishing.
พวกเขาชอบทั้งว่ายน้ำและตกปลา

 

 

สรุปตารางคำเชื่อมออกสอบบ่อยมาก

ความหมาย
คำเชื่อม

ใช้เชื่อม

จนกว่า/จนกระทั่ง
until/till
S.+V.

ราวกับว่า
likewise, similarly
S.+V.

เนื่องจาก
on account of
N.

เพื่อที่จะ
in order to
S.+V.

…เท่าที่
as far as
S.+V.

ทันใดที่
as soon as
S.+V.

ตามที่
according to
N.

เกือบจะ
on (of) the point of
N.

เนื่องจาก
on consequence of
N.

เพื่อว่า
in order that/so that
S.+V.

สมมติว่า
Supposing that
S.+V.

แทนที่
instead of
N.

ตราบใด
as long as
S.+V.

คล้ายกับว่า
as though
S.+V.

เพราะว่า
because of, due to, owing to

 

แม้ว่า

ทั้งๆที่

despite, in Spite of
S.+V.

although , though, even though
N.

ดังนั้น
so, thus, therefore, hence, consequently
N.

อย่างไรก็ตาม
nevertheless, however
S.+V.

นอกจากนี้
moreover, furthermore, besides
S.+V.

แต่ทว่า / ในขณะที่
whereas/while
S.+V.

ถ้าไม่
unless, if not
S.+V.

เพราะว่า เหตุคือ
because, since, for, as, seeing that, now that
S.+V.

 

แบบฝึกหัด

***จงเติม Conjunction ที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องที่สุดลงในช่องว่างต่อไปนี้

1. ………….. he or you are going to wash the dishes after the dinner.
2. Tom………….. Jon are learning Thai language right now.
3. James is…………..smart………….. hard-wroking.
4. Tom is sick…………..he goes to the doctor.
5. Lisa must wait…………..her fan club goes back.
6. Mike…………..his friends is doing his exercises.
7. Although Michel is color-blind…………..he is smart.
8. Dan was punished…………..he was absent for school yesterday.
9. …………..James…………..his mother is working in the garden.
10. Jane……. her mother loves making a merit.

เฉลยแบบฝึกหัด

1. either
2. and
3. not only…but also
4. so
5. until
6. as well as
7. but
8. because
9. either…or
10. as well as

 

เป็นยังไงกันบ้างคะนักเรียน
พอจะเข้าใจการใช้คำเชื่อมในรูปแบบต่างๆกันมากขึ้นหรือยังเอ่ย
ขอให้นักเรียนสู้ๆนะคะ ครูเป็นกำลังใจให้

นักเรียนสามารถทบทวนบทเรียนได้ที่วีดีโอด้านล่างนะคะ
กดปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจ้า
Have fun! ขอให้สนุกน๊า

0


100 คำนามที่ใช้บ่อยสุดในการสนทนา


เรียนคอร์สออนไลน์: http://www.learningtreeuk.com
ติดตามทางเฟสบุ๊ค: http://www.facebook.com/learninguk
ติดต่อสอบถาม: https://line.me/R/ti/p/%40ttw7272u
และไลน์ของครูพิม pimolwan1984

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

100 คำนามที่ใช้บ่อยสุดในการสนทนา

Grammar 5 นาที : การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (การเติม s, es, ies ท้ายคำนาม)


เนื่องในโอกาสวันพ่อในปี 2557 นี้ จึงอยากทำดีเพื่อพ่อโดยจัดทำวีดีโอให้ความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ โดยจัดทำเป็นเนื้อหาสั้นๆ ตอนละประมาณ 5 นาที โดยใช้ชื่อว่า \”Grammar 5 นาที\” หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ชมนะคะ สามารถติดตามได้ที่ Facebook : Miss Noon
On the 5th of December is Father’s day in Thailand, since 2014 I would like to make the goodness for our father of Thailand so I make the videos about grammar for Thais who interested in English which the topic is \”Grammar 5 mins\” contact on Facebook : Miss Noon

Grammar 5 นาที : การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ (การเติม s, es, ies ท้ายคำนาม)

ภาษาอังกฤษ : Nouns (Ver.1)︱Click for Clever


ดูคอร์สอื่นในวิชาภาษาอังกฤษ ได้ที่ https://goo.gl/vNbV3S

สำหรับน้องๆ ที่อยากเจาะลึกเนื้อหาเข้มข้น ติดตามกันต่อที่นี่เลย
Official website: http://www.clickforclever.com

สนใจสั่งซื้อคอร์สสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/clickforclever/
Line : @clickforclever หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40drl4457d

ภาษาอังกฤษ : Nouns (Ver.1)︱Click for Clever

คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family


คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family
คำศัพท์อังกฤษ ครอบครัว family

คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family

The Kids Block Nouns Episode


This episode of the Kids Block was designed to inspire early basic reading \u0026 writing skills for preschool children through music and rhythmic learning. www.12andunder.com

The Kids Block Nouns Episode

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ คํา นาม อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *